Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: samgler ที่ มีนาคม 05, 2014, 23:05:28
-
ถ้าเป็นเรื่องจริง เต้นท์รถมือ 2 นี่น่าเป็นห่วงนะครับ
-
ขอถามพ่วงเรื่อง ไฟแนนซ์ นะครับ
คนที่โดนไฟแนนซ์ ยึดรถ เพราะ อาจจะขาดส่งโดยตั้งใจ หรือ ไม่มีเงินจริงๆ นี่ พอ ยึดแล้วนำไปขาย แล้วขายได้น้อยกว่า ราคาจริง
ไฟแนนซ์ จะมาเก็บส่วนต่างจาก ลูกค้าที่ถูกยึด
แล้วถ้าลูกค้า เค้าไม่มีจ่าย ไฟแนนซ์จะทำยังไงต่อ ฟ้องรึเปล่าครับ
-
ของดีราคาถูกเพียบเลย
-
ไม่รู้จะเป็นของดีตามที่คาดหรือเปล่า พวกนี้น่าจะเป็นมือใหม่อาจจะชนจนอ่วม ไม่ก็ดูแลรถไม่ดีก็เป็นได้นะครับ ;D
-
ขอถามพ่วงเรื่อง ไฟแนนซ์ นะครับ
คนที่โดนไฟแนนซ์ ยึดรถ เพราะ อาจจะขาดส่งโดยตั้งใจ หรือ ไม่มีเงินจริงๆ นี่ พอ ยึดแล้วนำไปขาย แล้วขายได้น้อยกว่า ราคาจริง
ไฟแนนซ์ จะมาเก็บส่วนต่างจาก ลูกค้าที่ถูกยึด แล้วถ้าลูกค้า เค้าไม่มีจ่าย ไฟแนนซ์จะทำยังไงต่อ ฟ้องรึเปล่าครับ
ก็ฟ้องเรียกค่าส่วนต่างจากทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำกันต่อไปครับ
ไม่มีเงินชำระก็อาศัยคำสั่งศาลเข้าไปยึดทรัพย์สินอื่นเอามาขายทอดตลาดกันอีกรอบ
ก่อนจะเป็นหนี้ อยากขอให้คิดทบทวนหลาย ๆ ครั้งให้มั่นใจว่าเราไหวแน่ ๆ หรือเปล่า
ถึงคราวที่เขายึดรถ ฟ้องร้อง มันจะยุ่งนุงนังแบบนี้แหละ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ถ้าเราไม่มีเงินจริง ๆจนกระทั่งเขาฟ้องศาล และมีหมายมาเรียกให้เราไปศาล
ขอให้ไปตามนัดทุกครั้ง ศาลถามมาเราก็ตอบไปตามความจริง
ศาลจะทำการไกล่เกลี่ย ลดหนี้ ประนอมหนี้ให้เราครับ
-
ขอถามพ่วงเรื่อง ไฟแนนซ์ นะครับ
คนที่โดนไฟแนนซ์ ยึดรถ เพราะ อาจจะขาดส่งโดยตั้งใจ หรือ ไม่มีเงินจริงๆ นี่ พอ ยึดแล้วนำไปขาย แล้วขายได้น้อยกว่า ราคาจริง
ไฟแนนซ์ จะมาเก็บส่วนต่างจาก ลูกค้าที่ถูกยึด แล้วถ้าลูกค้า เค้าไม่มีจ่าย ไฟแนนซ์จะทำยังไงต่อ ฟ้องรึเปล่าครับ
ก็ฟ้องเรียกค่าส่วนต่างจากทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำกันต่อไปครับ
ไม่มีเงินชำระก็อาศัยคำสั่งศาลเข้าไปยึดทรัพย์สินอื่นเอามาขายทอดตลาดกันอีกรอบ
ก่อนจะเป็นหนี้ อยากขอให้คิดทบทวนหลาย ๆ ครั้งให้มั่นใจว่าเราไหวแน่ ๆ หรือเปล่า
ถึงคราวที่เขายึดรถ ฟ้องร้อง มันจะยุ่งนุงนังแบบนี้แหละ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ถ้าเราไม่มีเงินจริง ๆจนกระทั่งเขาฟ้องศาล และมีหมายมาเรียกให้เราไปศาล
ขอให้ไปตามนัดทุกครั้ง ศาลถามมาเราก็ตอบไปตามความจริง
ศาลจะทำการไกล่เกลี่ย ลดหนี้ ประนอมหนี้ให้เราครับ
ฟ้อง + ดอกเบี้ยเดินไม่หยุดด้วย
และเวลาเค้าขายทอดตลาด เค้าไม่สนใจขายให้ได้ราคาสูงสุด ขายได้เท่าไหร่เท่านั้น
เพราะที่เหลือยังไงลูกหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ
คงเข้าใจนะครับ ว่าขายเหมือนไม่ขายเป็นยังไง
ดังนั้นก่อนโดนยึด รีบเอาไปขายเองให้ได้ราคาดีที่สุด จะช่วยได้เยอะครับ
อย่าปล่อยให้โดนยึดเด็ดขาด
-
ขอถามพ่วงเรื่อง ไฟแนนซ์ นะครับ
คนที่โดนไฟแนนซ์ ยึดรถ เพราะ อาจจะขาดส่งโดยตั้งใจ หรือ ไม่มีเงินจริงๆ นี่ พอ ยึดแล้วนำไปขาย แล้วขายได้น้อยกว่า ราคาจริง
ไฟแนนซ์ จะมาเก็บส่วนต่างจาก ลูกค้าที่ถูกยึด แล้วถ้าลูกค้า เค้าไม่มีจ่าย ไฟแนนซ์จะทำยังไงต่อ ฟ้องรึเปล่าครับ
ก็ฟ้องเรียกค่าส่วนต่างจากทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำกันต่อไปครับ
ไม่มีเงินชำระก็อาศัยคำสั่งศาลเข้าไปยึดทรัพย์สินอื่นเอามาขายทอดตลาดกันอีกรอบ
ก่อนจะเป็นหนี้ อยากขอให้คิดทบทวนหลาย ๆ ครั้งให้มั่นใจว่าเราไหวแน่ ๆ หรือเปล่า
ถึงคราวที่เขายึดรถ ฟ้องร้อง มันจะยุ่งนุงนังแบบนี้แหละ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ถ้าเราไม่มีเงินจริง ๆจนกระทั่งเขาฟ้องศาล และมีหมายมาเรียกให้เราไปศาล
ขอให้ไปตามนัดทุกครั้ง ศาลถามมาเราก็ตอบไปตามความจริง
ศาลจะทำการไกล่เกลี่ย ลดหนี้ ประนอมหนี้ให้เราครับ
ฟ้อง + ดอกเบี้ยเดินไม่หยุดด้วย
และเวลาเค้าขายทอดตลาด เค้าไม่สนใจขายให้ได้ราคาสูงสุด ขายได้เท่าไหร่เท่านั้น
เพราะที่เหลือยังไงลูกหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ
คงเข้าใจนะครับ ว่าขายเหมือนไม่ขายเป็นยังไง
