Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: JeansZ ที่ กรกฎาคม 20, 2015, 07:09:26
-
ตอนนี้ผมขับ Ford Fiesta ecoboost มาได้ครบ 1 ปีแล้วครับ โดยซื้อในราคาแรกๆ (779,000) ให้พ่อดาวน์รถให้ 25% ครับ ผมผ่อนต่อเอง บางเดือนพ่อก็ช่วยผ่อน แต่ระหว่างที่ใช้มามีกระแสความไม่เห็นด้วยจากญาติพี่น้องหลายคนครับ หลังจากที่ขับได้ไม่นานก็เพิ่งไปรู้ว่า เงินที่พ่อนำมาดาวน์รถให้ และเงินที่ส่งผมเรียน ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ยืมมาจากญาติๆ ทำให้ญาติหลายคนไม่เห็นด้วย ส่วนแม่ผมเองก็พูดคำนี้บ่อยมากครับ ว่าขับรถก็เหมือนอวดรวย แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ครับ เพราะคิดว่ารถผมมีไว้ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ไม่ได้เป็นเครื่องแสดงฐานะอะไรเลย แล้วไม่ใช่รถแบรนด์ premium ด้วย จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีเพื่อนผมมาทักว่า "พ่อยังนั่งรถเมล์ไปทำงานอยู่เลย แล้วทำไมพ่อซื้อรถให้ลูกขับอ่ะ" ทำให้ผมเริ่มคิดเรื่องนี้หนักมากขึ้นครับ เพราะเหมือนโดนเหยียด เลยมาถามสมาชิกในนี้ครับว่า รถที่ผมขับนี่ถือว่าเกินตัวไหมครับ
รายได้ครอบครัวต่อเดือน
พ่อ = 25,000
ผม = 17,500
แม่ (ไม่ได้ประกอบอาชีพ)
รวม 42,500 บาท
ค่าผ่อนรถ = 13,400
จริงๆ แล้วต้องการผ่อน 72-84 งวดครับ แต่เนื่องจากเหตุผลบางอย่างแล้วไฟแนนซ์ไม่ยอม เลยต้องผ่อน 48 งวด
ปล. เล่นเอาโครงการที่จะซื้อ Ford Focus Ecoboost หลังจากผ่อนเสร็จ เป็นอันต้องล้มเลิกไปเลยครับ เพราะผ่อนเสร็จแล้วต้องมาช่วยพ่อใช้หนี้และผ่อนบ้าน
-
ตอบยากครับ คำว่าเกินตัวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
1. เงินเดือน 100,000 แฟนเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ ลูก 3 รายจ่ายเดือนละ 80,000 ขับ camry ผ่อนเดือนละ 20,000 ก็อาจตีความได้ว่าเกินตัว
2. อีกคนรายได้ 50,000 โสด ไม่มีรายจ่ายอะไรมาก ขับ camry เหมือนกัน ก็อาจจะไม่เกินตัว
ต้องลองประเมินเองครับว่ารถช่วยให้เราเดินทางสะดวกขึ้น แต่ทำให้ชีวิตอีกด้านลำบากหรือไม่ คุ้มกันหรือไม่
-
ถ้าคุณยังไม่ซื้อรถผมจะแนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อหรือถ้าจะซื้ออีโคคาร์น่าจะพอ
แต่ซื้อไปแล้วดังที่แจ้งมาถามว่าเกินตัวไปมั้ย ผมว่าเกินครับ
เพราะรายได้ทั้งหมดที่กล่าวมาผมว่าตึงไปครับสำหรับคนสามคน (คหสต)ครับ
-
ซื้อมาแล้ว ด้วยความเห็นชอบของพ่อ ผมว่าok นะ ขอให้รักพ่อมากๆ ดูแลและคอยบริการรับส่ง ถือเป็นรถครอบครัว
ก็ok ส่วนโครงการใหม่ หลังผ่อนเสร็จ ถ้าไม่มีเหตุผลอื่น ไม่เห็นด้วยอย่างแรง เก็บเงินสดให้มากนะครับช่วงนี้
-
กรณีนี้ผมมองว่าเกินตัวนะ ผ่อนรถเดือนละ13,400บาท หลังจากหักเงินเดือนคุณจะเหลือ4,100บาท
แล้วเติมน้ำมันตีสักสัปดาห์ละ 500x4=2,000 คุณจะเหลือไว้ใช้ส่วนตัว 2,000บาท นี่ผมตีค่าน้ำมันถูกเว่อๆเลยนะครับ
ไหนจะค่าทางด่วน เตรียมตังไว้ดูแลมันอีก
เพราะฉนั้นยังไงผมว่าคุณก็ต้องให้คุณพ่อช่วยบ่อยๆแน่นอน แต่ซื้อมาแล้ว ก็สู้ๆครับ
*เกินไม่เกินตัวอาจต้องดูด้วยว่าทางบ้านคุณมีเงินออมเท่าไรครับ
-
ตอนนี้ผมขับ Ford Fiesta ecoboost มาได้ครบ 1 ปีแล้วครับ โดยซื้อในราคาแรกๆ (779,000) ให้พ่อดาวน์รถให้ 25% ครับ ผมผ่อนต่อเอง บางเดือนพ่อก็ช่วยผ่อน แต่ระหว่างที่ใช้มามีกระแสความไม่เห็นด้วยจากญาติพี่น้องหลายคนครับ หลังจากที่ขับได้ไม่นานก็เพิ่งไปรู้ว่า เงินที่พ่อนำมาดาวน์รถให้ และเงินที่ส่งผมเรียน ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ยืมมาจากญาติๆ ทำให้ญาติหลายคนไม่เห็นด้วย ส่วนแม่ผมเองก็พูดคำนี้บ่อยมากครับ ว่าขับรถก็เหมือนอวดรวย แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ครับ เพราะคิดว่ารถผมมีไว้ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ไม่ได้เป็นเครื่องแสดงฐานะอะไรเลย แล้วไม่ใช่รถแบรนด์ premium ด้วย จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีเพื่อนผมมาทักว่า "พ่อยังนั่งรถเมล์ไปทำงานอยู่เลย แล้วทำไมพ่อซื้อรถให้ลูกขับอ่ะ" ทำให้ผมเริ่มคิดเรื่องนี้หนักมากขึ้นครับ เพราะเหมือนโดนเหยียด เลยมาถามสมาชิกในนี้ครับว่า รถที่ผมขับนี่ถือว่าเกินตัวไหมครับ
รายได้ครอบครัวต่อเดือน
พ่อ = 25,000
ผม = 17,500
แม่ (ไม่ได้ประกอบอาชีพ)
รวม 42,500 บาท
ค่าผ่อนรถ = 13,400
ปล. เล่นเอาโครงการที่จะซื้อ Ford Focus Ecoboost หลังจากผ่อนเสร็จ เป็นอันต้องล้มเลิกไปเลยครับ เพราะผ่อนเสร็จแล้วต้องมาช่วยพ่อใช้หนี้และผ่อนบ้าน
สรุปคือ เงินดาวน์คุณเองก็ไม่มี เงินจะผ่อนแต่ละเดือนก็ไม่พอต้องให้พ่อช่วย
ผมเดาเลยว่าคุณยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ มีค่าใช้จ่ายแค่ส่วนตัวกับรถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านพ่อคุณออก
เงินดาวน์ที่พ่อช่วยก็ยืมมาจากญาติ เงินที่ส่งคุณเรียนก็ยังต้องยืมมาจากญาติ
ขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรือครับว่าเกินตัวหรือเปล่า
ผมว่าคุณควรตั้งสติในการใช้เงินให้มากๆนะ อย่างวิธีเลือกรถถ้าคุณคิดว่ารถเป็นยานพาหนะเพื่อใช้งานจริงๆอะนะ ecocar ราคาถูกกว่ามีเยอะแยะหลายรุ่น ทำไมไปเลือก Fiesta ecoboost ซึ่งแพงสุดในกลุ่ม a-b segment ผ่อนยังไม่ทันไรชักหน้าไม่ถึงหลังวางแผนจะเอาคันแพงกว่าอีกแล้ว
-
หาจุดร่วมก่อนครับ
หากทำแล้วไม่เดือดร้อนใครหรือเบียดเบียนใคร อันนี้สมควร
เรื่องราวเล่านี้เป็นพื้นที่สีเทา ไม่มีถูกผิดครับ
หลายเรื่องราวเป็นเรื่องใหม่ไม่คุ้นชิน ถือเป็นประสพการณ์ครับ
ขอให้มีความสุขกับปัจจุบันครับ
-
ในเมื่อมาขอความเห็นก็ให้ความเห็นกันไปอย่าว่ากันนะครับโดยอิงพื้นฐานจากข้อมูลที่คุณให้มาเท่านี้
ผมมองว่าเกินตัวครับ ทางบ้านส่งเสียให้เรียนจบก็น่าจะเพียงพอแล้วทำงานหาเงินได้เองก็ไม่ควรจะรบกวนทางบ้านอีกโดยเฉพาะยิ่งทางบ้านไม่ค่อยมีฐานะอะไร (คุณพ่อเงินเดือน 25,000 คุณแม่ไม่มีรายได้ ผ่อนบ้าน) แม้แต่เงินดาวน์ยังต้องหยิบยืมญาติๆอีกถ้าไม่ได้ยืมเค้าก็ไม่จำเป็นต้องฟังอะไร (ถ้าผมเป็นญาติผมไม่ให้ยืมไปดาวน์รถ ส่วนเรื่องยืมเพื่อส่งลูกเรียนผมให้ยืม) ส่วนเรื่องคุณพ่อนั่งรถเมล์อันนี้ไม่มีความเห็นเพราะอาจสะดวกกว่ารถส่วนตัวก็ได้
ถ้ายังไม่ซื้อรถผมคงแนะนำให้เอา Eco Car ก็พอเงินดาวน์ก็ไม่แพงนักเก็บไม่กี่เดือนก็ได้แล้ว งวดรถก็ไม่สูงนักผ่อนได้สบายๆไม่ต้องรบกวนทางบ้านอะไรเลยแต่นี่ซื้อมาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป อย่าให้ขาดส่ง ดูแลรถให้ดีอย่าให้มันพัง ขับรถดีๆอย่าให้ไปชนอะไรเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าเอาตัวรอดให้ได้แล้วละ
