Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: หมับเข้าให้ ที่ พฤศจิกายน 10, 2015, 20:01:44
-
บางท่านนอาจจะยังไม่รู้จัก เลยบอกว่าราคาที่ 5-7 ล้านมันแพงไป
บางท่านเอาไปเปรียบกับ MG ว่าเป็นแบรนด์ใหม่ ไม่ควรขายแพง บางท่านบอกว่าให้ขายราคาเท่าพวก C-Class E-Class ฯลฯ
ด้วยความที่ผมชื่นชอบรถยี่ห้อนี้อยู่พอสมควร จะขออนุญาตอธิบายแบบบ้าน ๆ นะครับ
คืองี้ครับ
ราคา
Tesla Model S ในเมืองนอกจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนกว่า
จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับ S-Class, 7-Series, Panamera, Lexues LS, Audi A8, Maserati Quattroporte, Jaguar XJ
มิติตัวถัง
ตัวถังมันใหญ่มาก ใหญ่กว่า Panamera ซะอีก
ถ้ายังไม่เคยเห็น Panamera ตัวเป็น ๆ ผมเทียบให้ฟังง่าย ๆ ครับ ว่ามันกว้างและยาวกว่า Commuter 16 ที่นั่งขวัญใจพี่วินซะอีก
ระบบสั่งการ
ระบบเกือบทุกอย่างในรถ ทั้งปรับช่วงล่าง ปรับโหมดการขับ เปิด-ปิดซันรูฟ เครื่องเสียง แอร์ ไฟหน้า เปิดฝากระโปรง เนวิเกเตอร์ วิทยุ ฯลฯ
จะรวมอยู่ที่จอ 17 นิ้วกลางคอนโซล โดยไม่มีสวิชต์เยอะแยะให้ปวดหัว
ระบบขับเคลื่อน
ไฮไลท์สำคัญของรถยี่ห้อนี้ คือการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบเต็มระบบ
ด้วยการชาร์จไฟบ้าน การชาร์จ 1 ครั้ง (ประมาณ 8 ชม.) วิ่งได้เกือบ 500 กม.
ถ้าชาร์จตามสถานีซุปเปอร์ชาร์จของ Tesla เอง ประมาณ 20 นาที จะวิ่งได้ประมาณ 200 กม.
ซึ่งทาง Tesla ในไทยคอนเฟิร์มไว้ว่าจะมี 120 แห่งทั่วประเทศภายในปีหน้า และที่สำคัญคือน่าจะเป็นการชาร์จฟรีเหมือนต่างประเทศ
สมมติง่าย ๆ ถ้าเราใช้รถวันละ 100 กม. เราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย
ตอนพักกลางวัน ขับไปสถานีซุปเปอร์ชาร์จ ทิ้งรถชาร์จแบตไว้ แล้วเดินออกมาหาอะไรกิน กินเสร็จเดินกลับไปเอารถ ขับกลับที่ทำงาน
โอ้โห นี่มันชีวิตในฝันชัด ๆ
ส่วนตัวรถ อธิบายง่าย ๆ ให้นึกถึงรถเด็กเล่น TAMIYA
มีสิ่งหลัก ๆ คือ มีมอเตอร์วางอยู่เหนือช่วงล่างที่ขับเคลื่อน (ถ้าขับ 4 ก็มี 2 มอเตอร์) มีแบตเตอรี่ แล้วก็มีบอดี้อลูมิเนียมครอบไว้ แค่นั้น
ค่าใช้จ่ายพวกอะไหล่สิ้นเปลืองจะน้อยกว่าพวกรถทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์เยอะมาก
ส่วนแบต ถ้ามันเสื่อมก็ยกเปลี่ยนได้เลย ใช้เวลาไม่นาน แต่ราคาไม่รู้นะครับ 555
มาพูดถึงความแรง ถ้าใครไม่เคยขับรถกอล์ฟ หรือรถไฟฟ้าอื่น ๆ มาก่อน
ให้นึกง่าย ๆ ว่าทันทีที่กดคันเร่ง แรงบิดประมาณ 450 มันมาที่รอบ 0/นาที
ส่งผลให้ 0-100 มันใช้เวลาแค่ประมาณ 4.4 วินาที แบบเงียบ ๆ ความแรงแบบนี้มันระดับซุปเปอร์คาร์นะนั่น
สรุป
ถ้าคุณมีเงิน ผมว่าน่าใช้มากนะครับ รถแรง ภายในกว้างขวาง ลุคสปอร์ต แถมใช้ไฟฟ้าเต็มระบบ
นี่ถ้าสถานีซุปเปอร์ชาร์จเสร็จทั่วประเทศ เผลอ ๆ ขับเที่ยวทั่วไทย ไม่เสียค่าเชื้อเพลิงซักบาท
ผมว่า 5-7 ล้าน ไม่แพงไปหรอกครับ ถ้าเทียบกับความสุดยอดของมัน
-
แบรนด์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่(ที่บ้านเรายังไม่รองรับ)
เงินขนาดนั้นถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ต้องคิดให้หนักพอดูครับสำหรับผม
-
ถ้าผมมีเงินสักแสนล้าน คงบอกว่าโคตรถูกเลย
-
คือถ้าเป็นคนที่ซื้อพานาเมร่าชิวๆ กลุ่มนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ แต่ถ้ากลุ่มที่ซื้อ BMW กับ Merc เนี่ยบางคนเงินเดือน 1-2 แสนก็ออกได้แล้ว แต่ถ้าจะซื้อ Model S ที่เริ่มต้น 5 ล้าน มันก็ต้องขยับขึ้นไปอีกกลุ่มครับ ที่ไม่น่าจะถึง 8000 คนต่อปี แล้วมันก็ไม่รู้จะบริการดีแค่ไหน จะจุกจิกมั้ยก็ไม่รู้
