Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ADS ที่ สิงหาคม 27, 2015, 15:52:09

หัวข้อ: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ADS ที่ สิงหาคม 27, 2015, 15:52:09
ประเด็นคือ ผมอยากใช้รถไปนานๆ หลัง BSI แล้วไม่เกิดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงสูงๆ
จึงพยายามให้ความสนใจไปที่ Preventive maintenance  เมื่อคิดดูแล้วจุดที่
เมื่อเสียแล้วค่าซ่อมบำรุงสูงในตัวรถคือ เครื่อง กับ เกียร์  ผมจึงให้ความสนใจในเรื่องนี้
และได้โทรไปสอบถามที่ศูนย์ ได้ความชัดเจนว่า ตอนนี้ BMW Thailand กำหนดให้ใช้
น้ำมันเครื่อง Shell สังเคราะห์แท้ 5w30 เท่านั้น  ส่วนรถที่แรงๆ พวกตระกูล M จะใช้
น้ำมันเครื่องที่ความหนืด 60 เลย  แล้วความหนืด 30 จะสร้างปัญหาให้เราในอนาคตไหมเนี่ย

ผมเกรงว่า f30 316i จะเจออาการอย่างที่คุณ Jae เจอในรถ Mini ที่เอามาเล่าสู่กันฟัง ครับ

อีกเรื่องคือ น้ำมันเกียร์ ที่ทางศูนย์ยืนยันว่าเป็น long life ผมก็เลยบอกไปว่า กะว่าหมด BSI แล้ว
ให้ยกเกียร์เลยใช่่ไหม  เขาบอกว่า BMW Thailand ห้ามเปลี่ยนเด็ดขาด และการเปลี่ยนก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ต้องมีการเช็คอุณหภูมิ นู่น นี่ นั่น

ถ้าไปเปลี่ยนเองข้างนอก จะมีผลกับ BSI ผมเลยพูดต่อว่า คุณเป็นช่างคุณก็รู้อยู่ว่า เกียร์ที่ใช้ถึงแสนโล
โดยไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ มันจะเกิดอะไรขึ้น  เขาก็ตอบว่า ผมจะแนะนำให้ลูกค้าเมื่อใกล้ถึงแสนโล ก็ให้
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ โดยลูกค้าจ่ายเอง ดังนี้ น้ำมันเกียร์ 8 สปีด ลิตรละประมาณ 3300 บาท ใช้ 5 ลิตร
ค่าแรงประมาณ พันกว่าบาท ซึ่งเปลี่ยนตอนใกล้หมด BSI จึงไม่เป็นปัญหา ก็เล่าสู่กันฟังครับ

ในเบื้องต้น 316i f30 ตัวนี้ ยังไม่มีปัญหาอะไรให้ปวดหัว ก็ลุ้นกันต่อไปหลัง BSI หมด  ช่วงนี้ก็ขับแบบถนอมๆ
แต่ด้วยสมรรถนะของตัวรถโดยรวมแล้ว ทำใจให้ขับแบบถนอมๆ นี่ลำบากจริงๆ 555 



หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 27, 2015, 16:04:43
BMW ทิ้ง Castrol มาใช้Shell เพราะแก้ปัญหาเรื่องโคลนและคราบแข็งเป็นหลักครับ Shell ทำได้ดีกว่าในการรักษาความสะอาด

น้ำมันเครื่อง เบอร์ 30 ที่ใช้ในศูนย์ตอนนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นShell แล้วจะเป็นน้ำมันที่มี HTHS 3.2-3.8 ครับ

ที่ผมเขียนเป็นช่วง ไม่ใช่ตัวเลขตรง ๆ เพราะน้ำมันที่ผลิตมา ค่ามันแกว่ง อันนี้ผมTest กับ Lab นะครับ ไม่ใช่เอาข้อมูลตัวเลขในกระดาษ

ถามว่า 3.2 นั้นเป็นค่าที่รับได้รึเปล่า ?

โดยทั่วไปค่านี้ รับได้ครับ ที่ 150 องศา Shear Viscosity ที่ เกินกว่า 2.6  รับได้สบายๆ

คร่าว ๆว่า ทุก 20 องศาที่เพิ่มขึ้น Viscosity จะลดลง 1 เบอร์  นั่นหมายความว่า  เบอร์ 30 ที่ 100 กับ เบอร์ 40 ที่ 120 จะมีViscosity ที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ หรืออาจจะเท่ากัน

แต่ค่า HTHS มันไม่ได้linearกับ Temp  นะครับ มันเป็น negative exponential curve ทำให้ค่ามันตกลงไปมาก เพราะตัวน้ำมันวิ่งหาจุดเดือด น้ำมันที่เกิน 150 ไปมันร้อนมากบางมาก ๆ

ก็เลยบอกไม่ได้หรอกครับว่า 3.2 มันจะเหลือเท่าไหร่ในรถที่วิ่งเมืองไทย โดยเฉพาะรถติด ๆร้อน ๆ

ถ้าไม่มั่นใจ เปิดฝาเติม เอากล้องส่องดูครับ เห็นรอยก็ถ่ายทิ้งข้างนอกได้ครับ ใช้เบอร์หนา ไม่ทำให้เครื่องพังหรอกครับ ส่วนใหญ่ที่พัง เพราะเจอน้ำมันปลอม น้ำมันเสื่อม ยี่ห้อประหลาด ๆทั้งหลาย เบอร์บาง ๆทั้งนั้น

ใช้น้ำมันที่มีโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงในไทย ขอให้เป็นขอแท้ ปลอดภัยทุกยี่ห้อครับ ลองมาแล้วตั้งแต่ Toyota ยันเฟอร์รารี่

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ADS ที่ สิงหาคม 27, 2015, 17:00:31
BMW ทิ้ง Castrol มาใช้Shell เพราะแก้ปัญหาเรื่องโคลนและคราบแข็งเป็นหลักครับ Shell ทำได้ดีกว่าในการรักษาความสะอาด

น้ำมันเครื่อง เบอร์ 30 ที่ใช้ในศูนย์ตอนนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นShell แล้วจะเป็นน้ำมันที่มี HTHS 3.2-3.8 ครับ

ที่ผมเขียนเป็นช่วง ไม่ใช่ตัวเลขตรง ๆ เพราะน้ำมันที่ผลิตมา ค่ามันแกว่ง อันนี้ผมTest กับ Lab นะครับ ไม่ใช่เอาข้อมูลตัวเลขในกระดาษ

ถามว่า 3.2 นั้นเป็นค่าที่รับได้รึเปล่า ?

โดยทั่วไปค่านี้ รับได้ครับ ที่ 150 องศา Shear Viscosity ที่ เกินกว่า 2.6  รับได้สบายๆ

คร่าว ๆว่า ทุก 20 องศาที่เพิ่มขึ้น Viscosity จะลดลง 1 เบอร์  นั่นหมายความว่า  เบอร์ 30 ที่ 100 กับ เบอร์ 40 ที่ 120 จะมีViscosity ที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ หรืออาจจะเท่ากัน

แต่ค่า HTHS มันไม่ได้linearกับ Temp  นะครับ มันเป็น negative exponential curve ทำให้ค่ามันตกลงไปมาก เพราะตัวน้ำมันวิ่งหาจุดเดือด น้ำมันที่เกิน 150 ไปมันร้อนมากบางมาก ๆ

ก็เลยบอกไม่ได้หรอกครับว่า 3.2 มันจะเหลือเท่าไหร่ในรถที่วิ่งเมืองไทย โดยเฉพาะรถติด ๆร้อน ๆ

ถ้าไม่มั่นใจ เปิดฝาเติม เอากล้องส่องดูครับ เห็นรอยก็ถ่ายทิ้งข้างนอกได้ครับ ใช้เบอร์หนา ไม่ทำให้เครื่องพังหรอกครับ ส่วนใหญ่ที่พัง เพราะเจอน้ำมันปลอม น้ำมันเสื่อม ยี่ห้อประหลาด ๆทั้งหลาย เบอร์บาง ๆทั้งนั้น

ใช้น้ำมันที่มีโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงในไทย ขอให้เป็นขอแท้ ปลอดภัยทุกยี่ห้อครับ ลองมาแล้วตั้งแต่ Toyota ยันเฟอร์รารี่

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ ... ค่อยสบายใจหน่อย ได้รับคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 27, 2015, 17:45:19
คุณ Jae เคยลองเทสต์พวกนี้บ้างมั้ยครับ
HKS ตัวหนืด 45
Sunoco Brill หนืด 40 กับ 50
Motul 300V, 8100, HTech

ของพวกนี้ผมเคยลองมา แต่ไม่ได้เทสต์อะไรครับ ดูแค่แรงดันที่รอบเครื่องต่างๆกับดู Oil Temp เลยสงสัยว่า
แต่ละยี่ห้อในความเห็นของคุณ Jae เป็นอย่างไร เคยลองเทสต์บ้างหรือไม่ เวลาผมตอบคนอื่นผมอยากตอบได้ลึกกว่า
การใช้แค่ Oil Temp กับ Press น่ะครับ เพราะมันเป็นสองอย่างแค่นั้นที่ผมสามารถดูได้จริง อย่างอื่น ประเภทปกป้องดี ไม่ดี
ลื่นไม่ลื่น ผมมักจะเลี่ยงไม่พูดถึงเพราะไม่มีปัญญาทดสอบ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: BrownCony ที่ สิงหาคม 27, 2015, 19:31:52
น้ำมันเครื่องบีเอ็มจริงๆค้องใช้ตัวที่รองรับ bmw LL04ซึงในไทยมีไม่กี่ตัว shell helix ที่ขายในไทยก้อยังไม่ถึง LL04 ตอนนี้ที่ผมเห็นก้อมี sunoco xenon, miiler, eni, eneos premium, Motul 8100 , amsoil ,total quartz 9000, ptt มั้ง

น้ำมันเกีย สามาถใช้  motul atf vi ได้ ราคาน่าจะลิตรละพัน และถ้าเชื่อ0ไม่เปลี่ยนนำมันเกียร์ ก้อเตรียมใจเก็บเงินเปลี่ยนโซลินอยเกียร์ได้แต่เนิ่นๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 27, 2015, 20:03:19
คุณ Jae เคยลองเทสต์พวกนี้บ้างมั้ยครับ
HKS ตัวหนืด 45
Sunoco Brill หนืด 40 กับ 50
Motul 300V, 8100, HTech

ของพวกนี้ผมเคยลองมา แต่ไม่ได้เทสต์อะไรครับ ดูแค่แรงดันที่รอบเครื่องต่างๆกับดู Oil Temp เลยสงสัยว่า
แต่ละยี่ห้อในความเห็นของคุณ Jae เป็นอย่างไร เคยลองเทสต์บ้างหรือไม่ เวลาผมตอบคนอื่นผมอยากตอบได้ลึกกว่า
การใช้แค่ Oil Temp กับ Press น่ะครับ เพราะมันเป็นสองอย่างแค่นั้นที่ผมสามารถดูได้จริง อย่างอื่น ประเภทปกป้องดี ไม่ดี
ลื่นไม่ลื่น ผมมักจะเลี่ยงไม่พูดถึงเพราะไม่มีปัญญาทดสอบ

