Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: aod ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 12:59:05

หัวข้อ: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: aod ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 12:59:05
รถจากแดน ปลาดิบ ต่างก็มีชื่อเสียงระดับโลก อายุการก่อตั้งก็หลายสิบปีเกือบร้อยปีก็ว่าได้ แต่ทำไม ความจุกจิก ความนิ่งของเครื่องยนต์ ปัญหาด้านเครื่องยนต์ พี่โตถึงได้นำหน้า คู่แข่ง ร่วมสัญชาติครับ เกิดจาก อะไรครับ  ;D
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Mortred ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 13:08:49
มีระบบไฮบริทที่โตโยต้านำชาวบ้านเค้าไปไกลมาก

แต่อื่นผมว่าก็พอๆกันนะ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: carpenter ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 13:34:40
ทุ่มทุนกับ R&D มากกว่าค่ายอื่นมั้งครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 13:35:11
กระบะคอมมอนเรล โตโยต้าเป็นเจ้าแรกมั้ย หรือยังไงครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 13:54:59
รถจากแดน ปลาดิบ ต่างก็มีชื่อเสียงระดับโลก อายุการก่อตั้งก็หลายสิบปีเกือบร้อยปีก็ว่าได้ แต่ทำไม ความจุกจิก ความนิ่งของเครื่องยนต์ ปัญหาด้านเครื่องยนต์ พี่โตถึงได้นำหน้า คู่แข่ง ร่วมสัญชาติครับ เกิดจาก อะไรครับ  ;D
แต่ก่อนเรากะคิดแบบนี้แล่ะ แต่ตอนนี้ใช้รถนิสสันอยู่ เราว่าไม่ต่างกัน
ที่มัน (เหมือน) จะต่างกัน เพราะน่าจะรถโตโยต้า คนใช้เยอะ ช่างคุ้นเคย อะไหล่เยอะ
เลยเหมือนซ่อมง่าย
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 14:39:18
เดี๋ยว ๆๆ ๆ ๆ ๆ

ใครบอกว่ารถญี่ปุ่นยี่ห้อนี้ทนกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่น ๆ?

ถ้าคุณจะเทียบแค่สัญชาติ โดยไม่ดูลักษณะ โอเค ต้องบอกว่าพี่โตหลายรุ่น ทนกว่ารุ่นอื่น ๆ ของยี่ห้ออื่นหลายรุ่น

แต่คุณเคยได้ลองเทียบไอ้ที่มันมีเทคโนโลยีเท่า ๆ กันรึยังครับ ?  เคยไปนั่งดูรถโตโยต้าเคลมตอนเข้าศูนย์รึเปล่า ?

วันนึงมีเรื่องให้เคลมเป็นสิบ ๆ เรื่อง แต่ส่วนใหญ่ เคลมแล้วมันจบในศูนย์ ลูกค้าไม่ต้องมาโวยนอกศูนย์ครับ

แคมรี่ คอนโซลเหนียว คอยล์จุดระเบิดเสีย น้ำมันเครื่องซึม น้ำมันเกียร์ซึม เกียร์วืด ระบบคุมการทรางตัวมีปัญหา กระจกไฟฟ้าไม่ขึ้น1-5% ไม่ต่างจากยี่ห้ออื่น เขาก็เคลมกันจบครับ ไม่ต้องให้ลูกค้าไปโวยเอาที่นอกศูนย์

แต่พอเป็น NISSAN MITSUBISHI สาเหตเหมือน ๆ กัน ปัญหาดันไม่จบ

คิดเอาง่าย ๆ เดินไปในท้องตลาดร้านขายอะไหล่ทั่วประเทศ อะไหล่ยี่ห้อไหนมากที่สุด ? โตโยต้า อีซูซุ ครับ ร้านอะไหล่ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ประดับร้านนะครับ เขาซื้อมาตั้งขาย ขายเพราะมันมีรถเสียเยอะไม่แพ้ยี่ห้ออื่นนั่นแหละ

อาการของยี่ห้ออื่นที่มันแปลก ๆ นาน ๆ เจอที รถขายน้อยคัน อะไหล่มันก็เลยไม่มีคนเก็บ เวลาเคลมศูนย์ ศูนย์ยังส่ายหัว ร้านมันจะเก็บไว้รอใครมาซื้อล่ะ ?

แต่แน่นอนครับ โตโยต้ายังมี 1.5  เทคโนโลยี 20 ปีก่อนมาขายอยู่ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก กระจกไฟฟ้า ระบบกลอนไฟฟ้า ก็แสนจะธรรมดาไม่ซับซ้อน ถ้าทำอุปกรณ์พื้น ๆ เหล่านี้ทนไม่ได้ก็ปิดโรงงานไปได้แล้ว

ดูรถสมัยใหม่ที่ปัญหาเยอะ ๆ นี่ เกียร์ CVT แบบคุมด้วยไฟฟ้าบ้างล่ะ ระบบเบรคไฟฟ้าบ้างละ กล่องควบคุมเกียร์แบบdual clutch บ้างล่ะ ท่อพลาสติกแบบย่อยสลายบ้างล่ะ โอย เยอะ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้มันจะใส่มาทำไมฟระ ทำมาแบบธรรมดาไม่เป็นรึยังงัย เอาไว้ใช้นะเว้ยเฮ้ย ไม่ได้แข่งกันทำเทคโนโลยีเหรียญทองโอลิมปิก



เอา ALTIS 1.6 แค่มี Remote Central lock เอามาเทียบกับรถ กดรีโมททีแทบจะทำให้รถแปลงร่างได้ มันก็ดูจะทนกว่าสิครับ

บอกว่าโตโยต้าทน ร้านอะไหล่มันคงเจ๊งกันหมดทั่วประเทศไปแล้วครับ เพราะทุกวันนี้อะไหล่ที่ขายอันดับหนึ่งคิดตามเปอร์เซนต์รถก็ยังเป็นโตโยต้าอยู่ดี


หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: peterW ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 14:41:02
ผมเคย ทำอะไหล่ใหม่รถญี่ปุ่น หลายๆยี่ห้อ
รวมทั้ง เคยอยู่และนำเข้าอะไหล่ญี่ปุ่นเก่า
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
คหสต ชิ้นส่วนของโตโยต้า มีคุณภาพอายุยืนยาวกว่า รถญี่ปุ่นแบรนด์อื่น
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 14:55:33
เดี๋ยว ๆๆ ๆ ๆ ๆ

ใครบอกว่ารถญี่ปุ่นยี่ห้อนี้ทนกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่น ๆ?

ถ้าคุณจะเทียบแค่สัญชาติ โดยไม่ดูลักษณะ โอเค ต้องบอกว่าพี่โตหลายรุ่น ทนกว่ารุ่นอื่น ๆ ของยี่ห้ออื่นหลายรุ่น

แต่คุณเคยได้ลองเทียบไอ้ที่มันมีเทคโนโลยีเท่า ๆ กันรึยังครับ ?  เคยไปนั่งดูรถโตโยต้าเคลมตอนเข้าศูนย์รึเปล่า ?

วันนึงมีเรื่องให้เคลมเป็นสิบ ๆ เรื่อง แต่ส่วนใหญ่ เคลมแล้วมันจบในศูนย์ ลูกค้าไม่ต้องมาโวยนอกศูนย์ครับ

แคมรี่ คอนโซลเหนียว คอยล์จุดระเบิดเสีย น้ำมันเครื่องซึม น้ำมันเกียร์ซึม เกียร์วืด ระบบคุมการทรางตัวมีปัญหา กระจกไฟฟ้าไม่ขึ้น1-5% ไม่ต่างจากยี่ห้ออื่น เขาก็เคลมกันจบครับ ไม่ต้องให้ลูกค้าไปโวยเอาที่นอกศูนย์

แต่พอเป็น NISSAN MITSUBISHI สาเหตเหมือน ๆ กัน ปัญหาดันไม่จบ

คิดเอาง่าย ๆ เดินไปในท้องตลาดร้านขายอะไหล่ทั่วประเทศ อะไหล่ยี่ห้อไหนมากที่สุด ? โตโยต้า อีซูซุ ครับ ร้านอะไหล่ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ประดับร้านนะครับ เขาซื้อมาตั้งขาย ขายเพราะมันมีรถเสียเยอะไม่แพ้ยี่ห้ออื่นนั่นแหละ

อาการของยี่ห้ออื่นที่มันแปลก ๆ นาน ๆ เจอที รถขายน้อยคัน อะไหล่มันก็เลยไม่มีคนเก็บ เวลาเคลมศูนย์ ศูนย์ยังส่ายหัว ร้านมันจะเก็บไว้รอใครมาซื้อล่ะ ?