คิดง่ายๆ ครับ ถ้าผมเงินเดือนละ 5แสน ผมอาจจะต้องผ่อน 3-5 ปีเลย แล้วถ้าผมต้องอยู่กับรถที่อาจจะเสียจุกๆ จิกๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ พูดตรงๆ มันเลยแพงเกินไปนนะผมว่า
บางคนซื้อรถพรีเมี่ยมมาก็ใช่ว่าจะมีเงินเหลือมากมายครับ เหมือนคนซื้อรถราคา 1 ล้านแต่เงินเดือน 4-5 หมื่นก็มีถมถืด
สรุปผมว่าปัญหามันอยู่ที่ Model S มันเป็นรถ Premium ที่ราคาคนใช้รถพรีเมี่ยมหลายคนไม่กล้าเสี่ยงครับ มันเลยดูแพง
-
จิงฮ่ะน้องแพน คนไทยอ่ะ ใช้ไปเหอะดาวสามแฉก กะใบพัดสีฟ้า แต่ถามอยู่ได้ศูนย์ไหนให้ส่วนลดมากกว่ากัน 5555 โธ่ชีวิต น่าจะให้ไปอยู่เมกาตามน้องลูกตาลซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
-
แบตอายุใช้งานกี่ปี เปลี่ยนราคาเท่าไหร่ครับ เช็ดระยะมีปะ ครั้งระเท่าไหร่
-
มันเป็นแบรนด์ใหม่ ตำนานไม่มี ชื่อเสียงไม่มี ต้องคนชอบเรื่องรถถึงจะเคยได้ยินมาก่อน
ตัวรถเทคโนโลยีไฟฟ้าล้วน น้ำท่วมก็น่ากลัวนะ
ศูนย์บริการตาม ตจว. ยังไม่มีในเร็ววันแน่ ถึงมีก็น่าห่วงถึงคุณภาพในการซ่อมบำรุงระยะยาว
แค่ BMW ในเชียงใหม่ คนรู้จักผมหลายคนยอมขึ้นรถสไลด์ไปซ่อมที่กรุงเทพ
กับราคาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่รถหรู คันที่ 3-4 ของบ้านคงจะได้เป็นลูกค้ายาก
คนที่จะกล้าประเดิมซื้อคงต้องมี Porsche Panamera, Cayenne หรือ 7 Series, S Class อยู่ในบ้านอย่างน้อยหนึ่งคัน
-
มองในมุมของคนมีเงินเหลือเฟือกับคนที่เงินไม่ค่อยมีเหลือ ถึงแม้จะเป็นของอย่างเดียวกันคำว่าถูกแพงมันต่างกันครับ
ส่วนถ้า tesla จะบุกตลาดเมืองไทยจริงๆก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่างน้อยจะได้กระตุ้นให้ผู้ผลิตรายอื่นๆจะได้รีบๆทำรถของตัวเองออกมาแข่ง ราคาจะได้ลดลงมาจนคนทั่วๆไปเข้าถึงได้เร็วขึ้น
-
มองแบบเศรษฐีตัวจริง เงินเหลือๆ มันก็ไม่แพงหรอกครับ ถ้าผมมีรายได้เนตๆปีละ 20-30 ล้าน ผมก็ว่าไม่แพงครับ
ลองคิดยอดขายของรถที่ราคา 5-7 ล้าน ทั่วประเทศมีกี่คัน/ปีครับ จากกลุ่มนี้ลองมองคนที่รวยจริงๆที่สามารถจ่าย 5-7 ล้านโดยไม่คิดรายละเอียด มันยิ่งน้อยลงไปอีกนะครับ อย่างท่านข้างบนกล่าวบางคนรายรับเดือนนึงไม่ถึงแสนหรือแสนนิดๆก็ถอย Benz, BM แล้วครับ กลุ่มนี้ให้มาซื้อรถยี้ห้อใหม่คงไม่มีทางแน่นอน ซื้อรถหรูบางคนยังกลัวค่าน้ำมันแพงเลยครับ
-
เพราะไม่มีเงินพอซื้อครับ
-
ผมว่าแค่คำว่า "จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับ S-Class, 7-Series, Panamera, Lexues LS, Audi A8, Maserati Quattroporte, Jaguar XJ"
แค่นี้ก็ได้คำตอบแล้วหนิครับว่ากลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ไหน
ซึ่งกลุ่มเป้าหมายก็คือพวกคนที่รวยระดับหนึ่ง เป็นรองประธาน/ประธานบริษัท ไม่ก้ไฮโซมีเงินระดับนึง..
ซึ่ง 5-7 ล้านสำหรับพวกนี้ไม่เยอะครับ แต่คำถามที่ตามมาสำหรับคนพวกนี้คือ
"รถไฟฟ้าขับๆไปจะแบตหมดมั้ย?"
"ขับแล้วเท่เท่า Maserati,Jag,Panamera มั้ย?"
"นั่งสบายแบบ S-Class,LS มั้ย?"
"ซิ่งได้แบบ 7,Maserati,A8 มั้ย?"
ผมบอกตรงๆ ผมชอบรถที่ใช้ไฟฟ้าแบบนี้ ไม่ได้ Offense ว่าเกลียดรถไฟฟ้า แต่ปัญหาคือในไทยผมว่ามันโต "ยากมาก" ในระยะนี้ คู่แข่งก็เป็นเรื่องน้ำมันที่ราคาถูก ระยะยาวก็เป็นทั้งเรื่องค่าเสื่อมแบตเตอร์รี่ ซึ่งพานาเมร่าที่เป็นคลาสใกล้ๆกัน ได้เปรียบกว่าทั้งแบรนด์ (Porsche ผมว่าคนไทยรู้จักมากกว่า Teslaนะ) และหลายๆอย่างที่ผมบอกไป..