ป.ล. เป็นเพียงความเห็นของคนนอกคนนึงเท่านั้นนะครับ ซึ่งความจริงพ่อคุณคงยินดีที่ทำอะไรให้คุณ ดังนั้นคุณความตอบแทนท่านด้วยการตั้งใจทำงาน ตั้งตัวให้ได้ มีโอกาสก็พาไปเที่ยว ให้ท่านได้ภูมิใจในตัวคุณก็เพียงพอแล้วหละ
-
ไม่ครับ
เกินตัวคือ มีรถคนละ 2 คัน เพราะจะเกินตัวไป 1 คัน
-
รักพ่อให้มากๆนะครับ
-
ถ้าผมมีเงินเดือน 1.7 หมื่น ผมไม่กล้าผ่อนรถเดือนละ 1.3 หมื่นครับ
ถ้าจำเป็นต้องใช้รถจริงๆ ผมอาจหาเอายาริสรุ่นล่างๆราคาราว 470k คันนึงพอ
อันนี้ คหสต ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วน่ะครับ
-
ที่บ้านมีรถใช้คันเดียว ไม่เกินตัวครับ
พ่อนั่งรถเมล์ บางครั้งท่านก็พอใจ จุดนั้น
ที่สำคัญ พาท่านนั่งรถไปเที่ยว หรือ ธุระ บ้างครับ
-
เกินตัวครับ ผมเห็นทฤษฎีในเว็บนี้ล่ะครับ บอกว่าควรผ่อนรถไม่เกิน 30 % ของรายได้หรือมากกว่านั้นนะผมไม่ค่อยจำตัวเลข เพราะเงินที่เหลืออย่างที่ท่านอื่นว่า ค่าน้ำมัน ทางด่วน ค่าดูแลบำรุงรักษา ค่าประกัน ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัว เงินเก็บ ถ้าเงินเดือน 17500 ที่บอกว่ารายได้รวม 42000 ไม่ควรเอาของพ่อมารวมนะครับ ต้องดูว่าเราไหวแค่ไหน ถ้ารายได้ที่เหมาะกับ จขกท ผมว่าน่าจะเป็นพวกอีโคคาผ่อนซักเดือนละ 4000-6000 เพราะดูแล้วบางเดือนยังต้องกวนคุณพ่ออยู่ ต่อให้เป็นรถของครอบครัว มันก็ต้องตามอัตภาพครับ วันข้างหน้าเงินเดือนมากขึ้นจะขยับขยายมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
-
ถ้าเอาภาพที่คนอื่นมอง เกินตัวครับ รายได้ของคุณแทบๆพอๆกับค่าผ่อนรถเลย
แต่ถ้ามองในอีกแง่ ซึ่งผมมองคือ มีรถไว้สำหรับเป็นรถของที่บ้าน 1 คันไว้ใช้ยามฉุกเฉิน พาครอบครัวไปเที่ยว ออกต่างจังหวัด เดินทางไกลโดยที่ไม่ต้องใช้บริการรถทัวร์ แต่ในขณะที่คุณพ่อยังต้องนั่งรถเมล์ เพราะอะไร ตรงนี้คุณน่าจะเข้าใจดี รายละเอียดที่ให้มาไม่ครบเลยไม่อยากคิดเผื่อครับ
สรุป ต่างมุมมองของแต่ละคนครับ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่คนอื่นเขาพูดๆกันหรอก ผมคิดว่าอีกไม่นานคุณคงมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยที่สามารถแบกรับภาระตรงนี้คนเดียวได้
-
ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องเกินตัวไม่เกินตัวหรอกครับ แต่มันผิดหลักการการผ่อนตั้งแต่ไปยืมเงินคนอื่นมาดาว์นรถแล้ว ญาติพี่น้องไม่พอใจก็ไม่แปลก
ถ้าถือว่าเป็นรถสำหรับครอบครัว เพื่อความสะดวกสบายของครอบครัวก็ใช้ไปเถอะครับ ซื้อมาแล้วถอยไม่ได้แล้ว
-
มาขอความคิดเห็นก็จัดให้ครับ สำหรับผมคือเกินตัว ค่ารถ 13.xxx ค่าน้ำมัน ผมว่าอย่างต่ำๆก็เดือนละ 2500-3000 บาท
เงินเดือน 17.xxx เหลือเงินใช้กี่บาท แน่ๆ พ่อก็ต้องช่วยอยู่แล้ว คุณบอกว่าพ่อต้องผ่อนบ้านด้วย พ่อเงินเดือน 25.xxx ผ่อนบ้านเท่าไหร่ครับ
เดาๆก็สัก 10.xxx เหลือเงิน 15.xxx ในการใช้จ่ายของคน 3 คน ผมว่าฝืดสุดๆเลยแหละ
ไหนหนี้ที่ต้องจ่ายจากการไปยืมมาดาวน์รถอีก เป็นผมคงมองแค่ ecocar เท่านั้นแหละ ผ่อนเดือนละ 6-7000 กำลังดี
แต่ไหนๆก็ซื้อมันมาแล้ว จะขายไปออกอีโคคาร์ก็คงราคาตกสุดๆ เพราะตอนนี้ ecoboost ก็ลดเป็นแสนแล้ว
ฉะนั้นคุณต้องหาทางเพิ่มเงินเดือนของคุณเอง หารายได้เสริม อย่างน้อยเดือนละ 4-5000 ครับ
พอผ่อนเสร็จก็หยุดโครงการ focus ไว้เลยครับ รถมันเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย เก็บเงินช่วยพ่อผ่อนบ้าน จ่ายหนี้ให้หมดก่อน
หรือรอให้คุณมีเงินเดือนเป็น 2 เท่าของตอนนี้ก่อน ค่อยว่ากันครับ
-
ต้องขออภัยหากผมพูดตรงไปนะครับ
เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตเลยนะครับ เก็บไว้คอยย้ำเตือนตัวเอง การมีรถในครอบครองมันคงไม่ใช่แค่รายรับพอผ่อนรายเดือนไหม แต่มันยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าภาษี ค่าประกัน
ขับแบบไหนถึงจะเกินตัว ตอบตามตรงก็แบบเจ้าของกระทู้นี่แหละ เกินตัวไปมากเลยครับ
รายรับทั้งครอบครัว 42,500 บาท
ผ่อนรถ 13,400 บาท
เหลือเงิน 28600 บาท
ใช้กินอยู่ 3 ชีวิต ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ นี่ไม่เผื่อป่วยหรือไม่สะบายเลยนะครับ เป็นการใช้เงินที่เสี่ยงมากครับ จริงๆรายรับประมาณนี้น่าจะซื้ออีโค่คาร์มาใช้มากกว่า ดังนั้นต้องมีสติในการใช้ชีวิตช่วงกำลังผ่อนนี้ให้มากๆครับ ผ่อนหมดแล้วก็ช่วยหาเงินชำระหนี้ที่คุณพ่อสร้าง และรักคุณพ่อให้มากๆ ครับ ท่านคงต้องเข้มแข็งมากเพียงเพื่อให้คุณได้ใช้รถ
ส่วนตัวผมรายรับหา 2 คนกับภรรยา และมีอาชีพเสริมอีก 2 อย่าง เดือนนึงๆ ผมรับขั้นต่ำที่ 155 K เงินเก็บผมอีก ผมยังคิดแล้วคิดอีกเรื่องจะซื้อรถ เพราะต้องดูแลลูกชาย 2 คน และคุณพ่อ คุณแม่ของผมและภรรยาก็อายุเริ่มมากแล้ว ต้องเตรียมไว้เผื่อท่านไม่สะบาย ความเสี่ยงในชีวิตรอบตัวเรามีมากครับ ถ้าคิดจะสร้างภาระ เช่น การมีครอบครัว มีลูก มีรถ คุณก็ต้องพร้อมจะรับและจัดการกับความเสี่ยงจากภาระนั้นๆ ได้
-
คำว่าเกินตัว มีหลายความหมาย และหลายมิติ อยู่ที่วัย วุฒิภาวะ นิสัยการใช้เงิน ความจำเป็นในการใช้ ฯลฯ
ในกรณีของคุณ เมื่อมองในมุมมองของผม อาจจะเกินตัวอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก เนื่องจากทั้งบ้าน มีรถอยู่คันเดียว หากมีความจำเป็นขึ้นมา คุณจะเห็นคุณค่าของมัน แต่อย่าไปปีนป่ายขึ้นไปอีก.....
แต่หากเทียบกับผม ถ้าจะซื้อรถ ผมสามารถรวบรวมงินส่วนที่ลงทุนมารวมกันพอที่จะซื้อรถอีคลาสเงินสดได้สบาย ๆ แต่ผมก็พอใจที่จะนั่งรถมือสอง เป็นหลัก เนื่องจากผมใช้เป็นพาหนะ เท่านั้น
แต่บางคนไม่ใช่ พาหนะที่เขาใช้นั้น เป็นตัวส่งเสริมกิจการงานที่ทำ และฐานะทางสังคม แบบนี้ ก็เป็นความจำเป็นของเขา ซึ่งเขาจะมาขี่แบบผมก็คงไม่ได้...
-
ด้วยความเคารพ ผมมองว่ามัน ผมมองว่ามันเกินตัวไปนะครับ ค่าผ่อน13000 ค่าน้ำ2000 เหลือเงินไว้ใช้จ่าย+เก็บสำรอง น้อย ไหนจะค่าบำรุงรักษาตามระยะ ไหนจะค่าประกันรถอีก ถ้าเป็นผมคงนั่งรถเมล์รถตู้ไปทำงานดีกว่าครับ หรือจำเป็น ต้องมีรถจริงๆ คงเอาแค่ecocar สักคัน เป็นเกียร์ออโต้ ต่ำสุดพอครับ ผ่อนไม่หนัก ผู้ใหญ่ที่พูด ก็ถูกของเขาอะครับ
ขออนุญาตเปรียบเทียบกับตัวผมเองนะครับ ที่บ้านไม่มีหนี้ พ่อกับแม่ ฐานะของเขาไม่ลำบาก ผมจบใหม่ทำงานมา 2 ปี เงิน25000 ที่บ้านช่วยดาวน์ 100000
ที่เหลือ ออกเอง ผ่อนเดือนละ 9500 5 ปี civic fb ค่าน้ำมัน2000 ที่พักฟรี ไม่กินไม่เที่ยว เก็บได้เดือนละ10000 ผมยังรู้สึกว่าเกินตัวเลยครับ(หลังจากทำงานไม่เคยขอเงินที่บ้านเลยครับ) ถ้าเลือกได้คงนั่งรถเมล์รถตู้ไปทำงาน หรือถ้าจะเอารถคงถอย รถเล็กๆผ่อนสบาย เก็บตังไว้ดาวน์บ้าน ขอแฟน หรือ เก็บไว้ลงทุนดีกว่าครับ
คหสต.
