Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 09:18:41

หัวข้อ: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 09:18:41
 จากเงื่อนไขที่ออกมาให้เห็นกัน ทาง Mazda เห็นลู่ทางและเลือกส่งผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม หรือว่าทำให้เงื่อนไขเปิดกว้างให้รองรับผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองมีอยู่ ก็ไม่ทราบได้

 แต่ก็ยอมรับเลยว่า ผู้บริหารและฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Eco car ทั้งหมด มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ตีความเงื่อนไขได้ดีเยี่ยม
  จากเงื่อนไขโครงการ
   - มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด 1.3L เบนซิน และ 1.5L ดีเซล ส่งมาเลยทั้ง 2 รุ่น
   - มีการออกแบบเทคโนโลยีใหม่ SkyActiv รองรับมาตรฐานมลพิษและความสิ้นเปลืองได้ดีขึ้น สามารถผ่านคุณสมบัติ Eco car ได้พอดี
   - ไม่มีกำหนดเงื่อนไขจำนวนรุ่น สามารถทำรถออกมาได้มากกว่า 1 รุ่น และไม่กำหนดรูปแบบตัวถัง ก็เลยมีทั้ง Sedan , Hatchback และ Crossover ( ถ้าคุณสมบัติตัวรถผ่านและ Mazda ยื่นเข้าโครงการนะ )
   - สามารถเอายอดขายของหลายตัวถังมารวมกันได้ เพื่อให้ผ่านเงื่อนไข 1 แสนคันในปีที่ 4 อย่างน้อยคิดว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าตลาด ที่ขายรุ่นเดียวก็เกินแสนคันได้ง่ายๆ ดังนั้น การมีหลายรุ่นก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

  ทำให้ Mazda มีรูปแบบตัวถังและเครื่องยนต์ได้มากที่สุดในโครงการ Eco car
    1. Mazda 2 sedan ดีเซล
    2. Mazda 2 hatchback ดีเซล
    3. Mazda 2 sedan เบนซิน
    4. Mazda 2 hatchback เบนซิน
    5. CX-3 ดีเซล ถ้ายื่นเข้าโครงการ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 09:24:19
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ มีนาคม 22, 2015, 09:50:47
Mazda มีสินค้าในมือให้ขาย ไม่กี่รุ่นต้องใช้ให้คุ้มครับ ไม่เหมือนเจ้าอื่นมีของในมือดีๆหลายรุ่น แต่ไม่ค่อยเอามาขายให้คนไทย  ;D ;D ;D

ค่าไอเสียต่างๆต้องผ่านมาตาฐานสูงๆ ด้วย ทั้งในญี่ปุ่นเองหรือในยุโรป ไทยเราพึ่งมาปรับภาษีใหม่ ตามค่าไอเสีย ทำให้ได้ใช้ของดีๆกับเค้าด้วย

โครงการ Eco car 1 - 2 เป็นการปรับตัวที่ดีของรัฐบาล ที่ออกข้อกำหนดแบบนี้ออกมา ด้วยข้อกำหนดเครื่องยนต์ เป็นเชื้อเชิญค่ายรถต่างๆ หันมาลงตลาดกลุ่มนี้

หลังจาก Mazda กับ ford แยกตัวกันออกมา เริ่มเห็นมีความเปลี่ยนแปลงของ Mazda มากขึ้นครับ ทั้ง เทคโนโลยีต่างๆผลิตภัณฑ์ที่ออกมามากขึ้น วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร


หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 09:55:19
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:27:36
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D

ขอโทษนะครับ
Eco car บ้านเรา ส่วนใหญ่ก็ B-segment ตลาดต่างประเทศนะครับ
แค่เอามาตีตั๋วเด็กบ้านเรา แต่ยืนระดับ ราคา ลดลง ถือภาษี eco car
ทำให้ประชาชน มีทางเลือกมากขึ้นทั้งในเรื่อง ราคา และ สมรรถนรถ

มีแต่ มาสด้านี่ละครับ ที่มาช้าเอง แถมมาเนียนด้วย
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:31:56
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: secrecyguy ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:45:31
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: deathsheep ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:50:53
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:52:48
เห็นด้วยตามนั้นครับ

อยากให้ค่ายอื่นทำตามด้วย

กับการเอารถ B-seg มาตีตั๋วเด็ก

จริงๆ ถ้าทุกค่ายตีตั๋วเด็ก

รถ 1.5 เบนซินก็จะหายไป

ใครก็ตามที่ไม่เข้า ก็คือ ตกรถไฟขบวนสุดท้าย ;D

ขอโทษนะครับ
Eco car บ้านเรา ส่วนใหญ่ก็ B-segment ตลาดต่างประเทศนะครับ
แค่เอามาตีตั๋วเด็กบ้านเรา แต่ยืนระดับ ราคา ลดลง ถือภาษี eco car
ทำให้ประชาชน มีทางเลือกมากขึ้นทั้งในเรื่อง ราคา และ สมรรถนรถ

มีแต่ มาสด้านี่ละครับ ที่มาช้าเอง แถมมาเนียนด้วย


ผมอยากให้ B-seg 1.5 หมดไปครับ จะได้ใช้สิทธิภาษี Eco ให้หมดครับ

รถจะได้ประหยัด + ปลอดภัยมากขึ้น
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 10:57:01

คุณ  G...G
อยากได้ ประมาณ  City ที่ ความปลอดภัยมาเต็ม แต่ราคา Eco car
ผมก็อยากได้ครับ ถ้าราคา มันลงมาจริง

แต่ถ้า ถือ สิทธิ Eco car แต่ราคา B นี่ผมก็ไม่เอาครับ

หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 11:00:45

คุณ  G...G
อยากได้ ประมาณ  City ที่ ความปลอดภัยมาเต็ม แต่ราคา Eco car
ผมก็อยากได้ครับ ถ้าราคา มันลงมาจริง

แต่ถ้า ถือ สิทธิ Eco car แต่ราคา B นี่ผมก็ไม่เอาครับ


ตามนั้นครับ แต่ราคาต้องไม่แพงเท่า city 1.5 :)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: shando ที่ มีนาคม 22, 2015, 11:01:21
คนอยากได้เครื่อง1.5มากกว่า1.2ก้ยังมีอยุ่ และเยอะด้วย ไม่งั้นวีออสซิตี้คงขายไม่ออก
อย่าลืมว่าเครื่อง1.2อาจเพียงพอสำหรับคุณ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 11:02:42
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 11:30:01
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 11:32:14
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ

แบบนี้ก็เท่ากับว่า ภาษี Eco car 12% แทบไม่มีความหมายเลยนะครับ
(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2511999)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ มีนาคม 22, 2015, 12:13:27
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: deathsheep ที่ มีนาคม 22, 2015, 12:52:18
1.3skyactiv  นี่เติมe85ไม่ได้ใช่มั้ยครับ  ตามที่บอกว่าดูเหมือนฉีดตรงจะไม่ค่อยถูกกับ e85

3รุ่น 5ตัวถัง   แล้ว1 แสนคันนี่รวมตัวเลขส่งออกด้วยใช่ไหมครับ




 Mazda 2 1.3L ไม่รองรับ E85 ครับ
  และผมก็เชื่อว่า ไม่มี Eco car ได้ส่วนลด E85 เลยซักรุ่นเดียว เพราะติดที่อัตราสิ้นเปลืองไม่ผ่านครับ

 Eco car รวมยอดส่งออกด้วยครับ แต่ต้องใช้เครื่องขนาดเดียวกันกับที่ขายในประเทศที่เข้าเงื่อนไข
  กรณี Mazda 2 ถ้าขายในประเทศ 1.3L เบนซิน แล้วส่งออกเครื่อง 1.5L เบนซิน แบบนี้ยอดส่งออกจะไม่นำมารวมในเงื่อนไข Eco car 1 แสนคันครับ

การทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองนี่ใช้ e85 เป็นตัวทดสอบเหรอครับ

ผมนึกว่าจะใช้ได้หรือไม่ได้ก็ตามจะใช้น้ำมันชนิดเดียวกันทดสอบซะอีก


ผมเคยอ่านเจอน่าจะประชาชาติธุรกิจว่าเฟส2  จะเน้นการเติมe85  เพื่อเน้นประหยัดค่าเชื้อเพลิง  ก็เลยคิดว่าราคาเฟส2  คงพุ่งแตะb segmentแน่เลย
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ มีนาคม 22, 2015, 13:12:40
ส่วนตัวคิดว่า ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มสุดๆ คงต้องยกให้ โตโยต้าครับ เห็นมีขายแค่ ยาริส รุ่นเดียว แต่ยอดขายนั้นเกินคาด ฟันกำไร ไปได้เท่าไรไม่รู้แล้ว

ทั้งๆที่ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ฉีดตรง เครื่องดีเซล เกียร์ 5-6 จังหวะ อะไรมากมาย ออปชั่น ก็ระดับพื้นๆ การขับขี่ก็ไม่ได้เด่นนัก แต่ยอดขายเดือนๆหนึ่ง หลายพันคัน

Mazda เองก็คงรู้ละ มาเอาของใหม่ๆมาลงขาย ราคามันย่อมแพงกว่ายีห้ออื่นเค้า ถึงได้หาช่องลง โครงการ Eco car จะได้เปรียบตรงราคาที่ คาดว่าจะถูกลงบ้าง

รอดูราคา Mazda 1.3 ดีกว่าครับ ว่าจะเปิดตัวที่เท่าไร แล้วจะจบที่เท่าไร  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 13:30:29
@ คุณ Deathsheep และ คุณ G...G
ผมไปหาคำตอบมาแล้วครับ ผมต้องขออภัย ผมเขียนผิดพลาดเองครับ

 อัตราสิ้นเปลืองในการทดสอบจะใช้น้ำมัน เบนซิน 91 ครับ ไม่เกี่ยวกับ E85 แต่อย่างใด
 แต่ถ้าผู้ผลิตปรับปรุงให้สามารถรองรับ E85 ได้ ก็จะได้าับส่วนลดภาษีสรรพสามิต 2% ครับ

 ส่วนประเด็นว่า ทำไมผู้ผลิตเลือกจะไม่ปรับปรุงรองรับ E85 เพื่อส่วนลดภาษี คงเป็นเหตุผลเรื่องอื่นๆครับ

 
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: deathsheep ที่ มีนาคม 22, 2015, 14:18:48
@ คุณ Deathsheep และ คุณ G...G
ผมไปหาคำตอบมาแล้วครับ ผมต้องขออภัย ผมเขียนผิดพลาดเองครับ

