Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: localgame ที่ เมษายน 22, 2015, 22:36:23
-
คือพักหลังจะเห็นสมาชิกในนี้สนใจบีเอ็ม เบนซ์ เพราะอยากได้ภาพลักษณ์ ผมเลยสงสัยว่าภาพลักษณ์ที่ว่านี่มันส่งผลต่อชีวิตประจำวันยังไงบ้าง
ไม่ขอความเห็นแนวแบบหาที่จอดได้ง่ายขึ้น ยามรีบมาหาที่จอดให้อะไรแบบนี้นะครับ โดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกถึงความต่างกลับคิดซะว่าเป็นแค่ความเชื่อซะอีกว่าแบบเราซื้อเบนซ์มา เราขับแล้วดูดี
หน้าที่การงานในความคิดของผมก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเลย ของงี้ผมกลับมองที่ประสบการณ์และความสามารถล้วนๆไม่เกี่ยวกับรถยนต์ที่่ใช้แม้แต่น้อย
เลยอยากถามว่าแต่ละคนมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับภาพลักษณ์สำหรับการใช้รถแบรนด์หรูบ้างครับว่ามันส่งผลกระทบอะไรต่อตัวเราบ้าง
-
ต่อจิตใจตัวเองแค่นั้นสำหรับผม การงานไม่เกี่ยว คนหมั่นใส่เอาได้อีก
-
ของผมมีผลมาก
-
หลักๆส่งผลต่อจิตใจตัวเองครับ หน้าที่การงานไม่เกี่ยว แต่ผมมองว่าชีวิตประจำวันของเรา ก็คือ การที่เรารู้สึกอย่างไรต่อตัวเอง ในแต่ละวันนะคับ
รู้สึกดีเวลาขับ รู้สึกชอบเวลามอง
ผมว่าแค่ส่งผลดีต่อจิตใจตัวเองก้อพอแล้วนะ เพราะมันจะส่งผลดีต่อส่วนอื่นๆในชีวิต ตามมาเองครับ (ไม่ว่าจะขับรถอะไร ถ้าคุณรู้สึกดี และ ชอบ เวลาขับไปไหน ก้อจะมั่นใจ และ ทำให้ชีวิตดีขึ้นอยู่แล้วคับ)
ดี ดึงดูด ดี
แย่ ดึงดูด แย่
ทำใจใสๆไว้ก้อพอคับ
-
เกี่ยวมากครับ
ผมขับBMไปคุยงานกับลูกค้า ตอนกลับลูกค้าเดินมาส่ง
พูดแซวเราว่า ขับBMซะด้วย. สงสัยจะแพงแน่ๆเลย
หลังจากวันนั้น. ไปพบลูกค้า ถ้าไม่ขับกระบะไปก็G9เท่านั้น
รถยุโรปสำหรับผม คือการให้รางวัลชีวิต สนองNeedตัวเองล้วนๆครับ...
-
เข้ามาเก็บข้อมูล จากคนนั่งรถเมล์ฟรี
-
backward logic
ขับรถหรู <-- ราคาสูง <-- มีตังค์เยอะ <-- หาเงินเก่ง/หน้าที่การงานดี <-- มีความสามารถ
-
มีผลแน่นอนครับ
1) เวลานั่งในรถรู้สึกภูมิใจนิดๆ (ถึงแม้ฟิล์มจะดำจนข้างนอกมองไม่เห็นก็ตาม ;D)
2) เวลาไปห้างได้ที่จอดใกล้ประตูเสมอๆ หรือแม้แต่ที่จอดที่กั้นไว้ รปภ.ก็จะเปิดแล้วโบกให้จอด (ยกเว้นช่องคนพิการที่ผมโบกมือบะบ๊ายไม่ขอจอดครับ)
3) เวลาไปพวกอาคารบริษัท บางทีรถมันแน่นหรือทางขึ้นลงมันชันมาก ก็มักจะคุยกับ รปภ. ว่าขอจอดที่จอดพวกระดับผู้บริหารตรงหน้าตึกได้ง่ายกว่า
4) เห็นชัดๆ เวลาไป MBK เนี้ย ที่จอดรถโรงแรมปทุมวันฯ เวลาขับเบนซ์หรือบีเอ็มไปแค่วนลงมายังไม่ทันเปิดไฟกระพริบ รปภ. ก็รีบวิ่งมาเปิดให้แล้วครับ แต่เมื่อวานขับแอคคอร์ด G9 ไป วนลงมาเปิดไฟกระพริบ พี่ท่านไม่ยอมเปิดครับ แต่เดินมาเคาะกระจกถามว่ามาโรงแรมหรือเปล่าก่อน โฮะๆ ;D
-
ขับแล้วเห็นดาวที่พวงมาลัยมันก็ทำให้มีความรู้สึกดี,รู้สึกภูมิใจในตัวเราเองทำให้ชีวิตมีสุขเล็กๆเพิ่มขึ้นในแต่ละวันครับ และชอบเวลามองเงาสะท้อนตามกระจกริมถนนเห็นรถตัวเองวิ่งอยู่แล้วรู้สึกชอบทั้งรูปทรง,ล้อแม็ก,และอื่นๆครับ
-
บอกเลยว่ารถหรูๆ ใครเห็นก็ชอบแต่มันไม่ใช่ทั้งหมด
คนบางคันมีรถหรูหลายคันแต่ส่วนใหญ่นั่งแท็กซี่ก็มี
บางคนขับรถหรู แต่ลงมานี่โทรมเลย หรือ ไม่ก็ดูรู้ว่าทำอะไรผิดกฏหมายก็มี
จริงๆภาพลักษณ์อยู่ที่ตัวเอง กับ ใจมากกว่าครับ
ถ้ารถส่งผลกับภาพลักษณ์แสดงว่าใจเรายังไม่หลุดพ้น
นอกเรื่องไปไกล
ขับ MB ไป ยามโบกให้จอดง่ายกว่า
-
น่าจะเป็นเรื่องกาละเทศะด้วยครับ เรื่องภาพลักษณ์ตัวรถผมว่าแค่บางโอกาส
ตัวเราในแต่ละสถานการณ์ก็มีส่วน แต่ไม่ได้สำคัญอะไรมาก เช่นไปคุยงานแต่งตัวดีนิดนึง ก็ดูสมกับรถไปในตัว หรือวันหยุดจะไปกินข้าวต้มปากซอย หัวฟูชุดนอนก็ไปได้ไม่เกรงใจรถเช่นกัน
สรุปคือของผมเรื่องภาพแค่ตอนออกสังคมมั้ง นอกนั้นหลักๆเป็นความรู้สึกมากกว่า ว่าเราทำงานหนัก ซื้อรถดีๆมาใช้ คือภูมิใจและใช้รถอย่างมีความสุขอะครับ
-
คนบางคนเวลาใช้รถใช้ถนน เมื่อเห็นเป็นรถหรูจะเกิดอาการ เกรงใจ ให้เห็นเช่นให้ทางบ้าง ไม่กล้าขับเบียดบ้าง
คนทั่วๆไปจะเห็นเรา เป็นคนรวยบ้าง ผู้ดีบ้าง ประมาณนี้ครับ
-
ไม่ค่อยนะครับ ถ้าแบบชีวิตประจำวันแบบ จขกท ว่ามา แต่จะส่งผลกับคนที่ไม่เกี่ยวกับเรามากกว่า ด้านลบด้วย ขี้ปากคนครับ
ส่วนถ้าตามแบบบวก ผมว่าไม่รู้สิ ถ้าเห็นเราขับรถหรูใน ตจว เค้าเกรงใจเรามากขึ้นครับจริงๆเลย ทางใต้เรียกนายหัวเฉย ;D ;D ;D
แต่ถ้าอยู่ในเมืองกรุงฯ ระวังไว้เถอะ จอดผิดนิดเดียวจะโดนประนามยังกะไปฆ่าใครมา ทั้งๆที่รถที่ไม่ใช่แบรนด์หรูทำผิดแบบเดียวกัน ดังนั้นมีข้อดีข้อเสียครับ
-
ซื้อมาขับแล้วสบายใจ ไม่ทำให้ตนเองหรือครอบครัวลำบาก
หรือต้องมาแบกรับหนี้สินเพิ่มเพื่อแลกกับภาพลักษณ์ ก็ขับไปเถอะครับ
สำหรับอาชีพผม ผมต้องติดต่อลูกค้าต่างประเทศบ้าง มีรถยุโรป ก็มีส่วนช่วยให้น่าเชื่อถือ เป็นมืออาชีพ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด
อันนี้แล้วแต่ทัศนคติของแต่ละคนครับ
-
มองว่า เจ้าของมีความสามารถในการหาเงินมากกว่าชาวบ้านทั่วไปครับ
-
อยู่ที่การดำเนินชีวิตของคนนั้น ๆ ซึ่งบางคนต้องใช้เพื่อส่งเสริมการงานตัวเอง และมีเหตุผลอีกสารพัด
แต่สำหรับผม ชอบคันไหน ก็ใช้คันนั้น ไม่สนภาพลักษณ์ จึงใช้มือสองเก่า ๆ.....
