Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: iamnobody ที่ มิถุนายน 07, 2016, 19:11:19
-
จากที่ตอนแรกจะเอา XC60 แต่ต่อรองกับเซลล์ไม่ลงตัวครับ ก็ถอยมาดู CX5 ตัว 2.2 XDL ไปลองขับแล้วก็พอสู้กับ XC60 ได้ยกเว้นช่วงล่างยังออกแนวตึงตังไปนิดครับ
แล้วคุณภรรยาก็ถามว่าเธอไม่สนใจ subaru เหรอเห็นอยากได้มาตั้งแต่ตัว GC แล้ว
วันนี้ก็เลยพาไปเทส forester มาครับ (คือเซลล์พาไปลองแบบขับโหดมาก แต่ตอนผมลอง เจอถนนช่วงนึงเป็นถนนคอนกรีต 2 ล้อ ทราย 2 ล้อ
เลยขับเข้าไปประมาณ 80 แล้วกดเบรคไปประมาณ 60% ปรากฎว่าล้อล๊อกแล้วรถปัดครับ ก็ถอนเบรคแก้พวงมาลัยแค่นิดเดียว ผมว่าช่วงล่างดีกว่า cx5 อยู่พอควรเลยและยังมีระบบขับ 4 full time มาช่วยด้วย)
มาคุยกันทีหลังจากที่ลองแล้ว แฟนก็ชอบฟิลลิ่งของ forester มากกว่า CX5 ครับ แต่ผมขับแล้วรู้สึกว่าช่วงล่างแบบนี้มันน่าจะขับสนุกๆ หน่อย อันนี้มันเฉยๆ ชิลๆ ไปหน่อย
ก็เลยคิดว่าถ้ามีวิธีทำให้รถแรงขึ้นอีกสักนิด ไม่ต้องขนาด CX5 ก็ได้แต่ขอให้ขับสนุกขึ้นหน่อย มันพอจะมีทางมั้ยครับ
สำหรับหน้าตาของรถผมโอเคครับ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเชยอะไร แต่รู้สึกว่ากระจกหน้ามันชันมากจนรถดูไม่ปราดเปรียว และก็ภายในพวกวัสดุที่ทำสีเงินมันดูไม่หรูหราเหมือน CX5
ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเอาตัว XT Turbo MY 14 ดีมั้ย ตอนนี้ราคา 2 ล้านถ้วน แต่ option หลายอย่างก็สู้ตัวใหม่ไม่ได้เลย ไฟหน้า กันชนหน้าตัวใหม่ก็สวยกว่าเยอะเลยครับ (XT Turbo ปี 16 แพงไปครับไม่มีส่วนลดเลย)
ก็เลยคิดว่าจะเอาตัว 2.0iP มาแต่งแทนครับ
-
อ้าวคุณ totochan นี่เอง จะเจริญรอยตามผมมาอีกคนละ
ของเดิมผมก็ยังพยายามปล่อยให้ได้ ราคาเหมือนกัน
สำหรับผม 2.0i-p ก็ฟินละ พอมุดถูไถไปได้ อาศัยทำความคุ้นเคยกำลังเครื่องกับจังหวะของเกียร์ CVT จะไปแข่งกะใครคงยาก เน้นเนิบๆไปอย่างมั่นคง
แต่ตอนเลือกก็ชั่งใจกับ XT 2016 เหมือนกัน ต่อรองมีส่วนลดจากเซลล์ประมาณแสนนึง
ผ่อนมากกว่ากันอีกนิดสบายๆไม่ตึงอะไร แต่สุดท้ายไม่ได้เอา XT เลยได้แค่ 2.0i-p มา ไว้หมดประกันค่อยวางเครื่องโบแทน ถ้ายังมีความอยากอยู่นะ
แต่ถ้างบถึงผมเชียร์ XT ขาดใจครับ ลองแล้วมันไหลลวงโลก ปรู้ดปร้าด จริงๆ
ขอให้ได้รถที่ถูกใจเร็วๆครับ
-
อ้าวคุณ totochan นี่เอง จะเจริญรอยตามผมมาอีกคนละ
ของเดิมผมก็ยังพยายามปล่อยให้ได้ ราคาเหมือนกัน
สำหรับผม 2.0i-p ก็ฟินละ พอมุดถูไถไปได้ อาศัยทำความคุ้นเคยกำลังเครื่องกับจังหวะของเกียร์ CVT จะไปแข่งกะใครคงยาก เน้นเนิบๆไปอย่างมั่นคง
