Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: Northbridge ที่ พฤษภาคม 04, 2014, 01:48:05
-
ว่ากันตรงๆก็คือตื่นเต้นมากครับ นี่คือกระทู้แรกของผมที่จะเป็นการเริ่มโพสด้วยตัวเอง ก็เลยตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่ที่ได้ถอยรถคันนี้มาแล้วครับ ว่าจะทำ User's Voice ลงที่นี่
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ปี 56 ผมเพิ่งเรียนจบและทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านปทุมธานีได้ราวๆ 2 เดือนเศษครับ ตอนนั้นผมใช้รถ Nissan B14 เครื่องพันห้าเกียร์ออโต้ ปี 95 ติด LPG โดนัท เป็นรถที่บ้านที่ใช้มาตั้งแต่มือแรก
ขับออกมาจากโรงงานกำลังกลับบ้าน รถปูนมหาประลัย เบรคแตกก็พุ่งเข้าใส่ท้ายรถผม จังหวะที่ผมหยุดรอคนข้ามถนน (มีรถต่อคิวอยู่สามสี่คัน) สภาพออกมา ก็พังยับ ส่วนตัวผมก็ปลอดภัยดีไม่บาดเจ็บอะไร
หลังจากนั้นก็เลยต้องเอารถจ่ายกับข้าวทีบ้านซึงเป็น Honda City V A/T รุ่นไมเนอร์เช้นสุดท้ายก่อนเปลี่ยนโฉม มาขับไปทำงานไปพลางๆ
ผมเป็นคนที่ขับรถวันนึงเยอะครับ ตั้งแต่สมัยเรียนก็ขับไม่ต่ำกว่าวันละ 80 กิโลเมตร รถเก่าๆนั้นแหละครับ มาทำงานก็ขับเยอะ เพราะว่าผมเป็นเซล
แต่ก็ไม่ได้วิ่งเยอะอุตลุตแบบที่ใครหลายคนต้องคิดว่าเซลจะวิ่งแบบนั้นหรอกนะครับ
ก็เลยเป็นโจทย์ ให้กับรถใหม่ที่จะเลือกมาใช้งานที่ผมคิดขึ้นมาเอง ในงบราวๆ B-C segment ก็คือ
1. รถคันแรกนี้ผมจะครอบครองด้วยตนเอง มันต้องใช้งานได้ทุกวัน ไม่ตายกลางทาง เพราะผมขับรถวันหนึ่งเยอะมาก
2. เกียร์ธรรมดา ด้วยเพราะความชอบส่วนตัว และคิดว่ามันน่าจะเอาไปเล่นซนอะไรต่อได้อีกถ้าเราอยาก (ยังไม่มีแพลน)
3. ต้องพอให้ขับได้สนุกได้ในระดับหนึ่ง เครื่องยนต์ต้องมีสมรรถนะที่โอเคในระดับของมัน ประหยัดน้ำมันได้พอควร อัตตราเร่งต้องไม่ใช่รถที่เป็นท้ายตาราง (เมื่ออ้างอิงจากรีวิวของเจ้าของเว็บ)
4. ต้องไม่โหลเกินไป ดังนั้น Civic, Corolla ตกรอบไปเลย
5. เป็นรถที่ใช้งานจริงจัง และใช้เยอะ ศูนย์บริการต้องพอไว้ใจได้ "โดยส่วนตัว" คงตัดฟอร์ดออกไปทันที เชฟโรเลต อาจยังคิดหนัก แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบ GM อยู่แล้ว ... (เหยียดแบรนด์กันชัดๆ)
ในสมองผมก็มี Honda Jazz M/T ขึ้นมาเป็นชอยส์แรกเลยครับ ประกอบกับเห็นรีวิวนี้ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,23097.0 (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,23097.0)
Jazz M/T คอมโบกับล้อ Modulo มันลงตัว มาาาาาก
แต่ด้วยความที่เมื่อสมัย Sylphy และ Pulsar เปิดตัวใหม่ๆ ผมได้ไปผุดลุกผุดนั่งอยู่นาน และจำความรู้สึกได้เลยว่า ชอบภายในของเจ้ารถรุ่นนี้มาก และคิดว่าถ้าต้องขับรถตลอดๆ นานๆ ถ้าได้นั่งใน cabin แบบนี้ ก็คงจะดีไม่น้อย
อีกทั้งยังเป็นรถ C Segment โอ่โถง และขับสบายกว่า B segment อยู่พอสมควร
ประกอบกับมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีก่อน ก็มาพร้อมกับโปรดอกเบี้ยถูกพอดี
อีกทั้ง Jazz M/T ทางบ้านก็ดูจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไร
ก็เลยตัดสินใจ จอง Sylphy 1.6 S M/T ไปด้วยเหตุผลแบบ งงๆ มาจนถึงทุกวันนี้
-
Sylphy นั้นเป็นรถ C Segment ที่ผมมีความรู้สึก ถูกตาถูกใจผมที่สุด (ถ้าไม่นับรวม Mazda 3 Skyactiv)
เพราะคาแร็คเตอร์ของมันนั้น ฉีกแนวจากตลาดที่เรามักจะได้ยินแต่ สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต
จนผม เอียนนน ถึงแม้จะเป็นคนชอบขับรถ แต่ก็ไม่ได้อยากจะ สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต อะไรขนาดนั้นนักหรอกนะครับ
ซึ่งมันมาในแนวที่ดูหรูหรา (บางคนบอกแก่) ประกอบกับผมประเมินดูจากตัวเลขสมรรถนะ ในรุ่น CVT จากรีวิวของเจ้าของเว็บนี้
ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ทำให้ผม อ้าปากค้างตอนอ่านรีวิวได้อยู่พอสมควร (0-100 ใน 11 วิ ประหยัดน้ำมัน 16 โล/ลิตรกว่าๆ)
ซึ่งใครที่เคยตามอ่านรีวิวของคุณ J!MMY ชนิดแฟนพันธุ์แท้ น่าจะเคยอ่านรีวิวของ ไอ้ติ๋ม Tiida โดยเฉพาะตัว 1.6
ที่ผมคิดว่าเครื่อง HR16DE ในทีด้าบล็อคนั้น น่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ efficiency และ performance ดีมากๆเครื่องหนึ่ง
ตลอดจนเทคโนโลยีก็ยังไม่น่าจะซับซ้อนนัก (ยังไม่ใช่พวกเครื่องฉีดตรง เทอร์โบ) แต่ให้สมรรถนะในเกณฑ์ที่ผมพอใจ
