Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: O_o" ที่ มิถุนายน 17, 2016, 10:40:04
-
เป็นเครื่องยนต์ แปรผันความจุ งานออกแบบแตกต่างจากเครื่องยนต์ที่เคยๆเห็นมาครับ
https://www.youtube.com/watch?v=YJXu2GJTYZQ
https://www.youtube.com/watch?v=m7mh6lGQ58g
https://www.youtube.com/watch?v=c19kn3drdFU
https://www.youtube.com/watch?v=aZB0Go3Kj-k
https://www.youtube.com/watch?v=0e785YnDmq0
https://www.youtube.com/watch?v=WID-WH27J1c
https://www.youtube.com/watch?v=BK2Mm7TYHuk
https://www.youtube.com/watch?v=7AbwCbBdVPg
-
X Engine นี้คล้ายๆเอา Rotary มาพัฒนาต่อแหะ-*-
-
แสดงว่า เทคโนโลยี พวกนี้ คิดไว้นานแล้ว
เข้าใจว่ามี เครื่อง Prototype แล้ว
เหลือ แค่ ผลิตใช้จริง เมื่อ คุ้มค่าที่จะลงทุน
เทคโนโลยี ไม่มี หยุดนิ่ง
อย่าดูถูก
-
แสดงว่า เทคโนโลยี พวกนี้ คิดไว้นานแล้ว
เข้าใจว่ามี เครื่อง Prototype แล้ว
เหลือ แค่ ผลิตใช้จริง เมื่อ คุ้มค่าที่จะลงทุน
เทคโนโลยี ไม่มี หยุดนิ่ง
อย่าดูถูก
เหลือแค่ผู้ผลิตรถยนต์ จะซื้อลิขสิทธิ์มาทำต่อยอดรึเปล่านะครับ
-
ผมว่ากระแสโลกมันไปอยู่ที่การพัฒนามอเตอร์และแบตเตอรี่แล้วครับ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเครื่องยนต์พวกนี้มันไม่เกิด เพราะมันวิจัยกันมานานแล้ว
คิดดูครับ พวกนี้มันทำให้ CO2 ลดลงได้ 20-30% แต่พวกรถไฟฟ้าลดลงเกือบ 100% เครื่องยนต์พวกนี้ถ้าจะพัฒนาใช้งบเป็นพันล้านกว่าจะวิ่งได้จริง บริษัทรถใหญ่ๆ สู้เอางบไปหาทางพัฒนาแบตตามกระแสโลก หรือพัฒนาเครื่องปั่นไฟในรถแบบ BMW หรือ Nissan น่าจะไปรอดกว่าครับ
-
ผมว่ากระแสโลกมันไปอยู่ที่การพัฒนามอเตอร์และแบตเตอรี่แล้วครับ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเครื่องยนต์พวกนี้มันไม่เกิด เพราะมันวิจัยกันมานานแล้ว
คิดดูครับ พวกนี้มันทำให้ CO2 ลดลงได้ 20-30% แต่พวกรถไฟฟ้าลดลงเกือบ 100% เครื่องยนต์พวกนี้ถ้าจะพัฒนาใช้งบเป็นพันล้านกว่าจะวิ่งได้จริง บริษัทรถใหญ่ๆ สู้เอางบไปหาทางพัฒนาแบตตามกระแสโลก หรือพัฒนาเครื่องปั่นไฟในรถแบบ BMW หรือ Nissan น่าจะไปรอดกว่าครับ
จริงๆ รถไฟฟ้า ต้นทุนน่าจะถูกกว่า ด้วยจำนวนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ต่างกันมหาศาล
เหลือแค่ ทำราคา ลงมา และ มีสถานีบริการ
-
ผมว่ากระแสโลกมันไปอยู่ที่การพัฒนามอเตอร์และแบตเตอรี่แล้วครับ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเครื่องยนต์พวกนี้มันไม่เกิด เพราะมันวิจัยกันมานานแล้ว
