Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: xtrarach ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 10:54:04

หัวข้อ: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 10:54:04
ขอแบบคุยกันดีๆนะครับ ไม่ต้อง beat กันให้ต้องมีฝ่ายชนะ ขอให้เปรียบเทียบเชิงสิ่งที่ได้ต่อราคาค่าตัว ไม่สนเรื่องภาษีใดๆทั้งนั้นนะครับ

If ราคาเปิดตัวเครื่อง 1.3 มาที่ 550,000 จริง mazda จะไม่มีที่ยืนในตลาดหรือ?

เปรียบเทียบราคาเดียวกัน เทียบ yaris ตัวกลาง
Yaris ได้เปรียบเรื่องจ้าวตลาด และ ห้องโดยสาร
Mazda ได้ ล้อแมก พวงมาลัยมัลติปรับ4ทิศ เครื่องที่น่าจะแรงกว่านิดประหยัดกว่าหน่อย เกียร์6สปีดเล่น+-ได้ dsc trc hla กระจกหน้าลดเสียง push start คุณภาพวัสดุภายใน (ช่วงล่างเยี่ยม เบรคดี พวงมาลัยคม เก็บเสียง อันนี้อิงจาก first impression)

เปรียบเทียบราคาเดียวกันกับ city ตัวล่าง
City ได้จ้าวตลาด ห้องโดยสาร เครื่อง1.5
Mazda ได้ ล้อแมก พวงมาลัยมัลติ..  .............  เกียร์6สปีดเล่น+-ได้ .. .. ..  กระจกหน้าลดเสียง push start .......... (ช่วงล่างเยี่ยม เบรคดี พวงมาลัยคม เก็บเสียง อันนี้อิงจาก first impression)

เทียบ city ไปแล้วไม่เทียบ vios แล้วนะครับ ยังไง option city มาเต็มกว่าอยู่แล้ว
Option mazda2 อ้างอิงจาก if ยกตัวดีเซลมาเปลี่ยนเครื่องอย่างเดียว

ในมุมมองของผม ปกติคำว่าจ้าวตลาด ศูนย์บริการ เค้าไม่ได้เอามารวมในราคารถอยู่แล้ว
ความใหญ่ ยังไงมันก็ segment เดียวกัน แค่ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต่างกันแค่นั้น    2ตัวเก่า fiesta swift ก็ขายได้มากมาย

ในมุมมองของผม ผมว่าราคาก็เป็นธรรมอยู่
และผมอยากเข้าใจว่าทำไมหลายคนถึงมองว่ามันจะไม่มีที่ยืนในตลาด หรือมองว่าตั้งราคาแพงเกินไปแบบไม่น่าให้อภัย

อย่าลืมนะครัช คุยกันดีๆนะ


ปล. ผมเป็นติ่งมาสด้าออกมาปกป้องค่ายรักครับ ;D

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Deaw ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:15:18
มันก็คงขายได้แหละ แต่จะขายดีหรือไม่อันนี้คงต้องรอดูกัน
รถมันก็สวยเด่นกว่าค่ายอื่นนะ ต่อให้ไม่มีอะไรดีซักอย่างเลย แค่ความสวยมันก็ช่วยให้มันขายได้อยู่แล้ว
คนวิจารย์กันว่าแพงเพราะว่าใช้สิทธิ eco car น่าจะทำราคาได้ต่ำกว่านี้
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า eco car phase 2 ค่ายอื่นๆ จะออกมาราคาแบบไหน เพราะว่าต้นทุนคงสูงกว่า phase แรกพอควร
ถ้า test ออกมาแล้วอัตราเร่งโอเค อัตราสิ้นเปลืองใช้ได้ มันก็คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจระดับต้นๆ เลย

ปล. city เหมือนจะดีทุกอย่าง แต่ vios ก็ยังขายดีกว่านะครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:16:35
เปิดมาราคานี้ cc มากกว่าสวิฟอยู่ 50 cc และ ราคาถูกกว่าวีออสไม่กี่หมื่น ถ้ารวมส่วนลดเผลอๆ ถูกกว่า แต่ได้เครื่องใหญ่กว่าตั้ง 200 cc คิดว่าสมเหตุสมผลหรือป่าว
จากการทดสอบขึ้นมาจริงๆ ตัวเลขอาจดีกว่าวีออส แต่คนทั่วไปจะรู้หรอ แค่เจอ 1300 แต่ราคาเท่า1500เจ้าตลาดเค้าจะเลือกอะไรกัน

จริงๆผมก็คิดว่ามันก็น่าจะขายได้ แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ที่ 3 อย่าง แจ็ส คงเป็นไปไม่ได้ แต่ยอดรวมน่าจะชนะเฟียสต้าได้ไม่ยาก
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: johnlee ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:17:08
ก็ถือว่าใช้ได้ สำหรับคนที่เน้นขับ มากกว่าเน้นนั่ง

ถึงแม้ผมจะเน้นขับ  แต่เวลาขนของ ยกของ ถ้ารถแคบๆ มันก็อึดอัดอยู่ดี แม้ผมจะตัวเล็กผอม

2ตัวนี้ไปดูคันจริงมาแล้ว ยังโตไม่พอสำหรับผมอ่ะ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:18:41
  ผมไม่ได้เป็นติ่งมาสด้า  
   แต่เวลาซื้อรถกลับซื้อโตโยต้าและครอบครัวญาติพี่น้องก็ให้ซื้อโตโยต้า  น่าจะเยอะมากแล้วน่าแทบไม่มีรถยี่ห้ออื่นเลย  
ในอนาคตจึงอยากดูรถที่นอกเหนือจากโตโยต้าบ้าง     แต่เซล เชฟกับฟอร์ด หรือรถยุโรป ไม่ต้องดีใจไปเพราะผมไม่มีวันเป็นลูกค้าของท่านแน่นอน    

  รถกลุ่มที่ผมมองคือไม่จุกจิกซับซ้อนเกินไป  ซ่อมไม่ยากเกินไปและราคาค่าซ่อมไม่แพงมากนักเข้าใจว่ามันไม่มีทางถูกไปกว่าโตโยต้าหลาย   ๆ คันที่ผมใช้อยู่  แต่ต้องค่าซ่อมต้องไม่แพงกว่ากันมากนักจนกลายเป็นว่าซื้อเอามาเป็นภาระกับค่าซ่อมค่าดูแล  ที่สำคัญมันต้องอยู่ได้ยาว  ๆ มีอะไหล่ยาว ๆ   ไปไหนก็ดูมีเอกลักษณ์ไม่โหลแบบ  City Vios Jass หรือโหลแบบปิคอัพทั่วไปที่ไปไหนก็เจอ       ผมเลยมามองรถกลุ่ม Mazda  Subaru  ที่เข้าข่ายที่ว่านี้

 MAZDA  ถ้าเป็น 1.3 ผมไม่มีความเห็นตามที่จขกท ถามเพราะผมไม่คิดจะซื้อรุ่นนี้เลย     แต่ถ้าจะเล่นผมจะขยับไปเล่น มาสด้า2  ตัวดีเซล มือ 1 หรือมือ 2 ก็ได้  หรือไม่ก็จะขยับไปเล่น CX5  2.0 หรือ 2.2  มือ 2 นี่ก็เล็ง ๆ  อยู่หรือไม่ก็เล็ง Subaru  มือ 2 ( แต่ราคามือ 2 ไม่ลง ปล่อยให้เจ้าของเดิมติดดอยกันไปก่อน )  ถามว่าโดยส่วนตัวราคารถมาสด้าไม่ว่ารุ่นไหน  ตั้งราคาไม่ค่อยถูกเท่าไหร่   ถ้าถูกก็คือตัดอ๊อพชั่นไปเลย   เพราะงั้นผมว่าราคาเหมาะสมหรือแพงไปไหมหรือว่าไงนั้น  ผมรับได้ในส่วนที่ผมมีกำลังจะซื้อก็แล้วกันครับ   เพราะมาสด้าถือว่าให้ Option เยอะ  และส่วนใหญ่แอร์มี Heater ทุกรุ่น   ผมคงหาแบบนี้ไม่ได้ในรถ TOYOTA      ฟิลลิ่งการขับขี่สนุกในเมืองแต่นอกเมืองก็คงงั้น ๆ  ซึ่งผมเอาแค่นี้พอแล้วไม่เน้นแรง        แต่ว่าถ้ารับราคาไม่ได้ผมก็เล็งมือ 2 แทน  เพราะนโยบายศูนย์มาสด้าตอนนี้ห้ามศูนย์ลดแหลกแข่งขันกัน       มันทำให้ศูนย์เดือดร้อนกับลูกค้าไม่ได้ประโยชน์   เพราะศูนย์ที่แข่งไม่ได้มีอีกหลายศูนย์  ถ้าเงื่อนไขเดียวกันใครจะไปจูงใจให้ออกรถล่ะครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:19:10
ขอคุยด้วยคน (แบบคนไม่มีความรู้เรื่องรถอย่างเรา)
เราว่าตอนนี้ตอบยาก เพราะยังไงคำว่า eco car ที่มาสด้าเข้าช่องมาก็ค้ำคออยู่ดี ถึงหลายๆคน (ที่รู้เรื่องรถยนต์) จะพยายามอธิบายว่า มันแค่เข้ามาช่องนี้ แต่เทคโนโลยีมันสูงกว่า eco car ดังนั้นราคามันย่อมสูงกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ข้อนี้กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ เดาว่า คงเป็นคนรู้เรื่องรถหน่อยนึง ไม่ใช่ชาวบ้านชาวช่อง คงรับได้

แต่กลุ่มนึงที่กลางๆ รู้เรื่องรถบ้าง ไม่รู้เรื่องรถบ้าง อ่านข้อมูลรถบ้างตามเน็ต กลุ่มนี้คงรอดูสมรรถนะ และความคุ้มค่า ถ้าผลทดสอบที่ออกมาให้อ่านตามเน็ตตามสื่อ ดี ก็คงขายได้ แต่ถ้าออกมาแย่ ก็คงไม่มีที่ยืน

ส่วนกลุ่มที่ยังไงก็ต้องเจ้าตลาด (ครอบครัวเราเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น มีเราคนเดียวที่ใช้นิสสัน) ยังไงถึงมาสดาเอาเครื่องเทพยังไง เทคโนโลยีเทพแค่ใหนมาลง ลดราคาลงกว่านี้อีกหน่อย ก็คงไม่ซื้อหรือซื้อยากมาก
  
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:19:29
B-segment ถ้ามองในกลุ่มนี้มันประหยัดกว่าใคร
Ecocar ถ้ามองในกลุ่มนี้มันก็ขับดีกว่าใคร
มันก็อยู่ตรงกลางแล้ว ใครที่หารถประหยัดขับดี
ผมว่ามันโอเคเลยนะ น่าสนเหมือนกัน
แต่นั้นหละมันแค่สมมุติฐาน ยังไม่เคยลองขับ

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: chettaphong ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:24:15
ผมก็มองอย่างคุณนี่แหละครับ
ตอนนั้นเทียบกับ Jazz V+ กับ Mazda 2 XD (ตัวเริ่มต้น)
ราคาต่างกันไม่มาก Mazda ถุกกว่าด้วย แถม อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ
ผมกํบแฟนก็ตกลงกันว่าลอง Mazda 2 กันเถอะ เพราะ ไปอ่านในคลับมา
ทั้งอัตราเร่ง สูสีกับ Jazz แต่ได้ความ ประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า
และช่วงล่างที่ดีกว่า
(ผมไม่เน้นบรรทุกคนเพราะมี Freed อีกคันอยู่แล้ว)
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:27:41
ขอคุยด้วยคน (แบบคนไม่มีความรู้เรื่องรถอย่างเรา)
เราว่าตอนนี้ตอบยาก เพราะยังไงคำว่า eco car ที่มาสด้าเข้าช่องมาก็ค้ำคออยู่ดี ถึงหลายๆคน (ที่รู้เรื่องรถยนต์) จะพยายามอธิบายว่า มันแค่เข้ามาช่องนี้ แต่เทคโนโลยีมันสูงกว่า eco car ดังนั้นราคามันย่อมสูงกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ข้อนี้กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ เดาว่า คงเป็นคนรู้เรื่องรถหน่อยนึง ไม่ใช่ชาวบ้านชาวช่อง คงรับได้

แต่กลุ่มนึงที่กลางๆ รู้เรื่องรถบ้าง ไม่รู้เรื่องรถบ้าง อ่านข้อมูลรถบ้างตามเน็ต กลุ่มนี้คงรอดูสมรรถนะ และความคุ้มค่า ถ้าผลทดสอบที่ออกมาให้อ่านตามเน็ตตามสื่อ ดี ก็คงขายได้ แต่ถ้าออกมาแย่ ก็คงไม่มีที่ยืน

ส่วนกลุ่มที่ยังไงก็ต้องเจ้าตลาด (ครอบครัวเราเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น มีเราคนเดียวที่ใช้นิสสัน) ยังไงถึงมาสดาเอาเครื่องเทพยังไง เทคโนโลยีเทพแค่ใหนมาลง ลดราคาลงกว่านี้อีกหน่อย ก็คงไม่ซื้อหรือซื้อยากมาก
  
+1  ภาพรวมส่วนใหญ่น่าจะเป็นแบบที่คุณว่ามาครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:34:32
ผมว่าเค้าตั้งราคาเริ่มต้นได้ไม่เป็นอะ เจ้าอื่นตัวเริ่มต้นนี่โล้นๆเลยทำราคาออกมาให้ต่ำที่สุดเพื่อเรียกคนมาดูแต่พอซื้อจริงคนเพิ่มเงินไปซื้อตัวกลางถึงท็อปกันอยู่ดี ลองคิดดูมาสด้า 2 ราคาเริ่มต้น 675,000 กับซิตี้ราคาเริ่มต้น 550,000 ออโต้ที่ 589,000 จะเรียกความสนใจได้มากกว่ากัน ถ้า1.3 ก็เทียบยาริสเริ่มต้นที่ 469,000 แต่คนไปซื้อตัว E กับตัวท็อปกันหมดอยู่แล้ว


แต่ถ้ามองในอีกแง่ กลุ่มลูกค้าเค้าคงหวังคนที่สนใจจริงๆและกลุ่มนี้ต้องศึกษามาพอสมควรอยู่แล้วจึงทำตัวเริ่มต้นเท่าๆตัวกลางเจ้าอื่นไปเลยรุ่นรถจะได้น้อยๆด้วย....มั้งนะครับ เพราะดูจาก Mazda 3, CX-5 ผมว่าการตลาด ออปชั่น ราคา เค้าดีมากๆแล้วรึ 2 จะเหนือชั้นกว่ากันอีก
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: TG333 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:35:30
ส่วนตัวผมมองว่าราคามันก็โอเคน่ะ เพราะอย่าลืมว่ารุ่นล่างสุดของมาสด้า มันเทียบกับรุ่นกลางๆ ของหลายๆ ยี่ห้อครับ

