Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: automotive ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:10:31

หัวข้อ: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: automotive ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:10:31
ปิกอัพเป็นโปรดักต์แชมเปียนอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยมานาน แม้ปัจจุบันจะมีความคาดหวังกับโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 2 “อีโคคาร์” ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชัดเจนเท่าปิกอัพ เห็นจากยอดขายรถยนต์ที่ตกลงมากช่วงนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากรถยนต์ขนาดเล็กอย่างอีโคคาร์ หรือซับคอมแพ็กต์ แม้ปิกอัพจะลดลงแต่ไม่มาก เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง แต่ผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่รู้เลยว่า ปัจจุบันปิกอัพไทยถูกคุมด้วยกฎหมายโบราณมาตั้ง 35 ปี และล่าสุดเตรียมลุ้นปลดล็อคอุปสรรคครั้งสำคัญ โดยการชงของรัฐบาลท็อปบูท หลังจากพยายามมาหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ...

อ่านต่อ เห็นว่าน่าสนใจดีครับ
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9570000113153 (http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9570000113153)
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:15:56
สนับสนุนครับ :D
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: TheWizard ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:38:02
เข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงไม่มีกระบะใหญ่อย่าง F150
น้ำหนักเกินนี่เอง เอามาก็ต้องวิ่งตามเวลาเพราะเป็นรถบรรทุก............เศร้า หรือ ฮา ดี
ก็งงๆตอนเอากระบะใส่หลังคาไปชั่งน้ำหนักเพื่อจดทะเบียนเหมือนกัน
นายทะเบียนบอก 1600 พอดี ก็งงว่าทำไมต้อง 1600 ฟระ
ขนาด ดีแมกปี03 ไม่มีอะไรเลยยังพอดี แล้วรถรุ่นใหม่เกินแน่นอน
ขนาดหลังคาเลยต้องเล็กลง มันเป็นเทรน
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:47:48
ก็อยากให้ร่าง พรบ ฉบับนี้ผ่านนะครับ แต่ระบบการคิดแบบทหารมันจะเป็นยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะขนาดประกาศกฏอับการศึกที่ใช้อยู่ตอนนี้ ก็เป็นกฏอัยการศึกฉบับตั้งแต่ พ.ศ.2457 ครับ เพลียแปป :'(
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Eddy5659 ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:52:17
อย่าเฉี่ยวไปเรื่องการบ้านการเมืองเลยครับ ดราม่ากันมากพอแล้ว
 :'( :'(
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ตุลาคม 06, 2014, 18:55:34
ผมสนับสนุนนะครับที่จะได้มีรถดีๆออฟชั่นครบๆวิ่ง แต่ปัญหาพวกรถบรรทุกเกิน ยังมีให้เห็นทุกวัน หลังผ่านผมสร้างคอนโด เอารถใหญ่มาวิ่ง มาแบบผิดกฎหมาย ทั้งผิดเวลาและน้ำหนัก ตอนนี้คอสะพานทรุด พื้นซีเมนต์ร่อน ไอ้ปัญหาที่ควรแก้ไข ที่เห็นชัด ผมว่าควรแก้ก่อนด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsak_877 ที่ ตุลาคม 06, 2014, 19:32:01
ถึงว่า All New Vigo ถึงเปิดตัวช้าเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ ตุลาคม 06, 2014, 19:47:47
 ด้วยเหตุผลเรื่องน้ำหนักสำหรับรถบรรทุกส่วนบุคคล ( ป้ายเขียว ) ไม่เกิน 1600 kg
   สั้งเกตุมั๊ยว่า ทำไม Ranger / BT50 ไม่สามารถนำรุ่น Cab 4x4 ออกขายได้ ถ้าจำกันได้ BT50 cab 4x4 3.2L ทำราคาออกมาจะขายแล้ว แต่ก็โดนระงับไป

   งานนี้ยังอาจจะเป็นผลดีกับรถบรรทุกเล็ก ซึ่งสามารถวิ่งได้โดยไม่มีอุปสรรคเรื่องเวลาอีกด้วย
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ ตุลาคม 06, 2014, 20:43:36
ปลดล็อคเรื่องน้ำหนัก แบบนี้มีผลเสียหรือผลดีแบบไหนครับ

แบบนี้ขนาดตัวรถก็ใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ใส่อุปกรณ์ต่างๆมากขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น ถนนยังขนาดเท่าเดิม

รถกระบะทุกวันนี้ ชิ้นส่วนเกิน 80 % ทำจากเหล็กทั้งนั้น ไม่มีชิ้นส่วนไหนในโครงสร้างหลัก ประกอบขึ้นด้วยจะเหล็ก หรือชิ้นส่วนลดน้ำหนัก

ถ้าจะปลดล็อคแบบนี้ ผมว่าไม่ดีแน่ๆในระยะยาว ขนาดรถจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุก 5-6 ปี หนักขึ้นเรื่อยๆตามอุปกรณ์ที่ใส่เพิ่มเข้าไป จนสุดท้ายก็จะมา อั้นที่ 2200 กก.

อีกอยู่ดี คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก ทางดีน่าจะออกกฏหมายเพิ่ม ถุงลม หรือ ABS เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นมาตาฐานน่าจะดีกว่านะครับ ผมห่วงชีวิตมากกว่าพลิกโฉมอุตฯ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: MoO Cnoe ที่ ตุลาคม 06, 2014, 20:52:00
กระบะ cab (กระบะป้ายเขียว)
new model ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อในตลาด ผมการันตีได้เลยว่า
น้ำหนักเกินกฏหมายกำหนดที่ 1,600 kg. ทั้งหมดครับ
เพียงแต่รู้กันภายในและอนุโลมให้สามารถจำหน่ายได้

บางค่ายเลือกที่จะไม่ลงน้ำหนักรถไปในโบรชัวร์รุ่น cab ทั้งหมด
(ใครอยากรู้ต้องไปเทียบเอาจากโบรชัวร์ต่างประเทศแทน)

บางค่ายเลือกที่จะลงในโบรชัวร์ แต่ใช้วิธีเลี่ยงบาลี
ลงน้ำหนักแต่เป็นน้ำหนัก "รถเปล่า" ไม่มีของเหลว ไม่มียางอะไหล่
ไม่มีเบาะนั่งด้วยซ้ำครับ รถเปล่าจริงๆ เพื่อให้ลงน้ำหนักผ่าน
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:02:03
ถามอีกนิดครับ กฎหมายเดิมยังบังคับ
- ช่วงล่างหลังเป็นแหนบ+คานแข็ง
- เบรคหลังเป็นดุม
- ตัวรถยังต้องเป็นแบบ body on frame
กฎหมายใหม่จะเปลี่ยนตรงนี้หรือเปล่าครับ และรบกวนถามอีกข้อ แล้วเขาจะปลดล็อคให้ใช้เพลาลอยมาได้เลยหรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: top3245 ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:04:36
อ่านความเห็นในเว็บผู้จัดการแล้ว พาออกทะเลกันจัง

