Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Jelly69 ที่ เมษายน 22, 2014, 18:25:49
-
กระทู้แรกของผมครับ อยากได้ความคิดเห็นจากเพื่อนๆ รบกวนด้วยครับ
ปกติผมใช้รถญี่ปุ่น คันละ5-6 ปี ก็จะเปลี่ยน เลขไมล์ไม่ถึงแสนเลยซักคัน
ตอนนี้มีอาการคันครับ อยากจะลองรถยุโรปดูบ้าง (ที่มองไว้เป็น E60)
เรื่องค่าซ่อม ค่าบำรุงรักษา ได้ทำการบ้านมาบ้างละครับ
มาถึงคำถาม อยากถามผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับ BM อายุซัก 8-10ปี วิ่งแสนกลางๆ หรือยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ว่า
1. มันยังสดพอที่จะให้ความรู้สึกถึงคำว่า BMW มั้ยครับ (หมายถึงซ่อมบำรุงระบบต่างๆให้สมบูรณ์แล้ว)
ฟิลลิ่งมันหายจากตอนป้ายแดงมากน้อยแค่ไหน
2. โอกาสเสียกลางทางบ่อยแค่ไหนครับ
ขอบคุณครับ
-
1. ผมว่าถ้าซ่อมถึงๆ แบบอะไรเสียก็รีบเปลี่ยน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เกียร์ ตามกำหนด หรือ ก่อนเวลากำหนด คนใช้ทะนุถนอม น่าจะได้ประมาณ80-90%นะครับ
(ส่วนใหญ่รถมือสองเครื่อง+เกียร์ยังไม่เสีย อาจจะวิ่งมาไม่เยอะ แต่แรงม้าก็ลดลงตามกาลเวลาครับ เครื่องสึกหรอตามการใช้งาน)
2. ถ้าซ่อมดีๆโอกาสเสียกลางทางก็แทบไม่ค่อยมีเลย ผมใช้รถยุโรปที่อายุเกิน20ปีมาหลายยี่ห้อ ถ้าซ่อมแบบจบๆรวดเดียวเลย โอกาสตายกลางทางนี่น้อยมากเลยครับ
ส่วนใหญ่จะเริ่มออกอาการนิดๆหน่อยๆ ก็ขับไปให้อู่ซ่อมแต่ไม่ถึงขนาดตายกลางทาง มีแต่จอดไว้ในบ้านแล้วเสีย เพราะไม่ค่อยได้ใช้นี่แหละครับ
-
1. สำหรับฟีลลิ่ง ผมได้นั่ง E46 ของเพื่อน ยังรู้สึกได้เต็มที่ แม้สำหรับเครื่อง 4 สูบครับ
-
E36 15ปี (แต่ลงJZน่ะ) ตอนนี้วิ่งได้ปกติดี แค่ซ่อมถึงรถคุณก็ไปถึง จะเรียกว่าบำรุงก็ไม่ใช่ เพราะบางอย่างมันพัง ต้องเปลี่ยน พอเปลี่ยนแล้ว มันก็ปกติดีนิครับ อาจจะ
เพราะช่างที่ซ่อมรถอยู่ข้างบ้านล่ะมั้ง มีอะไรไปถามเค้าได้ แค่เราไปหาอะไหล่มาทำเอง
1.ฟิวลิ่งไม่หายหรอกครับ ขับเมื่อไหร่ มันส์เมื่อนั่น
2.ไม่มีทางดับ ถ้าคุณซ่อมถึง (เน้นว่าซ่อมถึง)คือเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้นไปเลย ที่มันไม่ไหวจริงๆ
-
ว่าจะตั้งกระทู้เหมือนกันค่ะ งั้นขอฝากคำถามด้วยหน่อยนะคะ
คือปกติก็ชอบรถและเข้าดูเว็บขายรถมือสองทุกวัน (ตลาดรถ) คือเห็นราคาแล้วแบบว่าอยากได้
แต่ไม่กล้าซื้อ ประมาณว่าก็พอเก็บเงินซื้อได้แต่ดูไม่เป็น ทั้งๆที่ภายนอกก็ดูใหม่มากๆค่ะ เช่น ซีรี่ 3-5 ราคา 7-9 แสน ปียังใหม่ๆก็มี
คำถามคือ มันจุกจิกมั้ยคะ พวกรถเหล่านี้ หมายถึงเอาคันที่เจ้าของดูแลดี ไม่มีชน ไม่น้ำท่วม ซักปี 2003 - 2007
-
รถแม่ผม E34 (เพิ่งขายไป) อายุ 17 ปีก่าๆ ซ่อมแบบเปลี่ยนของแท้ล้วน ผมเพิ่งได้เอามาขับก่อนขาย บอกตรง ฟิลลิ่งยังคงเดิมๆ ใกล้เคียงเดิมที่ออกมา แรงยังได้ กดเป็นมา เร่งสะใจ ขับดี รถเดิมๆ ล้อยังล้อเดิมเลย แต่มั่นใจกว่า G8 อายุ 3 ปีใส่โช็ค tein ss ใส่ล้อ 20" โหลด แปลกใจมากมาย