ดังนั้นก่อนโดนยึด รีบเอาไปขายเองให้ได้ราคาดีที่สุด จะช่วยได้เยอะครับ
อย่าปล่อยให้โดนยึดเด็ดขาด
ถูกต้องครับไฟแนนซ์ขายได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นส่วนที่เหลือก็มาไล่เบี้ยเอากับผู้ค้ำประกันรวมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ไม่ส่งงวดอีกร้อยละ 7.5 สยองครับแบบนี้ และเท่าที่ผมไปสังเกตุการการประมูลมารถปีใหม่ๆส่วนใหญ่ไม่กระบะยกสูงก็เก๋งc segนี่แหละครับ มันเยอะมากจนตลอดรถมือสองน่าเป็นห่วง
-
ขอถามพ่วงเรื่อง ไฟแนนซ์ นะครับ
คนที่โดนไฟแนนซ์ ยึดรถ เพราะ อาจจะขาดส่งโดยตั้งใจ หรือ ไม่มีเงินจริงๆ นี่ พอ ยึดแล้วนำไปขาย แล้วขายได้น้อยกว่า ราคาจริง
ไฟแนนซ์ จะมาเก็บส่วนต่างจาก ลูกค้าที่ถูกยึด
แล้วถ้าลูกค้า เค้าไม่มีจ่าย ไฟแนนซ์จะทำยังไงต่อ ฟ้องรึเปล่าครับ
พี่ที่ผมรู้จักไม่ใช่คนซื้อครับ เป็นคนค้ำประกันครับ การฟ้องร้อง ตีราคารถที่คืนเท่าไหร่ มาตามเก็บกับคนซื้อ ตามคนซื้อไม่ได้ ตามคนค้่ำครับ ค้ำ กี่คน ตามทุกคน แต่ถ้าใครรวยสุดตามคนนั้นเก็บเงินเก็บดอกเบี้ย จนกว่าคนจะจ่ายครบ คนซื้อหนีไปคนค้ำซวยสุดๆ ครับขอบอกครับ รถไม่ได้ขี่ แต่โดนเต็มๆ ยิ่งหนียิ่งเจ็บครับ ต้องขอบกว่าเจ็บปวดมากครับ คนซืิ้อที่คิดจะซื้อได้โปรดเห็นใจคนค้ำด้วยนะครับ เพราะท่านหนีได้ แต่คนค้ำบางทีหนีไม่ได้ ครับ เสียเปรียบสุดๆ
:)
-
พูดถึงเรื่องค้ำประกัน จะเป็นยังไงผมก็จะไม่ยอมค้ำประกันให้ใครเป็นอันขาด
ตอนยังรักๆกันก็จูบปากกันดีหรอก แต่พอเค้าขาดส่งเหมือนจะตัดขาดกัน ผมเห็นมาเยอะมากเลยเรื่องคนค้ำเนี่ย ;D
-
ช่วงนี้กำลังซื้อเริ่มมีกลับมาแล้วนะครับ
หน้าเต้นท์ ต้องรีบจับ รถมาใส่เต้นท์ เพราะรถไม่มี มันโล่งเกิ๊นน
-
บางคนขายต่อไม่ได้ เพราะราคารถติดไฟแนนท์ ยังสูงกว่าราคาขายมือ2ในท้องตลาดมาก หรือไม่ก็ติดค่างวด 2-3 งวด จะโยนกุญแจเปลี่ยนสัญญาก็ไม่ได้ ค่าเปลี่ยนสัญญา+จ่ายล่วงหน้า2เดือน+ชำระค่างวดที่ค้างอีก3เดือน รวมเป็นเงินเท่าไรคิดดู ??
เลยจำยอมโดนยึด แล้วยอมไปชำระส่วนต่างแค่ 1-2แสนดีกว่า ดีกว่าผ่อนอีก 4แสนกว่าแถมไม่รู้ว่าจะมีกำลังผ่อนไปอีกซักเท่าไร
-------- เพิ่มเติม จะได้เข้าใจง่ายๆ
สมมติ vios ปีเดียวกัน ออฟชั่นเดียวกัน
ขายเอง ราคารถ+ดอกไฟแนนท์ ยังเหลือรวม 4แสน
รถขายในท้องตลาดรถมือ2 ราคา3 แสน ต่อดีๆ เหลือ 2กลางๆ จัดไฟแนนท์ใหม่ ดาวห์แสนนึง จัด2แสน รวมส่งรวมผ่อน ยังไงก็ไม่ถึง 4 แสน
ท่านจะขายยังไง เปลี่ยนสัญญายังไง ใครจะโง่มาเอารถปีเดียวกันแต่ราคาแพงกว่าเป็นแสน
แต่มีทางออก คือ นอกจากว่าไม่มีเงินดาวห์ โลภหรืออยากได้รถจัด ก็ใช้สัญญาเดิม แต่ผ่อนให้แทน ผ่อนเสร็จ ค่อยโอนให้คนผ่อน
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
-
แล้ว เราประนอมหนี้ กันก่อนจะถึงศาลได้รึเปล่า ครับ
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
อย่างนี้ไฟแนนซ์ ก็สบายสิครับ
ขายถูกๆ ยังไงก็ขายได้ แล้วไปฟ้องเอาส่วนต่างจากคนผ่อน
คนรับผิดชอบก็คือคนผ่อน
แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
แล้วเรื่องกฏหมายรองรับนี้ มันอยู่ในสัญญาหรือครับ
ผมพูดตรงๆนะ ว่า ไม่เคยอ่านเลย เซ็นๆอย่างเดียวเพราะอยากได้รถ
แต่ไม่เคยดู
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
อย่างนี้ไฟแนนซ์ ก็สบายสิครับ
ขายถูกๆ ยังไงก็ขายได้ แล้วไปฟ้องเอาส่วนต่างจากคนผ่อน
คนรับผิดชอบก็คือคนผ่อน
แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
แล้วเรื่องกฏหมายรองรับนี้ มันอยู่ในสัญญาหรือครับ
ผมพูดตรงๆนะ ว่า ไม่เคยอ่านเลย เซ็นๆอย่างเดียวเพราะอยากได้รถ
แต่ไม่เคยดู
เห็นด้วยครับ -->แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
อย่างนี้ไฟแนนซ์ ก็สบายสิครับ
ขายถูกๆ ยังไงก็ขายได้ แล้วไปฟ้องเอาส่วนต่างจากคนผ่อน
คนรับผิดชอบก็คือคนผ่อน
แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
แล้วเรื่องกฏหมายรองรับนี้ มันอยู่ในสัญญาหรือครับ
ผมพูดตรงๆนะ ว่า ไม่เคยอ่านเลย เซ็นๆอย่างเดียวเพราะอยากได้รถ
แต่ไม่เคยดู
เห็นด้วยครับ -->แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
ไม่คิดว่าเป็นความผิดของลูกหนี้ที่เป็นหนี้เกินตัวบ้างเหรอครับ?