-
อ่านดูแล้ว จขกท. ก็รู้ตัวระดับนึงแล้วครับ
คงอยากได้คำแนะนำจากสมาชิกในนี้
คุณ จขกท. โชคดีที่มีพ่อที่รักลูกมาก ขอให้ตอบแทนท่านอย่างเต็มความสามารถครับ ;)
-
ว่ากันตามตรง ก็ถือว่าเกินตัวไปเยอะเลยล่ะครับ สำหรับรายได้ ที่ต้องจ่ายค่างวดรถถึง 75% ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ซึ่งรายจ่ายอื่นๆ ของคุณ ก็ถูกโยนไปเป็นรายจ่ายที่ คุณพ่อของคุณต้องจ่ายแทน
ในขณะที่คุณพ่อของคุณเอง ก็มีภาระในการผ่อนบ้าน และชำระหนี้กู้ยืมต่างๆอยู่แล้ว
ดังนั้น อย่าไปโกรธเพื่อนคุณเลยครับ ต้องขอบคุณเขาซะอีกที่ช่วยเตือนสติเรา
เขาไม่เหยียดอะไรหรอก มันเป็นไปตามเนื้อผ้าอย่างนั้นจริงๆ
อันดับแรก ตั้งสติ มองดูว่ารถยังจำเป็นอยู่ไหม แต่เชื่อว่าคุณคงบอกว่าจำเป็น
ถ้าคุณอยากจะเก็บรถไว้ ต้องหารายได้เสริมโดยด่วน หรือหางานที่มีรายได้มากขึ้นครับ
ต่อมาลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมด กิน เที่ยว ดูหนัง แม้แต่การใช้รถเอง เก็บไว้ใช้เวลาไปไหนทั้งครอบครัว
ส่วนวันปกติก็ใช้รถสาธารณะ
แต่ถ้ามันตึงมาก แนะนำว่าขายครับ ถ้าไม่ติดสัญญารถคันแรก ลดภาระค่าใช้จ่ายก่อนครับ
แล้วช่่วยคุณพ่อ ชำระหนี้ต่างๆให้หมด แล้วค่อยกลับมาซื้อรถก็ได้ครับ
หรือหามือสอง ที่ค่างวดไม่เกิน 5-6000 ใช้แทนครับ แล้วเอาส่วนต่างไปชำระหนี้สิน ถ้ายังอยากมีรถอยู่
สุดท้ายนะครับ การไม่มีเงินเก็บติดตัวเลย เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากนะครับ ยิ่งหากมีเรื่องฉุกเฉินขึ้นมา
เรื่องเสียหน้า ไม่เสียหน้า ที่ขายรถ หรือ เปลี่ยนมาใช้รถเก่า มันอยู่ที่ตัวเราครับ
อย่าลืมว่าคนที่มาพูดเหน็บแนม พวกนี้ เค้าไม่ได้มาช่วยเราจ่ายนะครับ
ลองหาทางออกดูครับ ผมเข้าใจนะ ว่าเราชอบรถ อยากขับรถ
ตอนผมเจอปัญหา รายได้ลดลง ผมก็เปลี่ยนมานั่งรถเมลล์แทนครับ
แรกก็เก้ๆกังๆ หน่อย เพราะไม่ได้นั่งนานเป็นสิบๆปี
ต้องออกจากบ้านเช้ามืด กลับถึงบ้านสาม สี่ทุ่ม
พอปรับตัวได้ สุดท้ายมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย
ของผมโชคดีหน่อย ที่ตอนนั้นรถไม่ต้องผ่อนแล้ว พอมีเรื่องฉุกเฉินเข้ามาอีก ก็ขายออกไป
พอวันที่พร้อมจริงๆ ก็หาใหม่ครับ
สู้ๆครับ
-
ถ้าเอาตามหลักการเงิน การผ่อนสินค้าอะไรก็ตามต้องมีเงินดาวน์ 1 ใน 3 ของมูลค่าสินค้านะครัย ส่วนเงินที่ผ่อนนั้น ต้องไม่เกิน10 % ของรายได้ทั้งหมด ลองไปคำนวนเอาดูนะครับ ถ้าทำได้ก็จะดีมากๆกับชีวิตที่ไม่เดือดร้อนอะไรมาก สามารถ เพื่อเงิน ในการเจ็บป่วยหรืออะไรก็ตามความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงไม่ค่อยมีใครอยากจะทำเพราะ มันเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
-
หลายท่านได้แนะนำไปเยอะแล้ว ต่อจากนี้ก็จะต้องมีวินัยหนักๆในทุกๆเรื่องละครับ เป็นกำลังใจให้ผ่านไปด้วยดีครับ อย่างน้อยเวลาพาพ่อกับแม่เราและคนในครอบครัวไปไหนมาไหนก็สะดวกขึ้น เรื่องนี้สร้างประสบการณ์ได้เป็นอย่างดีเลยครับ
-
ถามว่าเกินตัวไหม ผมตอบเลยว่าเกินตัวครับ
เพราะส่วนตัว ผมมองว่า การที่คุณซื้อรถนั้น คุณควรจะมีเงินเดือนมากกว่าค่าผ่อนรถ 2 เท่าเป็นอย่างต่ำ
เคสของ จขกท ผมมองเฉพาะรายได้ของคุณคนเดียวนะ รายได้ของคุณพ่อคุณ ผมไม่ได้มอง เนื่องจากถือว่ารถเป็นของคุณคนเดียว
ตอนผมซื้อรถคันแรก เงินเดือน รวมโอทีต่างๆ แล้วรับอยู่ระหว่าง 1.5-2 หมื่น ผ่อนเดือนละ 6,100 บาท ยังรู้สึกตึงๆมือเลยครับ(9 ปีที่แล้ว ค่าครองชีพถูกกว่าปัจจุบันอีกต่างหาก)
อย่างไรก็ตาม คุณก็ซื้อรถมาแล้ว ตอนนี้ก็ต้องกัดฟันผ่อนต่อให้หมดล่ะครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ หาอาชีพเสริมให้มีรายได้เพิ่มเติมมากกว่านี้หน่อยก็จะดีนะครับ
อ้อ พออ่านแล้วผมรู้สึกได้ว่า พ่อแม่คุณ รักคุณมาก รักท่านให้มากๆนะครับ
-
พ่อรักคุณมาก คุณก็รักพ่อให้มาก ๆ เรื่องรถมันผ่านไปแล้ว คุณควรหารายได้เพิ่ม เพื่อมาช่วยเหลือครอบครัวของคุณ
-
พ่อรักคุณมาก ผมละอิจฉาจริงๆ
แต่คุณรู้ไหมว่ารถที่ซื้อมาปีแรกเท่านั้นที่เรามีความสุขและเห่อมันมากๆ หลังจากนั้นพอครบ1.5-2ปีเราจะเบื่อหน้ามันมาก คุณยังต้องรู้สึกแย่กว่านี้อีกขอให้เตรียมใจไว้
เรื่องเกินตัวผมมองว่า รถก็ซื้อมาแล้ว คิดมากไปก็มีแต่ผลเสีย เอาคำบ่นด่าของคนอื่นมาทำให้คุณเป็นลูกพ่อที่ดีกว่าเดิมให้ได้ คิดบวกไว้นะครับ
เรื่องรถมันเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเหลือเฟือจริงๆ ทุกวันนี้มันล่อตาล่อใจก็ต้องหักห้ามใจให้ได้ ลืมๆเรื่องรถไปบ้างก็ดี
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามลำดับ ไม่อย่างนั้นครอบครัวเราอาจจะล้มละลายได้ ถ้าคุณอยากจะขับ Focus ecoboots ก็ต้องรอวันที่รายได้คุณเกิน 100,000
ตอนนี้ต้องอดทนอย่างเดียว ซื้อมาแล้วเบื่อแค่ไหนก็อย่าผลักภาระไปให้พ่อเด็ดขาด ขับเองผ่อนเอง บทพิสูจน์นี้หนักหนาแสนสาหัส แต่คุณต้องผ่านไปให้ได้ ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนเก่งพอ
-
เกินจ้า ... คนเป็นพ่อ/แม่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกสบายครับ
แต่เคสคุณผมว่า มันเสี่ยงไปน่ะครับ หากวันนึงคุณพ่อไม่อยู่แล้ว รถคันนี้จะเป็นของคุณอยู่รึเปล่าครับ คุณพ่อมีการทำประกันชีวิตไว้มั่งรึเปล่าครับ นี่ยังไม่รวมเจ็บป่วยค่ารักษาพยาบาลสมาชิกในครอบครัวนะครับ
ผมว่ารีบๆผ่อนให้หมดดีกว่าครับ และหาทางเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวคุณครับ ใช้งานของที่มีอยู่ให้คุ้มค่า ( ขายก็คงไม่คุ้มอยู่ดี ) ดูแล และรักคุณพ่อให้มากๆนะครับ
-
คุณซื้อแล้ว ณ ตอนนี้ผ่อนแล้ว
อ่านความเห็นคนอื่นเยอะๆแล้วจะปวดหัวครับ อยู่ที่ตัวเราเองดีกว่าว่าคิดอย่างไร คุยกับพ่อให้รู้เรื่อง ถ้าคุณบอกว่าแม่พูดอยู่ทุกวัน ผมคิดว่าเขาคงเครียดว่าอาจโดนดูถูกดูแคลนจากคนรอบข้าง ถามว่าเงินที่พ่อไปยืมญาติๆ เขาเต็มใจให้ยืมเราไม่ได้เอาปืนไปจี้ปล้น ยอ่งเป็นพี่น้อง ก็ต้องช่วยเหลือกัน ให้ยืมฟรี ไม่มีดอก เขาจะพูดอย่างไรก็ช่างเขาครับ ทำงานเก็บเงินคืนเขา แล้วความโล่งอกสบายใจจะตามมาเอง ใครจะไปรู้ที่คุณพ่อไปยืมอาจเสียดอกเบี้ยให้ด้วยซ้ำไป ถ้าทนไม่ไหวก็ลองกู้ผ่านสถาบัน น่าจะเสียดอกเยอะกว่าแต่จะไม่มีคำสบประมาทของญาติๆมาให้รำคาญหู ที่สำคัญถ้ารักษาประวัติการเงินดี สร้างเครดิตให้ตัวเองได้อีก
ปัญหาที่ผมอ่านของคุณ ผมว่าไม่เกินตัวครับ แต่ที่คุณบอกว่าโครงการเตรียม Focus EcoBoost อันนี้ผมว่าไม่ควรแล้วครับ ผ่อนให้หมดก่อนดีกว่า ในเมื่อรถไม่มีปัญหาอะไร