คิดดูครับ พวกนี้มันทำให้ CO2 ลดลงได้ 20-30% แต่พวกรถไฟฟ้าลดลงเกือบ 100% เครื่องยนต์พวกนี้ถ้าจะพัฒนาใช้งบเป็นพันล้านกว่าจะวิ่งได้จริง บริษัทรถใหญ่ๆ สู้เอางบไปหาทางพัฒนาแบตตามกระแสโลก หรือพัฒนาเครื่องปั่นไฟในรถแบบ BMW หรือ Nissan น่าจะไปรอดกว่าครับ
Hydrogen โตต้าเตรียมพับโครงการได้ละครับ ได้ยินว่าทุ่มสุดตัวลงทุนไปเยอะอยู่ ขณะที่ชาวบ้านเค้าไป EV กันหมดแล้ว (mindset สไตล์ jap)
จริงๆ รถไฟฟ้า ต้นทุนน่าจะถูกกว่า ด้วยจำนวนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ต่างกันมหาศาล
เหลือแค่ ทำราคา ลงมา และ มีสถานีบริการ
-
http://www.headlightmag.com/nikola-one-7000-orders/
http://www.headlightmag.com/nissan-e-bio-fuel-cell/
เทคโนโลยีเค้าไปกันทางนึ้แล้ว
-
เป็นเครื่องยนต์ แปรผันความจุ งานออกแบบแตกต่างจากเครื่องยนต์ที่เคยๆเห็นมาครับ
https://www.youtube.com/watch?v=YJXu2GJTYZQ
https://www.youtube.com/watch?v=m7mh6lGQ58g
https://www.youtube.com/watch?v=c19kn3drdFU
https://www.youtube.com/watch?v=aZB0Go3Kj-k
https://www.youtube.com/watch?v=0e785YnDmq0
https://www.youtube.com/watch?v=WID-WH27J1c
https://www.youtube.com/watch?v=BK2Mm7TYHuk
https://www.youtube.com/watch?v=7AbwCbBdVPg
ขอบคุณครับ มีอะไรให้ติดตามเสมอเรยนะ
หากMTEC มีคนแบบคุณ. ป่านนี้บ้านเราคงมีbrand ของตัวเองไปนานละ
-
Hydrogen โตต้าเตรียมพับโครงการได้ละครับ ได้ยินว่าทุ่มสุดตัวลงทุนไปเยอะอยู่ ขณะที่ชาวบ้านเค้าไป EV กันหมดแล้ว (mindset สไตล์ jap)
ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน
แต่ เค้าขาย แค่ญี่ปุ่น ประเทศ ที่ไม่มี ทรพยากรน้ำมัน รัฐบาล เค้าอุ้มอยู่แล้ว
ตลาดโลกเอง EV เพียวๆ ก็ยังไปไม่รอด ในภาพรวม ?
อีกอย่างทั้ง รถ Hydrogen และ Hybrid ที่ toyota เค้า ขายอยู่ก็เป็น รถ EV อีกประเภทหนึ่ง
นะครับ
Toyota เค้าพร้อมเสมอครับ ถ้าหากตลาดโลก มีสถานี เปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือมีวิธีการ เติมไฟฟ้า หรือน้ำมัน ในเวลาไม่ถึง 5 นาที
เพราะรถไฮบริด และ Hydrogen ของ Toyota แค่เปลี่ยน แหล่งจ่าย ก็เป็น รถ Full ได้แล้ว
และผมเชื่อว่า JAP ฉลาดครับ ฉลาดกว่า
ไทยๆ แบบเราที่ ซื้อรถไฟฟ้า มาตอนนี้ ก็ต้องเอามาจอดเติมไฟบ้าน 4-8 ชม.
