Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MacH1 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 16:31:55

หัวข้อ: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 16:31:55
จากที่เห็นเทคโนโลยี Fuel cell ตามหลัง EV มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ Toyota ยังหัวทิ่มลงทุนกับ Fuel cell และตลาดรถขนาดใหญ่อย่าง Murica และ จีน  (e.g.  BYD) มีแนวโน้มไปทาง EV มากกว่า  คิดว่า Toyota จะพังเจ๊งเหมือน Kodak ไหมคับ  ผมดูแล้วแนวเรื่องมันจะจบเหมือนพวก Consumer electronics ของพวก Jap  ที่ตอนนี้เอาตัวแทบไม่รอด

ปล. อีกอย่างทำไม พวก Mirai , Prius ถึงต้องดีไซน์ให้โคตรน่าเกลียดสุดๆ 
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: unseen ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 16:39:03
ผมว่าไม่หรอก ปกติโตโยต้าก็ไม่ได้ผลิตรถออกมาดีเหนือคู่เเข่งเท่าไร  อยู่กลางๆมากกว่า เน้นทน

ยังไงพี่โตก็คงขายรถได้เรื่อยๆนั่นเเหละ


หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 16:44:22
ดูจากยอดขายทั่วโลกหลายปีที่ผ่านมา ผมว่า ยังอยู่ได้อีกนาน  :P :P :P
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 16:49:22

 Ivy  นี่ท่าทาง ไม่ค่อยชอบ JAP  Car เท่าไหร่อะครับ

จริงๆ EV  ของ Toyota เค้าก็ ทำมาก่อนใครพวก จนขายดิบขายดี ใน ตลาดที่ ไม่มีการบิดเบือน ราคารถ
ส่วน  Fuel cell  เป็น เทคโนโลยี เพื่อ อนาคต เพื่อ เอาไว้ ต่อกร กับพวก มหาอำนวจ น้ำมันมากกว่าครับ

โดย ความคิดส่วนตัว
Toyota จะเอาอะไรมาเจ้ง

ในเมื่อ ทำรถได้ดี กว่าชาวบ้าน ในเรื่อง ความทนทาน และ ไร้ปัญหาจุกจิก
ไม่ใช่ แค่บ้านเราแต่ทั่วโลก
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: เต๋า AV ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:00:40
ผมมองว่าเป็นการ กระจาย  product ในแบบต่างๆมากกว่า
product หลักขายได้เยอะก็มีทุนเยอะ สามารถแตกความคิด มีทุนไปค้นคว้าวิจัย พัฒนาหรือสร้าง product ในรูปแบบต่างๆได้คับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: GoatGoat ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:03:55
ผมว่ายากครับ เอาเรื่อง Technology เครื่องยนต์ Fuel Cell ก็เป็นแค่ 1 ใน Tech ที่เค้าทำไว้เป็นทางเลือกหนึ่ง เครื่อง Hybrid โตก็มี เครื่อง Turbo ก็มี แม้แต่เครื่อง NA ลงรถบ้านผมว่าโตก็ทำได้ดี

มันอยู่ที่ว่าเค้าจะของที่มีลงตลาดไหนแค่นั้นเอง ส่วนเรื่อง Design นี่ Subjective ครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Ex_machina ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:16:03
เอ่อ toyota เขาวิจัยเรื่องรถ ev มาตั้งนานแล้วนะครับ
มีก่อนหลายยี่ห้ออีก
เขามีเทคโนโลยีนี้ในมืออยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้สนับสนุนต่อในเชิงนโยบาย
แค่นั้นเอง

ผลิตภัทณ์เขามีหลากหลายประเภท จะเจ๊งได้ไง
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Terng ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:17:57
แม้ยอดขายอันดับหนึ่งในโลก อาจจะไม่จีรังยั่งยืน อย่างเช่นที่โกดักเคยครองความยิ่งใหญ่ในอดีตจนมาพลาดท่าตกม้าตายเพราะความทะนงตัว

แต่กับโตโยต้า ที่หากคุณศึกษาอย่างลึกซึ้งจนถึงแก่นขององค์กร คุณจะพบความไม่ธรรมดาหลายๆอย่างครับ ไม่แน่ใจเคยผ่านๆหูคำว่าวิถีโตโยต้า "Toyota Way" หรือไม่ครับ? เคยได้ยินคำว่าระบบห่วงโซ่อุปทาน "Just in time" หรือ "Lean" (supply chain system) มาบ้างไหมครับ? โตโยต้าเองเป็นองค์กรที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ และเชื่ออยู่ตลอดว่า ทุกๆอย่างต้องทำให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมได้อีกไม่ว่าจะมากหรือน้อย เป็นองค์กรที่พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา โตโยต้าไม่ใช่บริษัทที่ทำรถเก่งกว่าคนอื่น แต่เป็นองค์กรที่พัฒนาตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าคนอื่นๆ ที่ผมพูดมานี่เพราะว่า ช่วงที่เรียนป.ตรี เคยได้อ่าน case study ของโตโยต้า และต้องค้นคว้าเพิ่มเติมถึงทำให้รู้ว่า บ.รถค่ายนี้มันไม่ธรรมดา ช่างแตกต่างจากรถที่พวกเขาทำขายจริงๆ ที่หลายๆคนตราหน้าว่า มันเป็นแค่รถธรรมดาๆ บ้านๆ รถตลาด

เรื่อง Fuel Cell อาจจะดูเหมือนพัฒนาตามไม่ทัน EV แต่ใช่ว่าโตโยต้าจะไม่ทำ EV ครับ อย่าลืมว่าระบบขับเคลื่อน Hybrid ซึ่งก็เป็น EV ประเภทหนึ่ง ของโตโยต้าเองไม่เป็นรองใคร และก็มีการขยายความร่วมมือไปยัง Tesla และบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์อีกมากมาย วันนี้คนอาจจะหัวเราะกับระบบ Fuel Cell เหมือนกับที่เคยหัวเราะให้กับระบบ Hybrid เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว หรือรถไฟฟ้าที่คนเคยดูถูกเอาไว้เมื่อมันเริ่มพัฒนาเมื่อกว่า 40-50 ปีก่อน ในวันที่ราคาน้ำมันถูกเหลือเกิน และโลกก็เต็มไปด้วยรถ CC ใหญ่ๆกินน้ำมันเยอะๆ

Fuel Cell เองมีข้อดีอย่างนึงคือ เมื่อเชื้อเพลิงหมดแล้วต้องเติม มันใช้เวลาไม่นานมาก ค่อนข้างใกล้เคียงกับน้ำมัน แต่รถไฟฟ้า แม้ระยะทางจะเพิ่มขึ้นๆ แต่การชาร์จยังคงมีข้อจำกัดอยู่ เช่นใช้เวลานานมากหลายชั่วโมงถ้าต้องชาร์จให้เต็ม ถ้าจะชาร์จเร่งด่วนแค่ 15-30 นาทีแม้จะได้หลาย % แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอายุแบตที่จะสั้นลง เรื่องการชาร์จยังคงต้องพัฒนากันต่อไปครับ เหมือนกับที่ Fuel cell เองก็ต้องพัฒนาเรื่องต้นทุนปั๊มที่ค่อนข้างแพงเช่นกัน

เทคโนโลยีใดๆก็ตาม ถ้าหากต้องพึ่งพาการพัฒนา infrastructure ให้รองรับก่อน มีสิทธิ์ไม่รุ่งครับ ยกตัวอย่าง e-commerce ในอดีต เคยมีคนพยายามทำ e-grocery ตั้งแต่ยุคโมเด็ม 56K และจำนวนคนใช้อินเตอร์เน็ทยังมีแค่ไม่ถึง 30% สุดท้ายก็เลยม้วนเสื่อไป 20 ปีให้หลัง e-grocery เริ่มกลับมาบูม โดยเฉพาะในยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ที่การซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ทำผ่านมือถือได้ง่ายรวดเร็ว และสดใหม่ รถไฟฟ้าหรือ Fuel cell  ก็เช่นกันครับ กว่าจะมาได้เต็มๆ คงต้องรอระบบพื้นฐานอีกนาน แต่คงไม่ใช่บ.ใด บ.หนึ่งเจ๊งแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:18:37
ก็เสี่ยงอยู่ครับ เครือข่ายมากมาย ถ้าพลาดมา ไม่เป็นที่ตอบรับ ล้มหนักแน่ๆ ส่วนจะเน้นเครื่องยนต์แบบเดิมๆถึกๆทนๆไม่ได้แล้ว ไม่ทันตลาดโลกเขา ก็เห็นปล่อยเครื่องยนต์ใหม่แข่งขันกันเรื่อยๆ ความว่ามันทน ต้องดูกว้างๆทั่วโลกเขาพูดเหมือนเราหรือเปล่า ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงเทคโนโลยี อะไรก็ขึ้นได้
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: JuLaJuP ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:18:49
ตามความเข้าใจ การที่ Kodak มีปัญหาเพราะไม่ปรับตัวเข้าสู่ตลาดใหม่
ยังคงพยายามทำตลาดแบบเดิม ในบริบทของเค้าคือพัฒนาด้านฟิล์ม และสารไวแสง
มากกว่าไม่ยอมเข้าสู่ตลาดกล้องดิจิทัลอย่างเต็มกำลัง จนเมื่อเวลาสายเกินไป

ส่วนกลุ่ม Consumer Electronic ของญี่ปุ่นที่ว่ามา เข้าใจว่าเกิดจาก
การตีตลาดด้าน เน้นราคาที่ถูกลงจาก ผู้ผลิตเอเชียอื่น อย่างเกาหลี หรือ
จีน ซึ่งเรื่องนี้ จริง ๆ ไม่เฉพาะญี่ปุ่นที่โดนก่อนหน้านี้ยังมีผู้ผลิตฝั่งยุโรป
และ อเมริกาก็เคยโดน ญี่ปุ่น แย่งตลาดมาก่อน