ตรงนี้อาจจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้หลายคนมองว่าแพงไปรึเปล่า เพราะหลายคนดูแค่ราคาตัวล่าง แต่ไม่มองออฟชั่นว่าเทียบได้กับตัวไหน

แต่นั่นแหละครับ บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป หลายคนบอกว่ารุ่นล่างคงขายได้รุ่นเดียว รุ่นอื่นแพงไป แต่เวลายอดขายออกมารุ่นที่แพงไปมันมักจะขายดีกว่าเสมอ

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:46:43
ส่วนตัวผมมองว่าราคามันก็โอเคน่ะ เพราะอย่าลืมว่ารุ่นล่างสุดของมาสด้า มันเทียบกับรุ่นกลางๆ ของหลายๆ ยี่ห้อครับ

ตรงนี้อาจจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้หลายคนมองว่าแพงไปรึเปล่า เพราะหลายคนดูแค่ราคาตัวล่าง แต่ไม่มองออฟชั่นว่าเทียบได้กับตัวไหน

แต่นั่นแหละครับ บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป หลายคนบอกว่ารุ่นล่างคงขายได้รุ่นเดียว รุ่นอื่นแพงไป แต่เวลายอดขายออกมารุ่นที่แพงไปมันมักจะขายดีกว่าเสมอ


อันนี้คือพูดในฐานะคนรูเรื่องรถและศึกษาข้อมูลรถ

ส่วนคนไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อย ยังไงรุ่นล่างก็ต้องเทียบกับรุ่นล่าง eco car ก็ต้องเทียบกับ eco car
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: TG333 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:54:19
ส่วนตัวผมมองว่าราคามันก็โอเคน่ะ เพราะอย่าลืมว่ารุ่นล่างสุดของมาสด้า มันเทียบกับรุ่นกลางๆ ของหลายๆ ยี่ห้อครับ

ตรงนี้อาจจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้หลายคนมองว่าแพงไปรึเปล่า เพราะหลายคนดูแค่ราคาตัวล่าง แต่ไม่มองออฟชั่นว่าเทียบได้กับตัวไหน

แต่นั่นแหละครับ บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป หลายคนบอกว่ารุ่นล่างคงขายได้รุ่นเดียว รุ่นอื่นแพงไป แต่เวลายอดขายออกมารุ่นที่แพงไปมันมักจะขายดีกว่าเสมอ


อันนี้คือพูดในฐานะคนรูเรื่องรถและศึกษาข้อมูลรถ

ส่วนคนไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อย ยังไงรุ่นล่างก็ต้องเทียบกับรุ่นล่าง eco car ก็ต้องเทียบกับ eco car

คนทั่วไปเค้าไม่เทียบ eco car หรอกครับ เค้ายังติดภาพว่ามาสด้า 2 ต้องเทียบกับ vios jazz city หรือแม้แต่ yaris ครับ มีแต่พวกรู้เรื่องนี่แหละ ถึงรู้ว่ามาสด้า 2 คือ Eco car คนทั่วๆไป อีกมากที่ยังไม่รู้เลยครับว่า Eco car มันมีเฟส สองแล้ว

ขนาดคนรอบตัวผม ยังไม่รู้เลยว่ามาสด้า 2 เข้า Eco car เค้าคิดว่าแค่มันออกรุ่นใหม่มาเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 11:58:22
ผมว่าจุดเจ็บปวดที่สุดของ Mazda2 ก็คงคำว่า Eco ครับ ผมไปเปิดหนังสืออ่าน ทุกที่บอกว่าเป็น Eco แล้วเอาไปเทียบกับมาร์ช กับสวิฟ กับ ยาริส
แล้วทุกคนก็มองว่า Eco คือรถราคาถูกที่ขับแค่พอไปจากจุดไปอีกจุดได้ก็พอแล้ว ซึ่งแม่ง (^*^&(&^%^$%^%*&^*)(*_%@#$%^&* มากๆ (Auto B***)

ซึ่งจริงๆ Ecocar มันควรเป้นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันที่ไม่เกี่ยงราคา กับขนาด แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถบอดี้ใหญ่ราคาถูกซะงั้น แล้วเวลาแปะราคา 2 กับคนอื่นในเซกเมนต์ 1.2 มันก็แพงกว่าชาวบ้านเขาดิครับ ตัวท็อปชาวบ้านเขายังราคาพึ่งจะแตะรุ่นล่าง 2

คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็เมินหน้าหนีหมด

แต่ถ้าคนตามข่าวหน่อยก็จะรู้ว่ามันได้สิทธิ Eco เพื่อลดภาษีในการทำราคาเครื่องให้ถูกลงมาฟัดกับ Jazz กับ Fiesta ไม่ใช่ March
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 12:12:14
มันขายได้ครับ แต่จะขายดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะมันคือรถที่ดีครับ ไม่มีใครบอกไม่ดี
อาจจะโดนใจ กลุ่มที่เล่นรถ มีความรู้ในตัวรถ
แต่อาจจะไม่โดนกลุ่ม ผู้ใช้รถทั่วไป

เพราะ อย่าลืม มันคือ Eco  เวลา ชาวบ้าน ทั่วไปไม่ใช่ ชุมชน Board แห่งนี้ เค้าก็เอาไปเทียบกับ Swiff
รถในกลุ่มของมัน คือ



ยังมี คนที่ซื้อรถ ต้องการเพียงแค่ โจทน์ไม่กี่อย่างคือ
1.ถูก ดี ทน


ก่อนจะขายรถ ในไทย ต้องทำการบ้าน เจาะ กลุ่มผู้บริโภค มากๆ ครับ

โดย ส่วนตัว ผมยังเชื่อว่า Mazda 2 จะให้ตัว Low ที่ตัด option  ที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อ ให้ คนได้ใช้รถในราคาถูก
เหมือนที่ทำใน Mazda 3  แล้ว แป้ก จนคนไปออกตัว Top หมด

หาก มาสด้า ออกราคามาต่ำกว่า 500000  ตัดล้อแม๊ก ตัด push start ตัดพวงมาลัย multi function ตัด แอร์ Auto แต่คง heater ไว้
มันจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยนะครับ

ที่ผมพูดมานี้ คือ
ผมเอาตัวผมเมื่อซื้อรถคันแรกของตัวเองเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่ใช่เอาตัวผมตอนนี้มาคิด

นี่คือ ตัวผมเมื่อ 10 ปีก่อนนะครับ รถที่ผมเลือกรถ แบบนี้เลย ซื้อด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดตอนเริ่มทำงาน ไม่เคยมีรถเป็นของตัวเอง
แอร์ เอาแค่เย็น
แม๊ก เหรอ แพงไม่เอา
กระจก พับไฟฟ้า ไม่เอา นานๆ พับที !!!!!!
ราคา โห แพงกว่า ตั้ง 5000 ไม่เอา !!!!!!
เกียร์ 5AT คืออะไร ? ไม่รู้จัก รู้แต่ manual กับ Auto ขับออกไปได้พอ
เอารถที่ประหยัดน้ำมันที่สุด YES
Airbag ไม่เอา ชนมาก็ตายไม่ใช้ ไม่เอา ?
ABS คืออะไร ไม่รู้จัก ?


ดังนั้น เวลาวิเคราะห์อะไร อย่าฟังธง อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะ คนมีหลายความรู้ หลายรสนิยมครับ

อย่า ลืม swiff ขายดีเพราะอะไร ไม่ใช่เพียงแค่รถสวย แต่เพราะราคามันถูกมากๆ ด้วยครับ



หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 12:21:00
ลองคุยอีกมุมนึง ถ้าราคา Mazda 2 1.3 มาชนกับ Jazz  City Vios Yaris

พวกกลุ่มอีโค่คาร์ที่ราคาต่ำกว่าย่าน 6 แสนคงไม่ต้องรับน้องครับ เพราะราคาปัจจุบันบวกส่วนลดก็ถูกมากอยู่แล้ว
ซึ่งผลงานของ 2 จะขายดีรึไม่ไม่รู้ล่ะ ฝ่ายตรงข้ามต้องรับน้องจัดเต็มไว้ก่อนประมาณนึง
เพราะสมัยนี้ลูกค้าคือสิ่งที่หายากมากครับ
ซึ่งฝ่ายตรงข้ามเป็นจ้าวตลาดล้วนๆ ซะด้วย เงินอุดหนุน ส่วนลดของแถมน่าจะเยอะอยู่ครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: nl2br ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 12:23:27
ส่วนตัวผมมองว่าราคามันก็โอเคน่ะ เพราะอย่าลืมว่ารุ่นล่างสุดของมาสด้า มันเทียบกับรุ่นกลางๆ ของหลายๆ ยี่ห้อครับ

ตรงนี้อาจจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้หลายคนมองว่าแพงไปรึเปล่า เพราะหลายคนดูแค่ราคาตัวล่าง แต่ไม่มองออฟชั่นว่าเทียบได้กับตัวไหน

แต่นั่นแหละครับ บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป หลายคนบอกว่ารุ่นล่างคงขายได้รุ่นเดียว รุ่นอื่นแพงไป แต่เวลายอดขายออกมารุ่นที่แพงไปมันมักจะขายดีกว่าเสมอ


อันนี้คือพูดในฐานะคนรูเรื่องรถและศึกษาข้อมูลรถ

ส่วนคนไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อย ยังไงรุ่นล่างก็ต้องเทียบกับรุ่นล่าง eco car ก็ต้องเทียบกับ eco car

คนทั่วไปเค้าไม่เทียบ eco car หรอกครับ เค้ายังติดภาพว่ามาสด้า 2 ต้องเทียบกับ vios jazz city หรือแม้แต่ yaris ครับ มีแต่พวกรู้เรื่องนี่แหละ ถึงรู้ว่ามาสด้า 2 คือ Eco car คนทั่วๆไป อีกมากที่ยังไม่รู้เลยครับว่า Eco car มันมีเฟส สองแล้ว

ขนาดคนรอบตัวผม ยังไม่รู้เลยว่ามาสด้า 2 เข้า Eco car เค้าคิดว่าแค่มันออกรุ่นใหม่มาเฉยๆ
เห็นด้วยตามนี้เลยครับ ต้องคนมีความรู้ อ่านเว็บ เข้าเน็ท ตามเรื่องรถจริงๆ ถึงจะรู้ว่ามาสด้าได้สิทธิ์ คนทั่วๆไป เห็นขนาดมันเท่าเดิม ก็คงเทียบกับตัวเดิม หรือเพื่อนๆของมันแหละ
แล้วถ้ามันเปิดตัวมาจริงๆ แล้วทำความประหยัดขึ้นหัวตารางได้ ผมว่ามันก็ขายได้อยู่แล้วครับ คนซื้อเค้าไม่สนหรอกว่า ecocar หรือไม่ เพราะขนาดและราคามันก็เท่าๆกับตัวเดิม แถวสวยกว่าเดิม(หรือเปล่า)
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 12:25:21
ผมว่าจุดเจ็บปวดที่สุดของ Mazda2 ก็คงคำว่า Eco ครับ ผมไปเปิดหนังสืออ่าน ทุกที่บอกว่าเป็น Eco แล้วเอาไปเทียบกับมาร์ช กับสวิฟ กับ ยาริส
แล้วทุกคนก็มองว่า Eco คือรถราคาถูกที่ขับแค่พอไปจากจุดไปอีกจุดได้ก็พอแล้ว ซึ่งแม่ง (^*^&(&^%^$%^%*&^*)(*_%@#$%^&* มากๆ (Auto B***)

ซึ่งจริงๆ Ecocar มันควรเป้นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันที่ไม่เกี่ยงราคา กับขนาด แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถบอดี้ใหญ่ราคาถูกซะงั้น แล้วเวลาแปะราคา 2 กับคนอื่นในเซกเมนต์ 1.2 มันก็แพงกว่าชาวบ้านเขาดิครับ ตัวท็อปชาวบ้านเขายังราคาพึ่งจะแตะรุ่นล่าง 2

คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็เมินหน้าหนีหมด

แต่ถ้าคนตามข่าวหน่อยก็จะรู้ว่ามันได้สิทธิ Eco เพื่อลดภาษีในการทำราคาเครื่องให้ถูกลงมาฟัดกับ Jazz กับ Fiesta ไม่ใช่ March

คนที่เค้าคิดว่า รถเครื่อง 1300 นี่ ไปเทียบกับ รถ เครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน อย่าง  March,Swiff,Yaris  ที่ได้ สิทธิ ภาษี ECOCAR เหมือนกัน แต่คนละเฟส เค้าผิดมากเหรอครับ ???
หรือ ที่ถูกต้อง คือ ต้อง ไปเทียบ Jazz City Fiesta Vios Amera ที่รถเหล่านี้ไม่ได้ สิทธิ ภาษี ECO CAR

รัฐบาลให้ สิทธิทางภาษี ต่ำ สำหรับรถที่ประหยัดน้ำมัน เครื่อง 1300 CC เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ม เพื่อให้ประชาชน ได้ใช้รถในราคาถูก ข้อนี้ จริงหรือผิดครับ ?


หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 13:18:11
ผมว่าจุดเจ็บปวดที่สุดของ Mazda2 ก็คงคำว่า Eco ครับ ผมไปเปิดหนังสืออ่าน ทุกที่บอกว่าเป็น Eco แล้วเอาไปเทียบกับมาร์ช กับสวิฟ กับ ยาริส
แล้วทุกคนก็มองว่า Eco คือรถราคาถูกที่ขับแค่พอไปจากจุดไปอีกจุดได้ก็พอแล้ว ซึ่งแม่ง (^*^&(&^%^$%^%*&^*)(*_%@#$%^&* มากๆ (Auto B***)

ซึ่งจริงๆ Ecocar มันควรเป้นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันที่ไม่เกี่ยงราคา กับขนาด แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถบอดี้ใหญ่ราคาถูกซะงั้น แล้วเวลาแปะราคา 2 กับคนอื่นในเซกเมนต์ 1.2 มันก็แพงกว่าชาวบ้านเขาดิครับ ตัวท็อปชาวบ้านเขายังราคาพึ่งจะแตะรุ่นล่าง 2

คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็เมินหน้าหนีหมด

แต่ถ้าคนตามข่าวหน่อยก็จะรู้ว่ามันได้สิทธิ Eco เพื่อลดภาษีในการทำราคาเครื่องให้ถูกลงมาฟัดกับ Jazz กับ Fiesta ไม่ใช่ March

คนที่เค้าคิดว่า รถเครื่อง 1300 นี่ ไปเทียบกับ รถ เครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน อย่าง  March,Swiff,Yaris  ที่ได้ สิทธิ ภาษี ECOCAR เหมือนกัน แต่คนละเฟส เค้าผิดมากเหรอครับ ???
หรือ ที่ถูกต้อง คือ ต้อง ไปเทียบ Jazz City Fiesta Vios Amera ที่รถเหล่านี้ไม่ได้ สิทธิ ภาษี ECO CAR

รัฐบาลให้ สิทธิทางภาษี ต่ำ สำหรับรถที่ประหยัดน้ำมัน เครื่อง 1300 CC เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ม เพื่อให้ประชาชน ได้ใช้รถในราคาถูก ข้อนี้ จริงหรือผิดครับ ?