แต่แน่นอนครับ โตโยต้ายังมี 1.5  เทคโนโลยี 20 ปีก่อนมาขายอยู่ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก กระจกไฟฟ้า ระบบกลอนไฟฟ้า ก็แสนจะธรรมดาไม่ซับซ้อน ถ้าทำอุปกรณ์พื้น ๆ เหล่านี้ทนไม่ได้ก็ปิดโรงงานไปได้แล้ว

ดูรถสมัยใหม่ที่ปัญหาเยอะ ๆ นี่ เกียร์ CVT แบบคุมด้วยไฟฟ้าบ้างล่ะ ระบบเบรคไฟฟ้าบ้างละ กล่องควบคุมเกียร์แบบdual clutch บ้างล่ะ ท่อพลาสติกแบบย่อยสลายบ้างล่ะ โอย เยอะ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้มันจะใส่มาทำไมฟระ ทำมาแบบธรรมดาไม่เป็นรึยังงัย เอาไว้ใช้นะเว้ยเฮ้ย ไม่ได้แข่งกันทำเทคโนโลยีเหรียญทองโอลิมปิก



เอา ALTIS 1.6 แค่มี Remote Central lock เอามาเทียบกับรถ กดรีโมททีแทบจะทำให้รถแปลงร่างได้ มันก็ดูจะทนกว่าสิครับ

บอกว่าโตโยต้าทน ร้านอะไหล่มันคงเจ๊งกันหมดทั่วประเทศไปแล้วครับ เพราะทุกวันนี้อะไหล่ที่ขายอันดับหนึ่งคิดตามเปอร์เซนต์รถก็ยังเป็นโตโยต้าอยู่ดี




พูดรวมๆแบบนั้นผมว่าไม่จริงครับ
คนส่วนใหญ่ใช้รถโตโยต้าแทบไม่ต้องเข้าไปเคลมครับ แต่ถ้าเคลมก็คือเร็ว อะไหล่เยอะก็เป็นอีกเรื่อง
ถ้ารถโตโยต้าต้องเคลมเยอะขึ้นมา เรื่องจะใหญ่มากครับ เพราะทุกวันนี้แค่รับเช็คระยะทั่วไปก็ต้องจองคิวยาวยืดแล้ว
Part ส่วนใหญ่ QC จบมาตั้งแต่ชั้น supplier ถ้าพอรู้จักใครใน sup ก็เช็คได้เลยครับว่่า part โตโยต้า ตรวจสอบเข้มสุด แล้วมันเป็นแบบนี้มาตลอด
ด้านการออกแบบ ช่างที่ไหนเห็นก็มองออก ตั้งแต่สายไฟ ยันชิ้นส่วนต่างๆ ออกแบบมาให้ประกอบง่ายและทน มันอาจจะดูไม่สวยเพรามันขึ้น
Tooling ครั้งเดียวแล้วใช้ยาวมากกก ยกตัวอย่างเช่น ก้านครูสคอนโทรลไง และ มันก็ต้องทนจริงๆเพราะ part
จะถูกพยายามให้ใช้ร่วมกันเยอะๆ ถ้ามันเปราะ มันจะพังกันทั้งตระกูล มันมีเหตุแล้วก็มีผลตามนี้ครับ
ไม่ใช่ความเชื่อลอยๆที่บอกต่อๆกันมา part ไหนถ้ามีหลุดรอดก็เห็นตามข่าวนั่นล่ะครับ แต่มันถือว่าน้อยมาก
และไม่จุกจิกอะไรมากมาย

หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: csamabat ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 15:15:18
ความเห็นส่วนตัว  เท่าที่บ้านผมใช้รถมา โตโยต้าจะค่อยข้างทนที่สุดในระยะทางที่เทียบกับรถญี่ห้ออื่นๆครับ    ซึ่งใจผมก็รักโตต้า แต่แว่ปไปยี่ห้ออื่นบ้าง เพราะออฟชั่นและระบบความปลอดภัยโตต้าให้น้อยชะมัด   ผมเลยมักซื้อโตโยต้าตอนมือสองแทนครับ อิอิ  ปัจจุบันใช้ มิตซู แอททราจ ยังเซงเลย  ทั้งคลัชหอน สนิมขึ้นคานหน้า ช่วงล่างดัง น้ำเข้าท้ายรถ ยังไม่จบซักเคส นอกจากพ่นสีให้ใหม่ที่เป็นสนิม    หรืออัลเมร่า ของอา ลูกปืนล้อแตก พัดลมไฟฟ้าเสีย รถยังไม่ห้าหมื่นโลเลย  แต่แปลก รถนิวยาริสของป้า ไม่มีอะไรแบบที่ eco ของทั้งผมและอา เป็นเลย  :o(ผมว่ามันเป็นปัญหาของผู้ผลิตชิ้นส่วนนั้นๆของยี่ห้ออื่นทำไม่ดีเท่าชิ้นสว่นของที่โตโยต้านำมาทำรถ)

เทียบกับวีออส หรือ อัลติส วิ่งเป็นแสนสองแสน สามแสน ยังไม่จุกจิกเท่านี้เลยครับ   ที่บ้านผมก็เคยใช้ทั้ง อินโนว่า และอแวนซ่า ก็ไม่จุกจิกเลย  แต่กลับกัน new crv2012 ของเพื่อนผมแร๊คพวงมาลัย ดังและเคลมไปแล้ว ครับ  
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 15:38:42
โตโยต้า
ไม่ได้ทนกว่าใครหลอกครับ
แต่การซ่อมมันได้เปรียบ ตรงที่ช่างเข้าใจซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ  อะไหล่ ก๊อปปี้ก็แยะ ถ้ามันทนคงไม่มีอะไหล่เทียมพวกนี้หลอก

หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Ex_machina ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 15:41:38
บ้านเราไม่เคยเก็บข้อมูลเป็นสถิติ
จะเอาความรู้สึกส่วนตัวที่เคยใช้ มาเป็นตัวตั้งไม่ได้

เมืองนอกหลายๆ สถาบันมีการเก็บสถิติในเชิงลึกอยู่หลายค่าย เช่น Consumer Report
และผลออกมาหลายๆปีนั้น Toyota,Lexus ก็อยู่อันดับต้นๆ เสมอครับ ลองไปหาดูได้
ค่ายญี่ปุ่นที่มีความใกล้เคียง ตามสถิติที่เก็บมาคือ Honda ครับ มีความ reliability ตาม toyota มาติดๆ
แล้วที่น่าจับตามองคือ Hyundai ครับ ความทนทานขึ้นมาใกล้เคียงรถญี่ปุ่นมาก หายใจรดต้นคอเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:02:10
ตอบเฉพาะส่วนเครื่องยนต์ก่อน  เอาเฉพาะเครื่องเบนซินน่ะครับ  ของโตโยต้าจะให้บริษัทร่วมทุนที่ผมทำงานอยู่เป็นผู้ออกแบบให้ อยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกัน  เครื่องยนต์เบนซินส่วนใหญ่ที่ออกแบบมาให้กับโตโยต้าค่อนข้างทนทานและเสถียรมาก     ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนล้าสมัย มาจากหลักพื้นฐานง่าย ๆ  การปรับเปลี่ยน Drawing แต่ละครั้งไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก    แต่เป็นโนฮาวชั้นดีที่ใครก็ยากจะเลียนแบบ       เพราะถ้าผู้อื่นเลียนแบบได้จริงคงมีคู่แข่งในเรื่องนี้เยอะแล้ว   
เครื่องยนต์เอนกประสงค์ เครื่องยนต์ทางเรือ ทางน้ำ ยานยนต์ขับเคลื่อนบนหิมะ เครื่องยนต์เฮลิคคอปเตอร์ เป็นที่ยอมรับของลูกค้าไปทั่วโลก แม้แต่สนามแข่งที่โตโยต้าลงสนามที่ใช้เครื่องเบนซินอยู่ก็เป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่บริษัทร่วมทุนของโตโยต้าบริษัทนี้ออกแบบให้     มันอาจจะไม่ใช่เครื่องยนต์ที่เร็วที่สุดประหยัดน้ำมันที่สุด    แต่เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าว่ามีความทนทานและเสถียรมากไม่ค่อยจุกจิกแต่อย่างใด       
ปิคอัพเบนซินอันดับ 1 ในเมืองไทยหรือแม้กระทั่งปิคอัพใหญ่ ๆ ในอเมริกาที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน  ผมยอมรับค่ายโตโยต้ามาอันดับ 1 ครับ 
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: AkE ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:03:51
มันเป็นความรู้สึกของผู้บริโภคครับ เป็นการบอกต่อที่ไม่มีสถิติการเก็บข้อมูลกัยจริงๆ ผมยอมรับคับว่า QC ของ Toyota Honda แน่นกว่าเจ้าอื่นอยู่แต่บอกเลยครับว่า AAT ที่ประกอบ Ranger และ Mazda รุ่นต่างๆ Fiesta(พึ่งย้ายไป