-
ไม่เกรงใจ ก็หมั่นใส้ แหละครับ
-
มันมีภาพลักษณ์เกิดขึ้นทุกคนนั่นแหละ แต่อยู่ที่ว่าเราจะเอาภาพลักษณ์นั้นไปใช้ทำอะไร
บางคนขับรถหรูเพือใช้นำมันไปต่อยอดธุรกิจ หรือความเหมาะสมในหน้าที่การงาน อันนั้นก็เป็นเรื่องดีครับ
แต่ว่าภาพลักษณ์ของคนทั่วไปขับแล้วไม่ได้ตังค์เปล่าประโยชน์กับภาพลักษณ์ที่ว่ามาครับ ผมเองก็เลยไม่สนภาพลักษณ์นั้นเลย เพราะไม่มีประโยชน์ ผม นิยมขับTOYOTA มากกว่าเน้นเฉพาะรถแนวลุย ๆ PPV หรือปิคอัพ คือเน้นเอามาใช้งาน ทนทานจริง ๆ ซ่อม
ง่ายราคาถูกไม่จุกจิก
-
ซื้อมาก้อวดรวยกันทั้งนั้น เชิดคอตั้งเลย
-
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
-
ซื้อมาก้อวดรวยกันทั้งนั้น เชิดคอตั้งเลย
เอิ่ม...จำเป็นด้วยเหรอครับว่าต้อง อวดรวยกันทุกคน?
-
ซื้อมาก้อวดรวยกันทั้งนั้น เชิดคอตั้งเลย
สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล...(อยากบอกเท่านี้จริงๆ)
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
กลับกันในความคิดผม เครดิตในการซื้อของมาจากน่าเชื่อถือและประวัติของบุคคลนั้นๆเป็นหลักมากกว่ารถที่ใช้ แบบมีประวัติดีซื้อของกันมาหลายปี จ่ายเงินตรงเวลาครบทุกครั้งอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราใช้รถ
อะไร ยกตัวอย่างเช่น นายA กับ นายB ซื้อของจากร้านXYZ มาเป็นเวลาเกิน10ปีทั้งคู่ นายAขับรถ Honda นายBขับ Mercedes ร้านXYZจะให้credit termนายB มากกว่านายAเนื่องจากขับMercedes แบบนี้รึเปล่า
ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เลยคิดว่ารถยนตร์มันไม่น่ามีผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือใครเคยมีประสบการณ์จากด้านนี้ช่วยแชร์ให้ผมฟังด้วยนะครับ
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
อยากจะบอกว่ารถพวกนั้นมีค่ากว่ารถหรูหรือซูปเปอร์คาอีกนะครับ บางคันมีเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องมีเวลาให้มันด้วยและรู้เรื่องรถพอสมควรเลย รถพวกนี้ไม่ใช่รถที่เอาเข้าศูนย์แล้วออกมาซ่อมเสร็จ
ส่งให่ช่างแล้วมันจะซ่อมเสร็จออกมาวิ่งได้เลย รถพวกนั้นถ้าสภาพสวยๆสีเงา คนคนทั่วไปมาเจอก็คงมองคลาสสิค ถ้าคนเล่นรถมาเห็นก็คงบอกสุดยอด ยิ่งถ้าเป็นป้ายทะเบียนรุ่นมีตัวเลขนำหน้าแบบ 1ก-xxxxก็คงจะ
คิดว่าเป็นผู้ดีเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองแน่ๆ
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
กลับกันในความคิดผม เครดิตในการซื้อของมาจากน่าเชื่อถือและประวัติของบุคคลนั้นๆเป็นหลักมากกว่ารถที่ใช้ แบบมีประวัติดีซื้อของกันมาหลายปี จ่ายเงินตรงเวลาครบทุกครั้งอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราใช้รถ
อะไร ยกตัวอย่างเช่น นายA กับ นายB ซื้อของจากร้านXYZ มาเป็นเวลาเกิน10ปีทั้งคู่ นายAขับรถ Honda นายBขับ Mercedes ร้านXYZจะให้credit termนายB มากกว่านายAเนื่องจากขับMercedes แบบนี้รึเปล่า
ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เลยคิดว่ารถยนตร์มันไม่น่ามีผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือใครเคยมีประสบการณ์จากด้านนี้ช่วยแชร์ให้ผมฟังด้วยนะครับ
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
อยากจะบอกว่ารถพวกนั้นมีค่ากว่ารถหรูหรือซูปเปอร์คาอีกนะครับ บางคันมีเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องมีเวลาให้มันด้วยและรู้เรื่องรถพอสมควรเลย รถพวกนี้ไม่ใช่รถที่เอาเข้าศูนย์แล้วออกมาซ่อมเสร็จ
ส่งให่ช่างแล้วมันจะซ่อมเสร็จออกมาวิ่งได้เลย รถพวกนั้นถ้าสภาพสวยๆสีเงา คนคนทั่วไปมาเจอก็คงมองคลาสสิค ถ้าคนเล่นรถมาเห็นก็คงบอกสุดยอด ยิ่งถ้าเป็นป้ายทะเบียนรุ่นมีตัวเลขนำหน้าแบบ 1ก-xxxxก็คงจะ
คิดว่าเป็นผู้ดีเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองแน่ๆ
ที่อังกฤษนี้ รถพวกนี้ราคาปัจจุบันอย่างโหดครับ
R107 ราคาเริ่มๆที่ 20,000 ปอนด์ ยิ่งตัวปลายยุค 80s วิ่งน้อยๆ ราคายิ่งแรง ไปที่ราวๆ 40,000-50,000 ปอนด์
W113 ยิ่งหลุดไปไกล เอาช่วงราคาของ R107 คูณสองเอาครับ
-
เรื่องยามโบกให้นี่มีผลแน่นอน เจอมากับตัวหลายรอบเลย เคยขับ b segment ไป โดนปฎิบัติอีกแบบ ถ้าขับ d segment ไป ก็ดีขึ้นมาหน่อย ยิ่งถ้าเอารถยุโรปแบรนด์ดังไปนี่ หึหึ แถมจะเชิญให้เข้า
ยังมีอีกเยอะครับ ที่ดูคนจากการแต่งตัว หรือ สิ่งของที่ใช้