สงสัยว่ามันอ่านเนื้อหาข่าวกันบ้างเปล่า

เรื่องการปรับเพิ่มเป็น 2.2 ตัน ผมมองว่าเป็นเรื่องดีนะ เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นกับระบบ ไฮบริด และ NGV

และถ้าว่ากันตามตรงพวกกระบะ 2 ประตู 4x4 จริงๆ แล้ว มันก็พากันหนักจะ 2 ตัน กันแล้ว (แต่ใช้วิธีเทคนิคพิศดารแบบไทยๆ ให้เห็นเป็น 1.6 ตัน ได้)

ส่วนใครคิดว่าจะใหญ่เท่าๆ กับกระบะฟูลไซส์
จะบอกว่าถึงจะเป็น 2.2 ตันก็ยังไม่เท่านะครับ
เว้นแต่ในอนาคตตัวรถจะใช้อลูมิเนียมทำรถเพิ่มขึ้น กับ ใช้เทคโนโลยี่ downsizing เครื่องยนต์
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Highway Star ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:25:13
ผมว่าแก้กฎหมายไปอ่ะดีแล้ว เพราะรถกระบะที่ขายผมเชื่อว่าเกินไปหลายเจ้าแล้วล่ะแต่ไม่ยอมบอกกันเอง รวมถึงค่ายรถจะได้พัฒนาให้ได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวเรื่องน้ำหนักนับวันก็ใหญ่ขึ้นหนักขึ้นเป็นธรรมดาลองไปเปิดสเปคกระบะเก่าๆพวกมังกรทองรุ่นสเปซแคปหนักแค่1370kgเอง  ดีแล้วเยี่ยมมากลุงตู่
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: P233 ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:43:29
option จะได้จัดเต็มไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำหนัก
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Minidog ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:47:19
Dmax07 ตัวแค๊ปเอาไปใส่แครี่บอยเกือบ1900ครับ แต่ในเล่มลง1650 ควรแก้อย่างยิ่งครับเพราะที่ใส่ๆกันถ้าเแาจริงๆถึงไม่ใส่ก็เกินผิดกันหมดครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ ตุลาคม 06, 2014, 21:54:04
ปลดล็อคเรื่องน้ำหนัก แบบนี้มีผลเสียหรือผลดีแบบไหนครับ

แบบนี้ขนาดตัวรถก็ใหญ่ขึ้น หนักขึ้น ใส่อุปกรณ์ต่างๆมากขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น ถนนยังขนาดเท่าเดิม

รถกระบะทุกวันนี้ ชิ้นส่วนเกิน 80 % ทำจากเหล็กทั้งนั้น ไม่มีชิ้นส่วนไหนในโครงสร้างหลัก ประกอบขึ้นด้วยจะเหล็ก หรือชิ้นส่วนลดน้ำหนัก

ถ้าจะปลดล็อคแบบนี้ ผมว่าไม่ดีแน่ๆในระยะยาว ขนาดรถจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุก 5-6 ปี หนักขึ้นเรื่อยๆตามอุปกรณ์ที่ใส่เพิ่มเข้าไป จนสุดท้ายก็จะมา อั้นที่ 2200 กก.

อีกอยู่ดี คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก ทางดีน่าจะออกกฏหมายเพิ่ม ถุงลม หรือ ABS เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นมาตาฐานน่าจะดีกว่านะครับ ผมห่วงชีวิตมากกว่าพลิกโฉมอุตฯ


ถ้าแก้กฎหมายตัวนี้รถบรรทุก4ล้อก็จะจดป้ายเขียวได้ด้วยครับ ทีนี้จะได้ใช้รถให้เหมาะกับงานได้ซักที ทุกวันนี้เพื่อนผมมันอยากได้รถบรรทุก4ล้อจะตายชัก ติดที่ว่ามันจดเป็นป้ายเขียวไม่ได้ ต้องจดเป็นป้ายรถบรรทุกใหญ่ซึ่งติดเวลาวิ่งในเมือง  อย่าลืมว่ากฎหมายตัวนี้มันใช้มาตั้งแต่รถกระบะน้ำหนักรถเปล่าแค่ตันเศษๆเท่านั้น แล้วก็ถุงลมหรือ ABS ที่คุณอยากให้เพิ่มน่ะมันก็ทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นด้วย ปลดล็อคน้ำหนักก็ช่วยให้ทางผู้ผลิตสามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มในรถได้อีกไม่มีหรือไงครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: lay ที่ ตุลาคม 06, 2014, 22:12:54
เคยเขาไปดูสเปคโคโรราโด้หนัก3000กก :o
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ ตุลาคม 06, 2014, 22:31:45
กฏหมายล้าสมัยจริงครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ ตุลาคม 06, 2014, 22:56:23
คราวนี้ถนนจะพอวิ่งไหม

ปัจจุบันก็แน่นมากๆแล้ว  ถนนตามบ้านนอกสวนกับ ranger/bt50 pro แต่ละทีแทบจะตกคลอง

แถมมีแต่หลุมแต่บ่อ   บางคนออกรถกระบะจริงๆเคยขนของหรือเปล่า  ที่ขับเพราะค่สเชื่อเพลิงมันถูกกว่าใช่ไหม

ถ้าแก่จริง รถน้ำหนักมากขึ้นเครื่องยนต์ต้องแรงขึ้นคราวนี้แหละ.....
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ ตุลาคม 06, 2014, 23:01:37
เห็นด้วยอย่างยิ่ง   จะเป็นประโยชน์กับพวกรถบรรทุก 4 ล้อ จะได้จดทะเบียนวิ่งไม่ติดเวลา ใช้ใบขับขี่รถส่วนบุคคลได้ซะที

และไม่ต้องกลัวว่ารถ 4 ล้อพวกนี้จะมาวิ่งแล้วทำให้รถติดใน ชม เร่งด่วนนะครับเพราะ ตัวรถมันยาวไม่เกิน 4.5 เมตร  วงเลี้ยวแคบน่าจะประมาณ 5.5 เมตร คล่องตัวกว่าที่เอารถกระบะมาวิ่งๆกันอยู่ทุกวันนี้ตั้งเยอะ

ส่วนรถกระบะปัจจุบัน น้ำหนักเกิน 1600 กันเกือบทุกยี่ห้อ ที่ผ่านมาน่าจะอนุโลมกันเต็มที่ไม่เกิน 2000 กก   แต่ BT-50.แค็ป ขับสี่ 3.2  น.น.คงเกินกว่านั้น จดทะเบียนเป็นป้ายเล็กไม่ได้ ก็เลยต้องระงับการขายกันไป
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Mighty-X ที่ ตุลาคม 06, 2014, 23:02:33
เคยเขาไปดูสเปคโคโรราโด้หนัก3000กก :o

