Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Suriya 640 ที่ กันยายน 13, 2015, 14:37:43
-
ความเหมาะสมควรกี่ปี กี่กิโลเมตร ครับ
-
มันพูดยากครับ แล้วแต่ความพอใจ ที่บ้านจะใช้จนมันเริ่มซ่อมบ่อย
ขี้เกียจเอาเข้าอู่แล้ว คันเก่า 11 ปี คันปัจจุบัน 12 ก็เริ่มซ่อมบ่อยแล้ว
แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ แต่จะไม่เกิน 15 ปี เพราะอะไหล่เริ่มหายาก
-
ถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ใช้รถให้คุ้มกับที่ซื้อมาซักหน่อย ผมว่า 5ปี หรือ 150,000 โล ก็เปลี่ยนครับ
แต่ถ้า เอาคุ้มค่ากับสิ่งที่เราซื้อมา ผมคิดว่า ใช้ซัก 3แสนโล หรือ 12ปี น่าจะเปลี่ยนครับ
แต่ถ้าเป็นคนรักษารถดีๆ บางคันใช้เป็น 20ปี ก็ยังใช้ได้ แต่แบบนั้น อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวในบ้านครับ เพราะ รถยิ่งเก่ามันก็มรโอกาสเสียได้ทุกเมื่อครับ
-
เอาเราว่าเป็นหลัก
เงิน ไม่พร้อม ขายเปลี่ยน
เงินพร้อม ซื้อเพิ่ม
-
volvo 850 van ซื้อมือสองมา. 5 ปี วิ่งไป 300,000 กม. เปลี่ยนเป็น Volvo V60 แทนเนื่องจากทดแทนทุกสิ่งที่มีใน 850 ได้หมด
BMW E30 318i ปี 1987 วิ่งมา 170,000 ยังหารถปีใหม่ช่วงล่างดีๆขับมันๆแทนยังไม่ได้ก็ยังไม่เปลี่ยน
-
มันพูดยากครับ แล้วแต่ความพอใจ ที่บ้านจะใช้จนมันเริ่มซ่อมบ่อย
ขี้เกียจเอาเข้าอู่แล้ว คันเก่า 11 ปี คันปัจจุบัน 12 ก็เริ่มซ่อมบ่อยแล้ว
แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ แต่จะไม่เกิน 15 ปี เพราะอะไหล่เริ่มหายาก
ถ้ารถที่ประกอบในประเทศ
รถอายุ 15 ปี ยังไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ของศูนย์ นะครับ
ส่วนมากจะใช้ร่วมกันในหลายๆรุ่นอยู่แล้วอ่ะครับ
^^
-
ถ้าใช้ปีนึงไม่เกินหมื่น. กม. 5ปี เปลี่ยน
ถ้าปีนึง 25000กม.ขึ้นไป ผมว่าสองปี เปลี่ยน
-
เฉลี่ยๆ 12-15 ปี
หรือระยะ สองแสน-สามแสน กิโลเมตร
ผมว่าใช้รถคุ้มมีเวลาเก็บเงินไว้ซื้อสดคันต่อไปครับจะได้ไม่เป็นทาสดอกเบี้ย
-
แล้วแต่สถานภาพทางการเงินครับ
บ้านผมใช้ Mighty-X มา20 กว่าปี เพราะพ่อกับแม่ ต้องเก็บเงินไว้ส่งผมกับน้องเรียน
ตอนนี้ผมจบโท เข้าทำงานมาปีกับอีกสองเดือนแล้ว เงินเดือน 6กลางๆ ปีหน้าก็จะขึ้นเฉียดหลักแล้ว (เป็น Fast Track)