ยี่ห้อที่กล่าวมาเคยส่งLab แค่ H-Tech100Plus ครับ ส่วน Sunoco ส่ง Svelt เบอร์30 อันนี้Report ผมส่งให้เจ้าของรถไว้ไม่ได้เก็บไว้เอง

H-Tech 100 Plus 5W-30 HTHS 3.1 fresh oil, ส่วนUsed oil 5000 km 90 hr เหลือ HTHS 2.2 ครับ

HKS ที่ถ่ายกับรถยุโรป ออกมาโคลนเร็วพอ ๆกับ ปตท และคาสตรอลรุ่นห้าปีที่ผ่านมาครับ ก่อนหน้านี้สมัย SM คาสตรอลดีกว่าHKS และปตท อยู่มากเลย พอก่อน ๆจะเปลี่ยนเป็น SN น้ำมันด้อยคุณภาพลงอย่างเห็นได้ชัด เลยไม่ได้ส่ง HTHS เพราะมันเริ่มเป็นโคลนแล้ว ส่งไปก็สอบตกเปล่า ๆ


น้ำมันเครื่องบีเอ็มจริงๆค้องใช้ตัวที่รองรับ bmw LL04ซึงในไทยมีไม่กี่ตัว shell helix ที่ขายในไทยก้อยังไม่ถึง LL04 ตอนนี้ที่ผมเห็นก้อมี sunoco xenon, miiler, eni, eneos premium, Motul 8100 , amsoil ,total quartz 9000, ptt มั้ง

น้ำมันเกีย สามาถใช้  motul atf vi ได้ ราคาน่าจะลิตรละพัน และถ้าเชื่อ0ไม่เปลี่ยนนำมันเกียร์ ก้อเตรียมใจเก็บเงินเปลี่ยนโซลินอยเกียร์ได้แต่เนิ่นๆเลยครับ

มาตรฐาน BMW LL-04 วิธีTest ของเขา ครอบคลุมด้วย API-SN, ILSAC GF-5 และ ACEA A3/B3 ครับ จะส่งไปเทียบมาตรฐานหรือเปล่าก็อยู่ที่เจ้าของยี่ห้อจะเสียตังไปทำรึเปล่าแค่นั้นเอง น้ำมันเครื่อง Castrol ที่ว่าเคยได้ผ่านLL-04 มันดีไหมล่ะครับ ? เจ้าของ BMW MINI ที่เปิดฝาล้างเครื่องเป็นโคลนมาแล้ว คงตอบคำถามนี้ได้ดีว่า Long Life มันแค่ไหน หรือ ถ้าเจ้าของ Ford, Mazda หัดเปิดอ่างดูคราบดูสีเหลือง ๆบนชุดวาล์วเทรนบ้างก็คงได้คำตอบไม่แพ้กันครับ อันนี้ ต้องเจอเองครับ ผมเจอมาแล้วกับตัวเอง เชื่อมั่นมาสิบกว่าปีกับยี่ห้อCastrol หนีไปใช้ปตทเจอของปลอม เผลอคิดไปว่าปตทห่วยตั้งนาน สุดท้ายพอกัน


เดี๋ยวคนที่ตามมาอ่านทีหลังจะคิดว่าผมแอนตี้น้ำมันนำเข้ารึเปล่า เอาแบบนี้ครับ มีการทดลองที่พอจะทำได้เองตามบ้าน แบบอีตานี่ในลิงค์ล่างนี้ เป็นการทดสอบน้ำมันแบบง่าย ๆ คือใช้อุณหภูมิสูงสุดที่เกิดขึ้นได้ในเครื่องยนต์
http://bmwservice.livejournal.com/27699.html

ต้มมันดูคับ ว่าที่ 200องศาเซลเซียส(400F) น้ำมันจะเป็นอย่างไร

สำหรับผม ถ้าต้องเสียเงินแล้วผมก็คิดเสมอว่า "จ่ายแพงกว่าทำไมครับ?"

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 27, 2015, 20:38:07
ขอบคุณมากครับคุณ Jae

เมื่อก่อนผมชอบใช้ Castrol นะครับ ตั้งแต่แรกเริ่มสมัยใช้เบนซ์จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามปั๊ม Shell (Helix สีเทา)
จากนั้นก็ไปลอง Valvoline Maxlife, PTT ตัวสังเคราะห์แกลลอนทอง, Total Quartz9000 ตอนหลังพอไป
สนิทกับช่างทำ Honda เขามักจะแนะ Castrol ไม่ใช่เพราะมันใช้ทนนะ แต่ช่างเครื่องทั่วไป เขาใช้วิธีแค่ว่า
ก่อนแข่งหลังแข่ง เปิดเช็คสภาพจมูกลูกเบี้ยวว่ามีรอยมากหรือน้อย ช่างเอารถของทีมเขาที่ใช้ Castrol RS (สมัยนั้น
ยังเป็น RS ไม่ใช่ Edge) กับรถของลูกค้าที่ใช้ยี่ห้ออื่นมาให้ดู รถทำลงแข่งวิ่งพีระเหมือนกัน 1,500 เหมือนกัน
แคมชาฟท์มีรอยต่างกันเห็นได้เลย

ส่วน PTT ผมเคยใช้เอง 2 กระป๋อง อันนึงซื้อและเปลี่ยนที่สถานีบริการปตท. ส่วนอีกอันซื้อที่ปั๊ม แต่เปลี่ยนเอง
ตัวที่สองคือไอ้ตัว Feel Racing นั่นล่ะครับ ตัวแรกตอนเปลี่ยนใหม่ๆชีวิตดีทุกอย่าง แต่หลัง 5,000 โลไปนี่
แรงดันหลังซัดบางทีตกเหลือ 10-12PSI เลยถ่ายทิ้ง รอบสองลองตัว Feel Racing ดู Oil Temp ไต่เร็วมาก
สามเกียร์จบ Oil Temp เลย 105 ไปแล้ว รถไม่มีโบด้วย เลยเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น ตอนหลังมีเพื่อนใช้ B16A
แล้วไปพังคาคลอง 5 ด้วยน้ำมันปตท. ก็เลยแหยงๆ แต่น้ำมันตัวนั้น เพื่อนซื้อผ่านเว็บ มาฟังที่คุณ Jae บอก
เป็นไปได้ว่าอาจไปเจอของปลอม เพราะนี่ซัด 9,000 รอบแค่ 3 Race มันไม่น่าจะพัง

ส่วน HKS10W-45

ผมใช้แล้ว Temp จะหน่วง ขึ้นช้า แต่พอถึงจุดหนึ่งมันจะขึ้นยาวเลย ..เรื่องกลายสภาพเป็นโคลนเร็ว อันนี้เห็นด้วยเลยครับ
ผมเคยดื้อใช้มันจนเกิน 10,000 โล โคลนจริงๆครับ ตอนหลังเลยจะจับเปลี่ยนหมดที่ 7,500 ไม่เกิน

ถ้ามีน้ำมันยี่ห้อไหนยังไม่เคยเทสต์ แล้วทางผมสามารถนำใส่รถทดลองวิ่งแล้วไปลองถ่ายมาให้คุณ Jae ทำ Lab ได้
ผมยินดีนะครับ บางเรื่องผมอาศัยได้แค่วัดอุณหภูมิกับแรงดัน แต่ถ้ามีอะไรที่เปิดความรู้ใหม่ๆเข้าหัวได้ ผมชอบครับ ยินดีเสมอ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ สิงหาคม 27, 2015, 20:53:10
เรียนถามครับ ค่า HTHS คืออะไรนะครับ

 :)

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 27, 2015, 21:09:42
.....
ถ้ามีน้ำมันยี่ห้อไหนยังไม่เคยเทสต์ แล้วทางผมสามารถนำใส่รถทดลองวิ่งแล้วไปลองถ่ายมาให้คุณ Jae ทำ Lab ได้
ผมยินดีนะครับ บางเรื่องผมอาศัยได้แค่วัดอุณหภูมิกับแรงดัน แต่ถ้ามีอะไรที่เปิดความรู้ใหม่ๆเข้าหัวได้ ผมชอบครับ ยินดีเสมอ

ขอบคุณครับ ผมก็อยากได้ทดสอบหลายยี่ห้อครับ กับผู้ใช้หลาย ๆแบบ แต่ค่าทดสอบตอนนี้แต่ละแล็บคิดกันราว ๆ 2 พันบาท ต่อครั้ง ผมก็งกต้องหาวิชามาร ทำแล็บฟรีอยู่เนือง ๆ มีที่ได้ฟรีแบบไม่ต้องซุกก็ลูกค้าจ่ายเองครับ  ;D

ส่ง lab มันคุ้มตอนที่เราเห็นน้ำมันเครื่องยี่ห้อถูก ๆ สังเคราะห์ เสปคดี ๆ แต่ไม่มั่นใจว่าจะคุ้มไหมถ้าจะใช้ยาว ๆ คือประหยัดก็อยาก แต่ก็กลัวเครื่องสึกหรอด้วย ทำให้น้ำมันแพง ๆ ที่ผ่านมาไม่ส่งเทสเต็มละ เทสมันแค่ HTHS อย่างเดียวประหยัดไปครึ่งนึงครับ ค่าเดียวบอกอะไรได้เยอะเลย ถ้ามีโอกาสอยากลองตัวไหนไม่กล้าลองเองจะรบกวนคุณแพนแล้วกันครับ  :P


เรียนถามครับ ค่า HTHS คืออะไรนะครับ

 :)



High Temp High Shear ครับ เป็นการทดสอบคุณสมบัติความหนาของน้ำมันเครื่องอย่างหนึ่งที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไม่เหมือนค่าความหนืด40-100 ตรงที่มันจะบอกให้เรารู้ว่าเวลาเกิดภาวะเสียดทานมากที่อุณหภูมิสูง ๆ จะมีน้ำมันมากแค่ไหนป้องกันโลหะภายในเครื่องยนต์ไว้ เช่น แหวนกับเสื้อสูบ แคมลูกเบี้ยวกับจุดรับแรงแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงtappet, rocker roller, หรือถ้วยวาล์วธรรมดา พวกนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูง เพราะอยู่ในส่วนที่น้ำหล่อเย็นไปช่วยลดได้ไม่มากครับ ค่ายิ่งมากก็หมายถึงฟิลม์น้ำมันมากครับ

