Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ มิถุนายน 06, 2016, 23:12:04

หัวข้อ: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ มิถุนายน 06, 2016, 23:12:04
ผมมีข้อสงสัยครับ

ทำไมใครๆ จึงบอกว่า เครื่องฉีดตรงไม่ทน

เช่น Mazda 2 1.3

หรือเคสด้านล่าง Camry 2.0 D4S

อันนี้เป็นสิ่งที่มีสาเหตุหรือไม่ครับ

ที่เขาเจอว่าไม่ทนส่วนมากคือจุดไหนครับ

อยากทราบครับ เพราะผมเองชอบเครื่อง 1.3 ของ 2 มาก ประหยัดเทพมากๆ แต่ถ้าไม่ทน จุกจิก ก็ไม่กล้าซื้อครับ

ยอมประหยัดน้อยกว่าไปขับพวก Yaris 1.2 หรือ Mitsubishi Attrach 1.2 อาจจะดีกว่า
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Chris Evn ที่ มิถุนายน 07, 2016, 00:16:59
รู้ได้ไงว่าไม่ทน ก็เพิ่งใช้ได้ไม่นานเอง
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ มิถุนายน 07, 2016, 00:22:13
ถ้าให้ตอบง่ายๆ เพราะว่าฉีดตรงทำให้เกิดความร้อนสูงกว่าหัวฉีดธรรมดา แต่ผมว่ามันก็ยังน้อยกว่าแก็สอยู่ดี

ถามว่าทนไหม มันแล้วแต่การออกแบบเสื้อสูบ ลูกสูบอะไรต่างๆ ถ้าทำให้มันทนมันก็ทน จริงๆแค่เทคโนโลยีฉีดตรงธรรมดาไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก ถ้าเป็นพวกเทอร์โบสมัยใหม่ ฉีดตรง กำลังอัดสูง พวกนี้น่าเป็นห่วงกว่า

ฉีดตรงในระยะ 10 ปีคงยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ มิถุนายน 07, 2016, 00:27:28
หัวฉีดเบนซินแบบฉีดตรง มักจะเป็นท่อนสั้น จิ้มเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ ตัวหัวฉีดร้อนจัดกว่าดีเซล อายุมันเลยสั้นไม่เหมือนพวกเครื่องดีเซลฉีดตรงที่จะส่งน้ำมันผ่านปลอกโลหะที่มีรูขนาดเล็กเหมือนกัน

และไอ้รูเล็กๆนี่เวลาที่เราดับเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนหนึวมันคาอยู่เกิดการสะสม พอนานๆเข้าหน่อย มันก็ไปอุดไอ้รูนี้จนฉีดไม่ออก

ไอ้ที่บอกนี่คือ เอามาจากที่เจอปัญหาครับ รถคันนึงฉีดตรง หัวฉีดสั้น ตัวเปียโซ่มันเสีย อีกคันหัวฉีดยาว แต่ตัน ล้างไม่ออก

อายุแค่แสนกว่าโลกับแปดหมื่นกว่าโล ไอ้คันแสนโลขายทิ้้ง อีกคันเปลี่ยนหัวฉีดเองได้ง่ายหน่อยเลยเอามาใช้ต่อครับ

หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: -Brian ที่ มิถุนายน 07, 2016, 01:15:08
ส่วนตัวผมมองว่า เบนซินฉีดตรง น่าห่วงน้อยกว่า เบนซินบล็อคเล็ก เทอร์โบ ในระยะยาวนะครับ เพราะอัดบูสต์หนักพอสมควร อยากรู้ระยะยาวจะเป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Carrera ที่ มิถุนายน 07, 2016, 01:33:45
น่าจะเอาเทคโนโลยีของ Lexus RC-F และ GS-F มาใส่ในรถทั่วไปน่ะ

