Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ สิงหาคม 12, 2015, 00:50:11

หัวข้อ: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ สิงหาคม 12, 2015, 00:50:11
พอดีสงสัยครับ ข่าวหนาหูขึ้นเรื่อยๆ เรื่องการปรับอัตราภาษีแบบใหม่ตามมลพิษ
ว่าราคารถยนต์จะปรับตัวสูงขึ้น

เอาจริงๆ ที่ปรับขึ้น คือ ต้นทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาขายถูกมั้ยครับ
กำลังคิดว่า ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ยอดตกแบบนี้ ถ้าดันราคาขึ้นอีก มันไม่ยิ่งไปกันใหญ่เหรอ
อย่างงาน Big motor sales คือ ตั้งขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจมันเดิน มันมีการขยับตัวบ้าง
ซึ่งรัฐเองก็อยากกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายอยู่แล้ว แต่พอกฏหมายใหม่ออกมา มันดูขัดๆกัน

รถใหม่ๆอย่าง Fortuner PJS หรือ Everest พวกนี้ตั้งราคา"เผื่อ" ภาษีเลยหรือเปล่า?
แล้วรถที่ทุกวันนี้มันก็แทบจะขายไม่ได้ ยิ่งปรับราคา มันไม่ยิ่งตอกย้ำลงไปเหรอ

ทุกท่านคิดยังไงครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ สิงหาคม 12, 2015, 02:29:03
บางเซกลด บางเซกขึ้นครับ เป็นการบีบบังคับให้ผู้ผลิตทำเสปคออกมาตอบสนองนโยบายเกี่ยวกับ CO2
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Anvers30 ที่ สิงหาคม 12, 2015, 03:56:14
ที่บ้านกำลังออกเลกซัส GS กว่าจะจองได้วุ่นวายมาก เพราะภาษีสรรพสามิตใหม่กระทบราคารุนแรงเอาการครับ (โดยเฉพาะรถนำเข้าทั้งคัน) ตอนนี้รถไม่มีค้างสต๊อกแล้ว เห็นว่าจะออกรุ่นไมเนอร์เชนจ์ (รุ่นปรับราคา) มารับกับภาษีที่ว่านี่แหละ

ทางเลกซัสเค้าวางให้รุ่นเทอร์โบ เน้นทำตลาด ซึ่งจะมาใน NX, New RX และ IS200t เพราะข้อจำกัดแรงม้า 220 ตัวไม่มีแล้ว และ Co2 emission ที่ปล่อยออกมาน้อยกว่าตัวเบนซิน 6 สูบเดิม ก็น่าจะเข้าเกณฑ์ภาษีเรทล่าง ราคาไม่น่าจะโดดไปมากนัก แต่ตัวไฮบริดนี่ไม่รอดครับ พุ่งไปไกลมาก จากเดิมก็แพงอยู่แล้ว คงมีไว้ประดับศูนย์จริงๆ :(

เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ชัวร์ ว่าตกลงเค้าคิดเรทแบบไหน เท่าไหร่ แต่เห็นลือกันหนักว่า รุ่นที่ปรับลงมีน้อย ส่วนใหญ่จะถูกปรับขึ้น มากน้อยตามแต่ละเซกเมนต์ และการปล่อยก๊าซ

ปล. ภาษีฉบับนี้ ส่วนตัวมองว่า มาผิดเวลา ช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง กำลังซื้อต่ำ มันจะซ้ำเติมสภาวะที่เป็นอยู่น่ะสิครับ ถ้ามันมาอย่างที่คนลือกัน ทางรัฐน่าจะเลื่อนแผนไปก่อน ถึงจะดีเดย์ไว้ที่ 1 ม.ค. 59 ก็เถอะ แต่ภาวะไม่เป็นใจ น่าจะเลื่อนไปปรับแก้ให้ทันสถานการณ์กว่านี้จะดีกว่า
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ สิงหาคม 12, 2015, 08:09:44
คาดเดายากครับ ว่าราคารถปีหน้าจะออกมายังไง เพราะ....
สภาวะบ้านเมืองอย่างปัจจุบัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ มาตราเดียวสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: rojsak2021 ที่ สิงหาคม 12, 2015, 08:14:52
ppv ขึ้นแน่นอน, พวกรถนั่ง,suv, d-segment  etc. ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ถ้า co2 ไม่เกิน 150 เหมือนจะเสียภาษีเรทเดิม ถ้าเติม E85 ได้ก็ได้ลดภาษี accord mc คงได้ประโยชน์จากตรงนี้  ต้องศึกษาดีๆ เพราะบางทีค่ายรถอาจแอบขึ้นราคา เพราะจะบอกว่ารถนำเข้าทั้งคันจะเสียภาษีเพิ่มผมว่าไม่เกี่ยวนะ แม้จะเป็น hybrid ถ้า co2 < 100 ก็เสียภาษีเรทเดิม
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: KAMILIA ที่ สิงหาคม 12, 2015, 09:17:09
นโยบายของรัฐนี้ ทำจริงอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าบริษัทรถยนต์จะตั้งราคารอไว้แล้ว หรือจะรอปรับเมื่อถึงเวลา คงเดาไม่ยากถ้าดูจากราคาของแต่ละยี่ห้อ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: ttum ที่ สิงหาคม 12, 2015, 09:18:51
ถ้าจำไม่ผิด แจ้งมาตั้งแต่ปี55แล้วนะครับ แต่ส่วนตัวก็เห็นด้วยนะครับว่าควรจะเลื่อนไปอีกสัก1ปี เพราะตอนนี้ประชาชนยังไม่รู้เลยว่ารถแต่ละรุ่นปล่อยค่ามลพิษเท่าไหร่ จะได้วางแผนกันถูก ควรที่ฉลากรถออกมาก่อนสักปีค่อยขึ้น
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 12, 2015, 11:58:04