หากซ่อมถึง ใช้ได้ไกลครับ แต่ E60 ได้ยินมาเยอะ ลองหาอู่นอกดีๆ เผื่อไว้นะครับ ระบบไฟฟ้าเยอะมากๆ และเสียทีก็ นะ พอควรนะครับ
ปล. รถแม่ที่ขายเพราะปีที่แล้ว ซ่อมไปเกือบ 2 แสน ขายได้ 150000 เอง ทำใจ ตอนซ่อม แม่ขอเปลี่ยนของแท้เท่านั้น เลยแพงครับ นี่อู่นอกแล้วนะ อ่อๆ ที่แพงสุด เครื่องน็อค เปลี่ยน short block ไปครับ เกือบๆ 50000 ได้มั๊ง ที่เหลือจะเฉลี่ย เดือนละ หมื่นก่าๆ มีให้เสียได้ทุกเดือน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า อิอิ ตามอายุหละครับ
-
คือตามที่หลายๆทั่นบอก ซ่อมถึงๆโอกาสกินข้าวลิงข้างทางไม่มีหรอกครับ
หรือน้อยมากๆ
จริงๆคือไม่ต้องถึงขนาดเรียกว่าซ่อมถึงหรอกครับ แค่บำรุงรักษาถึง น้ำมันเครื่องเปลี่ยนตามกำหนด น้ำมันเกียร์ น้ำมันพาวเวอร์
Coolant ในหม้อน้ำหายมั่งมั้ย สตาร์ทรถรอเครื่องร้อนก่อนค่อยอัด รอเกียร์ร้อนค่อยลาก ขับแล้ววันนี้มีเสียงอะไรแปลกๆมั้ย ผมเคยใช้ e46 ตั้งแต่ป้ายแดง ประมาน 11 ปี วิ่ง 3 แสนโล
ยังไม่เคยจอดตายกลางทางเลย เต็มที่ก้อจอดอยู่คอนโดแล้วสตาร์ทไม่ได้ ไดพัง อะไรประมานนี้
รถรุ่นเก่า เครื่อง 6 สูบของบีเอ็ม ทนมากนะครับ ผมว่าทนกว่า 4 สูบเทอโบสมัยนี้แน่นอน
แต่อาจจะไม่จัดจ้านเท่า และซดน้ำมันมากกว่า
E60 530 ตอนนี้ผมก้อยังใช้อยู่ ชอบครับพวงมาลัยคม เสียงเครื่องดุ รถแรงพอสมควร ขับสนุก
รถผมวิ่งมา 140000 กว่าๆ ไม่มีอะไรจุกจิก ซ่อมบำรุงตามระยะ ประเภทชิ้นส่วนที่เสื่อมตามอายุครับ
-
ฟิลยังไงก็เหมือนเดิมครัแบบที่หลายท่านว่า แต่จะมีโอกาสเสียมั้ยขึ้นอยู่กับการซ่อมบำรุงนะครับ
-
มันยังสดพอที่จะให้ความรู้สึกถึงคำว่า BMW มั้ยครับ
---- >>> มันไม่สดหรอกครับจะให้มันเอี่ยมได้ไง วิ่งมาเป็นแสนกิโล
แต่ Feeling น่ะมันต้องใช่แน่ๆ เพราะ BMW ก้อคือ BMW วันยังคำ่นะครับ
ฟิลลิ่งมันหายจากตอนป้ายแดงมากน้อยแค่ไหน
------ <>>> มันหายไปมากซิครับ คนจะว้าวไหมล่ะ ป้ายขาวเทียบกับป้ายแดง
โอกาสเสียกลางทางบ่อยแค่ไหนครับ
------ >> ถ้าซ่อมไม่เคลียร์ (หมายถึงอั้นงบซ่อม) รับรองมีได้ลุ้นแน่นอนครับ วิ่งไม่ถึงแสน ก็ได้ลุ้นแล้ว
ที่ตอบแบบนี้ไม่ได้เจตนากวนนะครับ เป็นคนไม่หลอกลวงใคร ถามตรงก็ตอบตรง ถามดีครับแบบนี้
ถ้าจะหลอกคนก็คิดจะหลอกแต่คนรู้จักที่เราไม่ชอบครับ
ตอบแบบคนที่ขับ BMW มือเดียวตลอด 10 ปีครับ ไม่ได้จำเขามาตอบ
-
เท่าที่เคยใช้มา bmw รวมถึง F10 2 ปี จะเริ่ม เข้าสู่กระบวนการซ่อม < 2 ปียังอยู่ใน warranty ก็สบายไป หลังจากนั้นก็ ตุ๊บๆต่อมๆครับ
-
จะใช้บีเอ็มยิ่งมือ 2 แนะนำว่าต้องพอรู้เรื่องรถบ้างครับไม่งั้นปวดหัวแน่ตอนออก e90 มาช่วง 2-3 ปีมีอาการจุกจิกบ้างเล็กน้อยเหมือนกัน
ถ้าไม่ดูช่องทางไว้บ้างเจ็บตัวเรื่องค่าซอมแน่นอนอู่ทีเยอะแต่เข้าไปบางเจ้าก็ฟันหัวแบะเข้าศูนย์หลังหมด BSI เปลี่ยนคอมแอร์ศูนย์เทียบกับร้านข้องนอกที่ทำเฉพาะ
ราคาก็ต่างกันเกินครึ่งแล้วครับ
อย่างน้อยจับอาการรถให้ได้เบื้องต้นก็ยังดีครับแนะนำว่าเบนซ์ในกรณีมือ 2 รถเกิน 5 ปีขึ้นน่าใช้กว่าครับจริงๆผมชอบบีเอ็มมากกว่านะครับ
