Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Zachary C ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2016, 02:34:12
-
คนรู้จักหลายๆคน รวมถึงคุณแฟน มักบอกว่า รถเครื่องยนต์ 1.2 บอดี้ขนาดเล็ก ไม่เหมาะขับทางไกลต่างจังหวัด โดยให้เหตุผลต่างๆ เช่น น้ำหนักเบาไป เร่งไม่ขึ้น บลา บลา บลา
ส่วนตัว ผมเช่ารถ Suzuki Ciaz ขับ สองวันเต็มๆ ทุกอย่างก็ดูโอเคดี ทั้งที่ใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม.
เพื่อนๆสมาชิกคิดว่า คนหลายๆคน คิดมากไปเอง ทั้งที่ไม่เคยลองขับจริง หรือ มันมีข้อเท็จจริงอย่างไร
รบกวนขอความคิดเห็นด้วยครับ คำถามนี้ คาใจผมมานาน
ขอบคุณครับ
-
มันแล้วแต่คนใช้ครับ รถเครื่องเท่าไหร่ก็วิ่งทั่วไทยได้ แต่ทีนี้สำหรับบางคน เช่น ตัวผมเนี่ย ปกติจะขับ 110+ เวลาเร่งแซง มันเหนื่อย ต้องเค้นรถ เพื่อจะรีบๆ แซงให้พ้นๆ ยิ่งถนน 2 เลนสวนกันนี่ยิ่งแล้วใหญ่
คือถ้าเป็นคนขับรถเรื่อยๆ ไม่แซงบ่อย ผมว่าก็ โอเคนะครับ
-
กำลังเครื่องน้อยไปนิดครับ สำหรับทางหลวงเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด ยาว ๆ โล่ง ๆ
อย่าลืมว่ารถที่ขับบนถนนทางหลวงต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เป็น ปิ๊กอัพดีเซลสมัยใหม่ เครื่องแรง ๆ กันทั้งนั้น พวกนี้ขับยืนพื้นก็น่าจะเกิน 120 km/hr
ถ้าจะขับแซงรถคันอื่นที่วิ่ง 120 km/hr ให้แซงแบบพ้น ๆ
ก็คงต้อง kick down ให้ความเร็วมันดีดไปที่ประมาณ 140 km/hr ซึ่งช่วงอัตราเร่งตรงนี้ รถเครื่อง 1,200 cc น่าจะเหนื่อยครับ :D :D :D
-
อาจจะไม่ตรงเท่าไหร่นะครับ
มันไปได้ทั่วไทยแหละครับ ที่ว่า เร่งไม่ขึ้น นี่เร่งตอนไหน ถ้าเร่งแซง มันก็จริง ต้องเผื่อระยะทางไว้เพื่อให้แซงพ้นหน่อย
เร่งขึ้นเขา เคยขึ้นดอยแล้วเห็น eco car จอดอยู่มั้ย นั่นแหละครับ มันไปได้
มันขึ้นอยู่แต่ละคนอ่ะครับ ถ้ารับกับอัตราเร่งที่ต้องเค้นมากกว่า เผื่อระยะแซงหน่อยได้ รถมันก็เหมาะกับที่เราจะใช้งาน
เพราะอย่างว่าถ้าคนที่เคยใช้รถที่มีกำลังดี อัตราเร่งแซงดี มาขับแล้วอาจจะบ่น เขาก็จะบอกว่ามันไม่เหมาะ เพราะมันไม่ตรงตามความต้องการของเขา
ใช้งานได้ครับ ไปได้ ชิลๆ แต่ถ้าต้องการอัตราเร่งนี่น่าจะไม่เข้า concept มัน
ขอนอกเรื่อง อย่างรถกระบะ ppv ที่ว่าคันโตๆ คับถนน คนเขาว่าไม่เหมาะกับใช้ในเมือง ยังวิ่งในเมืองกันให้พรึ๊บ
อย่างผมใช้วีออสเห็บหมา(เรียกซะน่ารีกเชียว อาจจะไม่ใช่ eco car นะครับยกตัวอย่าง)
วิ่งระยะทางไกลๆมีอย่างสองอย่างที่ไม่ชอบมันคือรถมันเบาเกินไป และก็พวงมาลัยกับคันเร่งที่ใช้แล้วจะประสาทกินเอา นอกนั้นก็รับได้
เหมาะสมไม่เหมาะสมอยู่ที่ตัวผู้ใช้งานเองเลยครับ
-
เร่งแซงเหนื่อยหน่อย ละเวลานั่งทางไกล ผมไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ตึงตัง
-
ตอบ คำถาม จขกท. ที่ว่าจุดไหนของ Eco car ที่ไม่เหมาะขับทางไกลนะครับ
จากที่ขับอยู่ตอนนี้ Mirage 1.2 MT เทียบกับเมื่อก่อน Civic FD 1.8 MT
ก็เหมือนตามที่ท่านอื่น กล่าวมาครับ
เเต่หลักๆ ก็คง เร่งเเซงเหนื่อย เวลาที่จะไปถึงความเร็วที่ต้องการช้า เมื่อยกว่า เมื่อขับทางไกลครับ
เเลัถ้าหากเหยียบ ดูเหมือนจะกินนำ้มันกว่าด้วยครับ เหมือนไปเค้นมัน 555
เเต่ถามว่าขับทางไกลได้มั๊ย ส่วนตัวตอบว่า ได้ครับ (เพราะขับทางไกลอยู่ทุกวัน 55)
ส่วนเหมาะไม่เหมาะ อยู่ที่เเต่ละบุคคลเลย
-
ตัวรถเล็ก เบา อัตราเร่งไม่ค่อยทันใจครับ
-
คล้ายๆกันครับ ที่จริงมันก็ไปได้ทั่วไทย
การเลือกน่าจะขึ้นกับการใช้งานประจำวัน และงบประมาณครับ
ถ้าวิ่งทางไกลทุกวัน ก็น่าจะเลือกรถและเครื่องใหญ่ หน่อยตามงบที่ไปได้ ระยะยาวน่าจะประหยัด ไม่ต้องเค้น เครื่องเกียร์น่าจะทนกว่า และสุดท้ายนั่งสบายและปลอดภัยกว่ายามคับขัน หรือ มีอุบัติเหตุครับ
ถ้านานๆขับออกที่ ส่วนใหญ่อยู่ในเมือง eco car ก็ไปได้ครับ
-
พอดีEco car มันมาเกิดในยุคกระบะบ้าพลัง และน้ำมันก็ถูก รถเก๋งก็เครื่องเกิน2ลิตร
เมื่อก่อนเก๋งเครื่อง1.2-2.0 แรงม้า 60-100ต้นๆ กระบะก็89-100ต้นๆ
ตอบคำถาม ที่ไม่เหมาะคือช่วงล่างเซ็ตมาให้ใช้ในเมือง ส่วนการเร่งแซงถ้าคุ้นกับรถแล้วไม่มีปัญหาครับ
-
เอาที่เคยเทียบกันตรงๆ เส้นทางเดียวกัน กรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่เคยขับมานะครับ
- Vitara V6 ตัวเก่า ... เห็นเป็น V6 แต่อืดบรม ทำความเร็วได้ไม่เกิน 140 เอาเข้าจริงไม่ค่อยมีปัญหา สามารถขัไปได้สบายๆ
- Yaris 1.5 อัตราเร่ง/ความเร็ว ไม่ขี้เหร่ อีกว่า Vitara แต่กลายเป็นว่าขับแล้วเครียดว่าพอสมควร เพราะดสียงถนนค่อนข้างชัด
- BMW E30 เตี้ยๆ ... อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุดไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือช่วงล่างที่กระแทกกระทั้นอย่างกับเป็นญาติ go cart เสียงรบกวนก็เยอะทั้งเสียงถนน เสียงท่อ
- Volvo XC70 วิ่งดีมาก อัตรเร่งดีมาก แต่ช่วงล่างสุดหวิว ขับแล้วกลายเป็นคันที่เครียดสุด
- Accord G7 ช่วงล่าง Tein + กันโคลงเสปคนอก ... อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุดกำลังดี เบาะกว้างขวาง+ไม่นิ่มเกินไป
ส่วนตัวผมว่าอัตราเร่ง+ความเร็วเป็นสิ่งที่ปรับตัวได้ไม่ยาก (คือขับรถอืดก็ต้องทำใจให้หวานเย็นตาม) แต่สิ่งที่ต่างกันมากๆคือ น้ำหนักพวงมาลัย ความรู้สึก on center ของพวงมาลัย ความสบายของเบาะ เสียงรบกวน ความกระเทือนของช่วงล่าง .... ของพวกนี้คือของที่ทำให้การขับรถ eco car ออก ตจว "โดยทั่วไป" ไม่สบายเท่ารถใหญ่ครับ
-
สำหรับผมที่ Eco Car สู่รถใหญ่ไม่ได้คือ ช่วงล่าง และการเก็บเสียงครับ เครื่องยนต์ไม่เท่าไหร่ครับ ถ้าขับไม่รีบมาก
-
ถึงแม้ผมจะขับเครื่อง 1800 แต่ผมก็ขับแบบ eco เพราะฉะนั้นคิดว่า eco car นั้นเพียงพอกับการเดินทางแล้ว ยิ่งสมัยนี้รถเยอะ ทำความเร็วได้ไม่มากอยู่แล้ว ทำใจสบาย ๆ ขับไปเรื่อย ๆ
-
ผมไม่เก่งเรื่องเครื่องยนต์ครับ เลยไม่สามารถตอบได้ว่า อย่างไหนทำร้ายเครื่องยนต์ขนาดเล็กได้มากกว่ากันระหว่าง
1. จอดรถติดในเมืองเครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบานานๆ เปิดแอร์ ไม่มีลมมาช่วยระบายความร้อนหม้อน้ำ (แต่ก็มีพัดลมไฟฟ้าอยู่แล้ว)
2. ขับทางไกล วิ่ง 110 - 130 km/hr นานๆ ยาวๆ พักรถน้อย
3. เร่งแซงบ่อย ขึ้นเขา ขึ้นทางชัน ใช้แรงบิดสูงบ่อยๆ
แต่ผมเชื่อว่า Concept ดั้งเดิมของ ECO Car คือใช้ในเมือง ดังนั้น
1. ไม่เน้นที่ความเร็ว แรงบิดก็พอเพียง เร่งแซงไม่เก่งมาก ยิ่งขนของขนคนหรือขึ้นทางชันนี่ยิ่งแล้วใหญ่ จะแซงจะเร่งที่ก็.....