ส่วนเรื่องการติดต่อ เจรจาธุรกิจ ผมแทบไม่เห็นความต่าง ต่อให้เป็นลูกค้าใหม่ๆ ก็เถอะ ถ้าสินค้า และการบริการเราดี ต่อให้ผู้ขายนั่ง taxi ไปหาลูกค้า ลูกค้าเขาก็โอเคครับ
-
อยู่ที่คุณคับ คุณไม่คิดก็ไม่เป็นไรแต่คนอื่นที่คิดมีแน่ๆ และคนอื่นที่คิดเนี่ยเค้าจะต้องมาเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า ส่วนผม จากประสบการณ์มีแน่ๆคับ เอาแค่ไปบางสถานที่ขับรถหรูๆไปก็ได้จอดที่ดีๆขับรถธรรมดาไปก็ไล่ไปจอดที่ไกลๆ ฝนตก แดดออกก็ต้องเดินมา
-
ถ้าสำหรับคนทั่วไปไม่คุ้นเคย หรือรู้จักสนิดสนมกัน มีผลอยู่แล้วล่ะค่ะ มากด้วย ก็ไม่รู้จักกันเลยไม่เห็นจะแปลกที่จะดูกันแค่ผิวภายนอก
แต่สำหรับคนรู้จักคุ้นเคย ของพวกนี้มันไม่ได้มีผลอะไรเลย ตัวตนของเราต่างหากที่เป็นของจริง ภาพลักษณ์อยู่ที่ตัวเราไม่ใช้ของนอกกาย
ธรรมดาสามัญของโลก
ส่วนตัวก็เลือกอะไรที่เหมาะกะตัวเรา สบายๆ ไม่ปวดหัว
คนเราเลือกได้ว่าจะแคร์ตัวเอง หรือแคร์คนอื่น
แต่ในบางครั้งคนเรามันก็ต้องตามกระแส เพื่อความอยู่รอด ก็แล้วแต่ข้อจำกัดของแต่ละบุคคล นานาจิตตังจร้า
อย่างเช่นข้างบ้านขายทอง เพชร พลอย เค้าก็ขับ BMW จาให้ขับรถญี่ปุ่นก็อยากอยู่เพราะลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่มันมีผลต่อภาพลักษณ์ที่ลูกค้ามอง
กับอาแป๋ะอีกคนรวยกว่ามีห้องเช่าร่วม 100 ห้องใกล้สถานศึกษารายได้ต่อเดือนหลายแสน ขับกระบะอีสุสุ คันละ 8-9 แสน แกก็พอใจ เพราะไม่ต้องไปแคร์ภาพลักษณ์อะไรมากมาย
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
กลับกันในความคิดผม เครดิตในการซื้อของมาจากน่าเชื่อถือและประวัติของบุคคลนั้นๆเป็นหลักมากกว่ารถที่ใช้ แบบมีประวัติดีซื้อของกันมาหลายปี จ่ายเงินตรงเวลาครบทุกครั้งอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราใช้รถ
อะไร ยกตัวอย่างเช่น นายA กับ นายB ซื้อของจากร้านXYZ มาเป็นเวลาเกิน10ปีทั้งคู่ นายAขับรถ Honda นายBขับ Mercedes ร้านXYZจะให้credit termนายB มากกว่านายAเนื่องจากขับMercedes แบบนี้รึเปล่า
ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เลยคิดว่ารถยนตร์มันไม่น่ามีผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือใครเคยมีประสบการณ์จากด้านนี้ช่วยแชร์ให้ผมฟังด้วยนะครับ
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
อยากจะบอกว่ารถพวกนั้นมีค่ากว่ารถหรูหรือซูปเปอร์คาอีกนะครับ บางคันมีเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องมีเวลาให้มันด้วยและรู้เรื่องรถพอสมควรเลย รถพวกนี้ไม่ใช่รถที่เอาเข้าศูนย์แล้วออกมาซ่อมเสร็จ
ส่งให่ช่างแล้วมันจะซ่อมเสร็จออกมาวิ่งได้เลย รถพวกนั้นถ้าสภาพสวยๆสีเงา คนคนทั่วไปมาเจอก็คงมองคลาสสิค ถ้าคนเล่นรถมาเห็นก็คงบอกสุดยอด ยิ่งถ้าเป็นป้ายทะเบียนรุ่นมีตัวเลขนำหน้าแบบ 1ก-xxxxก็คงจะ
คิดว่าเป็นผู้ดีเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองแน่ๆ
ที่อังกฤษนี้ รถพวกนี้ราคาปัจจุบันอย่างโหดครับ
R107 ราคาเริ่มๆที่ 20,000 ปอนด์ ยิ่งตัวปลายยุค 80s วิ่งน้อยๆ ราคายิ่งแรง ไปที่ราวๆ 40,000-50,000 ปอนด์
W113 ยิ่งหลุดไปไกล เอาช่วงราคาของ R107 คูณสองเอาครับ
สอบถามหน่อยครับ Porsche 930 ที่อังกฤษราคาโหดมากมั้ย หรือรถไม่ค่อยมีครับ ผมจะไปเรียนต่อที่โน่นสิ้นปีนี้ครับ
-
หน้าที่การงานในความคิดของผมก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเลย ของงี้ผมกลับมองที่ประสบการณ์และความสามารถล้วนๆไม่เกี่ยวกับรถยนต์ที่่ใช้แม้แต่น้อย
คิดแบบนี้ ถูกแล้ว ไม่ต้องถามหาความเท็จหรอกครับ
-
เอาประเด็นอวดรวยที่ว่ากันมานะ ..เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจครับว่าทำไมต้องขับ bmw benz lambo etc ตอนนี้เข้าใจแล้ว คือ " คุณต้องมีเงินมากพอที่จะซื้อแล้วไม่เสียดายเงินและไม่กระทบการใช้เงินด้านอื่นเลย....ซึ่งบางคนบอกว่าอวดรวยแต่มุมมองผมไม่ใช่ เขาเรียกว่าพอเพียงต่างหาก เขาสามารถหาเงินได้เป็นห้าสิบล้านร้อยล้านจะขับรถ3-4 ล้านมันก็เหมาะสมนะ10%เอง ส่วนพวกเงินเดือนไม่ถึงหมืนถอยไอโฟนสองหมื่น กาแฟแก้วร้อยกว่า นั่นละอวดรวย."
ส่วนประเด็นหน้าที่การงานมันต้องแยกประเภทงานถ้าต้องเจอลูกค้าที่สนภาพลักษณ์แน่ละต้องใช้ ถ้าคุณขายของทางเน็ตก็ขับมีนาก็พอมั้ง
-
ภาพลักษณ์เราสร้างเองได้ แต่เราควบคุมผลลัพธ์ไม่ได้
แค่ตัดผมทรงใหม่ ยังมีผลต่อชีวิตประจำวันเลย 55
ผมทำงานที่ต้องติดต่อพบปะผู้คนเป็นประจำ ทั้งคนจนคนรวย คนแก่ คนหนุ่ม คนกทม. คน ตจว.