**ขออภัยครับ ผมอ่านเป็นรายรับเดือนละ 14x,xxx !!!!!!!!!!!!!
-
เป็นผมคงไม่กล้าทำแน่ เห็นพ่อขึ้นรถเมล์ไปทำงานทุกเช้าในขณะที่ตัวเองขับรถที่พ่อไปกู้เงินคนอื่นมาดาวน์ให้ มันโคตรขัดความรู้สึก รถไม่ใช่ของจำเป็นของครอบครัวขนาดนั้นหรอกครับ ขนส่งมวลชนมีเยอะแยะ มันก็เป็นพาหนะที่พาคุณไปไหนมาไหนได้เหมือนกัน ถูกกว่าด้วย ช่วยพ่อแม่ใช้หนี้ ผ่อนบ้านให้สบายตัว เก็บเงินสำรองไว้ดูแลพวกท่านยามเจ็บป่วยก่อนค่อยคิดถึงความสะดวกสบายของตัวเอง ที่แม่พูดน่ะถูกแล้ว ถ้าอยากมีจริง ก็ดูรถมือสองไปก่อน นี่ยังจะมาคิดถอยรถใหม่ตอนผ่อนหมดอีก ลองทบทวนดูใหม่ครับ.... :-\
-
มาให้กำลังใจครับ สู้ต่อไป
ผิดเเล้วเป็นบทเรียน อย่าผิดซ้ำ
ที่สำคัญในความเห็นผมคือ อย่านำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นให้เกิดการมีปากเสียง หรือมีข้อขัดเเย้งใดๆเพิ่มขึ้นระหว่างตัวคุณกับญาติคุณ
เค้าติงมา ผมมองว่าเพราะเค้าห่วงพ่อคุณ ซึ่งเป็นความหวังดี เราต้องเข้าใจตรงจุดนี้ด้วย
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำที่สุด คือ พยายามทำให้ปัญหานี้ผ่านไปให้ได้ หรือถ้ามีเหตุที่จะทำให้ไม่ได้ ก็ต้องบริหารจัดการและตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และเหมาะสมที่สุดครับ เช่น ถ้าไปไม่ไหวขึ้นมากลางคัน คุณอาจจะคิดว่า เฮ้ยยอมไม่ได้ พ่อลำบากมาให้ขนาดนี้แล้ว จนคุณเกิดไปสร้างหนี้ก้อนใหม่เพิ่มมาอีก โดยไม่คำนวนให้เหมาะสม จนบานปลายกันไปใหญ่ อะไรประมาณนี้ครับ
ขอให้มีสติ แก้ปัญหาเป็นเปลาะไปครับ
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากบอกคือ คุณโชคดีมากที่มีคุณพ่อที่รักและยอมเสียสละให้คุณได้ขนาดนี้
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ระลึกถึงข้อนี้ไว้เป็นสำคัญครับ
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับผม เอาใจช่วย
-
รักคุณพ่อ ให้มากๆคับ
เพราะท่านรักคุณมากครับ^^
-
ตามข้อมูลที่น้องบอกมา ยังไงก็เกินตัวครับ ยิ่งถ้าคุณรู้ว่าพ่อต้องไปหยิบยืมมาช่วยดาวน์ ช่วยผ่อนบางเดือน แถมพ่อยังยอมนั่งรถเมล์ไปทำงาน ยอมลำบากแทนคุณ แค่นี้ผมว่าก็ไม่เหมาะไม่ควรแล้วนะครับ แต่มารู้ทีหลัง หลังจากซื้อไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แล้วหล่ะครับ
ต้องประหยัดและพยายามผ่อนต่อเองให้ได้ทุกเดือน อย่าไปรบกวนพ่อให้มาช่วยผ่อนอีก ซ้ำยังจะต้องหาเงินไปช่วยพ่อคุณที่หยิบยืมมาเพื่อคุณด้วยนะครับ จริงจริงแค่เห็นคุณคิดว่าจะซื้อ Ford Focus Ecoboost ต่ออีก หลังจากผ่อนคันนี้หมด นี่ก็ไม่เหมาะสมแล้วนะครับ แต่โอเค เพราะถึงตอนนั้น รายได้คุณอาจเยอะขึ้นมากกว่านี้แบบชัดเจน แต่อนาคตไม่แน่นอน อยู่กับปัจจุบันไว้ครับ ตอนนี้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด รับผิดชอบค่าผ่อนรถให้ได้ด้วยตัวเองทุกเดือนก็พอแล้วครับ มันเป็นภาระที่คุณต้องรับผิดชอบให้ได้ด้วยตัวเอง สู้สู้ครับ รักพ่อและดูแลท่านดีดีนะครับ
-
ตามสูตร
พี่ต้องเอาเงินเก็บ หักรายได้ " เงินคงเหลือจึงเอาไปใช้ครับ "
แล้วไอ้เก็บเนี่ย เก็บจริงๆนะครับ (ไม่ได้เก็บไปซื้อของอีก)
ถ้าพอจะมีเงินเหลือจากการใช้อีก
ค่อยสะสมแล้วไปลงทุนได้อีกด้วยครับ
ณ ปัจจุบันซื้อรถไปแล้ว
ก็ต้องใช้รถครับ ต้องขับถนอมๆ เพื่อเลี่ยงค่าซ่อมแซมรถยนต์(ตัวโหดๆ)
(แต่ค่าบำรุงรักษา MAINTAINANCE ก็ยังคงต้องจ่ายยืนพื้นตลอดครับ )
อะไรที่ผู้อื่นบอกกล่าว
ให้ตั้งสติ แล้วค่อยๆ นำสิ่งนั้น มาตริตรอง ให้รอบคอบครับ
ถ้ามันเป็นจริงดังเขาพูด --> แก้ไขตัวเรา
ถ้ามันไม่จริงดังเขาพูด ---> ก็เป็นเรื่องปรกติที่จะมีคนคิดต่างครับ
รักครอบครัว รักคุณพ่อไว้ครับ
ครอบครัวมีความสุข ทุกคนก็มีกำลังกาย กำลังใจ ทำได้ทุกอย่างครับ ^ ^
-
ถ้าเทียบกับเงินเดือนพี่ ผมว่าไม่เกิน Fiesta ดาวน์ 25% ผ่อนไม่น่าเกิน 1 หมื่น ถ้าพี่อยู่กับทางบ้านและทางบ้านไม่มีหนี้นะ ไม่น่าจะเกินตัว
แต่ถ้าบ้านยังมีหนี้ แล้วต้องผ่อนรถอีก น่าจะเกินครับ
งั้นขออนุญาตเล่าถึงกรณีผมบ้างนะครับ แม่ผมเงินเดือน 37,000 แต่มีหนี้เยอะมาก เงินเดือนเหลือ 3,000 บาท แต่แม่ซื้อรถ Altis CNG โดยใช้สิทธิ์ดาวน์ 0% ผ่อนเดือนละ 12,517 บาท ทุกเดือนยืมน้าผ่อนแลัยืมน้าใช้จ่ายในครอบครัว เพราะเงินเดือนแม่ทั้งหมดไปกับค่าบ้านแล้วครับ
เป็นอย่างนี้มา 3 ปี แม่ผ่อนไม่ไหว รีไฟแนนซ์ให้ผ่อนเดือนละ 8,465 บาท แต่ยอดหนี้เพิ่มจาก 550,000 เป็น 720,000 แต่เป็นอย่างนั้นได้ 4 เดือน แม่ผมเสีย รายได้หลักของครอบครัวหมดไป คนผ่อนรถไม่มีแล้วแต่หนี้รถยังเหลืออยู่ ทุกวันนี้ผมต้องใช้เงินประกันแม่ผ่อนยื้อรถคันนี้ไปจนกว่าคำสั่งผู้จัดการมรดกออกและเปลี่ยนสัญญาคนผ่อนได้ (โชคดีที่ญาติสนใจจะผ่อนต่อไม่งั้นถ้ารถโดนยึดผมอาจจะโดนเรียกเก็บหนี้ที่เหลืออีก 3 แสน)
มันดูเกินตัวมากแต่ถ้าผมบอกว่ารถคันนี้แม่ผมใช้ไปทำงานทุกวันวันละ 60 กิโลเมตรขั้นต่ำ หรือบางวันไปประชุมไป ตจว อาจจะ 100-200 กิโล ใช้ไปเที่ยวกับครอบครัว ไปส่งแม่ไป รพ. ที่เชียงใหม่ทุกเดือนจนถึงวันที่แม่ผมเสีย ก็ถือว่ารถคันนี้ทำหน้าที่มันได้ดีที่สุดแล้ว ได้ใช้จนคุ้มค่าแล้วเหมือนกัน (ที่ทำงานแม่ผมเป็นโรงเรียนบ้านนอก บ้านผมก็ไกลตัวเมือง ไม่มีรถประจำทางผ่านที่ทำงานแม่)
เรื่องรถพี่มันผ่านไปแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่อย่าให้มันเป็นภาระหนักไปกว่าเดิม มีไว้ก็ใช้ไปเหอะครับ ถ้าทั้งบ้านมีรถคันนี้คันเดียวผมว่ามันก็ถือว่าดีนะ เผื่อเกิดเหตุจำเป็นต้องใช้รถจริงๆก็ยังมีให้ใช้
-
แบบนี้ผมว่าเกินตัวไปเยอะเลยครับ แต่นั่นเพราะเรามารู้ทีหลังว่าเงินที่ไปดาวน์ไปผ่อนมาจากไหน
ต่อไปนี้คงต้องเซฟเงิน ใช้อย่างประหยัดมากๆครับ มองในแง่ดีการมีรถคันนึงไว้ประจำบ้านมันก็ไม่ได้แย่อะไรนักหรอก
คุณพ่อท่านรักคุณมากเลยนะครับ พยายามอย่าทำให้ท่านเสียใจนะครับ ซึ้งใจพ่อคุณจริงๆ
-
สำหรับคนที่ให้ท่านยืมตังค์ก็ต้องบอกว่าไม่น่ารักแต่สำหรับคุณแล้ว คุณพ่อท่านรักคุณมากกว่าตัวท่านเองแน่นอนครับ คนที่ยังไม่เคยมีลูกจะไม่ทราบความรู้สึกแบบนี้จนกระทั่งมีลูกเองครับ คุณตาผมก็เป็นแบบนี้ครับ ตัวเองไม่ได้ทานไม่เป็นไรแต่ลูกๆต้องอิ่มทุกคน
-
เกินตัวไปเยอะ ไม่ควรซื้อแต่แรกแล้วในเมื่อคุณก็รู้รายได้โดยรวมของครอบครัว พูดแบบไม่โลกสวยเลยนะคับรายได้แค่นี้มันน้ิยเกินไปที่จะซื้อรถมาขับ ไอ้รถน่ะมันก้ออยากมีขับกันทุกคนแหละ แต่มันอยู่ที่จิตสำนึกของเราว่ามันสมควรหรือไม่สมควร พ่อแม่น่ะเขาระกลูกอยู่แล้ว ลุกอยากได้อะไรเขาก้ออยากจะให้แหละ แต่อยุ่ที่ตัวลุกแล้วว่าจะอยากได้ในสิ่งที่สมควรรึเปล่า "ถ้าเปนผมนะ ผมมารู้แบบนร้ทีหลัง ผมจะเอารถให้พ่อใช้ หรือไม่อีกทางนึงถ้าพ่อไม่ใช้ ผมจะขายรถทิ้งแล้วเอาเงินไปใช้หนี้ให้พ่อ เพราะเราก้อโตแล้ว แล้วขยันำงาน เวลาที่มีเงินจิงๆ ค่อยหาซื้อกลับมาใช้ใหม่มันยังไม่สายหรอกคับ ที่จะทำสิ่งที่ควรทำ"
ผมอาจจะเม้นความหมายกระแทกใจ แต่มันก้อคือความจิงนะคับ ขออภัยด้วยหากทำให้ใครไม่พอใจ :)