และพอมาเป็นเวอร์ชั่นใน Sylphy ก็เป็นแบบหัวฉีดคู่อีกเสียด้วย
แต่ติดที่เรื่องของความน่าเบื่อของเกียร์ CVT ตอนที่ผมไปลองขับ ความรู้สึกมันเหมือน เหยียบอยู่บนยางหนังสติ้ก รัดถุงกับข้าว แบบนั้นน่ะครับ แต่เข็มความเร็ว กับรอบเครื่อง มันก็กวาดได้กวาดดีน่ะครับ
ก็เลยยิ่งตอกย้ำความเชื่อของผมว่า เราต้องเข้าแคมเปญ "Save the Manuals" แล้วเท่านั้น สำหรับการซื้อรถในคราวนี้ของผม
-
ภายนอกนั้น มันมีมุมสวย และมุมไม่สวยของมัน (สไตล์รถสมัยนี้)
ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกนั้น ก็มีส่วนในการตัดสินใจซื้อรถของผมอยู่ถึงราว 30% ในการเลือกครั้งนี้เลยครับ
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/DSC_2292.jpg)
ส่วนตัวคิดว่ามุมที่สวยที่สุดของมัน คือมุมมองจากด้านข้าง มองเข้าไปตรงๆครับ
มันจะเห็นเส้นสาย ลายบ่าที่พาดไปกลางตัวรถที่สวยดีเหมือนกัน
ส่วนมุมที่ผมไม่ชอบเลยคงจะเป็นตูด ที่มันใหญ่ตามสไตล์รถเก๋งนิสสันยุคนี้ ที่เน้นเรื่องการโดยสายของผู้โดยสารเบาะแถวหลัง
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/DSC_2298.jpg)
ภายนอกถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่น low grade สุดๆ ซึ่งพูดเลยว่า ช้ำใจเวลาที่เห็นแท็กซี่เขาเอารุ่น 1.6V ไปทำเขียวเหลีอง
เพราะจุดแตกต่างกันมันแยกไม่ค่อยออกเลยครับ ล้อก็เป็น 16 นิ้วลายเดียวกันหมดทุกรุ่นตั้งแต่ 1.6S ถึงตัวท็อป 1.8 จะมีก็แค่ ตัว SV ที่ได้ล้อลายคล้ายๆพัลซ่า รมสีเทาๆดำๆ มาเท่านั้นเอง
จุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือป้ายด้านหลัง ตรงคำว่า Pure Drive สีน้ำเงินๆ ถ้าเป็นรุ่น M/T ก็จะไม่มีคำว่า X-tronic CVT
และไฟเลี้ยวที่ขอบกระจกส่องข้างรถ ก็จะไม่มี กลายเป็นไฟเลี้ยว LED ติดแก้มรถมาแทน
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมมักโดนเพื่อนถามเสมอเวลาขับรถตาม ๆ กัน ก็คือเรื่องของไฟหน้า
"เห้ย รถมึงไม่มี daytime running light หรอวะ"
ผม "........"
ต้องเรียนว่าไฟเม็ดๆ LED ด้านหน้าของซิลฟี่นั้นมันเป็นไฟหรี่ครับ ไม่ใช่ DRL
และที่สำคัญ ในรุ่น 1.6S M/T และ 1.6S CVT ก็จะไม่มีมาให้ เป็นโคมหลอก ๆ ติดไว้แบบนั้นแหละครับ
ถ้าจะติด ก็ต้องเอาโคมไปเจาะ หรือสั่งอะไหล่โคมไฟหน้าของรุ่นอื่นมาใส่
ตัวนี้ไฟหรี่ก็จะเป็นแบบหลอดฮาโลเจน ธรรมดา ๆ นั้นเอง
-
สิ่งที่ผมน่าจะโอเคที่สุด กับรถคันนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของการตกแต่งภายใน
ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่น low grade ที่สุดในตระกูล แต่ข้าวของก็ให้มาในระดับที่ "พอแดกได้"
วิทยุหน้าตานั้นก็คล้ายๆกับตัว 1.6V ครับ ใช้งานเข้าใจง่ายดี มีช่อง Aux-In มาให้ แต่อืม ขอโทษครับ ไม่มี USB อันนี้่ทำเอาเซ็งมาก
เพราะว่าการเสียบเพลงเล่นจาก USB นั้นผมว่ามันให้คุณภาพเสียงดีกว่าการเสียบ Aux. jack เล่นเอาจากไอแพดไอพอดอะไรพวกนี้พอสมควรเลยทีเดียว
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/DSC_2300.jpg)
บ่นเรื่องวิทยุยาวเหยียด มาถึงส่วนอื่นๆ รวม ๆ ก็ต่างจากรุ่น V ที่ไม่มีแผงลายไม้ (ถูกใจมาก ผมไม่ชอบลายไม้รถญี่ปุ่น)
แต่วัสดุบุนุ่มอื่นๆที่เคยมีในรุ่น V ก็ยังมีมาให้ครบทุกจุดที่เราได้สัมผัส เว้นก็เสียแต่ พวงมาลัยที่กลายมาเป็นวัสดุยูรีเทน ธรรมดาๆ ดูแล้วบางทีก็ชวนเสียอารมณ์เหมือนกันครับ
นอกจากนี้บนพวงมาลัย ยังไม่มีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง หรือควบคุมวิทยุ แบบในรุ่น V แต่ยังเหลือปุ่มมาให้ปุ่มหนึ่ง
คือปุ่มสำหรับควบคุมการทำงานของหน้าจอ MID มาให้อยู่ ซึ่งผมชอบมาก เพราะอย่างใน City ที่บ้าน ยังต้องเอื้อมมือเข้าไปกด ไอ้ก้านๆ บนหน้าปัดอยู่ มันค่อนข้างไม่สะดวก
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/DSC_2306.jpg)
หน้าปัด ถ้าสังเกตกันดีดี ก็จะพบว่าไม่เหมือนกับตัว V ตรงที่ไม่มีกรอบวงๆ ที่เป็นสีเงินๆครอบวัดรอบกับครอบเข็มวัดความเร็ว นอกนั้นการใช้งาน ก็แทบจะเหมือนๆกันทั้งหมดครับ
ทั้งการปรับเพิ่มลดความสว่างของไฟส่อง ตลอดจนฟังก์ชั่นการปรับระดับไฟหน้าให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก (ด้วยสวิทช์)
ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาแบบปรับได้ กระจกพับไฟฟ้า กระจกไฟฟ้าขึ้นลงออโต้ ก็มีมาให้ครบครัน
รายละเอียดก็ลองไปช้อปดูเอาในรีวิวของเจ้าของเว็บเอาแล้วกันนะครับ ...