มาในส่วนของ Toyota ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกจะเป็นผู้นำแนวทาง
อย่างเช่นรถยนต์ Hybrid หรือในส่วนของ Fuel cell ผมกลับมองว่าเป็นทางเลือกที่ดี
แต่ในส่วนของการรองรับของสถานีบริการยังมีน้อย ส่วนสถานีบริการชาร์จไฟฟ้ามีมากกว่า
ซึ่งมีการวางโครงข่ายมาหลายปีมากแล้ว ซึ่งอันนี้มองกันในประเด็นเทคโนโลยี

แต่ถ้ามามองในส่วนของผลิตภัณฑ์เอง การออกแบบภายนอกของ Toyota ไม่ค่อย
ถูกใจใครหลายคน รถส่วนใหญ่ออกแบบมากกลาง ๆ แต่กลาง ๆ กลับขายได้เรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ข้อดีที่ยังคงรักษาไว้ได้คือความทน แต่ถ้ามองตลาดในไทย อาจจะเพิ่มเรื่อง
ออพชั่นที่สู้คู่แข่งไม่ได้ ยอดขายอาจจะตกลงไปบ้าง แต่คงไม่ถึงกับ ล้มละลายมังครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Carrera ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:19:58
ถ้าตามข่าวพี่โตโยต้าดีๆ แกไปไกลกว่า Kodak เยอะนะครับ  ถ้าในตลาดโลกผมว่าภาพลักษณ์บริษัทเค้าดีน่ะ  ถ้าไม่ไปยึดติดกับภาพลักษณ์แค่ในไทย

แล้วถ้าศึกษาเรื่องรถไฮโดรเจนของ Toyota ดีๆ มันก็คือรถ EV นี่ละครับ (ไม่เหมือน BMW  กับ Mazda ที่เล่นเอา Hydrogen มาใช้กับระบบสันดาป) แค่เปลี่ยนแบตขนาดยักษ์เป็น Hydrogen ในการผลิตไฟฟ้า มาจ่ายเข้าแบต(ขนาดเล็กกว่า) ไปใส่มอเตอร์ให้ปั่นล้อหมุนอีกที  ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งร่นระยะเวลาเติมเชื้อเพลิง (รถไฟฟ้าเติมไฟนานมาก  ขนาด Tesla Supercharger ยัง 75 นาที จาก 0-100%)  รวมถึงปัญหาการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ เมื่อใช้งานครบ circle ของมันแล้ว (แบตคือยังไงมันก็ต้องเสื่อม แต่ถ้าเป็นไฮโดรเจนแทน  แบตสำรองก้อนเล็กกว่า ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนก็ถูกกว่าแบตยักษ์แบบรถ Tesla)  เห็นว่าสุดแจกสิทธิบัตรเทคโลโลยีใน Mirai ผมว่าน่าสนใจ  น่าศึกษาข้อมูลพอดู   ::)

ถ้าจริงๆถ้าพี่โตอยากทำ EV ก็แค่ถอดถัง Hydrogen แล้วใส่แบตลงไปแทนแค่นั้น

เรื่องพื้นฐานเครื่องยนต์  แต่เดิมแกก็ดีมากๆแล้ว  เรื่อง NA ก็เห็นจับมือกับ Mazda แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกัน  ระหว่าง SkyActive กับ Hybrid ของพี่โต  ส่วนเรื่องช่วงล่างก็ร่วมกันทำรถยนต์กับ Subaru รวมถึงรถที่โครตช่วงล่างแบบ Supercar อย่าง LFA ที่เป็น Carbon Fiber ทั้งคันพี่แกก็ทำแล้ว  ล่าสุดก็ร่วมมือกันทำรถสปอร์ตกับทาง BMW อยู่ < Next Z4 , Supra >

ส่วนเรื่อง  Downsizing มีแน่ๆ ตอนนี้เห็นว่ามีเครื่องสหกรณ์ตัวใหม่ คือ 2.0 turbo ที่ใส่ในรถสารพัดรุ่น  (RX200T , RC200T , GS200T , NX200T , ) รวมถึง 1.2 เทอร์โบ ที่จะวางขายพร้อม C-HR อีก (ผมว่าตัวนี้น่าจะมาแทน 1.6)  เมืองนอกนี่เห็นว่ามี Camry 2.0 Turbo กับเค้าด้วย

เรื่องแชร์พื้นตัวถัง ทำ Global Platform เพื่อลดต้นทุน (จะได้ไปลงทุนเพิ่มส่วนอื่น เช่น ช่วงล่าง)  แบบที่VW ทำ พี่โตก็เริ่มทำแล้วใน C-HR , New Prius

ตลาดพรีเมี่ยมพี่แกก็อยู่ได้เรื่อยๆ  กระจังหน้าใหม่  ดีไซน์ใหม่ ไปได้ดีในอเมริกามากๆ  ดูจากยอดขาย NX ค่อนข้างสูงมาก (รถเค้าทำมาดีจริงๆ)  นี่ผมรอดูว่า RX จะขายดีเหมือนรุ่นน้องมัน หรือต้นตระกูลเค้าหรือเปล่า

ตอนนี้ผมว่าห่วง VW ดีกว่าครับ โดนเรื่องโกงไอเสียไป  ค่าปรับบาน กู้มาขนาดนั้น ทำแทบตายเพื่อจะโค่นพี่โต (โค่นได้แล้ว ในระยะสั้นๆ)  สุดท้ายล้มสะดุดขา กับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ดีเอาไว้ซะเอง

เทคโนโลยีเค้าไม่ล้าหลังหรอกครับ  แต่พยายามขอให้เค้า เอาสิ่งดีๆในรถรุ่นในเมืองนอก มาใส่ให้พี่ไทยได้ใช้บ้าง น่าจะดีกว่า 

"โตโยต้าจะทำรถดีๆน่ะทำได้   ทำได้ดีมากด้วย  อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่า  5555+"   ::)

ถ้าใครจำได้  ตอน Lexus LS , IS F เป็น World First 8 Speed Auto ในยุคนั้น 
มาถึงตอนนี้  Lexus Lc500 เป็น World First 10 Speed Automatic (อีกแล้ว)

ผมแปลกใจ พี่โตทำก่อน แต่ BMW  มาได้เครดิต ส่วนนึงอาจจะเพราะกั้กให้แต่ตัวท็อปของค่ายด้วย  ขณะที่ BMW ใส่มาทุกรุ่น  :-\

ตอนนี้ผมกำลังสงสัยอยู่เลย  ว่าโตโยต้าหาหนทางจะบุกตลาดจีนยังไงต่อ  คิดแล้วก็น่าสนุกดี   ::)

พูดถึงโตโยต้า EV ผมอยากขับคันนี้   555  น่าสนุก

https://www.youtube.com/watch?v=Rd0QLUL9iMA
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:31:20
ผมชอบการตั้งคำถามนี้นะ
ถึงจะแอบใส่มาม่าให้แซบขึ้น แต่สนุกดีเปนสีสัน


ส่วนคำตอบผมว่าพี่โตไม่น่าห่วง
จริงๆนอกจาก น้องมาลัย แล้วพี่โตยังมีเทคโนโลยีอื่นๆในมืออีกเยอะ
ที่จะนำไปปรับใช้ได้ คือประเด็นแต่ Fuel cell หรือEV ไม่ใช่ treat ระดับใหญ่
และเทรนด์พลังงานทางเลือกเองก็ยังไปทั้งสองทาง แต่ในเชิง passenger car นั้น ดูเหมือนจะเอียงไปทางEVชัดเจนขึ้น แต่ยังมีด้านอื่นๆที่Fuel cell ยังมีข้อได้เปรียบ ที่เราไม่ได้สัมผัส แต่ในตลาดโลกเค้ามีการขับเคลื่อนกันอยู่ ประเทศเล็กๆอย่างไทยก็ทำได้แค่รอตามน้ำไปเฉยๆ

แต่ที่ผมว่าน่าห่วงคือบริษัทอย่าง Subaru. Mazda Suzuki Alfa Romeo fiat  และอื่นๆที่ไม่ใหญ่พอที่จะรีเสิช และจุดแข็งอาจจะหายไปได้ถ้าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป อาจจะหายหรือต้องควบรวมกัน

เอาจริงๆในเชิงการค้าเค้าแข่งกันแต่ในเรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่วงการรถเค้าค่อนข้างจะร่วมมือกันนะ ยิ่งเครือ ญป กันเองนี่เหมือนจะฆ่ากันแต่จริงๆนี่ไม่มีหรอกเหลือช่องอุ้มกันเอง ไม่สามารถปล่อยให้ใครล้มๆด้ไม่งั้นจะโดมิโน่กันหมด ดูมิตซูดินิสสันมาอุ้มเฉ้ย

ยิ่งพอเปนเรื่องที่จะเปนมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ๆเค้าร่วมมือกันอยู่แล้วเพราะรู้ว่าถ้าจะทำต้องทำทั้งระบบสร้างecosystem ที่รอฃรับสิ่งใหม่ๆมันต้องร่วมมือกันไม่ใช่ฆ่ากันเองเด๋วตายหมด