2. รถน้ำหนักเบา แต่ปลอดภัยแบบพอเพียงที่ความเร็วต่ำ ถ้าชนแรงหรือชนกับรถที่ส่วนใหญ่จะคันใหญ่กว่าก็.....
3. ช่วงล่างสำหรับวิ่งไม่เร็ว และรถก็เบา รถจะมั่นคงตามสภาพ เวลาวิ่งเร็วหรือตอนที่โดนรถใหญ่กว่าวิ่งเร็วมาเฉียด ก็......
4. ระบบระบายความร้อนแบบพอเพียง รวมถึงเกียร์ด้วย ขับไม่ไกลและไม่นานมาก ก็พอได้ครับ แต่ถ้านานหรือเร็ว ก็ต้องพักบ่อยๆครับ ไม่งั้นเครื่องก็......
5. การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ก็มาแบบพอเพียง ยิ่งเสียงลมที่ความเร็วสูงก็ยากที่จะกันได้ ยิ่งขับเร็วก็ยิ่งฟังเพลงไม่รู้เรื่อง
6. ความสบายของเบาะที่มาแบบพอเพียง บาง แข็ง สั้น ถ้านั่งนานๆ ยาวๆ ก็......
ถ้ารับเงื่อนไขนี้ได้ก็จะขับ ECO CAR ไปที่ไหนก็ได้ครับ 8) 8) 8) 8) 8) 8) 8)
-
มันไปได้หมดแหละครับ ถ้าไม่ใจร้อนตะบี้ตะบันแซงทุกคันที่ขวางหน้า
แต่ถ้าอยากได้อัตราเร่งก็ไปจูนกล่อง แต่งเครื่อง หรือจะยัดโบเพิ่มก็ทำได้ทั้งนั้น
เพียงแต่ช่วงล่างและความสบายมันน้อยกว่ารถใหญ่ๆแค่นั้นล่ะ
-
คนที่ว่าไม่เหมาะน่าจะเป็นคนที่ขับรถเร็วนะครับ รถ eco car เขาออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมัน ดังนั้นจะให้วิ่งปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วเร่งแซงฉับไวมันคงตรงกันข้าม แต่ถ้าขับความเร็วปกติ รู้ความสามารถรถตัวเองก็ไม่มีปัญหา เครื่องเล็กๆสมัยนี้มีกำลังตั้ง 80 90 แรงม้า บางคันล่อไป 100 แรงม้า เหลือเฟือแล้ว
ปัญหาอย่างนึงของเมืองไทยคือคนขับรถขับกันเร็วไปและมีพาหนะความเร็วต่างกันมากใช้ทางร่วมกันพอเกิดอะไรขึ้นก็เลยเบรคไม่ทัน เคยอ่านวิจัยของเมืองนอกว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นน้อยลงได้หากรถบนถนนวิ่งด้วยความเร็วเท่าๆกันตามๆกันไป มาขับรถกันให้ช้าลงเถอะครับโดยเฉพาะในเขตเมืองสัก 50 60 ก็พอ ไม่ใช่ล่อไป 70 80 นอกเมืองก็ 110 120 ก็พอไม่ใช้ 130 140 สภาพถนนเมืองไทยกับผู้ร่วมใช้ทางมันไม่เหมาะจะขับเร็วกันนะครับ
ปล คนมักบ่นกันว่าคนขับรถเมืองไทยไม่มีวินัย ซึ่งมันเกิดจากความไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถ้าจับปรับจริงจังนี่รับรองมีวินัยแน่ ไม่ใช่มาออกข่าวว่าจะเข้มงวดช่วงวันนั้นถึงวันนี้ มันคืออะไร???? เห็นตอนไปขับกันที่เมืองนอกนี่ขับกับเรียบร้อยเพราะกลัวตำรวจจับ :-X
-
ไปได้หมดครับ อยู่ที่คนขับ ถ้าขับตามความเร็วประหยัด ต้องหลบให้รถที่เร็วกว่าแซงบ่อยหน่อย และเหนื่อยตอนแซงรถบรรทุกครับ เพื่อนผมใช้ Almera ขับความเร็วประมาณรถบรรทุกนั่นแหละ
แต่ถ้าคนที่เคยขับรถใหญ่มาก่อน แล้วมาขับรถเล็ก จะรู้สึกอึดอัดหน่อย เช่นแฟนผม มี Lancer EX พอมาขับ Fiesta คันของผม รู้สึกไม่สบายเท่าครับ
-
Suzuki Ciaz ไม่เล็กเลยนะครับ นั่งสบายพอสมควรเลย
Eco cars วิ่งออกต่างจังหวัดได้สบายๆครับ อัตราเร่งไม่แย่ขนาดนั้น
-
รถทุกคันไปได้หมดครับ เพียงแต่ความสบายจะต่างกัน
ขอเทียบที่บ้าน crv กับ tiida แล้วกันนะครับ (รถเล็กกว่านี้ ผลน่าจะแยะกว่า)
1.รถใหญ่ ล้อรถมักใหญ่กว่า เวลาเจอหลุม หรือทางไม่เรียบนี่ สบายกว่าอย่างชัดเจนมาก (แม้ tiida จะนิ่มกว่า แต่ถ้าเป็นหลุมนี่ต่างกันมากจริงครับ)
2.รถใหญ่ เบาะนั่งมักจะสบายกว่า
3.เวลานั่งหลาย ๆ คน เครื่องใหญ่มักเร่งแซงง่ายกว่า
4.ทัศนวิสัยดีกว่า
แต่ถ้าขับทางไกลคนเดียว และถนนเรียบ คงเลือก c-seg เครื่องใหญ่ น่าจะสบายและขับสนุกครับ
-
ช่วงล่างร่อนเวลาขับทางไกล รถใหญ่วิ่งผ่านมีส่ายเหมือนจะถูกดูดเข้าไปหา อัตราเร่งอืดแซงไม่ค่อยขึ้นเว้นแต่คุณขับซ้ายแล้ววิ่งยาวไม่อัดแข่งกับคนอื่น รถพ่วกนี้อัตราตีนต้นดีเลยเกียร์ 1-3 มันพุ่งเหมาะกับใช้งานในเมือง 0-80 ยังรับได้ แต่ 80-120 เหนื่อย และในขณะที่รถวิ่งอยู่ 120 ถ้าคุณจะเหยียบให้ขึ้นกว่านั้นเพื่อแซงรถข้างๆที่เครื่องใหญ่กว่าบอกเลยว่าตบไฟเลี้ยวซ้ายเข้าหลังเขาไปเถอะ อ้างอิงจากเคยขับมาร์ชเกียร์ธรรมดาและอัลมีร่าเกียร์ออโต้ครับ นี่ยังไม่พูดถึงความคับแคบนะครับ
สรุปว่าขับทางไกลได้ถ้าคุณยอมรับที่ว่าได้ก็จบ แต่เหนื่อยต้องลุ้นต้องมีเสียวเรื่อยๆผิดกับรถใหญ่กว่ามันนิ่งกว่าเยอะพุ่งไปอย่างนุ่มๆ แน่นอนว่าส่งผลให้รถเล็กความปลอดภัยในการเดินท่างไกลย่อมน้อยกว่ารถใหญ่ครับ
-
ผมขับทางไกลทุกวัน ถ้าอาทิตย์ไหนจำเป็นต้องขับมาร์ชไปจะเหนื่อยมากๆ
1. การแซง แค่จาก110 ไป 120 ต้องกดคันเร่งลึก ขับหลายชม.นานๆ ทำให้เมื่อยเท้ามากครับ
2. พื้นฐานช่วงล่างไม่เหมาะกับการใช้ความเร็วเกิน100 เลย ถ้ามีรถตัดหน้า จำเป็นต้องเบรค หักหลบ จะลำบากมาก
3.เบาะนั่ง ไม่เหมาะกับการนั่งขับรถไปนานๆ เมื่อยมากครับ
ส่วนจะไปขึ้นเขาที่ไหน ถ้าทางไปได้ ผมขับไปทำงานมาหมดแล้วครับ
-
มันไปได้หมดแหล่ะ แต่ตอนแซงจะลำบากหน่อย แค่นั้นเอง
ส่วนช่วงล่างนี่ไม่วิจารณ์อะไรมาก เพราะมันอยู่ในกลุ่ม B-Segment เหมือนกัน
-