รวมน้ำหนักบรรทุกครับ  :)
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: liveshow ที่ ตุลาคม 06, 2014, 23:08:07
แน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าจะเอารถบรรทุก มาวิ่งในเมืองด้วย ดีครับ จะได้ฝึกทักษะการหลบรถบรรทุกเพิ่มอีก1 รถเมล์ รถตู้ กระป้อเล็ก สองแถว แท็กซี่ื รถการไฟฟ้า รถไปรษณีย์ สนุกดีครับชีวิตคนเดินฟุตบาทที่มีไว้ขายของ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: TorTy ที่ ตุลาคม 06, 2014, 23:29:25
ในเมื่อระบบขนส่งที่ต้นทนถูกที่สุดอย่างรถไฟไม่พัฒนาผมเห็นด้วยครับจะมองแค่ว่ากลัววิ่งในเมืองคงไม่ได้
ประเทศเราไม่ได้มีแค่จังหวัดเดียวครับและเชื่อว่าสำหรับกทมคงมีระบบจัดการเวลาการใช้งานในย่านตัวเมืองจริงๆ

ถ้าคิดจะแข่งกับต่างชาติก็ควรปรับให้เป็นสากลซะคนทำมาหากินจะได้สู้เพื่อนบ้านได้ไม่งั้นแบกต้นทุนมากๆต่อไปคนไทยเอง
และลำบาก
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ตุลาคม 07, 2014, 00:35:42
แน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าจะเอารถบรรทุก มาวิ่งในเมืองด้วย ดีครับ จะได้ฝึกทักษะการหลบรถบรรทุกเพิ่มอีก1 รถเมล์ รถตู้ กระป้อเล็ก สองแถว แท็กซี่ื รถการไฟฟ้า รถไปรษณีย์ สนุกดีครับชีวิตคนเดินฟุตบาทที่มีไว้ขายของ

เฮ้อออ อ่านแล้วเห็นด้วยครับ เดี๋ยวนี้หลายที่มากกกก แม่มไม่มีทางเดินฟุตบาท กฎหมายอะไรก็ช่วยไม่ได้ เดินกันที่ยังไม่พอมีตั้งขายของกันแน่ฟุตบาท เทศกิจก็มาเก็บเงินกันปกติใครไม่จ่ายก็โดนล็อครถเข็นไล่ที่กันไป ไม่มีเปลี่ยน สมัยนี้เห็นแก่ตัวกันมาก เดินกันชนกันกระจุยกระจาย คนมีตังค์ขับรถ เติมน้ำมันก็ทนรถติดกันไป คนเดินถนนนี่ลำบากมาก เวลารถติดเดี๋ยวนี้ผมเลิกพึ่งรถเมล์เลย รถนานกว่าเมื่อสามสี่ปีก่อนมาก บางทีรถเกือบครึ่งชม. เดินทางอีก ชม.ครึ่ง จะบ้าตาย
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ ตุลาคม 07, 2014, 01:12:01
แฝด T6 เอาเข้าด่านชั่ง ตัว 4 ประตู ยกสูง MT ล่อไป 2.2 ตัน แล้วครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: zeriw009 ที่ ตุลาคม 07, 2014, 09:23:20
 ;D ;D ;D เห็นด้วยอย่างแรง การที่ขยับน้ำหนักขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารถกระบะจะต้องมีขนาดเพิ่มตามนี่คับ เห็นบ่นกันจัง ว่ารถกระบะใหญ่อย่างนั้นอย่างนี้ไม่ดี ทั้งๆ ที่ถนนเส้นนึงๆ ทั้งรถตู้ ทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ (10 กว่าล้อก็มี) รถทัวร์ รถบัส วิ่งกันมิดถนน ไม่เห็นเอ่ยถึงกันเลย
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ ตุลาคม 07, 2014, 11:13:54
เห็นด้วยที่จะปลดล็อคครับผม
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: redtopup ที่ ตุลาคม 07, 2014, 11:29:31
ถามอีกนิดครับ กฎหมายเดิมยังบังคับ
- ช่วงล่างหลังเป็นแหนบ+คานแข็ง
- เบรคหลังเป็นดุม
- ตัวรถยังต้องเป็นแบบ body on frame
กฎหมายใหม่จะเปลี่ยนตรงนี้หรือเปล่าครับ และรบกวนถามอีกข้อ แล้วเขาจะปลดล็อคให้ใช้เพลาลอยมาได้เลยหรือเปล่าครับ

กฎหมายบังคับด้วยรึครับ ไม่ได้บังคับครับ
กระบะทำมาเพื่อบรรทุกของ หนีไม่พ้นหรอกครับ แหนบ และต่างๆที่น้องถามมา
ถ้าอีกหน่อยการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น มันก็คงมียี่ห้อนึงทำขึ้นมาก่อน แล้วคงตามๆกัน อาจจะทำรุ่น 4 ประตูมาไม่ต้องเผื่อบรรทุกของ  เบรคแบบดุมหน้าสัมผัสมากกกว่าแบบดิส ดังนั้นในล้อหลังยังไงก็ต้องเป็นเบรคแบบดุมถ้าเอาเป็นดิสเบรคผ้าเบรคคงควันท่วมแน่ๆ เพราะร้อนจนไหม้แน่ๆ รถบบรทุกของยังไงก็ต้องมีคัสซีใหญ่ๆ เพลาขับ ถ้าทำเป็นเพลาลอยแบบรถขับหลังรถเก๋ง เพลาขับก็พังพอดี จุดยึดปีกนกต่างๆ กระแทกไม่กี่ทีก็พังแล้วเวลาบรรทุกของ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ ตุลาคม 07, 2014, 16:55:38
คราวนี้ถนนจะพอวิ่งไหม

ปัจจุบันก็แน่นมากๆแล้ว  ถนนตามบ้านนอกสวนกับ ranger/bt50 pro แต่ละทีแทบจะตกคลอง

แถมมีแต่หลุมแต่บ่อ   บางคนออกรถกระบะจริงๆเคยขนของหรือเปล่า  ที่ขับเพราะค่สเชื่อเพลิงมันถูกกว่าใช่ไหม

ถ้าแก่จริง รถน้ำหนักมากขึ้นเครื่องยนต์ต้องแรงขึ้นคราวนี้แหละ.....