ปล ออปชั่นอะไรพวกนี้ ผมมองว่าทุกแบรนด์ที่ยกตัวอย่างมามีหมด และไอการปรับด้วยจอทัชสกรีน.. ผมว่าอะไรที่มันอนาล็อคแล้วดีกว่า ก็อนาล็อคจะดีกว่ามั้ยครับ
-
น่าจะมีรุ่นเล็ก ซัก 7 แสนที่วิ่งได้ระยะใกล้เคียงกัน
เน้นขายมากเพื่อเน้นขยายจุดชาร์ต หรือจุดสลับแบต คงดี
สถานีสลับแบตน่าจะเกิดง่ายกว่าสถานีไฮโดรเจน
คิดดูว่าวิ่งไฟฟ้ากันทั้งประเทศ ไม่ต้องสนโลกว่าราคาน้ำมันจะขึ้นลงเท่าไหร่
เสียงวิ่งตามถนนเงียบๆ ตามแยกไฟแดงไม่มีควัน เอาแค่ใน กทม ก็สวรรค์แล้ว
-
ยอมรับได้กับราคานี้ครับ เพราะ segment มันระดับเดียวกับพวก S, 7, A8, XJ, ฯลฯ บลาๆ อย่างที่กล่าวมา แต่รถในระดับนี้ ราคานี้ เรียกว่าแพงอยู่แล้ว
การจ่ายแพงๆเท่านี้ มันหมายถึงคุณภาพ สมรรถนะ การเซอร์วิสต่างๆตลอดการใช้งาน รวมไปถึงความเชื่อมั่น และประวัติของแบรนด์นี่ผมว่ามีผลมากครับ
(คหสต.ผม รถระดับนี้ไม่ได้ใช้ๆ 4-5 ปีเปลี่ยนอะครับ ใช้ลากยาวเลย การจะจ่ายเงินขนาดนั้นเพื่อ Tesla คงไม่จ่าย ไม่เอาแน่ๆ
" ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่ได้บอกว่า Tesla ไม่ดี แต่เมื่อลองเทียบเล่นๆกับคู่แข่ง ผมยังหาเหตุผลที่จะซื้อ Tesla ไม่ได้ "
นอกนั้นก็จินตนาการไปถึงว่าค่าบำรุงรักษา XJ ไม่น่าจะหนักเท่า Tesla ตอนที่รถอายุซัก 10 ปี :-[)
-
X6 M and Tesla Model S รูปจาก bimmer เสียดายไม่มี Model X ในรูป
-
น่าจะมีรุ่นเล็ก ซัก 7 แสนที่วิ่งได้ระยะใกล้เคียงกัน
เน้นขายมากเพื่อเน้นขยายจุดชาร์ต หรือจุดสลับแบต คงดี
สถานีสลับแบตน่าจะเกิดง่ายกว่าสถานีไฮโดรเจน
คิดดูว่าวิ่งไฟฟ้ากันทั้งประเทศ ไม่ต้องสนโลกว่าราคาน้ำมันจะขึ้นลงเท่าไหร่
เสียงวิ่งตามถนนเงียบๆ ตามแยกไฟแดงไม่มีควัน เอาแค่ใน กทม ก็สวรรค์แล้ว
เดี๋ยวมีมาครับ แต่อาจจะยังไม่ถูกขนาด 7 แสน แต่จะมีรุ่นที่เป็น mass ตามออกมา ราคาไม่ถึงครึ่งของ Model S
ชื่อรุ่นว่า Tesla 3 น่าจะเปิดตัวมีนาปีหน้าและเริ่มขาย 2017+
-
ไม่เข้าใจว่าไม่ต้องเติมน้ำมันเลย แล้วมันจะชีวิตในฝันยังไงครับ
น้ำมันต่อให้เลิตรละ 50 บาทเลย วิ่งปีละ 3หมื่นกิโล เสียเงินแค่ แสนต้นๆ วิ่งไปสิบปี ล้านเดียว
เทียบกับรถ 5-7 ล้านแล้ว นิดเดียวครับ ไม่ต่างกับคุณจ่ายค่าน้ำมันล่วงหน้าแหละ
แถมเอาชีวิตจริง การแวะปั๊มเติมน้ำมัน ก็ไม่ใช่งานลำบากอะไร ต่อให้ใช้รถไฟฟ้า ผมว่าก็แวะปั๊มน้ำมันอยู่ดีนั่นแหละครับ
-
เป็นรถเฉพาะกลุ่มจริงๆครับ แต่ไม่ใช่รถคันแรกคันที่สองในบ้านแน่ๆ ราคา 7-8 ล้านบาท มีใครบ้างมาคิดหนัก ต้องมาตั้งกระทู้ถาม
ราคาไม่ใช่เหตุผลหลักในการซื้อรถราคาขนาดนี้ อยู่ที่ความพึ่งพอใจเป็นหลัก อยู่ที่ความชอบแต่ละบุคคล
เป็นความชอบส่วนตัวมากกว่าครับกลุ่มเป้าหมายที่ซื้อประเภทนี้ไม่ได้มีรถขับแค่ 1 คัน ในบ้าน
นึกถึงหลักความเป็นจริงครับ จะประหยัดแค่ไหน ไม่มีใครสนใจหรอกครับ ซื้อรถมาราคาขนาดนี้ แพงกว่ากว่านี้ก็ซื้อมาแล้วก็ได้
เป็นสิ่งของที่เสริมภาพลักษณ์มากกว่า เป็นสิ่งของที่บงบอกถึงสถานะ
-
ราคาไม่ได้เว่อนะผมว่า น่าสนใจมากแต่ด้วยตัวรถราคาต่างประเทศ มันค่อนข้างเกินเอื้อมคนไทยคับ ถ้าถามผม 7 ล้านตอนนี้ก้ต้อง Tesla นี่ล่ะคับ ยี่ห้ออื่นตัดไปเลย ขาย F10 ไปใช้นี่ดูจะเวิคกว่าเยอะ
-
