Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ พฤษภาคม 03, 2016, 09:56:29
-
:'( :'( :'( ตามนั้นเลยครับ ผมว่าตอนนี้รถ Hybrid มันแทบจะเหลือจุดดีอะไรแล้ว อ่านกระทู้ต่างๆเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการดูแลรถ ที่เราซื้อมาใช้ แต่ความจริงๆที่ได้ข้อมูลมามีแต่เรื่องน่ากลัวไปหมดแทบไม่ได้ข้อมูลในเชิงที่เป็นประโยชน์ใน การดูแลรถ ใช้รถพวกนี้อีกเลย ถ้าท่านใดมีข้อมูลดีๆก็ขอความอนุเคราะห์หน่อยนะครับ
-
:'( :'( :'( ตามนั้นเลยครับ ผมว่าตอนนี้รถ Hybrid มันแทบจะเหลือจุดดีอะไรแล้ว อ่านกระทู้ต่างๆเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการดูแลรถ ที่เราซื้อมาใช้ แต่ความจริงๆที่ได้ข้อมูลมามีแต่เรื่องน่ากลัวไปหมดแทบไม่ได้ข้อมูลในเชิงที่เป็นประโยชน์ใน การดูแลรถ ใช้รถพวกนี้อีกเลย ถ้าท่านใดมีข้อมูลดีๆก็ขอความอนุเคราะห์หน่อยนะครับ
คือผมมองว่ารถคันนึง ใช้เต็มที่ไม่เกิน 10 ปี
ก็หมดสภาพแล้ว
ถ้าผมใช้รถคันนึง ก็คงจะใช้ไปจนครบ 10 ปี แล้วก็ปล่อยออกไป โดดยไม่สนใจราคาขายต่อของมัน
แต่ถ้าอยากเปลี่ยนรถ ก็ต้องปล่อยตอนรถอายุไม่เกิน4-5ปี
ซึ่งแบบนี้ ใช้รถที่ไม่ใช่ไฮบริดจะเหมาะกว่า
แต่ถ้าใช้ไฮบริด ก็ต้องใช้จนครบ10ปีไปเลย
เพราะเรื่องการบำรุงรักษา นอกจากแบตลูกเล็ก ที่จะแพงกว่ารถปกติ
นอกนั้นก็เมือนรถปกติ
(ไม่นับแบตลูกใหญ่ที่อายุ10ปีนะครับ เพราะถ้าครบ 10 ปี รถก็หมดสภาพอยู่ดี)
-
เทคโนโลยีใหม่ ต้นทุนอุปกรณ์เลยยังแพง มันเลยเป็นข้อด้อยของรถไฮบริจ ณ ตอนนี้
-
มันอยู่ที่ว่า ใช้นานแค่ไหน ใช้แล้วเจออะไรเสียเมื่อไหร่
ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า ของบางอย่างอยู่นานๆกว่าจะเสื่อมจะเสีย อาจจะมีแจ๊กพอตสำหรับบางคัน
เช่นระบบเบรคของรถไฮบริด หลายคนที่ใช้คงยังไม่เสีย แต่ไอ้คนที่เจอแล้วต้องจ่าย อาจจะรู้สึกเงินหลายๆหมื่นนี่ไม่คุ้มละ
เวลาซื้อรถมันก็เลยเป็นเรื่องที่ต้องหาความพอใจของเราให้เจอ ว่าเราพอใจจะจ่ายส่วนที่แตกต่างเหล่านี้ไหม แบบนี้เขาถึงเรียกว่าศึกษาก่อนซื้อครับ
เรื่องราคาตก อันนี้มันคงเลี่ยงไม่ได้ คนซื้อรถมือสองราคาห้าแสนคงไม่อยากจ่ายเงินซ่อมแสนนึงกับของที่มีอายุราวๆสิบปีหรอกครับ
-
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเสีย
แต่ที่ต้องเจอแน่ๆคือตอนขาย
ขนาดผมไม่คาดหวังในเรื่องราคาขายต่อ
แต่พอจะขายขึ้นมาราคาที่โดนกดทำเอาเซ็งเลยล่ะครับ
ไหนๆก็ซื้อมาแล้วครับ
ปล่อยยังไงก็เจ็บหนัก
ใช้ให้มันสุดๆไปเลยครับ
วิ่งเยอะๆเที่ยวเยอะๆ
ให้ตัวรถสร้างความทรงจำดีๆไว้เยอะๆ