-
เจ้าของกระทู้น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ถ้าอ่านทุกคำตอบจะยิ่งรู้ว่าสิ่งที่ควรทำคืออะไรนะครับ
-
เกินตัวครับ รายได้รวมน้อย แถมมีแม่ที่ไม่ได้ทำงานอีก ถ้าผมเป็นคุณผมซื้อแค่รถญี่ปุ่นมือสองไม่เกิน 3แสนบาท
-
เงินที่คุณพ่อยืมญาติมั้งหลายมาคุณก็พยายามใช้ให้หมด
ส่วนรถที่มีอยู่แล้วก็คิดซะว่าเป็นรถของครอบครัว วันไหนที่คุณพ่อต้องการใช้รถก็ให้ท่านใช้ วันไหนที่คุณพ่อต้องการไปข้างนอก คุณก็อาสาส่งท่าน
โครงการซื้อรถอีกคันนึง ทำไมถึงอยากซื้อเพิ่มครับ ตอบคำถามนี้กับตัวเองว่าเพราะอะไร ถ้าซื้อแล้วไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเงินก็เก็บพับลงลิ้นชักเลยครับ รถเพิ่มอีก1คัน ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นรึเปล่า เก็บเงินสดไว้ดีกว่าครับ เผื่อยามจำเป็นที่ต้องใช้จะได้มี อีกทั้งยังต้องผ่อนค่าอื่นๆอีก
ส่วนเรื่องที่คุณพ่อนั่งรถเมไปทำงาน ผมไม่มีความเห็นตรงนี้นะครับ คุณพ่ออาจจะสะดวกเลยนั่งรถเมไป หรืออยากให้ลูกสบาย แต่ผมรู้ว่าคล้ายๆคุณพ่อผม ไม่ชอบขับรถ เพราะเบื่อรถติดกับขี้เกียจหาที่จอดรถ แต่ถ้ามีคนอาสาไปส่งถึงจะยอมนั่งรถไป ฝากไว้ให้คิดครับ
-
ง่ายๆครับ รายได้น้อยไปก็หาเพิ่มครับ หาให้พอหาให้เยอะกว่าเดิม หารายได้พิเศษ ทำดีๆเผลอๆออก BMW ได้เลยครับ อยากได้อะไรต้องสู้ อยู่แบบเดิมตามความอยากไม่ทันครับ
-
ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว เอารถไฟหาเงินครับ เช่น Uber ครับ
-
เราเท่านั้นที่จะรู้จริงว่าเกินหรือไม่เกินตัว
แต่ดูจากเงินเดือน และมองถึงภาระอื่นๆ
เกินตัวครับ
-
รักพ่อให้มากๆนะครับ
+1 ส่วนตัวคิดว่า จะซื้อรถต้องมีเงินเดือน มากกว่า3เท่าของค่างวดรถ เช่นผ่อนรถ13000ต้องมีเงินเดือน 13000+13000+13000=39000บาท
สรุป เกินตัวแบบสุดๆ
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ จริงแล้วที่ทำงานไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ขับไปกลับรังสิต-ลำลูกกา ซึ่งผมเลิกงาน 4 ทุ่ม ซึ่ง ณ เวลานี้ไม่มีรถเมล์กลับบ้านแล้ว ทำให้จำเป็นต้องใช้รถขึ้นมา จะนั่งแท็กซี่ก็แพง
และตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เพื่อนๆ เริ่มออกรถป้ายแดงกัน โดยให้พ่อแม่ดาวน์ให้ ผมก็ได้คุยกับพ่อเรื่องรถไปบ้าง ตอนแรกพ่อบอกว่าจะหารถมือสองให้ แต่ผมคิดว่ารถมือสองผ่อนแพงมากและมีปัญหามากกว่ารถใหม่ ประกอบกับอยากได้ Fiesta ecoboost มากๆ ด้วย เพราะลองขับลองนั่งแล้วมันใช่ เลยขอพ่อพอสมควรและพาพ่อไปดู จนพ่อยอมดาวน์ให้ โดยที่ยังไม่รู้ว่าเงินที่ใช้ดาวน์รถกับที่ส่งเรียนมาจากญาติๆ เพราะเข้าใจว่าทางบ้านผมมีเงินเก็บมาโดยตลอด
ส่วนรายได้เสริมที่ผมทำอยู่ตอนนี้คือเปิดท้ายรถขายของครับ ขายข้างทาง ส่วนใหญ่จะรับของเล่นเด็กมาขายตามหน้าโรงเรียน ในวันที่ผมหยุดงานเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่บางครั้งรับบุหรี่นอกมาขายตามตลาดนัดหรือตามงานจะได้เยอะกว่าครับ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาในการผ่อนรถ แต่แลกมาด้วยการใช้เงินอย่างจำกัด ทำแบบนี้มาครบ 1 ปีแล้วครับ
จริงๆ แล้วพ่อผมเคยมี BMW E36 สมัยตอนผมยังเด็กๆ แต่ขายไปนานมากแล้วครับ เมื่อปี 2540
-
ถ้าฐานะการเงินแบบนี้คุณต้องหาวิธีเพิ่มรายได้แล้วล่ะครับ อย่าว่าแต่ซื้อ Focus เลย ตอนนี้ถ้ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเช่นคุณป่วย หรือคนในครอบครัวป่วย หาเงินไมไ่ด้ไปซักคนนี่ทั้งบ้านทั้งรถอาจจะถูกยึดได้นะครับ ขอให้หาทางออกทางการเงินได้ไวๆ ครับ
ยังไงตอนนี้คงต้องลากยาวใช้คันนี้ไปจนกว่าฐานะทางการเงินจะดีขึ้นก่อนครับ ตอนผมหาเงินได้เดือนละ 80000 แม่ผมบอกให้ซื้อวีออส แต่ผมคิดว่ามันแพงเกินไป เลยซื้อ Almera มา ป้ายแดง ทุกวันนี้เงินเดือนหาได้ 2-3 แสน ก็ยังรู้สึกว่ามันแพงครับ ไม่น่าซื้อป้ายแดงมาเลย คุณภาพไม่ได้เท่าราคาที่ต้องเสียไป ตอนนี้เลยซื้อแต่รถมือสองครับ รถคันหน้าที่จะซื้อก็คงรอซื้อมือสองอยู่ดี
-
รักพ่อให้มากๆ ครับ นำรถที่ได้มาก่อให้เกิดความสุขในครอบครัวให้มากที่สุด มันเป็นรถของบ้านไม่ใช่รถของคนเดียว
ประหยัดน่ะดีแล้วครับ หารายได้เสริม ทนจนผ่อนให้หมดแล้วไปช่วยพ่อผ่อนหนี้อื่นๆ
หมดหนี้แล้วค่อยหาความอยากในชีวิตครับ
-
ตอบครับ ถ้าคุณซื้อด้วยตัวเองโดยที่เป็นเงินของคุณเองไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณจะซื้อรถยุโรปรถญี่ปุ่น รถอะไรก็ไม่มีใครว่าคุณได้
แต่นี้คุณเอาเงินพ่อคุณมาคนเดือดร้อนมีครับคือพ่อคุณ ที่หนักกว่านั้นพ่อคุณไปเอาเงินญาติคนอื่นมา คือยืมนั่นแหละ แบบนี้ยิ่งเดือดร้อนคนอื่นเข้าไปอีก นึกว่ามีเงินเองแต่นี่เปล่าเลย แบบนี้เกินตัวเกินพอดี แถมคุณมีโครงการจะซื้อรถอีก หนี้ของพ่อคุณใช้หมดหรือยัง พ่อคุณใช้หนี้ญาติหมดหรือยัง
ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าเกินตัวไปมากครับ ถ้าไม่มีก็อย่าซื้อครับแค่นี้ เข้าใจนะ
>:(
-
ถ้าฐานะการเงินแบบนี้คุณต้องหาวิธีเพิ่มรายได้แล้วล่ะครับ อย่าว่าแต่ซื้อ Focus เลย ตอนนี้ถ้ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเช่นคุณป่วย หรือคนในครอบครัวป่วย หาเงินไมไ่ด้ไปซักคนนี่ทั้งบ้านทั้งรถอาจจะถูกยึดได้นะครับ ขอให้หาทางออกทางการเงินได้ไวๆ ครับ
ยังไงตอนนี้คงต้องลากยาวใช้คันนี้ไปจนกว่าฐานะทางการเงินจะดีขึ้นก่อนครับ ตอนผมหาเงินได้เดือนละ 80000 แม่ผมบอกให้ซื้อวีออส แต่ผมคิดว่ามันแพงเกินไป เลยซื้อ Almera มา ป้ายแดง ทุกวันนี้เงินเดือนหาได้ 2-3 แสน ก็ยังรู้สึกว่ามันแพงครับ ไม่น่าซื้อป้ายแดงมาเลย คุณภาพไม่ได้เท่าราคาที่ต้องเสียไป ตอนนี้เลยซื้อแต่รถมือสองครับ รถคันหน้าที่จะซื้อก็คงรอซื้อมือสองอยู่ดี
นี่คือตัวอย่างการใช้เงินที่เยี่ยมที่สุดเลยครับ รายได้เยอะกว่าเจ้าของกระทู้20-25เท่า แต่ใช้รถecocarแล้วยังรู้สึกเสียดายตัง
-
ถ้าตอบตามความจริงคือเกินตัวไปเยอะเลยครับ
คุณจบมาเงินเดือน 17,000 แล้วไม่ควรไปรบกวนเงินเดือนคุณพ่อที่ต้องเลี้ยงคุณแม่และผ่อนบ้านอีก
คุณควรหารถที่ผ่อนไม่เกิน 6000 ก็พอแล้วครับ
แต่ๆๆๆๆ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อดทน พยายามประหยัดให้มากที่สุดแล้วผ่อนคันนี้ให้จบครับ ใช้ไปอีกระยะ ถ้าเงินตัวคุณเองพร้อม ค่อยเปลี่ยนครับ
สู้ๆครับ รักคุณพ่อให้มากๆ ท่านเป็นผู้ให้ขนาดนี้แล้วครับ
-
การยืมเงินคนอื่นมาดาวน์รถ แค่นั้นก็ถือว่าเกินตัวแล้วละครับ แต่เนื่องจากคุณเองก็ไม่รู้ อีกอย่างก็ผ่านมาแล้ว
เอาเป็นว่า ตอนนี้คงต้องประหยัดให้มากๆไว้ ดูแลครอบครัวให้ดี รถถือเป็นรถครอบครัวไป หารายได้เสริม
ส่วนแผนจะออกรถใหม่ พับไปก่อนเลยครับ
รายได้ควรจะเป็น 3 เท่า ของค่างวด จะได้ไม่ตึงครับ
-
ไม่รู้เกินเปล่า แต่ถ้าเป็นผม ผมไม่ซื้อรถครับ
-
ล่อเป้าเปล่าครับเนี่ย
ผมถามจริงๆนะ คุณไม่รู้จริงๆ หรือครับว่ามันใช้เงินเกินตัวหรือไม่?
