Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yourturle ที่ กันยายน 02, 2015, 15:53:41
-
เห็นเป็นประเด็นอยู่ใน คลังและสรรพกร
ว่าควรปลดล็อค เพื่อขายได้ ซื้อใหม่ได้ กระตุ้นตลาดที่ซบเซา
เพราะจริงๆ คนที่ใช้ชื่อ ซื้อไม่ได้จ่าย คนจ่ายคือคนใช้จริง แต่ไม่มีชื่อ
บางส่วนซื้อไปเก็บ ไม่ค่อยใช้ แค่ถูกซื้อไว้ก่อน จึงทำให้เกิดภาวะนิ่ง ไม่หมุนเวียน
ถึงปลดล็อค ก็ใช่ว่าจะซื้อใหม่ อาจจะแค่ขาย เอาเงินมาใช้จับจ่ายแทน
ควรหรือไม่ควร?
-
คิดว่า คนซื้อรถคันแรกซักกี่คนครับ ที่จะเอารถคันแรกไปขาย เพื่อมาซื้อคันใหม่
ผมมองว่า คนที่จะขายคือ คนที่อยากได้เงิน 1 แสนคืนจากนโยบายนั้น และไม่มีกำลังจะผ่อนต่อแล้ว หรือ ซื้อไปเพราะได้เงินคืน แต่จริงๆไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถในชีวิตประจำวันเลยครับ
ปลดล็อคไป ผมว่าที่จะสะเทือนที่สุดคือ ตลาดรถมือสองครับ ราคาได้ร่วงกลาวแน่ เพราะจำนวนรถจะมากขึ้น ส่วนรถใหม่ผมไม่เชื่อว่าจะทำให้เพิ่มกำลังซื้อได้ครับ
ปัญหาคือเศรษฐกิจมันซบเซาครับ กำลังซื้อคนไม่มี ตอนนี้ใครก็ไม่อยากสร้างหนี้กันทั้งนั้นครับ
-
ในมุมมองผม ผมว่ามีแต่ดีกับดี
ถามจริงๆเถอะว่า ใครซื้อรถหวังกำไร ตอนนี้ผ่านไป3ปีกว่าแล้ว ผมว่าสมควร
เราจะมากั๊กไว้เพื่ออะไรเหรอครับ มีประโยชน์อะไร ผมว่าให้คนอยากขายได้ขาย อยากเปลี่ยนอยากซื้อได้เปลี่ยนดีกว่า
สำหรับตลาดมือสอง ผมว่าอาจจะไม่แย่อย่างที่คิด บางคนไม่ไหว อาจจะขายรถที่ใหม่กว่าไปซื้อรถเก่ากว่าแต่ไม่ต้องผ่อนก็ได้
ผมว่ามีแต่ได้มากหรือได้น้อย แต่ผลเสียผมว่าไม่มี ให้คนได้ทำในสิ่งที่เค้าควรทำเถอะ นี่ก็3ปีกว่าแล้ว มันสมควรแก่เวลา และบรรลุจุดประสงค์คนซื้อมาขายต่อไปแล้วนิครับ
-
ผมว่ามีผลดีแน่นอนครับ ผมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใช้รถโครงการภาษีคันแรก
แต่ผมก็ไม่คิดจะขายนะ รถผมก็ซื้อสดไม่ติดผ่อน
แต่ถ้าผมจะขายมันก็ปลดล็อคตัวผมได้
สำหรับคนที่เข้าโครงการมีแต่ผลดีเลยครับ ไม่มีเสียแน่นอน
ผลเสียมันจะตกกับเต๊นรถมือสองแค่นั้น แต่ก็ส่งผลดีกับคนที่คิดจะซื้อรถมือสองด้วย..
สรุปเลย ส่วนตัวผมว่า ดีมากกว่าเสีย..
-
คงมีทั้งสองด้าน
แต่ผมมองมุมที่ว่า การยกเลิกอะไรที่ภาครัฐดำเนินการไปแล้วบ่อยๆ แบบนี้
ทำให้ความน่าเชื่อถือไม่มี
การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นตลอด แต่ความไม่แน่นอน ชักเข้าชักออกนี่ ให้เกิดเรื่อยๆ ไม่ดีหรอกครับ
-
รัฐอาจจะต้องช่วยขายรถมือสอง ออกไปที่ประเทศไหนซักแห่งแล้วหละครับ
-
ต้องลองครับ ช่วงนี้แย่กันทั่วโลก
-
ใครมันจะซื้อมาขายอ่ะครับ รถสามปีแล้วต่อให้ได้เงินคืนม . 100,000. ก็ขาดทุนครับ
ถ้ามีปล่อยขายออกมามากๆ คนผ่อนไม่ไหว คนอยากเปลี่ยนรถ ได้ประโยชน์
รถใหม่ก็ขายได้
คนที่กำลังหารถมือสองก็มีตัวเลือก มีรถดีๆให้ซื้อมากขึ้น
-
เป็นการกระตุ้นตลาดรถได้อีกทางครับ ดีกว่าไม่ทำเลย
-
มันช่วยได้แต่นิดเดียวจริงๆ
จะมีสักกี่คนที่อยากจะเปลี่ยนรถ เทียบ%กับคนที่ถือครองอยู่ ผมว่าน้อยมากๆนะ
-
ผมว่าดี เพราะจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะตายเพราะแบกหนี้ก้อนนี้ไว้ จะได้ขายทิ้งเพื่อปลดภาระหนี้นี้ออกไป
แล้วเอาเงินที่ไม่ต้องผ่อนรถไปซื้อสินค้าอื่นๆที่จำเป็นต่อชีวิตมากกว่า
-