-
ในฐานะที่ทำงานวงการการเงิน การธนาคาร อยากให้ความเห็ซักหน่อย คือต้องเข้าใจก่อนนะว่า
1.ท่านเลือกที่จะซื้อรถเอง
2.ท่านเลือกที่จะกู้ และผ่อนเอง
3.ท่านเลือกที่จะเบี้ยวหนี้เค้าเอง
ไฟแน้นซ์นะใช่ว่าอยากจะยึด เพราะยึดไปก็ไม่คุ้มฟ้องกันวุ่นวาย เค้าอยากให้ท่านผ่อนที่สุด ตามจนไม่รู้จะตามยังไงแล้ว แต่ท่านไม่ผ่อนเค้าเอง มันก็ต้องเข้ากระบวนการต่างๆ ว่าไป
การที่เค้าประเมินความสามารถชำระหนี้ท่านแล้วให้เงินท่าน เท่ากับว่าเค้ายอมเสี่ยงกับท่านแล้ว โดยแลกกับดอกเบี้ยสูงๆ ก็ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย
มีหนี้ก็ต้องใช้ นี่เป็นตรรกะที่ควรทำ ไม่ใช่โทษโน่น นี่ นั่นไปเรื่อย
-
ตลาดกลุ่มต่ำกว่า 2 แสน เริ่มขายได้เยอะครับ ขนส่งทำงานกันแทบไม่ทัน ไปดูที่ขนส่ง รถ เก่าๆ 10ปีขึ้นไปโอนกันเยอะมากครับ
แต่ตลาดกลุ่ม4 แสนขึ้น แล้วเป็นรถเล็ก ตกรุ่นแล้ว แทบปิดไปเลยครับ พวก VIOS CITY ALTIS CIVIC มันยังเดินไม่สะดวกอยู่ รถกลุ่มนี้จะขายได้ก็ 3 แสน
ตลาดรถขนาดกลาง CAMRY TEANA ACCORD และรถกระบะยังขายได้เรื่อย ๆ ประปราย คงที่ครับ แต่ราคาตกไปเยอะแค่นั้น ถ้ารับไว้แพงก็ขายไม่ได้แค่นั้นเอง
ถ้ายึดรถมา ไฟแนนซ์ก็จะตีราคาต่ำ ทำให้คนกู้ต้องชดเชยส่วนที่ราคาตกไปให้ถ้าผ่อนไม่เยอะ
-
นโยบายนี้ ทำอะไรหลายๆอย่างเสียหายจริงๆครับ
ใครมีเงินหรือกำลังมองหารถดีๆถูกๆนี่คือโอกาศ :)
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
อย่างนี้ไฟแนนซ์ ก็สบายสิครับ
ขายถูกๆ ยังไงก็ขายได้ แล้วไปฟ้องเอาส่วนต่างจากคนผ่อน
คนรับผิดชอบก็คือคนผ่อน
แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
แล้วเรื่องกฏหมายรองรับนี้ มันอยู่ในสัญญาหรือครับ
ผมพูดตรงๆนะ ว่า ไม่เคยอ่านเลย เซ็นๆอย่างเดียวเพราะอยากได้รถ
แต่ไม่เคยดู
เห็นด้วยครับ -->แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
ไม่คิดว่าเป็นความผิดของลูกหนี้ที่เป็นหนี้เกินตัวบ้างเหรอครับ?
จริงๆแล้วเมืองนอกเค้ายืดได้แค่รถ แค่บ้านครับ ไม่สามารถฟ้องร้องต่อได้สำหรับสินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เค้าฟ้องกันเร็วมากและก็ยืดกันเร็วมากครับ การปล่อยสินเชื่อควรเป็นความรับผิดชอบของ finance มากกว่าครับ
รู้สึกบ้านเราธนาคารพาณิชน์จะไม่นำตัวเองไปรวมอยู่ในประมวลกฏหมายแพ่งครับ พูดง่ายๆคือบ้านเราโหดมาก เป็นหนี้แบบไม่สิ้นสุดด้วยถ้าไม่มีเงินง่าย ใครจะกู้อะไรต้องระวังด้วยครับ
อันนี้ยังไงใครมีความรู้เรื่องกฏหมายดีช่วยมาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับว่าถูกหรือผิด ผมก็ได้ยินมาตามนี้ครับ
-
ในฐานะที่ทำงานวงการการเงิน การธนาคาร อยากให้ความเห็ซักหน่อย คือต้องเข้าใจก่อนนะว่า
1.ท่านเลือกที่จะซื้อรถเอง
2.ท่านเลือกที่จะกู้ และผ่อนเอง
3.ท่านเลือกที่จะเบี้ยวหนี้เค้าเอง
ไฟแน้นซ์นะใช่ว่าอยากจะยึด เพราะยึดไปก็ไม่คุ้มฟ้องกันวุ่นวาย เค้าอยากให้ท่านผ่อนที่สุด ตามจนไม่รู้จะตามยังไงแล้ว แต่ท่านไม่ผ่อนเค้าเอง มันก็ต้องเข้ากระบวนการต่างๆ ว่าไป
การที่เค้าประเมินความสามารถชำระหนี้ท่านแล้วให้เงินท่าน เท่ากับว่าเค้ายอมเสี่ยงกับท่านแล้ว โดยแลกกับดอกเบี้ยสูงๆ ก็ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย
มีหนี้ก็ต้องใช้ นี่เป็นตรรกะที่ควรทำ ไม่ใช่โทษโน่น นี่ นั่นไปเรื่อย
ยอมรับนะว่าส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ครับ แต่ณ ช่วงเวลา ไม่เหมือนกัน ความสามารถของการผ่อนชำระอาจจะไม่เหมือนกัน
เช่น ณ เวลาที่สถานะการณ์ ปรกติ รายได้ปรกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คนซื้อย่อมคิดแล้วว่า ผ่อนได้
แต่บางเวลาอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คลาดคิด ซึ่ง มีผลกับการผ่อน อันนี้ก็อาจจะทำให้การผ่อน มีปัญหา
คนผ่อนไม่มีใครอยากให้รถโดนยึดหรอกครับ เสียเงินดาวน์ เสียเงินผ่อน ไม่ได้อะไร
แต่ รถเป็นสมบัติ ของไฟแนนซ์ครับ จนกว่าเราจะผ่อนหมด
ไฟแนนซ์ เป็นคนดูแล้วว่า คนนี้ผ่อนได้ครับ ถ้ามอง ว่า เค้าผ่อนไม่ได้ ไฟแนนซ์ไม่ปล่อยแน่
ซึ่งถูกกำกับการใช้เงินโดยธนาคารกลาง เป็นคนให้ข้อมูล
***ส่วนข้อมูลที่ส่งให้ไฟแนนซ์ ต้องไปจากเซลล์ ที่เป็นคนแต่งเติม ข้อมูล เพื่อให้ผ่าน***
จริงๆ สมควร ร่วมรับความเสี่ยงทั้งสองฝ่าย
-