1. การต้องยืมเงินคนอื่นมาดาวน์ ก็เห็นชัดแล้วครับ (นอกจากคุณหาเงินจากรถยนต์คันนี้ได้ด้วย)
2. คุณบอกว่า "รถผมมีไว้ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง" ถ้าผมเป็นคุณ และผมต้องใช้รถตริงๆ ผมจะไปออก Eco car ครับ ประหยัดเงินกว่า Ecoboost 2 แสนบาท เอาเงินตรงนี้ไปคืนญาติๆ ดีกว่าครับ
ปล. นอกเรื่องนิด จากประะโยค "พ่อยังนั่งรถเมล์ไปทำงานอยู่เลย แล้วทำไมพ่อซื้อรถให้ลูกขับอ่ะ" ทำให้ผมเริ่มคิดเรื่องนี้หนักมากขึ้นครับ เพราะเหมือนโดนเหยียด
ผมว่าการพูดแบบนี้มันไม่ใช่การเหยียดครับ ผมคิดว่าเค้าอยากจะบอกคุณว่า "พ่อให้ทุกอย่างที่คุณขอเลยนะ แม้แต่พ่อเองก็ยังให้ลูกก่อน ตัวเองไม่มีก็ได้"
-
เอาง่ายๆเลย ถ้าใช้เงินจากการยืม คือเกินตัวแล้วครับ จะโดนเหยียดก็ไม่แปลกครับ
ไว้ถ้า เงินตัวเอง 100% ค่อยด่าคนที่มันเหยียด
-
เกินตัวครับ
ส่วนเรื่อง "เหมือนโดนเหยียด"....ผมว่ามองความเป็นจริงดีกว่าครับ
-
เห็นกระทู้นี้แล้วมันสะกิดใจ พูดกันตามเหตุผลและความจริงนะครับ ไม่ได้โลกสวยด้วยนะครับ จริงๆ จขกท น่าจะคิดได้นะครับว่าเกินหรือไม่เกิน ถ้าว่าด้วยเหตุและผล แต่มาถามเผื่อจะมีคนสนับสนุนความคิดของตัวเองที่ว่า ไม่เกินตัวหรอก แต่รถก็ซื้อมาซะแล้วสิ ผมตะหนักในความเสียสละของบุพการีเลยครับ ยังไงก็รักท่านให้มากๆนะครับ ส่วนคนที่เหยียดก็ไม่ต้องไปใส่ใจมากครับ ถ้ามันคือความจริงเราก็ต้องยอมรับให้ได้
*ยืมเงินญาติมาดาวน์ -มาส่งเรียน พ่อผ่อนบ้าน แม่ไม่ได้ทำงาน จะเอารถไปเทรินหรือออกอีกคันเพื่อเอาfocus เหตุผลขนาดนี้ถามร้อยคนได้คำตอบใกล้เคียงกันแน่ครับ
แต่ก็เหมือนที่หลายท่านแนะนำครับ ถ้ารายจ่ายมันเยอะก้อต้องหาวิธีหารายได้เพิ่ม ต้องยอมเหนื่อยเพิ่มครับ
-
เมื่อเดือดร้อนเวลาซื้อรถคันนั้นๆ
-
สู้ๆครับ จขกท เอาเป็นบทเรียนนะครับ
-
ผิดเป็นครูครับ ท่านอื่นๆ ได้เนะนำไปแล้ว ซื้อรถใช่ว่าจะมีค่าแค่ค่าผ่อน ค่าน้ำมัน ประกัน ภาษี จิปาถะ เยอะมาก
ตอนนี้มันเกินตัวก็ต้องระมัดระวัง หารายได้ทางอื่นด้วยหากเป็นไปได้ ครับ
ว่าแต่ค่างวดเยอะกว่าตอนผมผ่อนอีกนะคับ หุหุ ตอนนั้นรายได้ผมน่าจะมากว่ารายได้รวมของที่บ้านท่าน ผมยังเหนื่อยแทบตายเลย
เอาใจช่วยนะครับ
-
เกินตัวนะครับเพราะคุณพ่อก็ต้องไปยืมเงินมา แถมคุณผ่อนเองก็ใกล้เงินเดือนมากเกินไป รวมเติมน้ำมันก็หมดแล้วมั้งเงินเดือน
ส่วนคุณแม่ที่บอกว่าขับรถเหมือนอวดรวย ผมว่าไม่เสมอไปมั้งครับ หลายๆคนหน้าที่การงานจำเป็นต้องใช้รถ รถอำนวยความสะดวกสบายให้เรา ผมถือว่าไม่อวดรวย
แค่ซื้อตามฐานะที่ตัวเองไหว
สุดท้ายแล้ว เก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วกันครับ ผ่อนรถ1/3ของรายได้ก็พอแล้วเกินนี้ผมว่าไม่โอเค ส่วนคุณพ่อรักท่านมากๆนะครับ ประสบการณ์จะสอนเราเองครับ
-
มีตัวอย่างจะเล่าให้ฟังทำให้ผมตอนนี้ยังไม่กล้าซื้อรถเพิ่ม
- ข้างบ้านผม ทำอยู่บริษัทส่งออกรถยนต์ โตโยต้าไปท่าเรือ รถของเขาคันแรกคือซีวิค แต่ไม่ได้ซื้อเองนะครับบริษัทซื้อให้พร้อมน้ำมันฟรี ต่อมาบริษัทก็เปลี่ยนเป็นคัมรี่ป้ายแดงให้ไม่ได้ซื้อเองเช่นกัน น้ำมันฟรีเช่นเดิมเหมือนกัน อย่าถามเลยว่าเงินเดือนเท่าไหร่เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน 555 55 รู้แต่ว่าการที่เขาซื้อรถยนต์เองเป็นสิ่งที่เกินตัว มีแต่คนซื้อให้ใช้ตลอด
- พี่ชายผม ญาติกันลูกป้า ซื้อรถโซนิคครับ เงินเดือนหลายแสนบาทจากบริษัทปิโตรเคมี แต่ไม่ขับไปทำงานน่ะครับ เขาไว้ขับไปรับแม่พาไปหาหมอหรือพาแม่ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะเท่านั้น วันปกติไปทำงานหรือไปที่อื่นเขาก็ไม่ขับรถไปถ้าไม่มีแม่เขาก็ไม่ซื้อรถเพราะเห็นว่าฟุ่มเฟือยเกินตัว
- คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาท่านนึง เป็น ศาตรจารย์ นพ. เงินเดือนรวมพิเศษก็คงหลายแสน ขับโฟลค์เต่า 1969 ตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ ก็ยังขับอยู่ไม่ซื้อรถเพิ่ม
- ตอนนั้นผมไปจีบแฟนคนนึงอยุ่ เจ้าของหอพักสตรีแถวถนน สายเทเวศ แถวหน้าโรงงานเบียร์สิงห์ เจ้าของหอพักคือเป็น นพ. ท่านนึงจากโรงพยาบาลจุฬา เงินเดือนรวมรายได้จากหอพักผมว่าหลายแสนบาท รถที่เขาใช้ขับไปจุฬาทุกวัน ก็ซีวิคเตารีดซื้อตั้งแต่ป้ายแดงและมีจอดอีกคันแต่ไม่ได้ใช้คือ Mitsu Pajero เหลี่ยม ปี 92-95 เอาไว้วิ่ง ตจว
คนแบบคุณซิ่งเข้าส้วม ผมก็เห็นมาหลายคนเหมือนกัน
ผมเห็นตัวอย่างแบบนี้ทำให้ผมยิ่งไม่กล้าซื้อรถเพิ่มเลยครับ เพราะรายได้ผมน้อยกว่าหลายท่านข้างบนที่ผมยกตัวอย่างมา จะซื้อรถก็อายเขา ถึงแม้ไม่เดือดร้อนใครก็ตาม
-
ผมว่าความรักของพ่อคุณเจ้าของกระทู้นี่ เรียกว่าเสียสละมากนะครับ แต่มันเป็นสิ่งที่พ่อทำไปโดยที่เราเองก็ไม่ได้ทราบ
มันก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ มันคือความเกินตัวที่คุณไม่ได้ผลักดันให้เกิด ถ้าสมมติว่าคุณบังคับให้พ่อยืมเงิน
มาซื้อรถให้คุณสิมันถึงจะต้องมองอีกมุม
มาถึงตอนนี้จะให้ขายรถใช้หนี้ ผมว่าเงินที่สูญเปล่าไปก็น่าจะเยอะด้วย ผมว่าเราก็มีทางเดียวคือพัฒนาช่องทางรายได้
ของตัวเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่มากๆ ปลดหนี้ได้เมื่อไหร่ ก็เอาคันใหม่ให้พ่อใช้ ส่วนตัวเรานั้นหารถญี่ปุ่นมือสองราคา
2 แสนขับไปก่อนแล้วป้ายแดงคันต่อไปก็เก็บเงินซื้อ เอารถที่ปลอดภัยแข็งแรงกว่าให้พ่อขับ
คนเป็นพ่อหลายคนในโลกนี้สมควรได้รางวัล พ่อของคุณ พ่อของผม อย่างของพ่อผม ตอนผมเข้ามหาลัย
พ่อก็ถามว่าอยากได้รถใหม่ หรืออยากได้รถคันเก่า ผมเลือกคันเก่า เบนซ์ ปี 89 เพราะรู้ว่าคันนี้พ่อขับแล้ว
ไม่ชอบ แอร์ไม่ค่อยเย็น บางทีก็เสียกลางทาง ผมเลยได้ครองรถ 2 คันที่บ้านเพราะรถเก่าทั้งคู่ คนอื่นในบ้าน
