Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yourturle ที่ ธันวาคม 05, 2015, 10:17:43
-
รถรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ใช้ T10 มันก็ไม่ได้แพง หาซื้อก็ไม่ได้ยากอะไร เปลี่ยนก็แค่บิดออก แค่นั้น
แต่ FOCUS กันว่าแสงขาวทันสมัยกว่า เท่ห์กว่าไฟหลอด แล้วตั้งนานทำไมพึ่งจะใส่ >:(
ยากๆกว่า พวกไฟหน้า เปลี่ยน แต่ง ต้องถอดกันชนหน้า ยุ่งยากกว่ามาก
ราคาก็สูง และยังไม่รู้ถึงคุณภาพ ว่าจะใช้ได้ทนนานเท่าไร ?
(ช่วงนี้แข่งขันสูง ขนาดeco car ยังได้projector bi-xenon hidแล้ว บ้างค่ายเริ่มใส่ไฟตัดหมอกLED)
เริ่มอยากขับ eco car กับเขาบ้างล่ะซิ ราคาก็เบา ขับแล้วตังค์ก็เหลือ แต่ทำงัยได้ ของเก่ายังผ่อนไม่หมด :'(
-
เมืองไทยแดดแจ้งๆ จะเปิดกันทำไมไฟ DRL ผมละหน่ายจริงๆ
-
เมืองไทยแดดแจ้งๆ จะเปิดกันทำไมไฟ DRL ผมละหน่ายจริงๆ
1. ในรถหลายๆรุ่นมันปิดไม่ได้ครับ
2. ฤดูร้อนที่ยุโรปแดดแรงไม่แพ้ไทยนะครับ เผลอๆแรงกว่าเพราะอากาศเค้าดีกว่า ผมไม่คิดว่าแสงแดดเมืองไทยมีผลต่อความจำเป็นของไฟ DRL ครับ
-
เมืองไทยแดดแจ้งๆ จะเปิดกันทำไมไฟ DRL ผมละหน่ายจริงๆ
ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่ แดดแรงแค่ไหน ฝั่งอเมริการัฐที่ทะเลทรายเห็นก็ใช้กัน
ไม่เกี่ยวกับแดดเลยครับ
-
การเปิดไฟหน้าช้วยให้ลดอุบัติเหตุได้ครับ
เคยอ่านเจอเมื่อนานมาแล้วว่า ทำให้ผู้ที่ขับรถสวนกัน
ตื่นตัวและระวังตัวมากขึ้น ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าชัดเจนดี
ใครกำลังสวนมา หรือเรากำลังตามเขากันแน่
-
สำหรับผมไม่ได้อะไรกับเรื่องโคมไฟหน้าหรูๆนะครับ เพราะเชื่ออยู่อย่างว่า เดี๋ยวมันก็ไปลดต้นทุนกับอย่างอื่นที่เรามองไม่ค่อยเห็นอย่างแน่นอน
-
เมืองไทยแดดแจ้งๆ จะเปิดกันทำไมไฟ DRL ผมละหน่ายจริงๆ
แดดแรงๆนี่แหล่ะครับต้องเปิดและควรมี DRL เหตุผลเดียวกับไฟหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ ที่มันมีติดรถมาในปัจจุบันก็เพราะต่างประเทศเค้าศึกษามานานแล้วและมีงานวิจัยรองรับ ในเรื่องของการมองเห็นวัตุในบริเวณที่มีแสงจ้า แสงสีเหลือง/ขาว จะช่วยเพิ่มจุดสังเกตุได้ดี ดังนั้น DRL มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ
-
เดียวนะครับ ไฟหน้าแบบ LED กับไฟ DRL นี่คนบะประเด็นกัน
ไฟ LED นี่ผมถือว่าเป็นยุคที่ 3 ของไฟหน้ารถยนต์ แต่ก่อนมี ฮาโลเจ้น > ซีน่อล เด่วนี้เป็น LED เพราะไฟ LED ทันจะประหยัดพลังงานกว่า และส่องแสงไปได้ไกลกว่า รถ premium เลยนิยมใช้ ปัจจุบันเทคโนโลยีมันเริ่มมีราคาถูกลง รถกลุ่ม premium เลยขยับไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มความสามารถในการกระจานแสงและเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ เหมือน Intelligent light system (IIS) ของเบนซ์ Adaptive Headlights ของ bmw และทางฝั่ง Audi Matrix LED Headlights และตอนนี้รถยุฌรปก็เริ่มขยับไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีไหหน้าแบบ Laser Beam แล้ว ที่ BMW เคลมว่าส่องไปได้ไกลกว่า 600 เมตร แล้วแสงไม่ฟุ้ง โดยปัจจุบันมี series7, i8, R8 ที่ใช้ คาดว่าอีกไม่เกิน 5 ปี ไฟหน้า Laser จะเข้ามาแทนที่ LED