-
รายละเอียดการตกแต่งภายในอื่นๆ อย่างเช่น ไฟส่องแผนที่ ที่เก็บแว่นตากันแดด ที่วางแขนด้านซ้ายมือ ที่วางแก้วน้ำ ก็มีเหมือนๆ กับในรุ่นเกรดสูงกว่าด้วยกันหมด
การนั่งขับขี่ และโดยสารในเบาะหน้านั้น เบาะนั่งสามารถรองรับกับบั้นท้าย และขาของผมได้ "ในระดับหนึ่ง" ผมยังคงชอบลักษณะของพนักพิงที่มีการดันหลังในแบบแข็งๆของ City คันที่บ้านมากกว่า
แต่ถ้าในเรื่องของการซัพพอร์ตด้านข้าง และความผ่อนคลาย ผมว่า Sylphy ค่อนข้างโอคเกว่า ส่วนพนักพิงที่ว่าดันหัวนั้น ดันจริงครับ แต่สำหรับผมเองยังไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไรนัก
พวงมาลัยนั้นสามารถปรับตั้งได้แบบ telescopic (ชักเข้าชักออกปรับได้) แต่ก็ยังคงพบปัญหาว่า ขาของผม ก็ยังคงยาวเกินไปสำหรับการปรับตั้งเบาะให้เหมาะสมกับตำแหน่งในการถือพวงมาลัยที่ถูกต้อง
ก็เลยต้องหยวนๆกันไป ปรับเบาะถอยออกมาให้สามารถนั่งขับรถในท่าที่ไม่ปวดเมื่อยสะโพก
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/DSC_2318.jpg)
ไฮไลท์สุดๆของการโดยสารไปกับเจ้า Sylphy นี้ก็คงจะเป็น การที่ได้นั่งเบาะโดยสารตอนหลังนี่ล่ะครับ
ผมขับรถตัวเองมาถึงเช็คระยะ 10000 กิโลเมตร แทบจะยังไม่เคยมีโอกาสได้นั่งโดยสารไปบนเบาะหลัง จนกระทั่งวันนึง ผมได้นั่ง แล้วมีคนช่วยขับไป
ก็พบว่า เบาะหลังนั้นรองรับสรีระร่างกายได้อย่างสบายมาก ถึงแม้บางทีฟองน้ำในเบาะ ก็อาจจะรู้สึกว่า นิ่มเกินไปนิดหนึ่งก็ตาม
นอกจากนี้่ที่ประทับใจก็คือ บรรยากาศเวลามองออกไปด้านหน้า จะรู้สึกว่า คอนโซลหน้ารถ มันโปร่ง โล่งสบาย ดีจริงๆครับ
ตลอดจน headroom สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ก็ยังคงพอกล้อมแกล้มในระดับที่ผมว่าคนไทยไม่น่ามีปัญหา ผมสูง 176 ยังนั่งได้หัวไม่ติด
ในขณะที่ถ้าผมไปนั่งแท็กซี่ที่เป็นโคโรล่า หัวผมมักจะมีปัญหากับหลังคาด้านหลังเป็นประจำ
แต่ช้าแต่ ในรุ่น 1.6S นี้ ไม่มีช่องแอร์ด้านหลังมาให้เหมือนรุ่น V นะครับบบ :D
นอกจากนั้นที่ทำให้ผมรำคาญใจก็คือ เบาะหนังที่แถมมาจากศูนย์ ที่ฝีมือการตัดเย็บตะเข็บไม่เอาไหน คงจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ผมไม่ชอบ
-
สำหรับคืนนี้ก็คงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนละนะครับ
ระหว่างนี้คอมเมนท์กันได้ตามสะดวก และปิดไว้ด้วยคลิป flat out บนทางวิ่ง ของรถผมไว้ให้ดูกันต่างหน้า
แล้วเดียวพรุ่งนี้ จะแวะมาเล่าเรื่องของการควบคุม สมรรถนะ และอัตตราสิ้นเปลือง ให้ได้ฟังกันครับ
Nissan Sylphy 1.6 m/t conpletely stock flat out (http://www.youtube.com/watch?v=KFe9tL74MxQ#)
-
จาก reply ด้านบน หากใครลองคลิกขยายดูซูม full screen ก็จะพบว่า อัตราเร่ง 0-100kph
น่าจะอยู่ที่ราวๆ 10.5 วินาที ซึ่งก็ตรงกับการจับเวลา (แบบหยาบๆ) ที่ผมได้ทดลองในการวิ่งครั้งนั้นครับ
เมื่อเทียบกับตัว CVT ที่อัตราเร่ง 0-100 อ้างอิงจากรีวิวของเว็บนี้ ก็จะอยู่ที่ราวๆ 11.3 วิ ก็จัดได้ว่าเป็นรถ C Segment 1.6 ที่มีอัตราเร่งอยู่ในระดับหัวตารางอยู่แล้วครับ
จุดได้เปรียบของ รถ M/T นั้นอยู่ที่ จังหวะออกตัว ที่สามารถเลี้ยงรอบรอ แล้วออกตัวในลักษณะ ดีดคลัชออกได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนฟีลลิ่งในเรื่องอัตตราเร่ง แน่นอนว่ารถ M/T ได้ฟีลแบบ "Direct Connect" ในแบบที่ผมชอบอยู่แล้วครับ
คือกดคันเร่งปุ้บ รถก็จะเขย่าหัวทิ่ม อะไรทำนองนั้น
คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้ค่อนข้างโอเค (สำหรับผม) เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับตัว CVT ที่มันจะมีความรู้สึกหยุ่น ๆ เอื่อยๆ กว่านี้ เพราะการตอบสนองของเกียร์เป็นหลัก
แต่เรื่องของ shift feeling นั้นพูดได้เลยว่า ต้องปรับปรุงอย่างแรงครับ รถมันเหมือนไปเอาเกียร์ 5 สปีด เมื่อสัก 10 ปีก่อน มาพ่วงกับเครื่อง 1.6
เกียร์ 1-2 อัตตราทดค่อนข้างห่างกันมาก เหมือนเซ็ตมาเผื่อบรรทุกสำหรับรถที่ไม่ค่อยมีแรง และจังหวะการเข้าเกียร์ก็ค่อนข้างหลวม ๆ และโยกกันยาวนิดหนึ่ง (ดูคลิปประกอบ)