ถนนที่ท่านพูดถึง รถบรรทุก 6-10ล้อ วิ่งสวนทางกันได้หรือเปล่าครับ
ถ้าไดั ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถกระบะ 2.2 ตันครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: redtopup ที่ ตุลาคม 07, 2014, 18:47:44
ออกกฎเพิ่มน้ำหนักแล้วตัวรถไม่จำเป็นต้องโตขึ้น ของแบบนี้มันไปทีล๊ะสเต๊ปลองสเต๊ปแรกผ่านได้สเต๊ปกระบะไซค์ใหญ่ผลิตตามก็มีตามมาอีกฉ๊อต อยู่แล้ว ของแบบนี้หลับตาก็เห็นภาพแล้ว
ออกกฎเพิ่ม น้ำหนัก ผมว่าควรแยก ภาษีด้วยเป็น 2 แบบ อยากขับคันใหญ่ๆก็จ่ายค่าป้ายวงกลมต่อทะเบียนแพงขึ้นเป็นอีกแบบเอาเงินเข้าหลวง และควรเก็บภาษีเมื่อประกอบเสร็จแล้วขายด้วยให้แพงกว่า กระบะไซค์ปกติ
ทุกวันนี้ กระบะยกสูง เข้าซอยก็จะเบียดเข้าออกลำบากอยู่แล้ว
ที่จอดรถก็ไม่มีกันเอารถมาจอดในซอย เข้าออกก็ลำบาก
เวลาชนกันเกิดอุบัติเหตุ สมมุติชนกับรถเก๋ง รถเก๋งคงแย่ครับแบบนี้ถ้ากระบะคันโตกว่านี้อีก และเรื่องทัศนวิสัยบนท้องถนนด้วย ยิ่งคันโตขึ้น ผู้ร่วมใช้เส้นทางคงไม่ไหว ถนนหนทางยังคับแคบอยู่

แก้กฎเพื่ออะไร มีประโยชน์ตรงส่วนไหน กับสิ่งรอบด้านแล้วผลกระทบมีอะไร ต้องดูที่รายละเอียดปลีกย่อยด้วย การเอาใจผู้ผลิตอย่างเดียว กระทบถึงโครงสร้างของภาษีรึเปล่า
ที่ควรแก้ ควรห้ามรถบรรทุกใหญ่วิ่งทั่วประเทศตอนเทศกาล ใหญ่ๆเช่น ปีใหม่สงการณ์มากกกว่าเพราะทำให้ การจราจรติดขัด และ อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปีนึงหยุดวิ่ง ไม่กี่วัน บริษัทคงไม่จนลงไปกว่าเดิมแน่ๆ เหตุผลส่งสินค้าไม่ทัน อ้างไม่ขึ้น เพราะจัดระเบียบกับวันหยุดได้ ช่วงไหนจะห้ามวิ่ง ก็ เร่งก่อนหน้าได้
ปีนึงหยุดวิ่งไม่กี่วัน เพื่อ ส่วนรวม มองยังไงมันก็ดีกว่าเพื่อส่วนตัว ที่วิ่งกันตลอดทั้งปีเลย
กระบะไซค์ยักษมาเมื่อไหร่ เราๆก็คงเห็นกระบะล้อโตยกสูงยางเท่ารถสิบล้อ คันท่วมรถสิบล้อแหละครับท่านๆ  แล้วเวลาท่านๆไปเที่ยวเขา ถ้าเจอกระบะคันโตไซค์ยักษ์วิ่งคับเลนเป็นยังไงกันครับถ้าเกิดภายภาคหน้ามันมี  ขึ้นเขากันสบายมั้ย ถ้าขับตามท้ายรึอยู่หน้า
ผมโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ถนนเมืองไทยยังคับแคบอยู่ครับ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถนนก็ยังแคบอยู่ จะไปขยายถนนตามสถานที่ท่องเที่ยวก็คงไม่ได้แล้ว
อารยธรรมตะวันตกไม่จำเป็นต้องตามครับ  ถ้าจะตามควรปรับสิ่งที่ควบคู่ไปด้วย
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ ตุลาคม 07, 2014, 20:36:08
ออกกฎเพิ่มน้ำหนักแล้วตัวรถไม่จำเป็นต้องโตขึ้น ของแบบนี้มันไปทีล๊ะสเต๊ปลองสเต๊ปแรกผ่านได้สเต๊ปกระบะไซค์ใหญ่ผลิตตามก็มีตามมาอีกฉ๊อต อยู่แล้ว ของแบบนี้หลับตาก็เห็นภาพแล้ว
ออกกฎเพิ่ม น้ำหนัก ผมว่าควรแยก ภาษีด้วยเป็น 2 แบบ อยากขับคันใหญ่ๆก็จ่ายค่าป้ายวงกลมต่อทะเบียนแพงขึ้นเป็นอีกแบบเอาเงินเข้าหลวง และควรเก็บภาษีเมื่อประกอบเสร็จแล้วขายด้วยให้แพงกว่า กระบะไซค์ปกติ
ทุกวันนี้ กระบะยกสูง เข้าซอยก็จะเบียดเข้าออกลำบากอยู่แล้ว
ที่จอดรถก็ไม่มีกันเอารถมาจอดในซอย เข้าออกก็ลำบาก
เวลาชนกันเกิดอุบัติเหตุ สมมุติชนกับรถเก๋ง รถเก๋งคงแย่ครับแบบนี้ถ้ากระบะคันโตกว่านี้อีก และเรื่องทัศนวิสัยบนท้องถนนด้วย ยิ่งคันโตขึ้น ผู้ร่วมใช้เส้นทางคงไม่ไหว ถนนหนทางยังคับแคบอยู่

แก้กฎเพื่ออะไร มีประโยชน์ตรงส่วนไหน กับสิ่งรอบด้านแล้วผลกระทบมีอะไร ต้องดูที่รายละเอียดปลีกย่อยด้วย การเอาใจผู้ผลิตอย่างเดียว กระทบถึงโครงสร้างของภาษีรึเปล่า
ที่ควรแก้ ควรห้ามรถบรรทุกใหญ่วิ่งทั่วประเทศตอนเทศกาล ใหญ่ๆเช่น ปีใหม่สงการณ์มากกกว่าเพราะทำให้ การจราจรติดขัด และ อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปีนึงหยุดวิ่ง ไม่กี่วัน บริษัทคงไม่จนลงไปกว่าเดิมแน่ๆ เหตุผลส่งสินค้าไม่ทัน อ้างไม่ขึ้น เพราะจัดระเบียบกับวันหยุดได้ ช่วงไหนจะห้ามวิ่ง ก็ เร่งก่อนหน้าได้
ปีนึงหยุดวิ่งไม่กี่วัน เพื่อ ส่วนรวม มองยังไงมันก็ดีกว่าเพื่อส่วนตัว ที่วิ่งกันตลอดทั้งปีเลย
กระบะไซค์ยักษมาเมื่อไหร่ เราๆก็คงเห็นกระบะล้อโตยกสูงยางเท่ารถสิบล้อ คันท่วมรถสิบล้อแหละครับท่านๆ  แล้วเวลาท่านๆไปเที่ยวเขา ถ้าเจอกระบะคันโตไซค์ยักษ์วิ่งคับเลนเป็นยังไงกันครับถ้าเกิดภายภาคหน้ามันมี  ขึ้นเขากันสบายมั้ย ถ้าขับตามท้ายรึอยู่หน้า
ผมโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ถนนเมืองไทยยังคับแคบอยู่ครับ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถนนก็ยังแคบอยู่ จะไปขยายถนนตามสถานที่ท่องเที่ยวก็คงไม่ได้แล้ว
อารยธรรมตะวันตกไม่จำเป็นต้องตามครับ  ถ้าจะตามควรปรับสิ่งที่ควบคู่ไปด้วย