ขอยกตัวอย่างที่เคยพบ
1.มีลูกค้าที่สนิทกัน เคยบอกว่า "เนี่ย คนที่ผมติดต่อด้วย
ก่อนหน้านี้ มาหาทีไรก็ขับรถเก่าๆ โทรมๆ มา แล้ว
เค้าจะมีปัญญาดูแลธุรกิจของผมมั้ยเนี่ย"
2.มีลูกค้าที่ไม่สนิท ผมขับรถไปเก็บเงินเค้า เค้าเห็นรถ
ของผม เค้าบอกเลย ปีหน้าไม่ติดต่อด้วยละ ท่าทาง
จะฟันกำไรหัวแบะ (เคยเจอ 2 ใน 1,000)
3.ลูกค้าชอบรถขอคำแนะนำ ขอเบอร์เซล ซื้อรถตามเลย
แบบนี้คุยถูกคอ ยิ่งสนิท ต่อยอดงานได้ง่าย
4.ลูกค้าหยิ่ง รอบแรกไปหาไม่เห็นรถเรา ถามคำตอบคำ
อีกรอบไป จอดรถหน้าบ้าน คราวนี้ สนิทยังกะเพื่อน
สมัยอนุบาล 2 (คนแบบนี้ติดต่องานได้ แต่คบไม่ได้)
5.ลูกค้าที่แม้เราจะนั่ง bts แต่งตัวสบายๆ ไปพบ เค้า
ก็ยังให้เกียรติเรา คุยงานกันด้วยเหตุผล ไมตรีจิต
แบบนี้ น่ารักที่สุด
6.ฯลฯ มีอีกมากมาย
-
เอาประเด็นอวดรวยที่ว่ากันมานะ ..เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจครับว่าทำไมต้องขับ bmw benz lambo etc ตอนนี้เข้าใจแล้ว คือ " คุณต้องมีเงินมากพอที่จะซื้อแล้วไม่เสียดายเงินและไม่กระทบการใช้เงินด้านอื่นเลย....ซึ่งบางคนบอกว่าอวดรวยแต่มุมมองผมไม่ใช่ เขาเรียกว่าพอเพียงต่างหาก เขาสามารถหาเงินได้เป็นห้าสิบล้านร้อยล้านจะขับรถ3-4 ล้านมันก็เหมาะสมนะ10%เอง ส่วนพวกเงินเดือนไม่ถึงหมืนถอยไอโฟนสองหมื่น กาแฟแก้วร้อยกว่า นั่นละอวดรวย."
ส่วนประเด็นหน้าที่การงานมันต้องแยกประเภทงานถ้าต้องเจอลูกค้าที่สนภาพลักษณ์แน่ละต้องใช้ ถ้าคุณขายของทางเน็ตก็ขับมีนาก็พอมั้ง
+1
-
ภาพลักษณ์ผมว่ามันไม่ค่อยเป็นประเด็นน่ะใครความคิดของผมที่บ้านซื้อรถยุโรปเพราะ
1.ซื้อเพราะอยากได้ Performance ของรถยุโรป
2.ความปลอดภัย (อันนี้เคยเจอกับตัว C class w204 เบียด 6ล้อดั้มตัวแข็งมากแทบไม่ต้องเปลี่ยนอะไรข้างในเทียบกับรถญี่ปุ่นที่ที่บ้านเคยใช้มาต้องซ่อมถึงภายใน)
ส่วนเรื่องภาพลักษณ์เอาจริงๆผมว่า Accord G9 2.0 ตัวเริ่มต้นวิ่งเทียบกับ E200 ผมว่ามันก็พอๆกันน่ะ (คหสต) ขนาดญาติที่บ้านผมไปทำงานวันแรกเอา Accord G8 ไปคนที่ทำงานยังตกใจเลย ;)
-
ส่งผลมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่จังหวะและโอกาศ
การมีรถเหมาะสมกับการงานถ้าไม่เป็นภาระจนเกินไปก็ควรจะซื้อไว้ใช้
ยกตัวอย่างไปประชุม คนอื่นทุกคนเอารถส่วนตัวมา Camy Accord Teana Mu-X หรือX-trail แต่หัวหน้าผมไม่สนใจจ่าย35บาทนั่งTaxi มาซะงั้น มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่เป็นถึงผู้จัดการ(แกเป็นคนติดนิสัยขี้งก)
ดีที่สุดผมว่ามันต้องพอดีๆ เหมาะสมกับกาละเทศะ อย่าให้มันดูขี้เหนี่ยวหรือฟุ่มเฟือยเกินไป
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
กลับกันในความคิดผม เครดิตในการซื้อของมาจากน่าเชื่อถือและประวัติของบุคคลนั้นๆเป็นหลักมากกว่ารถที่ใช้ แบบมีประวัติดีซื้อของกันมาหลายปี จ่ายเงินตรงเวลาครบทุกครั้งอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราใช้รถ
อะไร ยกตัวอย่างเช่น นายA กับ นายB ซื้อของจากร้านXYZ มาเป็นเวลาเกิน10ปีทั้งคู่ นายAขับรถ Honda นายBขับ Mercedes ร้านXYZจะให้credit termนายB มากกว่านายAเนื่องจากขับMercedes แบบนี้รึเปล่า
ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เลยคิดว่ารถยนตร์มันไม่น่ามีผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือใครเคยมีประสบการณ์จากด้านนี้ช่วยแชร์ให้ผมฟังด้วยนะครับ
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
อยากจะบอกว่ารถพวกนั้นมีค่ากว่ารถหรูหรือซูปเปอร์คาอีกนะครับ บางคันมีเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องมีเวลาให้มันด้วยและรู้เรื่องรถพอสมควรเลย รถพวกนี้ไม่ใช่รถที่เอาเข้าศูนย์แล้วออกมาซ่อมเสร็จ
ส่งให่ช่างแล้วมันจะซ่อมเสร็จออกมาวิ่งได้เลย รถพวกนั้นถ้าสภาพสวยๆสีเงา คนคนทั่วไปมาเจอก็คงมองคลาสสิค ถ้าคนเล่นรถมาเห็นก็คงบอกสุดยอด ยิ่งถ้าเป็นป้ายทะเบียนรุ่นมีตัวเลขนำหน้าแบบ 1ก-xxxxก็คงจะ
คิดว่าเป็นผู้ดีเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองแน่ๆ
ผมไม่ได้จะบอกว่าตัดสินเครดิตคนที่รถ 100% นะครับมีบอกอยู่ว่า ประกอบกับอื่นๆด้วย
-
ผมไม่ได้จะบอกว่าตัดสินเครดิตคนที่รถ 100% นะครับมีบอกอยู่ว่า ประกอบกับอื่นๆด้วย
ผมพยายามยกตัวอย่างเฉยๆครับว่าถ้าทุกอย่างเหมือนกันหมดต่างกันที่รถ credit term ในการซื้อของจะต่างกันรึเปล่า ประมาณนี้ครับ
-
.
.
.