-
น้ำมันลดเกี่ยวอะไรกับโตโยต้า ส่วนแบ่งทางการตลาดรถไฟฟ้าโตโยต้ามีกี่เปอร์เซ็นต์ครับ นิสสัน Leaf ยังมีบทบาทมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้าขายได้มากที่สุดที่อเมริกา โตโยต้าขายได้กี่คันครับ ถ้าโตโยต้าพร้อมจริงก็เอาออกมาชนกับเทสล่าเลยครับ Jap ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คุณคิดหรอก ญี่ปุ่นกำลังถดถอย กิจการต่างๆถูกเทคโอเวอร์ไปเรื่อยๆ ชาร์ปก็เพิ่งถูกไต้หวันเทคโอเวอร์ไป ถ้าญี่ปุ่นรักษาอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ไม่ได้ประเทศเค้าก็จะยิ่งลำบาก เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิด.
-
8) 8) 8)
-
Hydrogen โตต้าเตรียมพับโครงการได้ละครับ ได้ยินว่าทุ่มสุดตัวลงทุนไปเยอะอยู่ ขณะที่ชาวบ้านเค้าไป EV กันหมดแล้ว (mindset สไตล์ jap)
ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน
แต่ เค้าขาย แค่ญี่ปุ่น ประเทศ ที่ไม่มี ทรพยากรน้ำมัน รัฐบาล เค้าอุ้มอยู่แล้ว
ตลาดโลกเอง EV เพียวๆ ก็ยังไปไม่รอด ในภาพรวม ?
อีกอย่างทั้ง รถ Hydrogen และ Hybrid ที่ toyota เค้า ขายอยู่ก็เป็น รถ EV อีกประเภทหนึ่ง
นะครับ
Toyota เค้าพร้อมเสมอครับ ถ้าหากตลาดโลก มีสถานี เปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือมีวิธีการ เติมไฟฟ้า หรือน้ำมัน ในเวลาไม่ถึง 5 นาที
เพราะรถไฮบริด และ Hydrogen ของ Toyota แค่เปลี่ยน แหล่งจ่าย ก็เป็น รถ Full ได้แล้ว
และผมเชื่อว่า JAP ฉลาดครับ ฉลาดกว่า
ไทยๆ แบบเราที่ ซื้อรถไฟฟ้า มาตอนนี้ ก็ต้องเอามาจอดเติมไฟบ้าน 4-8 ชม.
Toyota เนี่ยนะโคตรมีอิทธิพลกับราคาน้ำมันโลก คุณควรไปศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะ ลองไปดูปัจจัยพวก econ , natural resource, tech ต่างๆ i.e. Shale gas/oil (ที่ทั้ง us และจีนมีสำรองเยอะมาก) กับ World economy ที่ไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวเท่าไร (จีนเป็นปัจจัยกดดันหลักๆ ส่วน US ดีกว่าคนอื่น แต่ recovery ยังค่อยเป็นค่อยไป)
Goodness gracious, ค่ายรถทำราคาน้ำมันป่วนได้ด้วย :'(
ส่วนแนวโน้ม โตต้าไม่เอา EV ลองหามาดูเอาเองครับ แค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ พี่แกหัวทิ่มไปสุดตัวแล้ว
http://www.thetruthaboutcars.com/2015/10/toyota-banks-hydrogen-not-ev-future-power/
อีกเรื่องถ้าพวก jap เก่งโฮกๆนี่ คงพ้น lost decade ไปนานแล้ว ทำไมตอนนี้แต่ละ sector ค่อยๆตายไปเรื่อยๆละนั่น
ผมไม่ใช่พวก pro-jap brigade หรอกนะ ที่อะไรๆไอ้ยุ่นคิดมา ดูโคตร Crap แต่บอกสุดยอดหมด ถ้าทำได้ดีแบบ JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชมครับ
-
น้ำมันลดเกี่ยวอะไรกับโตโยต้า ส่วนแบ่งทางการตลาดรถไฟฟ้าโตโยต้ามีกี่เปอร์เซ็นต์ครับ นิสสัน Leaf ยังมีบทบาทมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้าขายได้มากที่สุดที่อเมริกา โตโยต้าขายได้กี่คันครับ ถ้าโตโยต้าพร้อมจริงก็เอาออกมาชนกับเทสล่าเลยครับ Jap ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คุณคิดหรอก ญี่ปุ่นกำลังถดถอย กิจการต่างๆถูกเทคโอเวอร์ไปเรื่อยๆ ชาร์ปก็เพิ่งถูกไต้หวันเทคโอเวอร์ไป ถ้าญี่ปุ่นรักษาอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ไม่ได้ประเทศเค้าก็จะยิ่งลำบาก เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิด.