แต่สัมผัสที่ได้จากการโยก นั้นก็เรียกว่าไม่แข็งจนเกินไป ขับในช่วงรถติดๆ สามารถเข้าเกียร์ 1 ปล่อยไหลได้สบายๆ โดยไม่เมื่อยมือมากนัก
และอีกอย่างที่น่ารำคาญคือ เกียร์ 5 ค่อนข้างมีเสียงหอนดัง ถ้าใช้รอบเครื่องต่ำกว่า 2000rpm เหมือนรถสมัยเก่า ๆ เลยครับ
-
อัตราสิ้นเปลือง
หลายคนที่รู้จักผม และชอบรถเหมือนกันชอบทักเข้ามาว่า โห Sylphy M/T ต้องประหยัดมากแน่ๆ
ผมคิดว่าคำพูดที่ว่ารถ M/T ต้องประหยัดกว่า A/T ในปัจจุบัน เริ่มจะใช้ไม่ได้แล้วครับ
เพราะเกียร์ CVT ใหม่ ๆ นี่ผมคิดว่าทำอัตตราสิ้นเปลืองได้ค่อนข้างดี แทบจะเทียบเท่า M/T
คือ CVT ใหม่ๆ อาจจะยังมี Mechanical loss ในทอร์คคอนเวิตเตอร์ ที่มากกว่าการเชื่อมต่อกำลังด้วยคลัทช์แบบใน M/T
แต่ก็ได้ในเรื่องของความต่อเนื่องในการส่งกำลัง และการที่เกียร์จะเหมือนเป็นการบังคับผู้ขับขี่ ให้ได้ใช้รอบเครื่องที่เหมาะสมกับความเร็วรถ และอัตราเร่งอยู่ตลอดเวลานั้นเองครับ
การทดสอบอัตราสิ้นเปลือง ผมทดลองขับ โดยอิงเส้นทาง และวิธีการ ขับ 110 เปิดแอร์ จากที่ คุณ J!MMY ใช้ทดลอง แต่มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับตัวผม
เพราะผมใช้บัตรเติมน้ำมัน ปตท เลยต้องควานหาปั้ม ปตท กันซะหน่อย ทั้งนี้การเลียนแบบดังกล่าวนั้นก็เพื่อให้พอใช้อ้างอิง และสังเกตถึงความแตกต่างระหว่างรุ่น CVT และ M/T ได้ง่ายขึ้นครับ
ผมเติมน้ำมันเบนซินแกสโซฮอล 95 ปตท จากถนนกำแพงเพชรสอง แล้วย้อนมาขึ้นทางพิเศษศรีรัช ที่ถนนพระราม 6 มุ่งหน้าไปด่วนอุดรรัตถยา ไปวนกลับที่ทางลงเชียงราก
แต่ขากลับนั้นการจราจรค่อนข้างหนาแน่น ประกอบกับมีฝนตกลงมา ทำให้การใช้ความเร็วไม่ค่อยจะคงที่เท่าไรนัก ผมเลยตัดสินใจเลี้ยวลงทางด่วนตั้งแต่ทางออกประชาชื่น/รัชดาภิเษก แล้วลงมาเติมน้ำมันกลับ ที่ปั้ม ปตท บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/6.jpg)
ปริมาณระยะทางที่วิ่ง 81.7 กิโลเมตร
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/5.jpg)
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ (คิดแค่หัวจ่ายน้ำมันตัด) 4.905 ลิตร
81.7/4.905 เป็นอัตตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.656 กิโลเมตร ต่อลิตร
โดยภาพรวมก็ถือว่าน่าพอใจครับ จากชนิดน้ำมันที่ด้อยกว่า + สภาพการจราจรที่หนาแน่นกว่าการทดสอบในช่วงกลางคืนของคุณจิมมี่
ถ้าพูดถึงระยะทางที่ผมมักจะใช้วิ่งได้ในชีวิตประจำวันจริงๆ บนนถนนราชพฤษ และถนน 345 ที่ใช้งานเป็นประจำ กับทางด่วน อุดรรัถยา ในบางโอกาส
น้ำมัน 1 ถัง เติมราวๆ 40 ลิตร ก็จะวิ่งได้ระยะทางราวๆ 590-625 กิโลเมตร ครับ
เฉลี่ยๆ อัตตราสิ้นเปลืองน้ำมัน วิ่งแบบในเมือง ผสมกับทางยาวๆบนนถนนราชพฤษ ก็ได้ราวๆ 14-16 กิโลเมตรต่อลิตร
ซึ่งเป็นที่น่าพอใจมากๆ เพราะ Nissan B14 คันเก่า สมัยยังใช้น้ำมัน เติมน้ำมัน 40 ลิตรเหมือนๆกัน แต่วิ่งระยะทางได้แค่ 380-440 กิโลเมตรต่อถังเท่านั้น
-
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น ในรถเกียร์ธรรมดาหลายๆรุ่นคือ
รถรุ่นเกียร์ธรรมดา มักจะมีการทดเกียร์มาให้รอบเครื่องที่ Top gear นั้นสูงกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติอยู่ในระดับหนึ่ง
Sylphy ก็เช่นกัน ก็ลองดูเอานะครับว่า รอบเครื่องที่ต้องใช้ในการขับความเร็วเดินทาง 110kph นั้น สูงถึงราว 3000rpm เลยทีเดียว
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/9.jpg)
ซึ่งจุดนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดี ในแง่ของอัตตราเร่ง ที่ผมสามารถใช้เกียร์ 5 เร่งแซงในหลายๆจังหวะได้เลย
แต่ข้อเสียก็คือ เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในห้องโดยสารนั้นในช่วงรอบ 3000 ดังเข้ามาให้ได้ยินอยู่พอสมควร
ถึงแม้ว่าการเก็บเสียงลม และเสียงอื่นๆในห้องโดยสารตอนหน้าของซิลฟี่ จะจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ารถหลาย ๆ รุ่นแล้วก็ตาม
-