ประกอบเอง) QC ไม่แพ้ 2 ค่ายใหญ่จากญี่ปุ่นเลยครับแต่ตัวรถก้ยังมีปัญหามากกว่า มี Ranger ที่ Outstanding กว่าเพื่อนและก้ได้การตอบแทนละไงครับยอดขายขึ้นมาเป็นแนวหน้าของรถกระบะในไทยแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะได้

จากหน้าตาแต่อีกส่วนคนบอกต่อกันเยอะว่ารถไม่มี defect  คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่ได้ซื้อรถจากการหาข้อมูลด้วยตนเองเยอะคับ ส่วนใหญ่ฟังเค้ามา+ซื้อตามกัน อย่างเราคนไทยซื้อรถปั้บคิดละ Vios ละกันอยากดูทันสมัยกว่า

หน่อยก้ City พอมีเงินเยอะหน่อยก้ MB แค่นั้นล่ะครับ จบ วิวัฒนาการของเทคโนโลยีแต่ล่ะค่ายไม่สามารถวัดได้จากการออกเทคโนโลยีใหม่ๆ รุ่นใหม่ๆอย่างเดียว ในขณะเดียวกันการที่ทำแต่รุ่นเดิมๆ เครื่องเดิมๆแต่โคดทนทาน ก้ไม่

ได้ทำให้แสดงว่าแบรนด์จะเหนือกว่าคนอื่นคับแต่ค่ายที่ได้รับการยอมรับมากๆที่มีอยู่ไม่กี่ค่ายเค้าสามารถทำทุกอย่างให้ Balance กันลงตัว ราคาขนาดนี้ เทคโนโลยีขนาดนี้ ทนทานประมาณนี้ การออกแบบประมาณนี้ นั่นล่ะคือสิ่งที่

Toyota สามารถทำได้ดีกว่าใครๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในสภาพนี้ตลอดไป เอาจริงๆที่ Toyota มียอดสูงมากๆชนะรถยี่ห้ออื่นขาดลอยก้มีอยู่ไม่กี่ประเทศนะครับ ดูอย่างชาติพวกเค้าเอง Toyota Honda Nissan ยังสลับกันได้ยอดสูงสุดกันเป็นประจำ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:09:35
ความเห็นส่วนตัว  เท่าที่บ้านผมใช้รถมา โตโยต้าจะค่อยข้างทนที่สุดในระยะทางที่เทียบกับรถญี่ห้ออื่นๆครับ    ซึ่งใจผมก็รักโตต้า แต่แว่ปไปยี่ห้ออื่นบ้าง เพราะออฟชั่นและระบบความปลอดภัยโตต้าให้น้อยชะมัด   ผมเลยมักซื้อโตโยต้าตอนมือสองแทนครับ อิอิ  ปัจจุบันใช้ มิตซู แอททราจ ยังเซงเลย  ทั้งคลัชหอน สนิมขึ้นคานหน้า ช่วงล่างดัง น้ำเข้าท้ายรถ ยังไม่จบซักเคส นอกจากพ่นสีให้ใหม่ที่เป็นสนิม    หรืออัลเมร่า ของอา ลูกปืนล้อแตก พัดลมไฟฟ้าเสีย รถยังไม่ห้าหมื่นโลเลย  แต่แปลก รถนิวยาริสของป้า ไม่มีอะไรแบบที่ eco ของทั้งผมและอา เป็นเลย  :o(ผมว่ามันเป็นปัญหาของผู้ผลิตชิ้นส่วนนั้นๆของยี่ห้ออื่นทำไม่ดีเท่าชิ้นสว่นของที่โตโยต้านำมาทำรถ)

เทียบกับวีออส หรือ อัลติส วิ่งเป็นแสนสองแสน สามแสน ยังไม่จุกจิกเท่านี้เลยครับ   ที่บ้านผมก็เคยใช้ทั้ง อินโนว่า และอแวนซ่า ก็ไม่จุกจิกเลย  แต่กลับกัน new crv2012 ของเพื่อนผมแร๊คพวงมาลัย ดังและเคลมไปแล้ว ครับ  

ผม่อนข้างเห็นด้วยกับความเห็นของคุณครับ

ผมว่า นิสสัน จุกจิกกว่า โตโยต้า อย่างมีนัยยะสำคัญ

เช่น ลูกปืนล้อ พัดลมแอร์ ผมตั้งคำถามว่า ทำไม Toyota ถึงทำให้สามารถใช้ได้ยาวๆ เป็นแสนโลและหลายปีได้ แต่นิสสันทำไมทำไม่ได้

ผมว่าสิ่งสำคัญของรถ คือ งานวิศวกรรม ที่ทนทานและเสถียร

คันต่อไป ผมไม่เอาแล้วนิสสัน พอกันที >:(
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:20:42
     ส่วนจะตอบว่าลูกค้าเห็นว่า TOYOTA  Defect น้อย  อาจจะจริงแค่ส่วนนึง       แต่บอกเลยว่าไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ เพราะคนใช้งานรถบางคนหรือหลายคนใช้งานรถแค่จากจุดนึงไปจุดนึง  ต้องการรถแค่ครอบครัวนั่งสบาย  ดูสวยหน้าตาพออวดใครได้     ไม่ได้รับรู้เรื่องอื่นมากนัก  
ไม่ได้วัดจากงานเคลมนะครับ  Defect นี้ถ้าวัดจากงานเคลมโตโยต้าก็มีแต่ไม่เยอะเพราะลูกค้าส่วนใหญ่พอใจคุณภาพ     การที่ลูกค้าส่วนใหญ่พอใจคุณภาพไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นคุณภาพดีนะครับ          แต่ลูกค้าเขาพอใจไม่เคลมต่างหากหรือลูกค้าคนนั้นไม่ใส่ใจหรือมองปัญหาไม่ออก แต่ก็เห็นด้วยนะถ้าเกิดปัหาขึ้นส่วนใหญ่โตโยต้าเอาลูกค้าอยู่มือ คือเคลมจบได้เป็นส่วนใหญ่  ในขณะที่ยี่ห้ออื่นต้องเอาเรื่องไปลงตามเวปตามคลับและปํญหาไม่จบด้วย 
มีคนนึงโทรมาปรึกษาผมเพิ่งขับรถโคโรล่าป้ายแดง ลงข้างทางเนื่องจากรถมีปัญหาระบบบังคับเลี้ยว     ลูกค้าพอทราบอาการบ้างแต่ไม่คิดว่าเป็นปัญหาจึงใช้รถไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดไรผลคือรถพังทั้งคัน ไม่มีคนรับผิดชอบ  ผมบอกเลยศูนย์เขาก็ไม่รับผิดชอบคุณหรอกถ้าเป็นแบบนี้


ผมซื้อรถโตโยต้าฟอร์จูเนอร์ป้ายแดง  ตลอดเวลา 3 ปีผมเข้าศูนย์ใหญ่เคลมไปเกือบ 20 ครั้ง    คนอื่นในคลับไม่เข้าใจคิดว่ารถเอ็งเป็นอะไรมีปัญหาเยอะหรือไง    ผมหัวเราะเลยเพราะคิดว่ารถตัวเขาเองไม่มีปัญหารถใช้งานได้ปกติจึงไม่นำเข้าไปเคลม แต่ที่จริงไม่ใช่ครับ            เพราะผมทำงานในส่วนประกอบรถประกันคุณภาพรถ     เรื่องต่าง ๆ สำหรับการผลิตรถผมทราบเกือบหมดอยู่แล้วผมจึงรู้ว่าผมต้องเคลมตรงไหนและผมต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร  ผมต้องเก็บข้อมูลอะไรก่อนไปเคลมเวลาไปเจอพนักงานรับรถรายละเอียดชัดเจนพอไม่ต้องคุยหลายรอบสามารถเคลมหรือแก้ไขได้เลย       แต่ก็มีบ้างที่หลุดไปไม่ได้เคลมเพราะเรามองปัญหาไม่ออก  เจอเพื่อนที่ทำงานใน supplier ของโตโยต้าบอกว่าตัวนีมีปัญหางาน OUT STD. นะแต่เราไม่ได้เคลมไปเพราะคิดว่าเป็นเหมือนกันทุกคัน   อีกทั้งทาง tOYOTA  คิดว่าลูกค้าไม่เคลมจึงไม่แก้ไข
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:33:29
โตโยต้า
ไม่ได้ทนกว่าใครหลอกครับ
แต่การซ่อมมันได้เปรียบ ตรงที่ช่างเข้าใจซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ  อะไหล่ ก๊อปปี้ก็แยะ ถ้ามันทนคงไม่มีอะไหล่เทียมพวกนี้หลอก