ส่วน DRL นานาจิตตัง แต่ผมว่ามีไว้ก็ดี มันก็คอนเซปเดียวกับการที่มอไซด์ต้องเปิดไฟหน้า ทั้งๆ ที่ประเทศเราก็แดดออกจ้า (แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งประเทศนิจริงไหม?) แต่ถ้าจะมองว่ามันรำคาญอันนี้ ถือว่าไฟ DRL ได้ผล อย่างน้อยคุณคนนึงละที่เห็นรถคันนั้นอยู่บนถนน ::)
-
เห็นด้วยกะคุณ DriveOnly หลายคนสับสนเรื่อง LED ที่เป็นไฟหรี่ กะ DRL
หลอด LED หลายเจ้าพัฒนาไปไกลแล้วนะครับ อย่าง AUDI มีทั้ง LED กะเลเซอร์เลย
http://www.audi.com/com/brand/en/vorsprung_durch_technik/content/2015/03/light.html
DRL ผมว่ามีดีกว่าไม่มี แต่ข้อสำคัญคือ คุณต้องสว่างกำลังดี และ DIM ลงได้ถ้าเปิดไฟหลักหรือแสงสว่างรอบตัวไม่ผ่านเกณฑ์
ดังนั้น การติด DRL แบบเสร่อๆ สำหรับคนแต่งรถบางกลุ่ม ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ มันเอาไว้ทำอะไร และสว่างชิบฝายยังกะ F__K เอ้ย Fog Lamp
ผมว่าไม่ควร ควรจะพิจารณาพาร์ตและการติดตั้งที่ถูกต้อง รวมทั้งการเดินไฟที่ไม่รบกวนการทำงานของระบบปกติ
ส่วนไฟหรี่ การพัฒนา LED ซึ่งพลังงานต่ำ อนาคตถ้าแก้ปัญหาการกระจายแสงและความร้อนได้สมบูรณ์ น่าจะดีที่สุดในทุกตัวครับ
-
ขอเสริมนิดไม่เกี่ยวกะไฟที่ว่ากัน
เกลียดมากพวกเปิดไฟตัดหมอก หน้า หลัง แยงตามาก เปิดทำติ่งไรไม่รู้ กฏหมายห้ามเปิดก็ไม่เห็นจะบังคับได้
ไอ้พวกรถเล็กหรือประมาณไม่มี DRL ยังว่าน่าเกลียดละ เจอรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม ก็ยังเปิดอีก กลัวไม่สว่างหรือไง
-
ขอเสริมนิดไม่เกี่ยวกะไฟที่ว่ากัน
เกลียดมากพวกเปิดไฟตัดหมอก หน้า หลัง แยงตามาก เปิดทำติ่งไรไม่รู้ กฏหมายห้ามเปิดก็ไม่เห็นจะบังคับได้
ไอ้พวกรถเล็กหรือประมาณไม่มี DRL ยังว่าน่าเกลียดละ เจอรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม ก็ยังเปิดอีก กลัวไม่สว่างหรือไง
รถยกสูงนี่ยิ่งแล้วเลย แทนที่ไฟตัดหมอกจะถูกบังด้วยท้ายรถ แต่กลับบังไม่ได้เพราะรถสูง ถ้ารถมีไฟตัดหมอกหลังนี่จะเปิดใส่กลับเลย
-
LED daytime running light
-
5555 บางคันมันปิดไม่ได้จ้า
-
ธรรมดาการตลาดก็ต้องหาจุดเด่นในการที่จะขายของ
เหมือนผงซักฝอกก็ต้องขายความขาว
-
ผมว่ามันเป็นจุดขาย ณ ปัจจุบันเลยก็ว่าได้ มีส่วนในการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อสำหรับคนบางกลุ่ม
-
ขอเสริมนิดไม่เกี่ยวกะไฟที่ว่ากัน
เกลียดมากพวกเปิดไฟตัดหมอก หน้า หลัง แยงตามาก เปิดทำติ่งไรไม่รู้ กฏหมายห้ามเปิดก็ไม่เห็นจะบังคับได้
ไอ้พวกรถเล็กหรือประมาณไม่มี DRL ยังว่าน่าเกลียดละ เจอรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม ก็ยังเปิดอีก กลัวไม่สว่างหรือไง
วันนี้ขับรถกลับบ้าน เห็นเปิดกันมาเป็นแถบเลยครับ :'(
-
ขอเสริมนิดไม่เกี่ยวกะไฟที่ว่ากัน
เกลียดมากพวกเปิดไฟตัดหมอก หน้า หลัง แยงตามาก เปิดทำติ่งไรไม่รู้ กฏหมายห้ามเปิดก็ไม่เห็นจะบังคับได้
ไอ้พวกรถเล็กหรือประมาณไม่มี DRL ยังว่าน่าเกลียดละ เจอรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม ก็ยังเปิดอีก กลัวไม่สว่างหรือไง
ตัดหมอกหน้าไม่เท่าไหร่พอทนครับ เพราะแสงจะกราดไปที่พื้น