ความสำคัญของค่านี้อีกอย่างคือ รถจะอืดหรือไม่อืด เร่งออกไม่ออกเวลาเครื่องร้อนจะเห็นชัดมากๆ สามารถวัดค่าได้บนไดโนเลยทีเดียว ถ้าฟิลม์เหลือน้อย โลหะขูดกับโลหะมันก็เกิดแรงเสียดทานมาก เครื่องจะแรงตก ถ้าบางสุด ๆ ก็จะทำให้ชาฟท์ละลาย แหวนสูบแตก สูบตบ เครื่องฮีตได้ง่ายอีกด้วยครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ สิงหาคม 27, 2015, 21:28:12
.....
ถ้ามีน้ำมันยี่ห้อไหนยังไม่เคยเทสต์ แล้วทางผมสามารถนำใส่รถทดลองวิ่งแล้วไปลองถ่ายมาให้คุณ Jae ทำ Lab ได้
ผมยินดีนะครับ บางเรื่องผมอาศัยได้แค่วัดอุณหภูมิกับแรงดัน แต่ถ้ามีอะไรที่เปิดความรู้ใหม่ๆเข้าหัวได้ ผมชอบครับ ยินดีเสมอ

ขอบคุณครับ ผมก็อยากได้ทดสอบหลายยี่ห้อครับ กับผู้ใช้หลาย ๆแบบ แต่ค่าทดสอบตอนนี้แต่ละแล็บคิดกันราว ๆ 2 พันบาท ต่อครั้ง ผมก็งกต้องหาวิชามาร ทำแล็บฟรีอยู่เนือง ๆ มีที่ได้ฟรีแบบไม่ต้องซุกก็ลูกค้าจ่ายเองครับ  ;D

ส่ง lab มันคุ้มตอนที่เราเห็นน้ำมันเครื่องยี่ห้อถูก ๆ สังเคราะห์ เสปคดี ๆ แต่ไม่มั่นใจว่าจะคุ้มไหมถ้าจะใช้ยาว ๆ คือประหยัดก็อยาก แต่ก็กลัวเครื่องสึกหรอด้วย ทำให้น้ำมันแพง ๆ ที่ผ่านมาไม่ส่งเทสเต็มละ เทสมันแค่ HTHS อย่างเดียวประหยัดไปครึ่งนึงครับ ค่าเดียวบอกอะไรได้เยอะเลย ถ้ามีโอกาสอยากลองตัวไหนไม่กล้าลองเองจะรบกวนคุณแพนแล้วกันครับ  :P


เรียนถามครับ ค่า HTHS คืออะไรนะครับ

 :)



High Temp High Shear ครับ เป็นการทดสอบคุณสมบัติความหนาของน้ำมันเครื่องอย่างหนึ่งที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไม่เหมือนค่าความหนืด40-100 ตรงที่มันจะบอกให้เรารู้ว่าเวลาเกิดภาวะเสียดทานมากที่อุณหภูมิสูง ๆ จะมีน้ำมันมากแค่ไหนป้องกันโลหะภายในเครื่องยนต์ไว้ เช่น แหวนกับเสื้อสูบ แคมลูกเบี้ยวกับจุดรับแรงแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงtappet, rocker roller, หรือถ้วยวาล์วธรรมดา พวกนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูง เพราะอยู่ในส่วนที่น้ำหล่อเย็นไปช่วยลดได้ไม่มากครับ ค่ายิ่งมากก็หมายถึงฟิลม์น้ำมันมากครับ

ความสำคัญของค่านี้อีกอย่างคือ รถจะอืดหรือไม่อืด เร่งออกไม่ออกเวลาเครื่องร้อนจะเห็นชัดมากๆ สามารถวัดค่าได้บนไดโนเลยทีเดียว ถ้าฟิลม์เหลือน้อย โลหะขูดกับโลหะมันก็เกิดแรงเสียดทานมาก เครื่องจะแรงตก ถ้าบางสุด ๆ ก็จะทำให้ชาฟท์ละลาย แหวนสูบแตก สูบตบ เครื่องฮีตได้ง่ายอีกด้วยครับ

ขอบคุณครับ

จากข้อมูลผมว่าค่านี้มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่หาของดีราคาไม่แพง

มันชัดกว่า VI มาก

จะรอติดตามชมคำแนะนำต่อไปนะครับ :D

 :'( แต่

ตอนนี้ที่ผมสงสัยก็คือ พวก 0W-20 ที่หลายๆ ค่ายนิยมให้ใช้กัน ผมเห็นในคลับ Eco car ที่ผมอยู่มีรถบางคัน วิ่งไปแค่แสนกว่าไม่ติดแก๊ซ ต้องตั้งวาล์วและน้ำมันเครื่องซึมเยอะมาก

กำลังสงสัยว่ามันเป็นเพราะน้ำมันเครื่องหรือเปล่า

ผมได้ยินว่า ของ PPT 0W-20 VI สูงมากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าดีไหม

ตอนนี้ผมเลยใช้พวกสังเคราะห์ น้ำมันสูตร 3 เช่น บางจาก จีอี ซินเทค อี 20 & อี 85 http://www.bangchak.co.th/th/products-type-detail.aspx?subcat=7&nid=237
เพราะน้ำมันเบอร์สูงหน่อย คือ 5W-30 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะถูกไหมนะครับ

รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ ว่า ถ้ารถแบบพวก Eco car ซึ่งเขาลดต้นทุนเครื่องยนต์ไปมาก (พวก 3 สูบ) ถ้ารถวิ่งมาก 6 เดือน 1 หมื่นโล ควรใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน

และถ้ารถวิ่งน้อยมากๆ แบบผม ซึ่งวิ่งปีละไม่เกิน 1 หมื่นโล ควรใช้แบบไหนครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 27, 2015, 22:40:05
ได้เลยครับคุณ Jae

ผมลองศึกษาเรื่องค่า HTHS เพิ่มเติมนิดหน่อย ผมเข้าใจว่า HTHS สูงคือความสามารถในการสร้างฟิล์มน้ำมัน
ที่ความร้อนสูง (เช่นขับในเมือง หรือขับอัดๆแบบโหด) ดังนั้นถ้าเป็นรถสมรรถณะสูงๆ เครื่องเทอร์โบ
ซูเปอร์ชาร์จ เครื่องรอบสูงกว่า 8,000 แบบนี้ใช้น้ำมัน HTHS สูงกว่า จะปลอดภัยต่อเครื่องมากกว่าถูกมั้ยครับ

ที่ถามไม่ใช่เพราะอะไร ผมไปหาคุณหมอที่ขับ WRX STi ตัวปัจจุบันที่อุดรมา เห็นแกบอกว่ารถออกจากศูนย์มา
เขาเติม HTech ให้ ผมรู้สึกว่าน้ำมันมันจะไม่เหมาะกับประเภทของเครื่องและรูปแบบของรถเท่าไหร่
(ผมคิดว่าน้ำมันตัวนี้อาจจะเหมาะดีกับรถทั่วไปไม่มีเทอร์โบ แต่กับเครื่อง EJ257 นี่ไม่แน่ใจ)
หรือคุณ Jae คิดว่าไงครับ อันนี้ตอบแบบสบายๆได้เลยนะ ผมอาจจะคิดผิดไปก็ได้ครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 27, 2015, 22:49:28
......ตอนนี้ที่ผมสงสัยก็คือ พวก 0W-20 ที่หลายๆ ค่ายนิยมให้ใช้กัน ผมเห็นในคลับ Eco car ที่ผมอยู่มีรถบางคัน วิ่งไปแค่แสนกว่าไม่ติดแก๊ซ ต้องตั้งวาล์วและน้ำมันเครื่องซึมเยอะมาก

กำลังสงสัยว่ามันเป็นเพราะน้ำมันเครื่องหรือเปล่า

ผมได้ยินว่า ของ PPT 0W-20 VI สูงมากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าดีไหม

ตอนนี้ผมเลยใช้พวกสังเคราะห์ น้ำมันสูตร 3 เช่น บางจาก จีอี ซินเทค อี 20 & อี 85 http://www.bangchak.co.th/th/products-type-detail.aspx?subcat=7&nid=237
เพราะน้ำมันเบอร์สูงหน่อย คือ 5W-30 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะถูกไหมนะครับ

รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ ว่า ถ้ารถแบบพวก Eco car ซึ่งเขาลดต้นทุนเครื่องยนต์ไปมาก (พวก 3 สูบ) ถ้ารถวิ่งมาก 6 เดือน 1 หมื่นโล ควรใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน

และถ้ารถวิ่งน้อยมากๆ แบบผม ซึ่งวิ่งปีละไม่เกิน 1 หมื่นโล ควรใช้แบบไหนครับ

Eco car ตั้งวาวล์วเวลาติดแก๊ซไม่นาน อาจจะเป็นเพราะฝาสูบมวลเบาครับ น้ำมันเครื่องจะช่วยแค่ส่วนของ Cam Lobe ไม่สึกเร็ว ลูกถ้วยปลายก้านวาล์วเสียหายน้อยแค่นั้นครับ

พวกรถอีโคคาร์อุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่ำมาก ฝนตกๆเหลือ 75 เลยรอบเครื่องก็ไม่จัด โหลดก็น้อย น้ำมันบางๆเอาอยู่ได้ๆม่ยากครับ โหลด แรงกด ไม่มากพอจะทำให้ฟิลม์น้ำมันขาด ประเด็นเรื่องน้ำมันเครื่องไม่น่าจะใช่ครับ

การเลือกน้ำมันสำหรับรถวิ่งน้อย เน้นสังเคราะห์ group 2 3 ก็พอจะใช้ได้ครบปีแล้วถ่ายครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 27, 2015, 23:11:02
ได้เลยครับคุณ Jae

ผมลองศึกษาเรื่องค่า HTHS เพิ่มเติมนิดหน่อย ผมเข้าใจว่า HTHS สูงคือความสามารถในการสร้างฟิล์มน้ำมัน
ที่ความร้อนสูง (เช่นขับในเมือง หรือขับอัดๆแบบโหด) ดังนั้นถ้าเป็นรถสมรรถณะสูงๆ เครื่องเทอร์โบ
ซูเปอร์ชาร์จ เครื่องรอบสูงกว่า 8,000 แบบนี้ใช้น้ำมัน HTHS สูงกว่า จะปลอดภัยต่อเครื่องมากกว่าถูกมั้ยครับ

ที่ถามไม่ใช่เพราะอะไร ผมไปหาคุณหมอที่ขับ WRX STi ตัวปัจจุบันที่อุดรมา เห็นแกบอกว่ารถออกจากศูนย์มา
เขาเติม HTech ให้ ผมรู้สึกว่าน้ำมันมันจะไม่เหมาะกับประเภทของเครื่องและรูปแบบของรถเท่าไหร่
(ผมคิดว่าน้ำมันตัวนี้อาจจะเหมาะดีกับรถทั่วไปไม่มีเทอร์โบ แต่กับเครื่อง EJ257 นี่ไม่แน่ใจ)
หรือคุณ Jae คิดว่าไงครับ อันนี้ตอบแบบสบายๆได้เลยนะ ผมอาจจะคิดผิดไปก็ได้ครับ

ใช่ครับรอบจัด ร้อนจัดoil shear strength ต้องมากเพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างโลหะครับ