+1
-
Toyota เนี่ยนะโคตรมีอิทธิพลกับราคาน้ำมันโลก คุณควรไปศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะ ลองไปดูปัจจัยพวก econ , natural resource, tech ต่างๆ i.e. Shale gas/oil (ที่ทั้ง us และจีนมีสำรองเยอะมาก) กับ World economy ที่ไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวเท่าไร (จีนเป็นปัจจัยกดดันหลักๆ ส่วน US ดีกว่าคนอื่น แต่ recovery ยังค่อยเป็นค่อยไป)
Goodness gracious, ค่ายรถทำราคาน้ำมันป่วนได้ด้วย :'(
ส่วนแนวโน้ม โตต้าไม่เอา EV ลองหามาดูเอาเองครับ แค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ พี่แกหัวทิ่มไปสุดตัวแล้ว
http://www.thetruthaboutcars.com/2015/10/toyota-banks-hydrogen-not-ev-future-power/
อีกเรื่องถ้าพวก jap เก่งโฮกๆนี่ คงพ้น lost decade ไปนานแล้ว ทำไมตอนนี้แต่ละ sector ค่อยๆตายไปเรื่อยๆละนั่น
ผมไม่ใช่พวก pro-jap brigade หรอกนะ ที่อะไรๆไอ้ยุ่นคิดมา ดูโคตร Crap แต่บอกสุดยอดหมด ถ้าทำได้ดีแบบ JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชมครับ
ผมไม่ได้บอกว่า "โคตรมีอิทธิพลกับราคาน้ำมันโลก" กรุณา อย่าต่อเติมคำพูด
แค่ เป็น ส่วนประกอบหนึ่ง ที่ประกาศให้โลกรู้ว่า รถยนต์ไม่ได้ต้องการ แค่น้ำมันเท่านั้น อีกอย่าง ไอ้รถไฮโดรเจน มันก็รถ EV นะครับ ไม่ใช่หรือ
ส่วนเรื่อง หัว ทิ่ม กับ ไฮรโดรเจน อันนั้นก็แค่ที่ญี่ปุ่น ครับ ไปต่อไม่ได้ ก็ขาย ไฮบริด ต่อไป ในเมื่อ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ สนับสนุนรถไฟฟ้า นี่ ก็ไฟฟ้า มันแพงนิครั
แล้วใช่ว่า ทำ Full EV ขาย ใน JAP แล้วจะไม่หัวทิ่มครับ
คำพูด คำจา ก็ยุ่นๆๆๆๆ ไม่รู้ ชาติปาง ก่อน นี่ เค้าคงไปทำเวรทำกรรมกับชาติ นี้ไว้หรือกะไร
ไม่ได้ ชื่นชม ไฮรโดเจน แต่ก็ไม่ได้ หยามเหยียด ว่ามันจะ
ไม่ต้องไปดู ไฮรโดรเจนหรอกครับ
เอาแค่ รถไฟฟ้า ที่ว่า ดีนักดีหนา
ถ้าไม่มี สถานี่ก็ขายไม่ได้เหมือนกัน
-
Toyota เนี่ยนะโคตรมีอิทธิพลกับราคาน้ำมันโลก คุณควรไปศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะ ลองไปดูปัจจัยพวก econ , natural resource, tech ต่างๆ i.e. Shale gas/oil (ที่ทั้ง us และจีนมีสำรองเยอะมาก) กับ World economy ที่ไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวเท่าไร (จีนเป็นปัจจัยกดดันหลักๆ ส่วน US ดีกว่าคนอื่น แต่ recovery ยังค่อยเป็นค่อยไป)