หลายๆร่นเบนซ์ชอบแค่ไม่กี่รุ่นพูดตามจากประสบการณ์ที่เจอครับถ้าจะไปบีเอ็มจริงๆเช็คประวัติการซ่อมบำรุงให้ดรครับ
-
รถยุโรปเป็นห่วงคือเรื่องอิเล็คทรอนิคครับ ยิ่งยุคหลังๆ ห้าถึงเจ็ดปีมานี่ใส่มาเยอะมาก เปราะบางมาก อากาศบ้านเราร้อน สายไฟ แผงวงจรต่างๆมันจะเสื่อมง่าย แล้วพอมันเสียจะตรวจเช็คยากครับ เพราะดูจากภายนอกมันไม่รู้ว่าจุดไหนเสียมันก็ดูเหมือนๆกันหมด อาจต้องเอา Diagnostic Tools เสียบ แล้วก็ต้องมานั่งแปลรหัส แปลภาษาอังกฤษ ไม่เหมือนพวกระบบเบรคและช่วงล่าง พวกนั้นวิเคราะห์ง่าย เปลี่ยนก็ง่าย นั่นคือความยากลำบากของการเล่นรถยุโรปครับ และก็อีกข้อนึงคือรถยุโรปแอร์มักไม่ค่อยเย็น อย่างน้อยก็เย็นน้อยกว่ารยี่ปุ่นแน่นอน ยิ่งรถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
-
มันยังสดพอที่จะให้ความรู้สึกถึงคำว่า BMW มั้ยครับ
---- >>> มันไม่สดหรอกครับจะให้มันเอี่ยมได้ไง วิ่งมาเป็นแสนกิโล
แต่ Feeling น่ะมันต้องใช่แน่ๆ เพราะ BMW ก้อคือ BMW วันยังคำ่นะครับ
ฟิลลิ่งมันหายจากตอนป้ายแดงมากน้อยแค่ไหน
------ <>>> มันหายไปมากซิครับ คนจะว้าวไหมล่ะ ป้ายขาวเทียบกับป้ายแดง
โอกาสเสียกลางทางบ่อยแค่ไหนครับ
------ >> ถ้าซ่อมไม่เคลียร์ (หมายถึงอั้นงบซ่อม) รับรองมีได้ลุ้นแน่นอนครับ วิ่งไม่ถึงแสน ก็ได้ลุ้นแล้ว
ที่ตอบแบบนี้ไม่ได้เจตนากวนนะครับ เป็นคนไม่หลอกลวงใคร ถามตรงก็ตอบตรง ถามดีครับแบบนี้
ถ้าจะหลอกคนก็คิดจะหลอกแต่คนรู้จักที่เราไม่ชอบครับ
ตอบแบบคนที่ขับ BMW มือเดียวตลอด 10 ปีครับ ไม่ได้จำเขามาตอบ
ไม่กวนครับ ตอบตรง ชอบครับ ;D
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
+1 ครับ แอร์ไม่เย็น เช็คน้ำยา แอร์ คอมแอร์ ถ้าเสียซ่อมเสร็จ ก็ใช้ได้อีกชาตินึงกว่าจะเสีย
เรื่องอิเลคทรอนิคส์ มันไม่ได้เปราะขนาดนั้น
E46 เคยใช้ 11 ปียันขาย อิเลคทรอนิคที่เสียมีแค่กล่อง ABS เอง
E60 เคยจอดับ pdc ดับ เพราะลืมปิดฝาขวดน้ำ 3 ลิตร เอาไว้ท้ายรถ
น้ำหกหมด ปรากฎตรงที่ใส่ล้ออะไหล่ดันมีกล่องควบคุมของ 2 ตัวนี้อยู่ โดนน้ำราดไป 3 ลิตรเลยพัง
นอกนั้น
ไฟแอร์แบคโชว์เพราะถอดประตูมาใส่ Trim แล้วลืมเสียบสายกล่อง แอร์แบค
นอกนั้นก็เป็นเตือน service ต่างๆ ไม่เห็นมันจะเปราะอะไรตรงไหน
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
ผมก็ได้ยินหลายคนพูดเหมือนกันว่า รถญี่ปุ่นแอร์เย็นกว่ารถยุโรป แต่จากประสบการณ์เทียบรถยุโรปกับรถญี่ปุ่นที่บ้าน ผมไม่เห็นว่ารถญี่ปุ่นจะเย็นกว่าตรงไหนเลยครับ หรือบางทีลองนั่งแท๊กซี่ใหม่กี่ทีก็ไม่เห็นเย็นกว่าตรงไหน ผมว่ามันแล้วแต่คันไปมากกว่าไม่เกี่ยวว่าจะยุโรปหรือญี่ปุ่น
ส่วนรถเก่าถ้าคุณลองซ่อม ลองล้างตู้แอร์ เปลี่ยนคอม ยังไงผมว่ามันก็เย็นเท่าเดิมแหละครับ
-
e60 ยังสวยนะคับ
-
ระหว่าง 2 คันนี้ ขับe60 ผมแฮ้ปปี้กว่า
-
จะใช้บีเอ็มยิ่งมือ 2 แนะนำว่าต้องพอรู้เรื่องรถบ้างครับไม่งั้นปวดหัวแน่ตอนออก e90 มาช่วง 2-3 ปีมีอาการจุกจิกบ้างเล็กน้อยเหมือนกัน