ไม่ยอมขับ พอผมเรียนจบแล้วทำงานมาสักสามปี พ่อบอกว่าอยากให้ได้รถใหม่สักคัน และเห็นผมตัวใหญ่ด้วย
เลยบอกให้ไปเอา Accord G8 ที่เพิ่งเปิดตัว หรือ Camry 2.4 ผมก็อยากได้มาก แต่ท้ายที่สุดก็ขอแค่
ขายเบนซ์ (ได้มา 250,000) แล้วก้ไปหารถมือสองขับ (แต่หาสภาพดีไม่ได้) ก็มาจบกับ Tiida
ผมเพิ่งมาทราบในภายหลังว่าในเวลานั้นภาระทางการเงินที่พ่อมีอยู่ก็เยอะมากแล้ว ถ้าผมตัดสินใจว่า
เอา Accord พ่อจะต้องเป็นหนี้จากที่เป็นอยู่แล้วจากการซื้อที่ดินให้พวกเราสร้างบ้านใหม่
ตอนนี้ผมดีใจที่วันนั้นไม่เลือกรถใหญ่อย่างที่พ่อยื่นข้อเสนอมา แต่ตอนหลังพอพ่อเริ่มเก็บเงินได้
เขาก็ออก CR-V ป้ายแดงของเขา ที่ผ่านมาเขารู้ความลำบากของตัวเอง และรู้ว่าอะไรจะเกิด
แต่ทั้งหมดเป็นการทดสอบของพ่อเพื่อดูว่าก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง เราให้เวลาและ
ความคิดกับการตัดสินใจนั้นมากแค่ไหน
-
ถ้าขาดสภาพคล่อง ในการผ่อนชำระ
คุยกับไฟแนนส์ ขอปรับโครงสร้างหนี้ครับ (รีไฟแนนส์)
ทางไฟแนนส์จะพิจารณา รายได้ของเรา แล้วหาเบี้ยชำระ ที่เหมาะสม
แต่จะมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม และงวดการผ่อนชำระเพิ่มขึ้น
เงื่อนไขคือ รถจะต้องมีการผ่อนชำระมาเป็นระยะเวลา เดือน ตามที่ทางไฟแนนซ์กำหนด ถึงจะทำเรื่องนี้ได้
เป็นอีกทางเลือกครับ ::)
-
ก่อนอื่นขอชื่ชมและเคารพคุณพ่อของคุณเลยครับ ยอมบากหน้ายืมเงินญาติๆมาให้ลูก เกินตัวหรือไม่เกินตัวคำตอบนี้คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ผมว่าคุณคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วละ แต่ที่ถามในนี้เหมือนถามทางหาคำตอบเผื่อมาสนับสนุนความคิดของตุณ รักษารถให้ดี ให้สมกับทีคุณพ่อท่านหามาให้นะครับ
-
หลายๆได้ให้ความเห็นไปแล้วนะครับ ส่วนตัวผมเองอยากแนะนำเพิ่มนิดนึงว่าให้พยามเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนคุณพ่อครับ
โดยการหารายได้ วางแผนการเงิน และดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้ดีที่สุดครับ ผมผ่านจุดที่คุณอยู่มาแล้วครับ
เล่าให้ฟังอีกนิดนึงครับ เคยซื้อ Civic FD ผ่อน 12K ทั้งๆที่ตัวเองรายได้ประมาณ 38K ปลอดภาระ ดูเหมือนไม่มีอะไร อยู่ๆมาวันนึง คุณพ่อโดนโกงจนต้องเป็นหนี้ร่วมๆ 10ลบ และขาดรายได้จากงานที่ควรจะได้ ผมเลยต้องรับภาระทั้งหมดมาดูแลเองคนเดียวเต็มๆ 2 ปี ทุกอย่างในบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หนี้ จนมาวันนึงไปดีลงานสำเร็จ ซึ่งสำหรับผมมันคือปาฏิหารย์ จนกลับมายืนได้ใหม่ แต่จากสถาณการณ์ปัจจุบัน โชคหรือปาฏิหารย์ทางการเงิน เกิดขึ้นได้ยากครับ
หลังจากวันนั้นผมรู้ตัวเลยว่า ตอนนี้ผมต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัวแล้ว ถ้ามีโอกาสตอบแทน ใช้หนี้ให้หมด รักและใช้เวลาอยู่กับท่านมากๆครับ
-
ให้สู้เพื่อพ่อนะครับ อย่าท้อ ถ้าไม่ไหวอย่าฝืน หาทางออกอื่น
ผมคงใช้ประโยค ง่ายๆละกันครับ "คนไม่มีลูกไม่รู้หรอก" ตัวเองตายแทนลูกได้เลยครับ
หัวอกคนเป็นพ่อครับ อยากให้ลูกสบาย ตัวเองลำบาก ช่างหัวมัน เรื่องจริง!!!
ปสก. พ่อลมหนาว.
พ่อเค้ารักคุณมากๆ อย่าทำให้ท่านผิดหวัง
-
คุณพลาดตรงซื้อรถแพงไป
แต่ๆ
อย่าไปแคร์ ลมปากใครครับ ยังไงรถก็ซื้อมาแล้ว ยังไงก็ดีกว่าไม่มีรถใช้งาน
แคร์พ่อและครอบครัวให้มากๆ และพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น
ถ้าผ่านไปได้ดี จะทำให้คุณกลายเป็นคนเก่งเลยล่ะ
-
คุณพ่อรักคุณมากนะครับ คุณต้องทำอนาคตเพื่อให้ท่านได้สบายแล้วล่ะครับ
ประเด็นเรื่องคุณพ่อนั่งรถเมล์ ถ้าหากเป็นไปได้ ไปทางเดียวกันไปส่งท่านก่อนไปทำงานก็ดีนะครับ ท่านจะได้ปลอดภัย
เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยไปเถอะครับ ผมก็เด็กจบใหม่ทำงานได้ 2-3ปี เอง เชื่อว่าผู้ชายทุกคนอยากมีรถขับ เอาไว้เดินทางไปไหนมาไหน
แต่อย่าลืมมองคนที่อยู่ข้างหลังนะครับ ว่าเค้าลำบากเกินไปหรือเปล่า
ประเด็นเรื่องจะซื้อ FOCUS พับโครงการไปก่อนได้เลยครับ เศรษฐกิจแบบนี้กำเงินให้แน่นเชียว ลองหางานพิเศษทำดูบ้างนะครับ ในเมื่อเราลดรายจ่ายไม่ได้แล้ว ก็ต้องหาทางเพิ่มรายรับเอา เป็นกำลังใจให้นะครับผม ::)
-
คนตอบไปเยอะแล้ว แต่จะไม่ตอบก็รู้สึกไม่ดี อยากฝากความเห็นไว้บ้าง
ผิดตั้งแต่เริ่ม ว่าพ่อไปยืมเงินคนอื่นมาดาวน์แล้ว รวมถึง รายได้ไม่ถึง ผ่อนไม่ไหว ถึงพ่อจะรักคุณ และยอมเพื่อให้คุณสบาย แต่ในขณะที่คุณรู้ว่า อะไรเป็นอะไร ยังยอมให้คุณพ่อทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็บอกตรงๆ ว่าไม่เหมาะสมครับ เงินเยอะ เงินน้อย มันสามารถเกินตัวได้หมดแหละครับ
เรื่องรายละเอียด คนพูดไปเยอะละ ผมขอเสนอทางออก เอาแบบตรงๆ นะครับ *** ขายรถ **** เปลี่ยนเป็นรถที่ถูกลง ถูกที่สุด eco แบบถูกสุดๆ คุณอาจจะพอเหลือเงินดาวน์ หรือเก็บเงินอีกเล็กน้อย แต่รายจ่ายต่อเดือนที่ต้องจ่าย อาจจะเซฟได้เดือนละเกือบหมื่น ซึ่งรายได้ครอบครัวคุณ 42000 แปลว่าจะได้กลับมาเกือบ 25% เพียงพอต่อการใช้จ่ายโดยไม่ลำบาก (เพราะขนาดผ่อนรถ 13000 ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ หากลดผ่อนเหลือ 5-6000 หรือน้อยกว่า ก็น่าจะดีขึ้น) หรือคุณไม่ต้องซื้อรถ แล้วไปหาหออยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน โดยค่าใช้จ่ายย่อมถูกกว่า 5000 แน่ๆ อันนี้คุณต้องเลือกแล้วหละครับ ว่าจะเอาทางออกไหนดี ไม่มีทางออกไหนดีเท่าลดค่าใช้จ่ายครับ