ส่วนตัวผมซื้อเพราะชอบแค่นั้น
ถ้าอยากได้ภาพลักษณ์ ผมไปซื้อนาฬิกาดีกว่าลูกค้าเห็นง่ายกว่ารถ
ส่วนพวกที่บอกว่าซื้อมาอวดรวยนี่องุ่นเปรี้ยวปี๊ดดเลยครัช
คนเราจนได้นะครับ แต่ไม่ควรขี้อิจฉาครับ ;D
-
เวลาผมยืมตราดาวแม่มาขับ
ยังไงมันก็ดีกว่า ฟรีด กะสเปซแวกอนที่ผมใช้อยู่แล้วครับ
เรื่องที่จอด มันแน่นอนเลย
เรื่องความเกรงใจที่ได้จากเพื่อนร่วมถนน ก็มีมากกว่า
แต่เรื่องการงาน ผมกลับมองว่าเป็นภาระนะครับ สำหรับบางที่
ต้องดูครับว่า เราไปในฐานะของ supplier หรือ customer??? มันช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
เถ้าแก่บางคนก็อยากจะคุยกับคนที่ด้อยกว่า
บางคนก็อยากคุยกับคนที่มีฐานะเดียวกัน
แต่เชื่อว่าเถ้าแก่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยอยากคุยกะคนที่มีฐานะสูงกว่า ยกเว้นว่าจะขับรถหรูไปสั่งซื้อวัตถุดิบ
...เขาอาจคิดว่าคุณมีตังค์มาก อาจลดราคาเพื่อให้คุณสั่งของมากๆได้
ส่วนความโก้หรู สำหรับผมเฉยๆครับ ผมค่อนข้างติดดิน
-
ภาพลักษณ์ในชีวิตประจำวันนี่ไม่ส่งผลมากครับผู้ใหญ่ที่ผมรู้จัก เงินเดือนหลายแสน ปกติมาทำงานไปไหนมาไหนก็รถกระบะ ฟอร์จูเนอร์ เก๋งญี่ปุ่นขับชิลๆแกไป
แต่เวลาไปพบลูกค้า ไปคุยงาน ไปประชุม ไปงานต่างๆแกก็เอาตราดาวออกไป กลับมาก็เอามาจอดไว้
แกบอกผมว่า แต่เอาจริงๆรถมันก็ไม่ได้เสริมอะไรขนาดนั้นเพราะสุดท้ายก็จอดที่จอดรถอยู่ดี เขาจะชื่นชมเราก็มาจากความสามารถของเราล้วนๆ
-
ไล่เป็นคนๆเป็นเคสๆไปง่ายกว่าเยอะครับ
สำหรับผมไม่ได้มีผลตรงๆ เพราะยังเรียนอยู่ ขับรถเกินล้านก็ถือว่าสุดๆแล้วไม่ต้องนับพวกหลายๆล้าน
แต่ผมก็ชอบพวกรถยุโรปอยู่ดีอ่ะ ชอบการออกแบบ ชอบการขับขี่ ชอบเครื่องยนต์ เกียร์ และอื่นๆ ถ้าไม่เคยสัมผัสจะไม่รู้เลยว่าทำไมมันถึงแพง
ส่วนการอวดรวยนี่ไม่เสมอไปนะครับ คนเราต่างก็ต้องการสิ่งที่ตัวเองคาดหวังทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าใครจะมีกำลังถึงแค่ตรงไหน
เคยเจอบางคนแขวะไปทั่ว ขับ2ล้อก็หาว่าก็แค่2ล้อไม่ใช่4ล้อ ขับรถยุ่นก็หาว่าไม่ใช่เยอรมัน ขับเยอรมันก็หาว่าไม่ใช่อิตาลี ไรเงี้ย เพลียจริงๆ จะเยอะไปไหนวะ
สำหรับผม ณ ตอนนี้ไม่มีผลครับ ไม่มีไม่ตาย เฉยๆ แต่ก็อยากได้นะ
;D ;D ;D
-
ผมไม่ได้จะบอกว่าตัดสินเครดิตคนที่รถ 100% นะครับมีบอกอยู่ว่า ประกอบกับอื่นๆด้วย
ผมพยายามยกตัวอย่างเฉยๆครับว่าถ้าทุกอย่างเหมือนกันหมดต่างกันที่รถ credit term ในการซื้อของจะต่างกันรึเปล่า ประมาณนี้ครับ
ออ ครับบ ผมเป็นคนขายของ ยอมรับเลย เวลาเห็นลูกค้าขับรถหรูๆแพงๆ เกิดอาการกระตือรือร้น อยากขายเป็นพิเศษ
555 ถึงจะรู้ว่าวัดกันแค่ที่รถไม่ได้ก็ตาม :)
-
ผลมันมีสองด้านนะ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้
แต่ส่วนใหญ่ การอยากได้ของเหล่านี้มาครอบครอง ความคิดผมคือเรื่องการได้รู้สึกว่า ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ซึ่งในที่นี้หมายถึงในสังคมหมู่มากในปัจจุบันนั้น ถูกบ่มเพาะให้มองกันที่ภายนอก (ก่อน)
แล้วจึงเริ่มพิจารณาว่า คนนั้น (ซึ่งอาจจะเป็นเรา หรือ เค้า ก็ได้) น่าคบหามั๊ย หาประโยชน์ได้มั๊ย
ซึ่งมันก็ไม่แปลก คนไม่รู้จักกันก็เป็นกันแบบนี้ทั้งนั้นนะ คนเราก็ต้องทำทั้งเพื่อความอยู่รอด ความมั่งคั่ง เกียรติยศ ฯลฯ
แต่..ที่สำคัญในความคิดผมคือ อย่าให้มันกลืนเราเข้าไป จนเราเริ่มกลายเป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น เพียงเพราะสิ่งประกอบภายนอกเหล่านี้ ผมเชื่อว่า ถึงวันนึง เมื่อชีวิตของเราเดินมาถึงจุดที่ เราต้องการรู้คุณค่าของตัวเอง และอยากให้มีใครซักคน สองคน ก็ตามเห็นในคุณค่าตรงนี้ แล้วมันหาไม่มี เพราะอดีตที่ผ่านมา เราเอาแตี่สกรีนคนที่ภาพลักษณ์แบบที่เป็นกันอยู่นี้
ถึงวันนั้นแหละ มันจะมีผลกับชีวิตเรา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คนที่ต้องรับผลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เเล้วเราจะเข้าใจว่า การมีความสุข ด้วยการเลี้ยงดูปูเสื่อ เจ้ากิเลสเนี่ย
วันนึงพอเลี้ยงมันโตเต็มที่ มันนั่นแหละ กินเราก่อนเป็นคนแรกเลยหล่ะครับ
ขออภัยถ้าออกจะนอกเรื่องไปบ้างครับ
-
ดีทุกอย่าง ยกเว้นดีลงานขายของ...