 ทุกวันนี้ รัฐบาลเน้น eco car  กับ กะบะป้ายเขียว คุ้มค่าสุดละ ไม่มีบวกมากเท่าไหร่

แต่ป้ายเขียวอยากได้ดีๆก็ต้องตัว Top อีก
แต่ eco car รุ่นไหม่ จัดเต็มเรื่อง ความปลอดภัยแล้ว
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Anvers30 ที่ สิงหาคม 12, 2015, 12:04:28
ppv ขึ้นแน่นอน, พวกรถนั่ง,suv, d-segment  etc. ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ถ้า co2 ไม่เกิน 150 เหมือนจะเสียภาษีเรทเดิม ถ้าเติม E85 ได้ก็ได้ลดภาษี accord mc คงได้ประโยชน์จากตรงนี้  ต้องศึกษาดีๆ เพราะบางทีค่ายรถอาจแอบขึ้นราคา เพราะจะบอกว่ารถนำเข้าทั้งคันจะเสียภาษีเพิ่มผมว่าไม่เกี่ยวนะ แม้จะเป็น hybrid ถ้า co2 < 100 ก็เสียภาษีเรทเดิม

ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยได้ยินรมต.คลัง แจงว่า รถนำเข้าจะพิจารณาให้เก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น เพราะจัดในหมวดหมู่สินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งจริงๆ ภาษีฉบับปี 59 ตัวดั้งเดิมที่ร่างตั้งแต่ปี 55 ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้ จะจัดเก็บตามอัตราการปล่อย co2 เท่านั้น

ส่วนไฮบริดของเลกซัส/โตโยต้า ที่ผมอ่านตามโบรชัวร์ปล่อยเกิน 100g แทบทุกรุ่น (ct200h กับพรีอุสใหม่ ไม่น่าเกิน) เลยโดนชาร์จเพิ่มมา 10% (อยู่ในช่วง 100-150g คิด 20%) ไม่รวมภาษีฟุ่มเฟือยที่ท่านจะใส่มารึเปล่า ทีนี้มีอ่วมครับ (ขอให้รมต. แกพูดไปยังงั้นเถอะ)
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ สิงหาคม 12, 2015, 14:57:40
ไม่ได้ตั้งเผิ่อครับสำหรับ PPV ใหม่
เห็นว่า EV 3.2+ จะขึ้นไป 1.8ล้านเลย
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 12, 2015, 15:08:43
สรุปง่ายๆ ผิดตรงไหนแก้ไขผมได้

รถประเภทที่ได้ประโยชน์ หรือ ไม่ได้รับผลกระทบ (ราคาถูกลงหรือแทบไม่เปลี่ยน)
1. EcoCar Phase 2
2. รถยนต์นั่ง 1.2-1.5 ลิตรส่วนใหญ่
3. รถที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/ก.ม.
4. รถอะไรก็ตามที่ม้าเยอะแยะขนาดไหนก็ช่าง แต่ความจุไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.

A45AMG จากเดิมสรรพสามิต 50% ถ้าตามเรตปีหน้าจะเหลือ 40% หรืออาจจะ 35%
ฺBMW M4 จากเดิมราคา 9.9 ล้าน เคยลองกดเล่นๆ อาจจะลดเหลือ 8.9 ล้าน
Golf R งานนี้สบาย จากเดิมเสีย 50% ตามกฏ 220 ม้า ต่อไปก็จะเหลือแค่ 35%

รถที่เสียผลประโยชน์ (ราคาเพิ่มจากเดิม)
1. รถที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อก.ม. และแต่เดิมมีม้าไม่เกิน 220 (Lexus IS250 CO2=200 กรัม จะคิดสรรพสามิต
จากเดิม 30% เปลี่ยนเป็น 40% หรือถ้าปรับโน่นนี่นิดหน่อยลดมลพิษลงได้ ก็จะเหลือ 35%) ยังไงก็แพงขึ้น