ท่านซีเรียสเกินไปหรือเปล่าครับ   ตามความคิดผมนะ คือปัจจุบันนี้รถกระบะที่วิ่งๆกันอยู่นิ ก็น้ำหนักเกินกันทั้งนั้นอยู่แล้ว   ไอ้ครั้นจะบีบบังคับใช้กฎหมายให้ไปจดทะเบียนเป็นรถใหญ่กันหมดก็คงจะยาก    เขาก็เลยจะแก้กฎหมายเพื่อให้ภาคประชาชนสามรถปฎิบัติได้  และหลังจากนี้เมื่อ แก้กฎหมายให้แล้วก็คงไม่มีการผ่อนปรนอะไรให้อีกแล้ว...  ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่ารถกระบะมันจะคันใหญ่ไปกว่านี้  และตอนนี้ผมเริ่มได้ยินกระแสคนเริ่มเบื่อๆกระบะคันใหญ่กันบ้างแล้ว ผู้ผลิตคงไม่กล้าทำใหญ่กว่านี้แล้วหละ
แต่สิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนก็คือ  ภาคขนส่งที่คิดจะออกรถกระบะตอนเดียวมาส่งของ  จะเบนเข็มไปออกรถบรรทุก 4 ล้อแทน  ซึ่งเหมาะแก่การบรรทุกส่งของในเมืองมากกว่ารถกระบะ   (ข้อดีคือพื้นที่บรรทุกมากกว่า  ตัวรถสั้นกว่า  วงเลี้ยวแคบกว่า  คล่องตัวกว่า )

ประเด็นให้รถบรรทุกหยุดวิ่งวันหยุดเทศกาล   ผมว่าส่วนใหญ่เขาก็หยุดอยู่แล้วนะเพราะ ร.ง ต่างๆก็หยุด  แต่ภาคเกษตรภาคปศุสัตว์ ของพวกนี้เขาหยุดไม่ได้หรอกครับ  มันมีชีวิตมันเสียหายได้   ค้างส่งวันเดียวก็เน่าแล้วครับ และรถขนส่งพวกนี้เขาก็วิ่งอยู่  ตจว ของเขาอยู่แล้ว   คน กทม ต่างหากเอารถเก๋งไปวิ่งในเส้นทางประจำของเขาเอง แล้วมาบ่นให้เขาหยุดวิ่ง  ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: JeansZ ที่ ตุลาคม 07, 2014, 22:07:56
3.2 wildtrak หนัก​เกิน 2.2 ตันอีกครับ 2.2 ตันบางทีอาจไม่พอด้วยซ้ำครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ ตุลาคม 07, 2014, 22:32:09
3.2 wildtrak หนัก​เกิน 2.2 ตันอีกครับ 2.2 ตันบางทีอาจไม่พอด้วยซ้ำครับ

เสริมให้อีกนิดนึงครับ   กฎหมายนี้เฉพาะกระบะแค็ป กับรุ่นตอนเดียว หรือรถอะไรก็แล้วแต่ที่จะจดทะเบียนเป็นรถบรรทุกส่วนบุคคล (ป้ายเขียว)    แต่ถ้าเป็นกระบะ 4 ประตู จดเป็นรถนั่งส่วนบุคคลไม่มีน้ำหนักมาควบคุมครับ   เราเลยไม่เห็น  เรนเจอ กับ บีที ที่เป็นรุ่นแค็ป 4WD   ออกมาขาย

ข้อดีอีกข้อก็อยู่ตรงนี้แหละ ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น  ไม่ใช่มีแต่รุ่นยกสูงอย่างเดียว   มีรุ่น 4 WDให้เลือกด้วยโดยที่ตัวรถก็ไม่ได้ใหญ่หรือเกะกะมากกว่ารุ่นยกสูงธรรมดา
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: top3245 ที่ ตุลาคม 07, 2014, 22:38:01
ออกกฎเพิ่มน้ำหนักแล้วตัวรถไม่จำเป็นต้องโตขึ้น ของแบบนี้มันไปทีล๊ะสเต๊ปลองสเต๊ปแรกผ่านได้สเต๊ปกระบะไซค์ใหญ่ผลิตตามก็มีตามมาอีกฉ๊อต อยู่แล้ว ของแบบนี้หลับตาก็เห็นภาพแล้ว
ออกกฎเพิ่ม น้ำหนัก ผมว่าควรแยก ภาษีด้วยเป็น 2 แบบ อยากขับคันใหญ่ๆก็จ่ายค่าป้ายวงกลมต่อทะเบียนแพงขึ้นเป็นอีกแบบเอาเงินเข้าหลวง และควรเก็บภาษีเมื่อประกอบเสร็จแล้วขายด้วยให้แพงกว่า กระบะไซค์ปกติ
ทุกวันนี้ กระบะยกสูง เข้าซอยก็จะเบียดเข้าออกลำบากอยู่แล้ว
ที่จอดรถก็ไม่มีกันเอารถมาจอดในซอย เข้าออกก็ลำบาก
เวลาชนกันเกิดอุบัติเหตุ สมมุติชนกับรถเก๋ง รถเก๋งคงแย่ครับแบบนี้ถ้ากระบะคันโตกว่านี้อีก และเรื่องทัศนวิสัยบนท้องถนนด้วย ยิ่งคันโตขึ้น ผู้ร่วมใช้เส้นทางคงไม่ไหว ถนนหนทางยังคับแคบอยู่

แก้กฎเพื่ออะไร มีประโยชน์ตรงส่วนไหน กับสิ่งรอบด้านแล้วผลกระทบมีอะไร ต้องดูที่รายละเอียดปลีกย่อยด้วย การเอาใจผู้ผลิตอย่างเดียว กระทบถึงโครงสร้างของภาษีรึเปล่า
ที่ควรแก้ ควรห้ามรถบรรทุกใหญ่วิ่งทั่วประเทศตอนเทศกาล ใหญ่ๆเช่น ปีใหม่สงการณ์มากกกว่าเพราะทำให้ การจราจรติดขัด และ อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปีนึงหยุดวิ่ง ไม่กี่วัน บริษัทคงไม่จนลงไปกว่าเดิมแน่ๆ เหตุผลส่งสินค้าไม่ทัน อ้างไม่ขึ้น เพราะจัดระเบียบกับวันหยุดได้ ช่วงไหนจะห้ามวิ่ง ก็ เร่งก่อนหน้าได้
ปีนึงหยุดวิ่งไม่กี่วัน เพื่อ ส่วนรวม มองยังไงมันก็ดีกว่าเพื่อส่วนตัว ที่วิ่งกันตลอดทั้งปีเลย
กระบะไซค์ยักษมาเมื่อไหร่ เราๆก็คงเห็นกระบะล้อโตยกสูงยางเท่ารถสิบล้อ คันท่วมรถสิบล้อแหละครับท่านๆ  แล้วเวลาท่านๆไปเที่ยวเขา ถ้าเจอกระบะคันโตไซค์ยักษ์วิ่งคับเลนเป็นยังไงกันครับถ้าเกิดภายภาคหน้ามันมี  ขึ้นเขากันสบายมั้ย ถ้าขับตามท้ายรึอยู่หน้า
ผมโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ถนนเมืองไทยยังคับแคบอยู่ครับ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถนนก็ยังแคบอยู่ จะไปขยายถนนตามสถานที่ท่องเที่ยวก็คงไม่ได้แล้ว
อารยธรรมตะวันตกไม่จำเป็นต้องตามครับ  ถ้าจะตามควรปรับสิ่งที่ควบคู่ไปด้วย

