Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: superest ที่ มกราคม 07, 2010, 12:33:20
-
คือเท่าที่ติดตามจาก review คุณจิมมี่ทั้ง 320d และ focus tdci รวมถึงเห็นกะบะทั้งหลายที่สมรรถนะเหลือรับประทาน สนใจเครื่องดีเซลเทอร์โบแต่ติดตรงที่ปัจจุบันมีให้เลือกน้อยจัง 320d กับ D5, 220cdi ราคาเกินจะเอื้อมถึง ส่วน tdci พอรับไหวแต่ติดตรงห่วงเรื่องซ่อมบำรุง และรอรถนานเหมือน fordกล้าๆกลัวๆที่จะทำตลาด อยากถามท่านผู้รู้ว่า พอจะมีข่าวคราวพวก รถญี่ป่นยอดนิยมในบ้านเราลงมาเล่น รถเก๋งดีเซลเทอร์โบ บ้างหรือยัง คือใจจริงถ้า มีในปี2010นี้ ถึงคิวต้องเปลี่ยนรถใหม่ จะตั้งหน้าตั้งตารอ ครับ อย่างเช่น Altis disel turbo 2.0 mazda3 disel ประมาณนี้ครับ
ป.ล (อ่านในรถใหม่ 2010-2014 ของคุณ Jim เห็นแค่ Chev Cruze กับ focus modelchange แต่ยังไม่แน่ไม่นอนทั้งคู่)
-
อืมม์ ผมขอ เบนซินเทอร์โบ ดีกว่าครับ >_<"
-
ผมว่า สำหรับ Toyota , Honda คงยากครับ
ทุกวันนี้ เค้ามีแต่เครื่องเบนซิน 2-3 ขนาด ยังขายกันดิบ ขายกันดี ผลิตไม่ทันยอดจอง
ขายกันเดือนละเป็น 2-3,000 คัน กวาดมาร์เก็ตแชร์รวมกัน 80% ของรถเก๋งระดับนี้อยู่
แล้วจะลงทุนผลิตเครื่องดีเซล ให้เปลืองต้นทุน มาเพิ่มยอดขายที่ยังเหลืออยู่อีกแค่ 10-20% ไปทำไมล่ะครับ
จะให้เอาเครื่องรถกระบะ 2.5 - 3 ลิตร ใหญ่ๆ หนักๆ สั่นๆ มาวางในเก๋งเล็ก ก็ใช่ว่าจะดี
ถ้าคุณอยากได้เก๋งเล็กเครื่องดีเซล ต้องไปหวังกับพวกรายเล็กๆ ที่ต้องแย่งที่หายใจกันล่ะคับ
-
เห็นด้วยกับคุณ P_Wut ครับ ที่ว่าเจ้าใหญ่ๆเค้าขายรถเบนซินปกติได้เยอะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มดีเซลเข้ามา แต่กับพระรองที่ยอดขายไม่มาก แต่อยากสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดลูกค้า ก็มักจะมีดีเซลให้เลือก โดยค่อยๆเปิดตัวแล้วนี่ครับ เริ่มจาก Focus 2.0 TDCi Powershift 6 speed และข้อมูลล่าสุดจากเวปนี้เกี่ยวกับ Chevrolet Cruze ที่จะมี 2.0 VCDi ดีเซลเปิดตัวเช่นกัน โดยใช้เครื่องของ Captiva และราคาก็น่าจะคบหาได้ไม่ยาก สำหรับ Focus modelchange เท่าที่จำได้ จะเปิดตัวราวๆ 2011-12 ในไทย แต่ตอนแรกคงเป็นเบนซินก่อน แล้วดีเซลค่อยตามมาภายหลัง
กับเก๋งดีเซลทางค่าย Japan นั้น ผมมองว่าทางนั้นเค้าจะเน้นไปทางด้าน Hybrid เสียมากกว่า ซึ่งก็ให้ความประหยัด+แรง พอๆกับดีเซลรุ่นใหม่ ตอนนี้ก็มี Camry Hybrid และจากรีวิวรถใหม่ของคุณ J!MMY ก็จะมีเพิ่ม Jazz Hybrid เข้ามาอีก เท่านี้ก็พอจะรู้แนวทางคร่าวๆของการทำตลาดระหว่างรถเก๋งฝั่งยุโรป+อเมริกา ที่ยังพัฒนาดีเซลต่อ กับทางญี่ปุ่น ที่มาในรูปแบบ Hybrid มากกว่า