2. รถขนาดโตๆ พวก PPV ที่เคยได้สิทธิภาษีพิเศษจะเปลี่ยนไปจัดสรรพสามิตตาม CO2 ที่ปล่อย
3. รถที่เครื่องโตเกิน 3,000 ซี.ซี. ไม่ว่าจะแรงม้าเท่าไหร่ โดนคิดเป็น 50% หมด Ford Everest 3.2 จะได้รับผลกระทบเยอะมาก
รวมถึง Ranger ด้วย ราคาอาจต่างจากเดิมมากจนบริษัทต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถดูคุ้มค่าขึ้น

4. พวกรถไฮบริด..ที่ไม่ได้มลพิษต่ำจริงๆ ก็จะโดนบวกจากของเดิมอีก 10% พวก Prius อะไงี้รอดสบาย แต่ถ้าปล่อยเกิน 100 กรัม/ก.ม.
(หรือ 120 อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆครับ) ราคาของรถก็จะแพงขึ้น


พูดถึงเรื่องพวกนี้ ผมคิดถึงคุณ H3T ที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอธิบายให้ผมฟังผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: NS ที่ สิงหาคม 12, 2015, 16:14:05
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: onbit40 ที่ สิงหาคม 12, 2015, 17:09:33
พวกรถไฟฟ้า กำหนดไหมคับแบบนี้ เพราะมันไม่มี co2 ก็ = 0% tax ?
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: sukhontha ที่ สิงหาคม 12, 2015, 19:20:21
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)

เห็นด้วย  แพงไป ขายไม่ได้ก็ลดเองแหละ...
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ สิงหาคม 12, 2015, 20:10:04
สรุปง่ายๆ ผิดตรงไหนแก้ไขผมได้

รถประเภทที่ได้ประโยชน์ หรือ ไม่ได้รับผลกระทบ (ราคาถูกลงหรือแทบไม่เปลี่ยน)
1. EcoCar Phase 2
2. รถยนต์นั่ง 1.2-1.5 ลิตรส่วนใหญ่
3. รถที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/ก.ม.
4. รถอะไรก็ตามที่ม้าเยอะแยะขนาดไหนก็ช่าง แต่ความจุไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.

A45AMG จากเดิมสรรพสามิต 50% ถ้าตามเรตปีหน้าจะเหลือ 40% หรืออาจจะ 35%
ฺBMW M4 จากเดิมราคา 9.9 ล้าน เคยลองกดเล่นๆ อาจจะลดเหลือ 8.9 ล้าน
Golf R งานนี้สบาย จากเดิมเสีย 50% ตามกฏ 220 ม้า ต่อไปก็จะเหลือแค่ 35%

รถที่เสียผลประโยชน์ (ราคาเพิ่มจากเดิม)
1. รถที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อก.ม. และแต่เดิมมีม้าไม่เกิน 220 (Lexus IS250 CO2=200 กรัม จะคิดสรรพสามิต
จากเดิม 30% เปลี่ยนเป็น 40% หรือถ้าปรับโน่นนี่นิดหน่อยลดมลพิษลงได้ ก็จะเหลือ 35%) ยังไงก็แพงขึ้น

2. รถขนาดโตๆ พวก PPV ที่เคยได้สิทธิภาษีพิเศษจะเปลี่ยนไปจัดสรรพสามิตตาม CO2 ที่ปล่อย
3. รถที่เครื่องโตเกิน 3,000 ซี.ซี. ไม่ว่าจะแรงม้าเท่าไหร่ โดนคิดเป็น 50% หมด Ford Everest 3.2 จะได้รับผลกระทบเยอะมาก
รวมถึง Ranger ด้วย ราคาอาจต่างจากเดิมมากจนบริษัทต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถดูคุ้มค่าขึ้น

4. พวกรถไฮบริด..ที่ไม่ได้มลพิษต่ำจริงๆ ก็จะโดนบวกจากของเดิมอีก 10% พวก Prius อะไงี้รอดสบาย แต่ถ้าปล่อยเกิน 100 กรัม/ก.ม.
(หรือ 120 อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆครับ) ราคาของรถก็จะแพงขึ้น


พูดถึงเรื่องพวกนี้ ผมคิดถึงคุณ H3T ที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอธิบายให้ผมฟังผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ

 ขอแก้ไขข้อ 2 กับ 3 นะครับ ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ
 PPV กับ Pick up ยังใช้พิกัดความจุกระบอกสูบ 3250 ซีซี ร่วมกับ Co2 นะครับ ( ต่างจากรถนั่งที่ใช้พิกัดความจุกระบอกสูบ 3000  ซีซี )
   ไม่เกิน 3250 ซีซี และ Co2 ไม่เกิน 200 g/km พิกัด 25%
   ไม่เกิน 3250 ซีซี แต่ Co2 เกิน 200 g/km พิกัด 30%
    เกิน 3250 ซีซี ไม่ต้องดู Co2 พิกัด 50%