ถ้าลูกค้ามองบวกก็คือ เราเก่ง ดูแลลูกค้าดี ได้งานเยอะ
แต่ถ้าลูกค้ามองลบ ... "แม่ง ที่คิดกูแพงเนี่ย กำไรเท่าไรวะ"
-
ถ้าสำหรับคนทั่วไปไม่คุ้นเคย หรือรู้จักสนิดสนมกัน มีผลอยู่แล้วล่ะค่ะ มากด้วย ก็ไม่รู้จักกันเลยไม่เห็นจะแปลกที่จะดูกันแค่ผิวภายนอก
แต่สำหรับคนรู้จักคุ้นเคย ของพวกนี้มันไม่ได้มีผลอะไรเลย ตัวตนของเราต่างหากที่เป็นของจริง ภาพลักษณ์อยู่ที่ตัวเราไม่ใช้ของนอกกาย
ธรรมดาสามัญของโลก
ส่วนตัวก็เลือกอะไรที่เหมาะกะตัวเรา สบายๆ ไม่ปวดหัว
คนเราเลือกได้ว่าจะแคร์ตัวเอง หรือแคร์คนอื่น
แต่ในบางครั้งคนเรามันก็ต้องตามกระแส เพื่อความอยู่รอด ก็แล้วแต่ข้อจำกัดของแต่ละบุคคล นานาจิตตังจร้า
อย่างเช่นข้างบ้านขายทอง เพชร พลอย เค้าก็ขับ BMW จาให้ขับรถญี่ปุ่นก็อยากอยู่เพราะลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่มันมีผลต่อภาพลักษณ์ที่ลูกค้ามอง
กับอาแป๋ะอีกคนรวยกว่ามีห้องเช่าร่วม 100 ห้องใกล้สถานศึกษารายได้ต่อเดือนหลายแสน ขับกระบะอีสุสุ คันละ 8-9 แสน แกก็พอใจ เพราะไม่ต้องไปแคร์ภาพลักษณ์อะไรมากมาย
อันนี้ผมพอเข้าใจเลยครับ ถ้าใส่แหวนเพชร สร้อยคอแต่ถ้าขับรถราคาถูกหน่อยอาจจะดูว่าของที่สวมใส่อยู่มันไม่แท้ ประมาณนี้ปะครับ
ส่งผลมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่จังหวะและโอกาศ
การมีรถเหมาะสมกับการงานถ้าไม่เป็นภาระจนเกินไปก็ควรจะซื้อไว้ใช้
ยกตัวอย่างไปประชุม คนอื่นทุกคนเอารถส่วนตัวมา Camy Accord Teana Mu-X หรือX-trail แต่หัวหน้าผมไม่สนใจจ่าย35บาทนั่งTaxi มาซะงั้น มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่เป็นถึงผู้จัดการ(แกเป็นคนติดนิสัยขี้งก)
ดีที่สุดผมว่ามันต้องพอดีๆ เหมาะสมกับกาละเทศะ อย่าให้มันดูขี้เหนี่ยวหรือฟุ่มเฟือยเกินไป
ผมว่าถ้าลองมองอีกด้านคนภายนอกอาจจะคิดว่าหัวหน้าคุณรู้จักใช้เงิน และหันมาสนับสนุนรถสาธารณะนะครับ(ถ้าไม่ได้มองถึงนิสัยที่ว่าขี้งก) อย่างที่ผมเคยเจอคือระดับหัวหน้าเงินเดือน300,000+ แต่ก็ยังขับHonda City ทั้งๆที่เงินเดือนระดับนี้ขับรถหรูได้หลายรุ่นเลย เจ้าตัวบอกว่าซื้อที่พอขับก็พอ
-
ถ้าในชีวิตประจำวันผมว่าก็มีผลกับคนรอบข้างบนท้องถนน ที่จอดรถมั้งนิดหน่อยขึ้นอยู่กับคนด้วย
แต่เพื่อดีลงานไม่น่าเกี่ยวโดยตรงคับ เพราะถ้าคนมีจริงๆ เค้าไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายขับรถไรดูที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ
อย่างคนใกล้ๆตัวผมนี่รายดายต่อเดือน 7 หลักก็ยังขับรถญี่ปุ่นไปไหนก็ต้อนรับทุกที ;)
-
สำหรับเรา เราว่าไม่เกี่ยวกันเลย เพราะเราอยู่ในสังคมที่ไม่ได้มองคุณค่าของคนที่รถขับ
หรือไม่ได้ทำอาชีพที่มันต้องอวดรถกันไปมาหนะครับ
อีกอย่างที่เลือกใช้BM เพราะพวกรถญี่ปุ่นในบ้านเราไม่มีรถที่สมรรถนะ+อารมณ์ขับ เถียบเท่าได้อะครับ
-
รถหรูที่ว่า ก็ทำรถแท๊กซี่ แมงไซค์ขายคนทั่วไปที่จ่ายไหวทั้งนั้น
ส่วนที่ทำขายแบบสูงส่ง ก็เป็นรถเช่า รับจ้างราคาแพง ว่าไปก็ไม่ต่างกัน
แค่ค่าเช่าต่างกัน มีคนเช่าไปหลอกชาวบ้านว่ารวยก็มี
สมัยก่อน มีคำกล่าวว่า
ขับเบนซ์ไป กู้ตังค์ไม่ยาก
เพราะสมัยก่อน ผจก.สาขามีอำนาจปล่อยกู้เองได้ และไม่มียี่ห้ออื่นมาขายแข่ง
ทั้งที่จริงตั้งแต่สมัยเสี่ยเล็ก ก็นำเข้ามาขายหลายยี่ห้อแล้ว
บีเอ็ม สมัยเบนซ์หางปลา ทำรถใหญ่สู้ไม่ได้ ต่อมาสมัยฝากเงินกินดอกสบาย
บีเอ็มนั่งหลังไม่สบายเท่า เสียบ่อย หน้าตาสวยสู้ไม่ได้ พอยุคw126 ก็นำโด่ง
จนอื่นห้ออื่นๆ แก้ทางไม่ได้ แต่มาแพ้ภัยตนเอง
ถ้ามองในแง่พ่อค้า เวลามีประชุมหอการค้า มีคนกล่าวว่า
ถ้าขับรถยี่ห้อระดับเดียวกันก็ไม่ต้องมาตั้งแง่มาก คุยเรื่องงานได้เลย
ถ้ายังไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ตามแบบผู้ดีบางบ้าน เวลาไปขอลูกสาว
ถ้าไม่ขับรถที่ผู้ดีรู้จัก หรือคิดว่าแพง คงเป็นขี้ปากพวกสาระแน เพราะต้องได้หน้าได้ตา
คนจีน อินเดีย อาหรับบางกลุ่ม ในสายตาผํู้ดีสมัยก่อน ไม่ได้ดูดีแบบสมัยนี้
การขับรถยี่ห้อแพง แค่เห็นก็ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ จะได้จ่ายสินสอดไหว
เดี๋ยวจะเป็น ซื้อของเก่า ยืนยาม เฉือดวัว ในสายตาคนพวกนี้
ที่ไปดองๆกัน ก็จะหลายเหตุผล ไม่มีเมียเดียวก็เยอะ จึงมีวลีเด็ดว่า
เมียหลวงขับเบนซ์ เมียน้อยขับบีเอ็ม
เกิดสมัยซี่รีย์3 นิยมแล้ว เหมาะกับเอ๊าะๆขับ เบนซ์ดูแก่มีแต่อีคลาสขึ้นไป
ป๋าก็ตามใจ ช่างซ่อมเจอเมียน้อยเร่งประจำ แล้วเก็บเงินกับเสี่ย ต่อมาหลายเป็น
เมียหลวงขับเบนซ์ เมียน้อยขับพอร์ช
คงมาจากอยากจะเหนือกว่าเมียหลวง รถสวย แพง แรงกว่า
แต่ที่เห็นป๋าๆมักขับเอง และใช้ไปเยี่ยมเด็กๆ อ้างว่ามีสัมนาตจว.