Htech มันติดตรงที่มีเบอร์บางๆมาขาย เบอร์หนาๆไม่เอามา แล้วที่ผ่านมาesterที่motulใส่ลงไป เปลี่ยนตัวเองเป็นกรดเร็วกว่ายี่ห้ออื่น อาจจะด้วยcontentที่มากกว่าหรือแอดดิทีฟที่ขาดไปในการคงสภาพ อากาศบ้านเราชื้น ร้อนด้วย พออากาศร้อนๆของเทอร์โบไหลเข้าสูบHTHSบนผนังสูบคงไม่เหลือ ไม่แน่ใจว่าตัวที่ศูนย์ขายยังเน้นesterด้วยรึเปล่า ถ่าเป็นคุณหมอ คงมีเครื่องมือทดสอบกรดให้ใช้ได้ง่าย ผมใช้เทสหลังมือเอา หรือถ้ากลิ่นเหม็นเปรี้ยวแบบน้ำส้มสายชูถ่ายทิ้งเลยครับ

ถึงอย่างไรสำหรับเครื่องตระกูลนี้ผมก็ยังห่วงชาฟท์เหนือวาวล์มากกว่าครับ เพราะตรงนั้นน้ำมันเครื่องน้อยไหลช้า หมุนเวียนต่ำ น่าจะ เห็นผลพังเร็วกว่าผนังสูบที่ถึงจะเป็นรอยก็รับรู้ได้ยากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ สิงหาคม 27, 2015, 23:34:49
แล้วอย่างนี้ใช้ตัวไหนดีล่ะครับ

ขอคำแนะนำหน่อยครับ
f30-320i (bsi ยังไม่หมด)
W204 -c200cgi (เพิ่งหมดplus+)
Mx5 -Nc 2,000cc (ศูนย์ก็ใช้Castrol แต่บางทีผมเปลี่ยนออโต้แบคก็ใช้Hks เปลี่ยนทุกปีเอาเพราะระยะวิ่งไม่ถึง)
Vellfire 2015 - 2.5

ถามถึงน้ำมันเครื่องดีเซลเทอโบด้วยครับ
ทำไมมันแพงจัง มีตัวไหนน่าใช้สำหรับรถกระบะส่งของ วิ่งเยอะวิ่งยาวครับ

ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ สิงหาคม 28, 2015, 00:43:46
แบบนี้รถบีเอ็มทุกคันถ้ายังไม่หมดBSI แสดงว่าแทบจะไม่มีคันไหนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เลยหรอครับ
แล้วราคาลิตละ 3,300 นี่ถูกหรือแพงครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 28, 2015, 09:04:12
แล้วอย่างนี้ใช้ตัวไหนดีล่ะครับ

ขอคำแนะนำหน่อยครับ
f30-320i (bsi ยังไม่หมด)
W204 -c200cgi (เพิ่งหมดplus+)
Mx5 -Nc 2,000cc (ศูนย์ก็ใช้Castrol แต่บางทีผมเปลี่ยนออโต้แบคก็ใช้Hks เปลี่ยนทุกปีเอาเพราะระยะวิ่งไม่ถึง)
Vellfire 2015 - 2.5

ถามถึงน้ำมันเครื่องดีเซลเทอโบด้วยครับ
ทำไมมันแพงจัง มีตัวไหนน่าใช้สำหรับรถกระบะส่งของ วิ่งเยอะวิ่งยาวครับ

ขอบคุณครับ

เดี๋ยวนะครับ

น้ำมันเครื่อง castrol ไม่ใช่ว่ามันห่วยแตกจนใช้ไม่ได้นะครับ
ผมหมายถึง มันแพงเกินตัวและไม่ทนทานที่จะใช้นานๆแบบสังเคราะห์ยี่ห้ออื่นที่ราคาใกล้ๆ กัน รถใช้น้อยใช้ได้ไม่กี่เดือนก็เริ่มก่อตัวละ คนส่วนใหญ่พอจ่ายแพง ก็เลยใช้มันนาน ๆเพราะคิดว่ามันคงดีงัยครับ

สำหรับBMW ได้ฟรีนะครับ เพราะอยู่ใน BSI ถ่ายฟรีครับ ที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเชลล์ ปัญหาหลัก ๆ คือ ใช้แล้วเป็นโคลนเพราะมันไม่ได้ดีสมราคาค่าตัว ใช้ได้ไม่ทนทานเหมือนพวกพรีเมี่ยมยี่ห้ออื่น ๆครับ ถ้าสังเกตนิดนึง ไปถ่ายทิ้งสัก 5 พันโล ก็ไม่มีปัญหากันแล้วครับ ถ้ารอให้ไฟเตือนแล้วถึงเข้าศูนย์ก็สายเกินไป

เชลล์เองก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเหมือนกัน ตัวนี้มันคือตัวเดียวกับที่ส่ง Penzoil ครับ อายุมันก็คงไม่ได้มากกว่าCastrolมากนัก เพียงแต่มันเป็น GTLทางเคมีของมันก็เลยอาจจะทนความชื้นเก่งกว่าพวก Ester อยู่ครับ Ester พื้นฐานมันไม่ว่าจะมากจากน้ำมันพืช แอลกอฮอล หรืออื่น ๆ ก็ไม่มีตัวไหนทนชื้น ร้อน ได้มากครับ อันนี้ผมพูดเฉพาะรถใช้งานในเมืองไทยนะครับ ถ้าไปAlaska ผมก็ต้องบอก Ester ดีไม่แพ้กัน ถึงอย่างไรผมก็ไม่แนะนำให้ลากไปจนครบ 15000กิโลเมตร ลดมาเหลือ 6-8พันโลตามสภาพการจราจรติดขัดมากน้อยครับ ดูชั่วโมงทำงานที่ใช้ไป อย่าอ่านแต่เลขไมล์เพื่อถ่ายน้ำมันเครื่องครับ

รถที่จอดมากกว่าใช้ ผมก็ยังคงแนะนำเป็นพวกกลุ่มสังเคราะห์ยี่ห้อปั๊มน้ำมันครับ ราคามันไม่ได้แพงเวอร์อะไร ขอให้เป็นของแท้ก็พอ พันต้น ๆ ก็ได้สังเคราะห์สะอาด มี แอดดิทีฟดี พอจะใช้ได้ปีนึงกับรถจอดอยู่บ้านครับ

รถใช้ประจำ วิ่งนอกเมืองส่งของเป็นหลัก ถ่ายตามระยะกิโลเมตร เลือกเป็นกึ่งสังเคราะห์ เบอร์ตามเสปคครับ รถกระบะบรรทุกไม่หนัก ใช้เบอร์ 10W-30 ยี่ห้อปั๊มน้ำมันยี่ห้อไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่คครับ  ที่จะดูด้อยกว่าคนอื่นก็ PTT ที่ยังไม่ค่อยสะอาดเท่าคนอื่น แต่มันต่างกันนิดเดียวกันจริงๆ ที่เหลือจะดีกว่าไม่ดีกว่าวัดกันด้วยแรงศรัทธาครับ  อันนี้ส่วนตัวนะ รถส่งของที่วิ่งล้านโล ที่ผมเห็นมาแล้วก็มีVigo Dmax  ใช้ปตทกึ่งสังเคราะห์ตลอดครับ ไปหาดูได้ที่ขนส่งสายห้าครับ จิ้มไปเลยล้านโล รถ Freelance เจ้าของดูแลเอง ส่วนใหญ่ที่พังจะเป็นชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่องซะมากกว่า

ดูจากรถที่คุณใช้ผมว่าไม่น่าห่วงเลยครับ น้ำมันตลาด ๆใช้ได้ทุกยี่ห้อ คิดว่าคุณใช้รถไม่ถึง สามแสนโลคงขายแล้ว เรื่องแคมสึก เครื่องหลวมไม่ส่งผลกับคุณแน่ ๆ ขอให้ถ่ายน้ำมันเครื่องก่อนมันหมดสภาพ ใช้น้ำมันเครื่องของแท้ก็พอครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 28, 2015, 09:15:18
แบบนี้รถบีเอ็มทุกคันถ้ายังไม่หมดBSI แสดงว่าแทบจะไม่มีคันไหนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์เลยหรอครับ
แล้วราคาลิตละ 3,300 นี่ถูกหรือแพงครับ


เกียร์ GM บริษัท GM ใช้ Dexron VI ครับ ลิตรละ 300 -500 แล้วแต่ยี่ห้อ ถ้าลิตรละ3000 คิดว่าคงเป็นของศูนย์ครับ

เกียร์ ZF ใช้ น้ำมันGM ก็ได้ครับ แต่มักจะถูกต่อว่าว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งตามเสปค มันใช้ไม่ได้เพราะวิ่งลุยหิมะแล้วน้ำมันหนืดไป มีข้อนี้ข้อเดียวที่ผมเห็นว่ามันไม่ผ่าน ความเห็นผมเองนะครับ 
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kritcc ที่ สิงหาคม 28, 2015, 09:53:39
ถ้ารถ Teana J32 เครื่อง 2.0 ใช้งานวิ่งกทม ในเมืองรถติดตลอด ระยะทางประมาณเดือนละ 2000 กิโล วิ่งได้ไม่เร็วไม่ค่อยเกิน 100Km/hr
ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ทั่วไป ถ่ายน้ำมันที่หมื่นโล นานไปไหมครับ

พอดีเคยได้ยินมาดังนี้ ไม่รู้ว่าเป็นความจริงไหมครับ
-น้ำมันเครื่องสมัยนี้ เกรดสูงกว่าสมัยก่อน ถ่ายทุก 5 พันโลเร็วเกินไป ถ่ายสักหมื่นโลกำลังดี
-ส่วนสังเคราะห์ หรือกึ่ง ก็ระยะเปลี่ยนเท่ากัน คือถ้าขับรอบสูงประจำจึงจะควรต้องใช้สังเคราะห์ ถ้าไม่ได้ขับรถลากรอบสูง เกรดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 28, 2015, 10:08:07

Q:ถ้ารถ Teana J32 เครื่อง 2.0 ใช้งานวิ่งกทม ในเมืองรถติดตลอด ระยะทางประมาณเดือนละ 2000 กิโล วิ่งได้ไม่เร็วไม่ค่อยเกิน 100Km/hr
ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ทั่วไป ถ่ายน้ำมันที่หมื่นโล นานไปไหมครับ
 
A: นานไปครับ ก่อนดับเครื่องทุกครั้งลองดึงก้านวัดมาดูครับ ถ้าตรงข้อพับงอรูปตัวยูบนก้าน มีคราบดำ ๆ  แสดงว่าน้ำมันหมดคุณสมบัติมากไปแล้วครับ ตอนเช้าถ้าดึงก้าน น้ำมันตรงนั้นจะเหนียว เทียน่าก้านวัดเขาดีตรงนี้ล่ะครับ

Q:พอดีเคยได้ยินมาดังนี้ ไม่รู้ว่าเป็นความจริงไหมครับ
-น้ำมันเครื่องสมัยนี้ เกรดสูงกว่าสมัยก่อน ถ่ายทุก 5 พันโลเร็วเกินไป ถ่ายสักหมื่นโลกำลังดี