อย่างที่คุณพูดส่วนนึงก็ถูกนะ จีนนี่แหละน่ากลัวจริงๆ
ทั้งขนาดตลาดและเทคโนโลยีการผลิต ทุกวันนี้ไม่ใช่ขี้ๆนะครับ
Byd ไปดูดีๆ ร่วมมือกัน Daimler benz นะครับเรื่อง EV
บริษัทลูกก็มีแตกออกมาวิจัยด้านแบตอย่างจริงจังเพราะเดิมฐานธุรกิจเค้ามาจากสายนี้
บอกได้เลย ทั้งโลกกลัวจีนขยับมาก แต่ก็ยังไม่ใช่วันนี้อันใกล้ๆ
เราก็รอกันไป ลุ้นกันสนุกๆ

หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Bluedoft ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 17:45:41
ไปดูเลยครับว่ายอดขายรถ Hybrid ทั่วโลกใครมี market share อันดับหนึ่ง ก็น่าจะได้คำตอบแล้วครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: -Brian ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:17:53
ไม่เหมือนครับ โกดักเป็นบริษํทที่ยึดติดกับอะไรเก่าๆ โลกเค้าไปดิจิตอลกันหมด แต่ตัวเองมัวงมอยู่กับอะไรเดิมๆ ก็เลยเจ๊ง

แต่โตโยต้ามีเทคโนโลยีอยู่ในมือมากมาย ทั้งHybrid ตัวเองก็เป็นเต้ยด้านนี้อยู่แล้ว
แถมตอนนี้ยังมีFuell Cell อีก ถ้าพูดกันตรงๆโตโยต้าล้ำหน้ากว่าญี่ปุ่นค่ายอื่นๆพอสมควร
แต่ที่นี่คือไทยแลนด์ ดินแดนที่เรายังไม่ได้เห็นอะไรดีๆจากโตโยต้าในเร็วๆนี้แน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: PunTam ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:25:24
ยากครับ อย่าลืมซิครับ Fuel Cell โตโยต้าใจกว้าง ยอมยกสิทธิบัตรทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริษัทรถยนต์ค่ายอื่น ทำรถประเภทเดียวกันออกมาขาย เพื่อบีบให้รัฐบาลแต่ละประเทศ ทำสาธารนูปโภคสำหรับรถพวกนี้ในทางอ้อม จากที่เห็น ฮอนด้าและนิสสันก็สนใจโครงการนี้อยู่ แต่กระแส EV ที่มาแรง ทุกคนเลยเบนไป EV โดยลืมไปว่า ในบางประเทศที่โรงงานไฟฟ้ายังพึ่งพาพลังงานปิโตรเลียมอย่างประเทศไทยนั้น ต้องใช้เชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมในการเผาไหม้ เพื่อให้ได้ไฟฟ้า และการคายไอเสียนั้น รถยนต์ EV ไม่ได้คายจริง แต่กลายเป็นผลักภาระให้โรงงานไฟฟ้า ฉะนั้น ถ้ายังมีการใช้พลังงานปิโตรเลียม ไฮโดรเจนซึ่งยังมีที่มาจากการขุดปิโตรเลียมเอง น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสำหรับบางประเทศมากกว่า EV ครับ แต่ถ้าเรามีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ EV เกิดแน่นอน ความเห็นส่วนตัวของผมมีแค่นี้ครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:34:56
ยากครับ อย่าลืมซิครับ Fuel Cell โตโยต้าใจกว้าง ยอมยกสิทธิบัตรทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริษัทรถยนต์ค่ายอื่น ทำรถประเภทเดียวกันออกมาขาย เพื่อบีบให้รัฐบาลแต่ละประเทศ ทำสาธารนูปโภคสำหรับรถพวกนี้ในทางอ้อม จากที่เห็น ฮอนด้าและนิสสันก็สนใจโครงการนี้อยู่ แต่กระแส EV ที่มาแรง ทุกคนเลยเบนไป EV โดยลืมไปว่า ในบางประเทศที่โรงงานไฟฟ้ายังพึ่งพาพลังงานปิโตรเลียมอย่างประเทศไทยนั้น ต้องใช้เชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมในการเผาไหม้ เพื่อให้ได้ไฟฟ้า และการคายไอเสียนั้น รถยนต์ EV ไม่ได้คายจริง แต่กลายเป็นผลักภาระให้โรงงานไฟฟ้า ฉะนั้น ถ้ายังมีการใช้พลังงานปิโตรเลียม ไฮโดรเจนซึ่งยังมีที่มาจากการขุดปิโตรเลียมเอง น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสำหรับบางประเทศมากกว่า EV ครับ แต่ถ้าเรามีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ EV เกิดแน่นอน ความเห็นส่วนตัวของผมมีแค่นี้ครับ

จริงๆแล้ว solar panel มาแก้ส่วนที่รถ EV ชาร์ตไฟฟ้ายังใช้ไฟฟ้าจากโรงงานครับ

ส่วนไฮโดรเจนนี้ ค่อนข้างจะไม่ practical มากๆ การบรรจุต้องใช้วัสดุแบบพิเศษอย่าง Carbon kevlar เพื่อทนแรงดันสูง ราคาสูง มันไม่ใช่ใช้ถัง lpg, ngv แล้วที่รถติดแก๊สบ้านเราใช้งานกันหรอกนะครับ นอกจากถังบรรจุในรถแล้ว ยังต้องมีสถานีบรรจุ เติม ใช้วัสดุได้มาตรฐานแบบเดียวกัน แนวๆนี้ทำให้ ผู้บริโภคยังต้องไปพึ่งพาพวก energy firm กันอยู่ดีต่างจาก EV ส่วนเรื่องความปลอดภัยในประเทศแบบเรา เอาง่ายๆ ลองคิดดูว่าเราดูแล แก๊สไฮโดรเจนได้หรือเปล่าครับ   
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: muza ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:36:23
ผมว่า EV น่าจะเกิด นะครับ
แต่ไม่สามารถทดแทน รถยนต์ธรรมดา ได้ใน 10 ปี
และเมื่อ โตโยต้า มองว่า ตลาด EV ใหญ่พอ ในการทำกำไร
พวกเค้า"มีทุน"อยู่แล้ว ไงพวกเค้าก็เข้าไปร่วมแน่ๆ
แต่ตอนนี้ ปล่อยให้ ตัวเล็กๆ ไปสู้กันเองก่อน
^^"

หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:39:04

 Ivy  นี่ท่าทาง ไม่ค่อยชอบ JAP  Car เท่าไหร่อะครับ

จริงๆ EV  ของ Toyota เค้าก็ ทำมาก่อนใครพวก จนขายดิบขายดี ใน ตลาดที่ ไม่มีการบิดเบือน ราคารถ
ส่วน  Fuel cell  เป็น เทคโนโลยี เพื่อ อนาคต เพื่อ เอาไว้ ต่อกร กับพวก มหาอำนวจ น้ำมันมากกว่าครับ

โดย ความคิดส่วนตัว
Toyota จะเอาอะไรมาเจ้ง

ในเมื่อ ทำรถได้ดี กว่าชาวบ้าน ในเรื่อง ความทนทาน และ ไร้ปัญหาจุกจิก
ไม่ใช่ แค่บ้านเราแต่ทั่วโลก

ผมเองใช้ jap imports อยู่สามคัน ไม่ใช่ติ่งยุ่นครับ ทำได้ดี ผมก็ว่าดีอย่างเช่นพวก 90s gen JZZ30, SW22, JZA70, JZA80, JZX100 ถ้าดูเห่ยแย่มากๆแบบ mirai หรือหน้ากระจางpredator ของ lexus ผมก็ติ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Abzolute ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:51:51
ผมว่าไม่มีทาง 555+ กับบริษัทที่มีหุ้นใน Isuzu บริษัทที่มีความร่วมมือกับแทบทุกบริษัทรถยนต์

ผมมองว่าเป็นเรื่องตลก เอาง่ายๆ Brand Value ยังเป็นที่ 1 ห่างจากที่ 2 อย่าง BMW พอสมควร ยอดขายก็ที่ 1

ถ้าพูดในวันที่ Toyota ดรอปลงก็พอเป็นไปได้
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Carrera ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 18:55:35
ยากครับ อย่าลืมซิครับ Fuel Cell โตโยต้าใจกว้าง ยอมยกสิทธิบัตรทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริษัทรถยนต์ค่ายอื่น ทำรถประเภทเดียวกันออกมาขาย เพื่อบีบให้รัฐบาลแต่ละประเทศ ทำสาธารนูปโภคสำหรับรถพวกนี้ในทางอ้อม จากที่เห็น ฮอนด้าและนิสสันก็สนใจโครงการนี้อยู่ แต่กระแส EV ที่มาแรง ทุกคนเลยเบนไป EV โดยลืมไปว่า ในบางประเทศที่โรงงานไฟฟ้ายังพึ่งพาพลังงานปิโตรเลียมอย่างประเทศไทยนั้น ต้องใช้เชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมในการเผาไหม้ เพื่อให้ได้ไฟฟ้า และการคายไอเสียนั้น รถยนต์ EV ไม่ได้คายจริง แต่กลายเป็นผลักภาระให้โรงงานไฟฟ้า ฉะนั้น ถ้ายังมีการใช้พลังงานปิโตรเลียม ไฮโดรเจนซึ่งยังมีที่มาจากการขุดปิโตรเลียมเอง น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันสำหรับบางประเทศมากกว่า EV ครับ แต่ถ้าเรามีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ EV เกิดแน่นอน ความเห็นส่วนตัวของผมมีแค่นี้ครับ