 กำหนดการณ์ที่จะปรับเปลี่ยนพิกัดภาษีสรรพสามิตใหม่ ซึ่งกำหนดไว้ใน 1 ม.ค. ปี 2559 นั้น ในสถาณการณ์ปัจจุบันของรัฐบาลตอนนี้ ว่ากันตามความจริง ผลของภาษีใหม่ มีทั้งทำให้รถบางกลุ่มเสียต่ำลง และสูงขึ้น

 ดังนั้น ส่วนตัว ผมมองว่าฝ่ายการคลังน่าจะมีคำตอบอยู่แล้วว่า บวกลบดูแล้ว ภาษีใหม่ได้ตัวเลขเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง ซึ่งก็เป็นคำตอบไปในตัวว่า จะเลื่อนการเปลี่ยนพิกัดภาษีใหม่ไปหรือไม่ครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 12, 2015, 20:35:06
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)

เห็นด้วย  แพงไป ขายไม่ได้ก็ลดเองแหละ...

ผมว่าไปลด ภาษีดีกว่าไหม
 OEM ซวยตลอด ไม่ได้ทำไรเลย เจอรัฐบาลขูดรีด
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: toonze ที่ สิงหาคม 12, 2015, 21:50:01
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)

เห็นด้วย  แพงไป ขายไม่ได้ก็ลดเองแหละ...

ผมว่าไปลด ภาษีดีกว่าไหม
 OEM ซวยตลอด ไม่ได้ทำไรเลย เจอรัฐบาลขูดรีด
ไม่ไม่เกี่ยวกับเจอรัฐบาลขูดรีดนะครับ  ภาษีที่เสียไปก็กลับมาให้เราได้ใช้บ้างส่วนอยู่แล้ว อยูที่ว่ารัฐบาลจะเอาไปใช้ในส่วนไหน
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 12, 2015, 22:11:30
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)

เห็นด้วย  แพงไป ขายไม่ได้ก็ลดเองแหละ...

ผมว่าไปลด ภาษีดีกว่าไหม
 OEM ซวยตลอด ไม่ได้ทำไรเลย เจอรัฐบาลขูดรีด
ไม่ไม่เกี่ยวกับเจอรัฐบาลขูดรีดนะครับ  ภาษีที่เสียไปก็กลับมาให้เราได้ใช้บ้างส่วนอยู่แล้ว อยูที่ว่ารัฐบาลจะเอาไปใช้ในส่วนไหน

คือ ต้นทุน รถมัง FIX COST ไว้แล้วไงครับ
OEM ลดไปมากกว่านี้ไม่ได้
ถ้าอยากได้กำไรเท่าเดิม จะต้องทำไงครับ .. ลดต้น ทุน ตัดโน่น นี่ นั่น แล้ส เราก็มา บ่น ว่า OEM ไม่ดี
แพงไปก็แบบ มาสด้า ยอดขายไม่พุ่ง
อยู่ดีๆ ภาษีเพิ่ม ราคาเพิ่มที 5 % 10 %  ใครแบกรับบอกรับ ถ้าไม่ใช่ ผู้บริโภครับ

คงไม่มี รัฐ บาลประเทศไหน เปลี่ยน ภาษี รถไปเปลี่ยนมาแบบบ้านเราหรอกครับ
คิดแล้วมึนตึบ

้รากำลังพูดเรื่อง ราคา รถ ที่เพิ่มขึ้น
ไม่ใช่ ต้นเหตุจาก OEM เลย


หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ สิงหาคม 12, 2015, 22:40:27
ผมมองว่า มันเกี่ยวกับเรื่อง ข้อตกลงทางการค้ารึป่าวครับ
อย่างล่าสุด มอไซด์บิกไบค์จากญี่ปุ่นจะไม่มีภาษีนำเข้า ราคาจะลงมากๆ
การปรับภาษีสรรพสามิตตรงนี้ ก็เพื่อจะชด้ชยภาษีนำเข้าที่จะลดเหล่านี้ รึป่าวครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: AuNaraKa ที่ สิงหาคม 12, 2015, 22:53:12
ผมมองว่า มันเกี่ยวกับเรื่อง ข้อตกลงทางการค้ารึป่าวครับ
อย่างล่าสุด มอไซด์บิกไบค์จากญี่ปุ่นจะไม่มีภาษีนำเข้า ราคาจะลงมากๆ
การปรับภาษีสรรพสามิตตรงนี้ ก็เพื่อจะชด้ชยภาษีนำเข้าที่จะลดเหล่านี้ รึป่าวครับ