แต่ตอนเลือกก็ชั่งใจกับ XT 2016 เหมือนกัน ต่อรองมีส่วนลดจากเซลล์ประมาณแสนนึง
ผ่อนมากกว่ากันอีกนิดสบายๆไม่ตึงอะไร แต่สุดท้ายไม่ได้เอา XT เลยได้แค่ 2.0i-p มา ไว้หมดประกันค่อยวางเครื่องโบแทน ถ้ายังมีความอยากอยู่นะ
แต่ถ้างบถึงผมเชียร์ XT ขาดใจครับ ลองแล้วมันไหลลวงโลก ปรู้ดปร้าด จริงๆ
ขอให้ได้รถที่ถูกใจเร็วๆครับ
จริงๆ ตอนแรกจะจบกับ CX5 แล้วครับ แต่แฟนทักมาว่าให้ไปดู forester ก่อน ก็เลยลองไปดูครับ
พอลองแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับแฟนผมดูเพราะเค้าขับรถแบบจะเร็วอย่างเดียวไม่รู้ลิมิตรถเท่าไหร่ คันนี้ดูช่วงล่างน่าจะเอาอยู่สบายครับ
แต่ก็เดี๋ยวจะลองๆ คุยเรื่องส่วนลดดูครับ XT ผมได้ส่วนลดมา 2.9 แสน แต่เป็นตัวก่อน MC ครับซึ่งใจก็ชอบตัวใหม่มากกว่าครับ แต่ตัวใหม่นี่ยังไม่ได้คุยเรื่องส่วนลดเลยครับ
-
จริงๆผมเคยเห็น XV คันนึงไปลง Turbo นะครับ จำสูตรไม่ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง แต่ไส้เดิมครับ น่าจะมีเพิ่มออยล์เครื่องกับเกียร์ แต่ที่แน่ๆคือไล่ Forester XT กระจายครับ ถ้าเอาไปวัดกับ WRX ก็หืดจับอยู่เหมือนกันครับ
ลองดู :) :) :)
-
อ้าวคุณ totochan นี่เอง จะเจริญรอยตามผมมาอีกคนละ
ของเดิมผมก็ยังพยายามปล่อยให้ได้ ราคาเหมือนกัน
สำหรับผม 2.0i-p ก็ฟินละ พอมุดถูไถไปได้ อาศัยทำความคุ้นเคยกำลังเครื่องกับจังหวะของเกียร์ CVT จะไปแข่งกะใครคงยาก เน้นเนิบๆไปอย่างมั่นคง
แต่ตอนเลือกก็ชั่งใจกับ XT 2016 เหมือนกัน ต่อรองมีส่วนลดจากเซลล์ประมาณแสนนึง
ผ่อนมากกว่ากันอีกนิดสบายๆไม่ตึงอะไร แต่สุดท้ายไม่ได้เอา XT เลยได้แค่ 2.0i-p มา ไว้หมดประกันค่อยวางเครื่องโบแทน ถ้ายังมีความอยากอยู่นะ
แต่ถ้างบถึงผมเชียร์ XT ขาดใจครับ ลองแล้วมันไหลลวงโลก ปรู้ดปร้าด จริงๆ
ขอให้ได้รถที่ถูกใจเร็วๆครับ
จริงๆ ตอนแรกจะจบกับ CX5 แล้วครับ แต่แฟนทักมาว่าให้ไปดู forester ก่อน ก็เลยลองไปดูครับ
พอลองแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับแฟนผมดูเพราะเค้าขับรถแบบจะเร็วอย่างเดียวไม่รู้ลิมิตรถเท่าไหร่ คันนี้ดูช่วงล่างน่าจะเอาอยู่สบายครับ
แต่ก็เดี๋ยวจะลองๆ คุยเรื่องส่วนลดดูครับ XT ผมได้ส่วนลดมา 2.9 แสน แต่เป็นตัวก่อน MC ครับซึ่งใจก็ชอบตัวใหม่มากกว่าครับ แต่ตัวใหม่นี่ยังไม่ได้คุยเรื่องส่วนลดเลยครับ
ถ้าจะเล่น XT แนะนำให้เอาตัว MY16 ไปเลยครับ ช่วงล่างการเก็บเสียงต่างกันพอสมควร