Goodness gracious, ค่ายรถทำราคาน้ำมันป่วนได้ด้วย :'(
ส่วนแนวโน้ม โตต้าไม่เอา EV ลองหามาดูเอาเองครับ แค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ พี่แกหัวทิ่มไปสุดตัวแล้ว
http://www.thetruthaboutcars.com/2015/10/toyota-banks-hydrogen-not-ev-future-power/
อีกเรื่องถ้าพวก jap เก่งโฮกๆนี่ คงพ้น lost decade ไปนานแล้ว ทำไมตอนนี้แต่ละ sector ค่อยๆตายไปเรื่อยๆละนั่น
ผมไม่ใช่พวก pro-jap brigade หรอกนะ ที่อะไรๆไอ้ยุ่นคิดมา ดูโคตร Crap แต่บอกสุดยอดหมด ถ้าทำได้ดีแบบ JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชมครับ
ผมไม่ได้บอกว่า "โคตรมีอิทธิพลกับราคาน้ำมันโลก" กรุณา อย่าต่อเติมคำพูด
แค่ เป็น ส่วนประกอบหนึ่ง ที่ประกาศให้โลกรู้ว่า รถยนต์ไม่ได้ต้องการ แค่น้ำมันเท่านั้น อีกอย่าง ไอ้รถไฮโดรเจน มันก็รถ EV นะครับ ไม่ใช่หรือ
ส่วนเรื่อง หัว ทิ่ม กับ ไฮรโดรเจน อันนั้นก็แค่ที่ญี่ปุ่น ครับ ไปต่อไม่ได้ ก็ขาย ไฮบริด ต่อไป ในเมื่อ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ สนับสนุนรถไฟฟ้า นี่ ก็ไฟฟ้า มันแพงนิครั
แล้วใช่ว่า ทำ Full EV ขาย ใน JAP แล้วจะไม่หัวทิ่มครับ
คำพูด คำจา ก็ยุ่นๆๆๆๆ ไม่รู้ ชาติปาง ก่อน นี่ เค้าคงไปทำเวรทำกรรมกับชาติ นี้ไว้หรือกะไร
ไม่ได้ ชื่นชม ไฮรโดเจน แต่ก็ไม่ได้ หยามเหยียด ว่ามันจะ
ไม่ต้องไปดู ไฮรโดรเจนหรอกครับ
เอาแค่ รถไฟฟ้า ที่ว่า ดีนักดีหนา
ถ้าไม่มี สถานี่ก็ขายไม่ได้เหมือนกัน
"ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน"
-
"ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน"
ครับ มีผลแน่ครับ แต่ไม่ใช่ ปัจจัยทั้งหมด เน้น ครับ มีผล ..
เพราะ Toyota ทำรถ EV Hybrid มาเจ้าแรกๆ ทำให้รถ ในตลาดโลก เริ่ม มี EV hybrid
เทคโนโลยี ใหม่ๆ พลังงานทางเลือก บอกโลก ว่า ผู้ค้่าน้ำมันไม่ใช่เจ้าโลก ปริมาณการใช้ น้ำมันก็ลดลง จาก รถ Hybrid
จนมี เทคโนโลยี ประหยัดพลังงาน ออกมา สู้กับรถไฮบริด อีกมากมาย
คำว่า มีผล แปลได้หลากหลายใจความครับ
ถ้า อคติ ก็จะแปล ว่า มีผล 100 % เพราะ Toyota เพียงอย่างเดียว ไม่มีปัจจัยอื่นเลย
ถ้า ใช้วิจารณญาณ ก็จะเข้าใจ แค่ว่า มีผล มันก็แค่ ปัจจัยหนึ่ง ในหลายๆ ปัจจัย ไม่ได้ สรุปว่ามันเป็นเหตุผลเดียว
-
"ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน"
ครับ มีผลแน่ครับ แต่ไม่ใช่ ปัจจัยทั้งหมด เน้น ครับ มีผล ..
