Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Zachary C ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 12:39:07
-
รถยนต์ที่ผมใช้ Honda Mobilio RS 1500 cc. เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนสักแห่ง ตอนหาข้อมูลก่อนซื้อ ว่าอัตราสิ้นเปลือง ตกประมาณ 15.xx กม. ต่อลิตร
ตั้งแต่ซื้อมา 8 เดือน เคยทำเต็มที่ ได้ไม่เกิน 13.xx km./Litre (ตจว. ขับเร็วประมาณ 120-130 กม./ชม.)
แต่! ทริปที่เพิ่งผ่านมา ออกจาก กทม. ราว 19.30 ถึง ตราด หลังเที่ยงคืนนิดนึง วิ่ง 80-90 กม./ชม. ตลอดทาง เพราะค่อนข้างเพลีย ไม่อยากขับเร็ว อีกทั้งอยากให้ภรรยาหลับสบายๆ ไปเรื่อยๆ
ผลปรากฏว่า ได้ 17.xx กม./ลิตร!
ยอมรับครับ แอบดีใจ ;D ว่าประหยัดน้ำมัน แหะๆ ขากลับวันนี้ เลยลองวิ่งแบบเดิมอีกรอบ เพื่อกันมโนไปเอง 80-90 กม./ชม. ออกจากตราด 5.30 น. ถึง กทม. หลัง 11.00 น. นิดๆ ก็ได้ที่ 17.9x กม./ชม.
สรุปว่า เพียงแค่เปลี่ยนวิธีขับ ความเร็วที่ใช้ ช่วงเวลาเดินทาง ก็สามารถเปลี่ยนอัตราสิ้นเปลือง ได้ขนาดนี้ เลยหรือครับ? เพื่อนๆ มีประสบการ์ณคล้ายๆกันนี้ บ้างไหมครับ?
-
ก็มีประสบการณ์ทำนองนี้ครับ เมื่อก่อนขับต่างจังหวัดผมก็นิสัยขับรถเร็ว 120 up เป็นประจำ
พออายุมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และที่สำคัญคือเคยประสบอุบัติเหตุชนมอไซด์ตาย ก็เลยเข็ดครับ
เปลี่ยนนัสัยมาขับรถช้าลง 90 - 100 ถ้าจะเร็วกว่านี้ก็อยู่ที่สภาพการจราจรว่าควรจะใช้ความเร็วที่ประคองรถไปกับคนอื่นที่ความเร็วเท่าไหร่
ซึ่งก็มักจะไม่เกิน 120 ครับ สิ่งที่ได้ตามมาคือประหยัดน้ำมันมากขึ้นชัดเจน ขับรถแล้วไม่เครียด ไม่ล้า ด้วยครับ
ไปสบาย ๆ อีกอย่างนึงที่ทำให้ผมประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นไปอีกก็มีอีกสองเทคนิคการขับครับคือ
- ใช้วิธีขับแบบที่เค้าเรียกว่า walking speed คือถอนคันเร่งหล่อยให้รถไหลไปเองในช่วงที่ทำได้ เช่น ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง พอเห็นป้ายเตือนไฟแดงผมก็ถอนคันเร่งเลยครับ ปล่อยให้รถไหลไปเอง หรือก่อนที่จะเข้าปั้มน้ำมัน ก่อนถึงที่หมายก็ใช้วิธีเดียวกันครับ นอกจากประหยัดแล้วก็ปลอดภัยด้วย
ถนอมผ้าเบรคอีกต่างหาก
- เวลาก่อนถึงที่หมาย ผมจะตัดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อนประมาณ 1 - 5 นาทีครับ แล้วแต่อากาศร้อนมากมั้ย ก็จะประหยัดน้ำมันและช่วยให้กรองแอร์ รังผึ้งแอร์ไม่ชื้น ไม่มีกลิ่นอับด้วยครับ
-
ใช่ครับ
ลองใช้cruise control เฉลี่ย
4ลิตร/100โล ก้อทำได้. พระราม9-พัทยา. ตี3
-
เคยอ่านเจอ เขาบอกว่าความเร็ว 90 เนี่ยแหละ เอาไว้ทำสถิติ 55555 :P
-
ยิ่งขับช้า ยิ่งประหยัด ไม่เร่งรอบ ไม่เร่งความเร็วมันมากก็ไปเรื่อยๆคับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นไปตามสภาพการจารจร ในช่วงเวลานั้นๆคับ
อย่าจะซีเรียส กับความประหยัดมันมากนัก เดี๋ยวจะโดนคันหลัง แจกกล้วยเอา
ถนน เป็นของส่วนรวม ความรีบ ของคนเราไม่เท่ากันคับ ให้เข้าใจและใช้ถนนไปตาม สถานการณ์
-
สำหรับ Mazda 3 Skyactiv ขับชิลๆ 80-90 กม./ชม. อาจมี 20 กม./ลิตร ให้เห็นได้ครับ สำหรับ E20
ผมทำมาแล้วด้วย ขับทางไกล นึกว่าลูกลอยตาย เติมน้ำมันเต็มถัง วิ่งระยะทาง 160 กม. น้ำมันขีดแรกไม่ลดเลยครับ
ถ้าวิ่ง120 ขีดแรกไปช่วง 100-120 กม.ครับ เฉลี่ยตก 12-13 กม./ลิตร
แต่ถ้าจัดหนักจัดเต็ม racing mode วิ่งทางไกลแช่ที่ความเร็วไม่ต่ำกว่า 160. อยู่ที่ 9-11 กม./ลิตร.