จากการที่เคยนั่ง Tesla model S รู้สึกว่าตื่นตาตื่นใจช่วงแรกๆ มือจับประตูโผล่ออกมาเอง จอกลางขนาดมโหฬาร อัตราเร่งที่ดีมาก แต่คุณภาพวัสดุภายในห้องโดยสารยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เบาะตัวเล็ก แข็ง วัสดุหุ้มคุณภาพไม่ดี นั่งไม่สบายเอามากๆ ก็เข้าใจว่าเทคโนโลยีของรถมันใหม่มาก ราคาเลยต้องแพงเป็นธรรมดา แต่สำหรับผมถ้าต้องจ่ายเงินราคา 5-7 ล้านเพื่อซื้อรถคันนึง ผมจะไม่เอา Tesla มาพิจารณาเลย ถ้าราคาพอๆ กับ E class, 5 series ก็อาจทำให้น่าสนใจขึ้นมาได้ (นิดนึง) เพราะต้องเอาปัจจัยอื่นๆ เช่น ศูนย์บริการ เครือข่ายสถานีชาร์จไฟ ฯลฯ เข้ามาพิจารณาร่วมด้วยอีกทีครับ
-
ไม่เข้าใจว่าไม่ต้องเติมน้ำมันเลย แล้วมันจะชีวิตในฝันยังไงครับ
น้ำมันต่อให้เลิตรละ 50 บาทเลย วิ่งปีละ 3หมื่นกิโล เสียเงินแค่ แสนต้นๆ วิ่งไปสิบปี ล้านเดียว
เทียบกับรถ 5-7 ล้านแล้ว นิดเดียวครับ ไม่ต่างกับคุณจ่ายค่าน้ำมันล่วงหน้าแหละ
แถมเอาชีวิตจริง การแวะปั๊มเติมน้ำมัน ก็ไม่ใช่งานลำบากอะไร ต่อให้ใช้รถไฟฟ้า ผมว่าก็แวะปั๊มน้ำมันอยู่ดีนั่นแหละครับ
ไม่ปล่อยมลพิษขณะวิ่งครับ และเสียงก็เงียบครับ นี่เป็นสองเหตุผลของผมที่อยากให้รถไฟฟ้าถูกพัฒนาไปจนถึงระดับที่สามารถแทนที่รถและมอไซในปัจจุบันได้ แน่นอนว่าต้องไม่ถูกใจคนเล่นรถส่วนใหญ่ที่ชอบแต่งเครื่องแต่งท่อทำเสียงดังๆ (ผมก็เจอทุกวัน รำคาญมากครับ เพื่อนบ้านนี่แหละเบิ้ลเครื่องเล่นตอนตี 2 แทบทุกวันดังมากๆ) หรือคนที่คิดเฉพาะในเรื่องประหยัดพลังงานก็คงมองไม่เห็นข้อดีตรงนี้ อาจรวมถึงคนที่ชอบขับรถสับเกียร์ด้วย เพราะเทสล่ามี 1 เกียร์
-
สำหรับผมนี่ เกิน1ล้านบาทไทย ถือว่าแพงหมดครับ
-
รถพรี่เมี่ยม รถยุโรป มันอยู่ในกลุ่มรถหรู
กลุ่มนี้ก็มองว่าแพงอยู่แล้ว
แล้วเทสล่า ทำราคามาก็อยู่ในกลุ่มนี้
มันก็ต้องมองว่า แพงเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้าเทียบกับรถหรูด้วยกัน เทสล่าอาจจะเป็นรถที่ดูคุ้มค่าก็ได้
ส่วนคนซื้อต้องคิดให้ดี เสียบไฟบ้าน มีที่เสียบปลั๊กมั้ย
ถ้าอยู่คอนโดนี่ลำบากเลยนะ เพราะเชื่อว่า ส่วนใหญ่ที่จอดรถคอนโดไม่มีปลั๊กเตรียมไว้ให้แน่
แต่ถ้าอยู่บ้านคงไม่มีปัญหา
ส่วนเติมตามปั๊ม ก็นะ 20 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นี่นานอยู่นะ
คงต้องใช้กรณีจำเป็นจริงๆ
-
ถึงกับต้องตั้งกระทู้ชี้แจงกันเลยทีเดียว
ของแต่ละอย่างราคาในมุมมองของแต่ละคนมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
คนไม่เคยมีรถราคา 5-7 ล้านก็จะมองอีกมุมนึง
คนมีแล้วหรือเคยมีก็จะมองอีกมุมนึง
เช่น ถามคนที่ไม่เคยขับรถคันละ 5-7 ล้านว่า ถ้ามีเงินขนาดนั้นจะซื้ออะไร "ส่วนมาก" ก็จะตอบไปยัง s class series 7 และ panamera แต่กลับกัน คนที่เขามีรถพวกนี้มาครอบครองแล้ว เขาก็จะอยากได้อะไรที่ต่างออกไป เช่นไปเล่น xj หรือ tesla แทน
ต้องมองตลาดให้แตกว่าปัจจุบันตลาดรถหรูเมืองไทย มันบูมมาจากผู้ซื้อกลุ่มใด ส่วนมากตอบได้เลยว่า เป็นผู้ซื้อกลุ่มที่ขยับจาก d segment มา เป็นรถพรีเมี่ยม ซึ่งแน่นอน เพื่อความมั่นใจว่าซื้อไม่พลาด คนก็จะเลือกสินค้าที่รู้จักดีไว้ก่อน เช่น benz และ bm โดย audi นั้นถามว่ามีอะไรด้อยกว่า 2 ยี่ห้อที่กล่าวมาหรือปล่าว?