เวลาเสียที่ต้องซ่อมแพงๆ
หรือตอนขายโดนกดต่ำๆ
จะได้รู้สึกว่าเราได้ใช้รถคันนี้
เพื่อความสุขมามากแล้วคุ้มแล้วน่ะครับ
-
ตอนที่เขาคุยกันเขาคุยด้านเดียวครับ คือบบอกข้อเสียไม่ได้บอกข้อดี
กลับกันถ้าเราลองมาคุยข้อดีไม่ดูข้อเสียบางสิ เราจะเห็นคุณงามความดีของมัน TOYOTA ตอนเปิดตัวไฮบริดช่วงแรก ๆ ก็จะบอกในโบรชัวร์ข้อดีและัความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ด้านลูกค้าพอใช้ไปก็จะบอกข้อเสียที่เจอมาหรือเขาเล่ามา
ปล ผมไม่เคยใช้ไฮบริดน่ะครับเห็นแต่อะไหล่นำเข้ามาจากจีนของที่บริษัท ดูราคาแล้วไม่เอาดีกว่า นึกถึงตอนซ่อมคงไม่ไหว กับก่อนนี้ผมซ่อมรรถ ที่ TBS ศูนย์ใหญ่ของ TOYOTA บ่อย ๆ เห็นรถเข้ามาเปลี่ยนแบตไฮบริดกันทุกครั้งที่ไปใช้บริการที่นั่น ลูกละ 1 แสนต้น ๆ นะครับไม่รวมค่าอย่างอื่น ๆ
-
เรื่องราคาตก อันนี้มันคงเลี่ยงไม่ได้ คนซื้อรถมือสองราคาห้าแสนคงไม่อยากจ่ายเงินซ่อมแสนนึงกับของที่มีอายุราวๆสิบปีหรอกครับ
อันนี้เห็นด้วยกับคุณ Jae คนซื้อมือ 2 เขามีประมาณราคางบในการซื้อและซ่อมไว้แล้ว ไม่มีใครอยากจ่ายค่าซ่อมราว 20-30% ของราคารถแน่นอนไหนจะค่าอย่างอื่นอีก
อย่างพรีอุสขายกันที่ 6 แสน + - กับอายุงานใกล้ 5 ปี ถ้าใช้ไปอีก 5 ปี ต้องจ่ายเงินอีก 1.5 แสนเป็นค่าซ่อมเปลียนอะไหล่อื่น ๆ รวมถึงแบตไฮบริด ผมว่าราคามือ 2 แบบนี้ผมผมก็ไม่ซื้อ เพรราะยังถือว่าแพงเกินไปแลกกับเอารถมาใช้ 5 ปีต้องซ่อมราคานั้น
-
มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียแหละครับ..
ถ้าตอนนี้ซื้อมาใช้แล้ว ก้อไม่ต้องกังวลเรื่องข้อเสียที่ยังไม่เกิดจะสบายใจกว่านะครับ
ไม่งั้นจะเครียดพาลไม่อยากขับคันนี้ซะเปล่า ระวังมันน้อยใจแล้วไม่ทำงานนะครับ ฮ่าๆ
ตัวหนังสือในโซเชี่ยล เสพได้แต่อย่าเอามาทำให้มันมีผลต่อจิตใจมากเกินไปครับ (อันนี้ทุกเรื่องนะครับ ไม่เฉพาะกระทู้นี้)
-
เห็นด้วยว่าไม่ควรวิตกจริตเกินไปครับ ข้อดีข้อเสียเรื่องธรรมดา รถไฮบริดก็ใช้ได้ปกติดี อัตราเร่งแรงใช้ได้ ประหยัดดีซะอีก
เพียงแต่ว่ารถปกติบ้านผมอาจลากใช้ได้ 10 ปี+ แต่รถไฮบริดก็วางแผนจะปล่อยก่อน 10 ปีเท่านั้นเอง
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
-
ข้อดีรถไฮบริดมีเยอะแยะครับ แรง ประหยัด เงียบ ผมขับแล้วสนุกมากนะครับ ขอแค่เอารถเข้าศูนย์ตรงเวลาและเป็นคนไม่ได้ใช้รถนานเกิน 5 ปี
จะเวิคสุดๆผมให้เต็มที่ไม่เกิน 7 ครับเพราะแบตเตอรี่ เสื่อมและพังเพราะความร้อน บ้านเราร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันดูจะเป็นแบบรถเรื่องมากเลือกคนที่
