Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: _ben ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2010, 21:24:36
-
ผมใช้ honda accord มาซักระยะหนึ่งแล้ว และเคยใช้แต่รถญี่ปุ่นครับ
ตอนนี้สนใจรถ c200 กับ 320d ครับ คิดว่าจะใช้เกิน 5 ปี
เลยอยากถามเรื่องค่าบำรุงรักษาดังนี้ครับ
1.ถ้าใช้ไปในช่วง 5-10 ปี จะเสียค่าซ่อมประมาณปีละเท่าไรครับ การใช้งานส่วนใหญ่ขับในเมืองครับ ปีละประมาณ 2 หมื่นกว่าโล
2.ทำไมรถยุโรปจึงมีค่าซ่อมสูงกว่ารถญี่ปุ่นมากครับ ผมเห็นรถ benz ใหม่ๆของเพื่อน ปีสองปีแรกยังเปลี่ยนโน่นนี่หลายอย่าง
แสดงว่านอกจากเรื่องอะไหล่ที่แพงกว่าแล้ว มันยังเสียง่ายกว่ารถญี่ปุ่นใช่ไหมครับ
-
1.ถ้าBMW 5ปีแรก คงไม่เท่าไรครับ เพราะมีBSI
2.ราคารถแพงกว่า ภาพลักษณ์แบรนด์แพงกว่า อะไหล่ ค่าบำรุง แพงเป็นเงาตามตัวครับ
จะเสียง่ายกว่าไหม อันนี้ตอบยากครับ ไม่อยากใช้คำว่าเสียอ่ะครับ อาจจะจุกจิกกว่าเพราะระบบไฟที่ซับซ้อนครับ แต่มันก้ไม่ได้จุกจิกง่ายขนาดนั้นครับ
จากเดิมบ้านผมใช้มาแต่ Honda,Mitsu,Toyota,Nissan ตอนนี้มีรถยุโรปคันแรกในบ้านครับ มองไปหลายยี่ห้อทั้งBenz,BMW สุดท้ายมาปลงใจที่Volvoครับ
ค่าบำรุงรักษาตอนนี้ ยังอยู่ในประกันครับ เลยไม่ค่อยหนักใจ น้ำมันเครื่องเปลี่ยนทุก25000กิโลเมตร ไม่ไหวครับ
ตอนครบ10000โล ผมสมัครใจเข้าไปเปลี่ยนเองที่ศูนย์ ต้องเสียเงินเอง
น้ำมันเครื่องดีเซล สังเคราะห์100% Castrol ขายลิตรละ 680บาท รถผมใช้7ลิตรนะ คูณ7เข้าไป :P
กรองน้ำมันเครื่อง310 บาท (อันนี้รับได้ ไม่แพง)
แล้วยังมีซีลฝาน้ำมันเครื่อง กับแหวนน๊อตรูถ่ายอีก ซึ่งไม่กี่บาทเองครับ
ฟรีค่าแรง เพราะอยู่ในประกัน
บิลออกมา5พันกว่าบาท ฮ่วย
หลังจากครั้งนั้น ผมเลยเอาไปเปลี่ยนที่อู่นอกแทนครับ ซื้อนมค.ที่ปั๊ม เป็นMobil1 แกลลอน6ลิตร+ขวดเล็ก1ลิตร รวมๆแล้ว2800บาทกว่าๆ เอาไปที่อู่นอกแถวรามอินทรา คิดค่าแรง200บาท
ประหยัดได้หลายขุมครับ ไว้ถึงเวลาเซอวิส ค่อยเข้าไปทำฟรีที่ศูนย์
ผมว่ารถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่นตรงที่ศูนย์ด้วยครับ Volvoเวลาจะเคลมอะไร เคลมโคตรง่ายเลยครับ ;D ก่อนหมดประกันผมว่าจะเคลมยางขอบประตูรอบคันไปเลย (วอลโว่ชอบใช้วัสดุรักษาสิ่งแวดล้อมครับ อะไหล่บางชิ้นเลยไม่ค่อยทน)
;)
ส่วนตัวถ้าจะให้แนะนำ ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบอะไรในBenzเป็นพิเศษ ผมว่า เอา320dครับ รถเก๋งดีเซลเป็นอะไรที่ใช้แล้วสุขใจ