เพราะ Toyota ทำรถ EV Hybrid มาเจ้าแรกๆ ทำให้รถ ในตลาดโลก เริ่ม มี EV hybrid
เทคโนโลยี ใหม่ๆ พลังงานทางเลือก บอกโลก ว่า ผู้ค้่าน้ำมันไม่ใช่เจ้าโลก ปริมาณการใช้ น้ำมันก็ลดลง จาก รถ Hybrid
จนมี เทคโนโลยี ประหยัดพลังงาน ออกมา สู้กับรถไฮบริด อีกมากมาย
คำว่า มีผล แปลได้หลากหลายใจความครับ
ถ้า อคติ ก็จะแปล ว่า มีผล 100 % เพราะ Toyota เพียงอย่างเดียว ไม่มีปัจจัยอื่นเลย
ถ้า ใช้วิจารณญาณ ก็จะเข้าใจ แค่ว่า มีผล มันก็แค่ ปัจจัยหนึ่ง ในหลายๆ ปัจจัย ไม่ได้ สรุปว่ามันเป็นเหตุผลเดียว
อย่าอ้างอย่างเดียว เอาข้อมูลมาพิสูจน์หน่อยจิครับว่า ไอ้รถไฮบริดนี้มันทำให้ปริมาณ demand น้ำมันมันกระทบซะเลยจนมี implication เอาประมาณ statistics ก็ได้ ที่สำคัญเอาแหล่งที่น่าเชื่อถือด้วยนะจะดีมาก คาดว่าคุณ G.K. ก็รออยู่เช่นกัน ก็เห็นคุณออกตัวซะล้อฟรีขนาดนั้น ถ้าไม่มีก็ยอมรับกันง่ายๆเลยก็ได้ ไม่เสียหน้าหรอกนะ
ปล. production EV เจ้าแรกไม่ใช่ Toyota หัดลองไปหาข้อมูลประมาณ detroit electric มาดูนะครับ ข้อมูลน่าสนใจถัดมาคือ EV-1 (1996)
-
อย่าอ้างอย่างเดียว เอาข้อมูลมาพิสูจน์หน่อยจิครับว่า ไอ้รถไฮบริดนี้มันทำให้ปริมาณ demand น้ำมันมันกระทบซะเลยจนมี implication เอาประมาณ statistics ก็ได้ ที่สำคัญเอาแหล่งที่น่าเชื่อถือด้วยนะจะดีมาก คาดว่าคุณ G.K. ก็รออยู่เช่นกัน ก็เห็นคุณออกตัวซะล้อฟรีขนาดนั้น ถ้าไม่มีก็ยอมรับกันง่ายๆเลยก็ได้ ไม่เสียหน้าหรอกนะ
ปล. production EV เจ้าแรกไม่ใช่ Toyota หัดลองไปหาข้อมูลประมาณ detroit electric มาดูนะครับ ข้อมูลน่าสนใจถัดมาคือ EV-1 (1996)
คุณ กลับไปอ่าน ข้อความ ผมก่อนครับ
ผมบอกว่าเจ้าแรกๆ ภาษาไทย คำว่าแรกๆ ไม่ได้ แปลว่าผู้ริเริ่มอันดับหนึงนี่ครับ
ผมคงไม่ต้องเอาอะไร มาพิสูจย์ หรอกครับ เพราะมันเป็นการแสดงความคิดเห็น
ถ้า คน ปกติอ่านคงเข้าใจ