จะซื้อมาใช้มากไปเลยไม่เหมาะกับบ้านเราที่ใช้รถนานๆแต่ผมว่าเดี๋ยวนี้คนไทยใช้รถสั้นลงแล้วนะครับระยะเวลา ตอนที่มันเริ่มเข้ามาตอนแรกๆ
alphard hybrid อะครับเป็นคนทำไฮบริดเสียชื่อในไทยค่อนข้างเยอะเพราะความรู้ในการบำรุงรักษาไม่มีแบบสำหรับประเทศเรา รถรุ่นนั้นนำ
เข้าโดยผู้นำเข้าอิสระครับ ไปยึดข้อมูลในการบำรุงรักษาอากาศแบบญี่ปุ่น ซึ่งต่างกะเรามาก ผลที่ออกมาก้นั่นล่ะครับพังกันเละเทะ พอเป็น
camry hybrid ตัวเก่าก้ยังมีพังกันบ้างอยู่แต่ไม่เยอะแต่ prius นี่ผมว่าโอเคนะปกติเลยไม่ค่อยมีข่าวอะไร แต่นั่นล่ะครับอะไรที่ทำให้คนคิดไป
แล้วเปลี่ยนยากละครับ ผมว่ามันไม่หายไปจากตลาดบ้านเราง่ายๆหรอกครับเพียงแต่ว่ายอดก้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ camry accord hv ยอดก้ไป
ได้เรื่อยๆบางเดือนตัวเลขโอเคเลยครับ แถมมี x trail ที่ราคาถูกยิ่งยอดโอเคเลยครับ แต่คงจะอยู่กับกลุ่มรถ luxury หน่อยขึ้นไปถึงรถแพ
งมากๆเท่านั้นครับ ผมล่ะอยากเห็นยอด C350e ตอนนี้จริงๆเพราะเท่าที่ดูแล้วเยอะแยะครับ วิธีดูแลของผมๆก้ทำเหมือนรถทุกคันในบ้านผมนะ
ครับ เข้าศูนย์ให้ตรงเวลา +-ไม่เกิน 500 โล ใช้ของดีเท่าที่เราจะหาข้อมูลได้ อะไรที่มองว่าสำคัญเปลี่ยนก่อนเวลาได้เปลี่ยนไปครับ อย่างเช่น
กรองอากาศ ประเทศเราสกปรกมากๆๆๆๆนะครับ กรองรถรุ่นใหม่ๆชอบให้เปลี่ยนทุก 20000-40000 โลแต่ผมเปลี่ยนทุก 10000 ครับ
สบายใจ แค่นี้อะครับไม่มีอะไรหลังจากนั้นก้เอามันไปขับให้เต็มที่เลย มันก้เหมือนรถเบนซินธรรมดาแค่นั้นแต่แรงดีครับ
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
ผมก็ แสนโล ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าเบรคครับ
เปลี่ยนแต่หัวเทียน กับ แบตลูกเล็ก
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
ผมก็ แสนโล ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าเบรคครับ
เปลี่ยนแต่หัวเทียน กับ แบตลูกเล็ก
วีออผม 140,000 ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเลยครับ เข้าศูย์เช็คระยะไปก็ไม่เห็นเขาว่าอะไร งงเหมือนกัน
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
ไฮบริดประหยัดผ้าเบรคครับ เพราะมันใช้มอเตอร์หน่วงช่วยด้วย
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
altis ผมก็เกือบแสนโล ก็ไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรกเหมือนกัน
ผ้าเบรก toyota จะแข็งหน่อย แต่ใช้ได้นานมาก
รถ hybrid ยิ่งใช้ผ้าเบรกน้อยกว่ารถธรรมดาอีก
-