ไม่ควรครับ วินัยการเงินเป็นเรื่องการบริหารส่วนบุคคล ก่อนจะเข้าร่วมโครงการก็มีรายละเอียดให้อ่านรับทราบก่อนเข้าร่วม
ทำแบบนี้เรื่อยๆเดียวก็มีการขอยกเลิกข้อผูกมัดของสินค้าประเภทอื่นตามมาอีกครับ ตอนนั้นอยากได้เงินคืนก็ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายได้ถ้าไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคล
-
ผมมองว่าไม่ควรครับ ทุกคนที่เข้าโครงการนี้ต่างรับทราบเงื่อนไขดีอยู่แล้ว นโยบายไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่งั้นใครอยากให้ทำอะไรก็แก้กันตามสะดวกและไม่ยุติธรรมกับคนที่ทำตามกติกา ส่วนคนที่เดือดร้อนตอนนี้ก็ถือป็นการดัดนิสัยไปในตัวละกันตัดสินใจเข้าโครงการเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงนโยบายแต่ละครั้งจะส่งผลกระทบกับคนบางกลุ่มแน่นอน เช่น ถ้าปลดล๊อคจริงราคารถมือสองจะลงฮวบ เต้นท์รถขาดทุนระนาวทั้งที่เป็นความผิดเค้าเหรอกำหนดตอนแรกเป็น 5 ปี แล้วจู่ๆจะมาเปลี่ยนเป็น 3 ปีคิดเอาแล้วกันว่ามันยุติธรรมรึเปล่า อย่าอ้างว่าเต้นท์กำไรเยอะแล้ว เต้นท์กดราคาอยู่ดี เดี๋ยวเต้นท์ก็ปรับตัวได้ มันเป็นแค่ข้อแก้ตัว
-
ถ้าปลดล็อกแล้วเต้นรถลำบากผมว่าคงไม่เท่าไร เพราะซื้อรถเข้าถูกอยู่แล้ว นอกจากบางเต้นอุ้มไว้เยอะ
-
เต้นไม่ลำบากหรอกคับ มีขายเยอะก็กดราคาชื้อเข้าถูกๆ ชื้อพอแล้วก็หยุดรับชื้อเท่านั้นเอง
-
นั่นไงละครับ อุตส่าห์บอกไว้แล้วว่าอย่าอ้าง รู้ไหมครับที่ผ่านมามีเต้นท์ต้องปิดกิจการไปเท่าไหร่แต่อันนั้นผมถือว่าคาดการณ์นโยบายที่ออกมาผิด แต่นี่เป็นการเปลี่ยนนโยบายกระทันหันคิดว่ายุติธรรมมั๊ยหล่ะครับ แล้วกับคนทั่วไปที่กะจะขายคันเก่าเพื่อออกคันใหม่แต่ยังไม่พร้อมตอนนี้อาจจะพร้อมปีหน้าแต่ราคาก็ร่วงหนักรออยู่แล้วมันยุติธรรมกับเค้ามั๊ยครับ
ไม่อยากให้หลงประเด็น ที่ผมต้องการสื่อคือการเปลี่ยนนโยบายกระทันหันมันไม่ยุติธรรมกับคนที่เสียหาย ถ้าเป็นนโยบายที่เพิ่งคลอดหรือแจ้งล่วงหน้านานๆก็อีกเรื่องนึง รึถ้าคิดว่าถ้าเปลี่ยนโยบายกระทันหันเพื่อเอาใจคนส่วนใหญ่โดยไม่สนใจคนเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ดีผมก็อยากให้แก้เรื่องภาษีให้คนรายได้ไม่เกินล้านต่อปีไม่ต้องเสียภาษีแต่เกินนี้เก็บเพิ่มขึ้นเริ่มต้นปีดีมั๊ยละ (ยกตัวอย่างเฉยๆ)
-
ผมเห็นด้วยกับคุณ ninenoi บางส่วนนะครับ
แต่ผมว่าตอนนี้บางคันเข้า3ปี บางคันจะเข้าปีที่4แล้ว จริงๆในส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้คิดว่ามันต่างกันมากหรอกครับ ส่วนวิธีกวรปลด ผมก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะทำกันอย่างไร แต่คงไม่ปลดทีเดียวพร้อมกันมั๊งครับ
อีกอย่างถ้าคนไม่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่ได้ขายแน่ๆ
กลับกัน ถ้าคนเดือดร้อนจริงๆ แล้วโดนกดราคารถมาก เช่นแถวๆแสน ผมว่าต่อให้ไม่ปลดเค้าก็ขาย คือยอมจ่านแสนคืนรัฐดีกว่า
ผมคาดการว่า มันไม่ทำให้ตลาดผันผวนแบบที่เราคิดก็ได้
ส่วนนึงที่ผมเห็นว่าควรปลด ไม่ใช่ว่านโยบายเปลี่ยนแปลงดีหรือไม่ แต่เพราะผมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่แรกว่าไม่ควรมีนโยบายรถคันแรก อีกอย่างเรื่องห้ามซื้อขาย5ปี ผมว่าเป็น3ปี ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
มาถึงจุดนี้ผมก็เฉยๆมาก ผมว่าเดินทางไหนก็ไม่ร้ายแรง ไม่ว่าจะปลดหรือไม่