ผมจองตัว 2.0i-p ไปแล้ว จริงๆ อยากได้ XT แต่ขอปลอดภัยเรื่องการเงินไว้ก่อน อนาคตไม่แน่นอน
ใช้สัก 5 ปี ค่อยหาหัว XT มาวางสบายๆ หรือหาหัว 2.5 กับ 2.0D ของ Australia มาลง
เรื่องการแต่งกำลังเครื่อง N/A มีให้เล่น ตั้งแต่เฮดไทยทำ
ยันหม้อพักปลาย STI / Fujitsubo / Blitz / HKS
ช่วงล่าง มีเพียบ Cusco / TEIN / Bilstein
ค้ำตัวถัง Cusco / TRC / Beatrush
-
ถ้าอยากได้หน้าตาแบบ turbo ผมว่าลองต่อรองดีๆ อาจจะได้นะครับ แต่ส่วนลดอาจจะโดนหักไป
คนที่ทำงานเก่า เคยทำกับตัว XV มาแล้ว
-
หาเครื่องตัว XT มาลงครับ ขับไปก่อน ซัก 5-6 ปี
ชุด kit turbo มี แต่ ที่มันน่าใส่กะ XV เพราะตัว XV มันไม่มีตัว Turbo
ผมว่า Forester สวยน๊ะ มันมองได้นานๆ Style Subaru เป็นแบบนี้
-
ตอนแรกว่าจะลองหาพวกชุด kit turbo ครับ ถ้ามีจริงประกันทุกอย่างก็คงจะหมดทันทีแน่ๆ เลย
เอาจริงๆ แล้วที่ตอนนี้ยังตัด cx5 ออกไปไม่ได้ก็ตรงเรื่องเครื่องยนต์นี่แหละครับ
ว่าแต่ทำไมความรู้สึกว่าตำแหน่งที่นั่ง forester มันสูงจังเลย ขนาดปรับเบาะลงต่ำสุดแล้วนะครับ
-
แสดงว่า ยังคงติดใจในพลังของ cx-5 :)
คิดมากเหมือนผมเลย 2 ยี่ห้อนี้ แต่เปลี่ยน 2.0ip เป็น XT
XT ครบเครื่องไม่ต้องทำอะไรต่อเลย แต่ค่าตัวสูง ไม่อยากจ่ายเกินความจำเป็น ส่วน 2.0ip เรี่ยวแรงมันก็ไม่พอกับความต้องการของเรา
คงไปจบที่ awd 2.2 เพราะคิดชอบที่เครื่องยนต์และเกียร์นี่แหละ ช่วงล่าง หากอยากได้ดีก็ตามกำลังทรัพย์เลย แต่เครื่องยนต์กับเกียร์นี่ เรื่องยาว
-
ถ้าไม่ยุ่งเครื่องยนต์
1.ใส่ล้อเล็กลง เปลี่ยนเป็นล้อน้ำหนักเบา แมกนีเซียมได้ยิ่งเบา
2. เปลี่ยนชุดเบรค จาน คาลิปเปอร์ น้ำหนักเบาพวกโมโนบล๊อค
3. มียางอะไหล่ก็ให้เอาออก
4. ฝากระโปรง บานประตู ประตูท้าย ใช้ดรายคาร์บอน คาร์บอนไฟเบอร์ สตริงคาร์บอน
ลด unsprung weight ให้เยอะที่สุด ตีนต้นดีขึ้นแน่นอน
-
แนะนำให้เอาไปReflashที่เฮีวิชัยเลยครับ ขับสนุกขึ้นแน่นอน
https://www.facebook.com/VichaiEcuFlash/videos/vb.214449668753509/472208739644266/?type=2&theater
-
เชียร์ Reflash เช่นกันครับ
-
ผมมองดูแล้วถ้าขับใช้งานในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรนะครับ อัตราเร่งใช้งานได้ดีพอสมควร แล้ว Forester ตัวนี้ไม่ได้เป็นรถเรียกแขกสักเท่าใดครับ คือ ผมขับกลับบ้านตอนเวลาที่พวกผับเขาเลิกกัน ซึ่งจะมีรถแต่งมากมาย ถ้าขับ Legacy ส่วนใหญ่ก็จะกระบะดันแรงที่พร้อมตายได้ทุกเมื่อจี้ตูดประจำ แต่พอใช้คันนี้แล้วไม่เคยโดนเลยไล่จี้ครับ ผมจึงไม่รู้ว่าจะเอาแรงไปทำไม