ที่ผมพูดถึงนี้กรณี Mazda2 Diesel เครื่อง 1500 ครับ ไม่ใช่ 1300
1500 Diesel ก็เป็น Ecocar ตามเงื่อนไข BOI เช่นกัน แต่มันคนละพิกัดกับ Benzile 1200-1300

ถ้าจะให้ Mazda2 ไปเทียบกับ Ecocar ปัจจุบันที่เป้นเครื่อง 1.2 มันต้องทำเครื่องความจุเท่ากันไปเทียบครับ
ดังนั้นเอา Mazda2 ตัวดีเซล 1.5 ไปเทียบกับ 1.2 ในความเห้นส่วนตัวผมนี้ผิดมหันต์ ในแง่ของ Segment รถ

เพราะถ้าวัด Performance เครื่อง 1.2 แพ้เรียบ ถ้าวัดราคา 1.5 แพ้ขาด (กรณีที่เป็นรถปีห่างกันไม่เกิน 10 ปี)
มันเลยวัดกันไม่ได้ ที่มีเหมือนกันคือแค่สิทธิประโยชน์ทางภาษีว่านี้คือรถที่ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ
ซึ่งอีกหน่อยมาตรการนี้อาจจะขยายไปยังรถที่ใหญ่ขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้น หรือพลังงานรูปแบบอื่น มันเลยไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่ารถคันนั้นต้องถูกเปรียบเทียบกับรถ 1.2 เสมอไป

ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ ก็คงไม่ เราก็คงเอาไปเทียบกับรถในกลุ่มเครื่องยนต์ใกล้เคียงกันมากกว่า

แต่ถ้าในแง่ราคา อันนี้ไม่ว่ากันถ้ามันทับซ้อน แต่ในนิตยสารที่ผมพูดถึงคือแปะว่า Ecocar ก็เอา Mazda2 ตัวดีเซลมาเทียบเลย ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร คนละพิกัด


แต่ถ้า Mazda2 ตัวเบนซิลจะไปเทียบ Ecocar 1.2-1.3 อันนี้ตามสบายครับ เพราะพิกัดมันก็ 1.3
ที่เหลือก็ต้องรอดูว่า Performance เครื่อง 1.3 มันจะพิกัดเดียวกันกับ 1.3 ค่ายอื่น หรือจะทับขึ้นมา 1.5 ค่ายอื่น

เพราะปัญหาก็อีกแหละถ้าวัดกันที่ความจุกระบอกสูบอย่างเดียว Fiesta คงต้องไปวัดกับ Celerio
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 13:40:14
ผมว่าจุดเจ็บปวดที่สุดของ Mazda2 ก็คงคำว่า Eco ครับ ผมไปเปิดหนังสืออ่าน ทุกที่บอกว่าเป็น Eco แล้วเอาไปเทียบกับมาร์ช กับสวิฟ กับ ยาริส
แล้วทุกคนก็มองว่า Eco คือรถราคาถูกที่ขับแค่พอไปจากจุดไปอีกจุดได้ก็พอแล้ว ซึ่งแม่ง (^*^&(&^%^$%^%*&^*)(*_%@#$%^&* มากๆ (Auto B***)

ซึ่งจริงๆ Ecocar มันควรเป้นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันที่ไม่เกี่ยงราคา กับขนาด แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถบอดี้ใหญ่ราคาถูกซะงั้น แล้วเวลาแปะราคา 2 กับคนอื่นในเซกเมนต์ 1.2 มันก็แพงกว่าชาวบ้านเขาดิครับ ตัวท็อปชาวบ้านเขายังราคาพึ่งจะแตะรุ่นล่าง 2

คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็เมินหน้าหนีหมด

แต่ถ้าคนตามข่าวหน่อยก็จะรู้ว่ามันได้สิทธิ Eco เพื่อลดภาษีในการทำราคาเครื่องให้ถูกลงมาฟัดกับ Jazz กับ Fiesta ไม่ใช่ March

คนที่เค้าคิดว่า รถเครื่อง 1300 นี่ ไปเทียบกับ รถ เครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน อย่าง  March,Swiff,Yaris  ที่ได้ สิทธิ ภาษี ECOCAR เหมือนกัน แต่คนละเฟส เค้าผิดมากเหรอครับ ???
หรือ ที่ถูกต้อง คือ ต้อง ไปเทียบ Jazz City Fiesta Vios Amera ที่รถเหล่านี้ไม่ได้ สิทธิ ภาษี ECO CAR

รัฐบาลให้ สิทธิทางภาษี ต่ำ สำหรับรถที่ประหยัดน้ำมัน เครื่อง 1300 CC เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ม เพื่อให้ประชาชน ได้ใช้รถในราคาถูก ข้อนี้ จริงหรือผิดครับ ?



ที่ผมพูดถึงนี้กรณี Mazda2 Diesel เครื่อง 1500 ครับ ไม่ใช่ 1300
1500 Diesel ก็เป็น Ecocar ตามเงื่อนไข BOI เช่นกัน แต่มันคนละพิกัดกับ Benzile 1200-1300

ถ้าจะให้ Mazda2 ไปเทียบกับ Ecocar ปัจจุบันที่เป้นเครื่อง 1.2 มันต้องทำเครื่องความจุเท่ากันไปเทียบครับ
ดังนั้นเอา Mazda2 ตัวดีเซล 1.5 ไปเทียบกับ 1.2 ในความเห้นส่วนตัวผมนี้ผิดมหันต์ ในแง่ของ Segment รถ

เพราะถ้าวัด Performance เครื่อง 1.2 แพ้เรียบ ถ้าวัดราคา 1.5 แพ้ขาด (กรณีที่เป็นรถปีห่างกันไม่เกิน 10 ปี)
มันเลยวัดกันไม่ได้ ที่มีเหมือนกันคือแค่สิทธิประโยชน์ทางภาษีว่านี้คือรถที่ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ
ซึ่งอีกหน่อยมาตรการนี้อาจจะขยายไปยังรถที่ใหญ่ขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้น หรือพลังงานรูปแบบอื่น มันเลยไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่ารถคันนั้นต้องถูกเปรียบเทียบกับรถ 1.2 เสมอไป

ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ ก็คงไม่ เราก็คงเอาไปเทียบกับรถในกลุ่มเครื่องยนต์ใกล้เคียงกันมากกว่า

แต่ถ้าในแง่ราคา อันนี้ไม่ว่ากันถ้ามันทับซ้อน แต่ในนิตยสารที่ผมพูดถึงคือแปะว่า Ecocar ก็เอา Mazda2 ตัวดีเซลมาเทียบเลย ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร คนละพิกัด


แต่ถ้า Mazda2 ตัวเบนซิลจะไปเทียบ Ecocar 1.2-1.3 อันนี้ตามสบายครับ เพราะพิกัดมันก็ 1.3
ที่เหลือก็ต้องรอดูว่า Performance เครื่อง 1.3 มันจะพิกัดเดียวกันกับ 1.3 ค่ายอื่น หรือจะทับขึ้นมา 1.5 ค่ายอื่น

เพราะปัญหาก็อีกแหละถ้าวัดกันที่ความจุกระบอกสูบอย่างเดียว Fiesta คงต้องไปวัดกับ Celerio
เราเห็นด้วยกับความเห็นท่านนะ
ปัญหาใหญ่ที่ค่ายรถต้องนำเสนอคือ ทำอย่างไรให้คนเข้าใจว่า eco car ไม่ได้หมายถึงแค่รถราคาถูกอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น เฟียสต้าเครื่อง 1.0

ในทางกลับกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดที่คนที่ไม่เข้าใจ (ส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้มีเวลามาแอบๆอ่านเน็ตเวลาเซ็งๆจากงานอย่างเรา 55) จะเอาไปเทียบกับสิ่งที่เขาคิดว่าใช่
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 13:42:20
อะ ผมก็นึกว่า 1.3
อ่อแต่ ถ้าเอา Mazda2 ดีเซลเทียบกับ Eco นี่ผมก็ว่าผิดนะ

ผมว่าเค้าไม่ได้มองแค่ความ จุ แต่มองตัวเครื่องยนต์นะครับ

Fiesta 1.0 ecobboot นี้มันไม่ใช่เครื่อง NA ครับ
คงเอาไปเทียบ กับ Celerio ซึ่งเป็น NA  ไม่ได้
ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
เหมือนเคสนี้
เหมือน Vios 1.5  กับ Vios  1.5 turbo นั่นละครับ
เหมือน Lancer ตัวปกติ กับ Ralliart turbo ราคามันก็คนละเรื่อง
การเทียบ NA กับ Turbo เป็นสิ่งที่เทียบกันไม่ได้ครับ


แต่เคส Mazda 2 เบนซินนี่
เหมือน C-segment  ที่เครื่องฉีดตรง กับ ฉีดไม่ตรง คนละค่าย ราคามันก็ออกมาสูสี
เหมือน เกียร์ 4AT พัฒนามาเป็น 5AT 6AT ในรถกะบะ รุ่นใหม่ ๆ ราคารถมันก็ไม่ได้ทำออกมาพอๆกับคู่แข่ง

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 13:51:58
ผมว่าจุดเจ็บปวดที่สุดของ Mazda2 ก็คงคำว่า Eco ครับ ผมไปเปิดหนังสืออ่าน ทุกที่บอกว่าเป็น Eco แล้วเอาไปเทียบกับมาร์ช กับสวิฟ กับ ยาริส
แล้วทุกคนก็มองว่า Eco คือรถราคาถูกที่ขับแค่พอไปจากจุดไปอีกจุดได้ก็พอแล้ว ซึ่งแม่ง (^*^&(&^%^$%^%*&^*)(*_%@#$%^&* มากๆ (Auto B***)

ซึ่งจริงๆ Ecocar มันควรเป้นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ ประหยัดน้ำมันที่ไม่เกี่ยงราคา กับขนาด แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถบอดี้ใหญ่ราคาถูกซะงั้น แล้วเวลาแปะราคา 2 กับคนอื่นในเซกเมนต์ 1.2 มันก็แพงกว่าชาวบ้านเขาดิครับ ตัวท็อปชาวบ้านเขายังราคาพึ่งจะแตะรุ่นล่าง 2

คนที่ไม่รู้เรื่องรถก็เมินหน้าหนีหมด

แต่ถ้าคนตามข่าวหน่อยก็จะรู้ว่ามันได้สิทธิ Eco เพื่อลดภาษีในการทำราคาเครื่องให้ถูกลงมาฟัดกับ Jazz กับ Fiesta ไม่ใช่ March

คนที่เค้าคิดว่า รถเครื่อง 1300 นี่ ไปเทียบกับ รถ เครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน อย่าง  March,Swiff,Yaris  ที่ได้ สิทธิ ภาษี ECOCAR เหมือนกัน แต่คนละเฟส เค้าผิดมากเหรอครับ ???
หรือ ที่ถูกต้อง คือ ต้อง ไปเทียบ Jazz City Fiesta Vios Amera ที่รถเหล่านี้ไม่ได้ สิทธิ ภาษี ECO CAR

รัฐบาลให้ สิทธิทางภาษี ต่ำ สำหรับรถที่ประหยัดน้ำมัน เครื่อง 1300 CC เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ม เพื่อให้ประชาชน ได้ใช้รถในราคาถูก ข้อนี้ จริงหรือผิดครับ ?



ที่ผมพูดถึงนี้กรณี Mazda2 Diesel เครื่อง 1500 ครับ ไม่ใช่ 1300
1500 Diesel ก็เป็น Ecocar ตามเงื่อนไข BOI เช่นกัน แต่มันคนละพิกัดกับ Benzile 1200-1300

ถ้าจะให้ Mazda2 ไปเทียบกับ Ecocar ปัจจุบันที่เป้นเครื่อง 1.2 มันต้องทำเครื่องความจุเท่ากันไปเทียบครับ
ดังนั้นเอา Mazda2 ตัวดีเซล 1.5 ไปเทียบกับ 1.2 ในความเห้นส่วนตัวผมนี้ผิดมหันต์ ในแง่ของ Segment รถ

เพราะถ้าวัด Performance เครื่อง 1.2 แพ้เรียบ ถ้าวัดราคา 1.5 แพ้ขาด (กรณีที่เป็นรถปีห่างกันไม่เกิน 10 ปี)
มันเลยวัดกันไม่ได้ ที่มีเหมือนกันคือแค่สิทธิประโยชน์ทางภาษีว่านี้คือรถที่ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษต่ำ
ซึ่งอีกหน่อยมาตรการนี้อาจจะขยายไปยังรถที่ใหญ่ขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้น หรือพลังงานรูปแบบอื่น มันเลยไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่ารถคันนั้นต้องถูกเปรียบเทียบกับรถ 1.2 เสมอไป

ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ ก็คงไม่ เราก็คงเอาไปเทียบกับรถในกลุ่มเครื่องยนต์ใกล้เคียงกันมากกว่า

แต่ถ้าในแง่ราคา อันนี้ไม่ว่ากันถ้ามันทับซ้อน แต่ในนิตยสารที่ผมพูดถึงคือแปะว่า Ecocar ก็เอา Mazda2 ตัวดีเซลมาเทียบเลย ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร คนละพิกัด


แต่ถ้า Mazda2 ตัวเบนซิลจะไปเทียบ Ecocar 1.2-1.3 อันนี้ตามสบายครับ เพราะพิกัดมันก็ 1.3
ที่เหลือก็ต้องรอดูว่า Performance เครื่อง 1.3 มันจะพิกัดเดียวกันกับ 1.3 ค่ายอื่น หรือจะทับขึ้นมา 1.5 ค่ายอื่น

เพราะปัญหาก็อีกแหละถ้าวัดกันที่ความจุกระบอกสูบอย่างเดียว Fiesta คงต้องไปวัดกับ Celerio
เราเห็นด้วยกับความเห็นท่านนะ
ปัญหาใหญ่ที่ค่ายรถต้องนำเสนอคือ ทำอย่างไรให้คนเข้าใจว่า eco car ไม่ได้หมายถึงแค่รถราคาถูกอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น เฟียสต้าเครื่อง 1.0

ในทางกลับกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดที่คนที่ไม่เข้าใจ (ส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้มีเวลามาแอบๆอ่านเน็ตเวลาเซ็งๆจากงานอย่างเรา 55) จะเอาไปเทียบกับสิ่งที่เขาคิดว่าใช่

ผมว่า 1.0 Ecoboot ไม่ได้สิทธิ Eco car นะครับ
ถึงแม้คุณสมบัติ มันจะใช่ แต่มันไม่ได้ สิทธิ