-
ออกตัวเกียร์ 1-2 ก็ไม่ต้องเค้นมากครับ พอรถลอยตัวค่อยทำความเร็ว
เห็นไฟแดงแต่ไกลก็ปล่อยไหลเข้า ขับห่างคันหน้าจะได้ไม่ต้องเบรกบ่อย
แต่ขับในเมืองมันทำยากเหลือเกิน ห่างไปก็โดนแทรก ช้าคันหลังก็ว่า
-
ก็มีประสบการณ์ทำนองนี้ครับ เมื่อก่อนขับต่างจังหวัดผมก็นิสัยขับรถเร็ว 120 up เป็นประจำ
พออายุมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และที่สำคัญคือเคยประสบอุบัติเหตุชนมอไซด์ตาย ก็เลยเข็ดครับ
เปลี่ยนนัสัยมาขับรถช้าลง 90 - 100 ถ้าจะเร็วกว่านี้ก็อยู่ที่สภาพการจราจรว่าควรจะใช้ความเร็วที่ประคองรถไปกับคนอื่นที่ความเร็วเท่าไหร่
ซึ่งก็มักจะไม่เกิน 120 ครับ สิ่งที่ได้ตามมาคือประหยัดน้ำมันมากขึ้นชัดเจน ขับรถแล้วไม่เครียด ไม่ล้า ด้วยครับ
ไปสบาย ๆ อีกอย่างนึงที่ทำให้ผมประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นไปอีกก็มีอีกสองเทคนิคการขับครับคือ
- ใช้วิธีขับแบบที่เค้าเรียกว่า walking speed คือถอนคันเร่งหล่อยให้รถไหลไปเองในช่วงที่ทำได้ เช่น ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง พอเห็นป้ายเตือนไฟแดงผมก็ถอนคันเร่งเลยครับ ปล่อยให้รถไหลไปเอง หรือก่อนที่จะเข้าปั้มน้ำมัน ก่อนถึงที่หมายก็ใช้วิธีเดียวกันครับ นอกจากประหยัดแล้วก็ปลอดภัยด้วย
ถนอมผ้าเบรคอีกต่างหาก
- เวลาก่อนถึงที่หมาย ผมจะตัดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อนประมาณ 1 - 5 นาทีครับ แล้วแต่อากาศร้อนมากมั้ย ก็จะประหยัดน้ำมันและช่วยให้กรองแอร์ รังผึ้งแอร์ไม่ชื้น ไม่มีกลิ่นอับด้วยครับ
2 เทคนิคที่ว่า ผมทำประจำเลยครับ
แต่เรื่อง walking speed ถ้ามีคันหลังตามมา ผมก็ไม่กล้าปล่อยยาวๆนะครับ กลัวโดนรำคาญ5555
แต่ถ้าโล่งๆ ไม่มีรถตามมา ปล่อยถึงไฟแดงพอดี แล้วไฟเขียวต่อพอดีนี่ฟินเบาๆ
-
:P
อัตราที่ จขกท ว่ามาข้างต้นเป็นอัตราปกติของ BMW 320i "LCI" (ขับทางไกล)
อัตราที่โชว์ใน Onboard 4 ลิตร/100กิโล จะเป็นจริงๆได้
ต้องรถเล็ก(มาก) ขับทางไกลนิ่งๆ ไม่มีไฟแดงเลยหรือไม่ก็รถดีเซลใหม่แจ่มๆล่ะครับ รถเบนซินทั่วๆไปคงยาก
-
ผมใช้วิธี เกียร์สุดท้าย เปลี่ยนที่รอบเท่าไร ความเร็วเท่าไร เอาอันนั้นแหล่ะ ประหยัดสุด (ถ้าไม่รีบ)
-
:P
อัตราที่ จขกท ว่ามาข้างต้นเป็นอัตราปกติของ BMW 320i "LCI" (ขับทางไกล)
อัตราที่โชว์ใน Onboard 4 ลิตร/100กิโล จะเป็นจริงๆได้
ต้องรถเล็ก(มาก) ขับทางไกลนิ่งๆ ไม่มีไฟแดงเลยหรือไม่ก็รถดีเซลใหม่แจ่มๆล่ะครับ รถเบนซินทั่วๆไปคงยาก
เบนซินมีคันนึงครับคุณ Jones อย่าลืม Mazda2 1.3G แชมป์ประหยัดน้ำมันของผลการทดสอบ ณ ปัจจุบันครับ
-
เคยขับ City 2008 จาก กทม. ไประนอง reset trip ตั้งแต่ออกจากบ้าน
ใช้ความเร็ว 120-150 ตลอดทาง มีช่วงชะลอซ่อมทางลดความเร็วเหลือ 40-60 เป็นระยะ ได้ประมาณ 18.8 km/l เห็นคนอื่นขับกินลมกัน 90-110 ได้กันประมาณ 18km/l