ส่วนน้องผม ปีหน้าก็จบสัตวแพทย์แล้ว ก็คงหมดภาระทั้งหมดแล้ว
ตอนนี้ก็กำลังจะออก X-Trail ให้พ่อครับ ส่วนจะเปลี่ยนอีกทีเมื่อไร ก็คิดว่าเมื่อรถปัจจุบัน มันเริ่มไม่ตอบโจทย์แหละครับ เพราะเงินไม่ใช่ปัญหาแล้ว
-
ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นรถเก๋ง พอไมล์แตะ 2แสนผมเห็นเริ่มมองคันใหม่กันแระ (ส่วนมากใช้กันปีละไม่เกิน 30,000 ก็ประมาณ7-8ปี) หากเป็นรถกระบะ ที่พบบ่อยๆก็ราวๆ 10-12ปี (เลขไมล์ประมาณ 4แสนกว่าๆ คงเพราะรถกระบะไม่จุกจิกมังครับ)
-
ถ้าเบื่อซ่อม ก็10ปี หรือ 200,000กิโลเมตร
ถ้ารับได้กับเรื่องซ่อม รถญี่ปุ่นเกิน20ปีอะไหล่จะเริ่มไม่ผลิตละอะไหล่จะหายากขึ้นมาก รถยุโรปตามกำลังทรัพย์อะไหล่มีเรื่อยๆแต่ราคาอะไหล่เท่าไหร่ก็เท่านั้นไม่มีลดราคา รถยุโรปเกิน25ปีราคารถไม่ถึงแสนแต่ซ่อมทีแพงกว่าตัวรถหลายเท่า
-
ส่วนตัวผมมองว่า
1.ถ้ามันเริ่มซ่อมแพงกว่าค่างวด ในเดือนนั้นๆ
2.ถ้ามันมีรุ่นใหม่มาที่สามารถทดแทนได้เนื้อๆเน้นๆ คุ้มกับเงินที่ลงทุนดาวน์ไป
ถ้ามี2ข้อนี้ ผมซื้อใหม่ครับ ขายคงยาก ถ้าหาคนมาซื้อถูกใจๆคุยง่ายๆไม่ได้จริงๆ
-
รถในอุดมคติของผม ใช้ 20 ปี 1,000,000 กม.
-
ถ้าใช้ปีนึงไม่เกินหมื่น. กม. 5ปี เปลี่ยน
ถ้าปีนึง 25000กม.ขึ้นไป ผมว่าสองปี เปลี่ยน
สั้นจริงรถในอุดมคติของผม ใช้ 20 ปี 1,000,000 กม.
ยาวจริง
ของผมมองว่าเปลี่ยนเมื่อเจอคันใหม่ที่ตรงกับเรามากกว่า รถมันสะดวกตรงนี้แหละ ไม่ใช่เมีย
-
ถ้าไม่ติดขัดอะไรนะครับ ซัก 6-7 ปีกำลังคุ้มครับ กิโลไม่สนวิ่งไปให้เยอะๆอะครับ
-
ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นรถเก๋ง พอไมล์แตะ 2แสนผมเห็นเริ่มมองคันใหม่กันแระ (ส่วนมากใช้กันปีละไม่เกิน 30,000 ก็ประมาณ7-8ปี) หากเป็นรถกระบะ ที่พบบ่อยๆก็ราวๆ 10-12ปี (เลขไมล์ประมาณ 4แสนกว่าๆ คงเพราะรถกระบะไม่จุกจิกมังครับ)
ผมเห็นสภาพภายในของกระบะ อายุ 10 ปี มันแย่ โทรมกว่า รถเก๋ง อายุ10ปี มากๆเลยนะครับ
รวมทั้งเรื่องการเก็บเสียงฯด้วยอ่ะครับ
-
ของผมคงประมาณ6-7ปีครับ
-
ของผมซื้อมือสองมา ตอนได้มาไมล์ก็ 220K ตั้งแต่รถออกมาก็น่าจะราวๆ 15-16 ปีแล้ว ไมล์ก็ปาเข้าไป 280K แล้วห็ยังใช้อยู่ จนกว่าจะเบื่อซ่อมหรือมีเหตุผลอื่นๆ