ปรับให้เป็นไปตามหลักสากลครับ เลิกความคิดเก่าๆ ว่ารถแรงม้าสูงๆ ควรโดนภาษีเยอะๆ กลายเป็นรถที่ปล่อยไอเสียเยอะๆ ควรโดนเก็บภาษีเยอะๆ เพื่อกดดันให้ผู้ผลิตหาทางทำให้เครื่องยนต์ลดไอพิษ ดีกับโลกและทุกๆ สิ่งมีชีวิตครับ อันนี้พูดถึงวิธีเก็บนะครับ ส่วนเรื่องอัตราการเก็บก็ว่ากันไป   วิธีการคิดภาษีแบบนี้ประเทศพัฒนาแล้วก็เก็บแบบนี้ครับ เค้าถึงได้ต้องมีการระบุค่า CO2 ไว้ในสเปคเสมอ ถ้าเราไม่เก็บภาษีแบบนี้ ก็คงไม่มีใครแคร์ค่า CO2 หล่ะครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: anakkal ที่ สิงหาคม 13, 2015, 09:10:47
น่าจะประมาณนี้นะครับผิดถูกอย่างไรขออภัยล่วงหน้าครับ

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
– ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)
 
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้ จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 14%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 17%

5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%

7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)

– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: rojsak2021 ที่ สิงหาคม 13, 2015, 10:18:24
ราคารถยนต์สูงขึ้น + สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี = ยอดขายที่ลดลง => มีแคมเปนส่วนลดมากขึ้น  :)

เห็นด้วย  แพงไป ขายไม่ได้ก็ลดเองแหละ...

ผมว่าไปลด ภาษีดีกว่าไหม
 OEM ซวยตลอด ไม่ได้ทำไรเลย เจอรัฐบาลขูดรีด
ไม่ไม่เกี่ยวกับเจอรัฐบาลขูดรีดนะครับ  ภาษีที่เสียไปก็กลับมาให้เราได้ใช้บ้างส่วนอยู่แล้ว อยูที่ว่ารัฐบาลจะเอาไปใช้ในส่วนไหน

คือ ต้นทุน รถมัง FIX COST ไว้แล้วไงครับ
OEM ลดไปมากกว่านี้ไม่ได้
ถ้าอยากได้กำไรเท่าเดิม จะต้องทำไงครับ .. ลดต้น ทุน ตัดโน่น นี่ นั่น แล้ส เราก็มา บ่น ว่า OEM ไม่ดี
แพงไปก็แบบ มาสด้า ยอดขายไม่พุ่ง
อยู่ดีๆ ภาษีเพิ่ม ราคาเพิ่มที 5 % 10 %  ใครแบกรับบอกรับ ถ้าไม่ใช่ ผู้บริโภครับ

คงไม่มี รัฐ บาลประเทศไหน เปลี่ยน ภาษี รถไปเปลี่ยนมาแบบบ้านเราหรอกครับ
คิดแล้วมึนตึบ

้รากำลังพูดเรื่อง ราคา รถ ที่เพิ่มขึ้น
ไม่ใช่ ต้นเหตุจาก OEM เลย

คือคิดตาม co2 มาตรฐานดีแล้ว แต่มันมีนัยแอบแฝงว่าทำไมเรทเริ่มต้นจึงเก็บมากกว่าเดิม ที่เห็นๆก็ 5%, ก็เพราะนโยบายรถคันแรกก่อนหน้านี้แหละครับ รายได้เข้าคลังหายไปเยอะ รัฐจึงเอาคืนปี 59 นี่หล่ะ  ถ้าเห็นกับสภาวะแวดล้อมจริงๆ รัฐก็ควรมาสนับสนุนพลังงานทดแทน พลังงานไฟฟ้า ให้มันชัดเจน โดยลดภาษีให้น้อยลง แต่ถ้าทำครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ ไม่ผิดหรอกครับที่ประชาชนจะคิดว่าถูกขูดรีดจากรัฐ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: M-Titan Man@NacT ที่ สิงหาคม 13, 2015, 10:39:26
ขายได้ ขายดี ก็ต้องขึ้นราคา ไม่มีใครอยากแบกต้นทุน
ขายไม่ได้ ยอดตก ก็ยอม ขาดทุนกำไร
หรือขึ้นตามคนอื่น แต่ส่วนลดสูง ทำแคมเปญล่อใจ
ประมานนั้นครับ
รถบางคันเกือบล้าน เสียภาษีหลักหมื่น ดูแล้วไม่ถูก จ่ายภาษีไม่ถึงแสน
แต่ทิ้งขยะอุตสาหกรรมสักเท่าไหร่
สมควรโดนบวกเพิ่มล่ะครับ
จะได้เอาเงินไปพัฒนาประเทศชาติเพิ่ม
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ สิงหาคม 13, 2015, 12:10:37
"ภาษีที่เสียไปก็กลับมาให้เราได้ใช้ " อย่าลืมใช้แก้ปัญหารถติดด้วยนะครับ อาการหนักขึ้นทุกๆปี ขนาดขึ้นทางด่วนยังติด หวังว่าต่อจากนี้จะดีขึ้นบ้าง
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: เซลล์ขายรถ ที่ สิงหาคม 13, 2015, 12:51:55
หลายตัวลดหลายตัวเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ถ้าถามเซลล์ขายรถจะบอกราคาขึ้นเพราะเอายอด