ตอนนี้ผมคิดว่า ผมซื้อรถในราคาที่ค่อนข้างถูก ไม่ถึง 1.4 ล้าน เอาไว้ใช้งานได้สัก 5 ปี จะเอาเครื่องของ Forester XT ในญี่ปุ่น หรือไม่ก็ตระกูล WRX หรือ Levorg มาลงก็สบายมากอยู่แล้วครับ การซื้อตัว 2.0XT ที่ราคาที่ตั้งขายอยู่ปัจจุบัน ไม่คุ้มค่าด้วยประการทั้งปวง ยกเว้นว่าจะต่อราคาลงมาสักต่ำกว่า 1.99 ล้านได้ครับ (ผมเคยต่อราคาของตัว SG9 ได้ในราคานี้มาแล้ว)
สิ่งที่ขัดใจมากที่สุดคือ Subaru ไม่ยอมเอาแนวทางการวางก้านไฟเลี้ยว เอาไว้สักแนวทางนึงครับ คือ สมัยก่อนใช้ Imprezza GH, Forester SG9 ก็เอาไว้ด้านซ้ายแบบรถยุโรบ พอมาเป็น Legacy เอามาไว้ด้านขวา แล้วก็ Forester ตัวนี้เอามาไว้ด้านซ้าย คือ ขับรถหลายคันแล้วจะงงมาก เปิดไฟเลี้ยวเป็นปัดน้ำฝนเรื่อยเลยครับ
และอีกอย่างคือการประกอบค่อนข้างไม่เคยดีครับ พวกชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เห็นความไม่เรียบร้อยชัดเจน ตัวรถตัวนี้ผมซื้อโดนการโทรไปซื้อ ไม่ได้ไปดูรถจริงที่โชว์รูมเลย พวก Option ต่างๆ ก็ดูคร่าวๆ ตอนรับรถก็ให้รถสไลด์มาส่งที่จันทบุรี พอมาเช็คคร่าวๆ เห็นการประกอบคือเพลียครับ แต่ก็เข้าใจครับ ราคาจ่ายแค่นี้จะเอาอะไรมากมาย
-
ผมมองดูแล้วถ้าขับใช้งานในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรนะครับ อัตราเร่งใช้งานได้ดีพอสมควร แล้ว Forester ตัวนี้ไม่ได้เป็นรถเรียกแขกสักเท่าใดครับ คือ ผมขับกลับบ้านตอนเวลาที่พวกผับเขาเลิกกัน ซึ่งจะมีรถแต่งมากมาย ถ้าขับ Legacy ส่วนใหญ่ก็จะกระบะดันแรงที่พร้อมตายได้ทุกเมื่อจี้ตูดประจำ แต่พอใช้คันนี้แล้วไม่เคยโดนเลยไล่จี้ครับ ผมจึงไม่รู้ว่าจะเอาแรงไปทำไม
ตอนนี้ผมคิดว่า ผมซื้อรถในราคาที่ค่อนข้างถูก ไม่ถึง 1.4 ล้าน เอาไว้ใช้งานได้สัก 5 ปี จะเอาเครื่องของ Forester XT ในญี่ปุ่น หรือไม่ก็ตระกูล WRX หรือ Levorg มาลงก็สบายมากอยู่แล้วครับ การซื้อตัว 2.0XT ที่ราคาที่ตั้งขายอยู่ปัจจุบัน ไม่คุ้มค่าด้วยประการทั้งปวง ยกเว้นว่าจะต่อราคาลงมาสักต่ำกว่า 1.99 ล้านได้ครับ (ผมเคยต่อราคาของตัว SG9 ได้ในราคานี้มาแล้ว)
สิ่งที่ขัดใจมากที่สุดคือ Subaru ไม่ยอมเอาแนวทางการวางก้านไฟเลี้ยว เอาไว้สักแนวทางนึงครับ คือ สมัยก่อนใช้ Imprezza GH, Forester SG9 ก็เอาไว้ด้านซ้ายแบบรถยุโรบ พอมาเป็น Legacy เอามาไว้ด้านขวา แล้วก็ Forester ตัวนี้เอามาไว้ด้านซ้าย คือ ขับรถหลายคันแล้วจะงงมาก เปิดไฟเลี้ยวเป็นปัดน้ำฝนเรื่อยเลยครับ