มีทั้งฉีดตรงและ ฉีดไอดี ในเครื่องตัวเดียวกัน  (เห็นว่าใช้แบบฉีดไอดีปกติในบางครั้งเพื่อความสะอาดของวาล์วไอดี  และเพื่อเสียงที่เพราะของ V8)

https://www.youtube.com/watch?v=h9dzjF2_lZY
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kreaninw ที่ มิถุนายน 07, 2016, 01:34:55
ทุกวันนี้มาสด้า 3 Skyactiv ผ่านรอบ 120,000 กิโลมาได้สบายๆ กับ E85 ครับ ยังขับสนุกแรงเหมือนเดิมครับ ผมเองรู้พวกเรื่องเครื่องยนต์น้อยกว่าหลายๆ ท่าน แต่ตอบจากการใช้งาน ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเปราะถึงขนาดนั้นนะครับ ผมเองลากเกือบ 7 พันรอบเร่งแซงแทบทุกวันครับ เสียงท่อเดิมๆ หวานไพเราะดีครับ

ส่วนอีกคัน ผมเป็นห่วงมากกว่าครับ คือ S60 เครื่อง Eco Boost คือ เครื่องเล็ก 1.6 ยัดโบ เป็น 180 ม้า ตัวนี้ สมรรถนะดี แต่ร้อนง่ายครับ เจอปัญหากินน้ำมันเครื่องอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะเปลี่ยนพาร์ทที่แก้ปัญหานี้ไปแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันก่อนถึงรอบ 120,000 กิโล ก็ยังเจออยู่ครับ เพียงแต่ไม่บ่อยเท่าตอนก่อนเปลี่ยนพาร์ทช่วงออกรถมาใหม่ๆ แถมยังไม่พอ พึ่งจะขึ้นรถลากมาสดๆร้อนๆ ก่อนถึงรอบ 120,000 กิโล ครับ เพราะท่อน้ำที่เข้าเครื่องยนต์นี่กรอบแตก เติมน้ำไปไหลเป็นโจ๊กเลยครับ ตอนถอดสายออกมา เอามือบี้ดู สายแตกคามือเลยครับ กับรถใช้งานไม่ถึง 3 ปี เปราะพอสมควรครับ แต่ดีที่เปลี่ยนอู่นอกครับ เจอไปแค่พันปลายๆ จบงาน ก่อนเข้าไปโดนเกือบ 33,000 บาท ตอนเช็คระยะ 120,000 กิโล รอบเปลี่ยนสายพานที่ศูนย์ครับ

ถ้าถามผม จากที่ใช้ทั้งสองคัน ระหว่างฉีดตรงอย่างเดียว กับเครื่องเล็กอัดโบ ผมว่าเครื่องเล็กอัดโบจุกจิกกว่าเยอะครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: art_duron ที่ มิถุนายน 07, 2016, 06:30:58
น่าจะเอาเทคโนโลยีของ Lexus RC-F และ GS-F มาใส่ในรถทั่วไปน่ะ

มีทั้งฉีดตรงและ ฉีดไอดี ในเครื่องตัวเดียวกัน  (เห็นว่าใช้แบบฉีดไอดีปกติในบางครั้งเพื่อความสะอาดของวาล์วไอดี  และเพื่อเสียงที่เพราะของ V8)

รู้สึก​ 86 กับ BRZ ก็มีทั้งฉีดตรงและฉีดพอร์ต​เหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ มิถุนายน 07, 2016, 06:48:08
ทุกวันนี้มาสด้า 3 Skyactiv ผ่านรอบ 120,000 กิโลมาได้สบายๆ กับ E85 ครับ ยังขับสนุกแรงเหมือนเดิมครับ ผมเองรู้พวกเรื่องเครื่องยนต์น้อยกว่าหลายๆ ท่าน แต่ตอบจากการใช้งาน ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเปราะถึงขนาดนั้นนะครับ ผมเองลากเกือบ 7 พันรอบเร่งแซงแทบทุกวันครับ เสียงท่อเดิมๆ หวานไพเราะดีครับ