คนที่ว่าไม่เหมาะน่าจะเป็นคนที่ขับรถเร็วนะครับ รถ eco car เขาออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมัน ดังนั้นจะให้วิ่งปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วเร่งแซงฉับไวมันคงตรงกันข้าม แต่ถ้าขับความเร็วปกติ รู้ความสามารถรถตัวเองก็ไม่มีปัญหา เครื่องเล็กๆสมัยนี้มีกำลังตั้ง 80 90 แรงม้า บางคันล่อไป 100 แรงม้า เหลือเฟือแล้ว
ปัญหาอย่างนึงของเมืองไทยคือคนขับรถขับกันเร็วไปและมีพาหนะความเร็วต่างกันมากใช้ทางร่วมกันพอเกิดอะไรขึ้นก็เลยเบรคไม่ทัน เคยอ่านวิจัยของเมืองนอกว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นน้อยลงได้หากรถบนถนนวิ่งด้วยความเร็วเท่าๆกันตามๆกันไป มาขับรถกันให้ช้าลงเถอะครับโดยเฉพาะในเขตเมืองสัก 50 60 ก็พอ ไม่ใช่ล่อไป 70 80 นอกเมืองก็ 110 120 ก็พอไม่ใช้ 130 140 สภาพถนนเมืองไทยกับผู้ร่วมใช้ทางมันไม่เหมาะจะขับเร็วกันนะครับ
ปล คนมักบ่นกันว่าคนขับรถเมืองไทยไม่มีวินัย ซึ่งมันเกิดจากความไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถ้าจับปรับจริงจังนี่รับรองมีวินัยแน่ ไม่ใช่มาออกข่าวว่าจะเข้มงวดช่วงวันนั้นถึงวันนี้ มันคืออะไร???? เห็นตอนไปขับกันที่เมืองนอกนี่ขับกับเรียบร้อยเพราะกลัวตำรวจจับ :-X
เห็นด้วยครับ เรื่องการกวดขันจับกุม น่าจะมีวิธีที่ไม่ต้องใช้คนมาช่วยด้วย น่าจะได้ผลมากขึ้นนะครับ
(แอบคิดว่าถ้ารัฐ ไม่มีเงินลงทุน ให้สัมปทานเอกชนจัดการเลยจะดีไหม)
ส่วนท่านใดรักความเร็วเกินนี้ (120) ก็ต้องเสี่ยงเอาครับ
-
ช่วงล่างที่ 120+ ไม่น่าไว้ใจครับ แค่นั้น
-
Ecocar บางรุ่นก็เป็น Sub-B Segment เอามาตีตั๋วเด็ก เช่น March // Yaris // Almera // Ciaz // Swift ซึ่งในเมืองนอกรถพวกนี้เกิดมาพร้อมเครื่อง 1.5 - 1.6 แต่เมืองไทยใส่แค่ 1.2 เท่านั้น
ส่วน Mirage // Brio // Celerio // Attrage ผมไม่นับ เพราะรถเกิดมากับเครื่อง 1.0 - 1.2 อยู่แล้ว
----------------------------------
ที่นี้ถามว่าวิ่งทางไกลได้ไหม ได้ครับ และถามต่อว่าเหนื่อยไหม มันขึ้นอยู่กับความเร็วที่คุณใช้ ว่าคุณวิ่งเท่าไร
ถ้าตะบี้ตะบันเหยียบ 140 - 160 และเป็นคนชอบมุดละก็เหนื่อยแน่นอน เพราะกำลังเครื่องไม่ได้เอี้อให้ขับความเร็วขนาดนั้น ต่อให้ D-Seg เครื่อง 2.0 ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
แต่ถ้าคนขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วเดินทาง 80 - 120 กม/ชม มันก็ไปตามหน้าที่ของมัน
บางท่านบอกว่า วิ่งเร็วๆแล้วรถส่าย เจ้ามาร์ชที่บ้านวิ่งมอเตอร์เวย์ไปทำงานสนามบินทุกวัน ใช้ความเร็ว 100 - 130 กม/ชม ไม่เห็นเจออาการแบบนี้เลย
คนยุคก่อนจะทราบดีว่า เครื่องยนต์กำลังน้อยกว่านี้ ช่วงล่างห่วยกว่านี้ แต่ทำไมสามารถวิ่งได้ทั่วไทย และทำไมเค้าไปได้ครับ
เช่น โคโรลล่า 1.3 คาร์บู หรือ แลนเซอร์ 1.5 คาร์บู กำลังเครื่องเท่ากับเครื่อง 1.2 สมัยนี้ แต่ก็ยังเห็นวิ่งข้ามจังหวัดกันสบาย ไม่เห็นตั้งกระทู้บ่นแต่อย่างไร
เรื่องกลัวเครื่องสึกหรอเยอะ ระบายความไม่ดี อันนี้ตัดที้งไปเลยครับ รถยนต์ขอแค่น้ำมันเครื่องเต็ม มีน้ำในระบบเต็ม คุณจะวิ่งไปเมืองจีนแบบไม่ต้องพักก็ได้ แต่คนหน่ะไหวหรือเปล่า
สรุป ขึ้นอยู่กับคนขับครับ ถ้าคิดว่ามันไปได้ มันก็ไปได้ครับ เพียงแต่ปรับตัวให้เข้ากับรถ แล้วคุณจะมีความสุข
-
ผมว่าเอาตามความเหมาะสมกับครอบครัว และกำลังทรัพย์ดีกว่าครับ อย่างที่หลายคนบอกจะเล็กจะใหญ่ไกลแค่ไหนมันก็พาเราไปถึงจุดหมายได้ทุกคัน และที่ว่าคันใหญ่ปลอดภัยกว่าอันนี้ผมเห็นด้วยแค่ส่วนหนึ่ง ความเป็นจริงอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของคนขับซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรถใหญ่เครื่องแรงที่วิ่งเร็ว ส่วนมากเกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุด
ข้อมูลศูนย์อานวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 บอกว่า ขับรถเร็วเป็นสาเหตุอันดับสองของการเกิดอุบัติเหตุ และรถปิคอัพเกิดอุบัติเหตุมากสุด ในความคิดผม ผมว่าการออกรถเล็กเครื่องไม่แรงวิ่งไม่เร็ว อาจทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุน้อยลงซะอีก อย่าประมาทเป็นใช้ได้
ดังนั้นรถเล็กไม่เหมาะกับการขับทางไกล ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกับเครื่อง หรือความปลอดภัย แต่น่าจะเกี่ยวกับจำนวนคนในครอบครัว นิสัยการขับรถของแต่ละคน (บางคนใจแรงกว่าเครื่องก็จะไม่ชอบเครื่องเล็ก) ความสะดวกสบายของขนาดรถซะมากกว่า
ยกตัวอย่างเมื่อก่อนผมขับ jazz ถึงจะไม่ใช่อีโคคาร์ แต่ผมขับรถความเร็ว 90-110 ไม่เร่งรีบ ปัจจุบันขับปิคอัพ 4 ประตู ก็ยังขับเหมือนเดิม และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใหญ่เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ยังคิดถึง jazz เพราะความเอนกประสงค์ของมัน คันไม่ใหญ่ดูอบอุ่น ไปไหนกับแฟนแล้วมีความสุขดีครับ จะคันไหนก็ไม่สำคัญขอขับแล้วสุขใจก็พอ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ
-
ความสบายเท่านั้นครับ ซึ่งบางจุดแก้ได้ บางจุดแก้ไม่ได้
1. เรื่องเสียงเข้ารถ ตรงนี้ผมให้สำคัญเป็นอย่างที่หนึ่งเลย เสียงเกิดจากอะไรบ้าง...