เหตุผลที่ต้องแก้กฎหมายนี้ มันก็มีแจ้งไว้ชัดเจนในลิงค์นะครับ

ผมเดาว่าคุณคงอยู่ในเมือง

ที่ต่างจังหวัดส่วนมากชอบรถกระบะคันโตๆ ครับ
ผมเป็นคนต่างจังหวัดและอยู่ต่างจังหวัด เชื่อว่ากับรถขนาดแค่ 2.2 ตัน (ทุกวันนี้พวกรถกระบะในประเทศไทยจริงๆ แล้ว มันก็หนักกัน 2 ตัน กันแล้ว) แค่นี้ถนนต่างจังหวัดกว้างและมีที่พอให้วิ่งได้สบายๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: redtopup ที่ ตุลาคม 07, 2014, 22:41:03
คัดมาบางตอน

 จากร่างแก้ไขปรับปรุงพ.ร.บ.รถยนต์ดังกล่าว...  จึงเสมือนเป็นการปลดล็อคปิกอัพไทย ซึ่งถูกคุมน้ำหนักไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม มาตั้งแต่ปี 2522 หรือยาวนานถึง 35 ปี และเป็นประเด็นที่ค่ายรถผลักดันให้มีการแก้ไขมาตลอด เพราะปัจจุบันปิกอัพที่ผลิตในไทยมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยิ่งแข่งขันกันใส่เข้ามาให้มาก เพื่อเป็นจุดเด่นในการตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า แต่ที่สุดจะติดตรงข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักรถ
      
        ตามกฎหมายการที่รถจะขาย หรือจดทะเบียนได้ ต้องมีการรับรอง 2 ขั้นตอน อันดับแรกผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานมาตฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) และการทำแบบวิศวกรรมกับกรมการขนส่งทางบก ในเรื่องการตรวจสอบขนาด และเครื่องยนต์ของรถ โดยส่วนใหญ่จะมาตกม้าตายตรงในส่วนของน้ำหนักรถ
      
        จะว่าไปปิกอัพในไทยปัจจุบัน แทบจะไม่ผ่านพ.ร.บ.รถยนต์ ว่าด้วยเรื่องน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล เหตุนี้จึงได้มีการงัดสารพัดวิธีเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย มีตั้งแต่ถอดอุปกรณ์มาตรฐานบางอย่างออก รวมถึงยางอะไหล่ ใส่น้ำมันเพียงนิดหน่อย ถอดเบาะ และอื่นๆ อีกมากมาย หรือไม่ถึงกับทำสเปกพิเศษ เพื่อมาชั่งน้ำหนักโดยเฉพาะ

 เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมการขนส่งทางบก เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีพอสมควร บวกกับการมีนอกมีในระหว่างเจ้าหน้าที่และบริษัทรถ จึงไม่เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดมากนัก และนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการพยายามผลักดันปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
      
        ทั้งนี้หากห่างร่างพ.ร.บ.รถยนต์นี้ผ่าน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนในอุตสาหกรรมการผลิตปิกอัพอย่างมาก เนื่องจากปิกอัพจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากขึ้นได้ และสามารถจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลได้ปกติ ทำให้เสียภาษีป้ายประจำปีสูงสุดประมาณ 1,000 บาท/ปี ขณะที่หากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (เก๋ง) ต้องเสียภาษีอัตราก้าวหน้าตามขนาดความจุกระบอกสูบ (ซีซี) ทำให้ต้องจ่ายค่าภาษีป้ายทะเบียนหลายพันบาทต่อปี จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้ซื้อปิกอัพ หรือหากจดทะเบียนเป็นรถบรรทุก จะติดเรื่องของเวลาการวิ่งในเมืองอีก
      
        ที่แน่ๆ ปิกอัพที่มีขนาดใหญ่ในปัจจุบัน อย่าง “มาสด้า บีที-50” และ “ฟอร์ด เรนเจอร์” จะสามารถปลดล็อคในส่วนของปิกอัพรุ่นมีแค็บ ให้วางจำหน่ายรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อได้ ซึ่งปัจจุบันไม่มีรถรุ่นย่อยนี้ทำตลาด เพราะติดข้อจำกัดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ปิกอัพรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงมีขายเฉพาะรุ่นดับเบิ้ลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู ที่ตามกฎหมายต้องจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือเก๋งเท่านั้น

 นอกจากนี้ในส่วนของปิกอัพรุ่นใหม่ๆ ที่จะออกมา อย่าง “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้” โฉมใหม่ ตามข่าวจะมีตัวถังขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก หากร่างพ.ร.บ.รถยนต์ดังกล่าวผ่าน จะทำให้สามารถออกมาโดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องน้ำหนัก รวมถึงอาจจะได้เห็นการกลับมาของปิกอัพ “เกีย เค2900” ที่หายไปจากตลาด เพราะไม่ผ่านเรื่องน้ำหนักรถ ต้องจดทะเบียนเป็นรถใช้งานบรรทุก ทำให้ติดปัญหาเรื่องเวลาของการวิ่งรถในเมือง เหมือนกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ จึงไม่เป็นนิยมเหมือนในรุ่นเค2700 ที่ผ่านน้ำหนักมาตรฐาน 1,600 กิโลกรัม จึงสามารถใช้งานในเมืองได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดขายของปิกอัพรุ่นนี้ในอดีต เช่นเดียวกับกลุ่มรถบรรทุกเล็กอย่าง “อีซูซุ เอลฟ์” ที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต
      
        สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการพลิกโฉม และทำให้เกิดความก้าวหน้าทางนวัตกรรม รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมปิกอัพในไทย แต่มองในมุมกลับการปลดล็อครถที่มีขนาดใหญ่ ให้สามารถวิ่งได้ในเมืองใหญ่ ภาครัฐจะรับมือกับปัญหาการจราจรอย่างไร? ตรงนี้จะต้องเตรียมแก้ไขไว้ด้วยเช่นกัน!!