 อัตราสิ้นเปลืองในการทดสอบจะใช้น้ำมัน เบนซิน 91 ครับ ไม่เกี่ยวกับ E85 แต่อย่างใด
 แต่ถ้าผู้ผลิตปรับปรุงให้สามารถรองรับ E85 ได้ ก็จะได้าับส่วนลดภาษีสรรพสามิต 2% ครับ

 ส่วนประเด็นว่า ทำไมผู้ผลิตเลือกจะไม่ปรับปรุงรองรับ E85 เพื่อส่วนลดภาษี คงเป็นเหตุผลเรื่องอื่นๆครับ

 

ขอบคุณครับผม ที่ต่างประเทศนี่ใช้น้ำมัน e85กันหรือเปล่าครับ 
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 14:35:03
 ส่วนเรื่องที่ว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่ 1 ม.ค. 2559 จะส่งผลต่อรถกลุ่ม Eco car ที่ขายอยู่แล้วหรือไม่

 ผมจะสรุปดังนี้นะครับ
   1. ผู้ผลิตที่ยื่นรถรุ่นใดในเฟสแรกไปแล้ว ก็ขายต่อไปได้ครับ ไม่มีผลต่อภาษีใหม่ใดๆทั้งสิ้น
     ยกตัวอย่าง รถรุ่น A Co2 = 120 g/km ตามเงื่อนไขเฟสแรก ขึ้นปีหน้าภาษีใหม่ต้องยังเสียภาษีสรรพสามิตที่ 17% เท่าเดิม
   2. ผู้ผลิตรายใดยื่นเฟสสองอยู่แล้ว ก็เสียภาษีที่ 14% เท่าเดิม
   3. ถามว่าเมื่อไหร่รถเฟสแรกจะหยุดขาย ก็ต่อเมื่อยอดขายเกินเงื่อนไขไปแล้ว และต้นทุนทางด้านภาษีที่สูงกว่าเฟสสอง ผู้ผลิตก็จะหยุดการจำหน่ายไปเองตามความเหมาะสม
   4. ผู้ผลิตสามารถขายรถในเฟสแรกกับแฟสสองพร้อมกันได้ ไม่มีข้อห้ามใดๆ ยังไงเฟสแรกก็จะหยุดจำหน่ายในไม่นานอยู่แล้ว
   5. ผู้ผลิตสามารถนำรถที่อยู่ในเฟสแรก มาปรับปรุงให้เข้าข้อกำหนด เช่น ลดอัตรา Co2 , ทำอัตราสิ้นเปลืองให้ดีขึ้น มายื่นเข้าเฟสสอง เพื่อเอาภาษีต่ำลง 3% ( จาก 17% เป็น 14% ) ไม่ได้ครับ เพราะรถรุ่นนั้นๆต้องไม่เคยจำหน่ายในประเทศมาก่อน ต้องเป็นรหัสตัวถังใหม่เท่านั้น

  สรุปอีกครั้งว่า ภาษีสรรพสามิตใหม่ 2559 มีผลกับทุก Segment ยกเว้นรถในโครงการ Eco car ครับ


@ คุณ Deadsheep
  FFV มีใช้ในบางประเทศครับ โดยเฉพาะแถบอเมริกาใต้ ที่มีผลผลิตเอทานอลมากๆ เช่น บราซิล
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: sk-non ที่ มีนาคม 22, 2015, 15:04:37
บราซิลใช้
E100
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: อันตัวข้าฯนี้มีนามว่า"หมู" ที่ มีนาคม 22, 2015, 15:31:26
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 22, 2015, 16:51:53
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ

 หมดอายุแล้ว จะยื่นเฟสหนึ่งเพื่ออะไรครับ ในเมื่อภาษีสรรพสามิตเฟสสองถูกกว่า

 แต่ถ้าหมายถึงไม่ได้ลงทุนเพิ่มแต่ออกรุ่นใหม่มาอีก โดยขอยื่นเงื่อนไขเฟสแรก ข้อนี้ยังมีเวลาอยู่ครับ เพราะเงื่อนไขยังสามารถเปิดตัวขายได้ในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามผู้ผลิตรายนั้นต้องแจ้งขอรุ่นนั้นๆไว้แล้วตั้งแต่ยื่นเฟสแรกนะครับ

 ถ้าไม่ได้แจ้งไว้ก็หมดสิทธิครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: equinox ที่ มีนาคม 22, 2015, 17:15:50
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

มีตรงไหนที่บอกว่าถูกครับ ผมอ่านดูมีแต่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตราฐานทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสม คำว่าเหมาะสม ก็คือราคาเหมาะสมกับมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ต.ย. เช่น เก๋งดีเซลที่มีความประหยัดอย่าง 320D นี่ ราคาเท่าไหร่ครับ 2-3 M ซึ่งราคาดังกล่าวมีประชาชนกี่คนที่สามารถเข้าถึงไอความประหยัดแบบดีเซล 20KM/L บ้างครับ ?
 
ลองอ่านใจความดูครับ รัฐต้องการให้ ประชาชนเข้าถึง รถยนต์ที่ มีความประหยัดพลังงาน มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยต้องการให้รถยนต์ดังกล่าวมีราคาที่เหมาะสม เพื่อต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 22, 2015, 17:56:28
โดยส่วนตัวผมอยากให้มันมีรถหลายๆ กลุ่มครับ เช่น

1. Eco car ราคาถูกจริงๆ แบบ Celerio March Mirage Brio

2. B-seg ตีตั๋วเด็ก แต่ option เต็มๆ เช่น Mazda 2

3. รถใหญ่ๆ ตีตั๋วเด็ก เช่น Yaris Almera

4. รถหรู และรถพิเศษอื่นๆ (ยาก)

 :)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: gumpzgear ที่ มีนาคม 22, 2015, 18:10:48
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

มีตรงไหนที่บอกว่าถูกครับ ผมอ่านดูมีแต่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตราฐานทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสม คำว่าเหมาะสม ก็คือราคาเหมาะสมกับมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ต.ย. เช่น เก๋งดีเซลที่มีความประหยัดอย่าง 320D นี่ ราคาเท่าไหร่ครับ 2-3 M ซึ่งราคาดังกล่าวมีประชาชนกี่คนที่สามารถเข้าถึงไอความประหยัดแบบดีเซล 20KM/L บ้างครับ ?
 
ลองอ่านใจความดูครับ รัฐต้องการให้ ประชาชนเข้าถึง รถยนต์ที่ มีความประหยัดพลังงาน มีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยต้องการให้รถยนต์ดังกล่าวมีราคาที่เหมาะสม เพื่อต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ

ใช่ครับ ตามนั้นเลย รัฐต้องการให้ประชาชนเข้าถึงรถที่มีมาตรฐานความปลอดภัย และประหยัดพลังงานสูง จึงช่วย Subsidize ต้นทุนให้ ซึ่งแต่ก่อนรถ B-Segment หรือ C-Segment ที่จะมีออพชั่นความปลอดภัยสูงเท่านี้ต้องแลกกับราคารถที่มากกว่า 7 แสน

แต่โครงการนี้ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่าถูกนะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: equinox ที่ มีนาคม 22, 2015, 18:55:44
  คำว่า Eco Car นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนมีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว นั่นกลับมิใช่ความหมายของคำว่า Eco Car เลย จริงๆ แล้ว Eco Car มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของ Euro4 ซึ่งกล่าวถึงเรื่องมลพิษ และ UNECE94-95 ที่กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global standard Eco car ที่กำหนดในเรื่องของอัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น      ดังนั้นจะเห็นว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างมากว่า  Eco Car คือรถราคาถูก แล้วจะไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน วิ่งทางไกลไม่ได้ โครงสร้างไม่แข็งแรง เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เนื่องจากรถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่ามีมาตรฐานการผลิตที่สูงมาก จนกระทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายยังไม่สามารถผลิตรถได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่ส่วนที่ราคารถถูกลงเนื่องจากได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมาก ทั้งในส่วนของอะไหล่ เครื่องจักร และวัสดุที่ต้องนำเข้า สรรพสามิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ เป็นต้น
            ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตราฐานสากล หรือรถอีโคอาร์ (ECO Car) มีทั้งหมด 4 ข้อ โดยรถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีสรรพามิตรของอีโคคาร นั้นคือ 17%
     4 คุณสมบัติ ของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Technology)
     - ความประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.
     - การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานมลพิษปลอดภัยระดับยูโร 4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กม. โดยรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป มีเพียง 5% ที่ผ่านมาตรฐานระดับยูโร 4 นี้
     - ความปลอดภัยในระดับสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง
     - ความคล่องตัว เพื่อให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง จึงกำหนดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล


http://guru.sanook.com/8482/ (http://guru.sanook.com/8482/)

เน้น...ย้ำ

Eco Car ย่อมาจาก Ecology Car ไม่ใช่ Economy Car

ดูได้จากข้อกำหนดต่างๆที่ค่อนข้าง Concern เรื่อง Environment Impact และ

Fuel Consumption ครับ ส่วนที่ตัวรถราคาถูกลงเป็นเพราะว่ารัฐ Subsidize ให้ครับ

โดยมีจุดประสงค์เพื่อโลก เป็นหลัก ครับ เพราะว่าถ้ารัฐไม่ Subsidize ให้ รถเหล่านี้อาจจะมี

ราคาไม่ต่างจาก B-Seg ซึ่งด้วยธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความต้องการความคุ้มค่า

สูงสุด ถ้า Ecology Car เครื่อง 1.0-1.2 ราคาเท่า B Seg เชื่อได้ว่าตายหยังเขียด ขายไม่ออก

ครับ เพราะก็จะเอาแต่เครื่อง 1.5 กัน ส่วน Co2 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าไหร่อะไรยังไง จะสนใจ

ไปทำไม แต่ถ้าเอาปัจจัยทางด้านราคาที่ถูกกว่าเพราะรัฐ Subsidize มาเป็นตัวผลักดัน คนก็

จะหันมามอง Ecology Car กันมากขึ้นครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเฟสที่ 2 ก็เหมือนๆกันครับ เพียง

แต่จะมีข้อกำหนดต่างๆที่เข้มมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการประหยัดพลังงานและทางด้านความ

ปลอดภัย ซึ่งเอาจริงๆแล้วก็ไม่มีตรงส่วนไหนที่เป็นข้อกำหนดว่า Eco Car ราคาต้องถูกครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:06:26
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:18:23
เน้น ย้ำ ผมรู้มาตั้งนาน ว่ามัน  ย่อมาจาก Ecology Car