1.1 เสียงช่วงล่างและห้องโดยสาร Eco Car บางรุ่น ขอยกตัวอย่างไว้ตรงนี้เลยคือ Mirage/Attrage ขับปกติยังหนวกหู
แก้ได้มั้ย: ได้ แดมพ์รอบคัน+ยางคอมฟอร์ตดีๆ ช่วยได้ระดับหนึ่ง ขับสบายขึ้น 1 เปลาะ
1.2 เสียงเวลาเร่งเครื่อง โหยหวนมากโดยเฉพาะ CVT ที่รอบค้างยาวๆ แก้ได้มั้ย: ไม่ได้ครับ แถมถ้าเค้นมากๆ ก็หนวกหูต่อเนื่อง
1.3 เสียงเครื่องยนต์ทางไกล ตรงนี้คันไหน CVT อาจจะโชคดีหน่อย ขับราวๆ 120 รอบแค่ 2,000 ต้นๆ เงียบสบายดีครับ
2. เรื่องสมรรถนะ อันนี้บอกตรงๆ ว่าแก้ไม่ได้ครับ ถ้าคุณใจเย็นพอจะขับได้ไม่เกิน 110 ไม่เน้นแซง เน้นหลบ
Eco Car ไปได้ทุกที่ทุกคันแบบชิลๆ ยิ่ง Swift/Ciaz ที่นิ่งกว่าชาวบ้านนี่ โอเคเลยนะ ขับทางไกล
แต่ถ้าชอบเร่ง ชอบเค้น จะเอาชนะให้ได้ทุกคัน แค่ Vigo 2.5 I/C คุณแซงมันให้รอดก่อนเถอะ
ขับสองเลนสวนนอกจากแซงรถใหญ่แล้ว ที่เหลือก็วิ่งตามเป็นลูกเป็ดล่ะครับ ในขณะที่พวก 2.0+ กดหนีสบายๆ
3. เรื่องความนุ่มนวลในการโดยสาร แก้ได้แค่ไม่กี่ส่วน
3.1 เบาะนั่งไม่สบาย วัสดุราคาถูก และไม่โอบกระชับผู้ขับเท่าที่ควร (เผลอๆ ดันกบาลอีก)
3.2 ความแคบ ยิ่งช่วงท้ายห้องโดยสารบางรุ่น อย่าให้พูดเลย
3.3 ช่วงล่างที่มีข้อจำกัด รถเล็กท้ายสั้นยิ่งหนัก เลี้ยวทีนี่เหมือนขับเจ็ทสกี มีโคลงมีเมามีเมื่อยกันไวกว่ารถใหญ่แน่ๆ
ขับทางไกลรถเล็กต้องพักบ่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผมขับ X-Trail ลงใต้นี่คือ พักกินข้าว พักเข้าห้องน้ำ เฉลี่ย 250 กม./พักที
แต่ถ้าขับ March หรือกระบะวีโก้เกียร์ธรรมดา 1 ชั่วโมงครึ่งครับ มันเหนื่อย เมื่อย
4. เรื่องความปลอดภัย แก้ได้ที่ตัวคุณครับ ใจเย็นเท่านั้น ต่อให้ทำช่วงล่างมันก็มีขีดจำกัดตัวรถอยู่ดี
เพราะน้ำหนักเบา และโครงสร้างไม่ได้ออกแบบไว้รองรับแรงปะทะมากมาย โดยเฉพาะกับรถสูง
ถึงโครงสร้างห้องโดยสารจะแข็งแรง แต่หน้ารถท้ายรถ ผมบอกได้เลย ห่วยทุกรุ่น ถึงแม้อาจจะมี MZ2 ที่ดีกว่านิดก็เถอะ
และสุดท้าย เรื่องอัตราประหยัด Eco Car ขับเกิน 120 อย่าหวังตัวเลขโฆษณาครับ มันจะเหลือราวๆ 14 กม./ลิตร เป็นอย่างมาก
อย่างซวยคือเหยียบ 140 March ผม กินน้ำมันเท่า 1.5 เกือบทุกตัว และกินกว่า City/Jazz แน่นอน ลองมาหลายทริปแล้ว
-
ไม่นับเรื่องกำลังเครื่องยนต์นะ มีผลแต่ไม่มาก
ความผ่อนคลายจากการนั่งขับยาวๆ
การดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน สู้รถใหญ่ไม่ได้ครับ
อาจต้องหยุดพักยืดเส้นยืดสายมากกว่าปกตินิดหน่อย
ส่วนปัจจัยเสริมอื่น คนขับ Eco Car และเก๋ง Bsegment
โดยมากนิยมขับหวานเย็นในเลนขวา
สร้างความลำบากให้รถที่ขับเร็วกว่า
หรือแม้จะขับอยู่เลนกลาง ซ้าย ก็เจอรถใหญ่กว่าไล่กดดันทั้งๆ ที่ไม่ได้แช่ขวา
-
เคยขับมาร์ชขึ้นล่องกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขับแล้วเหนื่อยกว่ารถใหญ่ครับ ขับทางไกล 110 - 120 สบายๆก็จริง แต่มันจะเครียดตรงบังคับควบคุมครับ รถเล็กมันหวิวๆ ต้องเกรงมือบังคับพวงมาลัย ใช้สมาธิมากกว่ารถใหญ่กว่าครับ
-
ต่างกันเรื่องความสบายละครับ เร่งแซงได้ทันใจกว่า แต่ผมสงสัยว่าพวกขับ120++ เขาจะรีบไปเยี่ยมใครหรอครับ คุณรีบก็ควรจะออกจากบ้านให้เร็วหน่อย ถนนสาธารณะนะครับไม่ใช่สนามแข่ง คุณตายไม่มีใครว่าแต่อย่าเอาเพื่อนร่วมทางไปเสี่ยงด้วยสิครับ
-
สะเทือนตูดมากกว่า ล้ามาก
กทม-ภูเก็ต
กทม-เขาหลัก
ระนอง ชุมพร
ลองมาหลายอย่าง. วีออส สวิฟท์ FD 3sky commuter city
ขากลับ ดำน้ำมาก็เหนื่อย ไม่ กล้าเอารถเล็กไปเลย
commuter นี่ดีหน่อยเพราะ ไม่ได้ขับเอง
;D ;D ;D
-
เหตุผลทางจิตใจครับ
-
ผมใช้ almera MT มา 3 ปีกว่า ขับขึ้นลงเขาบ่อย ทางที่เคยขับไกลสุดก็มี เชียงใหม่-อุดรธานี เชียงใหม่-ขอนแก่น ขอนแก่น-น่าน เชียงใหม่-พัทยา
มันก็ขับได้นะ ไปเรื่อยๆของมันตามสไตล์เครื่อง 1.2 ecocar แถมประหยัดน้ำมันดีด้วย แต่อย่างที่หลายๆท่านว่าครับ ถ้ามันจะเหนื่อย ก็เหนื่อยตอนเร่งแซง หรือตอนไต่ขึ้นทางชัน ที่ต้องเค้นเหนื่อยหน่อย ซึ่งถ้าไม่ใช่พวกเหยียบมิด ขับไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก มันก็ไปได้ครับ ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้น :-* :-* :-*
-
ตัวรถ Eco Car มันวิ่งไปได้ทั่วประเทศล่ะครับ
เพียงแต่รถ Segment อื่นมันสามารถพาคุณไปได้ด้วยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่มากกว่า
-
มันก็เหตุผลเหมือนกับถนนเมืองไทยไม่ดี ต้องซื้อรถกระบะหรือรถยกสูงอออกต่างจังหวัดแหละครับ
-
มันก็วิ่งได้ตราบที่ยังไม่เสียนั่นแหละ
เอาประเด็นวิ่งทางไกลอย่างเดียวนะ
แต่การใช้งาน รถใหญ่ช่วงล่างนิ่งๆ กับรถเล็ก เบาหวิว
คือที่ความเร็วระดับหนึ่ง ความเครียดมันต่างกันครับ
ใช้งานจริงๆ ความมั่นใจมันต่างกันอย่างสัมผัสได้ครับ
ใครที่ใช้งานรถเล็กๆ แล้วลองขับรถใหญ่ๆ หนักขึ้น แรงขึ้นดูครับ
ฟิลลิ่งคนละเรื่องจริงๆ
ส่วนใช้ในเมืองค่อยๆ คลาน อันนี้สัมผัสยาก
-
รถอะไรมันก็ขับด้วยทั่วไทยทั้งนั้นละไม่มีอะไรหรอกเขาวิจัยมาแล้วแต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ
1. รถใหญ่กว่านั่งสบายกว่า
2. ขับขี่รถที่เครื่องยนต์ใหญ่กว่า ซีซีมากกว่าแรงม้ามากกว่า สบายและไม่เครียด
3.รถใหญ่กว่าการสะเทือนน้อยกว่านิ่มกว่า สบายกว่า
4. การทรงตัวยามเดินทางยาว ๆ ดีกว่า