-
วิศวกรสร้างรถจะเป็นคนบอกได้ดีว่ารถเขาจะอยู่ได้กี่ปี
เพราะว่า บางรุ้น วิศวกรบอกเลยว่าจะทำให้ออกมาเพื่อวิ่งได้ตลอดไป เช่น benz w124
หรือว่า จะบอกว่าจะใช้ได้ถึง 20ปี เป็นอย่างน้อย
รถคันหนึ่ง มีหลายเหตุผลนะครับ ที่ จะใช้งานเท่าไหร่ถึงเปลี่ยน มันจะมาตามหลักที่คิดกัน แต่ว่าคนในบ้านเราไม่ค่อยพูดถึงกันเซักเท่าไหร่
ถ้าพูดโดยกิโล จะบอกว่า ล้านกิโลครับ
ส่วนปี ส่วนมากก็จะผ่อนหมดก็เปลี่ยนเลย 4-5-6ปี เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะ พอรถมีอายุก็จะมีค่ารักษา เหมือนที่ญี่ปุ้นนะครับ รถคันหนึ่ง สามแสน พอครบ 4-5 ปี ขายเหลือ 3หมื่น ซื้อใหม่เลย คนไทยเลย ไปตัดเซียงกงกันเยอะไงครับ เอาขยะมาขาย
-
ตัวผมเองไม่ได้มีเกณฑ์อะไรตายตัวครับ
จะเป็นลักษณะซื้อเพิ่มเข้ามากกว่า พอมีเข้ามาเพิ่ม
แลัวคันไหนที่ค่อยได้ใช้แล้ว หรือนานๆได้เอาออกที
หรือไม่มีเวลาดูแล เริ่มเป็นภาระ ก็จะค่อยปล่อยออก
รถผมแต่ละคันจะวิ่งเยอะครับ อยู่กันยาวๆ
แตะหลัก 4-5 แสน กิโลเมตร
คันที่อยู่กันมานานสุดในบ้าน
ก็เป็น corolla ใช้ตั้งแต่ป้ายแดง ปี 1987 จนถึงตอนนี้ก็ 28 ปี
ไมล์ก็ประมาณ 590,000 กิโล โอเวอร์ฮอล์ไป 4 รอบ
เคยชนหนักไปรอบนึง เคยคิดจะปล่อยไปเมื่อตอน 10 ปีก่อน
แต่เพิ่งโอเวอร์ฮอล์ไป ก็เสียดาย สุดท้ายก็เลยยังเก็บไว้ใช้อยู่
-
มีปัญหาเข้าอู่ เข้าศูนย์บ่อย ก็ควรหาซื้ออีกคันมาสำรองแล้วล่ะครับ จะได้ไม่สะดุด
-
ส่วนปี ส่วนมากก็จะผ่อนหมดก็เปลี่ยนเลย 4-5-6ปี เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะ พอรถมีอายุก็จะมีค่ารักษา เหมือนที่ญี่ปุ้นนะครับ รถคันหนึ่ง สามแสน พอครบ 4-5 ปี ขายเหลือ 3หมื่น ซื้อใหม่เลย คนไทยเลย ไปตัดเซียงกงกันเยอะไงครับ เอาขยะมาขาย
อย่าเรียกว่าขยะเลยครับมันดูน่าเกลียดไป ราคามันเป็นไปตามกลไกลตลาดครับ รถบ้านเราราคาแพงต้องใช้กันยาวๆความต้องการในการซ่อมมันก็เยอะ คนญี่ปุ่นเจอราคาประมูลหนักๆใครๆก็อยากเอามาขายทั้งนั้น หลังๆมานี่เจอแต่รถสวยๆ classic car ยัน super car ตัดมาทั้งนั้นคงไม่ใช่ขยะทั้งหมดนะครับ
-
มันไม่มีกฎเกณฑ์หรือเหตุผลอะไรตายตัวหรอครับ
โดยปกติคันที่ใช้หลักๆในชีวิตประจำวันจะเปลี่ยนทุก5ปีหรือ 3แสน กม.