จริงๆแล้ว solar panel มาแก้ส่วนที่รถ EV ชาร์ตไฟฟ้ายังใช้ไฟฟ้าจากโรงงานครับ

ส่วนไฮโดรเจนนี้ ค่อนข้างจะไม่ practical มากๆ การบรรจุต้องใช้วัสดุแบบพิเศษอย่าง Carbon kevlar เพื่อทนแรงดันสูง ราคาสูง มันไม่ใช่ใช้ถัง lpg, ngv แล้วที่รถติดแก๊สบ้านเราใช้งานกันหรอกนะครับ นอกจากถังบรรจุในรถแล้ว ยังต้องมีสถานีบรรจุ เติม ใช้วัสดุได้มาตรฐานแบบเดียวกัน แนวๆนี้ทำให้ ผู้บริโภคยังต้องไปพึ่งพาพวก energy firm กันอยู่ดีต่างจาก EV ส่วนเรื่องความปลอดภัยในประเทศแบบเรา เอาง่ายๆ ลองคิดดูว่าเราดูแล แก๊สไฮโดรเจนได้หรือเปล่าครับ

Carbon Kevlar ตอนนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายกำลังช่วยกันหาวิธีลดต้นทุนการผลิตกันอยู่ครับ  เท่าที่เคยอ่านข่าวมา  อนาคตอันใกล้นี้อาจจะถูกลงมากครับ   ตอนนี้ผนึกกำลังกันหลายค่ายครับ เท่าที่เห็น BMW + Audi เป็นแนวหน้า  โตโยต้าก็หนึ่งในนั้น  ที่พึ่งทำดีลกับทางบริษัท Toray (ทำเกี่ยวกับ Carbon Fiber)

 http://www.bloomberg.com/news/articles/2014-10-09/bmw-backed-researchers-closing-in-on-cheaper-carbon-fiber

ส่วนเรื่องสถานีในบ้านเรา ก็คงต้องว่ากันต่อ  ส่วนตัวผมว่าพวกบริษัทน้ำมันตอนนี้เป็นเอกชน  บริษัทเอกชน กับความปลอดภัย  ผมว่ามันอยู่ที่ตลาดผู้ใช้มากกว่า ถ้ามันเป็นที่นิยม มากพอ หรือรถหลายๆค่ายเริ่มทำ   อาจจะมีเอกชนรายอื่นเห็นช่อง ว่ามาเปิดก่อน แล้วได้กำไร ก็เป็นไปได้ที่ของบริษัทพวกนี้จะต้องปรับตัว และลงมาแข่งขันด้วย  (เหมือนตอนปั้ม E85)  อย่างในเยอรมัน สมัยก่อน ที่เปิดตัว BMW 7 Hydrogen ก็ผลักดันให้สร้างปั้มเชื้อเพลิงไฮโดรเจนอยู่หลายปั้ม  ผมว่าต้นทุนมันคงไม่ได้สูงมากขนาดที่กลัวกัน  ในยุโรปตอนนี้ก็ยังมีอยู่

ส่วนหน้าตาพรีเดเตอร์ .... ตอนแรกผมไม่เคยรู้จักหน้าตัวพรีเดเตอร์นะ  ว่ามันหน้าตาเป็นไง  แต่ผมชอบกระจังหน้าแบบนี้แฮะ แว้บแรกผมนึกถึงพวกนาฬิกาทรายมากกว่า  และดูมีเอกลักษณ์ของตัวเองดี (คือมันดูไม่แสดงความเป็นญาติพี่น้องแบบโตโยต้าแบบสมัยก่อน)  แต่พอมาดูแล้ว มันก็เหมือนมั้ง  แต่ถ้าจะให้ไม่ชอบกระจังแบบนี้ ผมว่ามันสวยไม่ 100% เวลาติดป้ายทะเบียนมากกว่า (ปัญหาเดียวกับ Mazda)

จะรถไฟฟ้า หรือ สันดาป ผมว่าหนีวัสดุ CFRP ไม่พ้นหรอกครับ  เพราะรถไฟฟ้า อยากวิ่งได้ไกล ก็ต้องเบา  แต่เบายังไง ต้องแข็งแรงพอจะปกป้องผู้โดยสารได้  เหล็กก็หนักไป   อลูมิเนียมก็เบาไม่พอ   ผมว่าโจทก์สุดท้ายมันก็อยู่ที่ CFRP นี่ละครับ (หรือว่าค้นพบวัสดุใหม่ๆ)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 19:04:51
ขึ้นอยู่กับการปรับตัวครับ ในตอนนี้ผมยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: toffyearn ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 19:19:29
Mazda ไปทำโรตารี่ตั้งนาน ยังไม่เห็นเหมือน Kodak เลย
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 19:29:31
ส่วนตัวยังมองไม่เห็นครับ ตราบใดที่เรายังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือกระทั่งระบบ Hybrid
โดยเฉพาะในต่างประเทศเขาไม่ค่อยกลัวที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะเขาใช้กัน 5 ปีก็ทุบทิ้ง ไม่ได้กังวลการดูแลหรือการขายหลัง 5 ปีเหมือนบ้านเรา
รถที่เขารักจริงๆ ถึงจะเก็บใช้ต่อกันไป

ผมว่าพี่โต จะเป็นแบบโกดักได้ก็คือคนหันไปใช้รถไฟฟ้าที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติแบบ TESLA กันหมด (หรืออาจจะมี iCar ของ Apple และระบบขับขี่อัตโนมัติของ Google ในร่างอวตาลยี่ห้ออื่นมาร่วมแจม) จนทำให้คนไม่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหรือ Hybrid

ซึ่งถ้าพี่โตไม่เตรียม EV ไว้เลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ จริงไหมครับ

ผมว่าน้องมาลัยก็มีข้อดีอย่างที่ท่าน Terng ได้กล่าวไว้ แต่หากวันนึง EV แก้ปัญหาได้โดยการชาร์ตไร้สายบนถนนที่วิ่ง (รู้สึกจะมีต้นแบบที่อังกฤษ) ก็อาจจะได้แข่งกันอย่างสูสีกับ Fuel Cell

ซึ่งผมว่าพี่โตคงเตรียมของไว้เยอะครับ ไม่น่าห่วง  8) 8) 8) 8)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: golferjk ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 19:34:01
กำลังพัฒนาแบตแมกนีเซียมสำหรับ ev อยู่ครัชช
http://specphone.com/web/toyota-research-team-reveals-new-phone-battery-breakthrough-ditches-lithium-for-magnesium/175364
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 19:39:57
ผมว่า fuel cell ไม่เกิดนะ เทียบเทสล่ากับ mirai แค่นี้ก็ต่างกันลิบลับ
ปล. fuel cell ชนะเรื่องระยะทางที่ไปได้ไกลกว่า ถ้าให้พัฒนาแบตที่จุไฟได้มาก กับเครื่องยนต์ที่ผลิตไฟฟ้าได้เอง  fuel cell น่าจะชนะเรื่องขนาดและน้ำหนักนะ แถมเติมเร็วกว่าชาร์ตด้วย เพียงแต่รถไฟฟ้ามันมาก่อน เป็นที่นิยมก่อน กว่า fuel cell จะเป็นที่นิยมคงอีกนาน ถึงตอนนั้นอาจมีวิธีผลิตไฟฟ้าแบบใหม่แล้วก็ได้
ปล. มีคนบอกว่าอีก 10 ปีน้ำจะแพงกว่าน้ำมัน ไม่รู้เพราะขาดน้ำหรือเลิกใช้น้ำมันกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Visual ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 20:15:45
แม้ยอดขายอันดับหนึ่งในโลก อาจจะไม่จีรังยั่งยืน อย่างเช่นที่โกดักเคยครองความยิ่งใหญ่ในอดีตจนมาพลาดท่าตกม้าตายเพราะความทะนงตัว

แต่กับโตโยต้า ที่หากคุณศึกษาอย่างลึกซึ้งจนถึงแก่นขององค์กร คุณจะพบความไม่ธรรมดาหลายๆอย่างครับ ไม่แน่ใจเคยผ่านๆหูคำว่าวิถีโตโยต้า "Toyota Way" หรือไม่ครับ? เคยได้ยินคำว่าระบบห่วงโซ่อุปทาน "Just in time" หรือ "Lean" (supply chain system) มาบ้างไหมครับ? โตโยต้าเองเป็นองค์กรที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ และเชื่ออยู่ตลอดว่า ทุกๆอย่างต้องทำให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมได้อีกไม่ว่าจะมากหรือน้อย เป็นองค์กรที่พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา โตโยต้าไม่ใช่บริษัทที่ทำรถเก่งกว่าคนอื่น แต่เป็นองค์กรที่พัฒนาตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าคนอื่นๆ ที่ผมพูดมานี่เพราะว่า ช่วงที่เรียนป.ตรี เคยได้อ่าน case study ของโตโยต้า และต้องค้นคว้าเพิ่มเติมถึงทำให้รู้ว่า บ.รถค่ายนี้มันไม่ธรรมดา ช่างแตกต่างจากรถที่พวกเขาทำขายจริงๆ ที่หลายๆคนตราหน้าว่า มันเป็นแค่รถธรรมดาๆ บ้านๆ รถตลาด

เรื่อง Fuel Cell อาจจะดูเหมือนพัฒนาตามไม่ทัน EV แต่ใช่ว่าโตโยต้าจะไม่ทำ EV ครับ อย่าลืมว่าระบบขับเคลื่อน Hybrid ซึ่งก็เป็น EV ประเภทหนึ่ง ของโตโยต้าเองไม่เป็นรองใคร และก็มีการขยายความร่วมมือไปยัง Tesla และบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์อีกมากมาย วันนี้คนอาจจะหัวเราะกับระบบ Fuel Cell เหมือนกับที่เคยหัวเราะให้กับระบบ Hybrid เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว หรือรถไฟฟ้าที่คนเคยดูถูกเอาไว้เมื่อมันเริ่มพัฒนาเมื่อกว่า 40-50 ปีก่อน ในวันที่ราคาน้ำมันถูกเหลือเกิน และโลกก็เต็มไปด้วยรถ CC ใหญ่ๆกินน้ำมันเยอะๆ