ตอนนี้เรากำลังพูดถึง Eco car ในบ้านเรา
หมายถึงรถที่ได้รับสิทธิทางภาษีพิเศษนะครับ ซึ่ง Ecoboot ไม่ใช่ครับ
ดังนั้น Ecoboot จึงไปเทียบกับ Celerio ไม่ได้
เพราะเงือนไข คือการลงทุน รถใหม่ และต้อผลิตอย่างน้อย 100,000 คันครับ

สรุปก็คือ ecoboot ไม่ใช่ eco car ในบ้านเรา ครับ
แต่ ecoboot เป็น eco car ในสมรรถนของมัน

Eco car บ้านเรา ไม่ใช่แค่เชื่อเรียกชนิดรถครับ มันเป็น การลงทุน พิเศษ เป็นเงื่อนไขเฉพาะในบ้านเราเท่านั้นครับ
ดังนั้น เราต้องเข้าใจอะไรให้ถูกก่อนครับ ก่อนไปตัดสินอะไร
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 13:56:05
สำหรับความคิดผม ตอนนี้มาสด้ามีที่ยืนแบบสง่าผ่าเผยแล้วครับ ดีกว่าแต่ก่อนมาก และผมยังมีความเชื่อว่า คนที่เล่นมาสด้านั้นเป็นคนที่หาข้อมูลมากกว่าคนที่เล่นรถตลาด และสำหรับราคาผมว่าตั้งมาได้สวยแล้วนะครับ ตั้งแต่ มาสด้า3 cx-5 และเจ้า 2 ดีเซล ส่วนเบนซินนั้นยังไม่เป็นทางการแต่ถ้าราคานี้จริงผมก็ว่าไม่แพงเกินไปครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 14:04:13
ตัวรถสำหรับผม กับคนรอบข้างผมที่มองเจ้า 2 ตัวใหม่ มันก็คือตัวเก่าเปลี่ยนโฉมใหม่ ที่ทำออกมาแข่งกับ วีออส ซิตี้
ส่วนตัวเครื่องคงต้องรอดูประสิทธิภาพเครื่อง 1.3 ว่าจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่อง 1.5 ตัวเดิมหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 14:07:41
ตัวรถสำหรับผม กับคนรอบข้างผมที่มองเจ้า 2 ตัวใหม่ มันก็คือตัวเก่าเปลี่ยนโฉมใหม่ ที่ทำออกมาแข่งกับ วีออส ซิตี้
ส่วนตัวเครื่องคงต้องรอดูประสิทธิภาพเครื่อง 1.3 ว่าจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่อง 1.5 ตัวเดิมหรือเปล่า

ถ้ามันจะเอามาแทน สองเดิม โดยที่ อัตรเร่ง ประสิทธิภาพต่างๆ เหมือน 1.5 เบนซินเดิม แต่ได้ประหยัดเพิ่มเข้ามาแทน
อันนี้ผมเห็นด้วยครับ

คล้ายๆ ยาริส ที่ออกมาแพงกว่า Eco car อื่นๆ โดยที่ ชาวบ้านยังคิดว่าเป็น ยาริสตัวเดิม
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 14:51:20
เปิดมาราคานี้ cc มากกว่าสวิฟอยู่ 50 cc และ ราคาถูกกว่าวีออสไม่กี่หมื่น ถ้ารวมส่วนลดเผลอๆ ถูกกว่า แต่ได้เครื่องใหญ่กว่าตั้ง 200 cc คิดว่าสมเหตุสมผลหรือป่าว
จากการทดสอบขึ้นมาจริงๆ ตัวเลขอาจดีกว่าวีออส แต่คนทั่วไปจะรู้หรอ แค่เจอ 1300 แต่ราคาเท่า1500เจ้าตลาดเค้าจะเลือกอะไรกัน

จริงๆผมก็คิดว่ามันก็น่าจะขายได้ แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ที่ 3 อย่าง แจ็ส คงเป็นไปไม่ได้ แต่ยอดรวมน่าจะชนะเฟียสต้าได้ไม่ยาก

อันนี้ผมก็เทียบให้เห็นทั้ง eco ตัวขายดีอย่าง yaris แล้วก็พวกเครื่อง 1500 ตัวล่างแล้วไงครับ
คนมีเงินซื้อ5แสนกลางบางคนอาจอยากได้เครื่อง1500 แต่บางคนอยากได้ 1200 มาประหยัด ถ้าคิดด้วยหลักการเพิ่มเงินนิดเดียวไปเอา 1500
ดีกว่า yaris คงขายไม่ออก เพราะ yaris แพงกว่าพวกเครื่อง 1500 ตัวล่างซะอีก

มันขายได้ครับ แต่จะขายดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะมันคือรถที่ดีครับ ไม่มีใครบอกไม่ดี
อาจจะโดนใจ กลุ่มที่เล่นรถ มีความรู้ในตัวรถ
แต่อาจจะไม่โดนกลุ่ม ผู้ใช้รถทั่วไป

เพราะ อย่าลืม มันคือ Eco  เวลา ชาวบ้าน ทั่วไปไม่ใช่ ชุมชน Board แห่งนี้ เค้าก็เอาไปเทียบกับ Swiff
รถในกลุ่มของมัน คือ



ยังมี คนที่ซื้อรถ ต้องการเพียงแค่ โจทน์ไม่กี่อย่างคือ
1.ถูก ดี ทน


ก่อนจะขายรถ ในไทย ต้องทำการบ้าน เจาะ กลุ่มผู้บริโภค มากๆ ครับ

โดย ส่วนตัว ผมยังเชื่อว่า Mazda 2 จะให้ตัว Low ที่ตัด option  ที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อ ให้ คนได้ใช้รถในราคาถูก
เหมือนที่ทำใน Mazda 3  แล้ว แป้ก จนคนไปออกตัว Top หมด

หาก มาสด้า ออกราคามาต่ำกว่า 500000  ตัดล้อแม๊ก ตัด push start ตัดพวงมาลัย multi function ตัด แอร์ Auto แต่คง heater ไว้
มันจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยนะครับ

ที่ผมพูดมานี้ คือ
ผมเอาตัวผมเมื่อซื้อรถคันแรกของตัวเองเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่ใช่เอาตัวผมตอนนี้มาคิด

นี่คือ ตัวผมเมื่อ 10 ปีก่อนนะครับ รถที่ผมเลือกรถ แบบนี้เลย ซื้อด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดตอนเริ่มทำงาน ไม่เคยมีรถเป็นของตัวเอง
แอร์ เอาแค่เย็น
แม๊ก เหรอ แพงไม่เอา
กระจก พับไฟฟ้า ไม่เอา นานๆ พับที !!!!!!
ราคา โห แพงกว่า ตั้ง 5000 ไม่เอา !!!!!!
เกียร์ 5AT คืออะไร ? ไม่รู้จัก รู้แต่ manual กับ Auto ขับออกไปได้พอ
เอารถที่ประหยัดน้ำมันที่สุด YES
Airbag ไม่เอา ชนมาก็ตายไม่ใช้ ไม่เอา ?
ABS คืออะไร ไม่รู้จัก ?


ดังนั้น เวลาวิเคราะห์อะไร อย่าฟังธง อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะ คนมีหลายความรู้ หลายรสนิยมครับ

อย่า ลืม swiff ขายดีเพราะอะไร ไม่ใช่เพียงแค่รถสวย แต่เพราะราคามันถูกมากๆ ด้วยครับ





ทำไมต้องลากไปดูราคาตัวเริ่มต้นอย่างเดียวล่ะครับ 550,000 ก็เท่ากับ swift ตัวท้อปธรรมดา, yaris ตัวกลาง
ถ้าคนที่เค้ามองขึ้นมาถึงตัวพวกนี้ปุ้บ mazda 2 1.3 เข้ามาเทียบด้วยทันทีเพราะราคาเดียวกัน

ผมว่าเวลามอง cc ไปเทียบ 1500 บอกคนไม่เข้าใจหรอก
เวลามองราคา เอาไปเทียบ eco ตัวล่างบอกแพงไม่ถูกหรอก
ราคา 2 ตัวล่างมันก็เท่ากับ eco คันอื่นตัวท้อปนิ แล้ว option ก็ไม่ได้แพ้เลยด้วย

ปล. Mazda ไม่มีทางทำรุ่นไม่มีล้อแมก กระจกไม่พับไฟฟ้า ไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ไม่มี heater ไม่มี airbag ออกมาขายแน่นอนครับ บอกเลย

สำหรับความคิดผม ตอนนี้มาสด้ามีที่ยืนแบบสง่าผ่าเผยแล้วครับ ดีกว่าแต่ก่อนมาก และผมยังมีความเชื่อว่า คนที่เล่นมาสด้านั้นเป็นคนที่หาข้อมูลมากกว่าคนที่เล่นรถตลาด และสำหรับราคาผมว่าตั้งมาได้สวยแล้วนะครับ ตั้งแต่ มาสด้า3 cx-5 และเจ้า 2 ดีเซล ส่วนเบนซินนั้นยังไม่เป็นทางการแต่ถ้าราคานี้จริงผมก็ว่าไม่แพงเกินไปครับ
เห็นด้วยครับ ผมว่าตอนนี้มาสด้าสามารถยืดอกได้สง่าผ่าเผยย brand image ในตลาดโลกก็ชัดเจน มุ่งมั่นไปในทางของตัวเองอย่างชัดเจน
วันนี้ผมไม่มีรถมาสด้าอยู่ที่บ้านแล้วแต่ก็ยังชื่นชอบเชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 15:14:30
เปิดมาราคานี้ cc มากกว่าสวิฟอยู่ 50 cc และ ราคาถูกกว่าวีออสไม่กี่หมื่น ถ้ารวมส่วนลดเผลอๆ ถูกกว่า แต่ได้เครื่องใหญ่กว่าตั้ง 200 cc คิดว่าสมเหตุสมผลหรือป่าว
จากการทดสอบขึ้นมาจริงๆ ตัวเลขอาจดีกว่าวีออส แต่คนทั่วไปจะรู้หรอ แค่เจอ 1300 แต่ราคาเท่า1500เจ้าตลาดเค้าจะเลือกอะไรกัน

จริงๆผมก็คิดว่ามันก็น่าจะขายได้ แต่ถ้าจะให้ดีกว่า ที่ 3 อย่าง แจ็ส คงเป็นไปไม่ได้ แต่ยอดรวมน่าจะชนะเฟียสต้าได้ไม่ยาก

อันนี้ผมก็เทียบให้เห็นทั้ง eco ตัวขายดีอย่าง yaris แล้วก็พวกเครื่อง 1500 ตัวล่างแล้วไงครับ
คนมีเงินซื้อ5แสนกลางบางคนอาจอยากได้เครื่อง1500 แต่บางคนอยากได้ 1200 มาประหยัด ถ้าคิดด้วยหลักการเพิ่มเงินนิดเดียวไปเอา 1500
ดีกว่า yaris คงขายไม่ออก เพราะ yaris แพงกว่าพวกเครื่อง 1500 ตัวล่างซะอีก

มันขายได้ครับ แต่จะขายดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะมันคือรถที่ดีครับ ไม่มีใครบอกไม่ดี
อาจจะโดนใจ กลุ่มที่เล่นรถ มีความรู้ในตัวรถ
แต่อาจจะไม่โดนกลุ่ม ผู้ใช้รถทั่วไป

เพราะ อย่าลืม มันคือ Eco  เวลา ชาวบ้าน ทั่วไปไม่ใช่ ชุมชน Board แห่งนี้ เค้าก็เอาไปเทียบกับ Swiff
รถในกลุ่มของมัน คือ



ยังมี คนที่ซื้อรถ ต้องการเพียงแค่ โจทน์ไม่กี่อย่างคือ
1.ถูก ดี ทน


ก่อนจะขายรถ ในไทย ต้องทำการบ้าน เจาะ กลุ่มผู้บริโภค มากๆ ครับ

โดย ส่วนตัว ผมยังเชื่อว่า Mazda 2 จะให้ตัว Low ที่ตัด option  ที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อ ให้ คนได้ใช้รถในราคาถูก
เหมือนที่ทำใน Mazda 3  แล้ว แป้ก จนคนไปออกตัว Top หมด

หาก มาสด้า ออกราคามาต่ำกว่า 500000  ตัดล้อแม๊ก ตัด push start ตัดพวงมาลัย multi function ตัด แอร์ Auto แต่คง heater ไว้
มันจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเลยนะครับ

ที่ผมพูดมานี้ คือ
ผมเอาตัวผมเมื่อซื้อรถคันแรกของตัวเองเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่ใช่เอาตัวผมตอนนี้มาคิด

นี่คือ ตัวผมเมื่อ 10 ปีก่อนนะครับ รถที่ผมเลือกรถ แบบนี้เลย ซื้อด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดตอนเริ่มทำงาน ไม่เคยมีรถเป็นของตัวเอง
แอร์ เอาแค่เย็น
แม๊ก เหรอ แพงไม่เอา
กระจก พับไฟฟ้า ไม่เอา นานๆ พับที !!!!!!
ราคา โห แพงกว่า ตั้ง 5000 ไม่เอา !!!!!!
เกียร์ 5AT คืออะไร ? ไม่รู้จัก รู้แต่ manual กับ Auto ขับออกไปได้พอ
เอารถที่ประหยัดน้ำมันที่สุด YES
Airbag ไม่เอา ชนมาก็ตายไม่ใช้ ไม่เอา ?
ABS คืออะไร ไม่รู้จัก ?