ยุคนั้นไม่มีมือถือ ไปไหนตามยาก แต่เจอรถเมื่อไหร่ ตัวใครตัวมัน
ระดับประมุขรัฐ ใช้รถยี่ห้อในประเทศ ไม่ซื้อยี่ห้อนอก
เป็นศักดิ์ศรี หน้าตา แบบยอมกันไม่ได้
น่าแปลกstate limousine ที่ผ่านมามีแต่ปีกบิน ไม่เป็นนางฟ้า
-
สำหรับเรา เราว่าไม่เกี่ยวกันเลย เพราะเราอยู่ในสังคมที่ไม่ได้มองคุณค่าของคนที่รถขับ
หรือไม่ได้ทำอาชีพที่มันต้องอวดรถกันไปมาหนะครับ
อีกอย่างที่เลือกใช้BM เพราะพวกรถญี่ปุ่นในบ้านเราไม่มีรถที่สมรรถนะ+อารมณ์ขับ เถียบเท่าได้อะครับ
GTR กับ 370Z ไม่นับเหรอครับ
-
สอบถามหน่อยครับ Porsche 930 ที่อังกฤษราคาโหดมากมั้ย หรือรถไม่ค่อยมีครับ ผมจะไปเรียนต่อที่โน่นสิ้นปีนี้ครับ
พอเจอค่าประกันประจำปีที่เป็นของบังคับของที่นั่นเดี๋ยวก็ไม่พอเองละครับ เรื่องราคาตัวรถก็ไม่ได้ถูกแบบเมื่อก่อนแล้วครับ ถามว่าตัวรถเองหายากไหม มันก็ไม่ได้หายากขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเกิดไม่เงินถังจริงผมว่าก็เป็นไปได้ยากครับ
-
ชีวิตประจำวัน รถแบรนด์หรูที่ว่าไม่ส่งผลอะไรต่อชีวิตประจำวันผมเลยครับ
เมื่อก่อนเคยคิดว่ามีผล เลยถอยรถยุโรปมาใช้ เอาไว้พบเจอลูกค้า
สรุปสุดท้าย ลูกค้าไม่ได้เลือกเราที่รถ แต่เลือกเราที่ผลงานมากกว่า
วันที่ผมขับรถยุโรปไป กับวันที่ขับรถญี่ปุ่นไป การพฤติกรรมตัวของลูกค้าและผู้อื่น ไม่ต่างกันเลย
ที่ต่างจะมีก็แค่พฤติกรรมของผู้ขับขี่บนท้องถนนแค่นั้นเอง
-
ผมมองว่า ภาพลักษณ์ที่ได้มา(ตามที่คนส่วนใหญ่มองกัน)ถือว่าเป็นของแถมครับ ถ้ามีคนเกรงใจ ในท้องถนน ตามห้าง หรือในหน้าที่การงาน ก็ดีครับ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร
แต่สำหรับผม มองที่ตัวรถล้วนๆครับ ถ้ารถดี มีสมรรถนะและอุปกรณ์ต่างๆดีเยี่ยม(ที่คนส่วนใหญ่ต้องการ) ศูนย์บริการไม่ใช่ปัญหา มันจะเป็นเป้าหมายของผมเสมอ (ตอนนี้ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง 100% ยังติดภารกิจการเรียน)
ทีนี้ ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการมันสูง ราคามันก็สูงไปด้วย และราคาสูงก็มักจะเป็นแบรนด์หรู และรถราคาที่ต่ำกว่ามักจะให้ไม่ได้ ผมเลยชอบมองแบรนด์หรูครับ ไม่ใช่มองเพราะแบรนด์มันหรูหรือภาพลักษณ์มันดี แต่แบรนด์หรูเหล่านั้นให้ในสิ่งที่ผมต้องการได้ ในขณะที่แบรนด์ไม่หรูโดยส่วนใหญ่ให้ไม่ได้ ถ้าให้ได้ผมก็มองเช่นกัน อย่างฟอร์ด มาสด้า ส่วนภาพลักษณ์ผมไม่ค่อยใส่ใจครับ
-
จาก BMW มา Camry
-ขับมาเร็วๆ คนเห็นจมูกสองรู รู้เลย BMW คนชิดซ้ายหลบให้แต่ไกลเลย .... Camry ไม่หลบ อยากแซงก็รอ เผลอๆไม่เปิดช่อง แซงซ้ายเอาเอง ไม่ก็ตบไฟสูง
(เพราะไม่ค่อยเห็นคนขับ BMW ขับช้าๆ) วิ่งทางไกล รถคันอื่นหลบให้มันวิ่งสบายนะผมว่า ;D
-ขับ BMW เพื่อนร่วมถนนเกรงใจมากกว่าหน่อยๆ ไม่กล้าเบียดไม่กล้าปาดหน้า
-ติดต่องาน หน้าตา ถ้ารถระดับ Camry กับ BMW ผมว่าไม่ต่างกันมาก ดูดีมีเครดิตทั้งคู่ (แต่ Vios Altis นี่ยังภูมิฐานไม่พอ) เพราะหลายคนไม่ไป Benz BMW เพราะเคยใช้มาแล้วและไม่ได้ชอบไม่ได้สนใจเรื่องรถอะไรมากมาย ก็อยู่แค่ Camry Accord ก็เกินพอละ
---------------
ถ้าให้ผมซื้อเหรอครับ BMW สิ พวงมาลัยก็มันส์ เบรคก็แจ่ม ช่วงล่างก็มันส์ เครื่องก็เสียงหวานน ภาพลักษณ์ผมไม่สนใจเท่าไหร่ ;D
-
ขับแล้วเห็นดาวที่พวงมาลัยมันก็ทำให้มีความรู้สึกดี,รู้สึกภูมิใจในตัวเราเองทำให้ชีวิตมีสุขเล็กๆเพิ่มขึ้นในแต่ละวันครับ และชอบเวลามองเงาสะท้อนตามกระจกริมถนนเห็นรถตัวเองวิ่งอยู่แล้วรู้สึกชอบทั้งรูปทรง,ล้อแม็ก,และอื่นๆครับ
ตามนี้ครับ ผมชอบ BM มาแต่เด็ก โดยไม่รู้แพงไม่แพง ชอบทรง เคยนั่งรถเพื่อน ชอบมาก เคยลองขับรถเพื่อน อยากได้มาก พอทำงาน เห็นสัจจะธรรม เงินเดือน จะซื้อ BM ได้ไงหว่า แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อเรามีความสามารถ ก็ซื้อเพื่อตัวเอง ไม่ได้ซื้อมาเพื่อให้ยามโบก ไม่ได้ซื้อมาให้เพื่อนรัก ไม่ได้ซื้อมาอวดคนบนถนน เมื่อเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบ เรารัก เราจะสบายใจ มีความสุข สนอง need ตัวเองล้วนๆ ครับ ;D
ปล. เรื่องความปลอดภัยด้วย ผมเคยหมุนและพังรถมาแล้ว 2 คัน (ญี่ปุ่นทั้งคู่) ทิ้งซากทั้งคู่ ความปลอดภัยเป็นสิ่งแรกที่ผมถามหาเวลาซื้อรถในปัจจุบัน หากซื้อไหว ก็ขอให้ดีที่สุด หากใครยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่จวนตัว ที่รถสามารถช่วยชีวิตคุณและคนที่คุณรัก คุณอาจจะไม่คิดถึงจุดนี้เท่าไหร่ สำหรับผม มันใช่มากๆ ครับ
-
มีมาก เช่นคนขายของมีค่า เครดิตในการซื้อของ หลายอย่าง
ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ด้วยวัตถุพวกนี้ประกอบกับอื่นๆด้วย
กลับกันในความคิดผม เครดิตในการซื้อของมาจากน่าเชื่อถือและประวัติของบุคคลนั้นๆเป็นหลักมากกว่ารถที่ใช้ แบบมีประวัติดีซื้อของกันมาหลายปี จ่ายเงินตรงเวลาครบทุกครั้งอะไรประมาณนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราใช้รถ
อะไร ยกตัวอย่างเช่น นายA กับ นายB ซื้อของจากร้านXYZ มาเป็นเวลาเกิน10ปีทั้งคู่ นายAขับรถ Honda นายBขับ Mercedes ร้านXYZจะให้credit termนายB มากกว่านายAเนื่องจากขับMercedes แบบนี้รึเปล่า