วันก่อนไปเดินเล่นในห้างในสระบุรีมีบูทรถมาตั้งเลยไปถาม

บอกพี่สนใจรีบซื้อนะราคามันจะขึ้น

แต่....รถมันเติม E85 ได้เครื่องไม่เกิน2000 มันราคาลงไม่ใช่เหรอ


ผมนี้ยิ้มหวานเลย

********************
แก้เพิ่มแสดงว่าผมจำตารางผิด  :'( :'(

หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ สิงหาคม 13, 2015, 13:48:35
หลายตัวลดหลายตัวเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ถ้าถามเซลล์ขายรถจะบอกราคาขึ้นเพราะเอายอด

วันก่อนไปเดินเล่นในห้างในสระบุรีมีบูทรถมาตั้งเลยไปถาม

บอกพี่สนใจรีบซื้อนะราคามันจะขึ้น

แต่....รถมันเติม E85 ได้เครื่องไม่เกิน2000 มันราคาลงไม่ใช่เหรอ

ผมนี้ยิ้มหวานเลย

 รถรุ่นอะไรครับ เพราะ 2000 ซีซี E85 ตอนนี้จะเสีย 22%
 ซึ่งถ้าปล่อย Co2 น้อยกว่า 150 แล้ว E85 ยังไงอย่างน้อยก็เสีย 25%
   เซลล์พูดถูกแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ สิงหาคม 13, 2015, 13:59:34
แพงไปก็ไม่ซื้อครับ   ผมตั้ใจใช้รถคันเดิมไปอีกนานอยู่แล้ว    ขึ้นเท่าไหร่ก็ช่าง ถ้าแพงก็ไม่ซื้อเท่านั้นเอง
เพราะรถราคามันลดลงแบบน่าใจหายไปนานล่ะ 
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: DriveOnly ที่ สิงหาคม 14, 2015, 02:27:27
เรทภาษีใหม่น่าจะเอาใจรถยนต์ประเภทไฟฟ้าและ hybrid มากขึ้นหน่อย เช่น prius คันละ 1 ล้าน camry, accord hybrid คันละ 1.5 ล้าน แบบนี้จำนวนคนใช้ hybrid เยอะขึ้นแน่นอน อากาศในประเทศก็จะสะอาดขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
- ผมเห็นด้วยนะกับเรทภาษีใหม่ เพราะมันจะช่วยบีบผู้ผลิตรถยนต์ให้คายเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค และถ้าผู้ผลิตรายไหนไม่สนใจก็จะแข่งขันทางราคาไม่ได้

- สิ่งที่น่ากังวลคือ คนไทยอาจจะเปลี่ยนรถกันช้าลง จะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศสะดุดหนักกว่าเดิมรึปล่าว
แต่เชื่อว่าค่ายรถต่างๆ คงเตรียมพร้อมส่วนหนึ่งแล้ว เพราะนโยบายนี้ไม่ได้บอกล่วงหน้า วันสองวัน เดือนสองเดือน
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 14, 2015, 09:09:31
เรทภาษีใหม่น่าจะเอาใจรถยนต์ประเภทไฟฟ้าและ hybrid มากขึ้นหน่อย เช่น prius คันละ 1 ล้าน camry, accord hybrid คันละ 1.5 ล้าน แบบนี้จำนวนคนใช้ hybrid เยอะขึ้นแน่นอน อากาศในประเทศก็จะสะอาดขึ้น โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
- ผมเห็นด้วยนะกับเรทภาษีใหม่ เพราะมันจะช่วยบีบผู้ผลิตรถยนต์ให้คายเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค และถ้าผู้ผลิตรายไหนไม่สนใจก็จะแข่งขันทางราคาไม่ได้

- สิ่งที่น่ากังวลคือ คนไทยอาจจะเปลี่ยนรถกันช้าลง จะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศสะดุดหนักกว่าเดิมรึปล่าว
แต่เชื่อว่าค่ายรถต่างๆ คงเตรียมพร้อมส่วนหนึ่งแล้ว เพราะนโยบายนี้ไม่ได้บอกล่วงหน้า วันสองวัน เดือนสองเดือน