ส่วนอีกคัน ผมเป็นห่วงมากกว่าครับ คือ S60 เครื่อง Eco Boost คือ เครื่องเล็ก 1.6 ยัดโบ เป็น 180 ม้า ตัวนี้ สมรรถนะดี แต่ร้อนง่ายครับ เจอปัญหากินน้ำมันเครื่องอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะเปลี่ยนพาร์ทที่แก้ปัญหานี้ไปแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันก่อนถึงรอบ 120,000 กิโล ก็ยังเจออยู่ครับ เพียงแต่ไม่บ่อยเท่าตอนก่อนเปลี่ยนพาร์ทช่วงออกรถมาใหม่ๆ แถมยังไม่พอ พึ่งจะขึ้นรถลากมาสดๆร้อนๆ ก่อนถึงรอบ 120,000 กิโล ครับ เพราะท่อน้ำที่เข้าเครื่องยนต์นี่กรอบแตก เติมน้ำไปไหลเป็นโจ๊กเลยครับ ตอนถอดสายออกมา เอามือบี้ดู สายแตกคามือเลยครับ กับรถใช้งานไม่ถึง 3 ปี เปราะพอสมควรครับ แต่ดีที่เปลี่ยนอู่นอกครับ เจอไปแค่พันปลายๆ จบงาน ก่อนเข้าไปโดนเกือบ 33,000 บาท ตอนเช็คระยะ 120,000 กิโล รอบเปลี่ยนสายพานที่ศูนย์ครับ

ถ้าถามผม จากที่ใช้ทั้งสองคัน ระหว่างฉีดตรงอย่างเดียว กับเครื่องเล็กอัดโบ ผมว่าเครื่องเล็กอัดโบจุกจิกกว่าเยอะครับ
ใช้รถโหดมาก  :o มาสด้า3 ไป แสนสองโล เมื่อยก้นแทนเลย
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เซลล์ขายรถ ที่ มิถุนายน 07, 2016, 07:43:43
หลักๆคงเป็นน้ำมัน พวกที่ใช้เครื่องเก่าๆแบบ 4G93 GDI หลายคนเจอหัวฉีดตัน จริงๆมันอาจจะดีแต่น้ำมันบ้านเราไม่ดี(หรือป่าว?)
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ มิถุนายน 07, 2016, 08:27:15
ผมก็คิดว่าเป็นปัญหาเรื่องคุณภาพของน้ำมันเช่นกันครับ เทคโนโลยีใหม่ๆกำลังอัดเยอะๆต้องใช้น้ำมันสะอาดคุณภาพสูงมาช่วยด้วย  รถยกโรงงานผมเครื่องดีเซลเก่าๆเอาน้ำมันปนน้ำมันเครื่องมาเติมก็ยังวิ่งได้บางทีก็มีน้ำปนบ้างเพราะโดนฝน สนิมในถังไม่ต้องห่วงเพียบถ้าเป็นเครื่องสมัยใหม่คงรอดยาก
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sukhontha ที่ มิถุนายน 07, 2016, 08:41:40
   ไม่ทนนี่  ปกติจะเป็นที่หัวฉีดเป็นหลักนะครับ..ส่วนอื่น ๆ ไม่เกี่ยว  ซึ่งอาจจะเป็นที่น้ำมัน  หรือตัวหัวฉีดเองออกแบบมาไม่เหมาะสมก็ได้  แต่ต่อไปพัฒนาดีขึ้นแน่ครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nudragon ที่ มิถุนายน 07, 2016, 08:42:12
เรื่องวัสดุศาสตร์ความทนทาน และ reliability ตรงส่วนนี้ผมว่าถ้าใช้งานในรูปแบบปกติทั่วๆไปมันคงไม่ต่างจากแบบอื่นหรอกครับ ใช้งาน 10ปีสบายๆ

แต่ในบางทีก็อาจจะมีชิ้นส่วนบางชิ้นในระบบเกิด Defect หรือ Design ผิดพลาดมาตั้งต้น ตรงนี้ก็มีผลต่อความทนทานและ reliability ของชิ้นส่วนนั้นๆในระยะยาว