แต่ที่ผมบอกว่าต้องถูก คือ
คือผม เน้นคำว่า ประชาชนเข้าถึง ผมตีความว่ามันต้องเป็นประชาชน ทุกภาคส่วน
ไม่ใช่แค่ คนที่ มีอันจะกิน หรือ ชนชั้นกลาง ไม่งั้นทำไม เค้าไม่เอา D-segment มาละครับ
ดังนั้น จะถูกหรือแพง เอา คนๆ เดียวตัดสินไม่ได้
ต้องฟังเสียง ประชาชน ส่วนใหญ่ครับ

ระบบ ABS ESP มันคือ มาตราฐานของ B-segment ยุคใหม่อยู่แล้วครับ

หาก B-Car ถือ ภาษี Eco car แล้วถูกลง อันนั้นผมยินดีครับ ผมถือว่าเหหมาะสม
ถามหน่อยทำไม city ทำได้ครับ
มีระบบ ความปลอดภัย พร้อมในระดับที่ Eco car ต้องการแต่ขาย AT 589,000 ไม่แปะ

มาสด้า 2 ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ ถือว่าถูกด้วยครับ เพราะไม่มี รถที่ spec เดียวกันให้เปรียบเทียบ หรือถ้าจะมีก้อย่างที่บอกกันมา คือ รถราคา 2-3 ล้าน

ถามหน่อยทำไม Mazda 2 ตัวต่างประเทศ มีเทคโนโลยีเดียวกัน แต่ขาย ราคาเท่าๆ City
เน้น ย้ำ
Mazda 2 ต่อให้มัน ไม่ใช่ Eco car ขายเครื่อง 1.5 ราคามันก็แค่ คู่แข่ง city เท่านั้นครับ
ไม่ได้เป็นรถวิเศษอะไร
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: อันตัวข้าฯนี้มีนามว่า"หมู" ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:19:56
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ

 หมดอายุแล้ว จะยื่นเฟสหนึ่งเพื่ออะไรครับ ในเมื่อภาษีสรรพสามิตเฟสสองถูกกว่า

 แต่ถ้าหมายถึงไม่ได้ลงทุนเพิ่มแต่ออกรุ่นใหม่มาอีก โดยขอยื่นเงื่อนไขเฟสแรก ข้อนี้ยังมีเวลาอยู่ครับ เพราะเงื่อนไขยังสามารถเปิดตัวขายได้ในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามผู้ผลิตรายนั้นต้องแจ้งขอรุ่นนั้นๆไว้แล้วตั้งแต่ยื่นเฟสแรกนะครับ

 ถ้าไม่ได้แจ้งไว้ก็หมดสิทธิครับ
งั้นแสดงว่าถ้าอนาคตจะต้องมีเฟส 3 4... ไปเรื่อยๆใช่ไหมครับ เพราะถ้าไม่มีต่อรถรุ่นเก่าที่เคยเสียภาษีในเรท eco car ถ้าออกรุ่นใหม่ก็จะต้องเสียภาษีในเรทปกติ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:26:55
 คำว่า Eco Car นั้น หลายคนเข้าใจผิดไปคิดถึง Economy Car ซึ่งหมายถึงรถราคาถูก เพื่อคนมีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่อันที่จริงแล้ว นั่นกลับมิใช่ความหมายของคำว่า Eco Car เลย จริงๆ แล้ว Eco Car มาจากศัพท์คำว่า Ecology Car ซึ่งหมายถึง รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ใช้ข้อกำหนดตามมาตรฐานของยุโรป ทั้งในส่วนของ Euro4 ซึ่งกล่าวถึงเรื่องมลพิษ และ UNECE94-95 ที่กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Global standard Eco car ที่กำหนดในเรื่องของอัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันต่อลิตร และยังมีข้อกำหนดที่ในบางประเทศกำหนดเพิ่มเติม เช่น อัตราภาษี เป็นต้น      ดังนั้นจะเห็นว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างมากว่า  Eco Car คือรถราคาถูก แล้วจะไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน วิ่งทางไกลไม่ได้ โครงสร้างไม่แข็งแรง เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เนื่องจากรถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่ามีมาตรฐานการผลิตที่สูงมาก จนกระทั้งค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆค่ายยังไม่สามารถผลิตรถได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่ส่วนที่ราคารถถูกลงเนื่องจากได้รับการยกเว้นภาษีอย่างมาก ทั้งในส่วนของอะไหล่ เครื่องจักร และวัสดุที่ต้องนำเข้า สรรพสามิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ เป็นต้น
            ข้อกำหนดคุณสมบัติของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตราฐานสากล หรือรถอีโคอาร์ (ECO Car) มีทั้งหมด 4 ข้อ โดยรถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์ทางภาษี โดยภาษีสรรพามิตรของอีโคคาร นั้นคือ 17%
     4 คุณสมบัติ ของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Technology)
     - ความประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.
     - การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานมลพิษปลอดภัยระดับยูโร 4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัม/ระยะทาง 1 กม. โดยรถยนต์ในกลุ่มประเทศยุโรป มีเพียง 5% ที่ผ่านมาตรฐานระดับยูโร 4 นี้
     - ความปลอดภัยในระดับสูง ได้มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง
     - ความคล่องตัว เพื่อให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง จึงกำหนดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และไม่เกิน 1,400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล


http://guru.sanook.com/8482/ (http://guru.sanook.com/8482/)

เน้น...ย้ำ

Eco Car ย่อมาจาก Ecology Car ไม่ใช่ Economy Car

ดูได้จากข้อกำหนดต่างๆที่ค่อนข้าง Concern เรื่อง Environment Impact และ

Fuel Consumption ครับ ส่วนที่ตัวรถราคาถูกลงเป็นเพราะว่ารัฐ Subsidize ให้ครับ

โดยมีจุดประสงค์เพื่อโลก เป็นหลัก ครับ เพราะว่าถ้ารัฐไม่ Subsidize ให้ รถเหล่านี้อาจจะมี

ราคาไม่ต่างจาก B-Seg ซึ่งด้วยธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความต้องการความคุ้มค่า

สูงสุด ถ้า Ecology Car เครื่อง 1.0-1.2 ราคาเท่า B Seg เชื่อได้ว่าตายหยังเขียด ขายไม่ออก

ครับ เพราะก็จะเอาแต่เครื่อง 1.5 กัน ส่วน Co2 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าไหร่อะไรยังไง จะสนใจ

ไปทำไม แต่ถ้าเอาปัจจัยทางด้านราคาที่ถูกกว่าเพราะรัฐ Subsidize มาเป็นตัวผลักดัน คนก็

จะหันมามอง Ecology Car กันมากขึ้นครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเฟสที่ 2 ก็เหมือนๆกันครับ เพียง

แต่จะมีข้อกำหนดต่างๆที่เข้มมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการประหยัดพลังงานและทางด้านความ

ปลอดภัย ซึ่งเอาจริงๆแล้วก็ไม่มีตรงส่วนไหนที่เป็นข้อกำหนดว่า Eco Car ราคาต้องถูกครับ

ผมขอแย้งนะครับ
โดยธรรมชาติ เครืองยนต์เล็ก จะปล่อย Co2 ต่ำกว่าเครื่องใหญ่อยู่แล้ว
ผมไม่เถียงว่าเป้าหมาย ของ eco car คือรถประหยัดพลังงานครับ
ใช่ครับ ไม่มีข้อกำหนด  Eco Car ราคาต้องถูกครับ
แต่อย่าลืม หากต้องการให้ประชาชน หันมาใช้ eco car
ราคามันต้องเหมาะสม เหมาะสม ก็แล้วแต่ตีความครับ สำหรับผมเหมาะสมก็คือถุก แต่ถูกในที่นี้คือจากการเปรียบเทียบ
พูดง่ายๆ ราคา มันต้อง ถูกๆๆ กว่า B-car นั่นเองครับ
ไม่งั้นใครจะซื้อครับ เค้าก็ไป B-car กันหมดสิ ถ้าราคามันไม่ต่างกัน

ผมยกตัวอย่าง city ที่ ต่อให้ รัฐบาลไม่มีนโยบายอะไรมา
เค้าก็ยัง บรรจุ ถุงลมคู่หน้า และ ESP ABS มาเป็นมาตราฐานอยู่แล้ว โดยไม่เพิ่มราคา
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:32:25
แล้วถ้ารถที่เข้าร่วมเฟส 1 หมดอายุตลาดแล้ว โมเดลต่อไปสามารถใช้อัตราภาษีแบบเฟส 1 ต่อไปได้ หรือว่าหมดแล้วหมดเลยครับ

 หมดอายุแล้ว จะยื่นเฟสหนึ่งเพื่ออะไรครับ ในเมื่อภาษีสรรพสามิตเฟสสองถูกกว่า

 แต่ถ้าหมายถึงไม่ได้ลงทุนเพิ่มแต่ออกรุ่นใหม่มาอีก โดยขอยื่นเงื่อนไขเฟสแรก ข้อนี้ยังมีเวลาอยู่ครับ เพราะเงื่อนไขยังสามารถเปิดตัวขายได้ในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามผู้ผลิตรายนั้นต้องแจ้งขอรุ่นนั้นๆไว้แล้วตั้งแต่ยื่นเฟสแรกนะครับ

 ถ้าไม่ได้แจ้งไว้ก็หมดสิทธิครับ
งั้นแสดงว่าถ้าอนาคตจะต้องมีเฟส 3 4... ไปเรื่อยๆใช่ไหมครับ เพราะถ้าไม่มีต่อรถรุ่นเก่าที่เคยเสียภาษีในเรท eco car ถ้าออกรุ่นใหม่ก็จะต้องเสียภาษีในเรทปกติ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ

นับเป็นโมเดลครับ
เข้าใจถูกแล้ว ถ้าออก โมเดล ใหม่ในรุ่นเดิมก้ต้อง ยื่นใหม่
มันคงมีเฟส สาม สี่ ห้าไปเรื่อยๆครับ
จนกว่า B- car จะตายจากกลายร่างมาเป็นEco car mั้งหมดละมั้ง
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: baeyongcai ที่ มีนาคม 22, 2015, 19:49:44
ถ้า ECO ตั้งใจทำให้เป็น รถยนต์ราคาถูกแห่งชาติ รัถบาลคงกำหนดเพดานราคาไว้ว่าไม่ให้ราคาสูงเท่านั้น เท่านี้
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 20:02:23
ถ้า ECO ตั้งใจทำให้เป็น รถยนต์ราคาถูกแห่งชาติ รัถบาลคงกำหนดเพดานราคาไว้ว่าไม่ให้ราคาสูงเท่านั้น เท่านี้