A: สมัยก่อนนี่ สมัยไหนครับ น้ำมันปัจจุบันที่ใช้ ๆกัน ดีกว่าสมัย 30 ปีก่อนจริงครับ แต่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีน้ำมันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแทบไม่พัฒนามากเลยครับ เน้นบริสุทธิ์ขึ้นมากกว่า อายุการใช้งานของมันก็ยังเท่า ๆเดิมเพียงแต่รถใหม่ ๆมันสันดาปเก่งขึ้น น้ำมันเชื้อเพลิงปนในน้ำมันเครื่องน้อยลง

ที่จะพัฒนาไปมากคงเป็นน้ำมันเกียร์ เฟืองท้ายที่ใช้น้ำมันสังเคราะห์ผสมมากขึ้นครับ บางรายใช้สังเคราะห์แท้เลย เฟืองท้ายใหม่ ๆ ถ่ายแสนโลสบาย ๆ
 
Q:-ส่วนสังเคราะห์ หรือกึ่ง ก็ระยะเปลี่ยนเท่ากัน คือถ้าขับรอบสูงประจำจึงจะควรต้องใช้สังเคราะห์ ถ้าไม่ได้ขับรถลากรอบสูง เกรดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

A: น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีระยะถ่ายที่เหมาะสมคือราว ๆ 150 ชั่วโมงทำงานของเครื่องครับ ส่วนน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 100-150 ชั่วโมงแล้วแต่ยี่ห้อ (ถ่ายที่ครึ่งอายุมัน) ถ้าจะบอกว่าใช้รอบสูงรอบต่ำ คงต้องไปดูความหนาของน้ำมันที่เหมาะสมกับอุณหภูมิแวดล้อมและอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์จะถูกต้องกว่า น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์บางยี่ห้อ ดีพอ ๆกับสังเคราะห์แท้ยี่ห้ออื่นก็ยังมีอยู่ครับ เพราะBase oil Group 3 ดีกว่า Group 2

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ Group 2,3,4 ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาตรงที่มันมีความสามารถในการทน Oxidation ได้นานกว่าครับ ถ้าใช้เบอร์ที่เหมาะสมกับรถ ก็ไม่สร้างปัญหาอะไรครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: iamitman ที่ สิงหาคม 28, 2015, 10:41:22
รถผมที่ใช้ตอนนี้ ไม่ได้ performance สูงอะไร (vios 2010) แต่ผมก็ชอบจะใช้น้ำมันเครื่องดีๆ เพราะสบายใจดี+ผมขับในเมืองเยอะและชอบกวาดรอบสูงๆ ที่เคยลองมาก็มี

1.Mobil 5W-30
2.Mobil 0W-40
3.Amsoil Signature 5W-30
4.Cusco 5W-30 กระป๋องเขียวๆ

ตอนนี้ถูกใจสุดก็เห็นจะเป็น Cusco ครับ นี่ความรู้สึกล้วนๆเลยครับ แต่ยังไง ถ้ามีการทดสอบแลปหรือว่าอยากได้ตัวอย่างน้ำมันไปเพื่อเทส ผมยินดีร่วมด้วยครับคุณ Jae ขอบคุณครับ  :)
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jojow ที่ สิงหาคม 28, 2015, 10:42:41
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

รบกวนคุณ Jae แนะนำน้ำมันเครื่องให้นิดนะครับ
S280 W220 วิ่ง 1 แสน กม.แล้ว
525d F10 วิ่ง 1 แสน กม.แล้ว
370z วิ่ง 3 หมื่น กม.

หรือควรจะดู เบอร์หลัง 40 ไว้ และเป็นสังเคราะห์อย่างเดียวครับ
และที่แนะนำไว้ว่า ให้เปลี่ยนถ่าย ก่อนเวลา ครึงนึง สมควรเปลี่ยนเฉพาะน้ำมันเครื่องหรือเปลี่ยนพร้อมกรองไปเลยครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: zapdos191 ที่ สิงหาคม 28, 2015, 10:46:47
กระทู้มีประโยชน์มากๆครับ

ผมขออีกคำถามครับผม

บ้านเราควรเติมน้ำมันเครื่องเบอร์ตามที่คู่มือกำหนดไว้ หรือ เปลี่ยนเบอร์ให้มันเข้ากับภูมิอากาศและอุณหภูมิบ้านเราครับ อย่างรถผมแนะนำเติม 5W-30 ตลอด และไม่ได้บอกให้เปลี่ยนเบอร์ด้วยเมื่อระยะเวลาผ่านไป (คู่มือบอกชัดว่าใช้ 5W-40 ได้แต่ให้ใช้แค่ "Temporary" ครับ)

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ สิงหาคม 28, 2015, 10:52:38
......ตอนนี้ที่ผมสงสัยก็คือ พวก 0W-20 ที่หลายๆ ค่ายนิยมให้ใช้กัน ผมเห็นในคลับ Eco car ที่ผมอยู่มีรถบางคัน วิ่งไปแค่แสนกว่าไม่ติดแก๊ซ ต้องตั้งวาล์วและน้ำมันเครื่องซึมเยอะมาก

กำลังสงสัยว่ามันเป็นเพราะน้ำมันเครื่องหรือเปล่า

ผมได้ยินว่า ของ PPT 0W-20 VI สูงมากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าดีไหม

ตอนนี้ผมเลยใช้พวกสังเคราะห์ น้ำมันสูตร 3 เช่น บางจาก จีอี ซินเทค อี 20 & อี 85 http://www.bangchak.co.th/th/products-type-detail.aspx?subcat=7&nid=237
เพราะน้ำมันเบอร์สูงหน่อย คือ 5W-30 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะถูกไหมนะครับ

รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ ว่า ถ้ารถแบบพวก Eco car ซึ่งเขาลดต้นทุนเครื่องยนต์ไปมาก (พวก 3 สูบ) ถ้ารถวิ่งมาก 6 เดือน 1 หมื่นโล ควรใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน

และถ้ารถวิ่งน้อยมากๆ แบบผม ซึ่งวิ่งปีละไม่เกิน 1 หมื่นโล ควรใช้แบบไหนครับ

Eco car ตั้งวาวล์วเวลาติดแก๊ซไม่นาน อาจจะเป็นเพราะฝาสูบมวลเบาครับ น้ำมันเครื่องจะช่วยแค่ส่วนของ Cam Lobe ไม่สึกเร็ว ลูกถ้วยปลายก้านวาล์วเสียหายน้อยแค่นั้นครับ

พวกรถอีโคคาร์อุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่ำมาก ฝนตกๆเหลือ 75 เลยรอบเครื่องก็ไม่จัด โหลดก็น้อย น้ำมันบางๆเอาอยู่ได้ๆม่ยากครับ โหลด แรงกด ไม่มากพอจะทำให้ฟิลม์น้ำมันขาด ประเด็นเรื่องน้ำมันเครื่องไม่น่าจะใช่ครับ

การเลือกน้ำมันสำหรับรถวิ่งน้อย เน้นสังเคราะห์ group 2 3 ก็พอจะใช้ได้ครบปีแล้วถ่ายครับ

ขอบคุณครับคุณ Jae

แสดงว่า ผมใช้ตัว 0W-20 หรือ 5W-30 หรือ 10W-30 ตัวไหนก็ได้ใช่ไหมครับ
แต่ขอให้เป็น Group 2 หรือ 3 ก็พอแล้ว

ผมเรียนถามเรื่องน้ำมันของ PPT ครับ พอดีผมลองหา กึ่งสังเคราะห์ของ ปตท 10W-30
(http://img.tarad.com/shop/r/rrpanich/img-lib/spd_20111216172545_b.jpg)
ตามร้าน แต่ไม่มีขายเลยครับ ส่วนมากเป็น 10W-40 ทั้งตัวธรรมดาและ NGV หมด
แบบนี้ผมควรใช้ 10W-40 แทนเลย หรือว่า ใช้เบอร์ 5W-30 หรือ 10W-30 จะดีกว่าครับ

และถ้าผมตั้งไว้ว่า 1 ปีถ่าย ไม่ควรมีระยะถ่ายเกินเท่าไหร่ครับ เช่น กึ่งสังเคราห์ไม่เกิน 5000 โล หรือ สังเคราะห์ 7000 โล
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 28, 2015, 11:24:25
รถผมที่ใช้ตอนนี้ ไม่ได้ performance สูงอะไร (vios 2010) แต่ผมก็ชอบจะใช้น้ำมันเครื่องดีๆ เพราะสบายใจดี+ผมขับในเมืองเยอะและชอบกวาดรอบสูงๆ ที่เคยลองมาก็มี

1.Mobil 5W-30
2.Mobil 0W-40
3.Amsoil Signature 5W-30
4.Cusco 5W-30 กระป๋องเขียวๆ

ตอนนี้ถูกใจสุดก็เห็นจะเป็น Cusco ครับ นี่ความรู้สึกล้วนๆเลยครับ แต่ยังไง ถ้ามีการทดสอบแลปหรือว่าอยากได้ตัวอย่างน้ำมันไปเพื่อเทส ผมยินดีร่วมด้วยครับคุณ Jae ขอบคุณครับ  :)

ถ้าทุกตัวที่คุณใช้เป็นน้ำมันเครื่องแท้ ๆ ไม่ปลอม  ไม่ควรจะต่างกันครับ Mobil 0W-40 สีทอง ตอนนี้ถ้ากระป๋องรุ่นเก่ามีปลอม ทำจากน้ำมันกึ่งสังเคราะห์ครับ มีคนหิ้วกระป๋องมาให้ผมดูส่งแล๊บถึงรู้ ตามจับคนขายอยู่ครับ
Mobil 5W-30 ใช้ PTT 5W-30 แทนได้เกือบเหมือนกันครับ Base Oil แทบจะไม่ต่าง มี Additive ต่างกัน

Cusco นี่ ผมจำได้ว่าเหมือน บางจาก ตัวสังเคราะห์แท้  เป็น PAO ที่ไม่มี Additive ดี ๆลงไป เอาไว้ผสมกับยี่ห้ออื่นที่มี Additive จะดีกว่า PAO มีหลายแบบครับ ลองหาอ่านดูว่าแบบไหนดีไม่ดีอย่างไร

AMSOIL อายุสั้นครับ ถ้าใช้แล้วมันเสื่อมเร็วคงไม่แปลก ไม่ได้ออกแบบมาเผื่อร้อนชื้น ใช้VI Improver มากไปหน่อย


คุณ" C5 HDI"

PTT 10W-30 เป็นผลิตภัณฑ์ที่แย่มากครับ HTHS ต่ำและปลายกราฟตกเหลือ 1  ถึงเครื่องจะไม่ได้เน้นPerformance แต่ถ้าคิดจะใช้รถคันนี้ยาว ๆ ไม่แนะนำ มีขายที่โลตัส ใช้เบอร์ 10W-40 ดีกว่าครับ ลองดูสูตรน้ำมันครับ