และอีกอย่างคือการประกอบค่อนข้างไม่เคยดีครับ พวกชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เห็นความไม่เรียบร้อยชัดเจน ตัวรถตัวนี้ผมซื้อโดนการโทรไปซื้อ ไม่ได้ไปดูรถจริงที่โชว์รูมเลย พวก Option ต่างๆ ก็ดูคร่าวๆ ตอนรับรถก็ให้รถสไลด์มาส่งที่จันทบุรี พอมาเช็คคร่าวๆ เห็นการประกอบคือเพลียครับ แต่ก็เข้าใจครับ ราคาจ่ายแค่นี้จะเอาอะไรมากมาย
ถูกต้องทุกอย่างเลยครับ ผมว่างานประกอบกับงานพลาสติก แย่กว่า CRV, CX-5, หรือแม้แต่ MG GS
Forester ประกอบมาเลย์ตัวนี้ พลาสติกบางและก๊องแก๊งมาก เก็บรอยเล็บข่วนเบาๆได้ง่าย
ผมได้มีโอกาสเห็นช่างรื้อประกับพลาสติก แผงประตูต่างๆ ติดพวก auto speed lock + พับกระจก auto + เซ็นเซอร์ถอย
อยากจะบอกว่างานประกอบแย่มากๆ วัสดุซับเสียงหลังชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆหลายชิ้นที่เห็นนั้นแย่มากๆ ไม่ได้ยึดไว้แม้กระทั่งกาว
ขนาดบางเบา แผงประตูวัสดุด้านในที่ใช้ กันน้ำและเสียงด้วยพลาสติกเกรดถุงก็อบแก๊บยึดกาวลวกๆ บางจุดกาวไม่ยึดไว้ด้วย เพราะประกอบแผงประตูลวกๆ จนแผงพลาสติกที่ว่ายับไม่ลงรอยที่ควรจะเป็น
ตอนติดพวก autolock กับเซ็นเซอร์ถอย ต้องเดินสาย ถอดประกับพลาสติกตรงด่านล่างประตูคนขับ ถอดไปมาสองสามรอบจิ๊กยึดล้าแทบหักแล้ว
ตรงจุดนี้คนละเรื่องกับ SUV ค่ายอื่นที่ทำมาดูมั่นคงกว่ามาก (เดินห้างเล่นดู SUV ตัวอื่นเช่น CRV, MG GS, FTN, CX-5 หลังรับ Forester มาแล้ว)
ผมมองแล้วไม่คุมค่าตัวล้านสี่เลย แต่ซื้อมาแล้วก็เทรด ออฟกับการขับขี่ที่เชื่อถือได้เท่านั้น
คงเอามาขับเล่นสัก 5 ปีแล้วไม่โมเล่นๆแบบไม่กลัวเสียรถก็ขายทิ้งล่ะครับ
อ้อก้านไฟเลี้ยว ไม่เป็นแนวทางเดียวกันก็ปวดจิต XV ขวา มา FRT ดันมาซ้ายปวดตับ เข้าศูนย์เห็นรอยที่ปัดน้ำฝนที่ช่างเปิดผิดตลอด
ทั้งหมดเป็น คหสต. จากที่ได้สัมผัสเทียบกับรถคันอื่นๆมา
แก้ไข : แถมอีกนิด Front ตัวนี้เป็นตัวลดต้นทุน OEM Kenwood ที่ไม่ใช่ตัวเดียวกับ XT ที่สวยและใช้งานง่ายและคุณภาพดีกว่ากันมาก
ผมรับรถมาหลายคัน X1 X3 Prius Mazda 3 ไม่เคยเทสระบบไมค์สนทนา TEL Bluetooth รับ FRT ตัวนี้มาก็ไม่ได้เทส
ปรากฎว่าพอจะใช้งาน เชื่อมต่อแล้วโทรหาปลายทาง ผมได้ยินเสียงปลายทางผ่านลำโพงในรถชัดเจน แต่ปลายทางไม่ได้ยินเสียงผม
เลยต้องวิ่งเข้าศูนย์ หลังจากออกรถมาได้แค่ 3 วัน ช่างเช็คแล้วโดยการเอาไมค์คันอื่นมาต่อลอง ปรากฎว่าไมค์เสีย
ต้องรอเคลมของจากญี่ปุ่น 2 เดือน เซ็งจริงๆ เพราะผมใช้ BT handfree ในรถคุยธุระตลอด