5. ความปลอดภัยของโครงสร้างรถมีมากกว่า
6.การสึกหรอของรถเล็กมีสูงกว่ารถใหญ่ ข้อนี้ปฏิเสธไม่ได้
-
ถ้าวิ่งแค่ 100-200 โลก็ไม่เท่าไหร่หรอก ไปได้สบายๆ
แต่ถ้าวิ่ง 400 โล ++ นี่ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากขับ eco car ไปเลย (รวมถึง B seg ด้วย)
ปัญหาไม่ใช่เครื่องยนต์ แต่เป็นช่วงล่าง
บอกตรงๆว่าไข่ชาและล้ามากๆจากช่วงล่าง
-
ที่บอกว่าไม่เหมาะน่าจะเกิดจากความคิดคนขับเองมากกว่าครับ ทางใกล้ ทางไกล ถ้าเรารู้ว่าขับรถอะไร ผมว่ามันก็เหมาะหมดครับ แต่ถ้ารถดีเลย แต่คนขับไม่มีสติ แค่ทางใกล้ผมว่าไปไม่รอดครับ
ปล. ผมว่ามันจะเมื่อยกว่าครับ เพราะรถ ECO เบาะมันจะแคบไปนิดไม่ใหญ่เหมือนรถรุ่นใหญ่ๆ
-
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคำตอบจากเพื่อนๆสมาชิกครับ ได้อ่านแล้ว พอได้เข้าใจลักษณะของรถ Eco cars มากขึ้น ทั้งข้อจำกัดของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และ ปัจจัยจากผู้ขับเอง
สำคัญสุด คือ วินัย และการเคารพกฎ เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
-
ช่วงล่างร่อนเวลาขับทางไกล รถใหญ่วิ่งผ่านมีส่ายเหมือนจะถูกดูดเข้าไปหา อัตราเร่งอืดแซงไม่ค่อยขึ้นเว้นแต่คุณขับซ้ายแล้ววิ่งยาวไม่อัดแข่งกับคนอื่น รถพ่วกนี้อัตราตีนต้นดีเลยเกียร์ 1-3 มันพุ่งเหมาะกับใช้งานในเมือง 0-80 ยังรับได้ แต่ 80-120 เหนื่อย และในขณะที่รถวิ่งอยู่ 120 ถ้าคุณจะเหยียบให้ขึ้นกว่านั้นเพื่อแซงรถข้างๆที่เครื่องใหญ่กว่าบอกเลยว่าตบไฟเลี้ยวซ้ายเข้าหลังเขาไปเถอะ อ้างอิงจากเคยขับมาร์ชเกียร์ธรรมดาและอัลมีร่าเกียร์ออโต้ครับ นี่ยังไม่พูดถึงความคับแคบนะครับ
สรุปว่าขับทางไกลได้ถ้าคุณยอมรับที่ว่าได้ก็จบ แต่เหนื่อยต้องลุ้นต้องมีเสียวเรื่อยๆผิดกับรถใหญ่กว่ามันนิ่งกว่าเยอะพุ่งไปอย่างนุ่มๆ แน่นอนว่าส่งผลให้รถเล็กความปลอดภัยในการเดินท่างไกลย่อมน้อยกว่ารถใหญ่ครับ
+1 ครับ เวลาจะแซงนี่ต้องเผื่อเยอะ เสียวไปหน่อยครับ
-
ในเมืองยังต่างเลยครับ บางจังหวะ
จริงๆ อีโคคาร์วัตถุประสงค์เค้าค่อนข้างจะชัดเจนแต่แรกแล้วว่าทำมาเพื่ออะไร
-
ผมก็ขับ nisan march ไปเที่ยวมาหลายที่เเล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคับ อย่าใจร้อนเพราะเครื่องมันเล็ก สะพานมอญ ภูทับเบิก ก็ลองขับมาเเล้วก็ไปได้สบาย วิ่ง100-140 เเล้วเเต่สภาพถนน
-
ผมมีวีออส 1.5e auto แต่งแม็ก ยาง สปริง ช็อคอัฟ สรุปแต่งช่วงล่างมาหมด ใช้มา6ปีแล้ว กับพึ่งซื้อ crvมาใหม่ ขอเทียบคือ เวลาเดินทางไกล vios คล่องตัวกว่ามาก สาดเขา สาดโค้ง มันกว่า crv เยอะ แต่มันตึงตัง หาความสบายไม่ได้ ยิ่งใส่คน ใส่ของ เต็มรถ เหนื่อยครับ ไปเที่ยวน่าน เชียงใหม่ เชียงราย เค้นหนัก เครื่องครางดังเลย ลงรถนี่เหนื่อยเอาเรื่อง แต่ถ้าเป็น crv มันต่างกันตรงที่ว่ามันนิ่งกว่า สบายกว่าเครื่องครางน้อยกว่า ลงรถมามันไม่ค่อยเหนื่อยยังสบายๆ สรุปทุกวันนี้ ผมใช้ vios ไปส่งลูกที่โรงเรียน จอดง่าย คล่องตัว แต่ถ้าเดินทางไกล ขับแต่ crv อย่างเดียว พับเบาะปูผ้าให้ลูกนอนยาวได้สบาย มันดีคนละแบบครับ แต่ถ้าเราไม่ยึดติด รถอะไรก็ไปถึงจุดหมายได้หมด ที่สำคัญซื้อรถให้เหมาะกับกำลังทรัพย์ของเราจะดีที่สุด
-
ลองคน 5 คน + สัมภาระ แล้วขึ้นเขาช่วงโรงปูนสระบุรีสิ รู้เรื่อง
-
อยู่ที่พฤติกรรมครับ
ถ้าหัวใจเรซซิ่งวิ่งขวาตลอด ก็สงสารรถเหมือนกัน เวลาโดนเจ้าถนนจี้ตูด
หัวใจแม่น้ำ เล่นนั่ง 4-5คน แถมขนของเพียบ ขึ้นเนิน-เขาก็มีหวิวเหมือนกัน
ถ้าคนๆนั้นมีทั้งสองบุคลิคหล่ะ....... :( :(
-
นั่งนานๆแล้วเหนื่อยอะ ยิ่งถนน ตจว บางเส้นมันไม่เรียบ ขับไปก็กระเทือนทั้งคันรถ กว่าจะถึงที่หมายล้าไปทั้งตัว
ถ้านั่งรถใหญ่เก็บแรงสะเทือนได้เยอะกว่า เหนื่อย ล้า น้อยกว่า
-
ขึ้นอยู่กับจริตของผู้ขับจริงๆครับ เอา Spec มากาง ECO car กำลังน้อยกว่า ความสบายน้อยกว่า เก็บเสียงแย่กว่า และอีกมากมาย
จริงๆมันไปได้หมดถ้าอยากไป แต่อยากไปแบบตามใจนึก หรือต้องคอยลุ้นเร่งแซงละ
ถ้าเคยนั่ง Eco car แบบคนเต็มคันรถละก็ นรกๆชัดเลยสำหรับผม ตึงตัง อึดอัด เสียงเข้าด้านข้างตลอด รู้สึกหวิวๆ แต่มันก็ถึงที่หมายเหมือนกัน
เหมือนเราซื้อความสบายกับการขับขี่ Eco car อาจไม่ตอบโจทย์ ยกตัวอย่างเช่นผม เคยชินกับการขับรถ เครื่อง 1.8 หรือ 2.0
อุปนิสัยการขับ ถ้าไปขับ Eco car หรือ B-seg ไม่ไหวแน่นอนครับ
-
อีโคคาร์เครื่อง 1200cc ไปได้ทุกที่แหละครับ ขึ้นดอยได้ ผมยังเคยเห็นสวิฟท์ขึ้นห้วยคอกหมูเลย
เขานั่งกัน 5คน ผมเอาฟอร์จูนเนอร์ไป เขาก็ยังขึ้นได้ ทางชัน ลูกรัง หินลอย ผมขับตามเขาตลอด ก็ไม่มีปัญหา
ส่วนตัวผมมีสวิฟท์คันนึง เคยเอาไปเที่ยวกาญจน์ ระยอง และอื่นๆ ความเร็วยืนพื้นแบบที่รถไม่เหนื่อยมันอยู่ที่ 80-100
แต่เวลาออกตจว.ส่วนใหญ่จะยืนพื้นที่ 110-120 กันส่วนใหญ่ ซึ่งรอบจะสูง รถจะดูเหนื่อยๆ ยิ่งช่วงเร่งแซงแล้ว
ต้องกดมิดคันเร่งเพื่อเค้นแรงบิดเอามาแซงรถให้ขาด แต่ถ้าเครื่องใหญ่กว่านี้หน่อย ไม่ต้องเค้นมากขนาดนี้
และที่สำคัญคือรถน้ำหนักเบา การควบคุมตัวรถค่อนข้างยากที่ความเร็วสูง เพราะรถจะร่อน ยิ่งเจอแรงลมปะทะ
เนื่องจากการแซง หรือลมตามธรรมชาติ รถจะเป๋ๆนิดๆ ซึ่งรวมๆแล้วค่อนข้างอันตรายกว่ารถใหญ่