ใครก็วิจารณ์อะไรก็ปล่อยไปไม่เห็นจะต้องชี้แจงเลยครับ ร้อยคนร้อยความเห็น เวลามันจะพิสูจน์เองว่า 5-7 ล้านที่เสียไปกับสิ่งที่ได้มา มันตีเป็นราคาแล้วถูกหรือแพง
-
ในราคาเท่ากัน S class หรือ ยี่ห้ออื่นๆ มันยังเป็นรถที่ระบบกลไกลแบบรถยนต์ในยุคปัจจุบันแต่เพิ่มความไฮเทคลูกเล่นมากกว่าครับ
แต่สำหรับ เทสล่า คือ เป็นนวัตกรรมจริงๆ รถที่ไม่มีเครื่องยนต์ เข้ารถในไปก็ไม่ต้องแม่แต่กดปุ่นสตาร์ท งงมั้ยครับ
การออกแบบโครงสร้างรถก็คนละแบบกับรถยนต์ยุคนี้ ถามว่านั่งสบายกว่ามั้ย
เบาะหลังกว้างพอจะมีเบาะ 3 ตัวสำหรับผู้ใหญ่นั่งแบบไม่เบียดน่ะครับ
ผมว่าเหมือนเป็นรถที่มาจากอนาคตมาขายในยุคปัจจุบันมากกว่านะ ฟังดูเหมือนเวอร์ แต่เท่าที่หาอ่านรีวิวและรายละเอียดผมรู้สึกแบบนี้ ;)
-
หลายคนเข้าไปผิดไปเรื่องเน้นประหยัด ผมว่ามันขายเทคโนโลยีมากกว่านะครับ เพราะทำราคาออกมาในระดับรถหรู ไม่ได้ต้องการขายกลุ่มคนทั่วไปอยู่แล้ว ผมว่ามีแน่นอน และน่าจะพอสมควรเลยหล่ะ คนที่อยากได้มันเป็นเจ้าของ
ถ้าผมมีเงินถึง ผมซื้อมันแน่นอนครับ ไม่ได้ต้องการประหยัด แต่ต้องการความแปลกใหม่ ต้องการเทคโนโลยีในตัวรถมากกว่า
-
เห็นด้วยครับ แล้วยิ่งบางคนบอกว่าเทียบกับ D-Segment เอ่อ..........
-
ในความคิด ถ้ามีเงิน(มากๆๆ)ก็น่าซื้อครับ รถหรูแรง แถมรักษ์โลก เทคโนโลยีล้ำ
ในความจริง คนไทย ที่มีรายได้มากพอจะซื้อรถราคา 5-7 ล้าน จะมีสักกี่คน
คนที่อยู่ภาคการเกษตร รายได้มากแค่ไหน ก็ซื้อกระบะไว้บรรทุกของ
มนุษย์เงินเดือน ยิ่งแล้วใหญ่ คนที่รายได้ถึง ล้านบาท/ปี แทบนับหัวได้
แล้วเขาจะบอกว่าเงิน 5ล้าน ถูกหรือแพงดีล่ะ มี ดีเซกเมนต์ขับก็เจ๋งแล้ว
ผมเองทำงานประจำ มีรายได้แค่ 2.5 แสน/ปี เงินล้านน่าจะได้เห็นตอนแก่
สรุป ไม่ปฏิเสธว่า รถดีเทคโนโลยีสุดยอด แต่ราคาเกินเอื้อมสำหรับคนไทยส่วนใหญ่
-
สำหรับผมคิดว่าไม่แพงกับเทคโนโลยีนี้แต่เกินเอื้อมเหลือเกินกับมนุษย์เงินเดือนรายได้ปีละ 6 แสน และคิดว่าต่อให้รายได้ปีละ 6 ล้านก็ไม่มองนะถ้า 60 ล้านค่อยว่ากัน
-
คนไทยที่มีทุนทรัพย์ซื้อรถแบบนี้เหมือนซื้อรถบังคับมาเล่นมีเยอะแยะครับแค่เค้าไม่ว่างมาพยายามทำตัวให้เป็นข่าวเท่าไหร่ มันเป็นตลาดที่ยังเกิดและโตได้อยู่ เป็นตลาดคนละกลุ่มจากคนที่มีแนวคิดที่ว่ามีเงินจำนวนหนึ่งจะซื้อรถอะไรให้ชาวบ้านเห็นแล้วชมว่ารวยนะ ผมว่าประเด็นกระทู้นี้ก็ดีออกมีการชี้แจงว่าเพราะอะไรถึงทำออกมาขายราคานี้ ลงให้เห็นถึงรายละเอียดก็ดีออก
-
ง่ายๆครับ รถดี แต่...ไม่มีปัญญาเอื้อมถึง แค่นั้นเองครับ
-
แบรนด์ใหม่ครับ มาขับในไทยเงินระดั[นี้ถ้าคุณขับ S class / Series 7 / ML Class / X5
ในสายตาคนทั่วไปรถหรูที่สร้างชื่อสร้างแบรนด์มานานย่อมดูดีกว่าครับ
อีกอย่างระบบไฟฟ้ามากๆ มาเจอไฟตกพี่ไทยน่าเป็นห่วงครับขณะเสียบชาร์จ
-
หัวกระทู้นี้มันออกแนวประชดประชันนิด ๆ นะผมว่า 555
เป็นคำถามที่รู้คำตอบกันอยู่แล้ว
ว่าทุกคนรู้ครับ ว่าเป็นรถดี
แต่แค่ว่ามันแพงสำหรับคนไทยส่วนใหญ่เท่านั้นเอง
-
น่าจะมีรุ่นเล็ก ซัก 7 แสนที่วิ่งได้ระยะใกล้เคียงกัน