ถ้าไม่ดูช่องทางไว้บ้างเจ็บตัวเรื่องค่าซอมแน่นอนอู่ทีเยอะแต่เข้าไปบางเจ้าก็ฟันหัวแบะเข้าศูนย์หลังหมด BSI เปลี่ยนคอมแอร์ศูนย์เทียบกับร้านข้องนอกที่ทำเฉพาะ
ราคาก็ต่างกันเกินครึ่งแล้วครับ
อย่างน้อยจับอาการรถให้ได้เบื้องต้นก็ยังดีครับแนะนำว่าเบนซ์ในกรณีมือ 2 รถเกิน 5 ปีขึ้นน่าใช้กว่าครับจริงๆผมชอบบีเอ็มมากกว่านะครับ
หลายๆร่นเบนซ์ชอบแค่ไม่กี่รุ่นพูดตามจากประสบการณ์ที่เจอครับถ้าจะไปบีเอ็มจริงๆเช็คประวัติการซ่อมบำรุงให้ดรครับ
ลองศึกษาดูครับ
http://bmwfans.info/ (http://bmwfans.info/)
-
แจมด้วยคน ขายG8 Freeed crv ทิ้ง ขับbmw เก่าๆ12ปีดีกว่า มีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับ เวลาลงจากรถมีแต่คนมอง ไปไหนมีแต่คนถาม ;D ;D
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
ผมก็ได้ยินหลายคนพูดเหมือนกันว่า รถญี่ปุ่นแอร์เย็นกว่ารถยุโรป แต่จากประสบการณ์เทียบรถยุโรปกับรถญี่ปุ่นที่บ้าน ผมไม่เห็นว่ารถญี่ปุ่นจะเย็นกว่าตรงไหนเลยครับ หรือบางทีลองนั่งแท๊กซี่ใหม่กี่ทีก็ไม่เห็นเย็นกว่าตรงไหน ผมว่ามันแล้วแต่คันไปมากกว่าไม่เกี่ยวว่าจะยุโรปหรือญี่ปุ่น
ส่วนรถเก่าถ้าคุณลองซ่อม ลองล้างตู้แอร์ เปลี่ยนคอม ยังไงผมว่ามันก็เย็นเท่าเดิมแหละครับ
ลองเข้าไปหาข้อมูลที่ www.bmwsociety.com (http://www.bmwsociety.com) ดูครับ
ที่พูดกันส่วนใหญ่จะพูดถึงเย็นเร็วแล้วก็ไม่ค่อยเสียครับส่วนตัวที่เจอมาก็จริงครับโดยเฉพาะ DENSO ของทั้งที่ใส่ toyota และ lexus
yaris เข้าปีที่ 8 ยังเย็นดีอยู่เปลี่ยนกรองแอร์ปกติ E90 ก่อนขายไปปีที่ 5 คอมแอร์พังได้ร้านข้างนอกครับของแท้แบบเดียวกับศูนย์ถูกกว่าครึ่งนึงประหยัดไป 4 หมื่นได้
ส่วนจะเย็นได้ขนาดไหนอยู่ที่ความสมบูรณ์ของระบบแล้วละครับเคยเห็นร้านแอร์ร้านดังทำ E30 อุณหภฺูติต่ำมากๆได้สบายครับ
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
โอ้ว ไม่มีปัญหาเลยครับ แลกเปลี่ยนกัน ยินดีครับ :)
ผมตอบตามประสบการณ์ผมที่ผมได้รับหน่ะครับ ใช้มาหลายคัน มันไม่เย็นจริงๆ มันเย็นแบบชืดๆ ไม่ฉ่ำ...คือรถยี่ปุ่นมันเย็นกว่า เย็นเร็วกว่า ไม่ต้องเร่งแอร์จนสุดๆ ท่ามกลางแดดร้อนๆ
ส่วนเรื่องสายไฟและอิเล็คทรอนิค ผมก็โดนไปเยอะ ห้าหกปี สายไฟกรอบ แผงวงจรต่างๆพัง ไฟอะไรไม่รู้โชว์เต็มไปหมด
ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่อาจแตกต่าง ผมคงโชคร้ายด้วยครับ
หากเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยจริงๆครับ
-
feeling BMW ผมว่ายังได้อยู่แน่นอนครับ แรงม้าหายไปบ้างไรบ้างก็ตามอายุรถกับการดูแลของเจ้าของเดิมหล่ะครับ
ตายกลางทาง อันนี้ก็อาจจะมีโอกาสได้แล้วแต่สภาพรถ ยังไงได้รถมาแล้วก็ควรเช็ค อะไรเสีย ไม่สมบูรณ์ มีงบก็ควรเปลี่ยนไปเลยครับ เปลี่ยนแล้วใช้ได้ยาวๆแน่นอนครับ
ผมใช้ E39 มาจะ 12 ปีแล้ว 555 ก็มีขึ้นรถ slide บ้างนะครับ ยางแตกทีนึง ช่วงล่างอะไรไม่รู้หักกลางทางทีนึง ขับแล้วรู้ตัวก่อน เลยรีบเข้าข้างทาง
ณ ตอนนี้ขับมา 289,000 km แว้ววว เครื่องกะเกียร์เดิมไม่เคยเปลี่ยนไม่เคยเสีย แถมบวกหอยเล็กๆมาด้วย ยังใช้งานได้ดีอยู่เลยครับ