ส่วนในเคสที่ยกตัวอย่างมาของ จขกท ระบบ D4S ของโตโยต้า เท่าที่ผมจำได้ ระบบนี้มันฉีดตรงทั้งในส่วนของ ท่อร่วม และห้องเผาไหม้ ซึ่งจะแปรผันตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์  ซึ่งตรงนี้น่าจะออกแบบมาเพื่อลดความร้อนโดยภาพรวมของระบบด้วยเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tarahlm ที่ มิถุนายน 07, 2016, 09:20:15
อย่าเพิ่งไปกังวลใจนักครับกับ "เขาว่ามา..."
ถ้ายังไม่มีข้อมูลสนับสนุนทางสถิติเพียงพอ ที่ออกมายืนยันว่าไม่ทนจริง

เหมือนครั้งหนึ่งในอดีต ตอนเริ่มมีใช้กันใหม่ๆในรถยนต์ มีคำเขาว่า...

เครื่องหัวฉีดไม่ทนเท่าเครื่องคาร์บู..
เบรกABSเสียง่าย..ไม่จำเป็น..
พวงมาลัยเพาเวอร์...
แอร์แบค...
รถที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอิเลคโทรนิคส์เยอะ..ฯลฯ

รถยนต์เป็นเครื่องจักรกลที่อำนวยความสะดวกให้คนเรา
ดังนั้นจึงมีพัฒนาการให้อำนวยสะดวกมากขึ้น ให้ประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ประหยัดเชื้อเพลิง
ให้ความปลอดภัยมากขึ้น มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆทุกด้าน
ทุกอย่างก่อนนำมาให้ผู้บริโภคมาใช้จริง ต้องมีการทดลองทดสอบเบื้องต้นระดับหนึ่ง
จนมั่นใจว่าไม่มีผลเสียร้ายแรง คุ้มค่าแก่การนำมาใช้งาน

ส่วนผู้บริโภคจะเลือกตัดสินใจใช้หรือไม่ ก็แตกต่างกันไปขึ้นกับ..
ตามทรัพยากรแต่ละคน
ตามความรู้ความเข้าใจที่เรียนรู้รับทราบกันมา ของแต่ละบุคคลที่จะใช้ในการตัดสินใจเลือก

แต่ทุกอย่างไม่ใช่จะสมบูรณ์ดีเยี่ยมไปหมด บางคราวก็มีข้อเสียไม่พึงประสงค์
ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาดูข้อมูลทางสถิติเป้นการตัดสิน
กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันต้องติดตามไปสักระยะ
แต่จะมีข้อมูลลวงบางส่วนโดยการพูดลอยๆ(แม้กระทั่งจากช่างบางคน)แบบไม่มีข้อมุลจริง แล้วก็พูดต่อกันไป
จึงต้องเก็บไว้พิจารณาด้วยครับ

ของผมฉีดตรงก็ใช้ไปหนึ่งแสนสองพันกิโลแล้วครับ ยังไม่มีปัญหาใดๆ แต่คันนี้ประหยัดเชื้อเพลิงดี
ซึ่งอันหนึ่งก็น่าจะมาจากฉีดตรงนี่แหละ







หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: youngbear ที่ มิถุนายน 07, 2016, 15:34:36
 8) 8) 8)....ทั้ง direct/indirect  (gasoline/benzene) fuel injection ก็จุดระเบิด 275 องศาเซลเซียสเท่ากัน (481 LPG/650 CNG)  อย่าเหมารวมว่า indirect inj. ทำให้เครื่องทนกว่า เราไปดวงจันทร์เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ตอนนี้จะไปทัวร์ดาวอังคารกันแล้วครับ  :-X
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ มิถุนายน 07, 2016, 18:41:30
ไม่ว่าอะไรที่มาใหม่ จะโดนปรามาสว่าไม่ทนทั้งนั้น
ตอนเครื่องยนต์เบนซินหัวฉีด ออกมาใหม่ๆ หลายคนก็ว่าไม่ทน ออกรุ่นคาร์บูเรเตอร์ดีกว่า
เครื่องยนต์ดีเซลเทอโบออกมา ก็บอกว่าไม่ทน
แม้แต่ทีวี ใช้รีโมท หลายคนก็บอกว่าไม่ทน สู้ปุ่มกดไม่ได้ ทั้งที่ตอนปุ่มกดออกมาแรก ก็บอกว่าไม่ทน สู้แบบบิดเปลี่ยนช่องไม่ได้
ปล. คำว่า ทน ของแต่ละคน ก็ยังไม่เท่ากันเลยครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมจึงมีคำกล่าวว่า เครื่องเบนซินฉีดตรง ไม่ทนเท่าเครื่องหัวฉีดที่ไอดีครับ
เริ่มหัวข้อโดย: swan ที่ มิถุนายน 07, 2016, 19:04:11
รถคันหนึ่งๆจะมีอายุการใช้งานสั้นยาวมากน้อยแค่ไหนมันมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องหลายอย่างมากๆ ยกตัวอย่าง เช่น

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ ลักษณะการขับ คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างนี้เป็นต้น

แต่จากการที่ผมเรยทำการเก็บข้อมูลของเครื่องยนต์ดีเซลแบบฉีดตรง 2 จังหวะ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รอบต่ำที่ทำงานที่รอบสูงสุดเพียง 95 รอบ/นาที เก็บข้อมูลเปรียบเทียบรวมระยะเวลา 5 ปี โดยเปรียบเทียบทั้งกับเครื่องรุ่นเดียวกันและต่างรุ่นกัน ได้ผลดังนี้

1. น้ำมันเชื้อเพลิง มีผลต่อการสึกหรอของแหวนลูกสูบและกระบอกสูบสูงมากกว่าปัจจัยอื่นๆ เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่สะอาดจะทำให้การเผาไหม้ไม่สะอาด เกิดคราบเขม่าเกาะตามหัวฉีด แหวนลูกสูบ วาล์ว เขม่าบางส่วนยังทำตัวเหมือนผงกากเพชรที่ละเอียดมากๆแทรกตัวไปตามชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเสียดสี ทำให้สึกหรอมาก อีกทั้งยังทำให้น้ำมันหล่อลื่นสกปรกและเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ

2. การใช้อะไหล่ที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น กรองน้ำมันหล่อลื่น กรองอากาศ และกรองน้ำมันเชื้อเพลิง

3. ลักษณะการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การไม่ทำการ warm up และ warm down เครื่องยนต์ ทั้งก่อนและหลังการใช้งาน อาการที่พบได้ คือ แบริ่งเทอร์โบ และเมนแบริ่งละลาย ฝาสูบโก่ง

หมายเหตุ จากข้อ 1 & 2 หากเรานำชิ้นส่วนของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง และ needle seat ของหัว,ฉีดหลังใช้งาน 10,000 ชม. มาส่องโดยกล้องกำลังขยายสูง เปรียบเทียบกับส่วนที่ใช้น้ำมันสะอาด กรองมาตรฐาน เราจะเห็นได้ว่า ส่วนที่ใช้น้ำมันสะอาด ตรงส่วนของ needle seat จะไม่มีรอย แต่ชิ้นส่วนที่ใช้น้ำมันไม่สะอาด กรองไม่ได้มาตรฐานจะมีรอยเหมือนรอยร้าวเล็กๆเต็มไปหมด

อันนี้เป็นข้อมูลที่เคยเก็บร่วมกับบริษัทมา 5 ปี เพื่อทำการวิเคราะห์หาสาเหตุของการสึกหรอ/เบรคดาวของเครื่องยนต์ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนการซ่อมบำรุง บริหารต้นทุนทั้งค่าซ่อมบำรุง ค่าอะไหล่ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง การเลือกชนิดน้ำมันหล่อลื่นและระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายและอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ

ดังนั้น ผมมองว่าอย่าไปกังวลมันเลย เราแค่ใช้งานและบำรุงรักษาให้ถูกต้องตามคู่มือ มันก็รับใช้เราได้นานมากแล้วครับ