เน้นขายมากเพื่อเน้นขยายจุดชาร์ต หรือจุดสลับแบต คงดี
สถานีสลับแบตน่าจะเกิดง่ายกว่าสถานีไฮโดรเจน
คิดดูว่าวิ่งไฟฟ้ากันทั้งประเทศ ไม่ต้องสนโลกว่าราคาน้ำมันจะขึ้นลงเท่าไหร่
เสียงวิ่งตามถนนเงียบๆ ตามแยกไฟแดงไม่มีควัน เอาแค่ใน กทม ก็สวรรค์แล้ว
เดี๋ยวมีมาครับ แต่อาจจะยังไม่ถูกขนาด 7 แสน แต่จะมีรุ่นที่เป็น mass ตามออกมา ราคาไม่ถึงครึ่งของ Model S
ชื่อรุ่นว่า Tesla 3 น่าจะเปิดตัวมีนาปีหน้าและเริ่มขาย 2017+
รุ่น 3 นี่ ถ้าในไทยราคา 2 ล้าน +/- 0-100 ต่ำกว่า 6 ว วิ่งได้เกิน 500 KM. น่าสนใจมากครับ
-
มันแล้วแต่มุมมองของคนแต่ละกลุ่มมากกว่าครับ ถ้าเป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้างทั่วๆไป ราคานี้ยังไงก็แพงครับ อย่าว่าแต่พวกเบนซ์หรือบีเอ็มเลย บางกลุ่มอย่างพวกใช้แรงงานนี่ Eco Car อาจจะแพงสำหรับคนเหล่านั้นก็ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้างระดับบนๆหรือกลุ่มเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ ราคานี้อาจจะจิ๊บจ๊อยสำหรับคนเหล่านั้นก็ได้ ถ้าถามผม ผมว่าราคานี้ถูกมาก ด้วยราคาที่พอๆกับ S-Class กับรถที่มีพลังพอที่จะฟัดกับ Lamborghini Aventador ได้สบายๆแถมไม่ต้องเสียค่าน้ำมันเลย(แต่จะเสียค่าไฟเพิ่มแทน ;D) แต่ก็อย่างว่า โลกนี้มันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ เพราะสุดท้ายแล้วความหรูของ Tesla ก็สู้ S-Class ยังไม่ได้และยังถูกจำกัดเรื่องระยะทางในการเดินทางไกลอยู่
ส่วนที่ Tesla บอกว่าตั้งเป้าขายไว้ที่ 8000-10000 คันต่อเดือน อันนี้ผมไม่รู้ว่าแค่เฉพาะในไทยหรือทั่วโลก แต่เค้าก็แค่ตั้งเป้าไว้นี้ครับ ไม่ได้บอกว่าจะต้องทำให้ได้ปีหน้าซะหน่อย ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาครับ
ผมถามง่ายๆเลยนะ อย่างเวลาที่มีการขยายโรงงานอะไรก็ตามเพื่อเพิ่มอัตราการผลิตโดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องผลิตให้ได้เท่านั้นเท่านี้ ถามว่าเค้าทำได้ทันทีตั้งแต่สร้างโรงงานใหม่เลยรึเปล่าหล่ะครับ มันก็ไม่ ของแบบนี้มันก็ต้องค่อยๆปรับตัวแล้วก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ผมว่า Tesla ทำได้นะ Model S นี่แหละคือหลักฐานความสำเร็จของ Tesla กับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่นานแต่กลับฟาดคู่แข่งที่ก่อตั้งมาร่วมหลายสิบปีจนเงิบไปตามๆกันก็ทำมาแล้ว รอดูกันต่อไปครับ
-
ส่วนตัว คิดว่ามันก็มาแนวไอโฟน ;D
รู้ว่าแพงแต่ก็ซื้อนะครับ :o
รอดู Tesla3 ครับราคาน่าจะ 2 ล้านต้นๆ ขนาดเท่า C Class ;)
ถ้ามาราคานี้จริงได้เงินผมแน่นอน :-*
-
ถาม "คนมี" ก็ว่าไม่แพง แต่ส่วนจะซื้อไม่ซื้ออีกเรื่องหนึ่ง
ถาม คนปกติ สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองไม่ได้มีสมบัติจากรุ่นสู่รุ่นจนมีความสามารถซื้อได้
ถ้าอยู่ในไทย ผมว่าเขาคงไม่ซื้อ เพราะมันไม่ได้บ่งบอกความสำเร็จในชีวิตเหมือน ตราดาว
และถ้าเขาหาเงินเองจริงๆ ผมว่า S เขาก็ไม่เล่น เนื่องด้วยคุณค่าของเงิน น่าจะแค่ E