ถ้าเผื่อออกตจว.จริงๆต้องเพิ่มหน้ายางให้กว้างขึ้น เปลี่ยนช่วงล่างใหม่ให้เกาะมากขึ้น ก็จะช่วยได้
แต่พอมาวิ่งในเมืองจะรู้สึกตึงตังขึ้นมาบ้าง
โดยรวม ECO CAR ออกแบบมาเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก เดินทางชานเมืองความเร็ว 80-100 ได้สบายๆ
แต่ออกตจว.ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ก็ออกได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นด้วย
-
รถแต่ละรุ่น มันก็มีจุดประสงค์หลักๆ ของมันอยู่
รถเล็กส่วนมากก็เน้นใช้ในเมือง ก็คงสู้รถใหญ่ๆ ที่เหมาะกับการวิ่งไกลๆ เร็วๆ ไม่ได้ แต่ถามมันไปได้ไหม แม่มไปได้หมดล่ะครับ
เหมือนกัน เอารถใหญ่ๆ ขับในเมืองก็คงไม่สะดวกเท่ากับรถเล็กๆ แน่นอนนะ แต่วิ่งได้ไหม ก็ได้ไง
อย่าคิดเยอะครับ 555
-
เมื่อยี่สิบปีก่อน ผมเคยขับโตโยต้่า ไมตี้เอ็กซ์ บางช่วงคนขับรถบรรทุก (โตโยต้า ไดน่า6ล้อ ) เขาลาออก ผมก็ช่วยขับส่งของให้โรงงานไป ตจว บ้าง
เมื่อเทียบกับ ECO CAR ปัจจุบัน ผมขับได้สบายมาก ไม่มีปัญหาใดๆครับ เร่งแซงได้ดีกว่ารถที่ผมเคยขับมากๆครับ
-
เอาจริงๆไปได้ทั่วไทยหมด แต่ไปท่องเที่ยวบรรทุกคน+สัมภาระ สงสารเครื่องยนต์และช่วงล่าง
ช่วงล่าง เครื่องยนต์CCน้อย การเร่งแซง น้ำหนักตัวรถ เหนื่อยล้าครับ
-
เรื่อง คิดไปเองล้วนๆ
-
Bodyเล็ก
1.2L
เบา
ล้อ14-15
ช่วงล่าง
ขับทางไกลๆ ยาวๆ เร็ว มีเหนื่อย ลุ้น ตื่นเต้น ตลอด พวงลัยเร็ว
เสียงเวลาขับเร็วมันจะรู้สึกเร็ว แรง แต่ถ้าขับd seg จะรู้สึกเฉยๆ และมั่นใจกว่า
-
เครื่องเล็กเร่งไม่ดี จังหวะแซงไม่ได้ เวลาฉุกเฉินมันก็สำคัญนะพวกเครื่องแรงๆ
ภายในแคบ นั่งทางไกลไม่สบายครับ นี่ยังไม่นับวัสดุและความใหญ่ของเบาะ ไหนจะเลกรูมและเฮดรูม
การเก็บเสียงและช่วงล่าง ช่วงล่างย้วยๆขับร้อยก็น่ากลัวละ ไม่มั่นใจครับ จิตตก
ไหนจะเรื่องความปลอดภัยอีก เวลาชนขึ้นมาหนักอยู่ครับ รถเล็กบางหน้าสั้น ไม่อยากจะคิดเลย
ไปหนะมันไปได้ครับ แต่สำหรับผมถ้าให้เลือก ขอรถใหญ่ๆไว้ก่อน
-
- ปกติจะขับ C Segment ทำงานต่างจังหวัด
- มีอยู่เดือน เอา Eco ของแฟนไปใช้ เหนื่อยครับ กระบะแม่งชอบไล่ เหมือนเห็น Eco กูต้องแซง อะไรประมาณนั้น
- ทั้งๆที่ขับก็เร็วพอๆกับตอนขับ C Segment
-
กรุงเทพ เชียงใหม่
ทั้ง Jazz GE และ Camry HB 2.5 ปี 2012 ทั้งคู่
ขับ 7 ชั่วโมง ทั้งคู่ ลองกดที่ความเร็วสูงๆ 170 สะเทือนไม่ต่างเลยครับ 5555 แต่ต่ำกว่านั้น Camry ได้เปรียบ นิ่งและหนักกว่า ไม่รู้สิไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างขนาดน้้น
คือไม่เหนื่อยทั้งคู่ แต่ยังไงรถใหญ่ก็ได้เปรียบในเรื่องความสบายละ ช่วงล่างมันจะเทือนน้อยกว่า รถไม่ปลิว กำลังเครื่องดี ประมาณนี้แล แต่อย่าได้สนใจเลยครับ เอาตามกำลังทรัพย์เราแหละ ใช้รถที่เหมาะกับตัวเรา ไปเรื่อยๆ รถอะไรก็ไปได้
แต่ผมกลับชอบไอ้แก่ G7 ล้อ 15 ยางอ้วนๆ นุ่มดี แต่.....พวงมาลัย กากมาก (หมุนไปนี่ล้อรถยังอยู่ปะวะ หวิวมาก) เอาไว้ขับเรื่อยๆ สบายก้น
-
จริงๆไม่น่ามีนะครับ รถเล็กใหญ่ ก็วิ่งไปไหนได้เหมือนกัน อาจจะต่างกันเรื่องความสบาย ผมขับรถอะไรก็ตาม เหนื่อยก็พัก ก็จอด เท่านั้นเอง ค่อยๆไปครับ รถใหญ่กว่า รีบๆไป ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยกว่า อยู่ที่คนขับล้วนๆ
-
คุณภาพก็ตามราคาละครับ
ก็เหมือนราเม็งชั้นเลิศกับต้มมาม่าซองละ 5 บาท กินก็อิ่มเหมือนกัน แต่ก็นั้นละ
-
ขับเครื่อง 1500/1800/2000/2400cc
ขับไกลๆ เครื่องใหญ่ๆ สบายกว่าจริงๆ
เร่งง่าย พวงมาลัย+เครื่องยนต์ สั่นน้อยๆ เลยทำให้เราสบายกว่า
-
รถใหญ่กว่าก็สบายกว่าแหละครับ ตอนขับสามห่วงนี่เหนื่อยมากเครียดมากไหนจะเบาะเตี้ย แคบ อัตราเร่งก็พอๆกับ Eco car หรือด้อยกว่าซะด้วยซ้ำ เวลาจะแซงทีต้องคิดเยอะๆเผื่อเวลาเยอะๆจะให้ตามรถบรรทุกตลอดทางขับ 60 ก็ใช่ที่ ยิ่งเดินทางไกลต้องไปหลายคน นั่งกันหลายคนสัมภาระก็มากคน+ของน้ำหนักก็มาก พอเป็นอย่างนี้บ่อยๆมันจะล้าจะเครียดสะสมทำให้เหนื่อย ไอ้เรื่องไปหนะไปได้ทั่วไทยนั่นแหละแต่มันเหนื่อยมันล้าพอถึงที่หมายก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว
พอเป็นกระบะ 4 ประตูหรือ PPV นี่สบายกว่ากันเยอะเลยเครียดน้อยกว่ากันเยอะ คนนั่งก็สบายคนขับก็สบาย
-
- ปกติจะขับ C Segment ทำงานต่างจังหวัด
- มีอยู่เดือน เอา Eco ของแฟนไปใช้ เหนื่อยครับ กระบะแม่งชอบไล่ เหมือนเห็น Eco กูต้องแซง อะไรประมาณนั้น
- ทั้งๆที่ขับก็เร็วพอๆกับตอนขับ C Segment
ชอบ ข้อ2 มันรู้ทำไมโดนประจำ พอขับกระบะความเร็วเท่ากัน แม่มไม่เห็นจะไล่เลย
เข้าเรื่อง
ไม่เหมาะทางไกล ดูแล้วก็จะมีแต่เรื่องความเมื่อยล้า อย่างเดียวละครับ จะแซงก็ชิฟเกียร์ลงรอ ดันเข็มให้ได้เกิน 3500 รอเลย
ที่เหลือก็วัดดวงแล้วละครับ ขับรถแบบบ้านเรา เหมือนต้องพกดวงมากกว่า ขับ 80 รถมันยังข้ามเลนมาชนได้
แรงม้าแค่นี้เหลือเฟือแล้ว กระบะ20 ปีที่แล้วยังวิ่ง กทม เชียงราย สบายๆ เลย รถหนักกว่าแรงน้อยกว่า eco บางคันอีก
-
ผมใช้รถ อัลมีร่า เป็นหลัก ขับขาละ 300 กม. บ่อยๆ
ที่เหลือก็ วีโก้ 4x4 บ้าง อีสุ แค๊บ116 ม้า บ้าง
พบว่าไม่ต่างกันเท่าไร
แต่เบื่อพวกชอบจี้ท้ายกดดันเวลาเราออกขวา เพื่อแซง
ก็รถกำลังน้อย แซงนานเป็นเรื่องปกติ ท่านจะจี้ท้ายกันทำไม พอมาขับวีโก้ ก็แซงเหมือนกัน ไม่ได้เร็วกว่าเท่าไรเลย พวกท่านทำไมไม่จี้ ??