ดังนั้น เวลาวิเคราะห์อะไร อย่าฟังธง อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะ คนมีหลายความรู้ หลายรสนิยมครับ

อย่า ลืม swiff ขายดีเพราะอะไร ไม่ใช่เพียงแค่รถสวย แต่เพราะราคามันถูกมากๆ ด้วยครับ





ทำไมต้องลากไปดูราคาตัวเริ่มต้นอย่างเดียวล่ะครับ 550,000 ก็เท่ากับ swift ตัวท้อปธรรมดา, yaris ตัวกลาง
ถ้าคนที่เค้ามองขึ้นมาถึงตัวพวกนี้ปุ้บ mazda 2 1.3 เข้ามาเทียบด้วยทันทีเพราะราคาเดียวกัน

ผมว่าเวลามอง cc ไปเทียบ 1500 บอกคนไม่เข้าใจหรอก
เวลามองราคา เอาไปเทียบ eco ตัวล่างบอกแพงไม่ถูกหรอก
ราคา 2 ตัวล่างมันก็เท่ากับ eco คันอื่นตัวท้อปนิ แล้ว option ก็ไม่ได้แพ้เลยด้วย

ปล. Mazda ไม่มีทางทำรุ่นไม่มีล้อแมก กระจกไม่พับไฟฟ้า ไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ไม่มี heater ไม่มี airbag ออกมาขายแน่นอนครับ บอกเลย

ผมแค่ เปรียบให้เห็นครับ มองให้เห็นอีกมุมครับ
เพราะ บางคนซื้อรถ มองแค่ราคาเป็นหลัก
ในขณะที่อีกหลายคน ที่มีความ รู้ จะมอง เทียบ จุดต่อจุด หรือคุ้มค่า เหมือนคนใน board นี้ ซึงมันไม่แพงหรอกถ้าเอา option มาฟัดกัน
แต่ผมคิดว่า ถ้าคนที่เค้าไม่เอา option ไม่เข้าใจ เทคโนโลยี ไม่ได้มานั่งอ่าน board เสพข้อมูลรถ ละครับ เค้าจะมองเป็นยังไง
คนกลุ่มน้นคือผม เมื่อ 10 ปีก่อน ที่ไม่ต้องการ option เหมือนตัว Top

พอมันมี อะไรที่ถูกกว่า คนก็จะเปรียบเทียบเป็นธรรมดาครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 16:35:53
สำหรับความคิดผม ตอนนี้มาสด้ามีที่ยืนแบบสง่าผ่าเผยแล้วครับ ดีกว่าแต่ก่อนมาก และผมยังมีความเชื่อว่า คนที่เล่นมาสด้านั้นเป็นคนที่หาข้อมูลมากกว่าคนที่เล่นรถตลาด และสำหรับราคาผมว่าตั้งมาได้สวยแล้วนะครับ ตั้งแต่ มาสด้า3 cx-5 และเจ้า 2 ดีเซล ส่วนเบนซินนั้นยังไม่เป็นทางการแต่ถ้าราคานี้จริงผมก็ว่าไม่แพงเกินไปครับ

หลายคนชอบพูดทำนองนี้ แต่ความเป็นจริงไม่เสมอไปครับ คนเล่นรถตลาด มีทั้งทำการบ้านเยอะ และทำการบ้านน้อย
คนเล่นรถไม่ตลาดก็มีทั้งทำการบ้านเยอะและทั้งการบ้านน้อย
มันอยู่ว่าสิ่งใดตรงกับความต้องการมากกว่าครับ
ถ้าพูดกลับด้าน
รถตลาดทำการบ้านเยอะให้กลุ่ม mass ของเค้าะพึงพอใจ
รถไม่ตลาดก็ทำการบ้านให้กลุ่มเป้าหมายของพวกเค้าพึงพอใจ
น่าจะเป็นคำพูดแบบนี้มากกว่าครับ คนจะซื้อรถคันนึงถ้าเค้าคิดเยอะมากพอกับเงินที่ต้องจ่ายไป
เค้าดูและพิจารณาหมดทุกรุ่นนะครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Yeahyeahs ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 17:06:53
ผมแค่งงกับ Mazda ว่าอะไรทำให้คิดตั้งราคาเริ่มต้นแพงกว่าชาวบ้านในพิกัดเครื่องใกล้ๆกัน
ทั้งที่ Mazda 3 นี่ราคาน่าชื่นชมมากๆ จนทำให้มันขายแซง Civic ได้ในระยะนึง (ก่อนจะมีข่าวเรื่อง E85)
เครื่องเบนซินในสองรุ่นนี้ มันก็เทคโนโลยี Skyactive-G ทั้งคู่ไม่ใช่หรอ? แล้วต้นทุนเครื่องเบนซินก็ไม่ได้แพงแบบดีเซล

ส่วนตัวดีเซลขี้เกียจจะบ่นแล้วครับ ยังไงมันก็แพงเกินไปในสายตาผมอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: forty-two ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 18:15:49
ผมเห็นด้วยกับผู้ที่บอกว่ามาสด้า 2 ควรจะมีตัวที่ตัดออพชั่น เอาโล้นๆ เพื่อเรียกลูกค้าเข้าไปดูก่อน
จากนั้นจะเอาอะไรก็ขยับขึ้นไปเล่นตัวที่แพงกว่า

แต่ผมว่ามันมีที่ยืนแน่นอน อาจจะขายได้พอๆกับตัวก่อน
ตอนแรกๆ ที่ yaris เป็น 1.2 หลายคนมากยังไม่รู้เลยว่าเป็น eco car เอาไปเทียบกับ Vios City Jazz เวลาจะซื้อ ถึงทุกวันนี้บางคนยังไม่รู้
mazda 1.3 ตัวนี้ คงมีหลายคนที่เทียบกับ B-Seg ยังหลายคนที่ีซื้อเพราะดีไซน์ โดยไม่สนว่าเครื่อง 1,300 cc และหลายคนที่รอดูอยู่ว่าเครื่องตัวนี้มีประสิทธิภาพแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 19:12:25
แล้วแต่การตลาดครับ
มาตัดซะเกียน เดี่ยวหาว่างก นั้นมันต้องเจ้าตลาด ทำออกมายังไงมันก็ขายได้
เขาให้มาราคานี้ ขายไม่ได้เขามีส่วนลดให้เมื่อมันขายไม่ได้
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 19:54:50
ผมแค่งงกับ Mazda ว่าอะไรทำให้คิดตั้งราคาเริ่มต้นแพงกว่าชาวบ้านในพิกัดเครื่องใกล้ๆกัน
ทั้งที่ Mazda 3 นี่ราคาน่าชื่นชมมากๆ จนทำให้มันขายแซง Civic ได้ในระยะนึง (ก่อนจะมีข่าวเรื่อง E85)
เครื่องเบนซินในสองรุ่นนี้ มันก็เทคโนโลยี Skyactive-G ทั้งคู่ไม่ใช่หรอ? แล้วต้นทุนเครื่องเบนซินก็ไม่ได้แพงแบบดีเซล

ส่วนตัวดีเซลขี้เกียจจะบ่นแล้วครับ ยังไงมันก็แพงเกินไปในสายตาผมอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะ

ผมกลัวความคิดนี้อยู่แล้วเชียว บางทีการที่ mazda 3 ให้ตัวเริ่มต้นมาถูกทีีได้รับคำชื่นชมนักหนาอาจจะไม่ใช่แผนการตลาดระยะยาวที่ดีเลย

มีหลายคนเลยที่คิดอย่างงี้ ว่าทำไมรุ่นนั้นตั้งถูกกว่าชาวบ้านได้ ทำไมรุ่นนี้ตั้งถูกกว่าไม่ได้ กลายเป็นแบรนด์มาสด้าต้องถูกกว่าจ้าวตลาดสิถึงจะซื้อ

ถ้าเทียบกับ yaris ตัวกลางอย่างที่ผมว่า คิดดูสิ ราคาเท่ากันได้ cc มากกว่าแถมเป็นเครื่องฉีดตรง จะบอกว่าต้นทุนเท่ากันไม่น่าได้ ไหนจะ option ที่ท่วมท้นกว่ามากมายอีก
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 20:09:24
อยากให้ขายแค่ 2 รุ่นครับ
ตัวท็อปน่าจะให้ option เท่าตัวตัวล่างสุดของรุ่นดีเซลก็พอ
แล้วขายรุ่นท๊อปแค่ 570,000-600,000
ผมไม่ชอบจอล้ำยุค ได้ข่าวว่าเสียง่ายสุดๆ  ;D
ตัวล่าง ราคา 520,000-540,000
ให้ option เหลือเท่า Yaris E พอ
โปรโมทความประหยัดขั้นเทพ+ความสวยสปอร์ตขับดี Japan car of the year สามอย่างนี้ให้คนติดหูให้ได้ จบ!
น่าจะฮิตนะ

อันนี้เป็นความต้องการส่วนตัวนะครับ Mazda คงมียุทธศาสตร์ของเค้าในแบบมืออาชีพ  ;D

สมมติถ้า ตั้งราคาเริ่มต้น 5.5 แสนแล้วประสบความสำเร็จ
น่าจะมีสามรุ่น option จัดมาแบบแนวรุ่นดีเซล ราคาห่างกันรุ่นละ 5 หมื่น
5.5 แสน
6 แสน
6.5 แสน แต่มันจะกลายเป็น 6.8-7 แสน ถ้ามาสด้าเกิดอุตริใส่ไฟแจแปนมาให้ วิ้งๆเลยทีเดียว

ด้วยราคาที่ต่ำกว่ารุ่นดีเซลเป็นแสน และคนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าเข้า Eco car แต่คิดว่าเป็นรถทั่วไปแบบรุ่นก่อน
เพราะ Yaris ได้ปูทางไว้ให้แล้ว (แต่ Yaris ก็ถูกกว่ารุ่นเดิม เป็นแสน แต่ว่าคนคงไม่สังเกตุ Mazda มั้ง)

คนอาจจะงงเล็กน้อยเพราะราคาเท่าๆ กับรุ่นเดิมแต่ได้เครื่อง 1.3 ส่วน Yaris ได้เครื่อง 1.2 แต่ลดไปแสนนึง
จึงต้องมาดูต่อถึงประสิทธิภาพเทคโนโลยี่ Skyactiv กับภายในระดับหรูสุดในคลาส  เพียงแต่ Honda ยังให้
Option มากกว่ารึเปล่า?

สรุป ด้วยความสวย ประหยัด แถมแรงเท่าเครื่อง 1.5 และถูกกว่าดีเซลร่วมแสน ยอดขายเลยพุ่งปรี๊ด
ประมาณนี้รึเปล่าครับ  ;D แต่ผมก็เอาใจช่วยอยู่นะ ชอบ 2 ครับ


หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 20:18:33
ผมกลัวว่าจะเอามาขายเล่นๆมากกว่า เพราะเป้าหมายหลักคือได้โควต้าส่งเสริมการผลิต eco car phase2
แล้วไปตั้งเป้าขายส่งนอก ให้ได้เงื่นไขการผลิตขั้นต่ำ
ในประเทศต้องแข่งกับคู่แข่งเยอะมากๆ(ตลาดเดียวกันคนซื้อมีเท่าเดิม แต่รถมีสารพัดรุ่น คนขายมองหน้ากันคนซื้อมีหยิบมือ)
คนซื้อกลุ่มหลักก็เล่นแต่เจ้าตลาด กลุ่มรองก็เงื่อนไขเยอะเอาใจไม่ถูก555 ลูกค้าเก่าก็คงจะอึ้งว่าจะคิดเอายี่ห้อเดิมดีป่าวว้า
ลูกค้าใหม่ก็หยิบมือ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 21:34:40
หากผมเป็นมวยรองก็ปวดหัวครับ กับคำตอบใน WebBoard

สวยลงตัว งานประกอบดี ขับดี -> ไม่ซื้อเพราะ แพง (แต่ Jazz ตัว Top 7.54แสน ก็ไม่เห็นบ่นกันเท่าไหร่)
ราคาถูก แต่ก็อง แก๊ง -> ดูห่วย ไม่เอา (แต่ Mirage กับ Attrage ก็ขายดี)
สวย ลงตัว ไม่แพง -> ไม่เอาเพราะศูนย์น้อย (แต่ Swift ก็ขายได้)

เรามาคุยกันแต่ ข้อดี ข้อเสียของรถ ปัญหาการใช้งาน เทคนิคการขับขี่ หรือประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจาก Option ใหม่ๆในรถกันดีไหมครับ

คุยเรื่องราคา ก็ดราม่ากันไป ไม่ได้อะไรขึ้นมาครับ คนที่ Post ก็ไม่ได้ซื้อ

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 22:33:20
คนไทยชอบของใหม่ครับ ชอบความต่าง ฉะนั้นขายได้แน่นอน ขายได้เยอะ เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของโรงงาน

ไม่ต้องคิดเรื่อง ราคา option อะไรให้มากมายเลย
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Vitz ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 23:09:13
ตราบใดที่คนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่ายิ่ง cc มาก ยิ่งดี คงขายยากอ่ะครับ @_@
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 23:43:00
หากผมเป็นมวยรองก็ปวดหัวครับ กับคำตอบใน WebBoard

สวยลงตัว งานประกอบดี ขับดี -> ไม่ซื้อเพราะ แพง (แต่ Jazz ตัว Top 7.54แสน ก็ไม่เห็นบ่นกันเท่าไหร่)
ราคาถูก แต่ก็อง แก๊ง -> ดูห่วย ไม่เอา (แต่ Mirage กับ Attrage ก็ขายดี)
สวย ลงตัว ไม่แพง -> ไม่เอาเพราะศูนย์น้อย (แต่ Swift ก็ขายได้)

เรามาคุยกันแต่ ข้อดี ข้อเสียของรถ ปัญหาการใช้งาน เทคนิคการขับขี่ หรือประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจาก Option ใหม่ๆในรถกันดีไหมครับ

คุยเรื่องราคา ก็ดราม่ากันไป ไม่ได้อะไรขึ้นมาครับ คนที่ Post ก็ไม่ได้ซื้อ



รถยังไม่ออกขายเลยคุยเรื่องพวกนั้นไม่ออกเลยครับ
แต่ถ้าสำหรับตัวดีเซล เห็นตัวจริงแล้วอะไรแล้ว ผ่านหมดครับ ยกเว้นผมไม่เล่นรุ่นมีหน้าจอ กลัวเสียง่ายๆ แบบของ 3  ;D
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: lacked ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2015, 23:51:04
ถ้าสังเกตุจากยอดขายแต่ละเดือน ผมว่ามีไม่กี่รุ่นที่ยอดขายโดดออกจากระดับเดิม
แล้วสุดท้ายก็จะกลับเข้าที่ เรียงลำดับไม่แตกต่างจากเดิม เหมือนออกรุ่นใหม่มาเพื่อรักษาตำแหน่งเดิม

ซึ่ง งง มากเพราะหลายรุ่นหลายคันทำมาดี ราคาโอเค สุดท้ายยอดขายก็กลับเข้าที่เดิม

นอกเรื่องยอดขายกลับมาเรื่องรถ เห็นด้วยกับหลายท่านที่พูดถึงเรื่องรุ่นล่างควรโล้นเพื่อเรียกคน
เพราะสุดท้ายก็ออกรุ่นบนๆ ทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผมกลับจะเสียดายเอง เพราะชอบรุ่นล่างของมาสด้ามาก
เพราะภายใน ภายนอกไม่แย่จนน่าเกลียด option ที่ให้มาก็พอเหมาะกับคนที่ต้องการขับรถใช้งาน
แต่ก็ไม่อยากขาดบางอย่างที่ค่ายใหญ่ๆ ทิ้งไป

สรุปคือเขาจัด option มาดีมาก โดนใจ เทียบราคาแล้วเหมาะสมทุกรุ่น แต่ไม่เหมาะในการทำตลาด
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: TG333 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 00:25:56
หากผมเป็นมวยรองก็ปวดหัวครับ กับคำตอบใน WebBoard

สวยลงตัว งานประกอบดี ขับดี -> ไม่ซื้อเพราะ แพง (แต่ Jazz ตัว Top 7.54แสน ก็ไม่เห็นบ่นกันเท่าไหร่)
ราคาถูก แต่ก็อง แก๊ง -> ดูห่วย ไม่เอา (แต่ Mirage กับ Attrage ก็ขายดี)
สวย ลงตัว ไม่แพง -> ไม่เอาเพราะศูนย์น้อย (แต่ Swift ก็ขายได้)