อะไหล่เทียมมีไว้ให้รถอายุเยอะๆครับ แต่โตโยต้าจุดเด่นคือไม่ต้องซ่อมครับ ใช้ยาวๆ
ดังนั้นอะไหล่ดั้งเดิมจากโรงงานมันต้องทน ชิ้นไหนไม่ทนก็ว่ากันไปครับ เคสบายเคส
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:46:27
    ส่วนจะตอบว่าลูกค้าเห็นว่า TOYOTA  Defect น้อย  อาจจะจริงแค่ส่วนนึง       แต่บอกเลยว่าไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ เพราะคนใช้งานรถบางคนหรือหลายคนใช้งานรถแค่จากจุดนึงไปจุดนึง  ต้องการรถแค่ครอบครัวนั่งสบาย  ดูสวยหน้าตาพออวดใครได้     ไม่ได้รับรู้เรื่องอื่นมากนัก  
ไม่ได้วัดจากงานเคลมนะครับ  Defect นี้ถ้าวัดจากงานเคลมโตโยต้าก็มีแต่ไม่เยอะเพราะลูกค้าส่วนใหญ่พอใจคุณภาพ     การที่ลูกค้าส่วนใหญ่พอใจคุณภาพไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นคุณภาพดีนะครับ          แต่ลูกค้าเขาพอใจไม่เคลมต่างหากหรือลูกค้าคนนั้นไม่ใส่ใจหรือมองปัญหาไม่ออก แต่ก็เห็นด้วยนะถ้าเกิดปัหาขึ้นส่วนใหญ่โตโยต้าเอาลูกค้าอยู่มือ คือเคลมจบได้เป็นส่วนใหญ่  ในขณะที่ยี่ห้ออื่นต้องเอาเรื่องไปลงตามเวปตามคลับและปํญหาไม่จบด้วย 
มีคนนึงโทรมาปรึกษาผมเพิ่งขับรถโคโรล่าป้ายแดง ลงข้างทางเนื่องจากรถมีปัญหาระบบบังคับเลี้ยว     ลูกค้าพอทราบอาการบ้างแต่ไม่คิดว่าเป็นปัญหาจึงใช้รถไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดไรผลคือรถพังทั้งคัน ไม่มีคนรับผิดชอบ  ผมบอกเลยศูนย์เขาก็ไม่รับผิดชอบคุณหรอกถ้าเป็นแบบนี้


ผมซื้อรถโตโยต้าฟอร์จูเนอร์ป้ายแดง  ตลอดเวลา 3 ปีผมเข้าศูนย์ใหญ่เคลมไปเกือบ 20 ครั้ง    คนอื่นในคลับไม่เข้าใจคิดว่ารถเอ็งเป็นอะไรมีปัญหาเยอะหรือไง    ผมหัวเราะเลยเพราะคิดว่ารถตัวเขาเองไม่มีปัญหารถใช้งานได้ปกติจึงไม่นำเข้าไปเคลม แต่ที่จริงไม่ใช่ครับ            เพราะผมทำงานในส่วนประกอบรถประกันคุณภาพรถ     เรื่องต่าง ๆ สำหรับการผลิตรถผมทราบเกือบหมดอยู่แล้วผมจึงรู้ว่าผมต้องเคลมตรงไหนและผมต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร  ผมต้องเก็บข้อมูลอะไรก่อนไปเคลมเวลาไปเจอพนักงานรับรถรายละเอียดชัดเจนพอไม่ต้องคุยหลายรอบสามารถเคลมหรือแก้ไขได้เลย       แต่ก็มีบ้างที่หลุดไปไม่ได้เคลมเพราะเรามองปัญหาไม่ออก  เจอเพื่อนที่ทำงานใน supplier ของโตโยต้าบอกว่าตัวนีมีปัญหางาน OUT STD. นะแต่เราไม่ได้เคลมไปเพราะคิดว่าเป็นเหมือนกันทุกคัน   อีกทั้งทาง tOYOTA  คิดว่าลูกค้าไม่เคลมจึงไม่แก้ไข

แบบนี้ผมพอนึกออกครับ ที่เคยเจอเอง กับที่เห็นคนคุมโปรเจ็ค(คุมใหญ่สุดเลยนะ)
บางทีมันมีส่วนบอดี้ที่แก๊ปมันไม่ได้ และใครๆในโรงงานก็เห็นว่ามันไม่ได้ แต่ไม่แก้ครับ. มีหลายรุ่นอยู่
แล้วมันก็เป็นเหมือนๆ กันแบบนั้นออกมาทั้ง lot ถ้าเป็นปัญหาตัวอย่างแบบนี้ แล้วเป็นในหลายๆ part คุณซึ่งดูเป็น
ต้องขอเคลมแน่ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะมองข้ามมันไป แต่ถามว่าใช้งานทน เสถียรมั้ย มันใช่ มันตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้
แต่ด้านอื่นๆ มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% ซึ่งก็หงุดหงิดรำคาญกันไป แต่ถ้าจะนึกถึงโจทย์เอาอะไรที่ทนๆ ไม่จุกจิก รถรุ่น
นั้นๆ ของ Toyota ควรจะเป็นแบบนั้นได้ แต่ถ้าจะเอาให้สมบูรณ์แบบทุกด้าน เค้าจะไปทุ่มให้กับ Lexus
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:50:37
โตโยต้า
ไม่ได้ทนกว่าใครหลอกครับ
แต่การซ่อมมันได้เปรียบ ตรงที่ช่างเข้าใจซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ  อะไหล่ ก๊อปปี้ก็แยะ ถ้ามันทนคงไม่มีอะไหล่เทียมพวกนี้หลอก



อะไหล่เทียมมีไว้ให้รถอายุเยอะๆครับ แต่โตโยต้าจุดเด่นคือไม่ต้องซ่อมครับ ใช้ยาวๆ
ดังนั้นอะไหล่ดั้งเดิมจากโรงงานมันต้องทน ชิ้นไหนไม่ทนก็ว่ากันไปครับ เคสบายเคส

ผมชอบเรื่องอะไหล่เทียบของพี่โตนี่แหละครับ

ไปร้านไหนก็มี :D
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: MoO Cnoe ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 16:53:10
เอาเทียบจากรถที่บ้านแล้วกันครับ
คนขับคนเดียวกัน วิ่งเส้นทางเดียวกัน
ระหว่าง โตโยต้า Camry SVX20 - นิสสัน Cefiro A32

ยอมรับว่า โตโยต้า จุกจิกน้อยกว่า ทนกว่า แบบมีนัยยะสำคัญครับ

แต่...นิสสันขับดีกว่า นั่งแล้วสุนทรีย์กว่า วัสดุในห้องโดยสารดีกว่า
แบบมีนัยยะสำคัญเช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 17:05:44
ไม่ยากครับเคล็ดไม่ลับ

ใครอยากทำได้เหมือนพี่โต  กล้าใช้เครื่องเดิม 3เจน แบบVios

หรือจะลากยาว Vigo / Fortuner 10ปี+

เห็นไหมง่ายๆพี่โตบอกมา



หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 17:33:06
ข้อดีของโตโยต้าคือ อะไหล่นอกศูนย์มีครับ อะไหล่เทียบหาง่าย และอะไหล่ส่วนใหญ่ทนทาน (ยกเว้นบางชิ้นที่เปราะและปัญหาเยอะ เช่น โช้ค ACV30 หรือ แร็คพวงมาลัยของ alphard/velfire ตัวที่เพิ่งตกรุ่นไป) เขาออกแบบรถให้เรียบง่าย ซ่อมง่าย ถึงแม้ว่าการขับหลายต่อหลายรุ่นจะไม่ค่อยเอาอ่าวก็ตาม ก็ต้องรอดูว่า CEO คนปัจจุบันที่ต้องการจะเปลี่ยนภาพจากคนซื้อโตโยต้าเพราะทนทานแต่ไม่ได้สนใจสมรรถนะให้เป็นรถที่ขับสนุกจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือผมพบว่า โคโรลล่าตัวใหม่นั่งสบายกว่ารุ่นก่อนๆหน้านี้อยู่พอสมควรนะครับ

กระบะคอมมอนเรล โตโยต้าเป็นเจ้าแรกมั้ย หรือยังไงครับ

จริงๆแล้วกระบะคอมมอนเรลยี่ห้อแรกของบ้านเราคือ VMC กระบะแบรนด์ไทยครับ ซื้อเครื่องจาก vm motori เสียดายที่กิจการไปไม่รอด
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: neutrino ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 17:38:25
เดี๋ยว ๆๆ ๆ ๆ ๆ

ใครบอกว่ารถญี่ปุ่นยี่ห้อนี้ทนกว่ารถญี่ปุ่นรุ่นอื่น ๆ?