ไม่ใช่ว่ารถไม่ดี มันอาจจะดี (ดูจากแค่ข้อมูล) แต่ target group มันน่าจะเป็น นักธุรกิจรุ่นใหม่
หาเงินเอง (หรือเปล่า?) ได้ง่าย หรือพวกดารา หรือสมบัติจากรุ่นสู่รุ่น หรือกลุ่มคนที่ชอบความ Hi-Tec
หรือกลุ่มรักสิ่งแวดล้อม แต่อันหลังนี่ไม่แน่ เพราะมันมีเรื่องของราคาที่สูงมาเป็นปัจจัยร่วม
ใครใคร่ซื้อๆ ครับ เงินคุณไม่ว่าจะหามาได้เองหรือไม่ได้เองก็ตาม แต่ถ้าได้สนอง need หรือ want แล้ว
มันเกิดความสบายใจขึ้นแน่นอน
-
สินค้าสมัยใหม่ๆ ที่ออกมาเจาะตลาดกลุ่มไฮเอนด์ ณ ปัจจุบันนี้
แทบทั้งนั้นก็จะมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่ตั้งราคาสูงๆมาก ถึง มากๆ จนเราๆท่านๆ ที่เรียกว่าเป็นคนธรรมดาได้แต่นั่งดู แล้วก็พิจารณาหาเหตุผลต่างๆ นานา มาอธิบายกับตัวเอง (หรือคนอื่น) ว่า เออนะ มันแพงเพราะอะไร ซื้อเข้าไปได้ไง ยี่ห้ออื่น ก็ไปถึงเหมือนกัน และอีกสารพัดเหตุผล ก็ว่ากันไปครับ
ผมมองว่า ดีครับ ได้เข้าใจโลกของความจริง นอกจากความคิดเราว่า ยังมีคนอีกมากมาย คิดต่าง คิดไม่เหมือน อ่านแล้วก็เก็บส่วน (ที่คิดว่า) ดีเอาไว้ ที่เหลือก็ทิ้งๆไป มีแต่ได้กับได้ครับ
ของแบบนี้ เราห้ามคนอื่นคิดไม่ได้ ห้ามผู้ผลิตที่เค้าทำมาขายก็ไม่ได้ด้วย (เพราะเราก็ไม่มีความสามารถพอด้วยส่วนนึง) ดังนั้นแชร์ๆความเห็นกันในระดับนึง ก็น่าจะโอเคนะ ไม่เสียหายอะไร
ส่วนทำไมถึงคิดว่าแพง คงเป็นเพราะประเทศเรา ในความเป็นจริง รายได้ต่อคนมันน้อยครับ ถามสิบคน กระทั่งถาม พันคน มีคนที่สามารถซื้อได้ไม่ถึง 1% ไม่นับที่คิดจะซื้อนะ ถ้านับอาจจะมีแค่ 0.1% ด้วยซ้ำไป ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไรที่จะคิดว่าแพงครับ
-
Tesla 3 ถ้าสองล้านก็น่าสนมาก แต่จะได้ราคานั้นเหรอ
-
อย่าลืมว่างบประมาณนี้ คุณจะได้แค่ Merc, Bimmer, Audi บล็อกเล็ก เรี่ยวแรงน้่อย และเครื่องดีเซลเท่านั้นครับ
เป็นผม ผมจิ้ม Tesla อย่างไม่ลังเล
-
ถ้าผมรวยและเหลือมากพอ ผมซื้อนะ
เพราะผมโลกสวย และผมรักษ์โลกครับ ::)
-
มันแพงเพราะ 5 ล้านนี่แหละครับ ไม่มีตังซื้อ อาจต้องไปถามกลุ่มประชากรที่มีตังซื้อจริงๆว่าเขาคิดยังไง
-
รถราคา 5 ล้าน+ ถ้าผมไม่เรียกว่าแพง ผมก็คงเงินเดือนหลักหลายล้านครับ
ราคามันเป็นปัจจัยแรกอยู่แล้วครับที่คนทั่วไปจะบอกว่าแพงหรือถูก ถึงเทคโนโลยีจะดีขนาดไหน รถดีขนาดไหน
ถ้าไม่ได้มีเงินเหลือเฟือขนาดนั้น ผมก็ว่าแพงครับ
-
ผมว่าถ้าเทียบกับสมรรถนะของมันก็ถือว่าราคาไม่ได้แพงเกินตัวครับ Tesla Model S P85D ตัว Top ของรุ่นทำเวลา 0-100 ได้ 3 วินาทีกว่าๆ ดูในคลิปที่ทดสอบคู่กับ BMW M5 ช่วง 0-100 เร็วกว่า M5 เสียอีกครับ และรถที่มีอัตราเร่งขนาดนี้ในเมืองไทยราคาเกิน 10 ล้านทั้งนั้นนะครับ
-
ถ้าราคานี้ผมซื้อ GTR ครับ
-
ผมขอโทษครับ ผมว่าผมสื่อสารผิดแน่ ๆ
-
ส่วนตัวคิดว่าไม่แพงครับ ผมไม่เคยมีรถระดับ 5ล้านบาทขึ้นไป มาขับ แต่ถ้าวันใดมีปัญญาซื้อ คงจิ้ม tesla ไปที่เหมือนกัน รูปทรงคล้าย Aston Martin Rapide อัตราเร่ง Supercar
-
เอางี้ ถ้าขับเจ้านี่ กรุงเทพไปเชียงใหม่ มีจุดชาร์จไฟตลอดทางมั้ย?