ส่วนตัดหมอกหลังนั้น นรกสำหรับคันหลังครับ มันกระจายเต็มๆเลย
เมื่อวานเจอ FTN ใหม่ ได้สืบสานตำนานตัดหมอกหลังอันเลื่องชื่อมาจากวีออส
-
ง่า Camry 2015 มันปิดไม่ได้อ่ะครับ แต่พอเปิดไฟใหญ่แล้ว แสง DRL มันเหมือนจะปรับลดความเข้มแสงลงนะ
DRL มีประโยชน์นะครับ ใช้ในกรณีที่เราต้องเข้าในที่มืดสั้นๆ เช่นลงอุโมงค์ หรือเข้าที่จอดรถ มันช่วยทำให้ผู้ร่วมใช้ทางยังเห็นเราอยู่นะครับ ตอนใช้ Prius ที่เมกา ส่วนใหญ่เค้าจะแนะนำให้ตั้งไว้ที่ Auto ครับ คือพอมันครึ๊มๆ ก็เปิด จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ในอเมริกาบางพื้นที่ เค้าจะ "บังคับ" ให้เปิดไฟหน้าแม้แต่ในกลางทะเลทรายเลยครับ เพราะอากาศมันเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วมาก ฟ้าใสแดดแรงอยู่ เกิดพายุฝุ่น (หรือ Dust Storm) ขึ้นมา มันพริบตาจริงๆ ครับ และเกิดขึ้นกลางเมืองนี่แหละครับ
ส่วนเรื่องไฟตัดหมอก ผมบ่นจนเลิกบ่นไปแล้วครับ ไฟตัดหมอกนี่มีประโยชน์อีกอย่างตอนฝนตกหนักๆ ครับ ด้านหน้าทำให้เราพอเห็นพื้นถนน และทำให้รถคันหลังยังพอเห็นเราบ้าง แต่ไม่จำเป็นไม่ควรเปิด เพราะสร้างความรำคาญกับเพื่อนร่วมทางครับ
-
DRL จุดประสงค์หลักที่มันได้เกิดมาเพราะความปลอดภัยครับ สวยงามเป็นผลพลอยได้
-
Nearly all published reports indicate DRLs reduce multiple-vehicle daytime crashes. Evidence about DRL effects on crashes comes from studies conducted in Scandinavia, Canada, and the United States. A study examining the effect of Norway's DRL law from 1980 to 1990, found a 10 percent decline in daytime multiple-vehicle crashes. A Danish study reported a 7 percent reduction in DRL-relevant crashes in the first 15 months after DRL use was required and a 37 percent decline in left-turn crashes. In a second study covering two years and 9 months of Denmark's law, there was a 6 percent reduction in daytime multiple- vehicle crashes and a 34 percent reduction in left-turn crashes. A 1994 Transport Canada study comparing 1990 model year vehicles with DRLs to 1989 vehicles without them, found that DRLs reduced relevant daytime multiple-vehicle crashes by 11 percent.
In the United States, a 1985 Institute study determined that commercial fleet passenger vehicles modified to operate with DRLs were involved in 7 percent fewer daytime multiple-vehicle crashes than similar vehicles without DRLs. A small-scale fleet study conducted in the 1960s found an 18 percent lower daytime multiple-vehicle crash rate for DRL-equipped vehicles. Multiple-vehicle daytime crashes account for about half of all police-reported crashes in the United States
http://www.usroads.com/journals/rmej/9912/rm991203.htm
-
ดีนะ ตัดหมอหน้าของผมเป็นแบบ โปรเจคเตอร์เลน เลยไม่แยงตาใคร แต่ก็ไม่ได้เปิดพร่ำเพื่อนะ
ส่วน led ตอนนี้กำลังหาข้อมูลอยู่ ว่าจะเปลี่ยนอยู่ มันจะดีกว่าของติดรถใหมน่ะ