ครับ นโยบาย ภาษี นี่ผลกระทบ รุนแรง
เราคอยดูกัน





หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: thesun ที่ สิงหาคม 14, 2015, 09:40:17
เอากำแพงภาษีมาชลอเรื่องรถใหม่ไว้ก่อนก็ดี รถเยอะเกิน ดาว์น 4 หมื่นก็ออกรถป้ายแดงกันได้แล้ว
ทุกวันนี้วัยรุ่นเด็กๆขับป้ายแดงแต่งกันตรึม เด็กแว๊นซออกกระบะมาแต่งซิ่งกันให้เพียบ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: Lusifer ที่ สิงหาคม 14, 2015, 13:09:53
 เรื่องการจัดเก็บภาษีใหม่   มีทั้งผู้ได้ และ ผู้เสีย ผลประโยชน์...

  ตามหัวข้อ จขกท   ผมเห็นด้วยตามนั้นครับ  ว่ามันเป็นเกมกลยุทธ์ดึงยอดขายปีนี้  ในช่วงที่กำลังซื้อถดถอย

  เพื่อนผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่พยายามซื้อรถให้ทันปีนี้ให้ได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีรุ่นที่ใช่และชอบ  แต่ก็เพื่อเลี่ยงไม่จ่ายแพงในปีหน้า

  ผิดถูกอย่างไร เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: M-Titan Man@NacT ที่ สิงหาคม 14, 2015, 13:24:14
สรุปง่ายๆ ผิดตรงไหนแก้ไขผมได้

รถประเภทที่ได้ประโยชน์ หรือ ไม่ได้รับผลกระทบ (ราคาถูกลงหรือแทบไม่เปลี่ยน)
1. EcoCar Phase 2
2. รถยนต์นั่ง 1.2-1.5 ลิตรส่วนใหญ่
3. รถที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/ก.ม.
4. รถอะไรก็ตามที่ม้าเยอะแยะขนาดไหนก็ช่าง แต่ความจุไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.

A45AMG จากเดิมสรรพสามิต 50% ถ้าตามเรตปีหน้าจะเหลือ 40% หรืออาจจะ 35%
ฺBMW M4 จากเดิมราคา 9.9 ล้าน เคยลองกดเล่นๆ อาจจะลดเหลือ 8.9 ล้าน
Golf R งานนี้สบาย จากเดิมเสีย 50% ตามกฏ 220 ม้า ต่อไปก็จะเหลือแค่ 35%

รถที่เสียผลประโยชน์ (ราคาเพิ่มจากเดิม)
1. รถที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อก.ม. และแต่เดิมมีม้าไม่เกิน 220 (Lexus IS250 CO2=200 กรัม จะคิดสรรพสามิต
จากเดิม 30% เปลี่ยนเป็น 40% หรือถ้าปรับโน่นนี่นิดหน่อยลดมลพิษลงได้ ก็จะเหลือ 35%) ยังไงก็แพงขึ้น

2. รถขนาดโตๆ พวก PPV ที่เคยได้สิทธิภาษีพิเศษจะเปลี่ยนไปจัดสรรพสามิตตาม CO2 ที่ปล่อย
3. รถที่เครื่องโตเกิน 3,000 ซี.ซี. ไม่ว่าจะแรงม้าเท่าไหร่ โดนคิดเป็น 50% หมด Ford Everest 3.2 จะได้รับผลกระทบเยอะมาก
รวมถึง Ranger ด้วย ราคาอาจต่างจากเดิมมากจนบริษัทต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถดูคุ้มค่าขึ้น

4. พวกรถไฮบริด..ที่ไม่ได้มลพิษต่ำจริงๆ ก็จะโดนบวกจากของเดิมอีก 10% พวก Prius อะไงี้รอดสบาย แต่ถ้าปล่อยเกิน 100 กรัม/ก.ม.
(หรือ 120 อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆครับ) ราคาของรถก็จะแพงขึ้น


พูดถึงเรื่องพวกนี้ ผมคิดถึงคุณ H3T ที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอธิบายให้ผมฟังผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ
แก้ไขข้อ 2 กับ 3 ครับ
Ranger 3.2 ยังไม่ถึง 50 ครับ ใช้เรต 15 (จากเดิม 12)
everest 3.2 ก็ยังไม่ถึง 50 ครับ ใช้เรต 25(จากเดิม 20)
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: xman2029 ที่ สิงหาคม 14, 2015, 13:28:32
สรุปง่ายๆ ผิดตรงไหนแก้ไขผมได้

รถประเภทที่ได้ประโยชน์ หรือ ไม่ได้รับผลกระทบ (ราคาถูกลงหรือแทบไม่เปลี่ยน)
1. EcoCar Phase 2
2. รถยนต์นั่ง 1.2-1.5 ลิตรส่วนใหญ่
3. รถที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/ก.ม.
4. รถอะไรก็ตามที่ม้าเยอะแยะขนาดไหนก็ช่าง แต่ความจุไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.