Fuel Cell เองมีข้อดีอย่างนึงคือ เมื่อเชื้อเพลิงหมดแล้วต้องเติม มันใช้เวลาไม่นานมาก ค่อนข้างใกล้เคียงกับน้ำมัน แต่รถไฟฟ้า แม้ระยะทางจะเพิ่มขึ้นๆ แต่การชาร์จยังคงมีข้อจำกัดอยู่ เช่นใช้เวลานานมากหลายชั่วโมงถ้าต้องชาร์จให้เต็ม ถ้าจะชาร์จเร่งด่วนแค่ 15-30 นาทีแม้จะได้หลาย % แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอายุแบตที่จะสั้นลง เรื่องการชาร์จยังคงต้องพัฒนากันต่อไปครับ เหมือนกับที่ Fuel cell เองก็ต้องพัฒนาเรื่องต้นทุนปั๊มที่ค่อนข้างแพงเช่นกัน

เทคโนโลยีใดๆก็ตาม ถ้าหากต้องพึ่งพาการพัฒนา infrastructure ให้รองรับก่อน มีสิทธิ์ไม่รุ่งครับ ยกตัวอย่าง e-commerce ในอดีต เคยมีคนพยายามทำ e-grocery ตั้งแต่ยุคโมเด็ม 56K และจำนวนคนใช้อินเตอร์เน็ทยังมีแค่ไม่ถึง 30% สุดท้ายก็เลยม้วนเสื่อไป 20 ปีให้หลัง e-grocery เริ่มกลับมาบูม โดยเฉพาะในยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ที่การซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ทำผ่านมือถือได้ง่ายรวดเร็ว และสดใหม่ รถไฟฟ้าหรือ Fuel cell  ก็เช่นกันครับ กว่าจะมาได้เต็มๆ คงต้องรอระบบพื้นฐานอีกนาน แต่คงไม่ใช่บ.ใด บ.หนึ่งเจ๊งแน่นอนครับ

เห็นด้วยทุกบรรทัด โดยเฉพาะ
อ้างถึง
โตโยต้าไม่ใช่บริษัทที่ทำรถเก่งกว่าคนอื่น แต่เป็นองค์กรที่พัฒนาตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าคนอื่นๆ
ตอนผมเรียนเรื่อง branding ผมก็สงสัยมากว่าทำไมบริษัทรถอย่าง toyota ที่ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา ดูเป็นรองรถหลายๆค่าย แต่ทำไมถึงเป็น brand ที่เป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์เหนือ bmw และ mb ได้
พอได้ศึกษาก็พบทุกสิ่งที่คุณว่ามาเหมือนกัน

คนทั่วไปถ้ามองแค่เปลือกก็จะคิดเหมือนกับ จขกท. แหละครับ Toyota ดูอุ้ยอ้าย ค่อนข้าง conservative ไม่น่าจะตามใครทัน
แต่ถ้าได้ศึกษาองค์กรนี้อย่างจริงจังคุณจะพบว่า อีกล้านปีถ้าทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงไปหมด สัตว์หลายพันธุ์คงจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ก็คงจะมีแต่แมลงสาบและ toyota นี่แหละครับที่ยังไม่สูญพันธุ์  ::)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 20:28:44
พูดถึงโกดักผมก็นึกถึงโนเกีย คือมั่นใจในตัวเองมากไปหน่อย
ก่อนที่โตโยต้าจะเจ๊ง บริษัทที่น่าจะไปก่อนคงเป็นอิซูสุ เพราะอย่างกระบะก็เห็นหลายคนพูดกันว่าบ้านเราเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: gumbu ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 20:29:53
ผมยังสงสัยจริงๆว่าถ้า รถไฟฟ้าแบบ plug-in เกลื่อนเมือง จะเอาไฟที่ไหนมาชาร์จ โรงไฟฟ้าก็สร้างยากขึ้นทุกที ส่วนตัวผมยังมองว่า Fuel-cell น่าจะเป็นคำตอบมากกว่า
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 20:48:07
ยังอยู่ต่อได้อีกนานครับ

Fuel Cell ของ Toyota สมมติว่ามันไม่ work จริงๆ ก็แค่เจ๊งไป 1 Project ไม่ได้เจ๊งทั้งบริษัท อาจจะเสียเงินไปหลายอยู่

ดูอย่าง VW สิครับ เกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมา เค้าก็ไม่ได้เจ๊ง ที่ต้องแก้ไขก็แก้ไป ส่วนรถที่ต้องขาย ก็ขายกันต่อไป

ดูรีวิวฝรั่ง เค้าก็ยังว่ารถจากค่าย VW เป็นรถที่ดี ไม่ว่าจะตัวเบนซินหรือดีเซล
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: CJ. ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 21:03:31
ผมคิดแบบตื้นๆ ตรงไปตรงมากับคำถามและสิ่งที่เห้นนะครับ

มองแค่แบรนด์รถยนต์ ผมว่ามียี่ห้ออื่นที่น่าเจ๊งก่อน Toyota ได้เยอะเลยครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 21:25:37
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Carrera ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 21:29:34
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(

จริงๆ ก็ด่านัยๆนึงนะ  .... คือมีปัญญาทำ แต่ทำไมไม่ทำ   ยิ่งรถบางรุ่นนี่  ก็นะ   คือมีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ไม่ทำ

ผมว่าคนที่มันมีความสามารถ ทำอะไรได้ แต่ไม่ทำ มันน่าโดนด่ามากกว่า พวกทำไม่ได้ซะอีก  :P 
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 21:37:14
เป็นไปได้ยาก และอย่าไปเอาโกดักมาเปรียบเทียบไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

โกดัก นั้นไม่ตามตลาดเลยจบ ส่วนโตโยต้าอาจเรียกได้ว่ากำหนดทิศทางตลาดเลยด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือ ยังมีแฟนๆของโตฯซึ่งก็คือผู้บริโภค) ภูมิใจกับประโยคที่ว่า " โตฯทำรถดีได้แต่จะทำหรือไม่แค่นั้น"   :( :( :(

จริงๆ ก็ด่านัยๆนึงนะ  .... คือมีปัญญาทำ แต่ทำไมไม่ทำ   ยิ่งรถบางรุ่นนี่  ก็นะ   คือมีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ไม่ทำ

ผมว่าคนที่มันมีความสามารถ ทำอะไรได้ แต่ไม่ทำ มันน่าโดนด่ามากกว่า พวกทำไม่ได้ซะอีก  :P

ครับตามนั้น
 
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 21:56:31
ช่วงหลังๆนี่พูดถึงtoyotaกันบ่อยแฮะ ก่อนหน้านี้ก็สงสารtoyota อันนี้เป็นห่วงว่าจะเป็นแบบkodak

ผมว่าtoyota ไม่ล้มง่ายๆ ยังไงก็ดูรอบคอบกว่าตอนkodakนะ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 22:48:17
ผมว่าFORD GM CHEV น่าจะไปหาKodak ก่อนพี่โตอีกน่ะ
ลองรัฐบาลเมกันไม่ช่วยอุ้มซิ ฮึฮึฮึ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Anvers30 ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 22:52:54
แนวทางการบริหารจัดการของโตโยต้า ค่อนข้างสวนทางกับตัวโปรดักส์แบบบ้านๆ ที่มีวิธีคิดอันน่าทึ่ง มันสะท้อนมุมมองของชาวญี่ปุ่นในด้านของความละเอียดรอบคอบ พิธีพิถัน จนมาเป็นแม่แบบให้หลายๆ องค์กร หลากหลาย fields ต้องนำมาศึกษา ถ้ามองในมุมนี้ ยังไงโตโยต้าก็ยืนยงคงกระพันได้อีกนาน ตราบใดที่โลกนี้ยังต้องการพาหนะ ที่เรียกว่ารถยนต์

จริงอยู่ ผมเคยคิดว่า โตโยต้าดูเหมือนจะงมโข่งพัฒนา Fuel Cells จนลืมรถ EV ไปรึเปล่า และเคยพูดเหน็บๆ ในกระทู้นึงด้วยซ้ำว่า แม้แต่เลกซัสก็ยังดูพัฒนาบางอย่างเชื่องช้าเกินไป (เครื่องดาวน์ไซส์ซิ่ง นี่เห็นชัด มาทีหลังใครเพื่อน) แต่การที่เค้าบุกเบิกรถ EV / Hybrid เป็นเจ้าแรกๆ และพัฒนามาเป็น production cars ก่อนใครๆ เค้าย่อมมี first-moving advantage อยู่แล้ว และนิสัยคนญี่ปุ่น ไม่ยอมเสียตำแหน่งผู้นำด้านนั้นง่ายๆ ผู้ที่ตามหลัง โดยเฉพาะค่ายยุโรป มุ่งไปทำรถไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ก็ยังเอาแน่เอานอนในเรื่องความทนทานไม่ได้อยู่ดี เพราะโดยปกติ ระบบไฟฟ้า ที่มีในรถเดิมๆ ก็ชอบรวนเรง่ายๆ ยิ่งทำไฟฟ้าทั้งคัน จะให้มั่นใจเหรอ ว่าทำออกมาทนทานแล้ว