(http://vmodtech.com/main/wp-content/uploads/northbridge/crash/10.jpg)
ประเด็นสุดท้าย นอกจากเรื่องหน้าตาที่ดันไปละม้ายคล้ายคลึงกับเทียน่า (ทำเอาเทียน่าขายไม่ออกเลยมั้ง 555)
ก็คือเรื่องของ Handling ครับ
สิ่งแรกที่ขึ้นมาขับแล้วสัมผัสได้ก็คือ พวงมาลัยนั้นมีน้ำหนักค่อนข้างเบา
แต่น้ำหนักที่เบานั้น พูดได้เลยว่าผมชอบมากครับ เพราะว่าความแม่นยำ และระยะฟรี นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
เอาเป็นว่า ผมคิดว่ามันมีความแม่นยำ และการตอบสนองของน้ำหนักที่เป็น linear ดีกว่าใน Honda City เสียด้วยซ้ำ
แต่ Honda City ที่บ้านนั้นจะได้เรื่องของนำ้หนักที่ดึงมือดีมากกว่า มั่นใจกว่าเวลาขับเร็วๆ โยกหนักๆ
แต่ใน Sylphy เวลาโยกหนักๆ พวงมาลัยนั้นจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกว่า เบามือเบาแรงกว่า ซึ่งผมคิดว่าเหมาะกับผมที่ต้องขับรถวันหนึ่ง เป็นระยะทางที่ค่อนข้างมาก ทำให้ไม่เมื่อยดีครับ
การตอบสนองของตัวแชสซีส์รถ และช่วงล่าง
ผมคิดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยดี การเดินทางระยะทางยาวๆ หากมีกระแสลมพัดลมาแรงๆ ก็จะมาอาการวูบซ้ายวูบขวา ตามประสารถสมัยใหม่ที่มีทรงสูง ๆ ให้ได้รู้สึกมาเป็นระยะ ๆ
แต่ก็ไม่ได้วูบจนน่าเกลียดหรือจะเสียการทรงตัวไปครับ แต่หากวิ่ง cruise ยาวๆ สบายๆ ก็จัดได้ว่ายังให้ความรู้สึกนุ่มและแน่น (อยู่บ้าง)
การเข้าโค้งนั้น อย่างที่ในหลายๆรีวิว รวมถึงเว็บนี้ว่าไว้ คือช่วงล่างมีการยุบตัว และการเทออกข้างค่อนข้างมาก
คือช่วงล่างไม่ได้นุ่มแบบปุยเมฆ แต่มีช่วงในการขยับตัว (ยุบตัว) ค่อนข้างมาก ทำให้รู้สึกว่ารถมันเอียง แต่ก็ยังสามารถยึดเกาะถนนได้ดีครับ
โค้งก่อนทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ หากวิ่งมาจากมอเตอร์เวย์สาย 7 ตรงนั้นผมเคยทำความเร็วได้ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติที่รถ C Segment สมัยนี้ควรทำได้
แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือจังหวะโยก มุด ความเร็วมากๆ ท้ายรถนั้นจะออกอาการโคลงจนรู้สึกได้อยู่หลายครั้งเหมือนกัน คล้ายๆกับว่าระยะการยุบตัวของโช้คมันมีมากไป
จนเหมือนมันคืนตัวไม่ทันที่จะให้เราโยกต่อ บางทีก็มีเสียวเหมือนกันครับ
-
สรุป
รวม ๆ แล้ว ผมค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่ได้มา จากเงิน 749000 บาทที่ต้องผ่อนชำระไปนานกว่า 4 ปีที่จะถีงนี้ครับ
เพราะตอนแรกพุ่งเป้าไปที่ B Segment ด้วยซ้ำตอนที่จะเลือกซื้อรถ
ฝากไว้ให้สำหรับคนที่กำลังจะเลือกรถรุ่น C Segment รุ่นล่างสุด ที่ราคามันลงมาเบียดกับ b segment ก็คือ บางทีคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเลือกแบบผมก็ได้ครับ
เพราะอย่างในซิลฟี่ตัวนี้ ออพชั่นที่หายไป ดูจากที่ผมโพสๆมานี่ อาจจะไม่มาก แต่อาจจะลืมนึกไปว่า มันตัด ABS ออก มีแต่ Airbag คู่หน้า
ซึีงก็ต้องถามตัวเองครับว่ายอมรับได้ไหมกับการตัดออพชั่นความปลอดภัยแบบนี้ไป ส่วนตัวผมรับได้เพราะผมเลือกเองครับ
Sylphy นั้นก็เป็นรถที่มีมาดความเป็นรถครอบครัว โดยสารได้สบาย ทุกที่นั่ง
รูปทรงดูแล้วก็ฉีกแนวไปจากคู่แข่งในตลาดที่เน้นสปอร์ตกันเสียส่วนใหญ่
เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะ อัตตราสิ้นเปลือง ที่น่าประทับใจมาก
แต่จุดอ่อนคงจะเป็นเรื่องการบังคับควบคุม ที่ถ้าคุณไม่ได้ขับรถเร็วมาก ก็คงจะไม่เดือดร้อน แต่ถ้าต้องมีบทบู้ บทมุด รีบขับไปงาน แบบผม อาจจะต้องไปทดลองขับและทำการบ้านดูให้มากครับว่ายอมรับได้ไหม
แต่ทว่าตอนนี้ ผมกำลังสนุกกับการขับรถเกียร์ธรรมดา ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยในเมืองใหญ่ ผจญรถติด หรืออัดหนีวีโก้บ้าพลังอยู่ ซึ่งผมมีความสุขมากกับการเลือกรถ C Segment เกียร์ธรรมดา
เพราะมันให้ทั้งความสนุก ที่ได้ขยับเท้าซ้ายเท้าขวา ได้ตวัดส้นเท้าไปแตะคันเร่งทำ heel and toe Downshift เล่นได้ทุกวัน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ สวัสดี...