ส่วนเรื่อง demand ที่ลดลงจากรถผมไม่ทราบเพราะผมไม่ได้เน้นตรงนั้น
แต่มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่านการผูกขาดและ ทิศทางแน้วโน้มของตลาดรถยนต์ ที่ไม่เน้น น้ำมันเพียงอย่างเดียว ครับ ไม่มี implication หรือ statistics ดูจาก วงการ รถยนต์ ปัจุบันนี่ละครับ
เอาง่ายๆ ที่ผมเห็น ก็คือ การ ปล่อยฟรี สิทธบัตร เกี่ยวกับรถ EV ให้ นำไป วิจัยต่อยอด แค่นี้ก็มีผลกระทบ ในวงกว้างแล้ว
-
อย่าอ้างอย่างเดียว เอาข้อมูลมาพิสูจน์หน่อยจิครับว่า ไอ้รถไฮบริดนี้มันทำให้ปริมาณ demand น้ำมันมันกระทบซะเลยจนมี implication เอาประมาณ statistics ก็ได้ ที่สำคัญเอาแหล่งที่น่าเชื่อถือด้วยนะจะดีมาก คาดว่าคุณ G.K. ก็รออยู่เช่นกัน ก็เห็นคุณออกตัวซะล้อฟรีขนาดนั้น ถ้าไม่มีก็ยอมรับกันง่ายๆเลยก็ได้ ไม่เสียหน้าหรอกนะ
ปล. production EV เจ้าแรกไม่ใช่ Toyota หัดลองไปหาข้อมูลประมาณ detroit electric มาดูนะครับ ข้อมูลน่าสนใจถัดมาคือ EV-1 (1996)
คุณ กลับไปอ่าน ข้อความ ผมก่อนครับ
ผมบอกว่าเจ้าแรกๆ ภาษาไทย คำว่าแรกๆ ไม่ได้ แปลว่าผู้ริเริ่มอันดับหนึงนี่ครับ
ผมคงไม่ต้องเอาอะไร มาพิสูจย์ หรอกครับ เพราะมันเป็นการแสดงความคิดเห็น
ถ้า คน ปกติอ่านคงเข้าใจ
ส่วนเรื่อง demand ที่ลดลงจากรถผมไม่ทราบเพราะผมไม่ได้เน้นตรงนั้น
แต่มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่านการผูกขาดและ ทิศทางแน้วโน้มของตลาดรถยนต์ ที่ไม่เน้น น้ำมันเพียงอย่างเดียว ครับ ไม่มี implication หรือ statistics ดูจาก วงการ รถยนต์ ปัจุบันนี่ละครับ
เอาง่ายๆ ที่ผมเห็น ก็คือ การ ปล่อยฟรี สิทธบัตร เกี่ยวกับรถ EV ให้ นำไป วิจัยต่อยอด แค่นี้ก็มีผลกระทบ ในวงกว้างแล้ว
เห้อ.... แค่ไอ้ที่ตัวเองอ้างว่า "ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน"
"ครับ มีผลแน่ครับ แต่ไม่ใช่ ปัจจัยทั้งหมด เน้น ครับ มีผล .."