หากคันไหนไม่จุกจิกก็จะผมก็จะเก็บไว้เป็นคันสำรองยังไม่ขาย
คันปัจจุบันX3ออกตอนต้นปี13เดือนหน้าก็จะครบ1.5แสนกม. กะว่าจะใช้ให้ถึง5ปีค่อยว่ากันว่าจะเก็บหรือปล่อย
ผมมองว่าอยู่ที่หลายๆองค์ประกอบมากกว่าคับ
อย่างAltis คันเก่าผมออกปี04 วิ่งไป3.5แสน กม.ก็ยังใช้จนถึงทุกวันนี้และยังไม่คิดจะขาย
ในขณะที่optra estateที่ขายไป ออกรถเมื่อปี08 ในเวลา2ปีกว่า วิ่งไป1.3แสน เกียร์พัง
ปล.อย่าสงสัยนะคับว่าทำไมไมล์ขึ้นเยอะ ผมวิ่ง5000กม./เดือน
-
เร็วสุดที่เคยเปลี่ยนในชีวิต
Camry ACV40 = 4,000 กิโล อายุ 7 เดือน รถมันขับไม่ดีคันเร่งไม่ smoot เลย
คันที่อายุเยอะที่สุด
Accord งูเห่า ปี 2000 = ไมล์ 160,0000 อายุ 15 ปี
อยู่ที่ความชอบล้วนๆครับ ถ้าไม่ชอบก็เลือกขายทิ้งไม่เก็บไว้
คันอื่นๆที่ปล่อยก็อายุราวๆไม่เกิน 5 ปี ครับ ผมเปลี่ยนรถบ่อยนน่ะ
-
แล้วแต่ครับ
บ้านผม ไม่ตี้เอ็กปี 1988 ยังอยากเก็บไว้ใช้ เพราะทนถึก เพิ่งขายไปเมื่อต้นปี 2 แสนบาท
เรนเจ่อ์ปี 2005 อันนี้ก็ขายด่วน เพราะจุกจิกและ ศูนย์ห่วยมากกกกกกกกกกกกกกก ซ่อมไม่จบ
Volvo s80 ปี 2003 ใช้ไม่กี่ปีรีบขาย เพราะซ่อมกระจุย
ปล.วอลโว่ขายไดัตังน้อยกว่าไมตี้เอ็กเยอะเลย
-
ส่วนตัวผมตั้งไว้ที่ประมาณ 100,000-200,000 โลครับ หรือไม่ควรเกิน 10 ปี น้อยกว่านี้ไม่คุ้มตัวรถ เกินกว่านี้ก็ไม่ปลอดภัย
แต่ระหว่างนั้นถ้าเงินถึง ที่จอดมี ก็อาจมีซื้อมาเพิ่มเติมครับ
-
ใช้ไปเรื่อยๆครับ ไม่พังไม่จุกจิกมากก็ไม่ขาย ถ้าไม่เจอที่ถูกใจก็ไม่เปลี่ยน เงินไม่พร้อมก็รอก่อน มีหลายเหตุผลมากเลยครับ ส่วนตัวที่บ้านเกิน 10 ทุกคัน ครับ
-
ผมจะเริ่มคิดเรื่องรถใหม่เมื่อต้องไป ตรอ. แล้ว จากนั้นก็จะดูว่า รถเริ่มงอแงหรือยัง กินน้ำมันมากแค่ไหน ถ้าคิดว่าต้องวเปลี่ยนแล้ว ก็เริ่มมาคิดเรื่องเงินครับ
เรื่องวิ่งไปเท่าไหร่ ผมไม่ค่อยเอามาคิดเลย
-
ประมาณ 5-6 ปีครับ
-
แล้วแต่ว่าใช้คุ้มหรือยัง
รถผม 4 ปีวิ่งแค่ 36000กม ขายไปตอนนี้ หักขาดทุน ต่อกิโลเมตร แล้ว รู้สึกว่าไม่คุ้ม
ต้องใช้ต่อไป
-
ไม่เปลี่ยน แต่หาเพิ่ม.. ;D
-
ผมเองไม่ได้สนใจที่จะไปตั้งไว้เลยครับว่าจะใช้รถกี่ปีแล้วเปลี่ยน
ไม่ได้สนใจด้วยว่าถ้าขายต่อแล้วราคาจะตกมาเท่าไหร่ คุ้มหรือไม่คุ้ม