แล้วถ้าจะเอาไว้ขับในเมือง ไอจุดชาร์จร้อยกว่าที่มันอยู่ตรงไหนมั่ง
ตอนเที่ยงจะสโลว์ไลฟ์เอารถไปเข้าจุดชาร์จ ผมว่ามันก็น่าจะเป็นแนวการใช้ชีวิตของเศรษฐีเค้าอยู่นะ
แต่จะให้เดินตากแดดไปร้านข้าวผมว่าไม่ใช่แล้วล่ะ อย่างน้อยก็ต้องขับเข้าไปจอดบริเวณร้านอาหาร
ขนาดมนุษย์เงินเดือนยังขับแปะฟุตบาต ไม่ก็มุดเข้าห้าง รีบกินรีบไปเลย
แล้วกลับเสียบไฟบ้านได้มั้ย เห็น กฟผ. ลองมาหลายปียังไม่เกิดซักที
หรือเจ้านี่มันวิเศษกว่ายังไง อันนี้ผมไม่ทราบ
ส่วนราคาแพงมั้ย ผมไม่รู้ รู้แค่ว่าถ้าบอกว่าเงินห้าล้านไม่แพง จะมานั่งสนใจเงินค่าเติมน้ำมันไปทำไม
-
สถานีชาร์ตไฟจะมีเพียงพอต่อความสะดวกของลูกค้าหรือไม่
เพราะเค้าว่าสถานีจะมี 120 จุดทั่วประเทศ
ผมเดาว่ารถที่ขายได้ส่วนใหญ่คงอยู่ในกรุงเทพ
แล้วในกรุงเทพจะมีสถานีกี่จุดครับ
ในหนึ่งสถานี สามารถให้บริการชาร์ตไฟได้พร้อมกันกี่คัน
ถ้าบังเอิญมีรถกำลังชาร์ตอยู่ก่อนหน้าหนึ่งคัน
ก็ต้องรอนานที่สุด 20 นาทีในการชาร์ตและก็ต้องรวม
กับรถเราเองที่ใช้เวลาชาร์ต 20 นาที สองคิวก็ 40 นาทีแล้วครับ
ผมว่าตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกนะครับ
-
สถานีชาร์ตไฟจะมีเพียงพอต่อความสะดวกของลูกค้าหรือไม่
เพราะเค้าว่าสถานีจะมี 120 จุดทั่วประเทศ
ผมเดาว่ารถที่ขายได้ส่วนใหญ่คงอยู่ในกรุงเทพ
แล้วในกรุงเทพจะมีสถานีกี่จุดครับ
ในหนึ่งสถานี สามารถให้บริการชาร์ตไฟได้พร้อมกันกี่คัน
ถ้าบังเอิญมีรถกำลังชาร์ตอยู่ก่อนหน้าหนึ่งคัน
ก็ต้องรอนานที่สุด 20 นาทีในการชาร์ตและก็ต้องรวม
กับรถเราเองที่ใช้เวลาชาร์ต 20 นาที สองคิวก็ 40 นาทีแล้วครับ
ผมว่าตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกนะครับ
จริงๆ ถ้าขับใน กทม อาจจะสองสามวันชาร์ทครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้งก็ได้ครับ แต่ได้ข่าวว่าใน กทม ระยะแรกจะมีอยู่แค่ 4 จุดก่อนนะครับ แถมชาร์ทฟรีตลอดชีพ
แต่ผมเดาว่าคนซื้อรถราคานี้น่าจะมีบ้านแล้ว ชาร์ทที่บ้านได้เลย เค้าบอกว่าค่าไฟครั้งละ 200 วิ่งได้ 400กว่ากิโล นี่คุ้มสุดๆ เลยนะครับ
อ่านเจอมาว่าตัวรถรับประกัน 4 ปี แบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
-
สถานีชาร์ตไฟจะมีเพียงพอต่อความสะดวกของลูกค้าหรือไม่
เพราะเค้าว่าสถานีจะมี 120 จุดทั่วประเทศ
ผมเดาว่ารถที่ขายได้ส่วนใหญ่คงอยู่ในกรุงเทพ
แล้วในกรุงเทพจะมีสถานีกี่จุดครับ
ในหนึ่งสถานี สามารถให้บริการชาร์ตไฟได้พร้อมกันกี่คัน
ถ้าบังเอิญมีรถกำลังชาร์ตอยู่ก่อนหน้าหนึ่งคัน
ก็ต้องรอนานที่สุด 20 นาทีในการชาร์ตและก็ต้องรวม
กับรถเราเองที่ใช้เวลาชาร์ต 20 นาที สองคิวก็ 40 นาทีแล้วครับ
ผมว่าตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกนะครับ
จริงๆ ถ้าขับใน กทม อาจจะสองสามวันชาร์ทครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้งก็ได้ครับ แต่ได้ข่าวว่าใน กทม ระยะแรกจะมีอยู่แค่ 4 จุดก่อนนะครับ แถมชาร์ทฟรีตลอดชีพ
แต่ผมเดาว่าคนซื้อรถราคานี้น่าจะมีบ้านแล้ว ชาร์ทที่บ้านได้เลย เค้าบอกว่าค่าไฟครั้งละ 200 วิ่งได้ 400กว่ากิโล นี่คุ้มสุดๆ เลยนะครับ
อ่านเจอมาว่าตัวรถรับประกัน 4 ปี แบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ขอบคุณครับ ผมเองก็ลืมไปว่าเจ้าของรถก็คงชาร์ตที่บ้านตอนกลางคืน เพราะคงมีเวลาเกิน 8 ชั่วโมงแน่นอน
และชาร์ตแล้วคงวิ่งได้ระยะทางราวๆดดยประมาณ 500 km
ถ้าพักอาศัยในกรุงเทพ วันนึงขับรถจากบ้านไปทำงานแค่ในกรุงเทพหรือปริมลฑล
ก็คงยังเพียงพออยู่ อาจจะไม่ต้องพึ่งสถานีเลยด้วยซ้ำ ลืมนึกจริงๆครับ ;D
-
แค่เติม Gas CNG ก็เหนื่อยพอ เจอ 20 นาที ชีวิตเจ้าของรถเหล่านี้ไม่มีเวลามานั่งในปั๊มน่ะครับ ขับกลับถึงบ้าน คนขับรถชาร์ตแบตให้ หรือ เจ้าของรถชาร์ตครับ ความปวดหัวมีมาก ผมเอาเงินซื้อเวลา จะแรงยังงัยเมื่อจอด 20 นาที เปล่าประโยชน์มากๆ