แรง+ประหยัดไปด้วยกันได้
-
ผมใช้ honda accord มาซักระยะหนึ่งแล้ว และเคยใช้แต่รถญี่ปุ่นครับ
ตอนนี้สนใจรถ c200 กับ 320d ครับ คิดว่าจะใช้เกิน 5 ปี
เลยอยากถามเรื่องค่าบำรุงรักษาดังนี้ครับ
1.ถ้าใช้ไปในช่วง 5-10 ปี จะเสียค่าซ่อมประมาณปีละเท่าไรครับ การใช้งานส่วนใหญ่ขับในเมืองครับ ปีละประมาณ 2 หมื่นกว่าโล
2.ทำไมรถยุโรปจึงมีค่าซ่อมสูงกว่ารถญี่ปุ่นมากครับ ผมเห็นรถ benz ใหม่ๆของเพื่อน ปีสองปีแรกยังเปลี่ยนโน่นนี่หลายอย่าง
แสดงว่านอกจากเรื่องอะไหล่ที่แพงกว่าแล้ว มันยังเสียง่ายกว่ารถญี่ปุ่นใช่ไหมครับ
1. อยู่ที่รถครับ ที่ผมเจอกับ BENZ และ BMW ประมาณปีที่ 8-9 จะมีซ่อมพวกอุปกรณ์ตกแต่ง Option เสริม พวกตัวเครื่องตรง ๆ ซ่อมน้อยมาก ๆ พวกอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่น เบาะปรับไฟฟ้า สวิทช์ไฟฟ้าต่าง ๆ มักมีปัญหาก่อน ต้องใช้บ่อย ๆ จะได้ไม่เสีย ถ้าจอด ๆ ไว้ มันจะมีปัญหา อย่าง W124 ที่เคยใช้แทบไม่มีอะไรเสียจนปีที่ 8 แผ่นครอบกระจกมองข้างตรงที่เ็ป็นหนังหุ้มพลาสติกอยู่ดี ๆ ก็หลุดออก คอนโซลหนังก็ร่อนออก ไฟหน้าปัดหรี่มากจนมืด (ขับไป 2 แสนโล) พอมาใช้ W210และ W201 ก็คล้าย ๆกัน แถมมีพวกสวิทช์ปรับเบาะไฟฟ้ากดหน้าแล้วถอย กดเอนแล้วตั้งด้วย และหนักไปกว่านั้น W210 ไดชาร์จพังก็หลักหมื่นครับ W201 รีโมทเสีย(อันนี้หมดไป 18000 กับรีโมทกุญแจอันนึง) และซ่อมจุกจิกประปราย พอหลัง ๆ ผมเลยซื้อรุ่นธรรมดา Option อะไรไม่เอาได้ ก็ไม่เอา เลยไม่มีอะไรเสีย
ที่สำคัญ อู่นอกครับ ค่าใช้จ่ายรถสี่คันที่ผมใช้ ตอนนี้เฉลี่ยรวมปีละไม่เกิน 10000
2. ถ้าไม่นับโตโยต้า Altis ค่าอะไหล่นอกศูนย์ รถยุโรปไม่ได้แพงกว่ามหาโหดนะครับ เคยเปลี่ยนแม่ปั๊มเบรคBMW E36 Compact ตัวละ 4xxx เทียบกับ HILUX TIGER แม่ปั๊มเหมือนกัน ตัวนัดซัดไป 5000 กว่า ๆ หาของไม่ได้อีก โช๊ค CIVIC ES สี่ตัวเคยซื้อ 8xxx ของ BMW E46 สี่ตัว 7xxx อะไรว้าาา
ดูเป็นอย่าง ๆไปดีกว่า ไม่ได้แพงกว่าทุกชิ้น ไม่ได้ถูกกว่าทุกชิ้นครับ พวกไส้กรองรถยี่ปุ่นนี่ยอมรับว่าของนอกศูนย์อันละไม่ถึงร้อยมีเยอะมาก แต่ของรถยุโรปไม่ค่อยเจอครับ พวกลูกหมากรถยี่ปุ่นก็ไม่เิกิน 300 แ่่ต่ถ้า BENZ BMW ต้องมี มากกว่านี้ แต่ถ้าเข้าูศูนย์ ยี่ห้ออะไรผมว่ามันแพงเหมือนกันหมดล่ะครับ
-
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ค่อยเบาใจลง :)
เห็นหลายคนมักบอกว่าหมดประกันหรือเกินห้าปีให้ขายครับ