ผมใช้ไปแล้วดูแลมันอย่างดีที่สุด ให้มันใช้ได้นาน ๆ
รถมันก็อยู่ในสภาพดีตลอดครับ ใช้ city มาสิบสองปี สภาพยังเนียบครับ
แล้วก็ขายให้หลานสาวไปใช้ต่ออีก ไม่ได้ตั้งใจจะขายด้วย แต่หลายสาวเพิ่งเรียนจบและทำงาน เค้าอยากได้รถไว้ใช้
ภรรยาเลยขายให้ อย่างน้อยก็ยังอยู่ในสายตา คือรักรถมากอ่ะครับ 5555
-
มันพูดยาก เพราะตัวแปลมันเยอะมาก ที่จะทำให้เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนอื่นสึกหรอต่างกัน เช่น
- รถคันที่วิ่งในเมือง สภาพการจราจรติดขัด จอดติดเครื่องอยู่กับที่ เครื่องยนต์ทำงานตลอดเวลาแต่เลขไมล์บนหน้าปัดไม่เพิ่มขึ้น
- รถคันวิ่งนอกเมือง การจราจรคล่องตัว วิ่งด้วยเกียร์ 5 เกียร์ 6 เกือบตลอด ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่สูงแต่ได้ระยะทางมาก
รถ 2 คันนี้ ที่เลขไมล์ 100,000 กม. เท่ากัน การสึกหรอของเครื่องยน์ก็ต่างกันเยอะครับ
ตัวแปลอื่นๆ เช่น
-สไตล์การขับของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
-การบำรุงรักษา ล้วนมีผลต่ออายุการใช้งานทั้งสิ้นครับ
-
ของผมตั้งใจกะใช้ 10 ปี (ครบต้นปี 2020) เดิมตั้งใจว่าจะออก Accord หรือ CR-V ประมาณช่วงปี 2019-20 แต่ระหว่างนี้มันก็มีรุ่นใหม่ๆ ออกมายั่วกิเลสเรื่่อยๆ อย่าง HR-V ล่าสุดก็ตัวใหม่อย่าง CIVIC
ไม่แน่อาจจะต้องโดน Civic ตัวใหม่นี่ก่อนก็เป็นได้ครับ แต่ก็น่าจะรอออกซักปี 2018
-
ตามกำลังทรัพย์และความพอใจ ไม่มีข้อกำหนดตายตัวหรอก จริง ๆถ้ารถมีอะไหล่ซ่อมมันก็ใช้งานได้ 20-30 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนรถก็ได้ เพียงแต่เราเห็นรถรุ่นใหม่ ๆ ก็เกิดอยากได้เลยเปลี่ยนรถใหม่หรือไปเจอรถอื่นที่ตรงใจหรือชอบมากกว่าก็เปลี่ยน รถมันใช้ยาว ๆ ได้ทั้งนั้นแหละถ้ามีอะไหล่ซ่อม ก็ซ่อมได้ยาวหลาย 10 ปี แต่คนจะใช้รถนาน ๆ ก็ต้องไม่ควรไปเดินงานมอเตอร์โชว์ เลิกติดตามเรื่องรถซะไม่งั้นความอยากมันพลุ้งพล่าน ใช้ไม่กี่ปีก็อยากเปลี่ยนรถอีก
-
ส่วนปี ส่วนมากก็จะผ่อนหมดก็เปลี่ยนเลย 4-5-6ปี เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะ พอรถมีอายุก็จะมีค่ารักษา เหมือนที่ญี่ปุ้นนะครับ รถคันหนึ่ง สามแสน พอครบ 4-5 ปี ขายเหลือ 3หมื่น ซื้อใหม่เลย คนไทยเลย ไปตัดเซียงกงกันเยอะไงครับ เอาขยะมาขาย