ถ้าคุณจะเทียบแค่สัญชาติ โดยไม่ดูลักษณะ โอเค ต้องบอกว่าพี่โตหลายรุ่น ทนกว่ารุ่นอื่น ๆ ของยี่ห้ออื่นหลายรุ่น

แต่คุณเคยได้ลองเทียบไอ้ที่มันมีเทคโนโลยีเท่า ๆ กันรึยังครับ ?  เคยไปนั่งดูรถโตโยต้าเคลมตอนเข้าศูนย์รึเปล่า ?

วันนึงมีเรื่องให้เคลมเป็นสิบ ๆ เรื่อง แต่ส่วนใหญ่ เคลมแล้วมันจบในศูนย์ ลูกค้าไม่ต้องมาโวยนอกศูนย์ครับ

แคมรี่ คอนโซลเหนียว คอยล์จุดระเบิดเสีย น้ำมันเครื่องซึม น้ำมันเกียร์ซึม เกียร์วืด ระบบคุมการทรางตัวมีปัญหา กระจกไฟฟ้าไม่ขึ้น1-5% ไม่ต่างจากยี่ห้ออื่น เขาก็เคลมกันจบครับ ไม่ต้องให้ลูกค้าไปโวยเอาที่นอกศูนย์

แต่พอเป็น NISSAN MITSUBISHI สาเหตเหมือน ๆ กัน ปัญหาดันไม่จบ

คิดเอาง่าย ๆ เดินไปในท้องตลาดร้านขายอะไหล่ทั่วประเทศ อะไหล่ยี่ห้อไหนมากที่สุด ? โตโยต้า อีซูซุ ครับ ร้านอะไหล่ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ประดับร้านนะครับ เขาซื้อมาตั้งขาย ขายเพราะมันมีรถเสียเยอะไม่แพ้ยี่ห้ออื่นนั่นแหละ

อาการของยี่ห้ออื่นที่มันแปลก ๆ นาน ๆ เจอที รถขายน้อยคัน อะไหล่มันก็เลยไม่มีคนเก็บ เวลาเคลมศูนย์ ศูนย์ยังส่ายหัว ร้านมันจะเก็บไว้รอใครมาซื้อล่ะ ?

แต่แน่นอนครับ โตโยต้ายังมี 1.5  เทคโนโลยี 20 ปีก่อนมาขายอยู่ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก กระจกไฟฟ้า ระบบกลอนไฟฟ้า ก็แสนจะธรรมดาไม่ซับซ้อน ถ้าทำอุปกรณ์พื้น ๆ เหล่านี้ทนไม่ได้ก็ปิดโรงงานไปได้แล้ว

ดูรถสมัยใหม่ที่ปัญหาเยอะ ๆ นี่ เกียร์ CVT แบบคุมด้วยไฟฟ้าบ้างล่ะ ระบบเบรคไฟฟ้าบ้างละ กล่องควบคุมเกียร์แบบdual clutch บ้างล่ะ ท่อพลาสติกแบบย่อยสลายบ้างล่ะ โอย เยอะ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้มันจะใส่มาทำไมฟระ ทำมาแบบธรรมดาไม่เป็นรึยังงัย เอาไว้ใช้นะเว้ยเฮ้ย ไม่ได้แข่งกันทำเทคโนโลยีเหรียญทองโอลิมปิก



เอา ALTIS 1.6 แค่มี Remote Central lock เอามาเทียบกับรถ กดรีโมททีแทบจะทำให้รถแปลงร่างได้ มันก็ดูจะทนกว่าสิครับ

บอกว่าโตโยต้าทน ร้านอะไหล่มันคงเจ๊งกันหมดทั่วประเทศไปแล้วครับ เพราะทุกวันนี้อะไหล่ที่ขายอันดับหนึ่งคิดตามเปอร์เซนต์รถก็ยังเป็นโตโยต้าอยู่ดี




+1
ผมเคยอยู่วงการผลิตอะไหล่ อะไหล่หลายๆชิ้น พี่โตและยี่ห้อญี่ปุ่นอื่นๆผลิตด้วยวัสดุเดียวกันและโรงงานเดียวกันเหมือนกันครับ ต่างกันที่รูปร่างนิดๆหน่อยๆเฉพาะรุ่นเท่านั้น จขกท.คงใช้แต่พี่โตยี่ห้อเดียวหรือเปล่า? 
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 17:53:43
คุณภาพอะไหล่พอๆกัน
แต่ประสบการณ์ ความชำนาญด้านงานบริการ มันต่างกัน

ในแง่ของการสต๊อคอะไหล่
ถ้าโตโยต้าเก็บอะไหล่ได้ 100 ชิ้น นิสสัน มาสด้าจะเก็บได้แค่ 20-30 ชิ้น
ยังไม่นับประสิทธิภาพการ Sourcing และ Supplier management ที่เหนือกว่า

รถบางรุ่น ชนที รออะไหล่เป็นเดือน ขนาดรถใหม่ๆนะ
รถบ้านผม อายุ 10 ปี เคลม 2-3 อาทิตย์เสร็จแล้ว
อะไหล่ช่วงล่าง อะไหล่เครื่อง แอร์ ความชำนาญของช่าง ได้หมด
นี่คือเหตุผลว่าทำไมโตโยต้าถึง"ดู"ทนกว่า

จริงๆแล้วมันทนพอๆกันแหละ แต่มันเคลมไว หาของง่าย เลยทำให้ภาพรวมมันดูน่าพอใจกว่า
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 18:16:06
QC ดีกว่า
เก็บอะไหล่เยอะกว่า-ส่งผลให้ซ่อมถูกกว่า อะไหล่ third brand มีมากกว่า
จำนวนรถเยอะกว่า ช่างคุ้นมือกว่า ซ่อมได้จบกว่า

รถมีปัญหาเคสหนักๆ ก็มีทีมงานคอยติดตามอยุ่หลังบ้าน เท่าที่ทราบจ้างวิศวกร วิ่งจากศูนย์ แล้วไปประชุมแก้ปัญหาในหลายๆเคสให้เลย

ไม่ได้มโนไปเองหรอกครับ แต่มันพิสูจน์มาทั่วโลกแล้ว

แม้แต่แบรนด์ที่ใกล้เคียงอย่าง VW ในตลาดเมกัน ก็ยอมรับว่า toyota ถึกทน และ ซ่อมถูกกว่าจริงๆ

แต่ถ้าเป็นกระบะเมืองไทย อีซูซุ ผมว่าทำได้ดีกว่า หรือ ใกล้เคียงเลยนะ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 18:27:36
เรื่องทนไม่ทนผมไม่แน่ใจนะ

แต่เรื่องไม่จุกจิก ปัญหาแก้จบ ต้องให้เค้าเลย
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: aod ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 19:05:57
ผมชอบเว็บนี้ ก็เพราะได้ความรู้จากหลายๆท่านครับ แลกเปลี่ยนความรู้กัน  เจ้าของกระทู้เอง ไม่เคยใช้โตโยต้าครับ มีแค่มังกรทองเก่าๆของพ่อครับ  แต่ได้ยินหลายๆคนทั้งในนี้และข้างนอก ว่าพี่โตทน ไม่จุกจิกครับ   ;D ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 20:10:01
กระบะคอมมอนเรล โตโยต้าเป็นเจ้าแรกมั้ย หรือยังไงครับ

จริงๆแล้วกระบะคอมมอนเรลยี่ห้อแรกของบ้านเราคือ VMC กระบะแบรนด์ไทยครับ ซื้อเครื่องจาก vm motori เสียดายที่กิจการไปไม่รอด
ขอบคุณมากครับ ;)