กระทู้มีประโยชน์มากๆครับ

ผมขออีกคำถามครับผม

บ้านเราควรเติมน้ำมันเครื่องเบอร์ตามที่คู่มือกำหนดไว้ หรือ เปลี่ยนเบอร์ให้มันเข้ากับภูมิอากาศและอุณหภูมิบ้านเราครับ อย่างรถผมแนะนำเติม 5W-30 ตลอด และไม่ได้บอกให้เปลี่ยนเบอร์ด้วยเมื่อระยะเวลาผ่านไป (คู่มือบอกชัดว่าใช้ 5W-40 ได้แต่ให้ใช้แค่ "Temporary" ครับ)

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

น้ำมันเครื่อง เบอร์ 5W-40 ใช้ได้ temporary แสดงว่าต้องเอาคู่มือมาจากรถเมืองหนาวครับ เบอร์นี้สตาร์ทไม่ติดที่ีอุณหภูมิ ต่ำกว่า 0 องศาครับ   คู่มือรถเชื่อได้แค่วิธีสตาร์ทกับเปิดปิดอุปกรณ์ใช้งานทั่วไปครับ ตารางน้ำมันเครื่องมักไม่ครอบคลุมสภาพอากาศในไทยครับ ผมยังคงยืนยันว่ารถที่ใช้เบอร์ 30 ได้ ก็ใช้เบอร์ 40 ได้ครับ ในไทยนะครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

รบกวนคุณ Jae แนะนำน้ำมันเครื่องให้นิดนะครับ
S280 W220 วิ่ง 1 แสน กม.แล้ว
525d F10 วิ่ง 1 แสน กม.แล้ว
370z วิ่ง 3 หมื่น กม.

หรือควรจะดู เบอร์หลัง 40 ไว้ และเป็นสังเคราะห์อย่างเดียวครับ
และที่แนะนำไว้ว่า ให้เปลี่ยนถ่าย ก่อนเวลา ครึงนึง สมควรเปลี่ยนเฉพาะน้ำมันเครื่องหรือเปลี่ยนพร้อมกรองไปเลยครับ

ขอบคุณครับ


ที่บอกให้เปลี่ยนก่อนเวลาครึ่งนึง สำหรับรถยนต์ที่แนะนำให้ถ่าย 15,000 km ก็คือ 7500 km ครับ จุดนี้เราจะถ่ายน้ำมันที่ไม่เสียมากไปออก กรองน้ำมันเครื่องคงไม่มีอะไรตันจนน่ากลัว น้ำมันรถเบนซ์ บีเอ็ม เติม 5.5 ลิตร เบนซ์รุ่นนั้นเติม 7 ลิตร มากพอจะละลายน้ำมันเหลือค้างในไส้กรองครับ

370Z ตอนนี้แนะนำเป็น Mobil 1 ในคู่มือครับ(ถ้าผมจำผิดขออภัย) เพราะSeal Compatibility ด้วยส่วนหนึ่ง และการป้องกันการเกิดฟองในระบบจากการที่ข้อเหวี่ยงสะบัดน้ำมันเครื่องครับ ทางเลือกอื่นมีก็น้อยยี่ห้อครับ

เบอร์ 40 กับการขับขี่ทั่วไป รถเบนซินเพียงพอครับ ถ้าเท้าหนักตลอดเวลา แนะนำเบอร์ 50 ถ่ายเร็วอีกนิดด้วยครับ หรืออยากประหยัด

เบอร์ 30 -40 กับรถดีเซล ผมว่าไม่บางไปครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ สิงหาคม 28, 2015, 11:41:28
คุณ" C5 HDI"

PTT 10W-30 เป็นผลิตภัณฑ์ที่แย่มากครับ HTHS ต่ำและปลายกราฟตกเหลือ 1  ถึงเครื่องจะไม่ได้เน้นPerformance แต่ถ้าคิดจะใช้รถคันนี้ยาว ๆ ไม่แนะนำ มีขายที่โลตัส ใช้เบอร์ 10W-40 ดีกว่าครับ ลองดูสูตรน้ำมันครับ
ขอบคุณครับ ;)
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: EN1506 ที่ สิงหาคม 28, 2015, 12:45:28
รบกวนสอบถาม
แล้วอย่าง Ford ที่ยืดระยะเข้าเปลี่ยนถ่าย นมค เป็น 15,000 กม. โดยศูนย์ใช้ของ Castal ละครับ มันจะไหวมั้ย
อีกอย่างหากต้องลากไประดับ 15,000 กม. แบบนี้ ผมใช้ Amsoil 5W-30 ตัว Signature มันจะไหวรึเปล่าครับ
หรือ เพื่อนสมาชิก ใครเคยมีประสบการณ์กับ Amsoil 5W-30 ตัว Signature ตัวนี้บ้างครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: auto46 ที่ สิงหาคม 28, 2015, 14:33:57
รบกวนขอถามหน่อยครับ


แล้ว นมค. moty's ละครับ เป็นไงบ้าง

เพิ่งเคยได้ยินชื่ออะครับผม


ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ สิงหาคม 28, 2015, 16:04:00
สงสัยว่า

Bm เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองข้างนอกได้เปล่า bsiจะขาดมั้ยถ้างั้น
เพราะคันนั้นอัดหนักลากแหลก

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Focuszaa ที่ สิงหาคม 28, 2015, 16:13:40
ข้อมูลแน่นมากเลยครับ ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ADS ที่ สิงหาคม 28, 2015, 16:44:16
รบกวนคุณ Jae อีกทีครับ เรื่องน้ำมันเกียร์ f30  คาใจจริงๆ กับนโยบายของ BMW Thailand
ที่จะไม่ยอมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้ ถ้าไม่ถึงแสนกิโล  พูดกันจริงๆ แล้ว น้ำมันเกียร์ ZF 8 speed
ที่ใส่มาจากโรงงาน มันอยู่ได้แสนกิโล ในสภาพอากาศของไทยหรือครับ แม้ว่าน้ำมันเกียร์จะอยู่
ในระบบปิดก็ตาม

ผมพยายามหา shop ที่น่าเชื่อถือในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพราะทางศูนย์ BMW พูดไว้เยอะว่า
เปลี่ยนไม่ง่ายเหมือนของรถญี่ปุ่น ก็เลยค้นหาดู เจอ GMC workshop เขาลงขาย และบริการเปลี่ยน

" น้ำมันเกียร์มาตราฐานสูงสุด ZF lifeguard +8 พร้อม filter oil pan ZF8HP45 สำหรับ BMW F30 ปี 2014 ขึ้นไป "

ราคาลิตรละ 1,980 บาท ใช้ประมาณ 7 ลิตร + filter oil pan 6500 บาท + ค่าแรง 960 บาท

ผมควรเปลี่ยน น้ำมันเกียร์เอง ก่อนแสนโล ที่ shop ข้างนอกไหมครับ    ถ้าควร    ควรเปลี่ยนที่
กี่หมื่นโล ดีครับ  ผมใช้รถปีละ 2 หมื่นกิโล ครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 28, 2015, 17:40:53
รบกวนคุณ Jae อีกทีครับ เรื่องน้ำมันเกียร์ f30  คาใจจริงๆ กับนโยบายของ BMW Thailand
ที่จะไม่ยอมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้ ถ้าไม่ถึงแสนกิโล  พูดกันจริงๆ แล้ว น้ำมันเกียร์ ZF 8 speed
ที่ใส่มาจากโรงงาน มันอยู่ได้แสนกิโล ในสภาพอากาศของไทยหรือครับ แม้ว่าน้ำมันเกียร์จะอยู่
ในระบบปิดก็ตาม

ผมพยายามหา shop ที่น่าเชื่อถือในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพราะทางศูนย์ BMW พูดไว้เยอะว่า
เปลี่ยนไม่ง่ายเหมือนของรถญี่ปุ่น ก็เลยค้นหาดู เจอ GMC workshop เขาลงขาย และบริการเปลี่ยน

" น้ำมันเกียร์มาตราฐานสูงสุด ZF lifeguard +8 พร้อม filter oil pan ZF8HP45 สำหรับ BMW F30 ปี 2014 ขึ้นไป "

ราคาลิตรละ 1,980 บาท ใช้ประมาณ 7 ลิตร + filter oil pan 6500 บาท + ค่าแรง 960 บาท

ผมควรเปลี่ยน น้ำมันเกียร์เอง ก่อนแสนโล ที่ shop ข้างนอกไหมครับ    ถ้าควร    ควรเปลี่ยนที่
กี่หมื่นโล ดีครับ  ผมใช้รถปีละ 2 หมื่นกิโล ครับ

คำตอบเรื่องน้ำมันเกียร์ http://www.zf.com/brands/en_de/zf_parts/homepage_zp/index.html มีอยู่แล้วครับ

ราคาแพงไหม กรองอ่างราคาประมาณนั้น แต่น้ำมันเวอร์มากไปครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ สิงหาคม 28, 2015, 17:57:36
กระทู้ดีมีสาระ นานๆจะมีคนมาให้รายละเอียดแบบลงลึกแบบนี้

กระทู้แบบนี้ปักหมุดได้ไหมครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ADS ที่ สิงหาคม 28, 2015, 19:46:04
ขอบคุณอาจารย์ Jae อย่างมากเลยครับ  ทะลุปรุโปร่งเลยครับ

ดูคลิป vdo การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ZF เพลินไปเลย ขั้นตอนเยอะกว่ารถญี่ปุ่นมากจริงๆ

http://www.zf.com/brands/en_de/zf_parts/technology_in_practice_zp/oil_change_procedure_zp/how-to-change-oil.html

ตามด้วยคำตอบที่ว่าควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับใช้งานเกียร์หนักหรือ ไม่ อย่างไร

Regular maintenance intervals will substantially increase the automatic transmission's service life. ZF recommends a regular oil change at between 80 000 and 120 000 km or after 8 years depending upon the stress.