ถ้ามองภาพอุตสาหกรรมรถในองค์รวม ผมว่าคู่แข่งของโตโยต้า เหมือนจะอาการน่าเป็นห่วงกว่าทั้งนั้น องค์กรนี้เค้ายึดมั่น ถือมั่นด้าน cost-oriented ก็จริง แต่สินค้าของเค้าก็ทนมือ ทนเท้า ไปทั่วโลก มันสั่งสมชื่อเสียงด้านนี้มาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งนั่นรวมไปถึงรถ EV / PHEV / HV ที่โตโยต้า ได้ชื่อเสียงด้านการทำระบบไฟฟ้าในรถยนต์ที่ทนทานกว่าใคร เพราะเค้าทุ่มงบให้ด้านนี้มานาน เอาเป็นว่าเวลาจะพิสูจน์เองล่ะครับว่า พี่โตจะยังเกรียงไกรดั่งเช่นทุกวันนี้หรือไม่
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: inoros ที่ พฤษภาคม 31, 2016, 23:58:22
toyota ตลาดเป็นmass product ถ้าทำEVต้นทุนราคาสูงมาจะคุ้มขึ้นไลน์การผลิตขายไหมล่ะครับ
EV toyotaพร้อมลงสนามอยู่แล้วล่ะครับถ้าต้นทุนต่ำกำไรบานนะ

เอางบไปวิจัยอะไรใหม่ๆที่มีโอกาสเป็นไปได้เพิ่มขึ้นอีกทางดีกว่าจมทุนด้านเดียวดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 00:12:52
ผมเพิ่งได้สัมผัสรถเทสลาแบบ "ตัวจริง-เสียงจริง" เมื่อวันก่อน

"ตัวจริง" เพราะเป็นรถจริง ๆ ที่มีนักธุรกิจคนหนึ่งนำเข้ามาในเมืองไทย

เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาดก็เลยอยากรู้ว่า "เทสลา" นั้น ระบบการทำงานเป็นอย่างไร

วิธีการง่าย ๆ ก็คือ นำเข้ารถจากฮ่องกงมาทดลองใช้จริง

"ตัวจริง" ของรถสวยมากครับ

ส่วน "เสียงจริง" นั้น พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำ

เพราะ "เทสลา" เสียงเงียบมากครับ

แทบไม่ได้ยินเสียงรถเลย

ความน่าสนใจของ "เทสลา" อยู่ที่เป็นรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน

ไม่ได้ใช้น้ำมัน

และสามารถวิ่งได้ประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร

รถยนต์ที่ใช้น้ำมันใช้ชิ้นส่วนประมาณ 2,000 ชิ้น

แต่ "เทสลา" ใช้ชิ้นส่วนแค่ 18 ชิ้น

จุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกหันมาจับตามอง "รถยนต์ไฟฟ้า" อยู่ที่การผลิตแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง ในต้นทุนที่ต่ำลงเรื่อย ๆ

มีคนบอกว่า ตอนที่โลกเปลี่ยนจากใช้ "รถม้า" มาใช้ "รถยนต์"

บังเอิญ "รถยนต์" ที่ค้นคิดขึ้นมาเป็นรถที่ใช้น้ำมัน

กระแสทั้งหมดก็มุ่งไปที่เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ไม่มีใครสนใจ"แบตเตอรี่"

พัฒนาการของ "แบตเตอรี่" จึงช้า เพราะคนคิดแต่เรื่องเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

แต่พอวันหนึ่งมีคนสนใจพัฒนา "รถยนต์ไฟฟ้า"

พัฒนาการเรื่อง "แบตเตอรี่" จึงเกิดขึ้น

"อีลอน มัสก์" คือ ผู้บุกเบิกเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ถามว่า บริษัทรถยนต์ทั้งหลายทำไมไม่มีใครคิดเรื่องนี้

ตอบง่าย ๆ ว่า เขาคงคิดอยู่แล้ว

ถ้า "โตโยต้า" ทำรถไฮบริดได้ ก็แสดงว่าเขาสนใจเรื่อง "รถไฟฟ้า"

เพราะ "ไฮบริด" คือ รถที่ผสมผสานระหว่างการใช้น้ำมันกับไฟฟ้า

เพียงแต่ผ่านเครื่องยนต์แบบเดิม

ที่มีชิ้นส่วน 2,000 ชิ้น

มีคนบอกว่า บางที "โตโยต้า" อาจจะคิดเสร็จแล้วก็ได้

เพียงแต่ว่าในทางธุรกิจ โมเดลธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า คือ หอกที่ทิ่มแทงตัวเอง

เพราะเป็นโมเดลที่ฆ่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ถ้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเร็วมากเท่าไรธุรกิจเดิมก็ตายเร็วเท่านั้น

เรื่องอะไรเขาจะทำ

อย่าลืมว่าโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นใหญ่โตมโหฬาร

ถ้า"รถยนต์ไฟฟ้า" ที่ใช้ชิ้นส่วน 18 ชิ้นมาเมื่อไร

พังกันเป็นแถบแน่นอน

ที่น่าจับตามองคือ ตอนนี้ "จีน" กำลังบุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนัก

เพราะนี่คือ "โอกาส"

ถ้าสู้ในเกมเดิม คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

เขาคงสู้ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา หรือเยอรมันไม่ได้

แต่ถ้าเกมเปลี่ยน เกิดสนามใหม่คือ รถยนต์ไฟฟ้า

แบบนี้ทุกคนเท่าเทียมกัน

เพราะเริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมด

กลายเป็นว่าใครที่มีธุรกิจเดิมใหญ่เท่าไรจะเสียเปรียบทันที

"ความใหญ่"ของธุรกิจเดิมคือ "จุดอ่อน"

เพราะไม่กล้าเปลี่ยน

กลัวจะเสียตลาดเดิม

แต่คนที่เริ่มต้นใหม่ ไม่มี "สัมภาระ" อะไร สามารถเดินหน้าได้เต็มที่

ไม่ใช่เพียงแค่ "จีน"

แต่หมายถึงกลุ่มธุรกิจที่มีเงินและเทคโนโลยีอย่างกูเกิล แอปเปิล หรือไมโครซอฟท์

เขาสามารถข้ามสายพันธุ์สู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที

ยิ่งเห็นกราฟตัวเลขต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

ผมเชื่อว่าค่ายรถยนต์ในปัจจุบันคงเริ่มพลิกดูกรณีศึกษาที่คลาสสิกมากของวงการธุรกิจโลกเรื่องนี้

การล่มสลายของ"โกดัก" ครับ

ทำอย่างไรจะไม่เป็น "โกดัก" ของวงการรถยนต์

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464588615 (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464588615)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 00:23:08
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=48966.msg833167#msg833167 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=48966.msg833167#msg833167)

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49912.msg854144#msg854144 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49912.msg854144#msg854144)

http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49951.msg855116#msg855116 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49951.msg855116#msg855116)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 00:24:32
https://www.youtube.com/watch?v=16SWVS56aZU (https://www.youtube.com/watch?v=16SWVS56aZU)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 00:26:57
https://www.youtube.com/watch?v=LBuTElFMOvA (https://www.youtube.com/watch?v=LBuTElFMOvA)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 00:29:39
ผู้คนทั่วโลกแห่จองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากเทสล่า “โมเดล 3” ด้วยยอดจองเกือบ 3 แสนคันแล้ว สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีโอกาสจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นจากผู้บริโภคในอนาคต

อีลอน มัสก์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทสล่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า มียอดจองรถยนต์รุ่น โมเดล 3 (Model 3) จากทั่วโลกแล้วถึง 276,000 คันจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 เม.ย.) หรือก่อนกำหนดจัดส่งรถยนต์คันแรกถึงกว่า 18 เดือน โดยถ้ายอดจองทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการขาย เทสล่าจะสามารถทำเงินจากโมเดล 3 ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) และระยะวิ่งของแบตเตอรี่อยู่ที่ 215 ไมล์ (346 กม.) เทสล่า โมเดล 3 นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจออกจากตลาดรถยนต์หรูมาสู่ตลาดแมส “ขั้นสุดท้ายของแผนแม่บทของเราคือรถยนต์สำหรับตลาดแมสที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป” มัสก์กล่าวในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด

ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในสหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้นกระแสการตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดแมสรุ่นแรกของเทสล่าจึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความต้องการในเซ็กเมนต์ดังกล่าว “มันแสดงให้เห็นว่าอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เราอาจเพียงแค่รอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้” อเล็ก กูเตียร์เรซ นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ เคลลี บลู บุ๊ก ให้ความเห็น


 


ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเดินหน้าผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองออกสู่ตลาดเช่นเดียวกัน อาทิ เชฟโรเล็ต โบลต์ (Chevrolet Bolt) จากเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) รวมถึงนิสสัน ลีฟ รุ่นใหม่ ตลอดจนรถยนต์จากฟอร์ด มอเตอร์ และฮุนได ซึ่งเมื่อรถยนต์เหล่านี้และรุ่นอื่นๆ ออกสู่ตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นมามีบทบาทในตลาดรถยนต์โดยรวมมากขึ้น
http://www.thansettakij.com/2016/04/14/42910 (http://www.thansettakij.com/2016/04/14/42910)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ มิถุนายน 01, 2016, 01:13:25
ใครเคยดูหนังเรื่อง Big short บ้าง เป็นหนังเกี่ยวกับหุ้นในช่วงวิกฤษแฮมเบอร์เกอร์ กลุ่มพระเอกมองเห็นสัญญาณหุ้นตัวนึง ในขณะที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ถึงขนาดไปกู้เงินธนาคารเพื่อไปซื้อหุ้นตัวนี้ ระหว่างนั้นหุ้นที่พวกพระเอกถือร่วงเอาหนักมาก โดนคนรอบข้างกดดันสุดๆ แต่พวกพระเอกยังอดทนถือต่อไป จนสุดท้ายพวกก็ตัวเอกก็ได้กำไรอย่างมหาศาล