-
ขอบคุณครับ อ่านสนุก ได้ความรู้ครับ เขียนข้อดีข้อด้อยได้ครบถ้วนดีครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ เป็นc-segmentเกียร์m/tที่น่าสนใจมากครับ
-
รีวิวสนุกดีครับ
;D
ผมเคยใช้ sylphy ตัวเก่า ที่มันไม่เข้ามาบ้านเรา
ขับดีที่เดียว ยิ่งตัวนั้นเป็นเครื่อง 2.0 เกจ์ที่ให้มาไม่พอเลยครับ
ภายในกว้าง นั่งสบาย
-
แอร์ผู้โดยสารตอนหน้าเป่าไปถึงข้างหลังไหมครับ น่าเสียดายถ้าให้แอร์ตอนหลังมาด้วยจะดีมากๆ เลย ^^
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ อยากได้รุ่นนี้เหมือกันครับ ฮาๆๆ
ปล.ผมชอบคำที่ท่านพูดว่า (ภายนอกนั้น มันมีมุมสวย และมุมไม่สวยของมัน สไตล์รถสมัยนี้) สมัยนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ
-
แอร์ผู้โดยสารตอนหน้าเป่าไปถึงข้างหลังไหมครับ น่าเสียดายถ้าให้แอร์ตอนหลังมาด้วยจะดีมากๆ เลย ^^
ผมนั่งเบาะหลัง ต้องเปิดพัดลมเบอร์สองครับ ถึงจะพอได้
แต่แอร์รถนิสสันยุคนี้ จะเหมือนกับที่ผมเคยใช้ใน sunny ปี 95 เลยคือมันจะใช้ระบบผสมลมร้อน แล้วมีเทอโมสตัทด้วย ซึ่งผมว่ามันให้ลมเย็นกำลังดีในตอนกลางคืน ตอนกลางวันบิดให้เย็นสุด ก็จะสู้แดดได้ สบายๆครับ
-
ขอบคุณครับ
-
;) ตอบโจทย์ทุกข้อที่สงสัย ...... ทั้งเรื่องรอบเครื่องตอนวิ่ง 100-110 ทั้งเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ปล. เจ้าของสนามบินโทรมาถามให้ไปจ่ายค่าเช่าทางวิ่งด้วยนะครัช
-
;) ตอบโจทย์ทุกข้อที่สงสัย ...... ทั้งเรื่องรอบเครื่องตอนวิ่ง 100-110 ทั้งเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ปล. เจ้าของสนามบินโทรมาถามให้ไปจ่ายค่าเช่าทางวิ่งด้วยนะครัช
จ่ายไปแล้ว 350 300 ค่าแอร์ 50 ค่ารันเวย์เลอะครับ :P
-
จ่ายไปแล้ว 350 300 ค่าแอร์ 50 ค่ารันเวย์เลอะครับ :P
แค่ 50 บาท ทีหลังบอกคนที่ขับ X6 ให้จ่ายให้ก็ได้ ..... ได้ข่าวว่าเป็นคนต้นคิดนี่นา !!!
-
แอร์ผู้โดยสารตอนหน้าเป่าไปถึงข้างหลังไหมครับ น่าเสียดายถ้าให้แอร์ตอนหลังมาด้วยจะดีมากๆ เลย ^^
ผมนั่งเบาะหลัง ต้องเปิดพัดลมเบอร์สองครับ ถึงจะพอได้
แต่แอร์รถนิสสันยุคนี้ จะเหมือนกับที่ผมเคยใช้ใน sunny ปี 95 เลยคือมันจะใช้ระบบผสมลมร้อน แล้วมีเทอโมสตัทด้วย ซึ่งผมว่ามันให้ลมเย็นกำลังดีในตอนกลางคืน ตอนกลางวันบิดให้เย็นสุด ก็จะสู้แดดได้ สบายๆครับ
ไม่รู้สึกอึกอัดนะครับ ผมเคยนั่งหลัง All New Dmax 4 ประตู เป็นคันแรกที่มันไม่มีแอร์หลัง...ทรมารมากเลยครับ...แต่ถ้าแอร์ใน March กับ Almera โอเคเลยครับ ^^ ขอบคุณพี่มากๆ เลยครับ สำหรับ Review ดีๆ ครับ
-
ขอบคุณครับ สำนวนอ่านสนุกมากคับ ยินดีและขอให้มีความสุขกับรถนะครับบบ :)
-
มันเปนธรรมดาหละครับทีรอบจากเกียร์ธรรมดามันจะสูงกว่ารถเกียร์ออโต้จากทีขับ110ก.มรอบจะอยู่ที2500รอบนะครับถ้าเปนรถเกียร์ออโต้ครับรถทีบ้านผมโตโยต้าอัสติสคันทีบ้านผมก็เปนเกียร์ธรรมดาครับรอบจึงสูงหน่อยครับแต่รีวิวทำได้ดีครับขอบคุณจริงๆครับ
-
ขอบคุณครับ
ชอบเจ้านี้มากเลยครับ :D
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวมากครับ ชอบตรง "สปอร์ต สปอร์ต สปอร์ต" เนี่ยแหละ เดี๋ยวนี้ฟังจนเอียนแล้วจริงๆครับ
ส่วนตัวคิดว่าออพชั่นมันโอเคเหมือนกันนะครับสำหรับภายนอก ล้ออัลลอยด์ มือเปิดประตูโครเมี่ยม โคมไฟหน้า(ถึงจะ LED หลอกก็ตาม)
แถมความประหยัดสุดยอด เครื่องตัวนี้ อนาคตอยากติดแก้สก็ทำได้อีก แหล่มสุดๆครับ >_<
-
มีคนทักเรื่องสำนวน แอบเขินเลยครับ ไม่มีคนชมนานมากแล้ว
แวะเอาคลิป 80-120 มาฝากนะครับ ทั้งเกียร์ 3 และ เกียร์ 4 (เสียงแอบแบ๊วนิดนึง ให้แฟนถ่ายให้ 555)