ผมคิดว่า ถึงแม้ ผมจะขับแบบปกติ แต่ขับอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศร้อนเกือบตลอดปีแบบนี้ ผมจะเปลี่ยนที่ 80000 km ดีกว่า

หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ สิงหาคม 29, 2015, 06:57:18
ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายละเอียดอ่อนจริงๆ
ยอดเยี่ยมมากครับ

ขอบคุณคุณ JAE และเจ้าของกระทู้
ที่นำเสนอสิ่งดีๆ กระทู้สุดยอดมากครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kritcc ที่ สิงหาคม 29, 2015, 08:20:00

Q:ถ้ารถ Teana J32 เครื่อง 2.0 ใช้งานวิ่งกทม ในเมืองรถติดตลอด ระยะทางประมาณเดือนละ 2000 กิโล วิ่งได้ไม่เร็วไม่ค่อยเกิน 100Km/hr
ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ทั่วไป ถ่ายน้ำมันที่หมื่นโล นานไปไหมครับ
 
A: นานไปครับ ก่อนดับเครื่องทุกครั้งลองดึงก้านวัดมาดูครับ ถ้าตรงข้อพับงอรูปตัวยูบนก้าน มีคราบดำ ๆ  แสดงว่าน้ำมันหมดคุณสมบัติมากไปแล้วครับ ตอนเช้าถ้าดึงก้าน น้ำมันตรงนั้นจะเหนียว เทียน่าก้านวัดเขาดีตรงนี้ล่ะครับ

Q:พอดีเคยได้ยินมาดังนี้ ไม่รู้ว่าเป็นความจริงไหมครับ
-น้ำมันเครื่องสมัยนี้ เกรดสูงกว่าสมัยก่อน ถ่ายทุก 5 พันโลเร็วเกินไป ถ่ายสักหมื่นโลกำลังดี

A: สมัยก่อนนี่ สมัยไหนครับ น้ำมันปัจจุบันที่ใช้ ๆกัน ดีกว่าสมัย 30 ปีก่อนจริงครับ แต่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีน้ำมันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแทบไม่พัฒนามากเลยครับ เน้นบริสุทธิ์ขึ้นมากกว่า อายุการใช้งานของมันก็ยังเท่า ๆเดิมเพียงแต่รถใหม่ ๆมันสันดาปเก่งขึ้น น้ำมันเชื้อเพลิงปนในน้ำมันเครื่องน้อยลง

ที่จะพัฒนาไปมากคงเป็นน้ำมันเกียร์ เฟืองท้ายที่ใช้น้ำมันสังเคราะห์ผสมมากขึ้นครับ บางรายใช้สังเคราะห์แท้เลย เฟืองท้ายใหม่ ๆ ถ่ายแสนโลสบาย ๆ
 
Q:-ส่วนสังเคราะห์ หรือกึ่ง ก็ระยะเปลี่ยนเท่ากัน คือถ้าขับรอบสูงประจำจึงจะควรต้องใช้สังเคราะห์ ถ้าไม่ได้ขับรถลากรอบสูง เกรดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

A: น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีระยะถ่ายที่เหมาะสมคือราว ๆ 150 ชั่วโมงทำงานของเครื่องครับ ส่วนน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 100-150 ชั่วโมงแล้วแต่ยี่ห้อ (ถ่ายที่ครึ่งอายุมัน) ถ้าจะบอกว่าใช้รอบสูงรอบต่ำ คงต้องไปดูความหนาของน้ำมันที่เหมาะสมกับอุณหภูมิแวดล้อมและอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์จะถูกต้องกว่า น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์บางยี่ห้อ ดีพอ ๆกับสังเคราะห์แท้ยี่ห้ออื่นก็ยังมีอยู่ครับ เพราะBase oil Group 3 ดีกว่า Group 2

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ Group 2,3,4 ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาตรงที่มันมีความสามารถในการทน Oxidation ได้นานกว่าครับ ถ้าใช้เบอร์ที่เหมาะสมกับรถ ก็ไม่สร้างปัญหาอะไรครับ

ขอบคุณ Jae ที่กรุณาแบ่งปันความรู้มากๆเลยครับ ผมอยากสอบถามเพิ่มเติมดังนี้

Q: จากที่คุณ Jae แนะว่ามี กึ่งสังเคราะห์ บางยี่ห้อ ที่ผลิตจาก Group 3 ดีพอกันกับ สังเคราะห์ พอจะชี้เป้าได้ไหมครับว่า ยี่ห้อไหน รุ่นไหน แบบว่าอยากได้ของคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายนะครับ คือผมไม่ค่อยชอบแบบดีกว่า 20% แต่ราคาแพงกว่ากัน 50% นะครับ

Q: ผมกลับไปอ่านที่คุณ Jae ตอบทุกคน กลับไป กลับมา อยู่หลายรอบ เพื่อพยายามหาข้อสรุปแบบง่ายๆ ว่า น้ำมันตัวไหนที่ คุณภาพใช้ได้ดีพอควรแต่ราคาไม่แพงหาซื้อง่าย ถ้าผมจะสรุปแบบนี้ จะถูกต้องไหมครับ

-กึ่งสังเคราะห์
   เบอร์ 30-40 ยี่ห้อปั้มไหนก็ได้ ยกเว้น ปตท ไม่ควรใช้ 10W-30 ควรใช้รุ่น 10W-40 แทน

-สังเคราะห์
   5W-30 ปตท

Q: เรา จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่อง รุ่นนั้นผลิตจาก Oil Group ไหนครับ ส่วนมากเห็นบอกแค่ ความหนึด กับมาตรฐาน เท่านั้นเอง ข้างขวดก็ไม่เขียนบอก ในเวป โดยมากก็ไม่บอก จะมี ปตท ที่บอกในเวป ก็ไม่บอกเป็นชื่อ Group ตรงๆ

Q: เรื่อง Oil Group ที่นำมาผลิตน้ำมันเครื่อง ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อน  ลองหาใน Wiki เขาบอกว่าแบ่งได้ดังนี้
   Group
   1: solvent-refined
   2: Hydrocracking
   3: Isohydromerization
   4: Polyalphalefins(PAO)
   5: Napthenics, PAG, Esters

        ต่อมาผมลอง ดู Meterial Data Sheet ในเวป ของ ปตท น้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซิน เพื่อจะดูว่าเขาใช้ Oil Group อะไรมาทำได้ความดังนี้ แต่ชื่อที่ ปตท ระบุ ไม่ตรงกับ ใน Wiki เลยไม่รู้ว่าผลิตจาก Groupไหน

----- กลุ่ม สังเคราะห์ 100% -----

   0W-30                 Performa Super Synthetic Hybrid
   0W-30, 0W-40   Performa Super Synthetic
   5W-50                 Performa Racing Synthetic
   5W-40                 Performa Synthetic NGV
   5W-30, 5W-40   *Performa Synthetic

  ทุกตัวจะผลิตจาก
   Distiilates (Petroleum), Hydrotreat heavy paraffinic => เป็น Group อะไรครับ

  *ยกว้น Performa Synthetic(5W-30, 5W-40) จะผลิตจาก
   Lubricating oils (petroleum), C 20-50 hydrotreated neutral oil-base => เป็น Group อะไรครับ

----- กึ่งสังเคราะห์ -----

   10W-40, 20W-50                    Performa NGV                   
   10W-30, 10W-40, 15W-50    Performa Semi-Synthetic
   20W-50                                     Performa NGV

  ทุกตัวจะผลิตจาก สองตัวผสมกัน อย่างนี้เรียกว่า Group ไหนดีครับ
   Lubricating Oils (Petroleum), Hydrotreated neutral oil based
   Distiilates (Petroleum), Hydrotreat heavy paraffinic
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O-ver-Late-Driver ที่ สิงหาคม 29, 2015, 10:00:04
ของ amsoil 5w30 เป็นอย่างไรบ้างครับ พอดี ครบ 1 ปี ครึ่ง ที่ 21xxx กิโล ไม่ค่อยขับ  เห็นว่า เป็นของใหม่ อยากลอง  เมื่อสักครู่ถามไปที่ตัวแทน 1 แกลอน( 3.79 ลิตร) กับอีก  1 ควอต์ ( ลิตร กว่า) ราคา 2530 บ. ใช้กับรถใหม่   ก่อนนี้ใช้ motul 5w30   คือชอบลองอะไรใหม่ๆ
มีท่านใด ใช้ของ เจ้านี้บ้างครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 29, 2015, 10:52:57
รบกวนขอถามหน่อยครับ


แล้ว นมค. moty's ละครับ เป็นไงบ้าง

เพิ่งเคยได้ยินชื่ออะครับผม


ขอบคุณครับ

ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่สันทัดยี่ห้อแปลก ๆด้วยสิครับ รอท่านอื่นครับ

สงสัยว่า

Bm เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองข้างนอกได้เปล่า bsiจะขาดมั้ยถ้างั้น
เพราะคันนั้นอัดหนักลากแหลก



เปลี่ยนได้ แต่อย่ารีเซ็ทค่าอื่น ๆในระบบครับ ถ่ายน้ำมันจากก้นอ่าง แล้วไขกลับ เติมน้ำมันใหม่พอครับ กรองไม่ต้อง BSI ไม่ใช่ CSI ครับ ไม่มาตามสืบลึกขนาดที่ว่าน้ำมันเครื่องจากศูนย์รึเปล่า

____


คุณ Kritcc

ผมขออธิบายแทนคำตอบ

น้ำมันGroup II, III ไม่ได้แบ่งก้วยวิธีการผลิต แต่แบ่งด้วยคุณสมบัติเป็นหลัก มีน้ำมันเครื่องสังเคราะห์หลายตัวที่มีคุณสมบัติเป็นGroupIII แต่ไม่สามารถมีอายุนานมากกว่าGroup II

ผมพยายามเลี่ยงการเอ่ยถึงยี่ห้อ ยกเว้นคุณจะถามมาแล้วผมรู้พอดี ถ้าให้ผมเสนอยี่ห้อน้ำมันขึ้นมาลอย ๆ ผมก็ไม่ขอทำครับ กรณี ปตท คาสตรอล เป็นประสพการณ์ส่วนตัว และผลจากlab ที่เคยได้มามันสอดคล้องกัน

การจะบอกว่าน้ำมันยี่ห้อนึง ดีไม่ดี ต้องดูอายุของมันประกอบด้วย บางยี่ห้อ ดีแค่ตอนเปลี่ยนใหม่ ๆ ก็มีเยอะไป แต่พอใช้ไป น้ำมันเสื่อมเร็วก็ได้ พวกน้ำมันรถแข่งยี่ห้อที่ซื่อสัตย์หน่อยมักเขียนบอกให้ทราบบนเว็บครับว่ามันไม่เหมาะถ้าเอาไปแข่งแล้วจะใช้ตามระยะทางเปลี่ยนถ่ายบนคู่มือ

อายุน้ำมันมีองค์ประกอบเรื่องสภาพแวดล้อมมาเกี่ยว ร้อน ชื้น เย็น แห้ง ชนิดของเชื้อเพลิง และสภาพเครื่องยนต์ ต่างก็ส่งผลต่ออายุของน้ำมัน เรื่องนี้หาอ่านต่ออีกนิดครับ

ส่วนที่ผมเขียนยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ใช้Group 2 หรือ Group3 ไม่ได้แปลว่า เขาจะมีแต่สองกรุ๊ปนี้นะครับเพียงแต่น้ำมันที่ผสมอยู่เป็นหลักคืออะไร องค์ประกอบอื่น ๆที่จะทำให้ยี่ห้อไหนดีไม่ดีต่างกันนิดหน่อยจะมาจาก Additive เช่น ถ้าใส่ Viscosity Index Improver มาก VI ก็จะสูงมากดูดี แต่อายุสั้น หรือ ใส่ Friction modifier มากก็จะเหมาะกับรถที่ใช้แก๊ซแต่ก็ทำให้เบอร์น้ำมันหนา เพราะจะให้ลื่นเวลาร้อน น้ำมันก็ต้องหนา อายุน้ำมันก็สั้นเลยต้องใส่อย่างอื่นลงไป (เรื่องหนา บาง ผมมีกระทู้ข้างล่างไปอ่านหนังสือสองเล่มนั้นคร่าว ๆ แต่ให้เข้าใจครับ)