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าขับกันแล้วบ่นกินน้ำมัน ผมก็ขับได้มากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรและก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ
-
แน่นอนครับ ทั้งนี้ขึ้นกับรูปทรงของรถด้วย อย่าง Mobilio เป็นรถทรงสูง ต้านลมมาก จริงอยู่ที่ตัวเครื่องและเกียร์นั้นค่อนข้างประหยัด แต่ถ้าขับเร็วๆ หน่อย จะทำให้แรงต้านสูงขึ้นเป็นทวีคูณ
ยิ่งของผม Hyundai H1 ขับไม่เกิน 100 ผมว่า 12-14 km/l ได้สบาย แต่ลองขับ 130-140 สิ เหลือ 7-8 km/l ทุกที
-
เคยขับ City 2008 จาก กทม. ไประนอง reset trip ตั้งแต่ออกจากบ้าน
ใช้ความเร็ว 120-150 ตลอดทาง มีช่วงชะลอซ่อมทางลดความเร็วเหลือ 40-60 เป็นระยะ ได้ประมาณ 18.8 km/l เห็นคนอื่นขับกินลมกัน 90-110 ได้กันประมาณ 18km/l
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าขับกันแล้วบ่นกินน้ำมัน ผมก็ขับได้มากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรและก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ
โหขั้นเทพครับ ขับ 120-150 ยังได้ 18.8 km/l นี่ไม่ธรรมดานะครับ ไม่ทราบว่าตัวเลขที่ได้นี่คือบนหน้าจอหรือว่าได้จากการเติมน้ำมันเต็มถังแล้วกด reset trip meter แล้วเติมน้ำมันกลับเมื่อถึงที่หมายครับ
-
เคยขับ City 2008 จาก กทม. ไประนอง reset trip ตั้งแต่ออกจากบ้าน
ใช้ความเร็ว 120-150 ตลอดทาง มีช่วงชะลอซ่อมทางลดความเร็วเหลือ 40-60 เป็นระยะ ได้ประมาณ 18.8 km/l เห็นคนอื่นขับกินลมกัน 90-110 ได้กันประมาณ 18km/l
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าขับกันแล้วบ่นกินน้ำมัน ผมก็ขับได้มากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรและก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ
ชาบูครับ ผมขับ 100 ไประยอง ได้ 20 กิโลลิตร ไปตกม้าตายแถวระยอง ไปๆมาๆ เหลือแค่ 17 กิโลลิตร :'(
-
x5 30d
comfort mode วิ่งความเร็วที่ 80
ได้อยู่ 19-20โลลิตร ครับ
ถ้าโหมด sport กดอัดตลอดทางได้ 10-11 โลลิตรครับ
ทำตามความเห้นแบบท่านๆข้างบนครับ
-
ใครที่ขับแบบประหยัด เพื่อตัวเลขสวยๆ อย่าลืมใช้เลนซ้า้ย หรือ กลางด้วยนะครับ :)
-
ก็มีประสบการณ์ทำนองนี้ครับ เมื่อก่อนขับต่างจังหวัดผมก็นิสัยขับรถเร็ว 120 up เป็นประจำ...พออายุมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และที่สำคัญคือเคยประสบอุบัติเหตุ...เปลี่ยนนัสัยมาขับรถช้าลง...ซึ่งก็มักจะไม่เกิน 120 ครับ สิ่งที่ได้ตามมาคือประหยัดน้ำมันมากขึ้นชัดเจน ขับรถแล้วไม่เครียด ไม่ล้า ด้วยครับ
ไปสบาย ๆ อีกอย่างนึงที่ทำให้ผมประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นไปอีกก็มีอีกสองเทคนิคการขับครับคือ