Nissan Sylphy 1.6 M/T Acceleration 80-120 Kph (http://www.youtube.com/watch?v=b82TmK132mE#ws)
ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ เสียงตอบรับนะครับ ยังไงถ้าหากอยากทราบรายละเอียดจุดไหนเพิ่มเติม ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ก็จะไปทดลอง/ทดสอบ มาให้ดูกันครับ
-
อัตราเร่งน่ากลัวมากๆครับ แรงพอๆกับเครื่องสองพันออโต้เลย
เห็นหน้าติ๋มๆแบบนี้ โดนทิ้งเป็นทุ่งแน่ๆเลย
น่าจะเอาไปแต่งเต็มๆดูนะครับ
ถ้าได้ล้อเบาๆ ยางดีๆ โช๊คอัพดีๆ กับผ้าเบรคซักชุด คงขับมันส์
-
เจ๋งมากเลยคับ กำลังอยากเปลี่ยนรถเป็นซิลฟี่เหมือนกันคับ แต่ยังชั่งใจระหว่างเกียร์ M/T กับ CVT
ขอบคุณมากคร้าบบ ;D
-
ขอบคุณครับ
เป็น Choice นึงที่ตั้งใจว่าจะรอ ตอนที่ซื้อรถ
สุดท้ายก็คลาดกัน...อิอิ กำ
ป.ล. เห็นชื่อกับลายเซ็นแล้ว เป็นชาว Vmodtech ชื่อเดียวกันนี้หรือเปล่าครับ ^^;
-
เพิ่งเคยเห็นคนขับ Sylphy เกียร์ธรรมดาแฮะ ทุกวันนี้บนถนนก็เป็น CVT ไปซะ 99%
อยากจะบอกว่านึกถึงฟีลตัวเองตอนก่อนซื้อรถเลย ตอนนั้นผมก็เล็ง Altis CNG MT ไว้ แต่ด้วยความที่มันด้อยและด๋อยออปชั่นจนเกินงามเลยยอมเลือก 4AT
ทั้งที่ไม่ชอบเกียร์มันเลยในตอนแรก บอกเลยว่าโบราณมากกกกกกกก รถยุคปี 2011 แต่จังหวะเกียร์เท่ารถยี่สิบปีก่อนเนี่ย แต่ใช้ไปใช้มามันก็โอเคแฮะ
เหมือนจะไม่เกี่ยวแฮะ แต่ชื่นชม จขกท มากที่ยอมเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา ถ้าเป็นผมยังลังเลแล้วลังเลอีกเลยอ่ะ
แนะนำว่าไปต่อไฟ LED เลยครับ จะได้หล่อกว่าเทียน่าซะที ;D
-
แอบเห็นเครื่องบิน ถ้าไม่ลำบากจัดอีกสักคลิปนะครับ
ประมาณนี้
Plane vs Radical SR3 challenge - BBC (http://www.youtube.com/watch?v=9ozFxP4jxt0#ws)
;D
ขำๆนะคับ
-
แอบเห็นเครื่องบิน ถ้าไม่ลำบากจัดอีกสักคลิปนะครับ
ประมาณนี้
Plane vs Radical SR3 challenge - BBC (http://www.youtube.com/watch?v=9ozFxP4jxt0#ws)
;D
ขำๆนะคับ
มีคนมาทวงค่าสนามบินในกระทู้นี้แล้วนะค้าาบ 555
เพิ่งเคยเห็นคนขับ Sylphy เกียร์ธรรมดาแฮะ ทุกวันนี้บนถนนก็เป็น CVT ไปซะ 99%
อยากจะบอกว่านึกถึงฟีลตัวเองตอนก่อนซื้อรถเลย ตอนนั้นผมก็เล็ง Altis CNG MT ไว้ แต่ด้วยความที่มันด้อยและด๋อยออปชั่นจนเกินงามเลยยอมเลือก 4AT
ทั้งที่ไม่ชอบเกียร์มันเลยในตอนแรก บอกเลยว่าโบราณมากกกกกกกก รถยุคปี 2011 แต่จังหวะเกียร์เท่ารถยี่สิบปีก่อนเนี่ย แต่ใช้ไปใช้มามันก็โอเคแฮะ
เหมือนจะไม่เกี่ยวแฮะ แต่ชื่นชม จขกท มากที่ยอมเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา ถ้าเป็นผมยังลังเลแล้วลังเลอีกเลยอ่ะ
แนะนำว่าไปต่อไฟ LED เลยครับ จะได้หล่อกว่าเทียน่าซะที ;D
ตั้งใจแน่วแน่มากครับตอนไปจอง 5555
ขอบคุณครับ
เป็น Choice นึงที่ตั้งใจว่าจะรอ ตอนที่ซื้อรถ
สุดท้ายก็คลาดกัน...อิอิ กำ
ป.ล. เห็นชื่อกับลายเซ็นแล้ว เป็นชาว Vmodtech ชื่อเดียวกันนี้หรือเปล่าครับ ^^;
ครับ ใช่แล้วว ;)
-
แวะมาแปะอัพเดตไว้ เผื่อใครสนใจอ่าน
(https://c2.staticflickr.com/6/5728/22946078777_c0cf58cdd1_z.jpg) (https://flic.kr/p/AXEDMT)100000 (https://flic.kr/p/AXEDMT) by (https://www.flickr.com/photos/57020247@N08/)
วันนี้ครบ 100,000 กิโลเมตร (หมดระยะรับประกัน) แล้วครับ ถ้านับจากวันซื้อ เหลือเวลาอีกราวๆ 1.5 เดือน จะครบ 3 ปี (สามปีแสนแท้ๆเลย)
อย่างแรกผมขอสรุปปัญหาที่น่าจะพบได้บ่อยๆ และไอเทมที่น่าจะเสื่อมไปตามเวลาตลอดการใช้งานที่ผ่านมา (เฉพาะรุ่น M/T) ไว้