เคยใช้ Camry HB กะ Prius ชอบเรื่อง Performance ของมันนะครับ แต่ต่อไปนี้ถ้าให้ซื้อะไรที่มันเป็น HB อีกคงไม่เอาแล้วละครับ
หลักๆ ค่าเรื่องราคาตก อัตราการเสื่อมสภาพของระบบ HB กับ เรื่องการบำรุงรักษา
ที่บางคนบอกว่าไม่ต่างจากรถปกติ ต่างแค่เปลี่ยนแบตลูกใหญ่ อันนี้ไม่จริงนะครับ ต่างกันเยอะเลยละ เพราะ HB นี่คือมันมีชุดกำเนิดพลังงานอีกชุดเลยนะครับ สำหรับผม แบตผมไม่กังวลเท่าไร เพราะมันไม่ซับซ้อนอะไร แต่ส่วนที่น่ากังวลคือ ระบบไฟฟ้า ระบบกำเนิดไฟฟ้าทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับ HB อะครับ
-
ถ้าระบบไฮบริดเสียแล้วประเมินว่าแพงซ่อมไม่คุ้ม เราจะถอดระบบนี้ออกได้มั๊ยครับจะเหมือนรถปกติทั่วไปรึเปล่า
-
อย่าไปใส่ใจมากครับ เอา Fact เรื่องกานบำรุงรักษาพอ ข้อมูลในเน็ทใครที่ไหนมาพิมพ์ก็ได้ ข้อมูลจากสื่อก็เช่นกัน สื่อต้องกินข้าวต้องการเงินครับ ยังไงก็เอียง
รถเราขับได้ดี มีความสุขที่ได้ใช้ก็พอละครับ
-
ผมใช้พรีอุส ข้อดีมันก็เยอะครับ การขับขี่ก็ไม่เลว
ผมขับมาแสนกว่าโลไม่เคยมีอะไรเสียเลย แม้แต่ผ้าเบรคกับกบตลูกเล็กยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ
แต่ข้อเสียจะว่าไปมันก็มีแค่สองเรื่อง คืออะไหล่แพง กับราคาขายต่อตกมาก
เรื่องอะไหล่แพงตอนนี้ผมใช้มา 3 ปีกว่าวิ่งไปแสนกว่าโล ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา (ยกเว้นแบต) ก็อ่วมครับ
สมมุติแอร์เสียซ่อมแสนนึง แต่มูลค่ารถปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสน ผมมองว่ามันไม่คุ้มเลยครับ
(วันก่อนเอาไปเข้าศูนย์ เลยให้ sure มาตีราคาเล่นๆ บอกรับไม่เกิน 4 แสน นี่ขนาดเป็นโตโยต้าด้วยกันเองนะครับ)
ตอนนี้ก็วางแผนขายแล้วครับถ้าใช้ยาวกว่านี้ขายไม่ออกแน่ เพราะรถผมวิ่งเยอะด้วย
แสนโล ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเหรอครับ แปลกใจตรงนี้
ตอนนี้ใกล้หมดแล้วครับ เหลือ 3 มิล จริงๆ ตอนเข้าศูนย์รอบล่าสุดน่าจะเปลี่ยนไปเลยแต่พอดีช่างมาแจ้งตอนรถเสร็จแล้วก็เลยยังไม่ได้ทำครับ
คันเก่าผมใช้ civic เบรคหมดทุก 4 หมื่นโล พอมาใช้คันนี้ก็แปลกใจเหมือนกันทำไมใช้ได้นานจัง แต่คันเก่าผมขับโหดแล้วก็ไม่ได้ใช้ผ้าเบรคศูนย์ด้วยครับ
พอขับไฮบริดก็สงบเสงี่ยมขับช้าลงกว่าเดิมครับ
-
ที่บ้านตัดสินใจซื้อรถไฮบริดครั้งแรกยอมรับส่วนนึงว่าเพราะออปชั่นครับ Executive lounge มันมีเฉพาะตัว Alphard Hybrid กับ 3.5
ก่อนซื้อก็ดูข้อมูลอะไหล่ไว้บ้างแล้วพวกระบบ Inverter ช่างไทยซ่อมได้หมดแล้วครับเซลล์แบดก็เปลี่ยนเฉพาะเซลล์ที่เสียได้ต่อไปผมว่ามันง่าย