-
ขับเครื่อง 1500/1800/2000/2400cc
ขับไกลๆ เครื่องใหญ่ๆ สบายกว่าจริงๆ
เร่งง่าย พวงมาลัย+เครื่องยนต์ สั่นน้อยๆ เลยทำให้เราสบายกว่า
+1 อีกเสียงครับ ;D
-
อีโก้ของคนไทยชอบดูถูกรถขนาดเล็กกว่าว่าต้องไม่ไหว.......สมัยรุ่นปู่รุ่นพ่อรถแรงม้าอัตราเร่งแซงน้อยกว่านี้มากก็ไปกันได้ทั่วประเทศข้ามพรมแดนไปบุกเบิกสร้างเขื่นสร้างหมู่บ้านบนดอยสูงมาหมด แต่มายุคนี้ดัดจริตรถเล็กขับทางไกลไม่ได้กันแล้ว :P
-
ส่วนตัวผมไม่เน้นขนาดเครื่องแต่ขอขนาดรถครับ ช่วงนี้ผมต้องขับไป-กลับ ขอนแก่น กรุงเทพ 450++ ทุกอาทิตย์ครับ ผมเอา BT50Pro 4Dr ลงเมื่อยน้อยกว่า Altis รุ่นก่อน ปี2010 ครับ ลองหลายรอบแล้วครับ ถึงจะกระเด้งกว่า อาจเพราะผมตัวใหญ่ ยังไม่ได้ลอง Ecocar ครับ แฟนผมชอบที่มองทางได้ไกลด้วยครับ ช่วยกันดู ความเห็นผม เดินทางไกลบ้านเราผมเน้นขนาดรถด้วยครับ สามอาทิตย์ก่อนผมเอา Fortuner โฉมก่อนเข้ากรุง แถวโคราช รถกระบะขนผักทำล้อหลุดข้ามเลน ล้อชนเข้าหน้ารถผม หม้อน้ำหม้อแอร์แตกครับ ถ้าเป็นรถเล็กอาจกระแทกเข้ากระจกเจ็บหนักครับ เพราะมุมสูงประมาณกระจกรถเล็กครับ เมื่อวานนี้ขับกลับขอนแก่นเจอท่อนไม้ที่รถอ้อยชอบเอามากั้นอ้อยด้านข้างหล่นกลางถนน ผมว่ามันใหญ่พอทำให้รถเล็กเป็นอันตรายได้ครับ ใหนจะเศษยางรถสิบล้อที่ชอบแตกเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วอยู่บนถนนอีก ซากหมาอีก ผมว่าขับทางไกลบ้านเราไม่ใช่ดูแค่ขนาดเครื่องครับ ต้องดูว่าจะลุยอุปสรรครอบด้านให้ปลอดภัยยังไงด้วย 555 ผมขอรถใหญ่หน่อยและช่วงล่างดีพอลุยอุปสรรคได้ครับ ผมรอ CX5 Miner อยู่แต่ก็ยังเอนไป PPV อยู่เลยครับ แต่ตอนนี้ทางไกลผม BT50Pro ครับ Fortuner ประกันยังซ่อมไม่เสร็จ 555 (ตอนคู่กรณีที่เป็นรถขนผักมาเจอหน้าผม ไม่ได้ถามเลยว่ารถเป็นยังไง คนเป็นยังไงบ้าง คำถามแรก รถทะเบียนอะไรแล้วป้าแกก็รีบบอกทะเบียนรถเค้า พร้อมบอกว่า ออกแน่ งวดนี้ จดไว้เลย 555 เค้าบอกช่วงผักราคาแพงเค้าส่งรอบเดียวก็ได้ค่าซ่อมรถให้เราแล้ว 555 เล่นขนที 2-3ตัน)
-
อีโก้ของคนไทยชอบดูถูกรถขนาดเล็กกว่าว่าต้องไม่ไหว.......สมัยรุ่นปู่รุ่นพ่อรถแรงม้าอัตราเร่งแซงน้อยกว่านี้มากก็ไปกันได้ทั่วประเทศข้ามพรมแดนไปบุกเบิกสร้างเขื่นสร้างหมู่บ้านบนดอยสูงมาหมด แต่มายุคนี้ดัดจริตรถเล็กขับทางไกลไม่ได้กันแล้ว :P
ดังนั้น คำว่า Eco car ไม่เหมาะ กับ ขับ ทางไกล
คือ มัน คือ การเอาไป เปรียบกับ รถใหญ่กว่า มันไม่ใช่เหตุผล ว่าเหมาะ หรือไม่เลย 55555
เหมือน
ขับ มอไซด์ ไม่เหมาะกับ ขับทางไกล เพราะ เจอฝน ลม ไม่สบาย เมื่ย ก้น
ขับ เก๋ง ไม่เหมาะ ลุย ทางวิบาก เพราะ มันจะติด
ขับ Eco car ไม่เหมาะ เพราะ มันไม่สบาย ? ไม่แรง ? อะยังไง 55555
สำหรับผม ขับรถ ไม่เกิน 110 km/hr ค่าเฉลี่ย ตลอด ระยะทางคือ 80 km/hr
คันไหนๆ ก็คือกัน เพราะผมไม่ชอบแซง
แต่ทุกวันนี้ ขับ Vigo MT ไปได้ทั่วประเทศ เข้าเมื่องรถติดก็เมื่อยขา ตามสภาพ
-
คำว่าไม่เหมาะ แฟนเค้าก็คงไม่ได้หมายถึงไปไม่ได้ คือไปได้ แต่ไม่สบายเท่า
เดินทางไกลใช้ความเร็วสูงนานๆ มันเกร็ง มันเหนื่อยกว่าแค่นั้นแหละครับ
ถ้าบรรทุกเยอะ แล้วทางสองเลนต้องแซง ต้องขึ้นเขาก็เหนื่อยกว่านิดๆ
ซึ่งคำว่าไม่เหมาะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่สุดท้ายแล้วไปได้หมดแหละครับ ขอให้เป้นทางหลวงปกติ ลาดยาง เทคอนกรีตเถอะ
-
ความเมื่อยล้าครับ และยิ่งเมื่อยก็จะเครียด
-
ถ้าต้องขึ้นเขา เจอถนนแบบสวนทาง ไงก็เหนื่อย กว่าจะแซงได้แต่ละคัน ต้องกะระยะดีๆ ต้องดูจังหวะรถ
สรุปคือ เหนื่อยครับ
-
จากที่อ่านๆ มา
คำตอบ ที่ดีที่สุด น่าจะ เห็นร่วมกันคือ
มันเหนื่อยกว่า เพราะ เร่งแซงไม่ทันใจ ช่วงล่างที่ไม่ค่อยสบาย
แต่ถ้า คนเรื่อยๆ สาย ฟรุ้งฟริ้งนี้ ไม่มีปัญหา
-
ผมก็ใช้อยู่ครับ น้องอัลเมร่า 1.2 VL cvt ผมว่าพอขับไกลๆความรู้สึกส่วนตัว ว่าประหยัดกว่านะครับ วิ่งไกลได้มั๊ยได้อยู่นะครับ แต่ถ้าเร็วมากไปก็กินน้ำมันจริงนั่นละครับ ส่วนตัวผมก็เป็นคนขับรถเร็ว มีรถอีกคันที่ชอบมากทำไว้ซิ่ง พอมาขับน้องอัลใหม่ๆก็ไม่ค่อยชินตอนนี้รู้จังหวะรถ ศึกษา เกียร์ cvt อยู่พอควรทำให้รู้ว่าถ้าอยากให้นิ่งกว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนโช๊ค แต่ยืนยันว่าขับทางไกลได้ครับ การเร่งแซงอยู่ที่ทักษะแต่ละคน ยิ่งคนที่เคยใช้รถแรงๆ 4g63t ม้าหลายร้อยตัวมาอย่างผม ก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน ทุกวันนี้ใช้ขับไปทำงาน ไปกลับ แถวอารีย์ - บางบัวทอง มาเป็นปีล่ะ ก็โอเครดี เคยไป ตจว. บอกเลยเวลาสิบล้อรถพ่วง วิ่งผ่าน มีโคลงเคลงชัดเจนเหมือนมันเบาจริงๆนั่นละ แต่สำหรับคนที่อยากได้รถใช้งานซักคันวิ่ง ตจว.