จุดประสงค์หลักของน้ำมันเครื่อง คือ ป้องกันการเสียหายครับ ถ้ามันทำงานตามนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นน้ำมันที่ดีได้แล้วครับ ไม่มีน้ำมันเครื่องตัวไหนในโลกที่จะทำให้รถวิ่งเกินกว่าความสามารถที่เครื่องจะทำได้ มีแต่จะทำให้เครื่องแย่ลงมากหรือน้อย หรือชะลอความแก่แค่นั้นเองครับ ถ้ามีใครมาบอกคุณว่ายี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ใส่แล้วแรงม้าเพิ่มขึ้นตัวสองตัวหรือสิบยี่สิบตัว ไม่ต้องไปซื้อครับ โกหกทั้งเพ

 
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: The_Kr!s ที่ สิงหาคม 29, 2015, 11:43:47
ชอบมากกระทู้แบบนี้ ความรู้ทั้งนั้น

รถผมใกล้ครบระยะแล้ว เตรียม Hydrosyn ไว้
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sinplug ที่ สิงหาคม 30, 2015, 11:32:07
ตอบหลายเรื่องได้ชัดเจนมากครับคุณ Jae ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ สิงหาคม 30, 2015, 11:36:58
ผมว่าทาง web น่าจะเชิญ พี่แพนและคุณ Jae มาเขียนบทความเรื่องน้ำมันเครื่องสักรอบนะครับ :D
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ สิงหาคม 30, 2015, 14:40:50
ขอบคุณครับผม
 :-* :-* :-*
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Yangyang ที่ สิงหาคม 30, 2015, 16:36:24
ขอถามเรื่องน้ำมันเครื่องของ MR20DD ใน x-trail หน่อยครับ
เท่าที่อ่านจากในกระทู้ดูเหมือนว่าน้ำมันเครื่องเบอร์ 0W-20 คงไม่ค่อยเหมาะกับบ้านเราเท่าไหร่ แต่ในคู่มือระบุชัดเจนให้ใช้ 0W-20 ไม่แน่ใจว่าควรเชื่อตามคู่มือหรือไม่? คู่มือมีการดัดแปลงข้อมูลให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ? หรือว่าคู่มือก็แค่แปลมาจากญี่ปุ่นตรงๆซึ่งบ้านเค้าเป็นเมืองหนาว?

เครื่องตัวนี้ค่อนข้างใหม่เลยยังหาข้อมูลไม่ค่อยได้เท่าไหร่ รบกวนคุณ Jae ด้วยครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ สิงหาคม 30, 2015, 21:24:57
ขอบคุณสำหรับคำตอบและข้อมูลครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ สิงหาคม 30, 2015, 21:52:49
มีประโยชน์มากครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: maggie ที่ สิงหาคม 31, 2015, 10:35:01
ชอบกระทู้นี้มากเลยครับได้ความรู้ดีมากๆ ผมใช้ Castrol Edge มาตลอด4ปี อ่านกระทู้นี้แล้วอยากรีบไปเปิดฝาน้ำมันเครื่องดูเลยว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง รอบหน้าคงจะได้ลองยี่ห้ออื่นแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: regal ที่ สิงหาคม 31, 2015, 11:10:57
ความรู้แน่นจริงๆครับ กระทู้นี้

อ่านแล้วคราวหน้าเลือกน้ำมันเครื่องใส่รถเองได้เลยนะนั่น... ;)
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NoName__??? ที่ สิงหาคม 31, 2015, 12:36:12
เข้ามาอ่านด้วยคน
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: auto46 ที่ กันยายน 08, 2015, 13:39:11
รบกวนขอถามหน่อยครับ


แล้ว นมค. moty's ละครับ เป็นไงบ้าง

เพิ่งเคยได้ยินชื่ออะครับผม


ขอบคุณครับ

ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่สันทัดยี่ห้อแปลก ๆด้วยสิครับ รอท่านอื่นครับ

สงสัยว่า

Bm เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองข้างนอกได้เปล่า bsiจะขาดมั้ยถ้างั้น
เพราะคันนั้นอัดหนักลากแหลก



เปลี่ยนได้ แต่อย่ารีเซ็ทค่าอื่น ๆในระบบครับ ถ่ายน้ำมันจากก้นอ่าง แล้วไขกลับ เติมน้ำมันใหม่พอครับ กรองไม่ต้อง BSI ไม่ใช่ CSI ครับ ไม่มาตามสืบลึกขนาดที่ว่าน้ำมันเครื่องจากศูนย์รึเปล่า

____


คุณ Kritcc

ผมขออธิบายแทนคำตอบ

น้ำมันGroup II, III ไม่ได้แบ่งก้วยวิธีการผลิต แต่แบ่งด้วยคุณสมบัติเป็นหลัก มีน้ำมันเครื่องสังเคราะห์หลายตัวที่มีคุณสมบัติเป็นGroupIII แต่ไม่สามารถมีอายุนานมากกว่าGroup II

ผมพยายามเลี่ยงการเอ่ยถึงยี่ห้อ ยกเว้นคุณจะถามมาแล้วผมรู้พอดี ถ้าให้ผมเสนอยี่ห้อน้ำมันขึ้นมาลอย ๆ ผมก็ไม่ขอทำครับ กรณี ปตท คาสตรอล เป็นประสพการณ์ส่วนตัว และผลจากlab ที่เคยได้มามันสอดคล้องกัน

การจะบอกว่าน้ำมันยี่ห้อนึง ดีไม่ดี ต้องดูอายุของมันประกอบด้วย บางยี่ห้อ ดีแค่ตอนเปลี่ยนใหม่ ๆ ก็มีเยอะไป แต่พอใช้ไป น้ำมันเสื่อมเร็วก็ได้ พวกน้ำมันรถแข่งยี่ห้อที่ซื่อสัตย์หน่อยมักเขียนบอกให้ทราบบนเว็บครับว่ามันไม่เหมาะถ้าเอาไปแข่งแล้วจะใช้ตามระยะทางเปลี่ยนถ่ายบนคู่มือ

อายุน้ำมันมีองค์ประกอบเรื่องสภาพแวดล้อมมาเกี่ยว ร้อน ชื้น เย็น แห้ง ชนิดของเชื้อเพลิง และสภาพเครื่องยนต์ ต่างก็ส่งผลต่ออายุของน้ำมัน เรื่องนี้หาอ่านต่ออีกนิดครับ

ส่วนที่ผมเขียนยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ใช้Group 2 หรือ Group3 ไม่ได้แปลว่า เขาจะมีแต่สองกรุ๊ปนี้นะครับเพียงแต่น้ำมันที่ผสมอยู่เป็นหลักคืออะไร องค์ประกอบอื่น ๆที่จะทำให้ยี่ห้อไหนดีไม่ดีต่างกันนิดหน่อยจะมาจาก Additive เช่น ถ้าใส่ Viscosity Index Improver มาก VI ก็จะสูงมากดูดี แต่อายุสั้น หรือ ใส่ Friction modifier มากก็จะเหมาะกับรถที่ใช้แก๊ซแต่ก็ทำให้เบอร์น้ำมันหนา เพราะจะให้ลื่นเวลาร้อน น้ำมันก็ต้องหนา อายุน้ำมันก็สั้นเลยต้องใส่อย่างอื่นลงไป (เรื่องหนา บาง ผมมีกระทู้ข้างล่างไปอ่านหนังสือสองเล่มนั้นคร่าว ๆ แต่ให้เข้าใจครับ)

จุดประสงค์หลักของน้ำมันเครื่อง คือ ป้องกันการเสียหายครับ ถ้ามันทำงานตามนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นน้ำมันที่ดีได้แล้วครับ ไม่มีน้ำมันเครื่องตัวไหนในโลกที่จะทำให้รถวิ่งเกินกว่าความสามารถที่เครื่องจะทำได้ มีแต่จะทำให้เครื่องแย่ลงมากหรือน้อย หรือชะลอความแก่แค่นั้นเองครับ ถ้ามีใครมาบอกคุณว่ายี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ใส่แล้วแรงม้าเพิ่มขึ้นตัวสองตัวหรือสิบยี่สิบตัว ไม่ต้องไปซื้อครับ โกหกทั้งเพ

ขอบคุณครับพี่
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: songjudo ที่ ธันวาคม 18, 2015, 15:24:09
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: จากกระทู้น้ำมันเครื่องของคุณ Jae ผมมีข้อมูลจากศูนย์ BMW มาฝากครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sinplug ที่ ธันวาคม 19, 2015, 10:58:36
รบกวนคุณ Jae อีกทีครับ เรื่องน้ำมันเกียร์ f30  คาใจจริงๆ กับนโยบายของ BMW Thailand
ที่จะไม่ยอมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้ ถ้าไม่ถึงแสนกิโล  พูดกันจริงๆ แล้ว น้ำมันเกียร์ ZF 8 speed
ที่ใส่มาจากโรงงาน มันอยู่ได้แสนกิโล ในสภาพอากาศของไทยหรือครับ แม้ว่าน้ำมันเกียร์จะอยู่
ในระบบปิดก็ตาม

ผมพยายามหา shop ที่น่าเชื่อถือในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพราะทางศูนย์ BMW พูดไว้เยอะว่า
เปลี่ยนไม่ง่ายเหมือนของรถญี่ปุ่น ก็เลยค้นหาดู เจอ GMC workshop เขาลงขาย และบริการเปลี่ยน

" น้ำมันเกียร์มาตราฐานสูงสุด ZF lifeguard +8 พร้อม filter oil pan ZF8HP45 สำหรับ BMW F30 ปี 2014 ขึ้นไป "

ราคาลิตรละ 1,980 บาท ใช้ประมาณ 7 ลิตร + filter oil pan 6500 บาท + ค่าแรง 960 บาท

ผมควรเปลี่ยน น้ำมันเกียร์เอง ก่อนแสนโล ที่ shop ข้างนอกไหมครับ    ถ้าควร    ควรเปลี่ยนที่
กี่หมื่นโล ดีครับ  ผมใช้รถปีละ 2 หมื่นกิโล ครับ

  รถที่บ้านหลายคัน ผมให้อู่นี้ดูแลครับ สำหรับเรื่องเกียร์  อู่กรุงเทพ ประชาชื่น 20  เจ้าของใช้ยี่ห้อ น้ำมันเกียร์ยี่ห้อ วาโวลีน ที่ตรงสเปกของเกียร์รุ่นนั้นๆ ตอนแรกก็ไม่เชื่อพอเอาชื่อน้ำมันเกียร์มาหาข้อมูลในเนต มีเยอะมากโดยเฉพาะต่างประเทศ