อย่าเรียกว่าขยะเลยครับมันดูน่าเกลียดไป ราคามันเป็นไปตามกลไกลตลาดครับ รถบ้านเราราคาแพงต้องใช้กันยาวๆความต้องการในการซ่อมมันก็เยอะ คนญี่ปุ่นเจอราคาประมูลหนักๆใครๆก็อยากเอามาขายทั้งนั้น หลังๆมานี่เจอแต่รถสวยๆ classic car ยัน super car ตัดมาทั้งนั้นคงไม่ใช่ขยะทั้งหมดนะครับ
(ความเห็นส่วนตัว)
ไม่ใช่ขยะทั้งหมด ถ้าหมายถึง เวลานี้ ใช้ครับ
ยุคปี 2000 มาเศรฐกิจญี่ปุ้นเรื่มไม่ค่อยดี เลยเรื่มมีรถประมูล เยอะขึ่น เพราะ ญี่ปุ้นต้องการเงินเหมือนกัน
ขอแต่งต่างๆก็ตัดเขา shop หมด แต่ก่อนนะหรอ พี่ยุ้นไม่สนหรอกครับ ซื้อใหม่ รวย มี เงิน
ไม่เหมือนยุค 1980 มาถึง 2000 คนญี่ปุ้น เศรฐกิจดีมากๆ ไม่ต้องถึงรถยนต์หรอครับ ทีวี เครื่องซักผ้า พอเก่าหน่อยก็เอา มาทิ้งหน้าบ้าน ให้รถขยะมาเก็บ จำได้ว่า จะต้องเอามาวางไว้วันที่สามารถทิ้งได้ หลังๆ เขาแก้ไขกฎหมายแล้ว ไม่สามารถทิ้งได้ ต้องเอาไปทิ้งที่เฉพราะ หรือซื้อสติกเกอร์ กำจัดขยะ ประเภทนั้นๆ ไป
พูดถึงรถยนต์ พอเก่าหรือผ่อนหมด ก็เข้า จั้ง แล้วครับ จั้ง = ขยะ ครับ ยังไง คนญี่ปุ้นก็รุ้ซึกว่า รถที่ไม่ได้เป็น classic car เช่น toyota corola aeทั้งหลาย ยังไงก็ไม่ classic car อ่ะครับ ไม่มีคนเล่น เข้าจั้งหมดละครับ
ตอนเซียงกงรุ่งๆ รถพี่ยุ้น 95% ตรงกลับรถบ้านเราทั้งหมดเลยครับ ที่ไม่ตรงก็แค่ บ้างออฟชั้นเท่านั้น บางสเป็ก คนที่ทำเซียงกงเลยรวย กันเป็นแถวๆ
เพราะ เอาขยะมาขายในราคาทองคำ จริงๆ ครับ
ตอนนี้ ไม่ใช้ยุคเชียงแล้ว 70% ของรถรุ้นเดี่ยวกันไม่ตรงกลับรถบ้านเราแม่แต่น้อย แถม 30%ที่ตรง ดันเป็นอะไหล่ ราคา ไม่สุงมาก ซื้อใหม่กับ ซื้อเซียงกงพอกัน แล้วใครจะไปซื้อเซียงกง หมายถึง รถ รู้นเดี่ยวกัน แต่ถ้าตลาด วางเครื่อง J ติดแก๊ชก็ ตอนนี้ก็ ไปไม่ไหวเหมือนกัน
ผมจะบอกว่า รู้ไหมรับ ว่ารถ ญี่ปุ้นถูกมากๆ ซื้อรถเต้นที่ญี่ปุ้นมาตัดเป็นเซียงกงยังทำได้เลยด้วยซ้ำ
บ้านเรา เรื่องรถยนต์ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ประมาณหนึ่งเลยนะครับ แต่ญี่ปุ้นเขาคิดว่าเป็นแค่เสื้อผ้าพอเก่าขาดก็ ทิ้งซื้อใหม่ พอเศรฐกิจไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยกันไปเอาตัวรอดไปเรื่อย และที่พี่ยุ้นต้องขายทิ้งเพราะว่า ภาษีต่อทะเบียนแพงมากๆครับ รถยิ้งเก่าปล่อยคาร์บอนเยอะ เสียถาษียิ่งแพง