ตลาดกลุ่มต่ำกว่า 2 แสน เริ่มขายได้เยอะครับ ขนส่งทำงานกันแทบไม่ทัน ไปดูที่ขนส่ง รถ เก่าๆ 10ปีขึ้นไปโอนกันเยอะมากครับ
แต่ตลาดกลุ่ม4 แสนขึ้น แล้วเป็นรถเล็ก ตกรุ่นแล้ว แทบปิดไปเลยครับ พวก VIOS CITY ALTIS CIVIC มันยังเดินไม่สะดวกอยู่ รถกลุ่มนี้จะขายได้ก็ 3 แสน
ตลาดรถขนาดกลาง CAMRY TEANA ACCORD และรถกระบะยังขายได้เรื่อย ๆ ประปราย คงที่ครับ แต่ราคาตกไปเยอะแค่นั้น ถ้ารับไว้แพงก็ขายไม่ได้แค่นั้นเอง
ถ้ายึดรถมา ไฟแนนซ์ก็จะตีราคาต่ำ ทำให้คนกู้ต้องชดเชยส่วนที่ราคาตกไปให้ถ้าผ่อนไม่เยอะ
ครับ แต่กลุ่มนี้ มันคือรถราคาสามสี่แสนเดิมที่ราคาตกไปหรือเปล่าครับ
พวกเก่ามากๆ เช่น ecar ae100 นี่หลังหมื่นเลยนะครับ
-
ถ้าผมจำไม่ผิด หรือถ้าผิดก็ขอโทษด้วย เมื่อก่อนบ้านเรายึดก็คือยึดจบๆกันไป แต่ดันมี ยุคเหลี่ยมจัดได้ร่างกฎหมาย นโยบาย ว่าต้องจ่ายส่วนต่าง ให้ไฟแนนท์
ปล...ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วย
-
หลายๆคนยังเข้าใจอยู่นะครับว่าแค่โดนยึดไปก็จบแต่จริงๆไม่จบเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะต่างหาก ผมว่าน่าจะยกเลิกระบบคนค้ำดีกว่าเพราะต้องมารับเหตุจากที่ตัวเองไม่ได้ก่อคนซื้อไม่มีตังจ่ายหนีหนี้เจ้าหนี้ก็มาตามคนค้ำแทนชิวๆได้เงินอยู่แล้วไม่เห็นว่าเจ้าหนี้มารับความเสี่ยงอะไรนัก ถ้ายกเลิกระบบนี้ได้จะได้เข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นด้วยเงินดาวน์ก็ต้องสูงขึ้นเป็นการกรองอีกชั้น เช่น ดาวน์อย่างน้อย 50% ผ่อนไม่เกิน 4 ปี ไม่ว่าจะโดนยึดตอนไหนยังไงมูลค่ารถก็เกินหนี้
ทีคนรวยทำธุรกิจเจ๊งอย่างมากแค่โดนฟ้องล้มละลายไม่เห็นไปตามหนี้กับใครเลย
-
ในฐานะที่ทำงานวงการการเงิน การธนาคาร อยากให้ความเห็ซักหน่อย คือต้องเข้าใจก่อนนะว่า
1.ท่านเลือกที่จะซื้อรถเอง
2.ท่านเลือกที่จะกู้ และผ่อนเอง
3.ท่านเลือกที่จะเบี้ยวหนี้เค้าเอง
ไฟแน้นซ์นะใช่ว่าอยากจะยึด เพราะยึดไปก็ไม่คุ้มฟ้องกันวุ่นวาย เค้าอยากให้ท่านผ่อนที่สุด ตามจนไม่รู้จะตามยังไงแล้ว แต่ท่านไม่ผ่อนเค้าเอง มันก็ต้องเข้ากระบวนการต่างๆ ว่าไป
การที่เค้าประเมินความสามารถชำระหนี้ท่านแล้วให้เงินท่าน เท่ากับว่าเค้ายอมเสี่ยงกับท่านแล้ว โดยแลกกับดอกเบี้ยสูงๆ ก็ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย
มีหนี้ก็ต้องใช้ นี่เป็นตรรกะที่ควรทำ ไม่ใช่โทษโน่น นี่ นั่นไปเรื่อย
เป็นความเห็นที่ถูกต้องที่สุดครับ แต่พูดได้กับบางคนในสังคมเท่านั้น
-
ทำไมไฟแนนซ์จะฟ้องครับ
ในเมื่อเค้าได้ รถคืนไปแล้ว :-\
ฟ้องสิครับ ก็ในเมื่อกฎหมายรองรับ ไฟแนนท์สามารถเรียกร้องเงินส่วนต่างจากราคาขายรถที่โดนยึด ที่ไฟแนนท์ขายได้
สมมติ ไฟแนนท์ยึดviosมา แล้วขายไป 2แสน แต่ราคาจริงๆ 4แสน อีก2แสน คนที่โดนไฟแนนท์รถมา เป็นคนจ่ายส่วนต่างครับ
อย่างนี้ไฟแนนซ์ ก็สบายสิครับ
ขายถูกๆ ยังไงก็ขายได้ แล้วไปฟ้องเอาส่วนต่างจากคนผ่อน
คนรับผิดชอบก็คือคนผ่อน
แต่การผ่อนเกิดจากการประเมิณความเสี่ยงจากไฟแนนซ์เอง
พอมีปัญหา ไฟแนนซ์ ก็ไม่ยอมรับความเสียหายจากความเสี่ยง
แล้วเรื่องกฏหมายรองรับนี้ มันอยู่ในสัญญาหรือครับ
ผมพูดตรงๆนะ ว่า ไม่เคยอ่านเลย เซ็นๆอย่างเดียวเพราะอยากได้รถ
แต่ไม่เคยดู
ไฟแนนซ์เองก็เสียเวลาด้วยอ่ะครับ ไม่รู้ว่าระหว่างรอให้ผ่อนหมด กับเร่งเอาไปประมูล แบบไหนมันจะเสร็จก่อนกัน
ขั้นตอนการทำงานก็เยอะขึ้นอีกด้วยครับ
-
ในฐานะที่ทำงานวงการการเงิน การธนาคาร อยากให้ความเห็ซักหน่อย คือต้องเข้าใจก่อนนะว่า
1.ท่านเลือกที่จะซื้อรถเอง
2.ท่านเลือกที่จะกู้ และผ่อนเอง
3.ท่านเลือกที่จะเบี้ยวหนี้เค้าเอง
ไฟแน้นซ์นะใช่ว่าอยากจะยึด เพราะยึดไปก็ไม่คุ้มฟ้องกันวุ่นวาย เค้าอยากให้ท่านผ่อนที่สุด ตามจนไม่รู้จะตามยังไงแล้ว แต่ท่านไม่ผ่อนเค้าเอง มันก็ต้องเข้ากระบวนการต่างๆ ว่าไป
การที่เค้าประเมินความสามารถชำระหนี้ท่านแล้วให้เงินท่าน เท่ากับว่าเค้ายอมเสี่ยงกับท่านแล้ว โดยแลกกับดอกเบี้ยสูงๆ ก็ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย
มีหนี้ก็ต้องใช้ นี่เป็นตรรกะที่ควรทำ ไม่ใช่โทษโน่น นี่ นั่นไปเรื่อย
ยอมรับนะว่าส่วนหนึ่งมาจากลูกหนี้ครับ แต่ณ ช่วงเวลา ไม่เหมือนกัน ความสามารถของการผ่อนชำระอาจจะไม่เหมือนกัน
เช่น ณ เวลาที่สถานะการณ์ ปรกติ รายได้ปรกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คนซื้อย่อมคิดแล้วว่า ผ่อนได้