ของอบ่างอื่นสมัยนี้ยังมีประกัน 7 วัน รถคันละล้านสี่ ไมค์เสียตังแต่วันรับรถ ต้องรอเคลมของสองเดือน
-
ความคิดที่ว่าใช้ไปก่อน 5 ปีแล้วค่อยเอาหัว xt มาวาง ผมกลับคิดต่างครับ ... รถยุคใหม่ๆคงต้องเอามาทั้งคันจะได้เลาะสายไฟมาครบๆยิ่งมี SI drive ยิ่งต้องระวังเอามาให้ครบ ... ตอนผมทำ outback ราคารถตัดมาทั้งคัน BP5 turbo ปี 05 ตอนปี 14 (อายุ 9 ปี) 190,000 ถ้าเป็นรถตัดอายุ 5 ปี ... อย่างถูกๆน่าจะมี 3 แสน ค่าวาง เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลือง สึกหรอ ทำสี ฯลฯ กำไว้อีก 1 แสน ... รวมๆแล้ว 4 แสน เสร็จแล้วยังไม่ได้ซันรูฟ แถมเป็นรถทำต้องมาลุ้นอีกว่าสมบูรณ์ขนาดไหน .... เทียบกับค่าตัวรถใหม่ที่ต่างกัน 6-7 แสน เป็นผมคงเอา XT จากโรงงานเลยมากกว่า
แต่ถ้าตึงไป ครบ 5 ปี อาจจะมองที่ชุดเทอร์โบคิตประมาณ 200,000 มากกว่า เครื่อง For กับ XV เป็นตัวเดียวกันคาดว่าใช้ของ XV ได้ (หรืออย่างน้อยก็ชิ้นส่วนหลัก) ... ระหว่างนี้รีแฟลชไปก่อน เห็นมีคนทำ XV ได้ 13x ม้า ลองหาๆดูครับ
ปล ความวิบัติของก้านไฟเลี้ยวของซูนี่ขั้นหนักเลยครับ BP9 ที่ขายในไทยอยู่ข้างซ้าน BP5 jdm อยู่ข้างขวาเฉย :-X
-
กำลังคิดหนักเช่นกันเลยครับ กำลังซื้อรถ2คัน คันนึงเลือกcx5 awd รอรถอยู่ อีกคันมีงบ2m+- จะตัดสินใจต่อรอง FRT XT ดูแต่ราคามันดันไปใกล้ 320dตัวล่างใหม่เริ่มลังเลเลยครับ
-
ผมจะบอกวิธีง่ายๆ
ไปลองท่อไอเสียของ Keng's Service ดูครับ
ส่วนเรื่อง Reflash ทำที่ไหนก็ได้ครับ แต่ขอเงื่อนไขว่าทำเสร็จให้เอาไปขับ 7 วัน ไม่พอใจต้องกล้าคืนเงิน
ถ้าจะทำ Reflash ให้ทำหลังเปลี่ยนท่อนะครับ
จากนั้นเวลาจะขับแบบรีบ ให้เล่นเกียร์เองครับ ลองไปทำดูได้ 0-100 หายไปเยอะ ไปหาดูคลิป XV
ไมเนอร์เชนจ์ได้ ผมทำเทียบให้ระหว่างเล่นเกียร์เองกับปล่อย D
ถ้านั้่นยังไม่พอ จะเทอร์โบคิทใส่ก็ได้ครับ แต่เกียร์แหกก็เคลมประกันไม่ได้นะครับ ถ้าเป็นผม ผมใส่ NOS จ่ายหัวเดียวไว้สักถัง
ปรับกำลังเพิ่มไม่ต้องมาก เวลาขับปกติก็ปิดระบบไว้ เวลารีบค่อยเปิดใช้ ถ้าไม่ตีนหนักจริงถังนึงน่าจะอยู่ได้เป็นเดือนครับ
เล่น NOS คุณไม่ต้องเดินท่ออินเตอร์ คุณใช้หม้อน้ำเดิมได้ แถมยังกำหนดได้ตามใจชอบว่าจะเอาแรงมากเท่าไหร่ที่รอบเครื่องเท่าไหร่
ข้อเสียมันคือต้องพ่วงกล่องจูนเพิ่ม และเวลา NOS หมดคุณก็ต้องไปเติม..แล้วก็ถัง NOS มันเกะกะท้ายรถครับ
-
มีชุดเฮดเดอร์ ของ Engineering Tech ครับ ตอนนั้นใช้ XV อยู่เป็นคนละเรื่องเลย แรงม้าขึ้นมาเยอะมาก ซึ่งน่าจะใช้ กับ Forester ได้เช่นกันครับ
-