ไม่ถูกแล้วใครจะซื้อครับ
เค้าคงไม่ บรรจุ คำว่า ถูก ลงไปใน นโยบายระดับชาติหรอกครับ
ใช้ คำว่าเหมาะสม นี่ดูดีที่สุดแล้วครับ ไม่งั้นจะลดภาษี มากกว่าชาวบ้านเค้าทำไม
อยากให้ ประชาชน หนมาสนใจรถ ประหยัดพลังงาน ต้องเอาอะไรมาล่อครับ ถ้าไม่ใช่ ราคา
รถยนตื ราคา ประมาณไหน ที่ ประชาชน ได้ประโยชน์ ถ้วนหน้าครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: equinox ที่ มีนาคม 22, 2015, 20:13:27
เน้น ย้ำ ผมรู้มาตั้งนาน ว่ามัน  ย่อมาจาก Ecology Car

แต่ที่ผมบอกว่าต้องถูก คือ
คือผม เน้นคำว่า ประชาชนเข้าถึง ผมตีความว่ามันต้องเป็นประชาชน ทุกภาคส่วน
ไม่ใช่แค่ คนที่ มีอันจะกิน หรือ ชนชั้นกลาง ไม่งั้นทำไม เค้าไม่เอา D-segment มาละครับ
ดังนั้น จะถูกหรือแพง เอา คนๆ เดียวตัดสินไม่ได้
ต้องฟังเสียง ประชาชน ส่วนใหญ่ครับ

ระบบ ABS ESP มันคือ มาตราฐานของ B-segment ยุคใหม่อยู่แล้วครับ

หาก B-Car ถือ ภาษี Eco car แล้วถูกลง อันนั้นผมยินดีครับ ผมถือว่าเหหมาะสม
ถามหน่อยทำไม city ทำได้ครับ
มีระบบ ความปลอดภัย พร้อมในระดับที่ Eco car ต้องการแต่ขาย AT 589,000 ไม่แปะ

มาสด้า 2 ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ ถือว่าถูกด้วยครับ เพราะไม่มี รถที่ spec เดียวกันให้เปรียบเทียบ หรือถ้าจะมีก้อย่างที่บอกกันมา คือ รถราคา 2-3 ล้าน

ถามหน่อยทำไม Mazda 2 ตัวต่างประเทศ มีเทคโนโลยีเดียวกัน แต่ขาย ราคาเท่าๆ City
เน้น ย้ำ
Mazda 2 ต่อให้มัน ไม่ใช่ Eco car ขายเครื่อง 1.5 ราคามันก็แค่ คู่แข่ง city เท่านั้นครับ
ไม่ได้เป็นรถวิเศษอะไร


ถ้ามองกันในพื้นฐานของความเป็นจริงนะครับ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ที่ประชาชนทุกภาคส่วน  จะสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยมได้ แต่สิ่งที่รัฐสามารถทำได้ก็คือทำให้ราคาเหมาะสมพอที่คนกลุ่มหนึ่งที่เคยอยากใช้รถดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านราคาที่ค่อนข้างแพง(มาก) ให้มามีระดับราคาที่เหมาะสมแค่นั้นเองครับ สรุปก็คือ เป้าหมายคือผลิตรถยนต์ที่มีสมรรถภาพดีเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนบางกลุ่มสามารถที่เคยไม่มีกำลังซื้อ สามารถซื้อได้ ไม่ใช่ผลิตรถยนต์ราคาถูกเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ครับ ผมว่า 2 ข้อนี้ คนละประเด็นกันครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 22, 2015, 20:21:45
เน้น ย้ำ ผมรู้มาตั้งนาน ว่ามัน  ย่อมาจาก Ecology Car

แต่ที่ผมบอกว่าต้องถูก คือ
คือผม เน้นคำว่า ประชาชนเข้าถึง ผมตีความว่ามันต้องเป็นประชาชน ทุกภาคส่วน
ไม่ใช่แค่ คนที่ มีอันจะกิน หรือ ชนชั้นกลาง ไม่งั้นทำไม เค้าไม่เอา D-segment มาละครับ
ดังนั้น จะถูกหรือแพง เอา คนๆ เดียวตัดสินไม่ได้
ต้องฟังเสียง ประชาชน ส่วนใหญ่ครับ

ระบบ ABS ESP มันคือ มาตราฐานของ B-segment ยุคใหม่อยู่แล้วครับ

หาก B-Car ถือ ภาษี Eco car แล้วถูกลง อันนั้นผมยินดีครับ ผมถือว่าเหหมาะสม
ถามหน่อยทำไม city ทำได้ครับ
มีระบบ ความปลอดภัย พร้อมในระดับที่ Eco car ต้องการแต่ขาย AT 589,000 ไม่แปะ

มาสด้า 2 ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ ถือว่าถูกด้วยครับ เพราะไม่มี รถที่ spec เดียวกันให้เปรียบเทียบ หรือถ้าจะมีก้อย่างที่บอกกันมา คือ รถราคา 2-3 ล้าน

ถามหน่อยทำไม Mazda 2 ตัวต่างประเทศ มีเทคโนโลยีเดียวกัน แต่ขาย ราคาเท่าๆ City
เน้น ย้ำ
Mazda 2 ต่อให้มัน ไม่ใช่ Eco car ขายเครื่อง 1.5 ราคามันก็แค่ คู่แข่ง city เท่านั้นครับ
ไม่ได้เป็นรถวิเศษอะไร


ถ้ามองกันในพื้นฐานของความเป็นจริงนะครับ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ที่ประชาชนทุกภาคส่วน  จะสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพทางด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยมได้ แต่สิ่งที่รัฐสามารถทำได้ก็คือทำให้ราคาเหมาะสมพอที่คนกลุ่มหนึ่งที่เคยอยากใช้รถดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านราคาที่ค่อนข้างแพง(มาก) ให้มามีระดับราคาที่เหมาะสมแค่นั้นเองครับ สรุปก็คือ เป้าหมายคือผลิตรถยนต์ที่มีสมรรถภาพดีเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนบางกลุ่มสามารถที่เคยไม่มีกำลังซื้อ สามารถซื้อได้ ไม่ใช่ผลิตรถยนต์ราคาถูกเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ครับ ผมว่า 2 ข้อนี้ คนละประเด็นกันครับ

ครับผม ผมก็ไม่ได้หมายถึงว่า ประชาชน ทั้งหมด ต้องได้ประโยชน์ และเข้าถึงครับ
ผมคงไม่อาจ ให้ทุกคนในประเทศ มาซื้อรถยนต์ได้ครับ

แต่ประโยคที่คุณ equinox บอกว่า
"เพื่อให้คนบางกลุ่มสามารถที่เคยไม่มีกำลังซื้อ สามารถซื้อได้ "
คนที่ไม่เคยมีกำลังซื้อคือ ?
ที่ผมพยายาม ส่งเสียง หรือ สื่อถึง นั่นละครับ
ผมพยายาม พูด เพื่อ คน ที่ไม่เคยมีกำลังซื้ออยู่ครับ

นั่นละครับ ความหมาย ของ ผม

ราคา eco car มันต้อง ห้คนบางกลุ่มสามารถที่เคยไม่มีกำลังซื้อ สามารถซื้อได้
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 22, 2015, 21:05:42
สำหรับราคาmaza2 เบนซิน ผมว่ารอดูแล้วให้ผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสินเองดีกว่าครับ ถ้าราคานี้ไม่เหมาะสม คนก็ไม่ซื้อ เดี๋ยวผู้ผลิตเค้าก็ลดราคาลงมาเองแหละครับ

เคยเห็นมั้ยบริษัทคู่แข่งสองรายตั้งราคาไว้เท่าๆกัน แต่พอซื้อจริงดันได้ราคาไม่เท่ากัน ต่างกันที่ส่วนลดเลยครับ เสียเวลารอหน่อยเสียเงินหล่อก่อนขับก่อน

กับขับทีหลังแต่ได้ถูก+ออพชั่นเต็มกว่าเยอะ ขายต่อก็ได้ราคากว่าอีก ::)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ มีนาคม 22, 2015, 22:32:48
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ

ว่าแต่พยายามว่ามาสด้ามากไปป่าว ครับมันก็ B-segment เหมือนกัน option ไม่ได้น้อยกว่า city ล่ะ
แล้วมีเครื่องฉีดตรง มีเกียร์ 6สปีด
ดูราคาที่ว่าๆกันมาก็ขายถูกกว่า city แล้วจะไปว่าอะไรเค้านักหนา
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 23, 2015, 05:16:50
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ

ว่าแต่พยายามว่ามาสด้ามากไปป่าว ครับมันก็ B-segment เหมือนกัน option ไม่ได้น้อยกว่า city ล่ะ
แล้วมีเครื่องฉีดตรง มีเกียร์ 6สปีด
ดูราคาที่ว่าๆกันมาก็ขายถูกกว่า city แล้วจะไปว่าอะไรเค้านักหนา
ว่าตรงไหนครับ
แค่บอกว่ารถธรรมดา
6AT ผมก็มองเฉยๆๆ
ฉีดตรงผมก็เฉย ค่ายอื่นเค้าก็มี
แค่ไม่ได้อวย..

ถ้าราคา เบนซินที่แปะภาษี eco จะถูกกว่า คือมันก็ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้ก็รอราคาอย่างเดียว


ถ้าราคาเปิดมาเท่า B segmet ผมก็ยินดีด้วยที่ ทุกคนจะได้ใช้รถเทคโนโลยีสูงส่ง ในราคาที่เหมาะสมครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: baeyongcai ที่ มีนาคม 23, 2015, 08:37:45
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ

ว่าแต่พยายามว่ามาสด้ามากไปป่าว ครับมันก็ B-segment เหมือนกัน option ไม่ได้น้อยกว่า city ล่ะ
แล้วมีเครื่องฉีดตรง มีเกียร์ 6สปีด
ดูราคาที่ว่าๆกันมาก็ขายถูกกว่า city แล้วจะไปว่าอะไรเค้านักหนา
ว่าตรงไหนครับ
แค่บอกว่ารถธรรมดา
6AT ผมก็มองเฉยๆๆ
ฉีดตรงผมก็เฉย ค่ายอื่นเค้าก็มี
แค่ไม่ได้อวย..