ลองมาใช้ชีวิตที่ ญี่ปุ้นดูนะครับ แล้ว จะรู้ว่า อยู่เมืองไทย ไม่มีอดตาย แต่ ญี่ปุ้น อดตายได้แน่ๆ ข้าวจานละ 400บาท ต่อมื้อ (กระเพราไก่ไข่ดาวนะ)
แต่ซื้อรถยนต์คันละ 3แสน 4แสน เอง (toyota corola)
บ้านเรา ข้าวจานละ 50-60 บาท รถคันละ 6แสนกลับ 8แสน เอง (toyota corolaบ้านเรา)
-
ส่วนปี ส่วนมากก็จะผ่อนหมดก็เปลี่ยนเลย 4-5-6ปี เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะ พอรถมีอายุก็จะมีค่ารักษา เหมือนที่ญี่ปุ้นนะครับ รถคันหนึ่ง สามแสน พอครบ 4-5 ปี ขายเหลือ 3หมื่น ซื้อใหม่เลย คนไทยเลย ไปตัดเซียงกงกันเยอะไงครับ เอาขยะมาขาย
อย่าเรียกว่าขยะเลยครับมันดูน่าเกลียดไป ราคามันเป็นไปตามกลไกลตลาดครับ รถบ้านเราราคาแพงต้องใช้กันยาวๆความต้องการในการซ่อมมันก็เยอะ คนญี่ปุ่นเจอราคาประมูลหนักๆใครๆก็อยากเอามาขายทั้งนั้น หลังๆมานี่เจอแต่รถสวยๆ classic car ยัน super car ตัดมาทั้งนั้นคงไม่ใช่ขยะทั้งหมดนะครับ
(ความเห็นส่วนตัว)
ไม่ใช่ขยะทั้งหมด ถ้าหมายถึง เวลานี้ ใช้ครับ
ยุคปี 2000 มาเศรฐกิจญี่ปุ้นเรื่มไม่ค่อยดี เลยเรื่มมีรถประมูล เยอะขึ่น เพราะ ญี่ปุ้นต้องการเงินเหมือนกัน
ขอแต่งต่างๆก็ตัดเขา shop หมด แต่ก่อนนะหรอ พี่ยุ้นไม่สนหรอกครับ ซื้อใหม่ รวย มี เงิน
ไม่เหมือนยุค 1980 มาถึง 2000 คนญี่ปุ้น เศรฐกิจดีมากๆ ไม่ต้องถึงรถยนต์หรอครับ ทีวี เครื่องซักผ้า พอเก่าหน่อยก็เอา มาทิ้งหน้าบ้าน ให้รถขยะมาเก็บ จำได้ว่า จะต้องเอามาวางไว้วันที่สามารถทิ้งได้ หลังๆ เขาแก้ไขกฎหมายแล้ว ไม่สามารถทิ้งได้ ต้องเอาไปทิ้งที่เฉพราะ หรือซื้อสติกเกอร์ กำจัดขยะ ประเภทนั้นๆ ไป
พูดถึงรถยนต์ พอเก่าหรือผ่อนหมด ก็เข้า จั้ง แล้วครับ จั้ง = ขยะ ครับ ยังไง คนญี่ปุ้นก็รุ้ซึกว่า รถที่ไม่ได้เป็น classic car เช่น toyota corola aeทั้งหลาย ยังไงก็ไม่ classic car อ่ะครับ ไม่มีคนเล่น เข้าจั้งหมดละครับ
ตอนเซียงกงรุ่งๆ รถพี่ยุ้น 95% ตรงกลับรถบ้านเราทั้งหมดเลยครับ ที่ไม่ตรงก็แค่ บ้างออฟชั้นเท่านั้น บางสเป็ก คนที่ทำเซียงกงเลยรวย กันเป็นแถวๆ
เพราะ เอาขยะมาขายในราคาทองคำ จริงๆ ครับ