มีคนทำเฮด 4-2-1 เดินท่อใหม่
ม้าลงล้อเพิ่มมาประมาณ 5 ตัว กับแรงบิดมาเร็วขึ้นครับ
-
คนอื่นบอกไปหมดละ สำหรับผมเปลี่ยนท่อ แล้ว Reflash ครับ เดิมๆจะอยู่ 114WHP พอทำเสร็จจะได้ประมาณ 130WHP
-
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ
ได้แนวคิดเยอะเลย วันนี้แฟนก็ถามว่าตัดสินใจได้รึยัง ผมก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดีว่าจะเอายังไง
แต่ถ้าออก 2.0 i-p มาจริงๆ คงเอาไป reflash กับทำท่อดูก่อนครับ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วครับ
ปกติก็ไม่ได้ขับแข่งกับใครอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ใจตัวเองว่าจะเลือกคันไหนครับ
เซลล์ 2 ยี่ห้อนี้ก็โทรมาตามทุกวันเลย (ไม่ได้ตามให้ไปจองครับ แต่โทรมาตื๊อให้ขายพรีอุส เล่นเอาผมงงเลยทำไมอยากได้กันขนาดนี้ ตอนนี้ 5 แสนก็รับ)
ใจนึงก็คิดว่าจะลองดู XT turbo ตัว MY14 ครับ แต่ไม่รู้ว่าเอามาเปลี่ยนไฟหน้าเป็นตัวใหม่จะคุ้มมั้ย
และราคาที่เซลล์เสนอมา 2 ล้านผมว่าก็ยังสูงไปนิดครับ ไม่รู้ว่าต่อไปอีกสัก 2 แสนจะโดนด่าหรือเปล่า 55
-
ความคิดที่ว่าใช้ไปก่อน 5 ปีแล้วค่อยเอาหัว xt มาวาง ผมกลับคิดต่างครับ ... รถยุคใหม่ๆคงต้องเอามาทั้งคันจะได้เลาะสายไฟมาครบๆยิ่งมี SI drive ยิ่งต้องระวังเอามาให้ครบ ... ตอนผมทำ outback ราคารถตัดมาทั้งคัน BP5 turbo ปี 05 ตอนปี 14 (อายุ 9 ปี) 190,000 ถ้าเป็นรถตัดอายุ 5 ปี ... อย่างถูกๆน่าจะมี 3 แสน ค่าวาง เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลือง สึกหรอ ทำสี ฯลฯ กำไว้อีก 1 แสน ... รวมๆแล้ว 4 แสน เสร็จแล้วยังไม่ได้ซันรูฟ แถมเป็นรถทำต้องมาลุ้นอีกว่าสมบูรณ์ขนาดไหน .... เทียบกับค่าตัวรถใหม่ที่ต่างกัน 6-7 แสน เป็นผมคงเอา XT จากโรงงานเลยมากกว่า
แต่ถ้าตึงไป ครบ 5 ปี อาจจะมองที่ชุดเทอร์โบคิตประมาณ 200,000 มากกว่า เครื่อง For กับ XV เป็นตัวเดียวกันคาดว่าใช้ของ XV ได้ (หรืออย่างน้อยก็ชิ้นส่วนหลัก) ... ระหว่างนี้รีแฟลชไปก่อน เห็นมีคนทำ XV ได้ 13x ม้า ลองหาๆดูครับ
ปล ความวิบัติของก้านไฟเลี้ยวของซูนี่ขั้นหนักเลยครับ BP9 ที่ขายในไทยอยู่ข้างซ้าน BP5 jdm อยู่ข้างขวาเฉย :-X
สมัยทำตากลม เหยี่ยว หน้าหมู ก็ราคาประมาณนี้ 400000
แต่ช่วงทำแมว จะอยู่แถวล้านนึง
ช่วงที่ราคาถูกคือช่วงทำ GC BG ตอนทำ BG จ่ายไปประมาณ 80000 ครับ
ส่วนไฟเลี้ยวก้อขึ้นกะว่าได้รถ JDM หรือรถสเปค Australia
-