เล่นรถอายุมากแล้ว ขับๆก็คงต้องสังเกตอาการผิดปกติของรถ เสียงอะไรแปลกๆ ก็ควรจะหมั่นสังเกตไว้ครับ
E60 ตอนนี้ราคาดีมากครับ รถยังสวยมาก แต่แล้วโหดมากมาย สรุปน่าใช้ครับ
-
รถยุโรปเป็นห่วงคือเรื่องอิเล็คทรอนิคครับ ยิ่งยุคหลังๆ ห้าถึงเจ็ดปีมานี่ใส่มาเยอะมาก เปราะบางมาก อากาศบ้านเราร้อน สายไฟ แผงวงจรต่างๆมันจะเสื่อมง่าย แล้วพอมันเสียจะตรวจเช็คยากครับ เพราะดูจากภายนอกมันไม่รู้ว่าจุดไหนเสียมันก็ดูเหมือนๆกันหมด อาจต้องเอา Diagnostic Tools เสียบ แล้วก็ต้องมานั่งแปลรหัส แปลภาษาอังกฤษ ไม่เหมือนพวกระบบเบรคและช่วงล่าง พวกนั้นวิเคราะห์ง่าย เปลี่ยนก็ง่าย นั่นคือความยากลำบากของการเล่นรถยุโรปครับ และก็อีกข้อนึงคือรถยุโรปแอร์มักไม่ค่อยเย็น อย่างน้อยก็เย็นน้อยกว่ารยี่ปุ่นแน่นอน ยิ่งรถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
ติดตรงแอร์ยิ่งเย็นน้อยครับ มีคนล้างแอร์ E39 มา
(http://upic.me/i/oj/36089770a.jpg) (http://upic.me/show/50688062)
-
ระหว่าง 2 คันนี้ ขับe60 ผมแฮ้ปปี้กว่า
E60 สวยมากครับ
แจมด้วยคน ขายG8 Freeed crv ทิ้ง ขับbmw เก่าๆ12ปีดีกว่า มีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับ เวลาลงจากรถมีแต่คนมอง ไปไหนมีแต่คนถาม ;D ;D
รถยังสวยวิ้งอยู่เลยครับ เจ้าของดูแลดีมากแน่ๆ
-
:-\ :( ;D
รถเก่า แอร์ยิ่งเย็นน้อยลงไปอีก เพราะมันเสื่อม ไม่เหมือนรถยี่ปุ่น แอร์เย็นมาก และเย็นตลอด
------------------------- >> ด้วยความเคารพ ไม่ได้เจตนาขัดคอ ไม่ได้แน่เสมอไปนะครับ
VIOS เก่าพอๆกับ BMW ขนาดเอาไปล้างตู้แอร์เติมนำ้ยามา ยังเย็นไม่เท่า BMW ที่ไม่ได้ยุ่งกับระบบแร์ เลยนะครับ
มันอยู่ที่รุ่นรถและขนาดของ Compressor แอร์ในรุ่นนั้นๆด้วยนะครับ
อ่านแล้วมันไม่ใช่ครับ เลยขอตอบ
+1 ครับ แอร์ไม่เย็น เช็คน้ำยา แอร์ คอมแอร์ ถ้าเสียซ่อมเสร็จ ก็ใช้ได้อีกชาตินึงกว่าจะเสีย
เรื่องอิเลคทรอนิคส์ มันไม่ได้เปราะขนาดนั้น
E46 เคยใช้ 11 ปียันขาย อิเลคทรอนิคที่เสียมีแค่กล่อง ABS เอง
E60 เคยจอดับ pdc ดับ เพราะลืมปิดฝาขวดน้ำ 3 ลิตร เอาไว้ท้ายรถ
น้ำหกหมด ปรากฎตรงที่ใส่ล้ออะไหล่ดันมีกล่องควบคุมของ 2 ตัวนี้อยู่ โดนน้ำราดไป 3 ลิตรเลยพัง
นอกนั้น
ไฟแอร์แบคโชว์เพราะถอดประตูมาใส่ Trim แล้วลืมเสียบสายกล่อง แอร์แบค
นอกนั้นก็เป็นเตือน service ต่างๆ ไม่เห็นมันจะเปราะอะไรตรงไหน
e60 ตัวจริง มาตอบเอง ผมคอนเฟริม e60 จุกจิกน้อยกว่า 39 เยอะคับ
แต่ถ้าซ่อมศูนย์ บอกเลย ตายแน่คับ
-
::) :( >:( :)
ผมว่าสมาชิก Headlightmag นิสัยดีนะครับ เน้นแนวแมนๆ มีอะไรคุยกันตรงๆ
ทำให้มีความมันในการแชร์ข้อมูลแบบลึกๆ
เข้ามาช่วงแรกๆ ตอบกระทู้แบบตรงๆแล้วเอากลับไปนอนเสียวที่บ้าน ว่าตรูจะโดนดักปาหินใส่รถไหมฟระเนี่ย
-
ขับ E39 เกือบ 8 ปีใช้ดีมากครับ แอบเคืองตอนที่มีคนบอก E39 อืด
แต่พอลองขับรุ่นใหม่ๆดู เข้าใจเลยว่ามันอืดยังไง ::) (เกี่ยวกับ จขกท ถามตรงไหนเนี่ย??)