ผมชอบเว็บนี้ ก็เพราะได้ความรู้จากหลายๆท่านครับ แลกเปลี่ยนความรู้กัน  เจ้าของกระทู้เอง ไม่เคยใช้โตโยต้าครับ มีแค่มังกรทองเก่าๆของพ่อครับ  แต่ได้ยินหลายๆคนทั้งในนี้และข้างนอก ว่าพี่โตทน ไม่จุกจิกครับ   ;D ;)
มังกรทองนั่นมันตำนานเลยครับ ถ้าผมมีผมไม่ขายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: beerrl ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 21:14:54
โดยส่วนตัวผมว่าToyota เขาเน้นเรื่องความทนทาน กับ ความง่ายในการซ่อมตั่งแต่ออกแบบมา บางทีสังเกตุว่า ทำ/มในเครื่องขนาดเดียวกับยี้ห้ออื่นๆToyota เองจะมีแรงม้าน้อยกว่าเขา แรงบิดน้อยกว่าเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่จุดหลักของเขาที่จะต้องเค้นกำลังมากที่สุดมากก่อนความเสถียรของเครืองยนต์
สำหรับคนที่ใช้รถยาวๆ Toyota ก็ยังเป็นตัวเลือกแรกๆเสมอ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: YAmodels ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 09:24:02
ผมใช้อีโค่คาร์นิสสันนะ การเคลมชิ้นส่วนที่มีดีเฟค ทุกคนที่ใช้คงผ่านกันมาแล้ว
เจอกันทุกคันจนรู้สึกเฉยๆแต่ของผมดูจะโชคดีกว่าคันอื่นๆที่เสียช้ากว่าเขาเยอะเลย
อยู่ในกลุ่มที่ใช้รุ่นเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้เล่าให้คนอื่นๆที่ใช้รถยี่ห้ออื่นฟัง(เจ้าตลาด)
ว่าเราไปเคลมโน่นนี่นั่นมา ถึงกับอุทานว่านี่รถใหม่ป้ายแดงจริงๆเหรอ
เราคนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอคนภายนอกมองเข้ามานี่เขาบอกว่าปัญหาเราเยอะจริงๆ
พอมานึกย้อนดู เออ มันก็จริงแฮะ ลูกปืนล้อ พัดลม เบรค เกียร์ ปะเก็นท่อไอเสีย ฯลฯ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Napat14 ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 09:48:17
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 10:02:56
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 10:09:21
ไม่ยากครับเคล็ดไม่ลับ

ใครอยากทำได้เหมือนพี่โต  กล้าใช้เครื่องเดิม 3เจน แบบVios

หรือจะลากยาว Vigo / Fortuner 10ปี+

เห็นไหมง่ายๆพี่โตบอกมา




โดนอ่ะ ผมรู้สึกว่า Toyota ศูนย์เยอะ อะไล่เยอะ เชียงกงเพียบ
ตอนทำงานใหม่ๆ ขับ Civic EK ตาโต ขับมา เกือบ 10 ปี ไม่เคยจุกจิก น๊ะครับ เพื่อนรุ่นเดียวกัน ใช้ Corrolla ก็เหมือนกัน พอๆกัน แต่ประมาณ ปีที่ 7 ผมเอาไปแต่งวาง B16A ทำ TypeR หล่อได้อีกหลายปี คุณจะไม่ได้เห็นอารมณ์นี้จากพี่โตหรอก   
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 15:48:38
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

คนซื้อโตผมก็ว่าเค้าไม่ได้ไม่มีความรู้ทุกคนนะครับ เขียนเหมือนกับว่าทุกคนที่ซื้อยี่ห้อนี้ไม่รู้เรื่อง เคลมไม่เป็น คืองงอะครับ
เราไม่ได้รู้จักคนทุกคนไม่ใช่หรือครับ มันเป็นไปไม่ได้ หรืมีการทดสอบทางสถิติมาแล้วครับ หน่วยงานไหน อาจจะดูถามกวนๆ แต่ผมไม่เข้าวิธีคิดครับ


หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 15:55:05
คิดไปเองครับ เพราะคนใช้เยอะกว่าอะไหล่เลยหาง่ายและช่างคุ้นเคยกว่า

ก็เหมือนที่เราบอกว่ามอไซค์ Honda ทนทานนั้นแหละ เอาจริงๆก็พอๆกัน
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: nekki ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 18:03:27
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมและภรรยาอยู่ในวงการ automotive มาซักระยะ แต่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน(ร่วม10ปี)จึงเพิ่งจะกลับไทยมาซักพัก
เห็น attitude ของ คนไทยหลายๆคนข้างในชั้นปฏิบัติการ ดังท่านข้างบนกล่าวมากับตา (โดยเฉพาะ blue collar) ยืนยันว่าเป้นความจริง
เท่าที่สัมผัสมา คนญี่ปุ่นเองก็ปวดหัวกับ attitude เช่นนี้มาก คนดีๆก็เยอะ แต่หลายๆคนอวดเก่งและอีโก้สูงมาก
คนญี่ปุุ่นจาก HQ มาเทรนงาน และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ให้ก็ไม่สนใจเรียรู้, process safety อะไรก็มองข้าม ไม่ยอมทำตามถือว่าข้าแน่
หนักกว่านั้นคือ ไปนินทา Trainer เค้าเสียๆหายๆลับหลัง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว (ส่วนมากคนญี่ปุ่นอายุ 4X-5X เด็กๆที่เข้าเทรน 2X - 3X)
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคน คนดีๆเก่งๆก็ยังมีอีกเยอะ เด็กเก่งๆ นอบน้อมตนผมก็ผ่านมาเยอะ

มันคงเป็นที่มาที่ว่าทำไม QC รถบ้านเรามันถึงไม่ค่อยได้คุณภาพเหมือนต่างชาติ (ที่พัฒนาแล้ว)
มีโอกาสได้ทานอาหารกับคนญี่ปุ่นบ่อยๆ เค้าเองก็บอกว่า เป็นไปได้ไม่อยากซื้อรถที่ผลิตในไทย (ผมงี้หน้าชาเลย...)

แต่แน่นอนว่าใน mass production การจะเกิด defect มันเป้นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ตราบใดที่ error rate นั้น
ยังอยู่ใน threshold ที่ยอมรับได้ แต่สิ่งสำคัญคือการออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ และรวดเร็ว โดยที่ลูกค้าลำบากน้อยที่สุด
ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวผมว่า Toyota, Honda และ Isuzu ทำได้ดีมาก เลยทำให้ครองความเป็นเจ้าตลาดจนทุกวันนี้

เล่าเพิ่ม วันก่อน Battery Hybrid ของ Camry ผมเสีย และ ไฟเอนจิ้นโชว์ (รถอายุ4ปี)
ผมนำรถเข้าศูนย์ และได้รับการเปลี่ยนแบตลูกใหญ่ทั้งลูก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ปกติเกือบๆแสน)
นับตั้งแต่เอารถเข้า ใช้เวลาเพียง สองวันหนึ่งคืน ก็ได้รถกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นค่ายอื่นนี่....ตอบตรงๆผมไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ผมจะได้รถคืน... หรือแม้กระทั่งว่าจะเสียเงินเท่าไร

อ้อ เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นแฟนโตโยต้า  อยู่ญี่ปุ่นผมเป็นแฟนนิสสันมายาวนาน ใช้มาแต่นิสสัน ตั้งแต่ March (K12) ยัน Skyline (V35, V36)
แต่มาไทย พอเจอการบริการหลังการขายของโตโยต้า ... ผมบอกตรงๆว่า ผมลังเลที่จะซื้อยี่ห้ออื่นเล็กน้อย
(แต่ถ้ายี่ห้ออื่นคุ้มกว่าจริงๆ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนนะ  ;D)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 18:10:29
ผมใช้อีโค่คาร์นิสสันนะ การเคลมชิ้นส่วนที่มีดีเฟค ทุกคนที่ใช้คงผ่านกันมาแล้ว
เจอกันทุกคันจนรู้สึกเฉยๆแต่ของผมดูจะโชคดีกว่าคันอื่นๆที่เสียช้ากว่าเขาเยอะเลย
อยู่ในกลุ่มที่ใช้รุ่นเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้เล่าให้คนอื่นๆที่ใช้รถยี่ห้ออื่นฟัง(เจ้าตลาด)
ว่าเราไปเคลมโน่นนี่นั่นมา ถึงกับอุทานว่านี่รถใหม่ป้ายแดงจริงๆเหรอ
เราคนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอคนภายนอกมองเข้ามานี่เขาบอกว่าปัญหาเราเยอะจริงๆ
พอมานึกย้อนดู เออ มันก็จริงแฮะ ลูกปืนล้อ พัดลม เบรค เกียร์ ปะเก็นท่อไอเสีย ฯลฯ