ความคิดที่ว่าใช้ไปก่อน 5 ปีแล้วค่อยเอาหัว xt มาวาง ผมกลับคิดต่างครับ ... รถยุคใหม่ๆคงต้องเอามาทั้งคันจะได้เลาะสายไฟมาครบๆยิ่งมี SI drive ยิ่งต้องระวังเอามาให้ครบ ... ตอนผมทำ outback ราคารถตัดมาทั้งคัน BP5 turbo ปี 05 ตอนปี 14 (อายุ 9 ปี) 190,000 ถ้าเป็นรถตัดอายุ 5 ปี ... อย่างถูกๆน่าจะมี 3 แสน ค่าวาง เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลือง สึกหรอ ทำสี ฯลฯ กำไว้อีก 1 แสน ... รวมๆแล้ว 4 แสน เสร็จแล้วยังไม่ได้ซันรูฟ แถมเป็นรถทำต้องมาลุ้นอีกว่าสมบูรณ์ขนาดไหน .... เทียบกับค่าตัวรถใหม่ที่ต่างกัน 6-7 แสน เป็นผมคงเอา XT จากโรงงานเลยมากกว่า
แต่ถ้าตึงไป ครบ 5 ปี อาจจะมองที่ชุดเทอร์โบคิตประมาณ 200,000 มากกว่า เครื่อง For กับ XV เป็นตัวเดียวกันคาดว่าใช้ของ XV ได้ (หรืออย่างน้อยก็ชิ้นส่วนหลัก) ... ระหว่างนี้รีแฟลชไปก่อน เห็นมีคนทำ XV ได้ 13x ม้า ลองหาๆดูครับ
ปล ความวิบัติของก้านไฟเลี้ยวของซูนี่ขั้นหนักเลยครับ BP9 ที่ขายในไทยอยู่ข้างซ้าน BP5 jdm อยู่ข้างขวาเฉย :-X
เรื่องวางเครื่องจริงๆ แล้วอาจจะเป็นข้ออ้างของการซื้อรถตัวนี้มากกว่าครับ เรื่องจริงคือถ้าให้จ่ายถึงตัว XT ที่ราคาประมาณ 2.2 ล้าน ตรงนี้ไม่สู้จริงๆ ครับ ต่างตั้ง 8 แสนบาท ถึงแม้ว่าเครื่องนั้นจะเป็นหัวใจสำคัญก็ตาม สำหรับผมยังประทับใจในการขับขี่ Subaru แม้ว่ารุ่นใหม่ๆ จะทำมาเอาใจมหาชนมากขึ้น ไม่เอาใจเฉพาะคนขับเหมือนในอดีตแล้ว แต่เมื่อเทียบกับรถใน Class เดียวกัน การขับขี่นั้นดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
ส่วนเรื่องที่วางเครื่องที่ผมมองคือ รถ Subaru ส่วนใหญ่ถ้าจะขายมือสองน่าจะลำบาก อยู่ในกลุ่มรักเจ้าของมาก อย่าง Impreza หน้าแมวที่ซื้อมาตอนนั้นก็ว่าราคาไม่แพง พอใช้ครบ 6 ปี จะเอามาวางเครื่อง ปรากฏว่ายังสู้ราคาค่าวาง STi ทั้งคันไม่ไหวเลยจำเป็นต้องปล่อยไป ส่วนตัว Forester หรือไม่ก็ Legacy ทั้ง 2 ตัวที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบัน ผมมองว่าอนาคตค่าเครื่องอาจจะไม่แพงเหมือนคอแดงก็ได้ เท่าที่ดูราคามาในอดีตเครื่องคอขาวราคาไม่กี่บาทเอง อย่างรถ Legacy ผมใช้งานได้อย่างสบายมากเลย คือ วางใจได้เลยว่ามันไม่มีอะไรจุกจิกกวนใจ ผมคิดว่าจะใช้งานนานครับ เมื่ออายุครบ 7 ปีผมอาจจะวิ่งไปสักแสนหน่อยๆ ตอนนั้นผมอาจจะเอาเครื่อง FA20 300 แรงม้าในตัว JDM มาวางแทนที่ EJ25 ก็ได้ครับ พูดง่ายๆ คือ พวกเครื่อง Turbo ที่จะเอามาวางเสริมสมรรถนะของ Subaru จะมีโอกาสหาง่ายกว่าของยี่ห้ออื่นครับ
-
ใช้ไปสักพัก
เดียวก็ชิน เดียวก็ขับมันส์ครับ