อย่างที่สอง จะมาเล่าประสบการการขับและใช้งานเพิ่มเติมให้ฟังกันครับ
เผื่อใครอยากจะหาซื้อรถค้างสต็อค หรือมือสองก็ดี มาใช้กันนะครับ (ได้ข่าวว่าเหลือสต็อคอยู่พอสมควร ขายไม่ค่อยได้ 555)
ไล่ลำดับจากความน่าจะเป็นที่น่าจะพบได้ในรถคันอื่น ๆ ลงไปเลยนะครับ
1. พัดลมหม้อน้ำ เห็นมีหลายรายที่พัดลมหยุดเดินไปเองและเครื่องฮีท
แต่ของรถผม ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาอะไรไหม ศูนย์เคลมให้เลยตอนเช็คระยะ 50,000 โลครับ ดังนั้นใครใช้รุ่นนี้และขับในเมืองบ่อย ๆ ระมัดระวังด้วยครับ
2. เสียงดังกุกกักเวลาเลี้ยวขึ้นเนิน --> อาการมาและได้เข้าไปเคลมลูกปืนเบ้าโช้คหน้าไปทั้งคู่ ตอนราว ๆ 60,000 โล
3. โช้คหลังรั่ว --> ผมเคลมข้างซ้ายไปตอนราว ๆ 60,000 โล และเคลมข้างขวาไปตอนราว ๆ 80,000 โล
4. โช้คหน้ารั่ว --> ของผมเจอแค่ข้างขวา รอบเดียวกับตอน 60,000 โล เช่นกัน
5. เกียร์หอน --> เป็นอาการปกติของรุ่นนี้ครับ หอนตั้งแต่ซื้อรถ จะเป็นตอนเกียร์ 3 เบา ๆ กับ เกียร์ 5 จะดังตอนรอบต่ำกว่า 2000RPM
6. โคมไฟหน้าเหลือง --> ตัดสินใจว่าไม่เคลมครับ กะจะขัดและเคลือบ UV เอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ทำเลย
7. สายพานหน้าเครื่อง --> ช่างทักว่าสภาพแย่แล้ว ตอนเช็คระยะ 70,000 กิโล ครับ
8. กินน้ำมันเครื่อง --> น่าจะเป็นปัญหาที่รถผมคันเดียว เจออาการตั้งแต่ 40,000 กิโล ผม monitor เอง และศูนย์ก็ช่วยกันมอนิเตอร์ดูอัตตราการกิน และสุดท้าย เคลมได้ overhual เครื่องที่ 80,000 กิโลเมตร แต่ไม่จบ เลยได้เคลมยกเครื่องใหม่ตอน 90,000 กิโลเมตร อาการคือเครื่องกำลังอัดปกติทุกอย่าง ขับก็ไม่รู้สึกอืด ควันไม่ขาว แคทแห้งสนิท แต่น้ำมันหายไปลิตรละห้าพันโล
ประสบการณ์การใช้งาน
ตอนประมาณระยะทาง 50,000 กิโลเมตร รถผมโดนตะปูดอกใหญ่มากทิ่มยางจนแบน เลยตัดสินใจเปลี่ยนล้อและยางใหม่ทั้งสี่เส้น เป็นล้อ 17 นิ้วโรงงานของ Pulsar ตัว 1.8 (ลายซี่เหมือน Sylphy Turbo แต่ไม่รมดำ) เดิม ๆ แล้ว ล้อตัวนี้สเป็คโรงงานจะใส่ยาง 205/60 R17 แต่ตอนนั้นไปได้มาพร้อมยาง Goodyear Excellence 215/45 R17 ซึ่งทำให้คาแร็คเตอร์ของรถโดยรวมเปลี่ยนไปประมาณนึง ตึงตังขึ้น แต่ response พวงมาลัยชุัดเจนและถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีขึ้น ตัวรถจริง ๆ แล้วเป็นรถที่ขับนาน ๆ แล้ว ไม่ปวดหลังดีนะครับ แต่จะล้ามือ เพราะพวงมาลัยค่อนข้างไวมาก
ปัจจุบันใส่ยาง Pilot Sport 4 หนึบหนับ ๆ สนุกดีครับ ซึ่งสวนทางกับช่วงล่างที่ค่อนข้างนุ่มและระยะยุบตัวค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว (แพลนว่าจะหาโช้คและสปริงของรุ่นเทอร์โบมาสับใส่)
ส่วนพนักพิงหัวที่ดันกะบาลเป็นพิเศษ หลังจากใช้งานไปได้ไม่นานก็ชินครับ อาศัยปรับเอนเบาะเอาเยอะ ๆ ก็ช่วยได้ และตอนนี้ก็ชินและคงไม่คิดจะไปทำอะไรมันอีกแล้ว
อัตตราการสิ้นเปลือง เติม E20 เชลล์ ในเมือง 12-13 KM/L นอกเมือง 13.5-15.5 KM/L ถ้าเติมโซฮอล 95 จะประหยัดกว่าประมาณ 1 KM/L ครับ
และอย่างที่แจ้งในรีวิวต้นกระทู้ รอบเครื่องจะค่อนข้างสูง แช่ 120 รอบฟาดไปสามพันกว่า ๆ ทำให้เวลาขับไกล ๆ บางทีก็จะรำคาญเสียงเครื่องพอสมควร แต่เสียงลม ใช้มาครบแสนกิโลแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเก็บเสียงได้ดีไม่มีอะไรน่ารำคาญใจ
Verdict: ใช้ต่อไปจนกว่าจะพังกันไปอีกเครื่องนึง
(https://c3.staticflickr.com/6/5793/30803686802_c00af74d24_z.jpg) (https://flic.kr/p/NW1WUj)100000 (https://flic.kr/p/NW1WUj) by (https://www.flickr.com/photos/57020247@N08/)