ตอนนี้ ไม่ใช้ยุคเชียงแล้ว 70% ของรถรุ้นเดี่ยวกันไม่ตรงกลับรถบ้านเราแม่แต่น้อย แถม 30%ที่ตรง ดันเป็นอะไหล่ ราคา ไม่สุงมาก ซื้อใหม่กับ ซื้อเซียงกงพอกัน แล้วใครจะไปซื้อเซียงกง หมายถึง รถ รู้นเดี่ยวกัน แต่ถ้าตลาด วางเครื่อง J ติดแก๊ชก็ ตอนนี้ก็ ไปไม่ไหวเหมือนกัน
ผมจะบอกว่า รู้ไหมรับ ว่ารถ ญี่ปุ้นถูกมากๆ ซื้อรถเต้นที่ญี่ปุ้นมาตัดเป็นเซียงกงยังทำได้เลยด้วยซ้ำ
บ้านเรา เรื่องรถยนต์ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ประมาณหนึ่งเลยนะครับ แต่ญี่ปุ้นเขาคิดว่าเป็นแค่เสื้อผ้าพอเก่าขาดก็ ทิ้งซื้อใหม่ พอเศรฐกิจไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยกันไปเอาตัวรอดไปเรื่อย และที่พี่ยุ้นต้องขายทิ้งเพราะว่า ภาษีต่อทะเบียนแพงมากๆครับ รถยิ้งเก่าปล่อยคาร์บอนเยอะ เสียถาษียิ่งแพง
ลองมาใช้ชีวิตที่ ญี่ปุ้นดูนะครับ แล้ว จะรู้ว่า อยู่เมืองไทย ไม่มีอดตาย แต่ ญี่ปุ้น อดตายได้แน่ๆ ข้าวจานละ 400บาท ต่อมื้อ (กระเพราไก่ไข่ดาวนะ)
แต่ซื้อรถยนต์คันละ 3แสน 4แสน เอง (toyota corola)
บ้านเรา ข้าวจานละ 50-60 บาท รถคันละ 6แสนกลับ 8แสน เอง (toyota corolaบ้านเรา)
เรื่องรถที่ตัดมาจากญี่ปุ่นนี่ยังไงก็คงขายได้เรื่อยๆแหละครับ แต่อาจจะขายได้น้อยลงตามที่คุณบอก ปัจจัยหลักจริงๆก็คือบ้านเรารถไม่หลากหลายเหมือนตอนยุค90ที่รถนำเข้ามากมายหลายยี่ห้อ ส่วนเรื่องราคารถที่ญี่ปุ่นถูกมากๆนี่ผมว่าทุกคนก็รู้กันหมดแหละครับ รถประกอบไทยเอาไปขายที่ญี่ปุ่นราคาบ้านเรายังแพงกว่าเลย ปัจจัยหลักภาษีล้วนๆ
เรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นนี่ผมพอเข้าใจดี เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านซื้อของจากญี่ปุ่นมาพอสมควร+มีเพื่อนที่นำเข้าของจากญี่ปุ่น แต่ก็ดีครับอธิบายไว้เผื่อคนอื่นมาอ่านเป็นความรู้ครับ
-
Acoord G9 ขับมาปีกว่าๆ ย้ำว่าปีกว่าๆ! เลขไมล์แบบนี้ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยังครับ ฮ่าๆๆ
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xft1/t31.0-8/11947867_917614574978089_5097753390960460579_o.jpg)
-
ใช้จนซ่อมไม่ไหว
ส่วนมากรถบ้านผมเฉลี่ย 12ปีเปลี่ยนครับ
นานสุดคือ 23ปีครับ