สำหรับผม
ส่งเสริมยอดขาย ออกมาเมื่อไหร่ รถ4ล้อเล็กกึ่งใหญ่บรรทุกของนั่นแหละครับจะไม่ติดเวลา
ทุกวันนี้ปิคอัพมันไม่ติดเวลา สร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้ต่างชาติกอบโกยเงินไปมากๆมั้ง มองดูดีๆ ฝ่ายมีสินค้าในมือ ดันสุดตัว ทุกวันนี้สีล้อใหญ่หกล้อเล้กมันติดเวลา จะว่าไปแล้วคนที่ทำธุรกิจเวลาจะเอารถมาส่งของแน่นอนว่าต้องให้ตรงกับธุรกิจของตน จะ4 ล้อใหญ่รึหกล้อเล็กมันเปิดข้างได้ขนส่งสะดวก แต่ติดเวลา ก็เลยต้องจำยอมเอากระบะติดหลังคาสูงมาขนของ  
แล้วถ้าสี่ล้อใหญ่ไม่ติดเวลาการจราจรจะไม่โกลาหลรึครับ ความคล่องตัวนั้นน้อยกว่ากระบะปิคอัพแน่ๆ วงเลี้ยวนั้นกว้างกว่าปิคอัพอยู่แล้ว  เรื่องแบบนี้ต้องรอบครอบ ว่าส่งเสริมอะไร เรื่องล๊อคสเป็คนั้นมีอยู่แล้วครับ มันไม่ผ่านหลายหนมันมีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าร่างก็ต้องร่างให้ละเอียดไหนๆจะแก้ทั้งทีแล้ว  จะเจาะจงลงไปเป็นรุ่นๆรายๆไปเดี่ยวก็หาว่าเข้าข้างเป็นรายๆไปอีก เรื่องแบบนี้ต้องรอบครอบมากๆ ผู้ผลิตรายอื่นมีค้อนได้ แต่ที่สำคัยเลยรถติดยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ

รถใหญ่ในที่นี้คือรถพ่วง เกษตรกรไม่มีผลกระทบหรอกครับ
เศรฐกิจวิ่ง เพราะมีการซื้อขาย แลกกันไปแลกกันมา ไปเที่ยวก็ต้องซื้อของกลับบ้าน ไม่มีใครที่เสียเปรียบต่างคนต่างได้ผลตอบแทนทั้งนั้น
ในโลกนี้ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว
ภาคเกษตรกรนั้นเป็นหัวใจหลักของประเทศใครจะไม่รู้
รถบรรทุกผักหรืออื่นๆ โดยมากใช้ หกล้อและสิบล้อส่ง ช่วงเทศกาลนั้น ตลาดปิด
อาจจะออกกฎมาว่า ยกเว้น การบรรทุกสิ่งของแบบใดยกเว้น  แต่ก็คงยากมากๆ
บริษัทขนส่งใหญ่ๆนั้น น่าจะหยุดพวกรถพ่วงต่างๆ ผมหมายถึงสิ่งนี้  


หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ ตุลาคม 08, 2014, 01:06:06
ออกกฎเพิ่มน้ำหนักแล้วตัวรถไม่จำเป็นต้องโตขึ้น ของแบบนี้มันไปทีล๊ะสเต๊ปลองสเต๊ปแรกผ่านได้สเต๊ปกระบะไซค์ใหญ่ผลิตตามก็มีตามมาอีกฉ๊อต อยู่แล้ว ของแบบนี้หลับตาก็เห็นภาพแล้ว
ออกกฎเพิ่ม น้ำหนัก ผมว่าควรแยก ภาษีด้วยเป็น 2 แบบ อยากขับคันใหญ่ๆก็จ่ายค่าป้ายวงกลมต่อทะเบียนแพงขึ้นเป็นอีกแบบเอาเงินเข้าหลวง และควรเก็บภาษีเมื่อประกอบเสร็จแล้วขายด้วยให้แพงกว่า กระบะไซค์ปกติ
ทุกวันนี้ กระบะยกสูง เข้าซอยก็จะเบียดเข้าออกลำบากอยู่แล้ว
ที่จอดรถก็ไม่มีกันเอารถมาจอดในซอย เข้าออกก็ลำบาก
เวลาชนกันเกิดอุบัติเหตุ สมมุติชนกับรถเก๋ง รถเก๋งคงแย่ครับแบบนี้ถ้ากระบะคันโตกว่านี้อีก และเรื่องทัศนวิสัยบนท้องถนนด้วย ยิ่งคันโตขึ้น ผู้ร่วมใช้เส้นทางคงไม่ไหว ถนนหนทางยังคับแคบอยู่

แก้กฎเพื่ออะไร มีประโยชน์ตรงส่วนไหน กับสิ่งรอบด้านแล้วผลกระทบมีอะไร ต้องดูที่รายละเอียดปลีกย่อยด้วย การเอาใจผู้ผลิตอย่างเดียว กระทบถึงโครงสร้างของภาษีรึเปล่า
ที่ควรแก้ ควรห้ามรถบรรทุกใหญ่วิ่งทั่วประเทศตอนเทศกาล ใหญ่ๆเช่น ปีใหม่สงการณ์มากกกว่าเพราะทำให้ การจราจรติดขัด และ อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปีนึงหยุดวิ่ง ไม่กี่วัน บริษัทคงไม่จนลงไปกว่าเดิมแน่ๆ เหตุผลส่งสินค้าไม่ทัน อ้างไม่ขึ้น เพราะจัดระเบียบกับวันหยุดได้ ช่วงไหนจะห้ามวิ่ง ก็ เร่งก่อนหน้าได้
ปีนึงหยุดวิ่งไม่กี่วัน เพื่อ ส่วนรวม มองยังไงมันก็ดีกว่าเพื่อส่วนตัว ที่วิ่งกันตลอดทั้งปีเลย
กระบะไซค์ยักษมาเมื่อไหร่ เราๆก็คงเห็นกระบะล้อโตยกสูงยางเท่ารถสิบล้อ คันท่วมรถสิบล้อแหละครับท่านๆ  แล้วเวลาท่านๆไปเที่ยวเขา ถ้าเจอกระบะคันโตไซค์ยักษ์วิ่งคับเลนเป็นยังไงกันครับถ้าเกิดภายภาคหน้ามันมี  ขึ้นเขากันสบายมั้ย ถ้าขับตามท้ายรึอยู่หน้า
ผมโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ถนนเมืองไทยยังคับแคบอยู่ครับ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถนนก็ยังแคบอยู่ จะไปขยายถนนตามสถานที่ท่องเที่ยวก็คงไม่ได้แล้ว
อารยธรรมตะวันตกไม่จำเป็นต้องตามครับ  ถ้าจะตามควรปรับสิ่งที่ควบคู่ไปด้วย