ถ้าราคา เบนซินที่แปะภาษี eco จะถูกกว่า คือมันก็ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้ก็รอราคาอย่างเดียว


ถ้าราคาเปิดมาเท่า B segmet ผมก็ยินดีด้วยที่ ทุกคนจะได้ใช้รถเทคโนโลยีสูงส่ง ในราคาที่เหมาะสมครับ


ใช่ Di ค่ายอื่นก็มี แต่มันไม่ได้มาอยู่ใน อีโคหนิครับ ไม่นับ Fiesta 1.0 เพราะถ้าจะคิดกันถึงอัตราภาษี eco 

มองเฉยๆ ก็แค่ต้นทุน 6AT กับ Di มันไม่ได้ เท่ากันกับ เครื่องเบนซินธรรมดา เกียร์ CVT หรือ 5AT  ก็เลยขายแพงกว่านิดนึง ก้ สมเหตผลดี
ดูอย่าง 1.0 Eco boost ก็แพงกว่าตัวธรรมดามากโขอยู่ ไม่เห็นมีใครท้วงติง 555
Economy ไม่เท่า Ecology ครับ

ผมว่าคุณลองเปิดใจ ให้มาสด้าดูหน่อยมั้ย ข้ามประเด็นตรงนี้ไป รถมันไม่ได้ ห่วยขนาดที่คุณ อคตินะ ลองใช้ซักคัน คุณอาจจะรักมันก็ได้
ช่วงนี้ บอร์ดเราเริ่มไม่น่าอยู่ เพราะ กระทู้ดราม่า มาสด้านี่แหละ
มีอะไรที่พาดพิง มาสด้า ก็มีคนพร้อมเอาสีข้างถู เถียงให้ชนะ ตลอด เรามาก้าวข้ามผ่าน เรื่อง ราคาของมัน เถอะครับ

 

หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: secrecyguy ที่ มีนาคม 23, 2015, 08:47:11
จริงๆ ผมอยากเห็น พวกรถหรู ใช้สิทธิกับเขาด้วย

เช่น Mini ที่ทำรถร่วมกับ Toyota เอา Mini minor มาประกอบในโรงงาน toyota (เครือหรือ รง.เล็กๆ ที่ประกอบ sport rider สมับก่อน)

Benz ที่ทำรถร่วมกับ Nissan

 :)

ยังไม่ใช่เป้าหมาย ของโครงการณ์
เป้าหมายของโครงการณ์ คือ สนับสุนการลงทุน ประชาชนได้ใช้รถที่ประหยัด ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม

ยังยืนยันคำเดิม ว่า Eco car ต้องถูกครับ เพื่อผลประโยนช์ของประชาชน ในวงกว้าง

ตอนนี้ ก็ยังมีคนคิดว่า Eco car ไม่จำเป็นต้องถูก แค่เน้นมาประหยัด
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะ ผมเคยเอาเป้าหมาย ของ Eco car มาให้ดูแล้ว
คือต้องเป้นรถเล้ก ในราคาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับประชาชน ทุกชนชั้นด้วย
ผมพูด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้ คิดจะก่อดราม่าครับ

Eco car คือรถราคาถูกจริงหรอครับ

ราคาเหมาะสมครับ ไม่สูงเกินไป
ลองอ่าน ข่าวจาก BOIมีการอ้างไว้ดังนี้ครับ

สำหรับสาเหตุที่บีโอไอส่งเสริมให้มีการลงทุนอีโคคาร์ 2 มีเป้าหมาย 3 ด้าน เป้าหมายแรกคือ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดการลงทุนคลัสเตอร์ยานยนต์ขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์อย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 คือ ด้านผู้บริโภค โดยเราต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่มีมาตรฐานสูงทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และมีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ ด้านสังคม กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อีโคคาร์ 2 มีส่วนช่วยรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และช่วยลดผลกระทบจากการใช้รถยนต์ ทั้งการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ 

เน้น ๆ

มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป

อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/content/366413 (http://www.thairath.co.th/content/366413)

เค้าก็ทำถูกแล้วนิครับ. "มีราคาเหมาะสมไม่สูงเกินไป" ไม่ได้บอกว่าต้องถูก
ถ้าไม่มีโครงการนี้ เทคโนโลยีมาขนาดนี้คงมาในราคาที่คนจับต้องไม่ค่อยได้

เครื่อง ดีเซล ไม่ถือว่าแพงครับ
แต่เบนซินยังไม่สรุปขอดูราคา

ว่าแต่อวยมาสด้าไปป่าว ครับมันก็ B-segment ธรรมดาคันนึงนีละ ไม่ได้วิเศษมาจากไหน
จับต้องไม่ได้ ทำไม เบนซิน สเปคนี้มีขายทั่วโลกครับ ในราคา เท่าๆ คู่แข่ง segment เดียวกันกับ city ที่เครื่อง 1.5
แค่ ฉีดตรง กับ ESP แค่นี้ จะจับต้องไม่ได้กันเลยเหรอครับ
ผมมองว่า ไม่ได้มีอะไรดีกว่า city เลยด้วยซ้ำ

ว่าแต่พยายามว่ามาสด้ามากไปป่าว ครับมันก็ B-segment เหมือนกัน option ไม่ได้น้อยกว่า city ล่ะ
แล้วมีเครื่องฉีดตรง มีเกียร์ 6สปีด
ดูราคาที่ว่าๆกันมาก็ขายถูกกว่า city แล้วจะไปว่าอะไรเค้านักหนา
ว่าตรงไหนครับ
แค่บอกว่ารถธรรมดา
6AT ผมก็มองเฉยๆๆ
ฉีดตรงผมก็เฉย ค่ายอื่นเค้าก็มี
แค่ไม่ได้อวย..

ถ้าราคา เบนซินที่แปะภาษี eco จะถูกกว่า คือมันก็ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้ก็รอราคาอย่างเดียว


ถ้าราคาเปิดมาเท่า B segmet ผมก็ยินดีด้วยที่ ทุกคนจะได้ใช้รถเทคโนโลยีสูงส่ง ในราคาที่เหมาะสมครับ


ใช่ Di ค่ายอื่นก็มี แต่มันไม่ได้มาอยู่ใน อีโคหนิครับ ไม่นับ Fiesta 1.0 เพราะถ้าจะคิดกันถึงอัตราภาษี eco 

มองเฉยๆ ก็แค่ต้นทุน 6AT กับ Di มันไม่ได้ เท่ากันกับ เครื่องเบนซินธรรมดา เกียร์ CVT หรือ 5AT  ก็เลยขายแพงกว่านิดนึง ก้ สมเหตผลดี
ดูอย่าง 1.0 Eco boost ก็แพงกว่าตัวธรรมดามากโขอยู่ ไม่เห็นมีใครท้วงติง 555
Economy ไม่เท่า Ecology ครับ

ผมว่าคุณลองเปิดใจ ให้มาสด้าดูหน่อยมั้ย ข้ามประเด็นตรงนี้ไป รถมันไม่ได้ ห่วยขนาดที่คุณ อคตินะ ลองใช้ซักคัน คุณอาจจะรักมันก็ได้
ช่วงนี้ บอร์ดเราเริ่มไม่น่าอยู่ เพราะ กระทู้ดราม่า มาสด้านี่แหละ
มีอะไรที่พาดพิง มาสด้า ก็มีคนพร้อมเอาสีข้างถู เถียงให้ชนะ ตลอด เรามาก้าวข้ามผ่าน เรื่อง ราคาของมัน เถอะครับ

 


อ่านไปอ่านมา  อวยcity จัง ใจคงไปhondaมาก
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ มีนาคม 23, 2015, 09:32:43
BOI Ecocar ไม่จำเป้ฯต้องราคาถูกครับ

เพราะคำว่าราคาถูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถูกสำหรับผมคือแสนต้นๆ ทำมาซักคันสิ จะเอามาจอดแทน Wave

เขาถึงใช้คำว่าราคาเหมาะสม คือไม่ระบุเพดาน จะเท่าไหร่ก็ได้ 5 แสน 1 ล้าน 2 ล้านก็ได้ แต่ต้องเหมาะสมกับพิกัดรถคันนั้นและหาที่มาที่ไปของราคาได้
รถเทคโนโลยีเทพ สมมติว่าเป็น Downsizing 600CC เทอโบคู่ จะให้มาขาย 3 แสน 4 แสน ในช่วง 4-5 ปีนี้ ก็พอดี คงอยากจะมีคนทำขาย
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 23, 2015, 09:50:35
รถเล็กไม่จำเป็นต้องราคาประหยัด      ไม่เช่นนั้น Golf Mini  ราคาก็ถูกกันหมดแล้วครับ  
 แต่บ้านเราตอนที่ทำ Ecocar  ออกมาทีแรกมันเป็นเรื่องของรถราคาไม่แพงเกินไป  ปล่อยมลพิษน้อย และประหยัดน้ำมัน ให้คนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงได้ด้วย สามารถส่งออกได้  ตอนหลังมาก็ไม่ได้เป็นเรื่องของราคาประหยัดอีกแต่เน้นเรื่องอื่นด้วย

  ไม่วายว่า  ผมจำได้มีคนจาก March นี่แหละบอกว่ารถ Ecocar ไม่ใช่รถ Economy  แต่เป็นอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้  
คือมันเข้าใจผิดมากเลย   ในต่างประเทศอาจใช่  เพราะรถ March  ผลิตจากโรงงานนิสสันบางนาไปญี่ปุ่น  มีรุ่น 4wd  ม่านถุงลมรอบคัน เครื่องยนต์บางประเทศเทอร์โบ อื่นอีกเพียบ      
แต่ March หรือรถ Ecocar ของเราในยี่ห้ออื่นมันไม่ใช่แบบนั้น  เครื่องยนต์ 3 สูบ STD  อ๊อพชั่นมีที่ควรมีมากไปลูกค้าบ้านเราก็ไม่ซื้อ  
  การที่จะทำราคาให้ถูกลงได้คือใช้อะไหล่จากจีนหรือจากอาเซียนที่มีราคาถูกกว่าที่ผลิตในบ้านเรา   อ๊อพชั่นใส่แค่แหกตาหรือแค่พอใจ  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงตาม Design ในแต่ละประเทศ   ลดคุณภาพหรือ Process บางตัวลง  เช่นกระบวนการเชื่อม ชุบ เป็นต้น
มันจึงทำราคาออกมาได้ท่านี้  พร้อมกำไร        มันไม่ใช่รถอะไรแบบที่คนใน March คลับว่าเลย  

หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 23, 2015, 10:24:15
ณ ตอนนี้มีมาสด้าเมื่อไหร่มีดราม่าทุกครั้ง  :P รถไม่ตลาดห้ามทำตัวเด่นนะจ๊ะเด็กๆ  :P
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: seamonkey ที่ มีนาคม 23, 2015, 10:43:20
รอดูลายละเอียดจากป้าย Eco ครับ เห็นว่าจะบอกลายละเอียดด้ายราคาว่าราคาหน้าโรงงาน ภาษี เป็นเท่าไร
แล้วมาเทียบว่าเจ้าไหนเป็นอย่างไรดีกว่าครับ