ขึ้นเยอะและราคาค่าซ่อมก็ถูกลงมากครับตามจำนวนรถที่ออกกันมากขึ้นช่างเองก็เรียนรู้ปรับตัวตามอะไหล่ทางฝั่งญี่ปุ่นก็เยอะมากที่นั้นใช้กันเยอะ
และจริงๆถ้าดูตามราคาออปชั่นสูงสุดเท่ากันที่ญี่ปุ่นตัวไฮบริดแพงสุดแพงกว่า 3.5 อีกพอมาคิดๆดูดีมันมีเหตุผลอยู่เอาจริงๆไฮบริดวิ่งดีมากครับ
เคยลอง Camry hybrid ตัวปัจจุบันก็ขับดีแบบเกินคาดไปพอสมควรพอมาในอัลฟาร์ทยิ่งเปลี่ยนความคิดไปเยอะมันเงียบมากขับเหมือนรถเก๋งเลยตัวใหม่
(ถ้าราคาในไทย 3.5 ราคาเท่ากันคิดหนักอยู่ครับแต่นี่ไม่ต้องคิดเจอภาษีไปแพงกว่าเยอะในออปชั่นเท่ากันสลับกับที่ญี่ปุ่น)
เรื่องที่ต้องเจอถ้าใช้ยาวๆก็มีที่แน่ๆแบตลูกเล็กอันนี้ผมว่าอย่าไปใส่ใจครับรถอะไรแบตก็เสียทั้งนั้น
อีกตัวก็แบตลูกใหญ่เสื่อมอันนี้อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าเดี๋ยวนี้ช่างไทยซ่อมได้แล้วหรือจะเปลี่ยนทั้งตัวถึงเวลานั้นมีตัวเลือกเพิ่มแน่ครับ
ระบบ inverter ตัวนี้ซ่อมได้ในราคา 3-4 หมื่นเท่าที่ตามๆมาและในรุ่นไฮบริดยุคปัจจุบันไม่เปราะเหมือนอัลฟาร์ทตัวเก่าแล้วครับยาวๆได้
มอเตอร์อันนี้ไม่ต้องห่วงน่าจะอยู่ได้จนรถหมดสภาพด้วยซ้ำเป็นมอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวรครับถ้าเรียกไม่ผิดนะคือมันทนทานตลอดอายุการใช้งานรถ
เคยเห็น prius ตัวแรกฝรั่งใช้น่าจะ 13 ปี+ แบตกับรถยังใช้ได้ปกติเซลล์แบตมีเสื่อมไปบ้างที่ใช้ได้นานขนาดนั้นส่วนนึงน่าจะเพราะสภาพอากาศแบตอยู่ในที่เย็นเกิดความร้อนน้อยก็เสื่อมยากกว่า
สรุปส่วนที่ต้องทำใจหน่อยก็เรื่องราคาขายต่อครับแต่ถึงตรงนั้นอีก 5 ปีได้สำหรับผมตอนนั้นคนอาจจะยอมรับได้และเห็นถึงข้อดีราคาอาจจะไม่ได้หล่นจากตัวปกติมากนัก
-
ถ้าระบบไฮบริดเสียแล้วประเมินว่าแพงซ่อมไม่คุ้ม เราจะถอดระบบนี้ออกได้มั๊ยครับจะเหมือนรถปกติทั่วไปรึเปล่า
พรีอุสรู้สึกขับได้ปกตินะครับแต่กินน้ำมันขึ้นเพราะระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน รอผู้รู้มาเฉลยต่อ
-
ทำใจให้สบายเถอะครับ เรื่องอะไหล่แพง ราคาขายต่อตก ผมก็ทำใจรับสภาพไว้แล้ว อย่าลืมว่าเครื่องสันดาปปกติ ก็เริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน แหล่งพลังงานหลักอย่างน้ำมัน ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีวันหมดไปจากโลกนี้อยู่ดี นี่จึงเป็นที่มาของรถไฮบริด ไฟฟ้า รวมไปถึงไฮโดรเจน เพราะผู้ผลิตรถยนต์ไม่ได้นิ่งนอนใจนั่นเอง