+1 ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Napat14 ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 20:12:20
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมถึงบอกไงครับว่า คนบ้านเราไม่ค่อยสนใจเรื่องคุณภาพว่าอะไรดี ดียังไง ทำจากอะไร ขึ่เกลียนเรียนรู้ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น

ถ้าคุณเคยไป motorshow japan เขาไม่ขายรถในงาน เหมือนบ้านเรานะครับ เขาshow  ว่า รถข้าดียังไง มีเทคโนโลยีอะไร ใหม่ๆ น่าใช้ นะ

และที่เขาไม่ขายเพราะว่าอะไรรู้ไหมครับ

เขาคิดแบบนี้ ครับ บ้านคุณอยู่อยุธยาใช้ toyota เยอะ ทั้งจังหวัด ศูนย์ บริการ จะต้องมี เพียงพอต่อการบริการในจังหวัดนั้น
ไม่ใช้บ้านเรา เอา saleจากนครปฐม มาขายรถ บ้านผมอยู่ บางกะปิ ต้องไปออกรถถึงนครปฐม เวลาบำรุงรักษา หายากมากไม่มี ศูนย์บริการเพียงพอในเขต เพราะเขตนั้นขายดี เลยได้มีสิตะ์ขายก่อน เจริญละ

 
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Napat14 ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 20:30:39
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมและภรรยาอยู่ในวงการ automotive มาซักระยะ แต่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน(ร่วม10ปี)จึงเพิ่งจะกลับไทยมาซักพัก
เห็น attitude ของ คนไทยหลายๆคนข้างในชั้นปฏิบัติการ ดังท่านข้างบนกล่าวมากับตา (โดยเฉพาะ blue collar) ยืนยันว่าเป้นความจริง
เท่าที่สัมผัสมา คนญี่ปุ่นเองก็ปวดหัวกับ attitude เช่นนี้มาก คนดีๆก็เยอะ แต่หลายๆคนอวดเก่งและอีโก้สูงมาก
คนญี่ปุุ่นจาก HQ มาเทรนงาน และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ให้ก็ไม่สนใจเรียรู้, process safety อะไรก็มองข้าม ไม่ยอมทำตามถือว่าข้าแน่
หนักกว่านั้นคือ ไปนินทา Trainer เค้าเสียๆหายๆลับหลัง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว (ส่วนมากคนญี่ปุ่นอายุ 4X-5X เด็กๆที่เข้าเทรน 2X - 3X)
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคน คนดีๆเก่งๆก็ยังมีอีกเยอะ เด็กเก่งๆ นอบน้อมตนผมก็ผ่านมาเยอะ

มันคงเป็นที่มาที่ว่าทำไม QC รถบ้านเรามันถึงไม่ค่อยได้คุณภาพเหมือนต่างชาติ (ที่พัฒนาแล้ว)
มีโอกาสได้ทานอาหารกับคนญี่ปุ่นบ่อยๆ เค้าเองก็บอกว่า เป็นไปได้ไม่อยากซื้อรถที่ผลิตในไทย (ผมงี้หน้าชาเลย...)

แต่แน่นอนว่าใน mass production การจะเกิด defect มันเป้นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ตราบใดที่ error rate นั้น
ยังอยู่ใน threshold ที่ยอมรับได้ แต่สิ่งสำคัญคือการออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ และรวดเร็ว โดยที่ลูกค้าลำบากน้อยที่สุด
ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวผมว่า Toyota, Honda และ Isuzu ทำได้ดีมาก เลยทำให้ครองความเป็นเจ้าตลาดจนทุกวันนี้

เล่าเพิ่ม วันก่อน Battery Hybrid ของ Camry ผมเสีย และ ไฟเอนจิ้นโชว์ (รถอายุ4ปี)
ผมนำรถเข้าศูนย์ และได้รับการเปลี่ยนแบตลูกใหญ่ทั้งลูก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ปกติเกือบๆแสน)
นับตั้งแต่เอารถเข้า ใช้เวลาเพียง สองวันหนึ่งคืน ก็ได้รถกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นค่ายอื่นนี่....ตอบตรงๆผมไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ผมจะได้รถคืน... หรือแม้กระทั่งว่าจะเสียเงินเท่าไร

อ้อ เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นแฟนโตโยต้า  อยู่ญี่ปุ่นผมเป็นแฟนนิสสันมายาวนาน ใช้มาแต่นิสสัน ตั้งแต่ March (K12) ยัน Skyline (V35, V36)
แต่มาไทย พอเจอการบริการหลังการขายของโตโยต้า ... ผมบอกตรงๆว่า ผมลังเลที่จะซื้อยี่ห้ออื่นเล็กน้อย
(แต่ถ้ายี่ห้ออื่นคุ้มกว่าจริงๆ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนนะ  ;D)

รู้ไหมครับว่าทำไม คนญี่ปุ่นไม่อยากซื้อ รถที่ประกอบจากประเทศไทย เพราะ คนบ้านเรา มันมักง่ายครับ ทำงานแบบขอไปที ไม่ใส่ใจเหมือนคนญี่ปุ่น

คุณลองให้คนญี่ปุ่นทิ่งขยะลงบนถนน เขาทำไม่ได้นะครับ เพราะ เขามีจิตสำนึกที่ดี ว่า การทิ่งขยะจะทำให้ คนส่วนร่วมเดือนร้อน อาจจะส่งผลทำให้ เชื้อโรค กระจายทำให้ เด็กอาจจะติดโรค คนเดินติดโรค คนเดินเกิดอบัติเหตุ เหตุผลต่างๆมี ผลกระทบเยอะ แยะ ต้องทิ่งไวในที่ทิ่งเท่านั้น เพราะ ปลอดภัย

แต่ คนบ้านเราละครับ ทิ้งขยะบน ถนน หรือที่ สาธารณะ เหมือน เป็นเรื่องปกติ จะมีอะไรหรอ ก็แค่ ทิ่งขยะ ไม่เห้นจะเป้นอะไร เลยทิ่งแล้ว ่พอ ใครตายเปล่า
ความรับผิดชอบต่อสังคมหรือผู้อื่นๆ ไม่มีครับ เห้นแก่ตัวไม่รู้จักให้มีแต่อยากได้ของคนอื่น
แล้วประสาอะไรกับการประกอบรถ ครับ ถ้า ระบบไม่รอบคอบ ไม่ใส่น๊อต ตัวหนึ่ง รถคันนั้นคงไม่พัง ใช้ไหมครับ

ต้องขอโทษนะครับ ที่ พูดเหมือนมองโลก ในแง่ร้าย แต่ความจริง มันเป้นอย่างที่ผมบอกจริงๆ คนดีก็มีแต่น้อยลงทุกวัน ลองมองคนบ้านเราโดยสายตาคนประเทศอื่นก็น่าจะเข้าใจได้ครับ ว่า ดูถูก คนบ้านเราแค่ไหน เหมือน taix สุวรรณภูมิ ที่ ไม่เล่นตามกฎกติกา ไม่เคารพกฎ แล้วก็บอกว่ากฎไม่ยุติธรรม คิดเอาเองแล้วกันครับว่า เป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กุมภาพันธ์ 03, 2015, 21:23:11
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2015, 09:19:33
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %
  บริษัทอื่น  HONA ISUZU NISSAN   หรือค่าย AAT  ก็ไม่ต่างจาก TOYOTA  หรอกครับมาตรฐานการทำงานชัดเจนมาก  ที่หลุดไปบางทีมันไม่ใช่การหลุด QC  แต่เป็นการหลุดจริง   ๆ  หรือตั้งใจหลุดก็มีหรือตรวจไม่พบเองก็มี