ที่ผมยกตัวอย่าง ถ้ามันเหมือนโตโยต้าล่ะ แค่ตัวเองก้าวเดินเร็วกว่าคนอื่น เดินไปในทางที่คนอื่นไม่เดิน หมายถึงความดึงดัน? ถ้าวันใดทิศทางของโลกเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันหมด คุณคิดว่าจะไม่มีวันนั้นหรอ

ต่างจาก kodak ยังไง ก็ kodak ไม่ใช่แค่ เดินเร็วกว่าหรือเดินช้ากว่า แต่หยุดเดินต่างหาก คนอื่นเดินเร็วเดินช้า มีหกล้มยังไง ก็ยังเดินต่อ แต่ไม่ใช่หยุดเดินแบบ kodak



จากอดีตถึงปัจจุบัน ปี 90 คนไม่นิยมเกียร์ออโต้ มาปี 2000เป็นต้นมา เกียร์ออโต้เริ่มเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ต้นปี 2000 เกียร์ cvt เป็นสิ่งที่คนหลีกเลี่ยง ปี่ 2010เป็นต้นมา 70% ของรถตลาดเป็นเกียร์ cvt
ช่วง 90-2000 ซุปเปอร์ชาจน์ได้รับความนิยมไม่แพ้เทอร์โบ ปี 2010 ซุปเปอร์ชาจน์กลายเป็น 1% ของรถที่มีระบบอัดอากาศ


แสดงให้เห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่นิยมวันนี้อาจล้าหลังในวันหน้า
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Tee+...Lek ที่ มิถุนายน 01, 2016, 07:30:13
ปัญหาของเทสล่าไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีครับ แต่คือเรื่องความทนทาน (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Realibility) ในปีที่ผ่านมา ปัญหาที่แก้ไม่จบของเทสล่าก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วเพราะอายุรถรุ่นแรกๆ ก็เกือบสองปีกว่า

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า รถอเมริกันในประเทศของตัวเองยังมีปัญหาจุกจิกตลอด และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ รถญี่ปุ่นอย่าง Toyota/Lexus เป็นอันดับหนึ่งด้านนี้ ตามมาด้วย Honda, Nissan รวมไปถึง Hyundai ที่มีอันดับดีกว่ารถอเมริกันทุกยี่ห้อเลย
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มิถุนายน 01, 2016, 08:18:57


สรุป ง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
รถ EV และ พลังงาน ทางเลือก คงไม่ได้เกิด ง่ายๆ

เพราะ ผลประโยชน์ จากการค้าน้ำมัน
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: VORA ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:09:36
ทำไมอ่านกระทู้นี้แล้วขนลุกแปลกๆ สงสัยมันเป็นเรื่องจริง อีก 5 ปี .....I CAR ของแอปเปิ้ลออกมา ดูซิจะเหมือนตอนออก I PHONE ครั้งแรกไหม คงมีคนไปแบบ KODAK แน่ๆ แต่ไม่ใช่ TOYOTA แน่ๆ ความจริงเอามือถือ มาเป็น MODEL วิเคราะห์น่าจะพอได้นะ ใครเป็น NOKIA ใครเป็น ฺฺBB  ใครเป็น SAMSUNG  ...... ผมมอง SAMSUNG เปรียบได้กับ KIA HUNDAI นะ  เก่งทำตัวรถแล้ว ปรับตัวเร็ว อาจจะลอก หรือเดินตามเขาบ้าง แต่รถไฟฟ้าก็มีอยู่แล้ว  หรือ soft ware อาจจะซื้อจาก GOOGLE ได้ ............ ลอง I CAR จาก apple ออกมา รับรอง KIA HUNDAI ออกตามได้อย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: P็๊้ีhu ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:10:28
อ่านจนเพลินไปเลยครับ 

หลากหลายความเห็น ....

หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: tvm ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:13:01
เดี๋ยวมันก็มาตามกลไกการตลาดของมันเอง
แต่ผมว่าไม่เฉพาะโตโยต้า ทุกๆ เจ้าก็มีโอกาสพลาด แต่พื้นฐานที่ใหญ่ มันก็มาซึ่งความเสี่ยงพร้อมๆ กับความมั่นคง
ต่อให้รถไฟฟ้ามาขนาดไหนก็ต้องใช้เวลากว่าจะขยายไปทั้งโลก คุณคิดหรือว่าแค่ 10 - 20 ปี ทั้งโลกจะมีรถไฟฟ้าใช้และรถสันดาปในจะหมด ?

เทสล่าคนก็สนใจกัน แต่มันก็ยังคงอยู่ในส่วนของรถพรีเมียมราคาสูง ถึงจะมีรุ่นใหม่ที่ราคาถูกกว่าเดิมมา ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มราคาค่อนข้างสูงอยู่ดี หมายถึงมันยังไม่ได้เล็งตลาดแมสไง เพราะต้นทุน ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม

แล้วเห็นแค่เทสล่ารุ่นใหม่มียอดจองเยอะมากๆ ก่อนผลิตขาย แล้วจะตุตะกันว่ารถไฟฟ้ากำลัง ผมว่ามัีนก็เวอร์ไปนะ
และเงินจองรถมันแค่ 1,000 เหรียญ (3 หมื่นกว่าบาท) เองนะ !?

สรุป ผมว่ารถไฟฟ้าจะมีการพัฒนาและได้รับความแพร่หลายมากกขึ้น โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว จากนั้นจะเริ่มขยายออกไปทั่วโลก แต่ขณะเดียวกับรถแบบดั้งเดิมก็จะยังคงมีที่ยืน เพราะคนส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถเอื้อมถึงรถไฟฟ้าในระยะเวลาอันใกล้ และๆๆๆ ในบางประเทศ (เช่นไทย) ก็ไม่ได้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากมายเพียงพอเหลือเฟือสำหรับส่วนนั้นด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: VORA ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:31:06
ใช่เลยครับ lead time ตั้งแต่  I PHONE ออกครั้งแรก ดูดี ไฮโซ จนมาวันนี้ ....วันที่เด็กมัธยมหน้าปากซอยมี I PHONE ทุกคนยังใช้เวลาเกือบ 10 ปี   ....อุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ใช่แบบนั้น มันมี กลไก ห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่มากๆๆๆๆ ลงลึกถึงระะดับวิถีชีวิต ถ้าจะปรับตัวได้มาเป็นรถไฟฟ้าเต็มขั้น เหมือน ECO CAR คง 20 ปี เป็นอย่างต่ำ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:32:42
น่าจะเป็นเพราะว่าเค้าทำงานแบบคนญี่ปุ่นมั้งครับเลยมุ่งมั่นกับเรื่องเดียวไม่ยอมเปลี่ยนใจ  :-X ผมคิดว่าแม้ในท้ายที่สุดจะไม่ได้รับความนิยมเครือโตโยต้าที่มีเงินทุนหมุนเวียนมหาศาลไม่น่าจะพังทลายไปเลย แค่เอากำไรจากส่วนอื่นๆโยกย้ายมาใช้แทนเท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่โตโยต้าเห็นว่าความมุ่งมั่นของเค้าไม่ได้รับความนิยมและเริ่มสร้างปัญหาด้านการเงินขึ้นมาอันนั้นแหละครับส่อแววเจ๊ง  :-X ตามนิสัยของคนญี่ปุ่นที่มุ่งมั่นมากจนดื้อด้านไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนั่นแหละจะเป็นสาเหตุ ยิ่งเป็นองค์กรณ์ขนาดใหญ่ด้วยแล้วการที่จะเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ที่ทำมานานแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่  :-X
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto Messe ที่ มิถุนายน 01, 2016, 09:51:35
ผมคิดว่าพอเกิดปรากฏการณ์เทสล่าฟีเวอร์ ป่านนี้ค่ายโตโยต้ากำลังหันมาซุ่มวิจัยเตรียมพร้อมแล้วละครับ ถ้าเทรนมันมาทางนี้จริงๆไม่นานโตโยต้าก็คงเปิดตัว อาจไม่ได้เป็นเจ้าแรกแต่ก็อาจพัฒนาออกมาแล้วขายดีจนเป็นเจ้าตลาดไปอีกจนได้ อย่าลืมว่าโตโยต้าเป็นเจ้าแรกที่พัฒนารถไฮบริดออกมาขายในตลาดได้จริง แล้วรถไฮบริดมันก็คือรถกึ่งไฟฟ้าที่ยังมีเครื่องยนต์นี่แหละ ถ้าเทคโนโลยีแบตเตอรี่พร้อม แค่เอาเครื่องยนต์ออกมันก็เป็นรถไฟฟ้าเต็มตัว ใครเคยลองขับโหมด ev ของรถไฮบริดก็จะรู้ว่ามันคือรถไฟฟ้าดีๆนี่เองแหละวิ่งได้เร็วถึง 80-90 เพียงแต่ว่าได้ไม่นาน
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มิถุนายน 01, 2016, 10:20:54


Toyota ไม่ล้มง่ายๆ
เพราะ สามารถ ผลิต ชิ้นส่วน ทุกชิ้นส่วน ที่สำคัญๆ ได้เอง เพื่อลดต้นทุน
มี ศูนย์ วิจัย

ต่างกับ ฝรั่ง ที่ คิดแต่ จ้าง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุดท้าย

เงิน ลงทุน พัฒนารถยนต์ เทียบ กัน ระหว่าง Toyota กับ ค่าย อเมริกัน ต่างกันมหาศาล
แต่ Toyota กลับ มียอดขายรถใน ตลาดโลก ต่าง กับ ค่าย อเมริกัน มหาศาล

เบิ้ล สอง เลยครับ
ลงทุน น้อยกว่า มหาศาล
ยอดขาย มากกว่า มหาศาล
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ มิถุนายน 01, 2016, 10:39:23
ผมว่าจขกท.โฟกัสผิดตัวไปหน่อย
เมื่อจะเทียบโกดัก ก็ต้องเทียบกับเพื่อนในวงการกล้อง