สรุป E60 รถดีครับแนะนำให้ใช้เลย ราคาไม่แรงเมื่อเทียบตอนมือหนึ่ง
โอกาสตายกลางทางน้อยมาก ซ่อมจบใช้ยาว อู่นอกเก่งเยอะครับ ขอให้เจอเนื้อคู่ดีๆครับ ;D
-
ขอบคุนครับ ^^
ระหว่าง 2 คันนี้ ขับe60 ผมแฮ้ปปี้กว่า
E60 สวยมากครับ
-
e60 ยังสวยนะคับ
E60 งามมาก ผมว่า มันใหม่ ดูจากภายนอก ถ้าดูทั่วๆไป ผมว่า หน้า หลัง ข้าง ด้านหลัง
คิดว่าเป็นรถรุ่นล่าสุดเหมือนกันเลยอะท่าน เบนซ์ตัวนี้ก่อนไมเนอร์ ปี 2010-2013 แต่เจ้า E60 เป็นโฉมปี 04-10
ผมหน้าตา ทั้งคัน ภายนอก ภายใน สู้ได้ ชนิดคนขับรถบนท้องถนนทั่วไป ไม่รู้แน่นอนกว่า สองรุ่นนี้ Bmw E60 โฉมนี้จะ 10 ปีแล้ว
มันช่างสวยจริงๆ รถยุโรปในฝันของผมที่ดูไว้ รุ่นนี้ แหละครับ ที่หากมีเงิน แล้วจะเอื้อมถึงได้ เท่าที่ทราบ ราคามือสอง อยู่ที่ 1.1 ล้าน ถึง 2 ล้านบาท
รถเจ้าของกระทู้ สวยมากครับ ทั้งคันเลย
-
หน่วยงานภาครัฐควรจะมีการจัดอบรมให้ความรู้โครงการบีเอ็มคันแรกแก่ประชาชนนะครับ 55
-
ฟิลลิ่งมันไม่หายหรอกครับ เพราะขึ้นอยู๋กับการดูแลรักษา แต่เรื่องความแรงคงต้องมีตกลงไปบ้างแหละครับ
แต่เล่นมือสองยังไงเตรียมค่าซ่อมไว้ด้วยนะครับ ยิ่ง E60 ซ่อมแพงสุดเลยครับ ทั้งระบบแอร์ แล็คพวงมาลัย หน้าจอ เกียร์
ผมซื้อมือสองมา 3 ปีซ่อมไปจะ 3แสนแล้วครับ ถ้าปีนี้โดนเกียร์ด้วยก็ 4 แสนกว่าครับ แต่ซ่อมแล้วไม่จุกจิกนะครับ ไกลแค่ไหนก็ไปได้ครับขอให้ซ่อมให้สุดครับ แต่อย่าซ่อมศูนย์นะครับ
จริงอยู่ E60 ไม่จุกจิกเท่า E39 แต่พอรวมบิลทั้งปีออกมาแล้ว E39 ผมซ่อมถูกกว่าครึ่งนึงครับ วิ่ง กม เท่าๆกัน
ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้คือ Sensor ฝากระโปรงหน้าของ E60 มันจะเสียเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้ามันเสียคือ Lock รถไม่ได้ กันขโมยมันจะร้องตลอดเวลา เปลี่ยนใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะเสียอีกเมื่อไหร่
ส่วนเรื่องแอร์ ผมยืนยันอีกคนว่ายังไงก็เย็นสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้ครับ ขนาดผมติด VK-30 รอบคัน ช่วงนี้กลางวันเปิด 18c ยังเย็นสู้ Vios โฉมแรกที่ติด Lamina รุ่นถูกๆไม่ได้เลยครับ
-
หา 520i ถูกๆซักคัน เอาราคาต่ำๆไว้ก่อน แล้วสั่ง 545i จากญี่ปุ่นสวยๆเยอะแยะ ตัดหัว-ท้าย เข้ามา จากนั้นก็ทำการแปลงร่าง สลับอะไหล่
ก็จะได้ 545i แรงแบบนิ่มๆใช้ยาวๆ
แนบรูปมาให้ดู 545i NB44
-
BMW 5 E60 VS Mercedes-Benz E-class 2008
ของเจ้าของกระทู้ สวยกินขาดเลย ดีหน่อย ช่วงหลังๆมาเบนซ์เข้าใจตลาดออกแบบรถใหหรู และดูสปอร์ตเหมือน BMW มาขึ้น