  ส่วนท่านข้างบนที่บอก ญี่ปุ่นคนนั้นพูดว่ารถที่คนไทยผลิตผมว่ามันพูดเกินไปหน่อย  เพราะในประเทศไทยการประกอบรถรวมถึงมาตรฐานชิ้นส่วนรถยนต์เราสูงมาก  ถ้าเทียบในเอเชียด้วยกันเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียว  ที่อื่นเรามีมาตรฐานและคุณภาพรถที่เหนือกว่าเค้า        แต่การรักษาคุณภาพมาตรฐานเราทำไม่ได้เพราะคนไทยเราไม่ได้ทำงานเอาจริงเอาจังแบบคนญี่ปุ่นน่ะใช่ไปบางทีทำให้มีหลุดไปบ้าง       แต่รถยนต์ที่ขายบ้านเราต้องเข้าใจว่าหลายคันไม่ได้หลุดQC  อย่างที่เข้าใจ  แต่เป็นเพราะคุณภาพรถบ้านเราด้อยกว่าญี่ปุ่นนะใช่เพราะลูกค้าคนไทยไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพมาตรฐานมากขนาดนั้น     คนที่ไม่ร้เรื่องรถเลยซื้อมาขับป้ายแดงก็ไม่เคยคิดว่ารถมีปัยหาถ้าอาการปัญหาไม่ออกมาแบบเด่นชัดที่มีผลทางด้าน function  ลูกค้าคนไทยจะไม่เคลมหรือตัดสินใจแจ้งอาการซ่อม ในเมื่อมาตรฐานของลูกค้าอยู่ที่เท่านี้ไม่มีเหตุผลที่ค่ายรถยนต์จะยกระดับสินค้าให้เกินมาตรฐานเพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น      ผมดู Drawing  ตอนแรกเข้ามาทำงนผมไม่เข้าใจการเขียนค่ามาตรฐานเพราะ Drawing เดียวกันถูกใช้ไปหลายประเทศมาก  แต่คุณภาพจะไม่เหมือนกันซักประเทศเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ   เพราะคุณภาพของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ไม่เท่ากัน  อีกทั้งกฎหมายของแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน   นั่นเป็นตัวตัดสินใจในการกำหหนดมาตรฐานของสินค้านั้น ๆ  ในแต่ละประเทศไงครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2015, 09:28:11
  ถ้าเสริมเรื่องคนอีกเรื่องนึงก็คือ    บ้านเราตอนนี้โรงงานประกอบรถหลายโรงงานจ้างเป็นพนักงานชั่วคราวโอกาสบรรจุน้อยมาก  หลายช่วงที่มีการลดพนักงานบ่อยครั้ง  คือให้ออกก่อนหมดสัญญาจ้างเพราะงานผลิตไม่มี  ทำให้คุณภาพมีปัญหาพอสมควร     มันก็เหมือนครูปัจจุบันเดี๋ยวนี้ที่ไม่ค่อยมีบรรจุครูเป็นข้าราชการเหมือนสมัยก่อน   กลายเป็นครูอัตราจ้างกันทำให้มาตรฐานลดลงไปมากแบบเห็นได้ชัด   แถมมีเรื่องตรวจประเมินเข้ามาอีก ทำให้ครูส่วนมากเปลี่ยนเส้นทางอาชีพหรือสอนไม่มีคุณภาพ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Napat14 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2015, 15:24:46
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %
  บริษัทอื่น  HONA ISUZU NISSAN   หรือค่าย AAT  ก็ไม่ต่างจาก TOYOTA  หรอกครับมาตรฐานการทำงานชัดเจนมาก  ที่หลุดไปบางทีมันไม่ใช่การหลุด QC  แต่เป็นการหลุดจริง   ๆ  หรือตั้งใจหลุดก็มีหรือตรวจไม่พบเองก็มี



  ส่วนท่านข้างบนที่บอก ญี่ปุ่นคนนั้นพูดว่ารถที่คนไทยผลิตผมว่ามันพูดเกินไปหน่อย  เพราะในประเทศไทยการประกอบรถรวมถึงมาตรฐานชิ้นส่วนรถยนต์เราสูงมาก  ถ้าเทียบในเอเชียด้วยกันเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียว  ที่อื่นเรามีมาตรฐานและคุณภาพรถที่เหนือกว่าเค้า        แต่การรักษาคุณภาพมาตรฐานเราทำไม่ได้เพราะคนไทยเราไม่ได้ทำงานเอาจริงเอาจังแบบคนญี่ปุ่นน่ะใช่ไปบางทีทำให้มีหลุดไปบ้าง       แต่รถยนต์ที่ขายบ้านเราต้องเข้าใจว่าหลายคันไม่ได้หลุดQC  อย่างที่เข้าใจ  แต่เป็นเพราะคุณภาพรถบ้านเราด้อยกว่าญี่ปุ่นนะใช่เพราะลูกค้าคนไทยไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพมาตรฐานมากขนาดนั้น     คนที่ไม่ร้เรื่องรถเลยซื้อมาขับป้ายแดงก็ไม่เคยคิดว่ารถมีปัยหาถ้าอาการปัญหาไม่ออกมาแบบเด่นชัดที่มีผลทางด้าน function  ลูกค้าคนไทยจะไม่เคลมหรือตัดสินใจแจ้งอาการซ่อม ในเมื่อมาตรฐานของลูกค้าอยู่ที่เท่านี้ไม่มีเหตุผลที่ค่ายรถยนต์จะยกระดับสินค้าให้เกินมาตรฐานเพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น      ผมดู Drawing  ตอนแรกเข้ามาทำงนผมไม่เข้าใจการเขียนค่ามาตรฐานเพราะ Drawing เดียวกันถูกใช้ไปหลายประเทศมาก  แต่คุณภาพจะไม่เหมือนกันซักประเทศเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ   เพราะคุณภาพของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ไม่เท่ากัน  อีกทั้งกฎหมายของแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน   นั่นเป็นตัวตัดสินใจในการกำหหนดมาตรฐานของสินค้านั้น ๆ  ในแต่ละประเทศไงครับ

 Drawing = ทฤษฎี
อย่าว่าทำเกินมาตราฐานเลยครับ ทำให้ได้มาตราฐานยังยาก แล้ว จะประสาอะไรกับ หารรับผิดชอบ การที่ คุณบอกว่า ปรับ ตามประเทศ นั้นมันทฤษฎี ครับ
อย่าอย่างกฎหมายเลยครับ บ้านเรา ไม่มีกฎหมาย เครื่องค่ามาตราฐานในการ ประกอบรถยนต์ครับ ขนาดภาษี เรื่องค่าCO2 ยังจะมาปี 2016 เลย

ที่ผมพูดไม่ใช้ไม่รักบ้านนี้เมือง นี้นะครับ แต่ จะบอกว่า คนเรามักง่าย ไม่มีระเบียบ ไม่ค่าเคารพกฎ คนที่เคารพก็เคารพไปสิครับ แต่คนไม่เคารพมากว่ามหาสาร
อะไรที่ ญี่ปุ่นเข้าได้ประโยชน์เขาก็เงียบ อะไรที่เข้าเสียเขาก็บ่น เหมือนเรื่องที่รถเรา optionน้อยไม่เห้นมี ค่ายรถออกมาบ่นเลย แล้วใครเป็นคนกำหนดคุณภาพชีวิตเราละครับ ค่ายรถ หรือ กฎหมาย
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Napat14 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2015, 15:31:00
  ถ้าเสริมเรื่องคนอีกเรื่องนึงก็คือ    บ้านเราตอนนี้โรงงานประกอบรถหลายโรงงานจ้างเป็นพนักงานชั่วคราวโอกาสบรรจุน้อยมาก  หลายช่วงที่มีการลดพนักงานบ่อยครั้ง  คือให้ออกก่อนหมดสัญญาจ้างเพราะงานผลิตไม่มี  ทำให้คุณภาพมีปัญหาพอสมควร     มันก็เหมือนครูปัจจุบันเดี๋ยวนี้ที่ไม่ค่อยมีบรรจุครูเป็นข้าราชการเหมือนสมัยก่อน   กลายเป็นครูอัตราจ้างกันทำให้มาตรฐานลดลงไปมากแบบเห็นได้ชัด   แถมมีเรื่องตรวจประเมินเข้ามาอีก ทำให้ครูส่วนมากเปลี่ยนเส้นทางอาชีพหรือสอนไม่มีคุณภาพ

พนักงานชั่วคราว = ค่ายรถต้องการผลประโยชน์สุงสุดยังไงครับ ไม่บรรจุ เพราะไม่ต้องรับผิดชอบในสวัสดีการไง

เรื่องการศึกษา มันเป้นมาตั้ง 30 ปีแล้วครับ ผมโตมาในระบบการศึกษา แบบนี้ แล้วคุณคิดว่าผมมีคุณภาพ ไหมละครับ ในเมื่อคุณคิดว่าระบบการศึกษายังไม่ดีเลย