-
NO Krub
-
ใจก็อยากให้มีเหมือนกันครับ
แต่จากความเห็นของ P_Wut และ Valkilrey ก็ดูมีเหตุผลพอที่จะเป็นแบบนั้นครับ ;D ;D ;D
-
ขอบคุณ comment จากคุณ YF-19 มากๆครับ
จำได้มีคนเคยโพสว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ให้การยอมรับเก๋งดีเซลนัก ดังนั้นถ้ามีทำออกมาขาย ก็คงมีตลาดรองรับส่วนนึง แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ขาใหญ่มาเล่นเอง ผมว่ามันเป็นกลไกของตลาดนะ ที่พระรองที่ยอดขายไม่มากนัก ต้องการสร้างความแตกต่าง ก็ต้องสร้างตลาดที่เจ้าใหญ่เค้าไม่สนใจ ไม่เล่น ทำให้พอคนจะซื้อเก๋งดีเซล ต้องนึกถึงพวกเขาก่อน (Cruze, Focus)
-
ข้างบนตอบหมดแว้ว
แต่อยากเสริมนิ๊ส
ที่จริงไอ่เครื่องดีเซล เค้าทำมาเพื่อมีแรงบิด แรงฉุดลาก สูง คือเอาไว้บรรทุกของหนัก ความคงทน ทนทานของมันคือข้อดี
แต่ถ้าเมื่อไรเอาเข้ามาในเก๋ง ผมว่ามันคงคล้ายๆ เอาเครื่องเบนซิลไปลงกระบะ ใช้ของไม่เข้ากับงาน แต่อาจจะได้ประหยัด
เข้ามาแทน (หรือเปล่า)
ถ้าจะมีแค่เครื่อง n/a ก็พอแล้วครับ สำหรับเก๋ง
-
ในอดีต เครื่อง ดีเซล อืด ได้แต่แรงบิด ไว้แบกของหนักๆ
มลพิษ มากมาย
แต่ ปัจจุบัน กำแพงตรงนี้ ถูกทำลายไปแล้ว
เพราะฉะนั้น ผมไม่เห็นว่า การ เอา ดีเซล มาวาง ในเก๋ง หรือ รถ สปอร์ต
จะผิดประเภทแต่อย่างใด ;) ;)
-
ผมว่าดีเซลยุคใหม่ ก้าวล้ำหน้าไปมากเลยครับ ด้วยเทคโนโลยี่ commonrail + turbo (หรือ supercharged) เสริมด้วย intercooler รวมไปถึงมลพิษที่ปล่อยน้อยมากๆ เทียบเคียง hybrid ได้เลย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทางค่ายฝั่งยุโรป ไม่ว่าจะ bmw, benz, ford, vw และอื่นๆ จะยังคงเน้นพัฒนาดีเซลต่อไปให้ถึงที่สุด
ซึ่งท้ายสุดแล้ว รถใช้ไฟฟ้า 100% ก็คงเข้ามาแทนที่ แต่กว่าจะถึงวันนั้น คงอีกนาน อย่างน้อยๆก็มีน้ำมันในโลกให้ใช้ต่อไปได้อีกสัก 40-50 ปีเป็นอย่างต่ำ
-
เขาไปเน้นพัฒนาพวกระบบ Vtec กับ VVti อะไรเหล่านั้นไงครับ เครื่องเทอร์โบก็ตัดทิ้งไปได้เลย ยิ่งดีเซลเทอร์โบยิ่งแล้วใหญ่
-
ผมว่าดีเซลยุคใหม่ ก้าวล้ำหน้าไปมากเลยครับ ด้วยเทคโนโลยี่ commonrail + turbo (หรือ supercharged) เสริมด้วย intercooler รวมไปถึงมลพิษที่ปล่อยน้อยมากๆ เทียบเคียง hybrid ได้เลย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทางค่ายฝั่งยุโรป ไม่ว่าจะ bmw, benz, ford, vw และอื่นๆ จะยังคงเน้นพัฒนาดีเซลต่อไปให้ถึงที่สุด