เรามาคุยกันแต่ ข้อดี ข้อเสียของรถ ปัญหาการใช้งาน เทคนิคการขับขี่ หรือประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจาก Option ใหม่ๆในรถกันดีไหมครับ

คุยเรื่องราคา ก็ดราม่ากันไป ไม่ได้อะไรขึ้นมาครับ คนที่ Post ก็ไม่ได้ซื้อ



รถยังไม่ออกขายเลยคุยเรื่องพวกนั้นไม่ออกเลยครับ
แต่ถ้าสำหรับตัวดีเซล เห็นตัวจริงแล้วอะไรแล้ว ผ่านหมดครับ ยกเว้นผมไม่เล่นรุ่นมีหน้าจอ กลัวเสียง่ายๆ แบบของ 3  ;D



จอมันไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้นครับ ในคลับมีเสียไป แค่ 2-3 คัน แต่เป็นแค่ล็อตแรกที่เป็นปัญหาจากโรงงานครับ เครมแล้วก็หายกันหมด ยังไม่เจอเสียกันอีกเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: TheRoadToHell ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 06:32:21
รถผมนี่แหละครับ ออกมา 2 สัปดาห์จอเสีย แต่เครม 7 วันได้ หลังจากนั้นไม่เสียอีกเลย และไม่กลัวด้วย เพราะประกัน 3 ปี
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 08:22:33
ตราบใดที่คนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่ายิ่ง cc มาก ยิ่งดี คงขายยากอ่ะครับ @_@

จริงครับ บางคนยังคิดเลยว่า cc น้อย คือรถ eco car
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 08:48:57
ตอบแบบคนซื้อรถทั่วๆไป จะซื้อรถเพราะความมั่นใจมากกว่า ยอดขาย ศูยน์บริการ ทั้งการบริการและจำนวนศูนย์ รวมทั้งความเชื่อเก่าๆของคนไทยก็ที่จะได้สัมผัสจริงๆ รถมาสด้าหรือฟอร์ดันดับถือว่าห่างชั้นจากเจ้าตลาดมาก
ทีนี้ก็มาดูว่ามาสด้าหวังจะขายรถได้จำนวนเท่าไหร่ ถ้าไม่คาดหวังอะไรมากก็ตั้งราคาแพงๆไปเถอะ มันก็พอขายได้สำหรับคนใจรักอยู่บ้างแหละ  อันนี้มาสด้าต้องไปดูด้วยว่าโครงการอีโค่เค้ามีกำหนดยอดขายได้ด้วยรึเปล่า

เอาแค่นี้แหละ มาสด้าก็จะบอกว่าสิ่งที่ให้กับยอดขาย ราคาที่ตั้งแพงเกินไปมั๊ย   มีที่ยืนหรือไม่ เดี๋ยวตลาดตอบเอง
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 09:00:22
ตอบแบบคนซื้อรถทั่วๆไป จะซื้อรถเพราะความมั่นใจมากกว่า ยอดขาย ศูยน์บริการ ทั้งการบริการและจำนวนศูนย์ รวมทั้งความเชื่อเก่าๆของคนไทยก็ที่จะได้สัมผัสจริงๆ รถมาสด้าหรือฟอร์ดันดับถือว่าห่างชั้นจากเจ้าตลาดมาก
ทีนี้ก็มาดูว่ามาสด้าหวังจะขายรถได้จำนวนเท่าไหร่ ถ้าไม่คาดหวังอะไรมากก็ตั้งราคาแพงๆไปเถอะ มันก็พอขายได้สำหรับคนใจรักอยู่บ้างแหละ  อันนี้มาสด้าต้องไปดูด้วยว่าโครงการอีโค่เค้ามีกำหนดยอดขายได้ด้วยรึเปล่า

เอาแค่นี้แหละ มาสด้าก็จะบอกว่าสิ่งที่ให้กับยอดขาย ราคาที่ตั้งแพงเกินไปมั๊ย   มีที่ยืนหรือไม่ เดี๋ยวตลาดตอบเอง

จริงครับ จำนวนยอดขายคือสิ่งสำคัญเลย บางคนบอกราคาแพงสิดี รถชั้นจะได้ไม่โหล แต่ตัวโรงงานนี่สิจะแย่เอา
สุดท้ายกลับมาสู่เกมราคา ลดราคา คนซื้อเก่าก็ช้ำ หมองใจกับแบรนด์อีก
สู้ตั้งราคาให้มันเหมือนปกติชน อยากขายรุ่น 7 แสนก็ไม่ว่า แต่รุ่นล่างเรียกแขก ราคา 4 แสนปลาย-  5 แสนต้นคุณควรจะมี
เกือบจะกลายเป็นรถตลาดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าอินดี้มากๆ กลัวยอดขายจะไม่ทันข้อกำหนดครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 12:33:29
ผมว่า 1.0 Ecoboot ไม่ได้สิทธิ Eco car นะครับ
ถึงแม้คุณสมบัติ มันจะใช่ แต่มันไม่ได้ สิทธิ

ตอนนี้เรากำลังพูดถึง Eco car ในบ้านเรา
หมายถึงรถที่ได้รับสิทธิทางภาษีพิเศษนะครับ ซึ่ง Ecoboot ไม่ใช่ครับ
ดังนั้น Ecoboot จึงไปเทียบกับ Celerio ไม่ได้
เพราะเงือนไข คือการลงทุน รถใหม่ และต้อผลิตอย่างน้อย 100,000 คันครับ

สรุปก็คือ ecoboot ไม่ใช่ eco car ในบ้านเรา ครับ
แต่ ecoboot เป็น eco car ในสมรรถนของมัน

Eco car บ้านเรา ไม่ใช่แค่เชื่อเรียกชนิดรถครับ มันเป็น การลงทุน พิเศษ เป็นเงื่อนไขเฉพาะในบ้านเราเท่านั้นครับ
ดังนั้น เราต้องเข้าใจอะไรให้ถูกก่อนครับ ก่อนไปตัดสินอะไร


"ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ"

อย่าให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในโครงการของ BOI มันเป็นตัวบรรทัดฐานว่าต้องเป็นโครงการทำรถราคาถูกเครื่องไม่เกิน 1.3NA เท่านั้น
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: wooot ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 14:14:21
บอกตรงๆ นะครับ คนแอบอ่านอย่างผม งงมากๆ ใน 2 ประเด็นนี้

1. ecology car หรือที่พูดกันสั้นๆว่า "eco car" อะไรคือความดีงามของรถที่เข้าเกณฑ์นี้ครับ ที่จะจูงในให้ผมซื้อรถกลุ่มนี้ได้ ในฐานะผู้บริโภค
2. performance & safety ซึ่งมันอาจจะทำได้ ต่ำกว่า เท่าเทียม ดีกว่า รถในกลุ่ม 1500

สำหรับผม สองประเด็นนี้ มีส่วนในการตัดสินใจซื้อ

1. ถ้ามันดีงามกว่ารถกลุ่มอื่นที่เครื่องใหญ่กว่า (1500 cc) ที่ราคาเท่ากันหรืออาจะถูกกว่านิดหน่อย ผมยอมรับได้
ซึ่งต้องรวมกับข้อ 2
2. performance เทียบเท่าหรือดีกว่า ผมจะยอมซื้อในราคาที่แพงกว่ารถ 1500cc
                       ต่ำกว่าชัดเจน        ผมจะขยับไปเอารถ 1500cc

สุดท้ายผมก็วนมาที่เงินที่จะจ่ายอยูดี ในราคาที่เท่ากันผมอยากได้ในสิ่งที่ดีกว่าในที่สุดครับ ถ้า M2 เข้าเกณนี้ เป็นผม ผมซื้อ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 14:41:30
ผมว่า 1.0 Ecoboot ไม่ได้สิทธิ Eco car นะครับ
ถึงแม้คุณสมบัติ มันจะใช่ แต่มันไม่ได้ สิทธิ

ตอนนี้เรากำลังพูดถึง Eco car ในบ้านเรา
หมายถึงรถที่ได้รับสิทธิทางภาษีพิเศษนะครับ ซึ่ง Ecoboot ไม่ใช่ครับ
ดังนั้น Ecoboot จึงไปเทียบกับ Celerio ไม่ได้
เพราะเงือนไข คือการลงทุน รถใหม่ และต้อผลิตอย่างน้อย 100,000 คันครับ

สรุปก็คือ ecoboot ไม่ใช่ eco car ในบ้านเรา ครับ
แต่ ecoboot เป็น eco car ในสมรรถนของมัน

Eco car บ้านเรา ไม่ใช่แค่เชื่อเรียกชนิดรถครับ มันเป็น การลงทุน พิเศษ เป็นเงื่อนไขเฉพาะในบ้านเราเท่านั้นครับ
ดังนั้น เราต้องเข้าใจอะไรให้ถูกก่อนครับ ก่อนไปตัดสินอะไร



"ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ"

อย่าให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในโครงการของ BOI มันเป็นตัวบรรทัดฐานว่าต้องเป็นโครงการทำรถราคาถูกเครื่องไม่เกิน 1.3 NA เท่านั้น

ผมพูดว่า MAZDA 2 ถูดผลิตภายใต้เงือนไข ECO CAR จริงไหมครับ
ที่ผมพยายามบอกไงครับ
เราอย่าอยู่ กับ จินตนาการ หรือ ทึกทักเอาสิครับ
ความเป็น จริง คือ ตอนนี้ Eco car มันคือรถเข้าโครงการ รัฐบาลครับ ที่ เครื่องไม่เกิน 1,300 เพราข้อกำจัดด้านภาษี สรรพสามิต และเน้นการประหยัดพลังงาน Mazda 2 ก็มาเพื่อสิ่งนั้น
มันไม่ใช่ ชื่อที่ใคร อยากเรียกก็เรียก ว่ามันคือ Eco car
แต่ผมไม่รู้ นอกจาก เงือนไข ประหยัดพลังงานแล้ว เฟส 2 นี่ มันรวม ถึงเรื่อง ความปลอดภัย option เสริมอื่นๆหรือเปล่า

ตอบข้อนี้เลยนะครับ

"ถ้าเกิดอีกหน่อย BOI เพิ่มโครงการรถ 660cc, 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen แล้วเรียกว่า Ecology Car phase 3-4-5 เราจะเอามันไปเทียบกับ March, Brio, Swift อยู่อีกหรือเปล่าละ"


สมุมติ ถ้ามันมี ECO CAR 660cc นี่
ถ้ามันมาจริง และมันคือ ECO CAR ที่ต้องผลิต 100,000 คัน คิดว่าราคามันควรถูกหรือ แพงกว่าพวก  March, Brio, Swift  ครับ
ราคามันต้องมาตอบโจนย์ คนซื้อ 100,000 คนด้วยครับ

สมุมติ 2.0 Hybrid หรือ Hydrogen  นี่ ถ้ารัฐบาล บอกว่ามันเป็น ECO CAR มันก็คือ ECO CAR ครับ
ถ้าจะเอา  Hybrid หรือ Hydrogen ไปเทียบกับ March, Brio, Swif  สมควรเทียบไหมละครับ  
แค่ ECOboot  คนก็แยกเยาะออกว่ามันไม่ใช่ ECO CAR เลย เราไม่ได้หลับหูหลับตาเปรียบเทียบครับ

ผมไม่ได้เอา โครงการรถ จาก BOI มาเป็นตัววัดครับ
ผมไม่เคยบอกว่า ECO CAR เฟสต่อไปไปต้องเป็นเครื่องถูกครับ แต่อย่าลืม ว่า รัฐบาลลดภาษีเพื่อให้เราได้ใช้รถถูกลงครับ เพื่อคนมีรายได้น้อยได้ใช้รถ
แต่ ECO CAR ไม่ว่า จะเฟสไหน มันก็มีเงือนไขของมันครับ

วันนี้ MAZDA 2 คือ ECO CAR ที่ผลิตตามเงือนไข ของเฟสสอง ดังนั้นมันก็คือ ECO CAR นั่นละครับ
ECO CAR อย่างน้อยต้องผลิต 100,000 คัน
มันควรรองรับ รองรับ คนทุกระดับชนชั้น ทุกระดับการศึกษา ทุกกลุ่มการตลาด มันควรจะตั้งราคา mass ไหม

ขอร้องละครับ คุยอยู่กับปัจจุบัน ได้ไหมครับ อย่า เพิ่งพาออกทะเลครับ  หรือ ดราม่าเลยครับ อย่า สมมุติ หรือ คาดการณ์ในสิ่งที่ยังไม่เกิดเลยครับ

ยกตัวอย่าง ง่ายๆ ทุกวันนี้ คนที่ซื้อ Ford Eco boot ก็คงรู้ว่ามันไม่ใช่ ECO CAR
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 15:21:52
eco car เฟสแรก คือ รถยนต์เน้นราคาถูก เน้นประหยัด

eco car เฟสสอง คือ รถยนต์เน้นเทคโนโลยี ราคาจะถูกหรือแพง แล้วแต่ผู้ผลิตหรือป่าว?

อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือผิดครับ ใครรู็ว่าแตกต่างกันยังไงกันยังไงบ้างครับ

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 15:46:21
eco car เฟสแรก คือ รถยนต์เน้นราคาถูก เน้นประหยัด

eco car เฟสสอง คือ รถยนต์เน้นเทคโนโลยี ราคาจะถูกหรือแพง แล้วแต่ผู้ผลิตหรือป่าว?

อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือผิดครับ ใครรู็ว่าแตกต่างกันยังไงกันยังไงบ้างครับ



ออก ย่อ ๆ มาจาก  facebook  ของที่นี่ Facebook http://www.headlightmag.com/ (http://www.headlightmag.com/)

สรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับอีโคคาร์เฟส 2 ที่มีผลต่อลูกค้า
-รถจะประหยัด 23 กิโลเมตรต่อลิตร
-ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร
-การป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้า-ด้านข้างของตัวรถ มี
ระบบห้ามล้อแบบ ABS และระบบควบคุมรถแบบ ESC
ถ้าทำได้ตามนี้ได้สิทธิ์ภาษี 14%
ถ้าเติม E85 ได้ 12%

คือมันไม่ได้จำกัดขนาดเครื่อง
แต่จำกัดความประหยัด ทำให้มีผลต่ ขนาดเครื่อง

1.-รถจะประหยัด 23 กิโลเมตรต่อลิตร  =  ประหยัดมากขึ้น จากเฟส หนึ่ง
2.-ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร =  ปล่อยมลพิษลดลง จากเฟส หนึ่ง
3.-การป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้า-ด้านข้างของตัวรถ ตามมาตราฐาน ECE = รถทุกคัน OEM  ผู้ผลิตทำตามมาตราฐาน ECE ทุกคันอยู่แล้ว ข้อนี้ไม่มีผลใดๆ
4.มี ระบบห้ามล้อแบบ ABS และระบบควบคุมรถแบบ ESC  =  Eco car เฟส 1  yaris ก็มีแล้ว  ข้อนี้ไม่มีผลใด ๆ  ตัวนี้คือ

สรุป เน้นประหยัดมากขึ้น เท่านั้น
แต่รถต้องยังคงรักษามาตราฐานด้านความปลอดภัย ให้เท่าเทียม รถปกติ ห้ามลดลง
ส่วนเทคโนโลยี ที่คิดว่าต้องเพิ่มขึ้นนี่ คิดกันไปเอง

Link นโยบายตัวเต็มครับ

http://www.faq108.co.th/boi/announcement/pdf/2556_sor01.pdf (http://www.faq108.co.th/boi/announcement/pdf/2556_sor01.pdf)




 
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 16:04:27
 คิดแบบไม่รู้เรื่อง วิศวกรรมกลไกอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ถ้าจะทำให้ปล่อยมลพิษลดลง ต้องพึ่งเทคโนโลยี อะไรหรือป่าว
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 16:22:30
คิดแบบไม่รู้เรื่อง วิศวกรรมกลไกอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ถ้าจะทำให้ปล่อยมลพิษลดลง ต้องพึ่งเทคโนโลยี อะไรหรือป่าว


แน่นอนครับ แต่รัฐบาล ยกเว้น ภาษี ให้โรงงานด้วยนะ ไม่ใช่แค่ภาษี สรรพสามิต ที่เราได้ประโยชน์อย่างเดียว
แต่เค้าศึกษามาก่อนว่าทำได้จริง ก่อนยื่นเสนอการลงทุน ไม่ไดบังคับ เคี่ยวเข็นให้ยื่นโครงการครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 16:50:23
คิดแบบไม่รู้เรื่อง วิศวกรรมกลไกอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ถ้าจะทำให้ปล่อยมลพิษลดลง ต้องพึ่งเทคโนโลยี อะไรหรือป่าว


แน่นอนครับ แต่รัฐบาล ยกเว้น ภาษี ให้โรงงานด้วยนะ ไม่ใช่แค่ภาษี สรรพสามิต ที่เราได้ประโยชน์อย่างเดียว
แต่เค้าศึกษามาก่อนว่าทำได้จริง ก่อนยื่นเสนอการลงทุน ไม่ไดบังคับ เคี่ยวเข็นให้ยื่นโครงการครับ

ยกเว้นให้แต่อาจจะมีต้นทุนที่สูงก็เป็นได้ พูดกลางๆนะครับไม่ได้เข้าข้างใคร เพราะคันจริงเราก็ยังไม่ได้สัมผัส
และเรายังไม่เห็นราคาเฟสสองของเจ้าอื่นเลย รอดูคันจริงครับ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ละสำคัญด้วย อาจจะประหยัด หรือแรงเทียบเท่า 1.5 (เดานะครับ)
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 16:51:27
อยากรู้ครับ ที่คุยๆกันนี้ รู้ข้อกำหนด  ECO CAR กันกี่คนครับ .......

ใครไม่รู้ เอามาให้อ่านกันก่อนอะ ...... อ่านให้เข้าใจนะ เดียวผมจะขยายความต่อ .. อ้างอิงค์จากเว็ป Sanook.com

คำว่า Eco Car นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนมีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว นั่นกลับมิใช่ความหมายของคำว่า Eco Car เลย จริงๆ แล้ว Eco Car มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของ Euro4 (เฟส 2 ต้องผ่าน Euro5)ซึ่งกล่าวถึงเรื่องมลพิษ และ UNECE94-95 ที่กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global standard Eco car ที่กำหนดในเรื่องของอัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น      ดังนั้นจะเห็นว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างมากว่า  Eco Car คือรถราคาถูก แล้วจะไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน วิ่งทางไกลไม่ได้ โครงสร้างไม่แข็งแรง เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เนื่องจากรถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่ามีมาตรฐานการผลิตที่สูงมาก จนกระทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายยังไม่สามารถผลิตรถได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่ส่วนที่ราคารถถูกลงเนื่องจากได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมาก ทั้งในส่วนของอะไหล่ เครื่องจักร และวัสดุที่ต้องนำเข้า สรรพสามิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ เป็นต้น
            ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตราฐานสากล หรือรถอีโคอาร์ (ECO Car) มีทั้งหมด 4 ข้อ โดยรถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีสรรพามิตรของอีโคคาร นั้นคือ 17%
     4 คุณสมบัติ ของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Technology)
     - ความประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.
     - การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานมลพิษปลอดภัยระดับยูโร 4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กม. โดยรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป มีเพียง 5% ที่ผ่านมาตรฐานระดับยูโร 4 นี้(เฟส 2 ต้อง Euro5และ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลกรัม)
     - ความปลอดภัยในระดับสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง  
     - ความคล่องตัว เพื่อให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง จึงกำหนดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล(เฟส 2 ปรับให้เครื่องยนต์ดีเซล ไม่เกิน 1,500 CC)

ทีนี้ ไอ้ที่ส่วนใหญ่ เข้าใจกันคือ ECO CAR มันรถราคาถูก มันรถคันแรก มันรถเด็กหัดขับ ... ดังนั้น มันต้อง ถูกกกกกกกกกก (ลาก ก ล้านตัว) ใช่ไหมครับ ....... คุณเข้าใจผิดแล้ว  ...

ทำไม yaris March บริโอ ฯลฯ พูดง่ายๆ  ECO CAR เฟสแรก ถึงเครื่อง 1,200 CC ทั้งๆที่ กฏเค้ากำหนด ไม่เกิน 1,300 ไม่ใช่เพราะถ้า CC มากกว่า นี้ จะประหยัดไม่ถึง 20กิโล/ลิตร หรือเปล่า

และทำไม ECO CAR ต้องถูก เพราะในเฟส 1,2 ไม่ได้กำหนดว่า ต้องไม่เกินราคาเท่าไร .... เพียงแค่ ไอ้คนทำขายมาก่อน มันทำออกมาขายถูกเอง โดยที่ option และวัสดุ ก็ถูกตามราคารถ

ทีนี้ ถ้ามาสด้า ใช้วัสดุ อื่นๆ ตามราคารถบ้าง บอกแพง .... เฮ่ย มันใช่หรอ ......

.............................................................................

เคยถามตัวเองกันไหมครับ รถสักคัน ที่คุณจะตัดสินใจซื้ออะไร คือตัวตัดสินใจอันดับ 1

1.ราคา ต้องถูกที่สุด
2.ต้องเป็นรถที่ดีที่สุด
3.ต้องเป็นรถที่คุ้มค่าที่สุด
หรือ บลาๆ ....

ผมว่า การที่เรา มองว่า มาสด้าขายแพง คุณอาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของมาสด้าก็ได้ ....

คุณเชื่อไหม มีหลายคนคุยกับผมว่า มาสด้า 2 ดีเซล ขายราคา 790,000 มันถูก .... ไม่ใช่คนเดียวที่พูดกับผม แต่บอกเลยว่า หลายคนมากๆ

ส่วนคนที่บอกแพง ต้องถามกลับว่าเทียบกับอะไร ... รถยนต์ที่ หน้าดิสหลังดรัม เครื่อง 1,500 แคมเดียว เกียร์ CVT แถมหน้าจอ ทัชสกรีนที่กดไม่ค่อยจะแม่น ตัวท๊อป เป็นเบาะผ้า พวงมาลัยยางยูรีเทน แผงคอนโซลหุ้ม PVC ทำลายหนังเหมือนเย็บจริง หลอกตาคนใช้ งั้นป่าว

ที่พูดมา ไม่ใช่จะบัพ ยี่ห้ออื่น แต่จะบอกว่า ถูก แพง คุณวัดจากอะไรครับ ....รถบางคัน ถูก แต่เคยมองกันไหมว่าได้อะไรบ้าง ..... รถอีกคันแพง และเคยไปส่องไหมว่า เค้ามีอะไรให้บ้าง ....

สุดท้าย ถูกแพง อันนี้ อยู่ที่งบคนซื้อ การซื้อรถ แบบอ้างอิงค์ราคา ผู้ผลิต ก็จะผลิตรถคุณภาพ ตามงบตามราคาที่คุณจะซื้อ .....

แต่ถ้ามาสด้าคิดต่าง .....

เจาะกลุ่มคนที่มีความรู้ เรื่องรถระดับนึง เลือก  Performance มากกว่า ราคา และพยายามรักษากลุ่มลูกค้าเดิมที่ชอบรถ สไตร์มาสด้าไว้ โดยให้ความสำคัญ Performance ของรถมากกว่า ราคา ก็ได้ .....

ถูกแพง ..อยู่ที่ มีเงินจ่าย ยินดีจ่าย หรือเปล่า ..... แค่นั้น ...




หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 17:05:16
นโยบายเต็ม ๆ  ของ  ฺBOI  ผมเอามาแปะให้ดูแล้ว ครับ ข้าง บน
อันนั้นนโยบาย จากรัฐบาล จริงๆ ไม่ได้ มีการเสริม เติม หรือ มโน เอาไว้เลยครับ

ผมถึงบอกไง นโยบาย มันมาแค่ ประหยัด ปลอดภัย เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ได้ส่วนลดภาษีเยอะ ( ข้อนี้ทำให้รถราคาถูกลง แต่ต้องมอง ต้นทุนจริงด้วย )
ส่วน รถ คุณจะเติม ฟรีเมี่ยม ทำรถเกรดเอ รถ เทพเทคโนโลยีอะไร นั่นคนละเรื่อง กับ นโยบาย
ดีเซล ผมว่าไม่มีใครบอกแพง

ส่วนเบนซิน เปิดตัวล่างมา 550,000 นี่ ผมบอกแพงเพราะ ยังมีตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาต่ำกว่าให้เลือก
เพราะผมยังไม่ได้ มองว่า Mazda 2 เบนซิน นี่เทพกว่าค่ายอื่น

ดังนั้น บอกแพงก็ไม่ผิด
บอกถูกก็ไม่ผิด
ไม่มีใครฟันธงได้
คนซื้อเท่านั้น เป็นคนตัดสิน
ยังไงยอดผลิต 100000 คัน มันค้ำคออยู่
ยังไงมันก็มีคนซื้อแน่นอน
ยังไง Eco car เฟส 2 นี่คือการลงทุนเพื่อแข็งขัน ยังมีคู่แข่ง รออยู่อีกหลายเจ้า

สุดท้ายขอจบ ด้วยฐานลูกค้า Mazda 2 เดิม

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/moocnoe/Bseg_dec.jpg)
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 18:43:05
นโยบายเต็ม ๆ  ของ  ฺBOI  ผมเอามาแปะให้ดูแล้ว ครับ ข้าง บน
อันนั้นนโยบาย จากรัฐบาล จริงๆ ไม่ได้ มีการเสริม เติม หรือ มโน เอาไว้เลยครับ

ผมถึงบอกไง นโยบาย มันมาแค่ ประหยัด ปลอดภัย เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ได้ส่วนลดภาษีเยอะ ( ข้อนี้ทำให้รถราคาถูกลง แต่ต้องมอง ต้นทุนจริงด้วย )
ส่วน รถ คุณจะเติม ฟรีเมี่ยม ทำรถเกรดเอ รถ เทพเทคโนโลยีอะไร นั่นคนละเรื่อง กับ นโยบาย
ดีเซล ผมว่าไม่มีใครบอกแพง

ส่วนเบนซิน เปิดตัวล่างมา 550,000 นี่ ผมบอกแพงเพราะ ยังมีตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาต่ำกว่าให้เลือก
เพราะผมยังไม่ได้ มองว่า Mazda 2 เบนซิน นี่เทพกว่าค่ายอื่น

ดังนั้น บอกแพงก็ไม่ผิด
บอกถูกก็ไม่ผิด
ไม่มีใครฟันธงได้
คนซื้อเท่านั้น เป็นคนตัดสิน
ยังไงยอดผลิต 100000 คัน มันค้ำคออยู่
ยังไงมันก็มีคนซื้อแน่นอน
ยังไง Eco car เฟส 2 นี่คือการลงทุนเพื่อแข็งขัน ยังมีคู่แข่ง รออยู่อีกหลายเจ้า

สุดท้ายขอจบ ด้วยฐานลูกค้า Mazda 2 เดิม

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/moocnoe/Bseg_dec.jpg)

มันไม่ใช่ฐานลูกค้าเดิมหรอกครับ มันยอดขายปลายตลาดแล้วจะวัดยังไงครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 18:47:04
นโยบายเต็ม ๆ  ของ  ฺBOI  ผมเอามาแปะให้ดูแล้ว ครับ ข้าง บน
อันนั้นนโยบาย จากรัฐบาล จริงๆ ไม่ได้ มีการเสริม เติม หรือ มโน เอาไว้เลยครับ

ผมถึงบอกไง นโยบาย มันมาแค่ ประหยัด ปลอดภัย เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ได้ส่วนลดภาษีเยอะ ( ข้อนี้ทำให้รถราคาถูกลง แต่ต้องมอง ต้นทุนจริงด้วย )
ส่วน รถ คุณจะเติม ฟรีเมี่ยม ทำรถเกรดเอ รถ เทพเทคโนโลยีอะไร นั่นคนละเรื่อง กับ นโยบาย
ดีเซล ผมว่าไม่มีใครบอกแพง

ส่วนเบนซิน เปิดตัวล่างมา 550,000 นี่ ผมบอกแพงเพราะ ยังมีตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาต่ำกว่าให้เลือก
เพราะผมยังไม่ได้ มองว่า Mazda 2 เบนซิน นี่เทพกว่าค่ายอื่น

ดังนั้น บอกแพงก็ไม่ผิด
บอกถูกก็ไม่ผิด
ไม่มีใครฟันธงได้
คนซื้อเท่านั้น เป็นคนตัดสิน
ยังไงยอดผลิต 100000 คัน มันค้ำคออยู่
ยังไงมันก็มีคนซื้อแน่นอน
ยังไง Eco car เฟส 2 นี่คือการลงทุนเพื่อแข็งขัน ยังมีคู่แข่ง รออยู่อีกหลายเจ้า

สุดท้ายขอจบ ด้วยฐานลูกค้า Mazda 2 เดิม

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/moocnoe/Bseg_dec.jpg)

มันไม่ใช่ฐานลูกค้าเดิมหรอกครับ มันยอดขายปลายตลาดแล้วจะวัดยังไงครับ

ใช่ด้วยครับ อายุปลายตลาดแล้ว เทียบกับเจ้าอื่นที่เป็นgenใหม่ไม่ได้หรอกครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 18:56:36
 ;D

ครับ ปลายอายุครับ ออกมาไล่ๆ กลับเฟีสต้า และ โซนิค แถม เพิ่งมี ไมเนอร์เชน ครับ

เพิ่งเช็คข้อมูลมา น้องสองเก่า มีฐานเดิมเป็นแสนคัน
ดูจากรูปโฉมใหม่ ที่ ผมมองว่าสวย ยังไงมันก็ขายได้