คุณยังไม่สามารถback up จุดยืนตัวเองได้แม้แต่นิด ตอนนี้เลยพยายามเลี่ยงไปว่า แค่แสดงความเห็นไม่จำเป็นต้องมีข้อมูล support argument เช่น รู้ัได้งัยว่า มีผล มีผลแน่ ตัวเลขอะไร หลักฐานอะไรที่สื่อแบบนั้น เวลาคุณไปโต้เหตุผลกะใครแล้วใช้วิธีนี้มีสิทธิ์โดนต้อนเละ
เอางี้เลยดีกว่าเห้นพยายามเลี่ยงเหลือเกิน ผมสรุปให้สั้นๆ คุณได้แค่กล่าวอ้างๆลอยๆเท่านั้นเอง ;D วันหลังหัดหาหลักฐาน ข้อมูลเนื้อๆ มาแสดงก่อนกล่าวอ้างนะครับ ไม่งั้นจะเจอต้อนแบบนี้ ;D
-
อย่าอ้างอย่างเดียว เอาข้อมูลมาพิสูจน์หน่อยจิครับว่า ไอ้รถไฮบริดนี้มันทำให้ปริมาณ demand น้ำมันมันกระทบซะเลยจนมี implication เอาประมาณ statistics ก็ได้ ที่สำคัญเอาแหล่งที่น่าเชื่อถือด้วยนะจะดีมาก คาดว่าคุณ G.K. ก็รออยู่เช่นกัน ก็เห็นคุณออกตัวซะล้อฟรีขนาดนั้น ถ้าไม่มีก็ยอมรับกันง่ายๆเลยก็ได้ ไม่เสียหน้าหรอกนะ
ปล. production EV เจ้าแรกไม่ใช่ Toyota หัดลองไปหาข้อมูลประมาณ detroit electric มาดูนะครับ ข้อมูลน่าสนใจถัดมาคือ EV-1 (1996)
คุณ กลับไปอ่าน ข้อความ ผมก่อนครับ
ผมบอกว่าเจ้าแรกๆ ภาษาไทย คำว่าแรกๆ ไม่ได้ แปลว่าผู้ริเริ่มอันดับหนึงนี่ครับ
ผมคงไม่ต้องเอาอะไร มาพิสูจย์ หรอกครับ เพราะมันเป็นการแสดงความคิดเห็น
ถ้า คน ปกติอ่านคงเข้าใจ
ส่วนเรื่อง demand ที่ลดลงจากรถผมไม่ทราบเพราะผมไม่ได้เน้นตรงนั้น
แต่มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่านการผูกขาดและ ทิศทางแน้วโน้มของตลาดรถยนต์ ที่ไม่เน้น น้ำมันเพียงอย่างเดียว ครับ ไม่มี implication หรือ statistics ดูจาก วงการ รถยนต์ ปัจุบันนี่ละครับ
เอาง่ายๆ ที่ผมเห็น ก็คือ การ ปล่อยฟรี สิทธบัตร เกี่ยวกับรถ EV ให้ นำไป วิจัยต่อยอด แค่นี้ก็มีผลกระทบ ในวงกว้างแล้ว
เห้อ.... แค่ไอ้ที่ตัวเองอ้างว่า "ผมว่า เพราะ Toyota ไม่ใช่เหรอ ที่ มีผลให้ ราคาน้ำมันลดลง ไว้ทานอำนาจ กลุ่ม ผู้ผลิตน้ำมัน"
"ครับ มีผลแน่ครับ แต่ไม่ใช่ ปัจจัยทั้งหมด เน้น ครับ มีผล .."
คุณยังไม่สามารถback up จุดยืนตัวเองได้แม้แต่นิด ตอนนี้เลยพยายามเลี่ยงไปว่า แค่แสดงความเห็นไม่จำเป็นต้องมีข้อมูล support argument เช่น รู้ัได้งัยว่า มีผล มีผลแน่ ตัวเลขอะไร หลักฐานอะไรที่สื่อแบบนั้น เวลาคุณไปโต้เหตุผลกะใครแล้วใช้วิธีนี้มีสิทธิ์โดนต้อนเละ
เอางี้เลยดีกว่าเห้นพยายามเลี่ยงเหลือเกิน ผมสรุปให้สั้นๆ คุณได้แค่กล่าวอ้างๆลอยๆเท่านั้นเอง ;D วันหลังหัดหาหลักฐาน ข้อมูลเนื้อๆ มาแสดงก่อนกล่าวอ้างนะครับ ไม่งั้นจะเจอต้อนแบบนี้ ;D
ผมไม่หาหลักฐานอะไรมาหรอกครับ คนปกติจะเข้าใจความหมายครับ แบบที่ผมบอก