จริงอยู่ครับ ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่มันโหดเอาเรื่อง แต่ถ้าวันใดวันนึง เราไม่มีทางเลือกกับเครื่องสันดาป ซึ่งรวมไปถึงพวกดาวน์ไซส์ซิ่ง (ผลผลิตจากช่วงน้ำมันแพง และสต๊อกน้ำมันดิบที่เริ่มร่อยหรอทีละนิด) สุดท้าย ผู้ผลิตก็จะมัดมือชกเราเองครับ ส่วนอะไหล่และการซ่อมบำรุงอาจถูกลงกว่าเดิมก็ได้ ถ้าวันที่เครื่องยนต์สันดาปไม่เหลือในโลกอีกต่อไป มาถึง
อย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า ยิ่งมีระบบไฟฟ้าข้องแวะมากเท่าไหร่ มันก็แพงขึ้นตามนั้นล่ะครับ ดูรถยุโรปเป็นตัวอย่าง พวกออพชั่นไฮเทค หรูหรา ที่มันไปเกี่ยวข้องกับระบบไฟ ลองมันเสียที ค่าซ่อมหายห่วง ไม่ต้องมีไฮบรงไฮบริดไฮโดรเจนด้วยซ้ำ ส่วนราคาขายต่อร่วงแรง ก็ทำนองเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า เกมคอนโซล แลปท้อป มือถือนั่นแหละ ราคารูดกราว บางทีต้องขายซากไปเลยก็มี รถเองก็เช่นกัน แต่มันมีวิธีคงสภาพจากการเปลี่ยนมือ คือส่วนไหนเปลี่ยนได้ ซ่อมได้ ก็อาจจะอยู่ในข่ายที่ผู้บริโภครับได้เองแหละครับ เพราะเวลานั้นคนคงไม่อยากจะทิ้งขวางรถยนต์กันง่ายๆ อีกแล้ว :)
-
ปล่อยว่างครับรถซื้อมาใช้ ไงมันก็มีเสื่่อมมีเสียทุกคันไม่ใช่แค่ ไฮบริท
คนไทยชอบดูดวงครับ
บางคน ดู แล้ว เอามาคิด เครียดกว่าเดิม
บางคน ดู แล้ว เตือนตัวเองไม่ให้ทำข้อผิดพลาด
-
รถผม prius minorchange '12 ใช้มา 3 ปีครึ่ง กับ 53,000 กม. ไม่เคยมีอะไรเสียเลยครับ แบตลูกเล็กไม่เคยเปลี่ยน ผ้าเบรค ก็ยังเหลืออีกเยอะเลย อะไหล่พวกกรองอากาศ กรองแอร์ก็หาเทียบได้ราคาไม่แพง ส่วนตัวคุมระบบไฟฟ้า inverter ถ้าเอาเข้าศูนย์ไปอัพ firmware ใหม่ ทาง toyota ก็รับประกันเพิ่มจากเดิม 3ปี หรือ 100,000 กม. เป็น 15 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ถามผมๆว่าไม่น่ากลัวนะ อาจเพราะตัวไมเนอร์มันแก้ปัญหาของรุ่นก่อนไปหมดแล้ว แถมประหยัด 20กม./ลิตร แต่ใจตอนนี้อยากได้ focus 1.5 ecoboost มากๆ ^^
-
ซื้อมาแล้ว อย่าไปคิดมากครับ ใช้ให้คุ้ม มีความสุขกับมันครับ :D :D ;) ;) ;)
-
ยุคต่อไปคงเป็นไฟฟ้าล้วนๆ เพราะเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่ดีขึ้น แต่น่าจะยังหลายปี คิดว่าไฮบริดคงอยู่ได้อีกระยะ แต่น่าจะเป็นพวก plug-in hybrid มากกว่า เพราะรถใหม่ๆประหยัดน้ำมันมากแล้วโดยไม่จำเป็นต้องมี hybrid ให้ยุ่งยาก บาง part ก็น่าจะแชร์กับรุ่น plug-in ได้ ไม่น่าห่วงนะ
ถ้าใช้ mirai สิน่าห่วง คิดว่าไม่รุ่ง
-
ถ้าใช้รถคันนี้แล้วมีความสุขก็เป็นความคุ้มอย่างนึงนะครับ ซื้อมาแล้วอย่าคิดมากครับ ทำใจให้สบายแล้วใช้ไปอย่างมีความสุขเถอะครับ