ส่วน ถูก แพง นี่แล้วแต่คนมองครับ

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 21:06:53
นโยบายเต็ม ๆ  ของ  ฺBOI  ผมเอามาแปะให้ดูแล้ว ครับ ข้าง บน
อันนั้นนโยบาย จากรัฐบาล จริงๆ ไม่ได้ มีการเสริม เติม หรือ มโน เอาไว้เลยครับ

ผมถึงบอกไง นโยบาย มันมาแค่ ประหยัด ปลอดภัย เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ได้ส่วนลดภาษีเยอะ ( ข้อนี้ทำให้รถราคาถูกลง แต่ต้องมอง ต้นทุนจริงด้วย )
ส่วน รถ คุณจะเติม ฟรีเมี่ยม ทำรถเกรดเอ รถ เทพเทคโนโลยีอะไร นั่นคนละเรื่อง กับ นโยบาย
ดีเซล ผมว่าไม่มีใครบอกแพง

ส่วนเบนซิน เปิดตัวล่างมา 550,000 นี่ ผมบอกแพงเพราะ ยังมีตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาต่ำกว่าให้เลือก
เพราะผมยังไม่ได้ มองว่า Mazda 2 เบนซิน นี่เทพกว่าค่ายอื่น

ดังนั้น บอกแพงก็ไม่ผิด
บอกถูกก็ไม่ผิด
ไม่มีใครฟันธงได้
คนซื้อเท่านั้น เป็นคนตัดสิน
ยังไงยอดผลิต 100000 คัน มันค้ำคออยู่
ยังไงมันก็มีคนซื้อแน่นอน
ยังไง Eco car เฟส 2 นี่คือการลงทุนเพื่อแข็งขัน ยังมีคู่แข่ง รออยู่อีกหลายเจ้า

สุดท้ายขอจบ ด้วยฐานลูกค้า Mazda 2 เดิม

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/moocnoe/Bseg_dec.jpg)


ปลายอายุสุดๆ รุ่นใหม่นี่วางเต็ม motorshow แล้ว
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Manwalker ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 21:40:53
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง



 
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2015, 21:53:05
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง
 

ทำไมผมแยกไม่ออก ว่า mazda 2 ตัวเก่า ขับดีกว่า vios yaris ที่ความเร็ว 120 ปกติผมขับ B segment ผมก็ขับไม่เกินนี้ครับ
แล้วขับ 120 แช่ นี่ผมไม่คิดว่ารถเล็กมันจะประหยัดต่างกันเท่าไหร่นะครับ
ส่วน yaris  นี่  segment เดียวกับ mazda 2 มันก็ B-segment เหมือนกันละครับ แค่เครื่องคนละขนาด

ถ้าจะรู้สึกว่ามี b segment ที่ขับดีๆ สักคัน ผมยกให้ เฟีสต้าครับ รู้สึกได้ชัดเจน

แต่ มาสด้าสอง ตัวใหม่ผมเห็นแค่ option ควบคุมรถมาเต็มกว่าชาวบ้านยังไม่ได้ไปลองขับตัว ดีเซล

แปลกดีครับ ประเทศไทย รถเลือกคนได้ด้วย Toyota honda เค้าเลือก เจ้าของรถเองได้ครับ ถึ่งรู้


 
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 09:23:38
^
^
ใจเย็นๆครับ ทั้ง 2 ท่าน เดียวกระทู้โดนล๊อก ครับ ... อิอิ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 09:56:13
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง
 

ทำไมผมแยกไม่ออก ว่า mazda 2 ตัวเก่า ขับดีกว่า vios yaris ที่ความเร็ว 120 ปกติผมขับ B segment ผมก็ขับไม่เกินนี้ครับ
แล้วขับ 120 แช่ นี่ผมไม่คิดว่ารถเล็กมันจะประหยัดต่างกันเท่าไหร่นะครับ
ส่วน yaris  นี่  segment เดียวกับ mazda 2 มันก็ B-segment เหมือนกันละครับ แค่เครื่องคนละขนาด

ถ้าจะรู้สึกว่ามี b segment ที่ขับดีๆ สักคัน ผมยกให้ เฟีสต้าครับ รู้สึกได้ชัดเจน

แต่ มาสด้าสอง ตัวใหม่ผมเห็นแค่ option ควบคุมรถมาเต็มกว่าชาวบ้านยังไม่ได้ไปลองขับตัว ดีเซล

แปลกดีครับ ประเทศไทย รถเลือกคนได้ด้วย Toyota honda เค้าเลือก เจ้าของรถเองได้ครับ ถึ่งรู้


 

การทดลองขับเองจะดีที่สุดนะครับ มาสด้า2 ดีเซลจากรีวิวตอนนี้ก็ขึ้นแท่นเป็นเบอร์1 ของbเซกเมนท์แซงเฟียสต้าไปแล้วครับ แต่รถมันก็มีข้อด้อยในตัวมัน ต่อจากนั้นไปลองเองจะชอบหรือไม่ชอบอันนี้ก็แล้วแต่คนซื้อครับ           
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 10:14:42
^
^
ใจเย็นๆครับ ทั้ง 2 ท่าน เดียวกระทู้โดนล๊อก ครับ ... อิอิ

แฮะ ๆ โทดทีครับ
พอดี เจอคำพูดแนว ดูถูก บุคคลอื่น
 ก็เลย ขึ้นนิดหน่อย


หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: TG333 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 10:36:06
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง
 

ทำไมผมแยกไม่ออก ว่า mazda 2 ตัวเก่า ขับดีกว่า vios yaris ที่ความเร็ว 120 ปกติผมขับ B segment ผมก็ขับไม่เกินนี้ครับ
แล้วขับ 120 แช่ นี่ผมไม่คิดว่ารถเล็กมันจะประหยัดต่างกันเท่าไหร่นะครับ
ส่วน yaris  นี่  segment เดียวกับ mazda 2 มันก็ B-segment เหมือนกันละครับ แค่เครื่องคนละขนาด

ถ้าจะรู้สึกว่ามี b segment ที่ขับดีๆ สักคัน ผมยกให้ เฟีสต้าครับ รู้สึกได้ชัดเจน

แต่ มาสด้าสอง ตัวใหม่ผมเห็นแค่ option ควบคุมรถมาเต็มกว่าชาวบ้านยังไม่ได้ไปลองขับตัว ดีเซล

แปลกดีครับ ประเทศไทย รถเลือกคนได้ด้วย Toyota honda เค้าเลือก เจ้าของรถเองได้ครับ ถึ่งรู้


 


ถ้ายังไม่ลองขับ 2 ตัวใหม่ ผมแนะนำให้ไปลองก่อนเลยครับ เพราะ 2 ใหม่มันต่างจากเดิมมาก  ผมว่ามันดีกว่า 2 เดิมมากๆ ครับ มากจนเด่นสุดในเซ็กเม้นต์มันไปแล้วในด้านการขับขี่ เน้นน่ะครับ ในเรื่องการขับขี่ ทั้งพวงมาลัย การบังคับที่แม่นยำ และประหยัดกว่าเฟียสต้า อิโคบูทพอสมควร ที่สำคัญ ผมรู้สึกว่าเกียร์มันตอบสนองได้ดีกว่า แม้ว่าคันเร่งมันจะหน่วงๆ เล็กน้อย ส่วนเครื่องแรงกว่ามั้ยผมไม่รู้น่ะ แต่ขับใช้งานทั่วไป ผมว่าเหลือๆ ทั้งสองคัน

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 10:39:36
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง



 

อ้าว ทำไมละครับ

     ถ้า A ขับขี่ดี 90 นั่งสบาย 40
     B ขับขี่ดี 60 นั่งสบาย 60
          
           ซึ่งผมต้องการขับขี่ดี 55 นั่งสบาย 70 แล้วทำไมผมต้องเลือก A ด้วยละแม้ตัวเลขโดยรวมจะด้อยกว่าแต่ตรงความต้องการกว่า แต่กับอีกคนเค้าต้องการขับขี่ดี 80 นั่งสบาย 50 เค้าจะเลือก A ก็ไม่แปลก คุณต้องการสื่ออะไรครับผมตีความไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Mr Children Namonaki Uta ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 11:00:54
มาสด้าขับดีกว่า vios ครับ (yaris ไม่ต้องเทียบเพราะคนละsegment)
ขับช้า ขับเร็ว 110-120 บูรพาวิธี vios นี่feelling พวงมาลัยไม่ค่อยมั่นใจ ช่วงล่างกระตัวถัง
เจอลมแรงๆขับเครียดเหมือนกัน แต่ mazda 2 ยังโออยู่

ประหยัดกว่า น่าใช้กว่าครับ ขับแล้วอุ่นใจไม่เครียด
ณ ตอนนี้ผมว่าน่าขับสุดละใน b segment ถ้าเป็นคนทีมี passion การขับจะชอบครับ

แต่ถ้าคนไม่คิดอะไรมาก ไปtoyo hon คับ เพราะยังไงรถก็เลือกคุณครับ (ไม่ใช้ไคุณเลือกรถนะ)
เพราะคนที่เลือกtoyo hon โดยเฉพาะtoyo คุณเลือกรถยี่ห้ออื่นไม่ได้หรอกคับชีวิตนี้ เพราะคุณคือ mass
เค้าผลิดรถอะไรมาให้ ก็ต้องซื้อครับ ผลิตตัวที่น่าใช้หน่อยก็ดีไป และเมื่อคุณเลือกไม่ได้ คุณก็จะไม่รู้ว่ารถรุ่นอื่นในsegment ที่คุณกำลังเล่นอยู่ ดีกว่ารถคุณแค่ไหน แต่คุณจะได้ อะไรที่มันกลางๆ พอใช้ ไม่ได้ดีไปใดด้านใดด้านหนึ่ง



 

อ้าว ทำไมละครับ

     ถ้า A ขับขี่ดี 90 นั่งสบาย 40
     B ขับขี่ดี 60 นั่งสบาย 60
          
           ซึ่งผมต้องการขับขี่ดี 55 นั่งสบาย 70 แล้วทำไมผมต้องเลือก A ด้วยละแม้ตัวเลขโดยรวมจะด้อยกว่าแต่ตรงความต้องการกว่า แต่กับอีกคนเค้าต้องการขับขี่ดี 80 นั่งสบาย 50 เค้าจะเลือก A ก็ไม่แปลก คุณต้องการสื่ออะไรครับผมตีความไม่เข้าใจ

เห็นด้วยครับ

ทางมาสด้าก็ต้องทำใจไว้แล้วแหล่ะ ว่ารถของพวกเค้าคงไม่ใช่คันหลักของบ้าน
รถคันหลักของบ้านควรจะเน้นอัตถประโยชน์ กว้าง นั่งสบาย การบริการดีในภาพรวมครับ
ถ้าจะยึดเป็นคันแรกและคันเดียวของบ้าน ตัวรถแบบที่เป็นอยู่นี้ยังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวงครับ
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 11:48:46

ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ทุกท่าน
มาสด้า มาทีไร ร้อนทุกที

 ;D ;D

สรุปว่า รถทุกคัน มี ดีครับ
ดีหมดเลย แล้วแต่คันไหน โดน
แต่เราไม่ควร ไปตำหนิ คน ที่ คิดเห็นไม่ตรงกัน
เอาเหตุผลแบบ จริงๆ มาคุยกัน ครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบ สร้าง สรรค

ว่าแต่ยังเคือง คำเรียกคน เป็น MASS
กับ รถเลือกคน ยังไม่หาย

 :P :P :P :P
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2015, 13:50:03
ผมว่าทำรถให้ขับสนุก ขับดี ควบคุมรถได้ดั่งใจ มันยากกว่าทำรถให้กว้าง ยาว และใหญ่น่ะครับ

ซึ่งหากต้องการทั้งสองอย่าง เราอาจจะต้องควักเงินมากกว่า 1.5 - 2.0 หรือมากกว่านั้นอะครับ

ใครต้องการแบบไหน ทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้วล่ะครับ

แค่อยากให้เข้าใจว่าทำไมเขาต้องตั้งราคาแบบนั้น เงินเรา เราเลือก ไม่ใช่ให้สังคมเลือก หรือคนรอบข้างเลือกครับ

เลือกเอง อาจจะมีเซ็งเองบ้าง แต่เราก็ได้เลือกเองครับ  ;D ;D ;D

หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: Yeahyeahs ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2015, 05:00:19
ทำไมคนเชียร์มวยรองชอบใช้คำดูถูกคนชอบรถตลาดจัง

บางคนก็บอก เลือกรถตลาดคือไม่กล้าเลือกคันอื่น รถเลือกคนต่างหาก
บางคนก็บอก ถ้ามาสด้าเจาะกลุ่มผู้มีความรู้ เอ่อคือรถตลาดนี่เจาะกลุ่มคนไร้การศึกษาหรอครับ?

สังเกตดู คนชอบรถตลาดเวลาวิจารณ์แบรนด์อื่นมักจะมุ่งเป้าไปที่ตัวรถ รถไม่ดีงู้นงี้
แต่พวกชอบแบรนด์รองชอบโจมตีไปที่ตัวบุคคล บอกว่าไม่กล้าบ้าง ไม่มีความรู้บ้าง บางคนถึงกับใช้คำว่าโง่
หัวข้อ: Re: ขอมาสะด้าอีกซักมู้
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2015, 07:59:31
ทำไมคนเชียร์มวยรองชอบใช้คำดูถูกคนชอบรถตลาดจัง

บางคนก็บอก เลือกรถตลาดคือไม่กล้าเลือกคันอื่น รถเลือกคนต่างหาก
บางคนก็บอก ถ้ามาสด้าเจาะกลุ่มผู้มีความรู้ เอ่อคือรถตลาดนี่เจาะกลุ่มคนไร้การศึกษาหรอครับ?

สังเกตดู คนชอบรถตลาดเวลาวิจารณ์แบรนด์อื่นมักจะมุ่งเป้าไปที่ตัวรถ รถไม่ดีงู้นงี้
แต่พวกชอบแบรนด์รองชอบโจมตีไปที่ตัวบุคคล บอกว่าไม่กล้าบ้าง ไม่มีความรู้บ้าง บางคนถึงกับใช้คำว่าโง่

ใช่ครับผมก็สังเกตุ มาหลายครั้งแล้ว
แต่ส่วนใหญ่ที่มาแรงๆ จะไม่ใช่  user ปกติ จะเป็น พวก User ที่สมัครมานาน แล้วโพสไม่กี่โพส
เหมือนเป็น อวตาร เอาไว้เขวาะโดยเฉพาะ แล้วก็หายไป
อยากให้เอาข้อมูล ว่าไม่ดีตรงไหน อย่างไร มากน้อยแค่ไหน มาคุยกันมากกว่า
รถตลาด ผมไม่ชอบอย่างเดียวตรงกั๊ก option ก็ระบุไปตรงๆ เลยว่า Heater และระบบควบคุม ซึ่งตอนนี้เริ่มมาแล้ว