A45AMG จากเดิมสรรพสามิต 50% ถ้าตามเรตปีหน้าจะเหลือ 40% หรืออาจจะ 35%
ฺBMW M4 จากเดิมราคา 9.9 ล้าน เคยลองกดเล่นๆ อาจจะลดเหลือ 8.9 ล้าน
Golf R งานนี้สบาย จากเดิมเสีย 50% ตามกฏ 220 ม้า ต่อไปก็จะเหลือแค่ 35%

รถที่เสียผลประโยชน์ (ราคาเพิ่มจากเดิม)
1. รถที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อก.ม. และแต่เดิมมีม้าไม่เกิน 220 (Lexus IS250 CO2=200 กรัม จะคิดสรรพสามิต
จากเดิม 30% เปลี่ยนเป็น 40% หรือถ้าปรับโน่นนี่นิดหน่อยลดมลพิษลงได้ ก็จะเหลือ 35%) ยังไงก็แพงขึ้น

2. รถขนาดโตๆ พวก PPV ที่เคยได้สิทธิภาษีพิเศษจะเปลี่ยนไปจัดสรรพสามิตตาม CO2 ที่ปล่อย
3. รถที่เครื่องโตเกิน 3,000 ซี.ซี. ไม่ว่าจะแรงม้าเท่าไหร่ โดนคิดเป็น 50% หมด Ford Everest 3.2 จะได้รับผลกระทบเยอะมาก
รวมถึง Ranger ด้วย ราคาอาจต่างจากเดิมมากจนบริษัทต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถดูคุ้มค่าขึ้น

4. พวกรถไฮบริด..ที่ไม่ได้มลพิษต่ำจริงๆ ก็จะโดนบวกจากของเดิมอีก 10% พวก Prius อะไงี้รอดสบาย แต่ถ้าปล่อยเกิน 100 กรัม/ก.ม.
(หรือ 120 อันนี้ผมจำไม่ได้จริงๆครับ) ราคาของรถก็จะแพงขึ้น


พูดถึงเรื่องพวกนี้ ผมคิดถึงคุณ H3T ที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอธิบายให้ผมฟังผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ
แก้ไขข้อ 2 กับ 3 ครับ
Ranger 3.2 ยังไม่ถึง 50 ครับ ใช้เรต 15 (จากเดิม 12)
everest 3.2 ก็ยังไม่ถึง 50 ครับ ใช้เรต 25(จากเดิม 20)

everest 3.2 เรต 30 นะครับ เพราะ มลพิษเกิน 200 mg/km แน่นอน ส่วน 2.2 น่าจะ 25 ครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 15, 2015, 07:28:45
เอากำแพงภาษีมาชลอเรื่องรถใหม่ไว้ก่อนก็ดี รถเยอะเกิน ดาว์น 4 หมื่นก็ออกรถป้ายแดงกันได้แล้ว
ทุกวันนี้วัยรุ่นเด็กๆขับป้ายแดงแต่งกันตรึม เด็กแว๊นซออกกระบะมาแต่งซิ่งกันให้เพียบ

ไอ้ที่เพิ่ม ไม่เกี่ยว กับ กะบะ และ รถวัยรุ่นเลยครับ

Eco car คงเดิม ถูกลง
กะบะ เพิ่มนิดเดียว แทบไม่มีผล

ไอ้ที่เพิ่ม สำหรับ วัยทำงาน ที่ ซื้อ PPV  C segment  Double cab ขึ้นไป

มองแค่นี้ก็ รู้เจตนา นโยบายรัฐแล้ว


วัยรุ่นเด้กแวนซ์ คงไม่ค่อย มาอก PPV C segement  Double cab  กันครับ
หัวข้อ: Re: ปีหน้า ราคารถยนต์จะปรับขึ้น... ปรับจริงๆเหรอครับ หรือแค่ต้องการดึงยอดปีนี้??
เริ่มหัวข้อโดย: xman2029 ที่ สิงหาคม 15, 2015, 07:35:33
กระบะ ถ้ามลพิษต่ำกว่า 200 mg/km ราคาเท่าเดิม ถ้าเกิน เพิ่ม3% ครับ ตัวที่เพิ่ม ตอนนี้ชัวๆก็ ranger 3.2 navara revoตัว2.8(ไม่รู้การปล่อยมลพิษ เห็นcc สูงเลยตีว่าสูงกว่า 200mg/km) dmax 2.5/3.0 bt-50 pro 2.2/3.2 colorado 2.5/2.8 พวกนี้ขึ้น 3% ส่วน ranger 2.2 น่าจะปรับปรุงให้ต่ำกว่า 200mg/km แล้ว เพราะก่อน mc ตัวยกสูงอยู่ที่ 206 mg/km