(http://image.ohozaa.com/i/g50/IZWAsL.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xxOkdN4KZW9nWZEG) (http://image.ohozaa.com/i/fb0/75uTPf.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xxOkeR0NQHbEeqmm)
-
ได้อ่านความเห็นของทุกๆท่านแล้วครับ ไปในทางเดียวกันเลยคือยังมีฟิลลิ่งของ BMW เหลืออยู่
ตอนนี้ผมเองก็นั่งหารถไปเรื่อยๆ ชอบสีดำครับ ใครมีเบาะแสรบกวนหลังไมค์ได้นะครับผม
หรือท่านใดมีประสบการณ์อยากแชร์เพิ่ม ยินดีมากเลยครับ
ขอบคุณทุกๆท่านที่สละเวลาตอบนะครับผม ขอบคุณครับ
-
1. ขึ้นกับสภาพ แต่สำหรับ E60 ยังสดพอแน่นอนครับ นอกจาก สภาพกรังๆ วิ่งไป 4-5 แสนโล ไรงี้ ซึ่งก็คงไม่มี
2. ถ้าดูแลรถดี โอกาสน้อยมากครับ
ตอนผมใช้ E39 เคยตายกลางทาง 2 ครั้ง เกิดจาก หม้อน้ำรั่ว กับ สายพานขาด ครับ
ส่วนใหญ่ รถยุโรป ถ้ามันจะมีปัญหา ก็เกี่ยวกับเรื่อง ความร้อน หม้อน้ำ ประมานนี้ครับ
-
กรณีของแอร์นั้นเย็นสู้วีออสไม่ได้เพราะวีออสไม่มีส่วนของฮีทเตอร์ครับ รถที่ไม่ได้ตัดระบบฮีทเตอร์ทิ้งไปแบบในโตโยต้าหลายๆรุ่นจะมีลิ้นตัดต่ออากาศรับทั้งลมร้อนและเย็นเข้ามาในเวลาเดียวกันตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ร้อนไปก็รับลมเย็นมาเพิ่ม เย็นไปก็รับลมร้อนมาเติมแบบนี้สลับกันไปจนได้ตามต้องการ ทีนี้ประเทศไทยทีี่อากาศร้อนมากๆเวลาจอดตากแดดนานๆแล้วเปิดแอร์ดับความร้อน ระบบแอร์ทึ่ต้องตัดต่ออากาศย่อมที่จะทำความเย็นไล่อากาศร้อนไม่เร็วเท่ารถที่ไม่มีฮีทเตอร์หรือลิ้นตัดต่ออากาศอยู่แล้ว แต่พอให้เวลา15นาทึไปคุณจะไม่พบความต่างอะไรเพราะสุดท้ายรถก็จะเย็นดับร้อนเท่ากัน พอเย็นเท่ากันแล้วรถที่รับแต่ลมเย็นอย่างเดียวนั่นแหละจะลำบากเพราะในรถจะหนาวเกินไป จะปรับอุณหภูมิให้หนาวน้อยลงก็ไม่ช่วยเท่าไหร่เพราะทำได้แค่คุมแรงลมที่เป่าออกมาแต่ระบบทำความเย็นยังทำงานเต็มที่อยู่ มันคุมไม่ได้ดังใจหรอก
อนึ่ง รถทึ่ระบบแอร์มีปัญหามีแต่ลมร้อนออกมาเพราะกลไกลิ้นตัดต่อค้างแล้วช่างชุ่ยๆจะให้ตัดระบบการทำงานลิ้นตัดต่อออกอจ่าทำนะครับ เพราะรถคุณจะคุมอุณหภูมิไม่ได้ ตอนกลางวันอากาศร้อนๆไม่เท่าไหร่แต่ตอนกลางคืนที่ไม่ร้อนนี่เย็นหนาวเกินพอดีไปเลย :-X
-
E60 เป็นรถที่ดีมาก สวย สปอร์ท น่าหามาใช้ครับ
ค่าซ่อม จุกจิก ผมว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ผมเข้าอู่นอกแถววัดยาง อ่อนนุช ดูแลกันมาตั้งแต่ E34
หลังหมด bsi มาสองปี ซ่อมยังไม่ถึง 50,000
จนตอนนี้ออก F10 มา ตั้งแต่จะขาย เจ้า E60 520d
แต่กลายเป็นว่า รักทั้งคนใหม่คันเก่า ยังตัดใจขายไม่ลง
เชียร์ E60 ครับ ^^
-
คำถามข้อแรก --ความรู้สึกถึงคำว่า BMW ?
ตอบยาก..