ผมคิดว่าไม่น่าใช่ เลยคิดว่ารถยนตร์มันไม่น่ามีผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน หรือใครเคยมีประสบการณ์จากด้านนี้ช่วยแชร์ให้ผมฟังด้วยนะครับ
ผมค่อนข้างเฉยๆกับ Stereotype เรื่อง ภาพลักษณ์ต้องหรูหรา ของ Mercedes และ Bimmer ครับ
ส่วนตัวชอบพวก retro อย่าง 500SL Panzerwagen (R107), 280SL Pagoda (W113), M635CSi (E24) มากกว่าพวกยุคปัจจุบัน ซึ่งพวกรุ่นเก่าพวกนี้ในบ้านเราไม่มองว่าเป็นรถหรูแน่นอน
อยากจะบอกว่ารถพวกนั้นมีค่ากว่ารถหรูหรือซูปเปอร์คาอีกนะครับ บางคันมีเงินอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องมีเวลาให้มันด้วยและรู้เรื่องรถพอสมควรเลย รถพวกนี้ไม่ใช่รถที่เอาเข้าศูนย์แล้วออกมาซ่อมเสร็จ
ส่งให่ช่างแล้วมันจะซ่อมเสร็จออกมาวิ่งได้เลย รถพวกนั้นถ้าสภาพสวยๆสีเงา คนคนทั่วไปมาเจอก็คงมองคลาสสิค ถ้าคนเล่นรถมาเห็นก็คงบอกสุดยอด ยิ่งถ้าเป็นป้ายทะเบียนรุ่นมีตัวเลขนำหน้าแบบ 1ก-xxxxก็คงจะ
คิดว่าเป็นผู้ดีเก่าหรือลูกหลานนักการเมืองแน่ๆ
ที่อังกฤษนี้ รถพวกนี้ราคาปัจจุบันอย่างโหดครับ
R107 ราคาเริ่มๆที่ 20,000 ปอนด์ ยิ่งตัวปลายยุค 80s วิ่งน้อยๆ ราคายิ่งแรง ไปที่ราวๆ 40,000-50,000 ปอนด์
W113 ยิ่งหลุดไปไกล เอาช่วงราคาของ R107 คูณสองเอาครับ
สอบถามหน่อยครับ Porsche 930 ที่อังกฤษราคาโหดมากมั้ย หรือรถไม่ค่อยมีครับ ผมจะไปเรียนต่อที่โน่นสิ้นปีนี้ครับ
โทดทีที่ตอบช้าครับ ค่าตัว 930 และพวก classic 911 รุ่นอื่นๆ อย่าง Carrera RS, Carrera SC ค่อนข้างแรงไม่แพ้ old school Merc กับ Bimmer ครับ ลองดูในเว็บนี้
http://www.pistonheads.com/classifieds/used-cars/porsche/911-pre-89 (http://www.pistonheads.com/classifieds/used-cars/porsche/911-pre-89)
ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็น 930 สีเงืนคันนึง แถวอารีย์ไม่แน่ใจว่าเป็น 3.0 หรือ 3.3
-
คือพักหลังจะเห็นสมาชิกในนี้สนใจบีเอ็ม เบนซ์ เพราะอยากได้ภาพลักษณ์ ผมเลยสงสัยว่าภาพลักษณ์ที่ว่านี่มันส่งผลต่อชีวิตประจำวันยังไงบ้าง
ไม่ขอความเห็นแนวแบบหาที่จอดได้ง่ายขึ้น ยามรีบมาหาที่จอดให้อะไรแบบนี้นะครับ โดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกถึงความต่างกลับคิดซะว่าเป็นแค่ความเชื่อซะอีกว่าแบบเราซื้อเบนซ์มา เราขับแล้วดูดี
หน้าที่การงานในความคิดของผมก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเลย ของงี้ผมกลับมองที่ประสบการณ์และความสามารถล้วนๆไม่เกี่ยวกับรถยนต์ที่่ใช้แม้แต่น้อย
เลยอยากถามว่าแต่ละคนมีความเห็นยังไงเกี่ยวกับภาพลักษณ์สำหรับการใช้รถแบรนด์หรูบ้างครับว่ามันส่งผลกระทบอะไรต่อตัวเราบ้าง
ถ้าทำตัวไม่ดี หยิ่งไป ก็มีคนหมั่นไส้เอาครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ผมกลับไม่ได้มองเรื่องเลยครับ จากที่เคยมีโอกาสขับเบนซ์วันเดียวพร้อมกัน 5 รุ่น เพราะไปเรียนแล้วรถยี่ห้อนี้สนับสนุนรถยนต์ในการใช้อบรม (A250 GLA200 E300 BluetecHybrid CLS250 Shooting Break C180 Coupe) ผมกลับรู้สึกว่า ถ้าเรามีเงินพอที่จะซื้อและดูแลเขาไหว ซื้อเถอะครับ รถขับดีจริงๆ แต่ A250 กับ GLA200 เบามันแข็งจริงๆครับ ฮ่าๆๆๆๆ
-
ขอคั่นโฆษณา อาจะไม่เกี่ยวกับกระทู้หน่อยนะครัช
มีคนรู้จักของผมท่านนึง เป็นประเภทรวยเงียบๆ
เมียขี่ฮอนด้าตรีม (อยู่ตจว.)แต่งตัวปกติ ธุรกิจค้าส่งสินค้า
ส่วนตัวเองขี่ยามาฮ่า ที่ยังเป็นเครื่องสองจังหวะอยู่
ปิดร้าน(โกดัง)ตอนบ่าย เพื่อนับเงินสดในกระสอบ
รถยนต์ที่ใช้งานอยู่2-3คัน ส่วนใหญ่จอด ถึงจอดมาก
คันนึงเป็นCRVรุ่น10ว่าปีแล้ว วิ่งไป4หมื่นโล อีกคันเป็นรถเก่าๆ
ที่ได้มาเพราะเพื่อนขอให้ช่วยซื้อไว้ ก็ซื้อไว้ แล้วนำมาบูรณะเก็บไว้
เพราะมีไม่กี่คันในเมืองไทย
ชอบซื้ออสังหาฯ มีทั่วทุกภาคของไทย
ล่าสุดไปซื้อโรงแรมที่ภูเก็ตขนาด79ห้องด้วยเงินสด
โดยไม่ไปรับโอนเอง มอบอำนาจให้ผู้ขายจัดการ
เมียก็ซื้อแต่เพชร ว่างๆก็ไปนั่งวิปัสนา
มักเลี่ยงการออกชื่อใดๆ ด้วยเกรงการติดตามภาษี
บัตรเครดิตไม่เคยทำ แต่ธนาคารนำบัตรวิสด้อมมามอบให้ถึงบ้าน
เพราะธนาคารเองก็เช่าอาคารแกอยู่
พออยู่ตจว.เห็นผ้าขี้ริ้วห่อทองเยอะ
ตั้งแต่มาอยู่ตจว.ผมชักชอบแนวๆนี้เข้าให้
-
ผมชอบรถที่ขับแล้วมั่นใจส่วนเรื่องภาพลักษณ์ไม่ได้มีผลอะไรกับการตัดสินใจเลือกซื้อสำหรับผม แต่จากประสบการณ์ถ้าขับ Benz จะหาที่จอดสะดวกสุด ถ้าเป็น BMW หรือ Audi ก็ต้องรุ่นใหญ่ๆหน่อยนึงยามก็จะหาที่จอดให้เหมือนกัน
-
ชอบคห คุณ Raygun จังตรงๆสั้นๆได้ใจความ
-
แล้วแต่อาชีพการงานครับผมว่า ประสบราณ์ตรงจากคุนพ่อผม
acv40 รายได้ต่อเดือนระดับนึง
w207 กระโดดไป 3 เท่าตัวครับ และยังขึ้นไม่หยุด
-
ผมไม่เคยขับรถหรู
แต่เพิ่งออกรถญี่ปุ่นป้ายแดงขับไปที่โรงงาน รู้สึกได้ว่าคนมองตามตั้งแต่ รปภ. หน้าโรงงานยันพนักงาน ทำให้ไม่ค่อยอยากขับคันใหม่มาทำงานเลย ไม่อยากเป็นเป้าสายตา
ถ้ามีเงินพอซื้อรถหรูเมื่อไหร่คงไม่ขับไปทำงานแน่ๆ กลัวคนยืมตังค์