แต่บางเวลาอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คลาดคิด ซึ่ง มีผลกับการผ่อน อันนี้ก็อาจจะทำให้การผ่อน มีปัญหา
คนผ่อนไม่มีใครอยากให้รถโดนยึดหรอกครับ เสียเงินดาวน์ เสียเงินผ่อน ไม่ได้อะไร
แต่ รถเป็นสมบัติ ของไฟแนนซ์ครับ จนกว่าเราจะผ่อนหมด
ไฟแนนซ์ เป็นคนดูแล้วว่า คนนี้ผ่อนได้ครับ ถ้ามอง ว่า เค้าผ่อนไม่ได้ ไฟแนนซ์ไม่ปล่อยแน่
ซึ่งถูกกำกับการใช้เงินโดยธนาคารกลาง เป็นคนให้ข้อมูล
***ส่วนข้อมูลที่ส่งให้ไฟแนนซ์ ต้องไปจากเซลล์ ที่เป็นคนแต่งเติม ข้อมูล เพื่อให้ผ่าน***
จริงๆ สมควร ร่วมรับความเสี่ยงทั้งสองฝ่าย
คุณครับ ลองคิดกลับกันว่าตัวเองเป็นเจ้าหนี้บ้างสิครับ ถ้าจู่ๆลูกหนี้คุณมาบอกว่าส่งเงินผ่อนต่อให้ไม่ได้แล้วนะ เอาไปเท่าที่ส่งไปก็พอแล้ว ทั้งที่ตอนแรกรับปากดิบดีว่าผมส่งได้แน่นอนไม่ปัญหา เป็นตัวคุณเองจะยอมไหมครับ
-
ประเด็นคือ ความเสี่ยงและระบบของไฟแนนซ์ครับ ที่ต้องแก้ไข
คนผ่อน
เมื่อเกิดอุปสรรคในการผ่อน หรือมีความเสี่ยงทีเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ที่ไม่คลาดคิด คนผ่อนจะไม่มีระบบมารองรับ เหมือน ไฟแนนซ
ส่วนไฟแแนซ์
เมื่อเกิดความเสี่ยง มีระบบ กฏหมายที่เขียนขึ้นมาเพื่อประโยชน์เต็มที่ จากความเสียหายที่เกิดจากความเสี่ยง
ทั่งที่ ไฟแนนซ มี ประโยชน์ที่ได้จากการผ่อน ชำระ คือ ดอกเบี้ย เป็นส่วนประกันความเสี่ยง มีระบบรองรับความเสียหายของทรัพย์สินจาก ประกัน
ป้องกันได้ตั้งแต่ การคัดสรรลูกค้าของไฟแนนซ์เอง เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย
แต่เพราะเซลล์ของไฟแนนซ์เอง อยากได้ยอด จึงมักจะเสนอข้อมูลที่เป็นเทจให้กับส่วนกลาง
คือถ้าจะไม่ให้เกิดหนี้เสีย หรือลดเปอร์เซนต์หนี้เสีย
พนักงานของไฟแนนซ์ควรทำหน้าที่ ที่เหมาะสม ไม่เห็นแก่ค่าคอมนิดหน่อย ทำข้อมูลเทจส่งให้ส่วนกลาง
ไม่มีไฟแนนซไหน หรือธนาคารไหนขาดทุน ในการปิดบัญชีประจำปี
ผมเข้าใจทั้งสองอารมณ์ครับ
ทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้
ผมเคยสูญเงินกับการให้กู้ ไปหลายแสน
แต่ก็ได้แค่ทำใจ
คือเวลา ของทั้งสองคนไม่เท่ากันครับ
เจ้าหนี้เวลามันช่างช้า เพราะอยากได้เงินเค้า
ลูกหนี้เวลามันช่างเร็ว เพราะไม่อยากจ่ายเงิน
-
การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ :)
-
ประเด็นคือ ความเสี่ยงและระบบของไฟแนนซ์ครับ ที่ต้องแก้ไข
คนผ่อน
เมื่อเกิดอุปสรรคในการผ่อน หรือมีความเสี่ยงทีเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ที่ไม่คลาดคิด คนผ่อนจะไม่มีระบบมารองรับ เหมือน ไฟแนนซ
ส่วนไฟแแนซ์
เมื่อเกิดความเสี่ยง มีระบบ กฏหมายที่เขียนขึ้นมาเพื่อประโยชน์เต็มที่ จากความเสียหายที่เกิดจากความเสี่ยง
ทั่งที่ ไฟแนนซ มี ประโยชน์ที่ได้จากการผ่อน ชำระ คือ ดอกเบี้ย เป็นส่วนประกันความเสี่ยง มีระบบรองรับความเสียหายของทรัพย์สินจาก ประกัน
ป้องกันได้ตั้งแต่ การคัดสรรลูกค้าของไฟแนนซ์เอง เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย
แต่เพราะเซลล์ของไฟแนนซ์เอง อยากได้ยอด จึงมักจะเสนอข้อมูลที่เป็นเทจให้กับส่วนกลาง
คือถ้าจะไม่ให้เกิดหนี้เสีย หรือลดเปอร์เซนต์หนี้เสีย
พนักงานของไฟแนนซ์ควรทำหน้าที่ ที่เหมาะสม ไม่เห็นแก่ค่าคอมนิดหน่อย ทำข้อมูลเทจส่งให้ส่วนกลาง
ไม่มีไฟแนนซไหน หรือธนาคารไหนขาดทุน ในการปิดบัญชีประจำปี
ผมเข้าใจทั้งสองอารมณ์ครับ
ทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้
ผมเคยสูญเงินกับการให้กู้ ไปหลายแสน
แต่ก็ได้แค่ทำใจ
คือเวลา ของทั้งสองคนไม่เท่ากันครับ
เจ้าหนี้เวลามันช่างช้า เพราะอยากได้เงินเค้า
ลูกหนี้เวลามันช่างเร็ว เพราะไม่อยากจ่ายเงิน
ที่คุณพูดมันก็ถูก แต่บางส่วนเท่านั้น
ระบบไฟแน้นซืเค้าคัดกรอง และแบ่งแยกลูกหนี้อยู่แล้ว ข้อมูลเป็นเท็จคิดว่าเค้าไม่รู้เหรอ เค้ารู้คนทำสินเชื่อนะไม่ได้โง่นะ เห็นเคสมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถือว่าถ้าพอให้ได้เค้าก็ให้ แต่มีความเสี่ยงสูงก็ต้องคิดดอกแพง หรือไม่ก็หาคนมาค้ำด้วย โดยธรรมชาติทรัพย์สินประเภทรถยนต์เสื่อมราคาเร็วเลยต้องดำเนินการให้เร็วด้วย เพื่อระงับความเสียหาย ไม่ว่าจะไฟแน้นซ์ ลูกหนี้ หรือผู้ค้ำ
อย่าคิดว่าไฟแน้นซ์อยากขายเท่าไหร่ก็ขาย เค้าขายให้ได้เงินสูงสุดภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา เพราะเค้าไม่อยากไปทวงหนี้เพิ่มหรอก ตรงนี้ต้องเข้าใจซะใหม่
การผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เพราะต้องการให้บุคคลเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย เพื่อให้บุคคลได้นำไปทำประโยชน์ ตอนนี้ไฟแน้นซ์เค้าเริ่มรู้ตัวและคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่บริหารหนี้ได้ก็เลยปล่อย แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าต้องเข้มงวด เค้าต้องปฏิเสธลูกค้าเรื่องธรรมชาติ ทำเพื่อความอยู่รอด เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องปรับตัว
ถ้าคิดว่า แบงค์ชาติจะดูลูกหนี้ให้ไฟแน้นซ์บอกได้เลยว่าไม่ เค้าดูแค่ ภาพรวมของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง และแนวโน้มของภาพรวมพอร์ตสินเชื่อรวมเท่านั้น ไม่ได้คุมอะไรมากมายขนาดนั้น ในรายละเอียดไฟแน้นซ์ต้องดูเอง ไฟแน้นซ์เค้าจะรู้ฐานะลูกหนี้เมื่อขาดส่ง และจึงติดตาม ตอนนี้ไม่ต้องกลัวเค้าจับตามองลูกหนี้ประเภทนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะงั้นลูกหนี้นั่นแหละรู้ตัวดีที่สุด ว่าไหวไม่ไหว
การเป็นหนี้จริงๆ แล้ว อย่าคิดง่ายๆ ว่าวันนี้มีไหวอยู่แล้ว คนกู้ต้องดูกรณีเลวร้ายของตัวเองด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดกัน คิดว่ากู้ได้ ซื้อของเสร็จจบ แค่นั้น
กรณีนี้ ผู้เสียหายไม่ใช่ลูกหนี้นะ ผู้เสียหายคือไฟแน้นซ์
เพราะฉะนั้นเป็นหนี้อย่าโทษลม โทษฟ้า ปัญหาอยู่ที่ลูกหนี้นั้นแหละ ไม่มีผ่อน เมื่อมันมีแนวโน้ม ก็ปล่อยเรื่อยเปื่อยไม่แก้ไข น้อยครั้งที่เกิดเหตุฉับพลัน
คิดดูดีๆ ก่อนนะจ๊ะว่าใครควรต้องรับผิดชอบ
อันนี้แลกเปลี่ยนความเห็นเฉยๆ นะ ไม่มีเจตนาอื่น ;D
-
ที่คุณพูดมันก็ถูก แต่บางส่วนเท่านั้น
ระบบไฟแน้นซืเค้าคัดกรอง และแบ่งแยกลูกหนี้อยู่แล้ว ข้อมูลเป็นเท็จคิดว่าเค้าไม่รู้เหรอ เค้ารู้คนทำสินเชื่อนะไม่ได้โง่นะ เห็นเคสมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถือว่าถ้าพอให้ได้เค้าก็ให้ แต่มีความเสี่ยงสูงก็ต้องคิดดอกแพง หรือไม่ก็หาคนมาค้ำด้วย โดยธรรมชาติทรัพย์สินประเภทรถยนต์เสื่อมราคาเร็วเลยต้องดำเนินการให้เร็วด้วย เพื่อระงับความเสียหาย ไม่ว่าจะไฟแน้นซ์ ลูกหนี้ หรือผู้ค้ำ
อย่าคิดว่าไฟแน้นซ์อยากขายเท่าไหร่ก็ขาย เค้าขายให้ได้เงินสูงสุดภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา เพราะเค้าไม่อยากไปทวงหนี้เพิ่มหรอก ตรงนี้ต้องเข้าใจซะใหม่
การผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เพราะต้องการให้บุคคลเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย เพื่อให้บุคคลได้นำไปทำประโยชน์ ตอนนี้ไฟแน้นซ์เค้าเริ่มรู้ตัวและคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่บริหารหนี้ได้ก็เลยปล่อย แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าต้องเข้มงวด เค้าต้องปฏิเสธลูกค้าเรื่องธรรมชาติ ทำเพื่อความอยู่รอด เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องปรับตัว
ถ้าคิดว่า แบงค์ชาติจะดูลูกหนี้ให้ไฟแน้นซ์บอกได้เลยว่าไม่ เค้าดูแค่ ภาพรวมของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง และแนวโน้มของภาพรวมพอร์ตสินเชื่อรวมเท่านั้น ไม่ได้คุมอะไรมากมายขนาดนั้น ในรายละเอียดไฟแน้นซ์ต้องดูเอง ไฟแน้นซ์เค้าจะรู้ฐานะลูกหนี้เมื่อขาดส่ง และจึงติดตาม ตอนนี้ไม่ต้องกลัวเค้าจับตามองลูกหนี้ประเภทนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะงั้นลูกหนี้นั่นแหละรู้ตัวดีที่สุด ว่าไหวไม่ไหว
การเป็นหนี้จริงๆ แล้ว อย่าคิดง่ายๆ ว่าวันนี้มีไหวอยู่แล้ว คนกู้ต้องดูกรณีเลวร้ายของตัวเองด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดกัน คิดว่ากู้ได้ ซื้อของเสร็จจบ แค่นั้น
กรณีนี้ ผู้เสียหายไม่ใช่ลูกหนี้นะ ผู้เสียหายคือไฟแน้นซ์
เพราะฉะนั้นเป็นหนี้อย่าโทษลม โทษฟ้า ปัญหาอยู่ที่ลูกหนี้นั้นแหละ ไม่มีผ่อน เมื่อมันมีแนวโน้ม ก็ปล่อยเรื่อยเปื่อยไม่แก้ไข น้อยครั้งที่เกิดเหตุฉับพลัน
คิดดูดีๆ ก่อนนะจ๊ะว่าใครควรต้องรับผิดชอบ
อันนี้แลกเปลี่ยนความเห็นเฉยๆ นะ ไม่มีเจตนาอื่น ;D
ถูกต้องครับ ไฟแนนซ์ไม่โง่ครับ
ไฟแนนซ์รู้ สถานะการเงินของลูกค้าครับ
ไฟแนนซ์รู้ทุกอย่างไงครับ ผมถึงบอกว่า ระบบออกแบบมาเพื่อให้ ไฟแนนซ์ได้ประโยชน์