ได้ ไม่ต้องมาพึ่งทักษะอะไรมากมาย ไม่ต้องเลี้ยงรอบเกิน 2 พันรอบเพื่อกาประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องมานั่งศึกษานิสัย เกียร์ cvt ผมว่าซื้อรถ พวก city car 1.5 ขึ้นไปเถอะครับ ขับไปไหนต่อไหนสบายใจกว่า แต่ถ้าถามว่าเหมาะขับทางไกลมั๊ย ผมก็ขับมาตลอดน่ะ ความเร็วเฉลียในการเดินทางของคนไทย ก็ เฉลี่ย 120 k/h อยู่แล้ว ซึ่ง เจ้า Eco cars ก็สามารถทำความเร็วนี้ได้โดยรอบอยู่ที่ 2 พันกว่าๆเท่านั้น(น้องอัลน่ะ) ปัญหาคง จะมีแต่เร่งแซง เหมือนที่ท่านอื่นๆบอกนั่นล่ะ ยิ่่งช่วงที่มีพวกรถพ่วงขับอยู่ข้างหน้าแล้วต้องเร่งแซง นี่ล่ะคือสิ่งที่หลายๆท่านอาจจะสื่อถึง เพราะกว่าจะแซงขึ้นไปพ้น กำลังรถน้อย + รถที่สวนมาวิ่งเร็ว ปัญหาแซงไม่พ้นน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง สำหรับผมก็ไม่ใช่ปัญหามากนักเพราะพอจะรู้นิสัยรถทุกอย่างแล้ว ถ้าจะออกแซงก็ต้องดูดีๆกะจังหวะ
-
เครื่องเล็กแรงน้อย เมื่อใช้ความเร็วสูงระดับ 120-130 รอบเครื่องจะสูงมาก อาจจะ 3000-3500
เนื่องจากอัตราทดเฟืองท้ายสูง ทำให้เสียงดัง และฮีท ง่าย หรืออาจสั่นได้ เป็นการทรมาณเครื่อง และอายุการใช้งานเครื่องโดยแท้ จะพาลกินน้ำมันด้วยซ้ำ
รถเตรื่องใหญ่ๆ ความเร็ว 120 รอบเครื่อง 2000-2500 เอง จึงมีช่วงรอบเครื่องเหลือเหือต่อการแซง หรือ ไต่ความเร็ว
-
คนที่ว่าไม่เหมาะน่าจะเป็นคนที่ขับรถเร็วนะครับ รถ eco car เขาออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมัน ดังนั้นจะให้วิ่งปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วเร่งแซงฉับไวมันคงตรงกันข้าม แต่ถ้าขับความเร็วปกติ รู้ความสามารถรถตัวเองก็ไม่มีปัญหา เครื่องเล็กๆสมัยนี้มีกำลังตั้ง 80 90 แรงม้า บางคันล่อไป 100 แรงม้า เหลือเฟือแล้ว
ปัญหาอย่างนึงของเมืองไทยคือคนขับรถขับกันเร็วไปและมีพาหนะความเร็วต่างกันมากใช้ทางร่วมกันพอเกิดอะไรขึ้นก็เลยเบรคไม่ทัน เคยอ่านวิจัยของเมืองนอกว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นน้อยลงได้หากรถบนถนนวิ่งด้วยความเร็วเท่าๆกันตามๆกันไป มาขับรถกันให้ช้าลงเถอะครับโดยเฉพาะในเขตเมืองสัก 50 60 ก็พอ ไม่ใช่ล่อไป 70 80 นอกเมืองก็ 110 120 ก็พอไม่ใช้ 130 140 สภาพถนนเมืองไทยกับผู้ร่วมใช้ทางมันไม่เหมาะจะขับเร็วกันนะครับ
ปล คนมักบ่นกันว่าคนขับรถเมืองไทยไม่มีวินัย ซึ่งมันเกิดจากความไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถ้าจับปรับจริงจังนี่รับรองมีวินัยแน่ ไม่ใช่มาออกข่าวว่าจะเข้มงวดช่วงวันนั้นถึงวันนี้ มันคืออะไร???? เห็นตอนไปขับกันที่เมืองนอกนี่ขับกับเรียบร้อยเพราะกลัวตำรวจจับ :-X
เห็นด้วยครับ เรื่องการกวดขันจับกุม น่าจะมีวิธีที่ไม่ต้องใช้คนมาช่วยด้วย น่าจะได้ผลมากขึ้นนะครับ
(แอบคิดว่าถ้ารัฐ ไม่มีเงินลงทุน ให้สัมปทานเอกชนจัดการเลยจะดีไหม)
ส่วนท่านใดรักความเร็วเกินนี้ (120) ก็ต้องเสี่ยงเอาครับ
เห็นด้วยเลยครับ สภาพถนนเมืองไทยผมค่อนข้างเสียดายรถเลย ผิวถนนไม่ได้ดีขนาดนั้น ส่วนตัว วิ่ง ตจว. ก็ไม่เกิน 120
110 กำลังทรงตัว และถ้าขับช้าไม่แช่ขวาให้เดือดร้อนคนอื่นครับ
-
กำลังเครื่องยนต์ไหวอยู่แล้ว
แต่รถเดิมๆมันก็เบาครับ เข้าใกล้รถทัวร์รถสิบล้อทีนี้ แทบจะโดนดูด
-
เหตุผลไม่มีเลยครับ แค่ตอนนี้รถกลุ่มอีโคคาร์มันมีอัตราเร่งน้อยที่สุดในตลาดรถปัจจุบันนี้แค่นั้นเองครับ ไปได้ทุกที่ที่ถนนลาดยางไปถึง ความเร็ว100-120 ก็เพียงพอต่อถนนบ้านเราแล้ว จะเร่งแซงก็กดคันเร่งเยอะกว่าเครื่องใหญ่กว่าแค่นั้นเอง นอกซะจากเป็นคนเท้าหนักมากจริงๆ ชอบอัตราเร่งที่ปรู้ดปร้าด คงต้องเลือกรถ2.0ขึ้น หรือแรงม้า170+แล้วละครับ
-
ผมเช่าขับตลอด ต้องเดินทางไปทำงาน ตจว ลงเครื่องบิน เช่ารถตลอดง
ใช้มาทั้ง 1.2 1.3 1.5 1.6 1.8
1.2 คือว่า ไม่ไหวจริงๆ ถ้าต้องขับทางไกล ยกเว้น almera ที่พอมี ปุ่ม รีดความแรงขึ้นมาบ้างเวลาแซง อ้อ Ciaz ไม่แรงเท่าไร นะครับ แต่ บอดี้ช่วยส่งพอสมควรนะครับ รถนิ่งทางไกลใช้ได้นะครับ
ส่วน 1.5 ผม ให้ Vios ละกันนะครับ city ก็ โอ ครับ
ส่วน 1.6 ขึ้นไป ใช้ไปเถอะครับ ใช้ได้ ถ้าวิ่งทางไกล
-
สำหรับผม คันเล็กนั่งแล้วเมื่อย เหยียบไม่ตามเท้า แค่นั้นแหละ
-
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่า ก่อนหน้าที่จะใช้ ECO CAR ใช้รถอะไรมา มากกว่า ถ้าดีกว่าเดิมก็สบายเลยครับ
ส่วนตัว อาจจะเคยขับแต่รถใหญ่ๆ เครื่องใหญ่ๆ เล็กสุดที่ใช้จริงจังก็ ดีเซล 2000turbo พอขับ Ecocar ก็รู้สึกอึดอัด ขับแค่ชานเมือง ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ เร่งแซงก็ไม่ดี อืด ช่วงล่าง ห่วย ขับ 100 ก็เกร็งจะแย่ กับเจ้าของรถที่ ขับ eco car ไปได้หมด เที่ยวหลายร้อยโลก็ไปได้ ก็ไม่เห็นบ่นอะไร