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000030635 (http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000030635)
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 23, 2015, 11:09:08
รถเล็กไม่จำเป็นต้องราคาประหยัด      ไม่เช่นนั้น Golf Mini  ราคาก็ถูกกันหมดแล้วครับ  
 แต่บ้านเราตอนที่ทำ Ecocar  ออกมาทีแรกมันเป็นเรื่องของรถราคาไม่แพงเกินไป  ปล่อยมลพิษน้อย และประหยัดน้ำมัน ให้คนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงได้ด้วย สามารถส่งออกได้  ตอนหลังมาก็ไม่ได้เป็นเรื่องของราคาประหยัดอีกแต่เน้นเรื่องอื่นด้วย

  ไม่วายว่า  ผมจำได้มีคนจาก March นี่แหละบอกว่ารถ Ecocar ไม่ใช่รถ Economy  แต่เป็นอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้  
คือมันเข้าใจผิดมากเลย   ในต่างประเทศอาจใช่  เพราะรถ March  ผลิตจากโรงงานนิสสันบางนาไปญี่ปุ่น  มีรุ่น 4wd  ม่านถุงลมรอบคัน เครื่องยนต์บางประเทศเทอร์โบ อื่นอีกเพียบ      
แต่ March หรือรถ Ecocar ของเราในยี่ห้ออื่นมันไม่ใช่แบบนั้น  เครื่องยนต์ 3 สูบ STD  อ๊อพชั่นมีที่ควรมีมากไปลูกค้าบ้านเราก็ไม่ซื้อ  
  การที่จะทำราคาให้ถูกลงได้คือใช้อะไหล่จากจีนหรือจากอาเซียนที่มีราคาถูกกว่าที่ผลิตในบ้านเรา   อ๊อพชั่นใส่แค่แหกตาหรือแค่พอใจ  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงตาม Design ในแต่ละประเทศ   ลดคุณภาพหรือ Process บางตัวลง  เช่นกระบวนการเชื่อม ชุบ เป็นต้น
มันจึงทำราคาออกมาได้ท่านี้  พร้อมกำไร        มันไม่ใช่รถอะไรแบบที่คนใน March คลับว่าเลย  



ผมไม่ได้หมายถึง รถเล็กครับผม
ผมหมายถึง eco car ในบ้านเราครับ ตาม นิยาม ความหมายจากรัฐบาล นั่นละ ว่ารถประหยัดพลังงาน ใน ราคาที่เหมาะสม
ด้วยนโยบาย ที่ รัฐสนับสนุน ในทุกๆด้าน
มันจึงควรจะถูก ( เหมาะสมนั่นละครับ )
ผมไม่ได้แอนตี้ มาสด้าครับ
และก็ไม่ได้ อวยซิตี้
แค่ผมกำลังเปรียบเทียบให้ดู ว่า เทคโนโลยีที่เพิ่มมา ไม่จำเป็นต้องเพิ่มราคา แบบรุนแรง

ผมไม่ได้จะเถียงเอาชนะ แต่พยายามใช้เหตุผลมาคุยครับ
การจะให้ให้รถ ราคาถูกลงไม่ยากครับ แค่ เพดานภาษีนี่ละ ลดมาให้ eco car 15 % มันก็ถูกลงแบบเห็นชัดครับ
ปีหน้า เฟสสองจะถูกกว่านี้อีก

สิ่งที่ผมต้องการคือ นโยบาย eco car ที่ทำรถราคา ถูกต้อง เหมาะสม สำหรับประชาชน ทุกระดับ ที่พอจะซื้อรถได้ครับ
และไม่อยากให้ eco car เปลี่ยนภาพลักษณ์ จากรถบ้าน ประหยัด ราคาูก ปลอดภัย ไปเป็น ฟรีเมี่ยม ยอดรถวิเศษ อัดเทคโนโลยี

ตอนนี้
ขอยืนยันว่า ไม่ได้ ดราม่าครับ แค่แลกเปลี่ยนความเห็น ในสิ่งที่จับต้องเป็นจริง ไม่ได้มโนครับ

เพราะผมยังอยากให้ eco car คือรถ สำหรับ แม่บ้าน คุณตา วัยรุ่น เปิดกว้างให้คน ทุกระดับ ที่พอมีกำลังซื้อเอื้มถึง


โดยส่วนตัวผมมอง Mazda 2 ดีเซล เป็น B- car ที่ดีคันหนึ่งไม่ได้แอนตี้ครับผม ( Spec 1.5 ดีเซล เทอร์โบ อันนี้ผมเข้าใจ )
ส่วน Mazda  เบนซินขอดูราคา...
เพราะ ตลาดโลก เครื่อง 1.5 ราคาก็แค่ B-segment อื่นๆ ทั่วไป

หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Greentea ที่ มีนาคม 23, 2015, 11:18:08
มีกระทู้มาสด้าเมื่อไหร่ มีมาม่าตลอดดดดดดดดด

ไม่รู้อคติอะไรหนักหนาาาาาาาาาา
เบื่อกับคนพวกนี้
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 23, 2015, 11:27:12
  สำหรับผมคนเดียว น่ะครับ  คนอื่นไม่รู้       ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดราม่าอะไรถ้าตอบเอาความรู้กัน
ถ้าจะให้ Mazda 2 ราคาถูกลง  ต้องไม่ให้ Option มาด้วย  หลาย ๆ อย่างต้องถอดออกไป

1.  เช่นปุ่ม Start  และ Idle stop  ถอดออกให้หมด    
2. โหมดเครื่องเสียง  
3.เบาะด้ายแดงอะไรนั้นถอดไปซะไปหาหนังเทียมแหกตาด้านหน้ารองนั่งเหมือนที่โตโยต้าใช้เอามาใส่      
4.  เครื่องยนต์และตัวถังไม่ควรใช้เทคโนโลยี Sky active  ไม่ควรเป็น เป็นวัสดุลดน้ำหนัก เพราะมีราคาแพง
5. เครื่องยนต์ถึงเป็น Skyactive   ยังไงก็แพง ไม่ว่าเบนซินหรือดีเซลแพงมาก   ให้ใช้เครื่องยนต์ NA  ธรรมดามาลงก็พอหรือใช้เครื่องเดิมจากคราวที่แล้วในรุ่นก่อนหน้า
6. Process  การชุบตัวถังกัลวาไนซ์ตัดออกหรือลดเพิ่มสารตั้งต้นบางตัวลง
7. Process  เชื่อมบางชิ้นลดจุด Spot ทิ้งไป  ลด QC บางช่วงออกไปด้วย เพราะไม่จำเป็นแล้ว
8.  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงบ้าง  เพราะชิ้นส่วนแพงกว่าเจ้าอื่น
 9.ลดความหนาเหล็กลงนิดนึงและลดเสปกเหล็กลงด้วยเพราะราคาต่อ freed แพงกว่า
10. ลดเหล้กโครงสร้างบางตัวลงด้วยเพราะไม่มีคนเห็นลูกค้าไม่สนใจ  
    

 แค่นี้รถจะกลับมาอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมครับ      คุณภาพใกล้เคียงกับรถตลาดทั่วไป ราคาก็แข่งขันได้เพราะใช้เทคโนโลยีการผลิตเดียวกันด้วย  ราคาก็ไม่หนีกันครับ  
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 23, 2015, 11:59:54
 สำหรับผมคนเดียว น่ะครับ  คนอื่นไม่รู้       ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดราม่าอะไรถ้าตอบเอาความรู้กัน
ถ้าจะให้ Mazda 2 ราคาถูกลง  ต้องไม่ให้ Option มาด้วย  หลาย ๆ อย่างต้องถอดออกไป

1.  เช่นปุ่ม Start  และ Idle stop  ถอดออกให้หมด    
2. โหมดเครื่องเสียง  
3.เบาะด้ายแดงอะไรนั้นถอดไปซะไปหาหนังเทียมแหกตาด้านหน้ารองนั่งเหมือนที่โตโยต้าใช้เอามาใส่      
4.  เครื่องยนต์และตัวถังไม่ควรใช้เทคโนโลยี Sky active  ไม่ควรเป็น เป็นวัสดุลดน้ำหนัก เพราะมีราคาแพง
5. เครื่องยนต์ถึงเป็น Skyactive   ยังไงก็แพง ไม่ว่าเบนซินหรือดีเซลแพงมาก   ให้ใช้เครื่องยนต์ NA  ธรรมดามาลงก็พอหรือใช้เครื่องเดิมจากคราวที่แล้วในรุ่นก่อนหน้า
6. Process  การชุบตัวถังกัลวาไนซ์ตัดออกหรือลดเพิ่มสารตั้งต้นบางตัวลง
7. Process  เชื่อมบางชิ้นลดจุด Spot ทิ้งไป  ลด QC บางช่วงออกไปด้วย เพราะไม่จำเป็นแล้ว
8.  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงบ้าง  เพราะชิ้นส่วนแพงกว่าเจ้าอื่น
 9.ลดความหนาเหล็กลงนิดนึงและลดเสปกเหล็กลงด้วยเพราะราคาต่อ freed แพงกว่า
10. ลดเหล้กโครงสร้างบางตัวลงด้วยเพราะไม่มีคนเห็นลูกค้าไม่สนใจ  
    

 แค่นี้รถจะกลับมาอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมครับ      คุณภาพใกล้เคียงกับรถตลาดทั่วไป ราคาก็แข่งขันได้เพราะใช้เทคโนโลยีการผลิตเดียวกันด้วย  ราคาก็ไม่หนีกันครับ  

ถ้าทำแบบนั้นมาสด้าจะไม่เหลือจุดเด่นของช่วงล่างเลยนะครับนั่น ตัวถังที่ structural rigidity ต่ำลงจะขับทางตรงจะเข้าโค้งจะเปลี่ยนเลนรถบิดไปมาย้วยเป็นเยลลี่เลย  :P ถ้ามาสด้าทำแบบนั้นหายนะของยี่ห้อนี้แน่นอนเพราะฐานลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในเรื่องของช่วงล่างและการควบคุม แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่รุ่นพ่อก็ให้ความเชื่อมั่นด้านนี้มาตลอด
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ มีนาคม 23, 2015, 13:07:58
 สำหรับผมคนเดียว น่ะครับ  คนอื่นไม่รู้       ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดราม่าอะไรถ้าตอบเอาความรู้กัน
ถ้าจะให้ Mazda 2 ราคาถูกลง  ต้องไม่ให้ Option มาด้วย  หลาย ๆ อย่างต้องถอดออกไป