- ใช้วิธีขับแบบที่เค้าเรียกว่า walking speed คือถอนคันเร่งหล่อยให้รถไหลไปเองในช่วงที่ทำได้ เช่น ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง พอเห็นป้ายเตือนไฟแดงผมก็ถอนคันเร่งเลยครับ ปล่อยให้รถไหลไปเอง หรือก่อนที่จะเข้าปั้มน้ำมัน ก่อนถึงที่หมายก็ใช้วิธีเดียวกันครับ นอกจากประหยัดแล้วก็ปลอดภัยด้วย
ถนอมผ้าเบรคอีกต่างหาก
คล้ายกันครับ ตั้งแต่ผมรถคว่ำ นานทีปีหนถึงจะเคยขับเกิน 120 ซักครั้งนึง นิสัยการขับแบบผมใช้ดีแม็กซ์ได้สบายๆ ส่วนเรื่อง walking speed ก็ทำเป็นประจำเหมือนกัน รถเป็น mt ด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเค้าล่ะ
-
รู้ว่าทำแล้วดี แต่ผมก็ไม่ทำได้ ใช้ cruise ~120 ตาหลอด
-
ปกติ ขับ 100-120 เฉลี่ยกิโลละ 1-1.05 บาท
ขับ 100-120 ปิดแอร์ เปิดกระจก .90 บาท /กิโล
ขับ 90-100 เปิดแอร์ .78 บาท /กิโล
ขับแบบปกติ แซงบ้าง ผ่อนบ้าง คันเร่ง กดเท่าที่ใช้ตลอด ใช้ engine เบรคเสมอ
แก๊ส =12.70 ปั้มเดิมหัวเดิมตลอด กทม-101
-
มันก็ส่งผลกันครับ เกี่ยวกัน ทำอย่างไรให้โหลดเครื่องน้อยที่สุดต่อระยะทางมากที่สุด
-
ผมไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับเรื่องประหยัด เน้นปลอดภัยมากกว่าความเร็วอยู่ราวๆ 100- 110 เผอิญอยู่ในช่วงประหยัดกำลังดีพอดี
-
เคยขับ City 2008 จาก กทม. ไประนอง reset trip ตั้งแต่ออกจากบ้าน
ใช้ความเร็ว 120-150 ตลอดทาง มีช่วงชะลอซ่อมทางลดความเร็วเหลือ 40-60 เป็นระยะ ได้ประมาณ 18.8 km/l เห็นคนอื่นขับกินลมกัน 90-110 ได้กันประมาณ 18km/l
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าขับกันแล้วบ่นกินน้ำมัน ผมก็ขับได้มากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรและก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ
โหขั้นเทพครับ ขับ 120-150 ยังได้ 18.8 km/l นี่ไม่ธรรมดานะครับ ไม่ทราบว่าตัวเลขที่ได้นี่คือบนหน้าจอหรือว่าได้จากการเติมน้ำมันเต็มถังแล้วกด reset trip meter แล้วเติมน้ำมันกลับเมื่อถึงที่หมายครับ
ผม reset trip ครั้งเดียวครับคือตอนออกจากบ้าน ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าระยะทางเท่าไหร่ ไม่ได้คิดเรื่องน้ำมันเลยเพราะอยากรีบๆถึงก่อนมืด ไม่ชินเส้นทาง
นั่งไปผู้ใหญ่ 3 เด็ก 1 ระหว่างทางแวะกินข้าวหนึ่งรอบ แวะเติมน้ำมัน 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งถัง พอถึงที่หมายดูหน้าปัดแอบตกใจตัวเลขเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันคลาดเคลื่อนแค่ไหน เพราะอย่างที่บอก ผมกดหนักทุกครั้งที่มีโอกาสเลย
ปกติคันนี้ไม่ค่อยเอาออกไปวิ่งไกลๆ ไปไกลสุดแค่ปากช่องเพราะมันสะเทือนตูดสุดๆ
-
เคยขับ City 2008 จาก กทม. ไประนอง reset trip ตั้งแต่ออกจากบ้าน
ใช้ความเร็ว 120-150 ตลอดทาง มีช่วงชะลอซ่อมทางลดความเร็วเหลือ 40-60 เป็นระยะ ได้ประมาณ 18.8 km/l เห็นคนอื่นขับกินลมกัน 90-110 ได้กันประมาณ 18km/l