โดยไม่ยอมรับความเสี่ยงไงครับ คือทำทุกวิธีที่จะได้ประโยขน์ครับ
มีกฏของธนาคารข้อนึงคือ *** จะไม่ให้เงินใคร ถ้าไม่ได้ประโยชน์จากคน คนนั้น*** ;D ;) :-\
-
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ
-
ตอนอยากได้รถ ไฟแนนซ์เสนอข้อตกลงอะไรในสัญญาเซ็นหมด รับหมด พยายามามทำทุกอย่างให้กู้ผ่าน
คือให้ทำอะไรก็ยอม แน่พอมีปัญหาขาดส่ง บอกไฟแนนซ์เอาเปรียบ........ ;D
ถ้าไฟแนนซ์เอาเปรียบ เราก็ไม่ต้องกู้ตั้งแต่แรกสิครับ จะซื้อรถแบบผ่อนสักคันมันต้องมองอนาคตไกลๆๆ
ไม่ใช่เอาว่า 2-3 เดือนมานี่รายได้ดีโคตร ออกรถแม่ม มันต้องเพื่ ว่าถ้าเราตกงานไป งานเราหายไป จะผ่อนไหวไหม
คำตอบมันจะอยู่ในตัวอยู่แล้ว
แต่คนเราเวลาอยากได้อะไรมักจะมีเหตุผลล้านแปด สุดท้ายพอผ่อนไม่ไหวก็โทษทุกอย่างรอบตัว แต่ลืมโทษตัวเอง ;D
สุดท้าย ทำไมถึงโทษนโยบายนี้? รัฐบาลโน้นไม่ได้บังคับให้ไปซื้อ แต่คนต่างหากที่เกิดความโลภเลยไปซื้อไปเป็นหนี้
ที่บ้านไดิสิทธิ์รถคันแรก 2 สิทธิ์ ยังไม่ได้ใช้สักคันเลยครับ เพราะไม่มั่นใจกับการผ่อนว่าอีก 2-3 จะผ่อนหมดไหม
และไม่อยากเดือดร้อนคนรอบข้าง
ส่วนเรื่องความเสี่ยงพวกไฟแนนซ์เขาประเมินไว้เป็น % อยู่แล้ว ว่าหนี้ 0 เขาจะประมาณเท่าไหร่
เขาก็ไล้บี้เต็มที่ ถ้ายอดหนี้ 0 มันเกินมามากการประเมิณ เขาก็จะไล่บี้กับพนักงานอีกทีนึง ว่าปล่อย
กู้ให้ลูกหนี้ลักษณะนี้ได้อย่างไร
-
แปลกดีครับ เกิดมาเพิ่งเคยรู้ว่ามีคนมีความคิดแบบนี้ด้วย ที่ว่า ยึดของไปแล้ว หนี้ต้องหมด -.-
แบบนี้ชีวิตผมคงสบายละครับ
- อยากกู้ซื้อหอพักไว้ปล่อยเช่า ตอนหลังเปลี่ยนใจ ก็ให้ธนาคารยึดหอพักไปบริหารเอาเอง ผมยอมติดแบล๊คลิส
- ผ่อนไอโฟน 0% 20เดือน ใช้ไปสามเดือน ไม่มีปัญญาจ่าย เอาไอโฟนให้ธนาคารแทน ผมก็เอาบัตรอื่นไปรูดซื้อใหม่
- กู้เงินซื้อบ้าน อยู่ไปสองเดือนเกิดเบื่อ ไม่ถูกชะตาข้างบ้าน หยุดผ่อนแม่งเลย ธนาคารยึดไปขายเอง
- กู้ซื้อ BMW Series 7 แบบบอลลูน ดาวนิดเดียว ขับไป ครึ่งปีเบื่อ ปล่อยไฟแนนซ์ไปขายต่อเอาเอง (ราคาตกไปถึงไหนละไม่รู้)
ชีวิตลูกหนี้มันช่างสบายจริงๆ
-
ผมว่าเปลี่ยนเป็น"กระทู้คุยเรื่องสินเชื่อกับไฟแนนซ์" ดีมั้ยครับ
-
รอสอย Camry Acv40 , Accord G8 ,Nissan Teana J32 คันใดคันนึงใน 3 คันนี้อยู่ :)
-
ที่คุณพูดมันก็ถูก แต่บางส่วนเท่านั้น
ระบบไฟแน้นซืเค้าคัดกรอง และแบ่งแยกลูกหนี้อยู่แล้ว ข้อมูลเป็นเท็จคิดว่าเค้าไม่รู้เหรอ เค้ารู้คนทำสินเชื่อนะไม่ได้โง่นะ เห็นเคสมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถือว่าถ้าพอให้ได้เค้าก็ให้ แต่มีความเสี่ยงสูงก็ต้องคิดดอกแพง หรือไม่ก็หาคนมาค้ำด้วย โดยธรรมชาติทรัพย์สินประเภทรถยนต์เสื่อมราคาเร็วเลยต้องดำเนินการให้เร็วด้วย เพื่อระงับความเสียหาย ไม่ว่าจะไฟแน้นซ์ ลูกหนี้ หรือผู้ค้ำ
อย่าคิดว่าไฟแน้นซ์อยากขายเท่าไหร่ก็ขาย เค้าขายให้ได้เงินสูงสุดภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา เพราะเค้าไม่อยากไปทวงหนี้เพิ่มหรอก ตรงนี้ต้องเข้าใจซะใหม่
การผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เพราะต้องการให้บุคคลเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย เพื่อให้บุคคลได้นำไปทำประโยชน์ ตอนนี้ไฟแน้นซ์เค้าเริ่มรู้ตัวและคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่บริหารหนี้ได้ก็เลยปล่อย แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าต้องเข้มงวด เค้าต้องปฏิเสธลูกค้าเรื่องธรรมชาติ ทำเพื่อความอยู่รอด เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องปรับตัว
ถ้าคิดว่า แบงค์ชาติจะดูลูกหนี้ให้ไฟแน้นซ์บอกได้เลยว่าไม่ เค้าดูแค่ ภาพรวมของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง และแนวโน้มของภาพรวมพอร์ตสินเชื่อรวมเท่านั้น ไม่ได้คุมอะไรมากมายขนาดนั้น ในรายละเอียดไฟแน้นซ์ต้องดูเอง ไฟแน้นซ์เค้าจะรู้ฐานะลูกหนี้เมื่อขาดส่ง และจึงติดตาม ตอนนี้ไม่ต้องกลัวเค้าจับตามองลูกหนี้ประเภทนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะงั้นลูกหนี้นั่นแหละรู้ตัวดีที่สุด ว่าไหวไม่ไหว
การเป็นหนี้จริงๆ แล้ว อย่าคิดง่ายๆ ว่าวันนี้มีไหวอยู่แล้ว คนกู้ต้องดูกรณีเลวร้ายของตัวเองด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดกัน คิดว่ากู้ได้ ซื้อของเสร็จจบ แค่นั้น