1.  เช่นปุ่ม Start  และ Idle stop  ถอดออกให้หมด    
2. โหมดเครื่องเสียง  
3.เบาะด้ายแดงอะไรนั้นถอดไปซะไปหาหนังเทียมแหกตาด้านหน้ารองนั่งเหมือนที่โตโยต้าใช้เอามาใส่      
4.  เครื่องยนต์และตัวถังไม่ควรใช้เทคโนโลยี Sky active  ไม่ควรเป็น เป็นวัสดุลดน้ำหนัก เพราะมีราคาแพง
5. เครื่องยนต์ถึงเป็น Skyactive   ยังไงก็แพง ไม่ว่าเบนซินหรือดีเซลแพงมาก   ให้ใช้เครื่องยนต์ NA  ธรรมดามาลงก็พอหรือใช้เครื่องเดิมจากคราวที่แล้วในรุ่นก่อนหน้า
6. Process  การชุบตัวถังกัลวาไนซ์ตัดออกหรือลดเพิ่มสารตั้งต้นบางตัวลง
7. Process  เชื่อมบางชิ้นลดจุด Spot ทิ้งไป  ลด QC บางช่วงออกไปด้วย เพราะไม่จำเป็นแล้ว
8.  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงบ้าง  เพราะชิ้นส่วนแพงกว่าเจ้าอื่น
 9.ลดความหนาเหล็กลงนิดนึงและลดเสปกเหล็กลงด้วยเพราะราคาต่อ freed แพงกว่า
10. ลดเหล้กโครงสร้างบางตัวลงด้วยเพราะไม่มีคนเห็นลูกค้าไม่สนใจ  
    

 แค่นี้รถจะกลับมาอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมครับ      คุณภาพใกล้เคียงกับรถตลาดทั่วไป ราคาก็แข่งขันได้เพราะใช้เทคโนโลยีการผลิตเดียวกันด้วย  ราคาก็ไม่หนีกันครับ  

ถ้าทำแบบนั้นมาสด้าจะไม่เหลือจุดเด่นของช่วงล่างเลยนะครับนั่น ตัวถังที่ structural rigidity ต่ำลงจะขับทางตรงจะเข้าโค้งจะเปลี่ยนเลนรถบิดไปมาย้วยเป็นเยลลี่เลย  :P ถ้ามาสด้าทำแบบนั้นหายนะของยี่ห้อนี้แน่นอนเพราะฐานลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในเรื่องของช่วงล่างและการควบคุม แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่รุ่นพ่อก็ให้ความเชื่อมั่นด้านนี้มาตลอด
ปัจจุบันนี้ ผมก็ยังไม่เห็นว่า Mazda จะใช้เทคโนโลยี หรือ สเป็กเหล็ก หรือะไรก็แล้วแต่ ที่เหนือกว่าค่อยอื่นแบบเห็นได้ชัดเจนนะครับ
บางอย่างดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ดีเวอร์ บางอย่างด้อยกว่าก็มีนะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 23, 2015, 13:37:13
สเป็คเหล็กไม่ได้เหนือกว่าแต่คานต่างๆ จุดรับแรงบิด มีเยอะกว่าครับ ลองถอดแผงประตูกับช่วงล่างออกมาดูก็จะรู้ เอาเหล็กกันโคลงมาเทียบขนาดดูก็ได้ จะเห็นว่ามันใหญ่กว่าโตโยต้าฮอนด้า เอามาหั่นครึ่งดูข้างในก็เป็นเหล็กแท่งตันไม่ใช่กลวงนะ ซึ่งในรุ่นที่ขายออกในต่างประเทศโตโยต้าฮอนด้าเหล็กตันและมีขนาดใหญ่กว่าที่ขายในไทย ต่างยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง ลองรื้อแผงประตูลองเปรียบเทียบรูปแบบของช่วงล่างและชิ้นส่วนต่างๆดูสิ เรื่องนี้เคยมีการพูดถึงมาหลายครั้งในเว็บนี้แล้ว ในเว็บอื่นๆก็มีเยอะแยะ ลองศึกษาดูก็จะเห็นกันชัดๆ แต่ก็ยังมีหลายคนพูดกันจังเลยว่ามาสด้า มิตซูบิชิ ฟอร์ด เชฟโรเล็ตทันก็ช่วงล่างงั้นๆอ่ะไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าพูดถึงความแรงกับอัตราการกินน้ำมันของเจ้าตลาดนะมันต่างกัน"เหนือระดับ"(คิกๆๆๆ ;D) ชนิดเทียบกันไม่ได้เลย พูดถึงมาสด้า2กับ3รุ่นที่แล้วขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะครหามาเลยอืดมากกกซดน้ำมันมากกกกก แต่จากรีวิวที่จิมมที่ทำมามันระดับเดียวกันที่ต่างกันในจุดทศนิยมเท่านั้นเองนี่!!! มันยังไงกันฟะ?  ???

มาสด้ามีดีในระดับต่างจากยี่ห้ออื่นแค่ไหน? ก็เหมือนกับที่ชอบคุยข่มว่าวีเทคแรงกว่ายี่ห้ออื่นยังไงนั่นแหละ พื้นฐานระบบวาวล์วแปรผันมันทำมาดีต่างกันต่อให้เครื่องมาสด้าเอาไปใส่อกรองเปลือยจูนECUเปลี่ยนหัวฉีดยังไงมันก็สู้เครื่องที่มีพื้นฐานดีมาตั้งแต่แรกไม่ได้ มันก็เหมือนกับความต่างที่ว่ามาสด้ามีช่วงล่างที่ดีกว่ายี่ห้ออื่นยังไง ก็พื้นฐานช่วงล่างยันตัวถังเค้าทำออกมารองรับตั้งแต่แรก คุณจะเอาไปใส่คาน ใส่ค้ำ ใส่สตรัทเพิ่มทีหลังยังไงมันก็สู้รถที่มีพื้นฐานดีกว่ามาแรกแรกไม่ได้ถ้าเค้าจัดการดัดแปลงในระดับที่เท่าเทียมกัน ยิ่งใส่มากยิ่งหนักรถอีกต่างหาก มันก็ต่างกันในระดับนั้นนั่นแหละที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอคติส่วนบุคคลแต่ละคนแล้วว่าจะยอมรับในข้อดีของยี่ห้ออื่นเค้าไหม? หรือจะมองแต่ข้อดีสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วสบประมาทจุดเด่นของยี่ห้ออื่นเท่านั้นพอ? ถ้ายังยอมรับเรื่องความต่าง ข้อดีของรถแต่ละยี่ห้อ ยอมรับในจุดเด่นที่ตัวเองไม่ได้เลือกซ์้อมาไม่ได้ดราม่ามันก็จะซ้ำซากแบบนนี้ไม่มีจบนั่นแหละ ก่อนหน้าเฟียสต้า คราวนี้มาสด้า2 คราวหน้ายี่ห้อไหนรุ่นไหนอน่าทำตัวเด่นขึ้นมาเชียวนะ แม่มโดนนดราม่าต้มจนเปื่อยแน่ๆ  :-\

หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ มีนาคม 23, 2015, 13:48:23
รถเล็กไม่จำเป็นต้องราคาประหยัด      ไม่เช่นนั้น Golf Mini  ราคาก็ถูกกันหมดแล้วครับ  
 แต่บ้านเราตอนที่ทำ Ecocar  ออกมาทีแรกมันเป็นเรื่องของรถราคาไม่แพงเกินไป  ปล่อยมลพิษน้อย และประหยัดน้ำมัน ให้คนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงได้ด้วย สามารถส่งออกได้  ตอนหลังมาก็ไม่ได้เป็นเรื่องของราคาประหยัดอีกแต่เน้นเรื่องอื่นด้วย

  ไม่วายว่า  ผมจำได้มีคนจาก March นี่แหละบอกว่ารถ Ecocar ไม่ใช่รถ Economy  แต่เป็นอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้  
คือมันเข้าใจผิดมากเลย   ในต่างประเทศอาจใช่  เพราะรถ March  ผลิตจากโรงงานนิสสันบางนาไปญี่ปุ่น  มีรุ่น 4wd  ม่านถุงลมรอบคัน เครื่องยนต์บางประเทศเทอร์โบ อื่นอีกเพียบ      
แต่ March หรือรถ Ecocar ของเราในยี่ห้ออื่นมันไม่ใช่แบบนั้น  เครื่องยนต์ 3 สูบ STD  อ๊อพชั่นมีที่ควรมีมากไปลูกค้าบ้านเราก็ไม่ซื้อ  
  การที่จะทำราคาให้ถูกลงได้คือใช้อะไหล่จากจีนหรือจากอาเซียนที่มีราคาถูกกว่าที่ผลิตในบ้านเรา   อ๊อพชั่นใส่แค่แหกตาหรือแค่พอใจ  ลดมาตรฐานชิ้นส่วนลงตาม Design ในแต่ละประเทศ   ลดคุณภาพหรือ Process บางตัวลง  เช่นกระบวนการเชื่อม ชุบ เป็นต้น
มันจึงทำราคาออกมาได้ท่านี้  พร้อมกำไร        มันไม่ใช่รถอะไรแบบที่คนใน March คลับว่าเลย  



ผมไม่ได้หมายถึง รถเล็กครับผม
ผมหมายถึง eco car ในบ้านเราครับ ตาม นิยาม ความหมายจากรัฐบาล นั่นละ ว่ารถประหยัดพลังงาน ใน ราคาที่เหมาะสม
ด้วยนโยบาย ที่ รัฐสนับสนุน ในทุกๆด้าน
มันจึงควรจะถูก ( เหมาะสมนั่นละครับ )
ผมไม่ได้แอนตี้ มาสด้าครับ
และก็ไม่ได้ อวยซิตี้
แค่ผมกำลังเปรียบเทียบให้ดู ว่า เทคโนโลยีที่เพิ่มมา ไม่จำเป็นต้องเพิ่มราคา แบบรุนแรง

ผมไม่ได้จะเถียงเอาชนะ แต่พยายามใช้เหตุผลมาคุยครับ
การจะให้ให้รถ ราคาถูกลงไม่ยากครับ แค่ เพดานภาษีนี่ละ ลดมาให้ eco car 15 % มันก็ถูกลงแบบเห็นชัดครับ
ปีหน้า เฟสสองจะถูกกว่านี้อีก