ส่วนรุ่นอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าขับกันแล้วบ่นกินน้ำมัน ผมก็ขับได้มากกว่าคนอื่นทั้งๆที่ก็ใช้ความเร็วพอสมควรและก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ
โหขั้นเทพครับ ขับ 120-150 ยังได้ 18.8 km/l นี่ไม่ธรรมดานะครับ ไม่ทราบว่าตัวเลขที่ได้นี่คือบนหน้าจอหรือว่าได้จากการเติมน้ำมันเต็มถังแล้วกด reset trip meter แล้วเติมน้ำมันกลับเมื่อถึงที่หมายครับ
ผม reset trip ครั้งเดียวครับคือตอนออกจากบ้าน ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าระยะทางเท่าไหร่ ไม่ได้คิดเรื่องน้ำมันเลยเพราะอยากรีบๆถึงก่อนมืด ไม่ชินเส้นทาง
นั่งไปผู้ใหญ่ 3 เด็ก 1 ระหว่างทางแวะกินข้าวหนึ่งรอบ แวะเติมน้ำมัน 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งถัง พอถึงที่หมายดูหน้าปัดแอบตกใจตัวเลขเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันคลาดเคลื่อนแค่ไหน เพราะอย่างที่บอก ผมกดหนักทุกครั้งที่มีโอกาสเลย
ปกติคันนี้ไม่ค่อยเอาออกไปวิ่งไกลๆ ไปไกลสุดแค่ปากช่องเพราะมันสะเทือนตูดสุดๆ
reset trip อยางเดียวไม่ได้นะครับ ต้องreset อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย
-
City โฉมที่แล้วนี่ผมว่าหน้าจอค่อนข้างโม้นะครับ
เคยขับรุ่นปี 2012 เกียร์ MT นั่งกัน 6 คน วิ่งขึ้นลงเขาทั่วจังหวัดเชียงราย
ขึ้นเขาทีเหยียบมิดรอบสูงตลอดเพราะบรรทุกหนักมาก วิ่งไฮเวย์ความเร็ว 100 รอบ 3,200
จบทริปไฟเตือนขึ้นพอดี หน้าจอโชว์ 16.1 km/l ไปเติมเต็มถังหารตัวเลขมาได้ 13 ถ้วนๆ ครับ
-
ใช่ครับ การขับแบบชิลๆ ประหยัดน้ำมัน ไม่สมควรทำให้เพื่อนร่วมทาง ที่อาจจะจำเป็น รีบด่วนกว่า เกิดปัญหาจากเรา
ตลอดทริป ผมมักจะใช้เลนซ้ายส่วนใหญ่ ออกขวาบ้าง เมื่อแซงรถบรรทุก รถส่งของ หรือเมื่อสภาพทางช่วงนั้นมันย่ำแย่จริงๆ
:-[
-
80-90 ช้าเกินครับ จะหลับในตกถนนตายก่อน
ขับสัก 110-120 กำลังดี ไม่เร็ว ไม่ช้า กล้องไม่จับ
-
ตาม specsheet ว่าได้เท่าไรลิตร มันมีองประกอบในการ test ในเงื่อนไข
ใช้ชีวิตตามจริง ง่ายกว่า แต่อย่างน้อยก็รู้ว่ารถ ที่ใช้เป็นรถที่ประหยัด อันนี้ happy
-
ขับจริง 120 ถ้าไม่ใช่ถนน สี่เลน มีเครียด
เอาเป็นว่า 90 - 110 ประมาณนี้แหละ ไม่หวดน้ำมัน และไม่ง่วง เอารถอยู่ได้ง่ายกว่า
วิ่ง 80-90 จะทำให้ง่วง และเครียดได้นะ มัวแต่กังวล และรักษาช่วงความเร็ว
-
reset trip อยางเดียวไม่ได้นะครับ ต้องreset อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย
city reset trip อัตราสิ้นเปลืองก็โดน reset ด้วยครับ
-
ครับ ขับช้าลง เครียดน้อยลง ทำให้รถก็ประหยัด เราก็ไม่เหนื่อย
-
อยู่ที่สภาวะอากาศ ณ ตอนนั้นด้วย มีผลเหมือนกัน ถนนโล่งๆ ใช้เบรคน้อย จะได้อัตราสิ้นเปลืองโอเคสุด
วิ่ง 100 - 110 กำลังดี ไปเลนซ้าย กับ เลนกลางครับ
-
ช่วยได้เยอะครับ
มันมีหลายปัจจัย เช่น ไม่คิกดาว ไม่เร่งรอบแต่ให้มันไต่ไปเรื่อยๆ เบรกไม่บ่อย