ถามพี่บิลลี่ดีกว่า 55
-
BMW 5 E60 VS Mercedes-Benz E-class 2008
ของเจ้าของกระทู้ สวยกินขาดเลย ดีหน่อย ช่วงหลังๆมาเบนซ์เข้าใจตลาดออกแบบรถใหหรู และดูสปอร์ตเหมือน BMW มาขึ้น
(http://image.ohozaa.com/i/g50/IZWAsL.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xxOkdN4KZW9nWZEG) (http://image.ohozaa.com/i/fb0/75uTPf.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xxOkeR0NQHbEeqmm)
ขอบคุนมากๆครับ แต่ผมไม่ใช่ จขกท ครับ อิๆ
-
จัดเลยครับ
รุ่นนี้ไม่จุกจิกเลย พี่ผมใช้ E60 525i SE LCI ปัญหาน้อยมากๆครับ แต่เปลี่ยนอะไรทีก็โหดเอาเรื่อง
บอดี้ก็ยังสดใหม่มากๆครับ จับแต่ง M ผมว่าหล่อที่สุดใน BMW แล้วหละ
-
ซื้อเลยครับ หาอู่นอกที่ไว้ใจได้ เลือกที่สภาพดูดี รถ5 - 6 ปี ถ้าเจ้าของเดิมใช้รักษา ไม่มีเรื่องต้องเสียเงินมากมายหรอกครับ
ยังไงเตรียมงบสักแสนหนึ่ง ไว้เผื่อมีปัญหานะครับ
ผมใช้ E36 323 ia ปี 1998 ซื้อมือสองจากเต้นรถ ใช้มา 11 ปี แล้ว ยังไม่คิดเปลี่ยนเลย วันนี้เพิ่งเอวสมุดทะเบียนไปเปลี่ยนเล่มใหม่ ที่พิมพ์บันทึกรายการเสียภาษีมันเต็ม !!! ผมว่ามันไม่จุกจิกนะ มีอะไหล่ให้เลื่อกเปลี่ยนทั้งของใช้แล้ว ของใหม่ ฟิลมันไม่เปลี่ยนหรอกถ้าเราใส่อะไหล่ให้มันเหมือนเดิม หรือเลือกใส่ของที่ดีกว่าโรงงาน ฟิลยิ่งดีใหญ่
-
โอกาสเสียกลางทาง แทบเรียกได้ว่าเป็น 0 ครับ ฮาาา ถ้านับเทียบเป็นอัตราส่วนกับจำนวนครั้งที่ขับออกจากบ้านนะครับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการสังเกตุอาการรถ และการบำรุงรักษาอย่างถูกจุดครับ ส่วนแรกขึ้นอยู่กับเรา อีกส่วนขึ้นอยู่กับช่างครับ อิอิ
W124 ที่บ้านผมใช้มา ตั้งแต่ผมเล็กจนโต เท่าที่จำได้เสียกลางทางไม่น่าเกิน 3 ครั้งครับ ในช่วงการใช้งาน 20 ปี
-
E36 เคยตายเพราะ overheat อย่างเดียวครับ
วาล์วน้ำเสีย อีกรอบ หม้อน้ำพัง
-
รถพ่อผม 525i SE E60 ปี 2007 เครื่องฝาขาว เกียร์ไม่ไฟฟ้า
ซื้อมือสองมา เมื่อปี 2011 ใช้มาจนถึงตอนนี้ พอจะสรุปได้ว่า
ซ่อมแพง แต่ ไม่จุกจิก ครับ เข้าอู่ไม่บ่อย แต่เข้าทีก็ เป็นหมื่นตลอด
หลังจากหมด BSI เคยซ่อมใหญ่จริงๆ ครั้งนึง เปลี่ยนอะไหล่ช่วงล่าง
กับเครื่องยนต์หลายชิ้น โช้คใหม่ ของเหลวทั้งคัน ทำอู่นอก โดนไป 70,000
แต่รถออกมา แน่นปึ้กเลยครับ ที่เหลือก็ Maintainance ทั่วๆไป มีโดนเปลี่ยนนู่นนี่บ้าง
-
อยากให้คุณ Jelly69 ได้ BMW ในโอกาสที่เหมาะสม ;)
1. ควรจะมีเงินเดือนพอสมควร มีเงินก้อน เพื่อซื้อเงินสด หรือดาวน์ และผ่อนน้อยๆ
2. หาอู่ใกล้บ้าน ทำความคุ้นเคยกันไว้ก่อน
3. ควรเลือกซื้อรถอายุไม่เกิน 5 ปี
4. เลือกรถสภาพดี ทดลองขับว่าเครื่องยนต์ยังเหมือนเดิม
5. ถ้าเจอรถแล้ว ซื้อเอาไว้ก่อน ใช้ระยะหนึ่งแล้วค่อยทำสีใหม่ เปลี่ยนเป็นสีดำตามต้องการ
-
ขอถามเพิ่มในนี้นะครับ
e60 520d lci เกียร์ไฟฟ้า ประมาณปี 2008 เป็นไงบ้างครับ น่าเล่นไหม
แล้วตัวนี้ไม่ใช่ active steering ใช่ไหมครับ