คุณควรจะรู้ด้วยว่าคนขับบรรทุกเบื่อช่วงเทศกาลที่สุด ขนาดเพิ่มค่าแรงพิเศษให้แล้วถ้าเลือกได้เค้าอยากนอนอยู่บ้านเฉยๆมากกว่า เอาง่ายๆนะครับ กทม.-เชียงใหม่ปกติใช้เวลาประมาณ 12-13 ชม. แต่พอเป็นช่วงเทศกาลซัดไปขั้นต่ำ 18 ชม. บางครั้งล่อไปวันนึงเต็มๆกว่าจะถึง และส่วนใหญ่รถบรรทุกที่วิ่งช่วงเทศกาลเป็นรถขนของไปรองรับพวกคนกรุงเทพที่ไปเที่ยวกันน่ะแหละ ลองไม่วิ่งดูสิ ได้มีรายการของหมดร้านแบบตอนน้ำท่วมปี54แน่นอน
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ตุลาคม 08, 2014, 02:50:54
เพื่อนผมทำอยู่บริษัท logistic เดี๋ยวนี้มีแหล่งกระจายสินค้าเยอะอยู่แล้วนะครับถ้าเป็นของกินของใช้ แล้วก่อนช่วงเทศกาลเค้าจะมีการเพิ่มสั่ง stock สินค้าอยู่แล้ว เค้ามีการคำนวณยอดอยู่ตลอดว่าต้องทำยังไง เผื่อเลี่ยงการขนส่งช่วงเทศกาลเนี่ยแหละครับ เพราะต้นทุนเพิ่มทั้งนั้น ของสดเดี๋ยวนี้บางที่มีห้องแช่เผื่อสต็อกเรียบร้อยแล้วนะครับ ยกเว้นของสดตามตลาดสดที่ส่งกันทุกวัน

ที่ปี 54 ของขาดเพราะน้ำท่วม ถนนหนทางมันขาดของเลยส่งไม่ได้รึเปล่าครับ แล้วเกิดการตุนสินค้าในระดับครัวเรือนอีก พวกตามห้างเค้ามีการเผื่อล่วงหน้าไปบ้างแล้ว แต่มันก็ไม่พอความต้องการอยู่ดี บางคนก็หัวหมอตุนสินค้าเอาไปขาย บางคนอาจจะเรียกว่าโอกาสทำเงิน ก็แล้วแต่จะคิด... แถมสินค้าบางอย่างโรงงานน้ำท่วมไปแล้ว ไม่ก็ระหว่างจุดกระจายสินค้าน้ำท่วมไปก่อน เลยเข้ามาส่งสินค้าไม่ได้
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ ตุลาคม 08, 2014, 23:45:09
เรื่องห้ามรถบรรทุกวิ่งในช่วงเทศกาล   จะบอกว่าถูกต้องที่เกษตรกรเขาไม่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่   แต่เขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วยอยู่แล้ว ในเมื่อพ่อค้าหรือคนที่จะมาซื้อของเขาไม่มา ขอเลื่อนไป อีก 3-4 วัน หลังจากนั้นของที่อั้นๆไว้ โดนกดราคาแน่นอน  ท่านๆ อาจจะไม่เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างเช่น  เจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้ง  เกิดกุ้งมีอาการจะน็อค ถ้าไม่จับวันนั้นก็ตายหมดบ่อ    เลี้ยงไก่  เลี้ยงหมูไว้ ถึงเวลารถเข้ามาจับไม่ได้  ค่าอาหรที่ต้องจ่ายต่อไปอีก 3-4 วันมันก็คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น    เลี้ยงไก่ไข่ ก่อนถึงวันหยุดบอกให้มันไข่วันละ 3 ฟองเพื่อตุนไว้มันได้ไหม พอถึงวันหยุดบอกมันไม่ต้องไข่ได้ไหม  
ถูกต้องภาคบริษัทใหญ่ทุนหนาสามารถตุนสินค้าไว้ได้ มีห้องเย็น  แต่พวกรายกลางรายย่อย  เขาทำแบบนั้นไม่ได้ทุกคนนะ
ก็ขอความเห็นใจกันด้วยครับ  วันหยุดเทศกาลใครๆเขาก็อยากหยุด ที่เห็นวิ่งๆกันคงไม่เอารถบรรทุกมาขับเที่ยวแน่นอน  เขาคงมีความจำเป็นจริงๆ  อย่าไปเหมาว่าเขาเห็นแก่ตัวเลยครับ

เรื่องรถบรรทุก 4 ล้อจะเพิ่มขึ้นจนทำให้รถติดใน ชม เร่งด่วน  ครับรถ 4 ล้อเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่รถปิคอัพจะน้อยลง   อีกอย่างถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่ออกมาวิ่งถันอยู่แล้วช่วงเวลาแบบนั้นน่ะ  แต่ถ้าใช้รถที่ไม่ติดเวลาได้มันก็จะดี บางครั้งเวลามันคาบเกี่ยวแค่ 10 นาที ออกมาไม่ทัน ทำให้ต้องเสียเวลาไปอีก 3-4 ชม  เจ้าของก็ต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้คนส่งของไปอีห ต้นทุนเขาก็มาบวกในสินค้าที่เราซื้อนนั่นแหละ
      
อีกเรื่อง
 รถ 4 ล้อ ตัวรถยาว 4.5 เมตร  ช่วงล้อยาว 2.5 เมตร วงเลี้ยว 5.5 เมตร (อาจจะน้อยกว่านั้น)
รถกระบะยาว 5.2 เมตร  ช่วงล้อยาว 3.1-3.2 เมตร   วงเลี้ยว 6 เมตร
ถามว่ารถอะไรคล่องตัว และกินเนื้อที่น้อยกว่ากัน
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ตุลาคม 08, 2014, 23:49:40
สอบถามเพิ่มเติมนิดนึงครับ พอดีวันนี้ผ่านโชว์รูม Kia เห็น Kia 2700 อยู่ แล้วจำได้ว่าเมื่อก่อนมี k2900 แต่ติดเรื่องน้ำหนักตอนหล้งเลยเลิกเอามาขาย Kia2700 ถือเป็นรถประเภทไหนครับ พอดีเห็นเข้าข่ายที่พูดถึงพอดี แต่ไม่เห็นมีคนใช้
หัวข้อ: Re: ‘บิ๊กตู่’ชงแก้น้ำหนักปิกอัพ... ลุ้นปลดล็อคพลิกโฉมอุตฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ ตุลาคม 09, 2014, 00:05:58
มันก็คือรถบรรทุก 4 ล้อนี่แหละครับ แต่เพราะมันคือ KIA ไงครับถึงแม้จะจดทะเบียนป้ายเขียวได้แต่ไม่มีใครซื้อ     รถประเภทนี้ซื้อมาใช้งานหนักวิ่งเยอะ ถ้าไม่ทนทาน อะไล่แพง หาอะไหล่ยาก ศูนย์บริการน้อย ก็ขายยาก