ซึ่งท้ายสุดแล้ว รถใช้ไฟฟ้า 100% ก็คงเข้ามาแทนที่ แต่กว่าจะถึงวันนั้น คงอีกนาน อย่างน้อยๆก็มีน้ำมันในโลกให้ใช้ต่อไปได้อีกสัก 40-50 ปีเป็นอย่างต่ำ
ผมหวังไว้อย่างยิ่งครับ ว่าจะมีรถไฟฟ้ามาหานะเธอจริงๆ ส่วนเครื่องยนต์ คงจะเหลือแต่ดีเซล แต่ไม่แน่เครื่องดีเซลอาจจะหายไปจากโลกเลยก็ได้
เพราะแค่เห็นแรงบิด แรงฉุด ของมอเตอร์ น้องๆดีเซลเลย
แต่ถ้าเครื่องดีเซลฝั่งญี่ปุ่นมาลงเก๋งค่าย T H N M Mi ผมว่า มันจะขายได้ดีเหมือนกับ 320d หรือเปล่าครับ
ยอดขายอาจจะกระเตื้องนิดหน่อย แล้วก็ปล่อยไปตามยัทธากรรม(ขออภัยถ้าพิมพ์ผิด) เพราะที่เหลือเค้าไปเอาใจแท็กซี่หมด
-
อืม ผมเพิ่งนึกออก ต่อให้มีมาจริงก็คงขายไม่ได้เท่าไหร่ครับ
สาเหตุที่เพิ่งนึกออกก็คือ "ติดแก๊ส" ครับ ดีเซลเทอร์โบมันดีก็จริง แต่การจะทำให้คนไทยยอมรับว่ามันดี และถูกกว่าแก๊ส มันคงยากนะครับ ;D ;D ;D
-
ผมไม่คิดอะไรมากครับ แต่ถ้ามีเครื่องดีเซลขนาดเล็กมาลงรถที่ราคาไม่เกิน 8.5แสนเช่นพวก yaris civic หรือแม้กระทั่ง Accord CR-V ก็ตาม ผมและคนที่หลงไหลในเครื่องยนต์ดีเซลในเรื่องของแรงบิด ความทนทานและความประหยัดอีกนับไม่ถ้วนคงไม่มองเบนซินอย่างแน่นอนครับ
ถ้า Honda เอาเครื่อง 2.2 i-ctdi มาลงละก็ ผมว่าคนที่ซื้อ Accord CR-V ครึ่งนึงละจะเลือกเล่นดีเซล รวมทั้งรถสนามบินและโรงแรม 3-4 ดาวด้วย อีกอย่างดีเซลสมัยนี้สะอาดกว่าเบนซินเป็นไหนๆครับ
-
ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับว่ารถที่ประหยัดอยู่แล้วอย่าง jazz ทำไมต้องทำ hybrid ด้วย ทำให้เปลืองค่าแบตและการบำรุงรักษาที่มากขึ้น
-
เอ่อ เรื่อง Jazz Hybrid เนี่ย ตั้งแต่ได้ข่าวมาแรกๆ ก็วิเคราะห์เอาเองว่า คงอยากสร้างความแตกต่าง และเป็นผู้นำในตลาด sub-compact อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะลำพังเดิมๆก็ประหยัดมากๆอยู่แล้ว
-
แต่ พูดตรงๆนิดนึงนะครับ
ดีเซลทุกวันนี้ ได้อานิสงค์ จากเทอร์โบ มาช่วยเยอะมาก
ลองถอดเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ ออกไปสิ...
มันก็ เครื่องดีเซลแบบเดิมๆที่คุ้นเคยกันดีนั่นละครับ
-
ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับว่ารถที่ประหยัดอยู่แล้วอย่าง jazz ทำไมต้องทำ hybrid ด้วย ทำให้เปลืองค่าแบตและการบำรุงรักษาที่มากขึ้น
ลองคิดถึง วันที่ Batt ไม่ห่วย อายุ Batt ยืนนานเท่าตัวรถ
และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกับระบบ Hybrid ไม่ว่าจะมอเตอร์ Inverter อายุยาวนานเท่าๆ เครื่องยนต์
สิครับ