กรณีนี้ ผู้เสียหายไม่ใช่ลูกหนี้นะ ผู้เสียหายคือไฟแน้นซ์
เพราะฉะนั้นเป็นหนี้อย่าโทษลม โทษฟ้า ปัญหาอยู่ที่ลูกหนี้นั้นแหละ ไม่มีผ่อน เมื่อมันมีแนวโน้ม ก็ปล่อยเรื่อยเปื่อยไม่แก้ไข น้อยครั้งที่เกิดเหตุฉับพลัน
คิดดูดีๆ ก่อนนะจ๊ะว่าใครควรต้องรับผิดชอบ
อันนี้แลกเปลี่ยนความเห็นเฉยๆ นะ ไม่มีเจตนาอื่น ;D
ถูกต้องครับ ไฟแนนซ์ไม่โง่ครับ
ไฟแนนซ์รู้ สถานะการเงินของลูกค้าครับ
ไฟแนนซ์รู้ทุกอย่างไงครับ ผมถึงบอกว่า ระบบออกแบบมาเพื่อให้ ไฟแนนซ์ได้ประโยชน์
โดยไม่ยอมรับความเสี่ยงไงครับ คือทำทุกวิธีที่จะได้ประโยขน์ครับ
มีกฏของธนาคารข้อนึงคือ *** จะไม่ให้เงินใคร ถ้าไม่ได้ประโยชน์จากคน คนนั้น*** ;D ;) :-\
ถูกใจความคิดนี้มากเลยครับ ก่อนจะซื้อรถที่บ้าน คำนวณแล้วคำนวณอีกว่าซื้อไหวที่ราคาเท่าไหร่ ผ่อนไหวมั้ย คือแพลนเรื่องซื้อรถเป็นเดือนๆ ประเมินจนคิดว่าได้ชัว ถึงจะเริ่มซื้อครับ และไม่เคยมีปัญหาโดนยึด ผมว่ากรณีอย่างนี้ทำไมลูกหนี้ไม่ประเมินตัวเอง ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ
แถวบ้านผมเลยที่สุพรรณ เห็นข้างบ้านซื้อวีโก้ตัวท็อปมา ผ่านไปอีกประมาณ 1 เดือนกว่าบ้านข้างๆก็ซื้อใหม่เหมือนกันเป็นดีแมกท็อปอีก อีก 2 เดือนกว่า บ้านข้างๆถัดไปอีกก้ซื้อวีโก้ใหม่มาอีก ณ ปัจจุบันมีแค่บ้านแรกที่ยังผ่อนไหว ที่เหลือโดนยึดไปหมดพร้อมโดนไฟแนนซ์ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้น คืออะไร เห็นคนอื่นมี อยากมีตามแต่ไม่ประเมิณสภาพตัวเองว่าผ่อนไหวรึเปล่า รถ 1 คันไม่ได้มีแค่ ผ่อน มันมีประกัน สึกหรอ บำรุงรักษา ยาง ค่าน้ำมันเพิ่มอีก
ปล.เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนยุคข้าวขายได้เกวียนละ 15k กว่า ตอนนั้นข้าวโลกขาด ไทยขายได้แพงมาก
-
ตอบในฐานะคนที่เคยทำงานในชั้นการดำเนินคดีของไฟแนนท์
สำหรับบ้านเราลูกค้าอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบอย่างมาก
มีรายละเอียดจุกจิกมากมายที่ บ. จะเอาเปรียบลูกค้า
-
รถที่ยึดมาแล้ว ผมว่าคนรอซื้อเพียบนะ ดูพวกที่จัดประมูลรถสิครับ คนรอซื้อเพียบ
ส่วนมากก็เต็นท์นั่นล่ะมาช้อนซื้อถูกๆ
-
เรื่องแบบนี้มองได้หลายมุม
แต่ ............ มีเรื่องดีๆ ให้เรามอง และหยิบไปใช้ให้เกิดประโยขน์กับชีวิตน้อยๆ ของเราได้
เรื่องนึงที่เห็นได้ง่ายและชัดก็คือ ต้องรู้จักคำนวนรายจ่ายให้พอกับรายรับ และเผื่อความเสี่ยง
เป็นอะไรที่สะท้อนหลายๆอย่างได้ดีเลยครับ
-
เป็นไปได้ครับ จากที่ราคาขายรถมือสอง ณ ตอนนี้มันตกกว่าเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเทียบกับอายุรถมือสอง
-
เต้นรถมือ 2 คงลำบาก รถคงเกินความต้องการ
-
ผมพึ่งไปประมูลรถวันที่2มาแถวนนท์ เอามาใช้ที่ร้านไว้ส่งของ ...ราคาไม่หมูเหมือนปีที่แล้ว ที่แอบไปเหล่ๆมา ยกตัวอย่าง navara cab ปี08 เริ่ม 250K ประมูลจบที่ 320K(โดยประมาณน่ะ) ราคาวิ่งขึ้น70K ของผมได้รถหลุดทิสโก้ ford cab ราคาวิ่งขึ้น40K ....ตลาด(เต้นท์กลับมาต้องการกระบะแล้ว)....แต่เก๋งยังเอื่อยๆครับ ซื้อเล่นๆได้อยู่
....จะบอกว่าใครรอซื้อกระบะใหม่ๆ ตอนครึ่งหรือ2ตอนถูกๆไม่ง่ายแล้วน่ะจ๊ะ ;D ;D
**ป.ล.ราคาไม่รวมภาษีน่ะ กับค่าดำเนินการ**
-
หากมีปัญหาขาดส่ง ปล่อยยึดหนักๆเข้า
เดี๋ยวทางภาครัฐ อาจจะออกโครงการ พักชำระหนี้ ค่าผ่อนรถ มาช่วยนะ :D
-
การไม่ประเมินตน เป็นทุกข์อย่างยิ่ง การไม่รู้จักตัวเอง จะนำทุกข์มาสู่ตน
เพราะเหตุนี้ ผมจึงซื้อรถด้วยเงินสดในวงเงิน(รุ่นที่เราซื้อไหว)ที่เรามีความสามารถ
เราไม่อาจจะประเมินสถานการณ์รายได้เราได้เลยว่าจะยังมั่นคงเหมือนเดิมตลอดระยะเวลาผ่อนหรือไม่ ถ้าเรามองโลกรอบด้านจะเห็นว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนเราได้เสมอ
-
ต้องโทษ รัฐบาล ออกนโยบายมา ต้องนโยบายแก้ไข
-
ผมมีเพื่อนผู้หญิง ขับ March สีดำ เป็นรถคันแรกหลังจากเรียนจบ พ่อแม่น่าจะเป็นคนออกให้
สิ่งที่ผมเห็นคือ แทบไม่เคยล้าง รอยเฉี่ยว ขีด ข่วน ขนแมว รอบคัน ขับอย่างเดียว เจอหลังเต่าก็กระแทก
ขับแบบนี้ คงไม่ต้องถามว่า เข้าศูนย์บ้างรึป่าว เช็คลมยางบ้างรึป่าว คิดดูสิครับว่า มันน่าจะมีรถแบบนี้ เยอะหรือน้อย
-
เรื่องธรรมดาครับ ความอยากได้มันหยุดกันไม่ได้หรอครับ แต่ที่สำคัญต้องดูกำลังตัวเองด้วยว่าไปถึงไหม เข้าใจว่าออกรถสมัยนนี้มันง่าย แต่ระยะยาวคุณต้องมองให้ขาด อิอิอิ