โกดัก คือ ฟิล์ม เป็นอนาลอก
สิ่งที่มาแทนคือ ไฟล์ เป็นดิจิตอล

ถ้าเทียบกับรถยนต์
ฟิล์ม ก็คือ น้ำมัน
ดิจิตอล คือ ไฟฟ้าEV

ส่วนโตโยต้า หรือ ค่ายรถอื่นๆ  หรือเทสล่า
ถ้าเทียบกับกล้อง ก็น่าจะเทียบกับ
นิคอน แคนน่อน ฟูจิ โซนี่ ฯลฯ
อย่างนี้น่าจะถูกต้องกว่า

ซึ่งถ้าหากเทียบแบบนี้แล้ว ก็คงจะเห็นทางออกของค่ายกล้องต่างๆ
ก็คือขยับไปในฟอแมตใหม่ๆกันหมด และไปได้โดยง่ายๆเลย
อย่างเมื่อก่อนขยับจากฟิล์ม มาดิจิตอล
ตอนนี้ก็เริ่มขยับจาก กล้องระบบมีกระยก มายังกล้องไม่มีกระจก Mirrorless

ดังนั้น ถ้าจะห่วงพี่โตว่าเหมือนโกดัก

ผมว่า ห่วงพี่ป.ต.ท. ของเราจะดีกว่ามั้ง (รวมทั้งบ.น้ำมันทั้งหลายด้วย)
ถ้าจะไปก่อนเพื่อนก็น่าจะเป็นบริษัทน้ำมันพวกนี้

หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: nl2br ที่ มิถุนายน 01, 2016, 11:17:34
ชอบเลยครับ กระทู้แบบนี้ เห็นแนวคิดหลากหลาย วิเคราะห์ด้วยเหตุผล
ดีกว่ามานั่งแขวะกัน
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มิถุนายน 01, 2016, 11:52:23

ผมว่า ห่วงพี่ป.ต.ท. ของเราจะดีกว่ามั้ง (รวมทั้งบ.น้ำมันทั้งหลายด้วย)
ถ้าจะไปก่อนเพื่อนก็น่าจะเป็นบริษัทน้ำมันพวกนี้

ถูกใจ ใช่เลย
ปตท พลังงานไทย เพื่อใคร ?
พลังงาน ทางเลือกไม่ได้เกิดง่ายๆ หรอกครับ แต่มีไว้ ก็ดี
NGV เกิดได้แค่ในไทย เพราะ ปตท ขายเองจ้า
LPG ตอนแรกก็ขายพอ ใช่้เยอะ ขี้เกียจสกัด เพราะเอาขายเป็น พลาสติดหมดต้องนำเข้า ก็ ขึ้น ราคาจ้า

ตอนนี้ เดินท่อ ก็าส จากอ่าวไทย มาสร้าง โรงไฟฟ้า พลังงาน สะอาดกันเพียบเลย
มาดู เส้น 331 โรงไฟฟ้า พลังงาน ก็าช ธรรมชาติ เดินท่อก็าสตรง มาจากอ่าวไทย ขึ้นกันหลายโรง ตามแนว ท่อกาศจ้า
อาจได้เห็น สถานี้ เติมไฟฟ้า แถว ชลบุรี ระยองก่อนใครครับ
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มิถุนายน 01, 2016, 12:43:59
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าห่วงสำหรับพี่โตคือดีไซน์ ถึงรถดี ไฮเทค ล้ำยุค แต่ดีไซน์พี่เค้าไปไกลจนตามไม่ทันจริงๆ
ถ้าให้เลือกระหว่าง tesla ที่วิ่งได้แค่ 3 ร้อยกว่าโล กับ mirai ที่วิ่งได้ 5-6 ร้อยกว่าโล ผมก็ยังเลือก tesla นะ  8)
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: SLuang ที่ มิถุนายน 01, 2016, 12:48:16
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มิถุนายน 01, 2016, 12:58:38
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต
ต้องดูการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วยครับ บางทีอาจส่งผลกระทบมากกว่า
ไม่รู้ว่าระหว่างเอาไฟฟ้าไปผลิตไฮโดรเจน กับเอาไฟฟ้าไปใช้ให้รถวิ่งอันไหนคุ้มกว่ากัน แต่เค้าว่าผลิตไฮโดรเจนใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากมัน หรือถ้าจะผลิตอีกวิธีก็จะได้พวก CO CO2 ทำให้โลกร้อนและเป็นมลภาวะอยู่ดี
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Tee+...Lek ที่ มิถุนายน 01, 2016, 15:19:46
ไม่นะ ไม่มีวันเหมือน kodak

ผมว่า  ณ วันหนึ่งข้างหน้า เจ้า ev อาจมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
เมื่อนั้นแหละจะเข้าทางเจ้าโต
ต้องดูการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วยครับ บางทีอาจส่งผลกระทบมากกว่า
ไม่รู้ว่าระหว่างเอาไฟฟ้าไปผลิตไฮโดรเจน กับเอาไฟฟ้าไปใช้ให้รถวิ่งอันไหนคุ้มกว่ากัน แต่เค้าว่าผลิตไฮโดรเจนใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากมัน หรือถ้าจะผลิตอีกวิธีก็จะได้พวก CO CO2 ทำให้โลกร้อนและเป็นมลภาวะอยู่ดี

สุดท้ายแล้ว จุดจบของมันจะไปอยู่ที่รถไฟฟ้าครับ อยู่ที่ว่าจะใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน หรือจะใช้ลักษณะแบบไฮโดรเจน ซึ่งแท้จริงไม่ได้สร้างมาจากน้ำ 100% ยังจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้าแรงสูงเพื่อผลิตไฮโดรเจนอยู่ดี

โดยส่วนตัวแล้ว แบตเตอรี่คือข้อจำกัดของทั้ง EV และ ไฮโดรเจนครับ เพราะอย่างที่หลายๆ ท่านกล่าวไว้แล้ว เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ แทบจะไม่ไปไหนเลยตั้งแต่มี Lithium ออกมา ง่ายๆ ครับ แค่ระบบ Solar ที่ใช้ๆ กันอยู่ในบ้านเรา เกือบ 95% ใช้แบบไม่มีแบตเตอรี่ในระบบ ส่วนอีก 5% นั่นเกือบทั้งหมดใช้แบตเตอรี่แบบ Lead ดั้งเดิม ซึ่งดัดแปลงมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ให้มี Deep Cycle มากขึ้น แต่ขายแพงกว่าเกือบ 2-3 เท่า แถมขนาดของแบตเตอรี่ที่ใช้นั้นยังใหญ่โตมากด้วย
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Kratipkuow ที่ มิถุนายน 01, 2016, 15:39:51
  สำหรับ TOYOTA ผมยังมองว่าเค้าแค่กำลังมองและรอดูการตอบรับของรถ EV เท่านั้น เพราะด้วยเทคโนลียีปัจจุบันเค้าก็มีอยู่แล้ว
โดยหลักการแล้ว EV กับ Hybrid ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากถ้าจะเปลี่ยนจาก Hybrid --> EV ก็เพิ่มขนาดมอเตอร์ เอาเครื่องยนต์สันดาปออก
และเพิ่มขนาดของ Battery แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่มอเตอร์ของ Hybrid เป็น AC Permanent Magnet Motor แต่ EV ของ Tesla เป็น AC
induction Motor
https://en.wikipedia.org/wiki/Hybrid_Synergy_Drive
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_Model_S
  ซึ่งก็เป็นมอเตอร์ที่มีอยู่ในงานอุตสาหกรรมมานานแล้ว มีการพัฒนามาจนถึงจุดที่แทบจะอิ่มตัวแล้วด้วยซ้ำ ทั้งประสิทธิภาพและความแม่นในการควบคุม และใน ญี่ปุ่นเองก็มีผู้ผลิต Technology ด้าน Motor drive แต่เอาไปใช้งานกับรถไฟฟ้า หรืออุตสาหกรรม คงไม่ลำบากมากถ้า TOYOTA จะร่วมมือกับบริษัทเหล่านั้นผลิต EV ขึ้นมา ถ้ากระแสรถ EV จุดติดขึ้นมา ตามข่าวนี้
http://www.headlightmag.com/toyota-and-nissan-develop-new-battery/
TOYOTA ก็น่าจะยังไม่ตกขบวน เพราะแบตเตอรีก็ยังเป็นหัวใจของ EV อยู่ดี

หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มิถุนายน 01, 2016, 21:16:32
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าห่วงสำหรับพี่โตคือดีไซน์ ถึงรถดี ไฮเทค ล้ำยุค แต่ดีไซน์พี่เค้าไปไกลจนตามไม่ทันจริงๆ
ถ้าให้เลือกระหว่าง tesla ที่วิ่งได้แค่ 3 ร้อยกว่าโล กับ mirai ที่วิ่งได้ 5-6 ร้อยกว่าโล ผมก็ยังเลือก tesla นะ  8)

+1 เลยครับ  ทำไมโตต้าปัจจุบันดีไซน์มันถึงได้เห่ยขนาดนี้ หรือเค้าคิดว่ายิ่งเห่ยน่าเกียจยิ่งดู cool
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ มิถุนายน 02, 2016, 01:28:38
ผมว่าไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
Kodak ล้มเพราะไม่ปรับตัว ดื้อ
ส่วนตัวToyota ผมมองว่าไม่ใช่
หัวข้อ: Re: Toyota: The next Kodak!?
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ มิถุนายน 02, 2016, 14:28:50
น่าจะมีไพ่เด็ดอีกหลายใบครับ