ประเด็นที่หลายคน บอกว่า ซื้อไปแล้วก็ใช้ไป สำหรับผม ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะนี่เพิ่งผ่อนไปได้ไม่นาน มันยังต้องจ่ายแบบนี้ไปอีกกี่ปีครับ แล้วคุณจะรับภาระแบบนี้ไปอีกเหรอ ให้พ่อลำบากต่อไปเหรอ อยู่แบบไม่สบายไปอีกสักพักเหรอครับ นอกเสียจากคุณจะมีทางหาเงินเพิ่ม เช่นมีโบนัสเป็นแสนแน่ๆ ทุกปี มีรายได้ค่าเช่าหรืออะไรแน่ๆ ทุกเดือน หรือกำลังจะมีเงินก้อน (ที่ไม่ได้กู้นะ) เข้ามา แบบขายที่ ขายบ้าน หรือไรก็ตาม หากไม่ใช่ เชื่อผมนะ *** ขายรถ *** ลองหาทางออกอื่นดีกว่า ไอคำว่า ทำงาน เลิกดึก จำเป็นต้องใช้รถ บอกตรงๆ นะครับ สาวโรงงานเลิกกะดึก เขาก็ไม่เห็นจะต้องซื้อรถทุกคนนี่ครับ มันมีทางออกทุกอย่างแหละครับ อยู่ที่คุณจะยอมลำบากมากขึ้นหรือไม่ แค่นั้นเอง ลองคิดดูดีๆ นะครับ
-
คคหผมนะ.... เกินตัวไปมากเลยครับ
ไม่ได้ดูถูกนะครับ...รายได้คุณเท่านี้ + กับพ่อแล้ว.... ผมว่าที่น่ากลัวไม่ใช่แค่คุณมีแต่รายจ่ายเกี่ยวกับรถเท่านั้น ที่น่ากลัวคือนี่ยังมีหนี้ที่ยืมมาเพื่อการการศึกษาและเอามาดาวน์รถอีก.. แถมยังมีหนี้ผ่อนบ้านอีก...โหดมากครับ
เป็นผมนะ ผมขายรถทิ้งแล้ว หยุดรายจ่ายจากรถดีกว่าครับ
-
พลาดไปแล้วก็จำไว้เป็นบทเรียนครับ การซ้ำเติมไม่ใช่ทางแก้ สู้ๆครับ
-
อ่านดูแล้ว และอ่าน จขกท ที่มาเม้นท์ตอบแล้ว
ผมขอตอบว่า เกินตัวครับ ฟังจากข้อมูล ดูตึงๆน่าดู มีความเสี่ยงมากเลยครับ ดูแล้วไม่มีเงินสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉินเลย
วิธีแก้ก็คิดแบบง่ายๆครับ ลดรายจ่าย หรือเพิ่มรายได้ เพื่อให้สภาพคล่องดีกว่านี้มากๆ จะได้ไม่รู้สึกตึงเกิน
ผมจะบอกว่า ส่วนตัวผม เงินเก็บเจ็ดหลัก เก็บหอมรอบริบมาหลายปีดีดักจากรายได้พิเศษระหว่างเรียน กำลังเรียนอยู่ตั้งแต่วัยรุ่นยันวัยเริ่มแก่จะจบแล้ว (ได้ทุน ตปท.) กลับไปก็คงได้เงินเดือนเริ่มต้นระดับนึง ยังรู้สึกไม่ไว้ใจอะไรเลยครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ยังไม่เคยคิดจะซื้อรถราคาเกิน 5 แสนเลย ถึงแม้จะซื้อสดได้หลายคัน หรือดาวน์แล้วผ่อนสบายๆ ทางบ้านก็ไม่มีภาระอะไร มีรถประจำบ้านหมดงวดแล้ว ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินก็สามารถซัพพอร์ทได้สบายๆ
แต่ก็ไม่ซื้อครับ เพราะมองว่า เงินส่วนนี้ เอาไปทำอะไรต่อยอดได้อีกเยอะ หรืออย่างน้อยก็เป็นความอุ่นใจในกรณีเดือดร้อน แต่ก็เข้าใจว่า รถเป็นปัจจัยที่ต้องมี เพราะผมก็ชอบขับและบ้ารถคนนึงและหลายกรณีจำเป็นต้องใช้รถ ผมเลยคิดว่าคงหามือสองยุโรปดีๆซักคันราคาไม่แรง ศึกษาข้อมูลเยอะๆ(ศึกษาและวางแผนมาหลายปีแล้ว) มาขับ คงจะดี และน่าจะพอรับค่าดูแลไหว รอคอยวันที่ประสบความสำเร็จ ถึงตอนนั้นจะซื้อรถอะไรแบบไหน ก็คงไม่ต้องคิดมากครับ
สรุปคือ ต้องคิดรอบด้านให้มากๆครับ เผื่อเหลือเผื่อขาดเยอะๆ ประเมิณสถานการณ์ให้ดี อย่าให้ความอยากมาครอบงำเหตุผลได้ ชีวิตจะได้ไหลลื่น มีช่องทาง(โดยเฉพาะการเงิน)ให้เดินเยอะๆ ถ้าเราตัดสินใจนำภาระหนักๆเข้ามา ช่องทางเดินย่อมน้อยลง ดิ้นไปทางไหนก็โดนปิด ดิ้นมากก็เจ็บ ไม่ดิ้นก็รัดตัว ก็จะลำบากครับ ยิ่งถ้ามีกรณีฉุกเฉินเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว อันนี้ลำบากแน่ๆครับ
ขอให้โชคดีและรักคุณพ่อและครอบครัวให้มากๆครับ
-
สำหรับคุณในความเห็นส่วนตัวผม ถือว่าเกินตัวไปครับ
รักคุณพ่อและคุณแม่ให้มากๆนะครับผม
เพราะว่าสภาพแวดล้อมคนเราไม่เหมือนกัน แต่ละ User เลยมีเรื่องราวให้เล่ากันแบบไม่ซ้ำกันครับ
บางคนอาจออก Hyper car เป็น 10 ๆ คัน Bigbike อีก 10ๆ คัน จ่ายสดที่บ้านมีสำหรับลุยสำหรับขับในเมือง/สำหรับโน่น นี่นั่น อีก เป็น ร้อยๆ พันๆ คันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทรัพย์สินเหลือ
หรือบางคนฝันก่อน(ในรถขนส่งสาธารณะ) ตามฝัน และออกรถคันแรกของตัวเองแล้วเและได้บรรลุจัดประสงค์ตัวเองแล้ว แค่นี่ก็เท่มากแล้วครับ
ผมไม่เคยผ่อนรถเลยเนื้องจากทางครอบครัว ให้ซื้อสดตลอด และครอบครัวก็มีผลอย่างมากกับการซื้อรถยนต์
สมัยก่อนตอนจบทำงานใหม่ คันแรกที่ได้รับมาคือคือ Nissan Sunny 90 และ เปลี่ยนเป็นรุ่นเดิมอีกครั้ง ตอน 94 อีก1โฉม (โฉมพระอาทิตย์)
เปลี่ยนอีก ที 2008 เลย เป็น Vios และ ปีนี้ก็ยังคงเป็น New Vios
เพราะว่าจุดประสงค์ ต่างกันเราะบอกไม่ได้ว่าปัจจัยไหนทำให้เราเลือกรถอะไรและเพื่อใคร
สำหรับผม อายุ และเงิน โตไปตามกาลเวลา ครอบครัวก็จะให้เงื่อนไขเลย
-ออกเงินเองนะไม่ออกให้ประกันหาเองนะ น้ำมันเอง แต่ขอใช้ด้วย ขอเลือกด้วย ขอมีความเห็นด้วย (อ้าว อิิอิ!) ห้ามติดแก้สเด็ดขาด!!!
-แต่รถไม่ต้องใหญ่เพราะขับในเมือง
-ราคาถูกจ่ายสดส่วนลถเยอะแถมไม่ต้องไฮเทค เอาที่มันใช้ได้เป็น Analog เห็นชัดๆ
-รถตลาด แรงCCมี(บ้าง)
-ประหยัดน้ำมันหน่อย แต่ห้ามติดแก้สนะ (... ครับ)
-ที่Renovate ทุก 5-7 ปี
-ขายต่อได้ราคา และซ่อมได้ถูก (ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ซ่อม)
-ทนไม้ทนมือ (หมายถึงให้เราอ่ะขับให้มันรักษารถหน่อย)
-...Toyota ก็ดีนะ (อ้าว ?_? เหลืกให้เลยก็ได้ั อิอิ)
และผมก็ยังคงชอบนั่ง ขนส่งสาธารณะนะ(มีคนขับให้ อิอิ) มันก็ทำให้เรา เลือก B-Segment 1.5 cc สำหรับครอบครัว 3 คน ไปโดยปริยายครับ (ฐานะ ไว้ทีหลัง)
อาจจะฟังเหมือนบ่น แต่ว่าผมว่าผมมีความสุขนะ เพราะมัน"ตรงกับชีวิต"ของเรา
ผมยังไม่แน่ว่าเลือกคัน"ที่ผมชอบ" อย่างAll new Ranger (ในอนาคต) อีกซัก 7 ปี ผมอาจจะเสียใจ กับมันก็ได้
แต่บรรทัดบนทั้งหมดนั้่นเป็นแค่เหตผลของผม เพราะว่าของคุณและสมาชิกทั้งหมดใน (HLM) มันมีส่วนคล้ายแต่เชื่อว่ามันไม่เหมือกันอย่างแน่นอน :-[
-
เกินตัวไปครับ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้เป็นผมคงห้าม อย่างมากก็หารถมือ 2 พอใช้งานได้สักคันมาใช้ แต่เพราะเรื่องมันเกิดไปแล้ว
สิ่งที่ต้องทำถ้ารู้สึกผิดคือ ขยันช่วยคุณพ่อหาเงินครับ
ถามว่าเงินเท่าไรถึงเหมาะ มันก็พูดยากแต่คนคนมีความเหมาะสมที่ไม่เหมือนกัน บางคนมี 30-40 ล ขับ March ก็มี บางคนมี 100ล ก็ยังขับรถญี่ปุ่นทั่วๆไปอยู่ ของงี้มันอยู่ที่เราพอใจ