สิ่งที่ผมต้องการคือ นโยบาย eco car ที่ทำรถราคา ถูกต้อง เหมาะสม สำหรับประชาชน ทุกระดับ ที่พอจะซื้อรถได้ครับ
และไม่อยากให้ eco car เปลี่ยนภาพลักษณ์ จากรถบ้าน ประหยัด ราคาูก ปลอดภัย ไปเป็น ฟรีเมี่ยม ยอดรถวิเศษ อัดเทคโนโลยี

ตอนนี้
ขอยืนยันว่า ไม่ได้ ดราม่าครับ แค่แลกเปลี่ยนความเห็น ในสิ่งที่จับต้องเป็นจริง ไม่ได้มโนครับ

เพราะผมยังอยากให้ eco car คือรถ สำหรับ แม่บ้าน คุณตา วัยรุ่น เปิดกว้างให้คน ทุกระดับ ที่พอมีกำลังซื้อเอื้มถึง


โดยส่วนตัวผมมอง Mazda 2 ดีเซล เป็น B- car ที่ดีคันหนึ่งไม่ได้แอนตี้ครับผม ( Spec 1.5 ดีเซล เทอร์โบ อันนี้ผมเข้าใจ )
ส่วน Mazda  เบนซินขอดูราคา...
เพราะ ตลาดโลก เครื่อง 1.5 ราคาก็แค่ B-segment อื่นๆ ทั่วไป


นั้นคือสิ่งที่คุณอยากให้เป็น มันเป็นบรรทัดฐานเฉพาะของคุณหรือเปล่าครับ
สิ่งที่ BOI เห็นคือเขาสนับสนุนการลงทุนภายในประเทศ และก็เรื่อง Carbon Credit ครับ ฉะนั้นเรื่องราคาถูกไม่ถูกขึ้นกับ Position ทางการตลาดของแต่ละรุ่นครับ

เพราะสุดท้ายคำว่าราคาถูกมันก็คือการตัด option ออกอยู่ดี ถ้าจะเอา 2 ไปเทียบกับ city ก็ให้ city ใส่เทอโบกับ 6AT มาสิครับ ต้นทุนจะได้ใกล้ๆกัน

แล้วปัญหาว่าทำไม Ecocar เฟส 1 ต้องขายราคาถูก เพราะ BOI บอกว่าต้องผลิตมากกว่า 1 แสนครับ ถ้าราคาไม่ถูก คนซื้อก็อาจจะน้อย จนถึงขั้นขายไม่หมด
แต่ถ้าเขามีวิธีบริหารจัดการด้านอื่นได้ เช่นรายได้คนไทยมากขึ้น หรือ แชร์แพล็ตฟอล์มกับรุ่นอื่นๆได้ ราคามันก็ไม่จำเป็นต้องถูกแล้ว
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 23, 2015, 14:27:29
ใช่ครับ ความคิดผมเอง
และ ที่ผมบอก 1.5  หมายถึงเครื่องเบนซินครับ ไม่ใช่ดีเซล

คุณ H ตอบผมหน่อยได้ไหม ทำไม
ราคา มาสด้าสอง ต่างประเทศ มันขายพอๆกับ City ได้


หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ มีนาคม 23, 2015, 16:14:05
จากที่อ่านๆมาตั้งแต่ตั้น ตอนนี้ใจผมเริ่มเขว ไปชอบ city แล้ว ;D ;D
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ มีนาคม 23, 2015, 17:03:57
สเป็คเหล็กไม่ได้เหนือกว่าแต่คานต่างๆ จุดรับแรงบิด มีเยอะกว่าครับ ลองถอดแผงประตูกับช่วงล่างออกมาดูก็จะรู้ เอาเหล็กกันโคลงมาเทียบขนาดดูก็ได้ จะเห็นว่ามันใหญ่กว่าโตโยต้าฮอนด้า เอามาหั่นครึ่งดูข้างในก็เป็นเหล็กแท่งตันไม่ใช่กลวงนะ ซึ่งในรุ่นที่ขายออกในต่างประเทศโตโยต้าฮอนด้าเหล็กตันและมีขนาดใหญ่กว่าที่ขายในไทย ต่างยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง ลองรื้อแผงประตูลองเปรียบเทียบรูปแบบของช่วงล่างและชิ้นส่วนต่างๆดูสิ เรื่องนี้เคยมีการพูดถึงมาหลายครั้งในเว็บนี้แล้ว ในเว็บอื่นๆก็มีเยอะแยะ ลองศึกษาดูก็จะเห็นกันชัดๆ แต่ก็ยังมีหลายคนพูดกันจังเลยว่ามาสด้า มิตซูบิชิ ฟอร์ด เชฟโรเล็ตทันก็ช่วงล่างงั้นๆอ่ะไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าพูดถึงความแรงกับอัตราการกินน้ำมันของเจ้าตลาดนะมันต่างกัน"เหนือระดับ"(คิกๆๆๆ ;D) ชนิดเทียบกันไม่ได้เลย พูดถึงมาสด้า2กับ3รุ่นที่แล้วขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะครหามาเลยอืดมากกกซดน้ำมันมากกกกก แต่จากรีวิวที่จิมมที่ทำมามันระดับเดียวกันที่ต่างกันในจุดทศนิยมเท่านั้นเองนี่!!! มันยังไงกันฟะ?  ???

มาสด้ามีดีในระดับต่างจากยี่ห้ออื่นแค่ไหน? ก็เหมือนกับที่ชอบคุยข่มว่าวีเทคแรงกว่ายี่ห้ออื่นยังไงนั่นแหละ พื้นฐานระบบวาวล์วแปรผันมันทำมาดีต่างกันต่อให้เครื่องมาสด้าเอาไปใส่อกรองเปลือยจูนECUเปลี่ยนหัวฉีดยังไงมันก็สู้เครื่องที่มีพื้นฐานดีมาตั้งแต่แรกไม่ได้ มันก็เหมือนกับความต่างที่ว่ามาสด้ามีช่วงล่างที่ดีกว่ายี่ห้ออื่นยังไง ก็พื้นฐานช่วงล่างยันตัวถังเค้าทำออกมารองรับตั้งแต่แรก คุณจะเอาไปใส่คาน ใส่ค้ำ ใส่สตรัทเพิ่มทีหลังยังไงมันก็สู้รถที่มีพื้นฐานดีกว่ามาแรกแรกไม่ได้ถ้าเค้าจัดการดัดแปลงในระดับที่เท่าเทียมกัน ยิ่งใส่มากยิ่งหนักรถอีกต่างหาก มันก็ต่างกันในระดับนั้นนั่นแหละที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอคติส่วนบุคคลแต่ละคนแล้วว่าจะยอมรับในข้อดีของยี่ห้ออื่นเค้าไหม? หรือจะมองแต่ข้อดีสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วสบประมาทจุดเด่นของยี่ห้ออื่นเท่านั้นพอ? ถ้ายังยอมรับเรื่องความต่าง ข้อดีของรถแต่ละยี่ห้อ ยอมรับในจุดเด่นที่ตัวเองไม่ได้เลือกซ์้อมาไม่ได้ดราม่ามันก็จะซ้ำซากแบบนนี้ไม่มีจบนั่นแหละ ก่อนหน้าเฟียสต้า คราวนี้มาสด้า2 คราวหน้ายี่ห้อไหนรุ่นไหนอน่าทำตัวเด่นขึ้นมาเชียวนะ แม่มโดนนดราม่าต้มจนเปื่อยแน่ๆ  :-\


ผมเบื่อจะพูดล่ะ ผมไม่ได้เชื่อใคร แต่ผมพูดจากสิ่งที่ผมเห็น ไม่ใช้โฆษณาเว่อร์ทางทีวีหรอกครับ ผมไม่รู้คุณเห็นเปรียบเทียบลึกขนาดไหน
แต่ผมพูดจากความรู้ และจากงานที่ผมทำ ผมคิดว่าผมเห็น หรือ รู้ลึก ในหลายๆจุดที่คนอื่นไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น และก็ไม่มีทางได้รู้ หรือมีโอกาสได้รู้แบบผมแน่นอนครับ
พอแค่นี้นะครับ ไม่เชื่อ ผมคงพูดมากกว่านี้ไม่ได้ โปรดเชื่อตามที่คุณเชื่อเถอะครับ
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ มีนาคม 23, 2015, 18:22:09
 ;D ;D ;D เรื่องเดิมๆ  ;D ;D ;D
ดีนะไม่ใช่รถที่มอง ถ้าแชร์กันเรื่องพวก SUV PPV  จะร่วมคุยด้วย
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ มีนาคม 23, 2015, 18:52:44
เข้าใจความหมายของทั้งสองฝ่ายนะฮะ

ทีม1 มองว่า เมืองนอกมาสด้าเบนซิน1.5 skyactive 6at ราคาขายเท่าcity 1.5 ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องภาษีecocarมาเกี่ยวข้อง แต่มาไทย1.3 ecocar(ราคายังไม่ออก) ก็เป็นห่วงว่าทำไมราคาอาจไกล้กับB segment #เน้นว่าราคายังไม่ออก #เดาราคากันไปเองล้วนๆ

ทีม2 มองว่า มาสด้ามีจุดเด่นที่eco carอื่นๆไม่มีและสมรรถนะในทุกด้านดีกว่า ช่วงล่าง เครื่องฉีดตรง 6at option++ ทำไมจะราคาแพงกว่าeco carไม่ได้  เพราะyaris1.2 cvt top sportivo ก็ราคาปาไป 629000แล้ว


#คุณหละอยู่ทีมใหน
หัวข้อ: Re: Mazda นี่ใช้โควต้า Eco car ได้คุ้มที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: xtrarach ที่ มีนาคม 24, 2015, 16:27:31
เข้าใจความหมายของทั้งสองฝ่ายนะฮะ

ทีม1 มองว่า เมืองนอกมาสด้าเบนซิน1.5 skyactive 6at ราคาขายเท่าcity 1.5 ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องภาษีecocarมาเกี่ยวข้อง แต่มาไทย1.3 ecocar(ราคายังไม่ออก) ก็เป็นห่วงว่าทำไมราคาอาจไกล้กับB segment #เน้นว่าราคายังไม่ออก #เดาราคากันไปเองล้วนๆ

ทีม2 มองว่า มาสด้ามีจุดเด่นที่eco carอื่นๆไม่มีและสมรรถนะในทุกด้านดีกว่า ช่วงล่าง เครื่องฉีดตรง 6at option++ ทำไมจะราคาแพงกว่าeco carไม่ได้  เพราะyaris1.2 cvt top sportivo ก็ราคาปาไป 629000แล้ว


#คุณหละอยู่ทีมใหน


Like