Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Impulse ที่ สิงหาคม 04, 2016, 19:48:52
-
ผมว่าส่วนนึง คนรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้กันมากกว่าปรกติ แต่ในเมื่อกระแสมันแรงมากๆ รถบางค่าย
เช่น FCA , MAZDA , SUBARU กลับไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย อันที่จริง ค่ายใหญ่หลายๆค่ายก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้นัก
ชาว Headlightmag มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
-
ค่ายไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่จับมือค่ายใหญ่กว่า หรือค่ายที่เค้ามีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ลำบากครับ
ทำรถสันดาปในมาทั้งชีวิต มาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า แทบจะนับ 1 ใหม่เลย ทุนวิจัยสูงมากๆ
และรถไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมตอนนี้ก็ยังจำกัดอยู่ในแค่บางประเทศเท่านั้น
ส่วนค่ายใหญ่ๆ ผมว่าบางค่ายเค้าซุ่มวิจัยอยู่แหละ :P
-
ผมว่าไม่เหมาะกับเมืองไทยนะ
-
ค่ายไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่จับมือค่ายใหญ่กว่า หรือค่ายที่เค้ามีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ลำบากครับ
ทำรถสันดาปในมาทั้งชีวิต มาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า แทบจะนับ 1 ใหม่เลย ทุนวิจัยสูงมากๆ
และรถไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมตอนนี้ก็ยังจำกัดอยู่ในแค่บางประเทศเท่านั้น
ส่วนค่ายใหญ่ๆ ผมว่าบางค่ายเค้าซุ่มวิจัยอยู่แหละ :P
ตามนี้เลยครับ
ผมว่าไม่เหมาะกับเมืองไทยนะ
ผมก็ว่าตามนี้ครับ เมืองไทยจอดรถกันหน้าบ้านบ้าง ตามถนนบ้างไม่เหมาะครับ
-
เพราะไม่ได้วิจัยเองครับเนื่องจากใช้ทุนสูงในต่างประเทศมี hybrid ซึ่งเป็นการหยิบยืมเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรทางธุรกิจ เหมือน mazda, subaru ต้องยืม toyota
แต่ทำไมที่ไทยไม่พูดถึง ก็เหมือนกับ segment รถแหละครับ ที่เข้ามาทำตลาดเฉพาะตัวที่คิดว่ามีลู่ทางตลาด
ตลาดรถพลังงานทางเลือกในไทยน้อยมาก คนยังไม่ค่อยเปิดรับ ค่าบำรุงรักษาสูง ยังไม่คุ้มค่ากับพลังงานต่างๆ honda เอาพวกไฮบริดมาติดลงตัวเล็กหลายๆตัว สุดท้ายก็ยอดไม่ได้ดี แม้กระทั่ง accord อัดมา option เน้นๆ ก็ยังไม่ได้ขายดีสุด
ที่สำคัญมีคนคอยกรอกหูอยู่ทุกวันว่าไฮบริดแพง ไฮบริดไม่ดี ไฮบริดขายต่อราคาตก คนยิ่งแพนิคกันเข้าไปใหญ่
ครั้งจะขับเพราะรักโลกตัดทิ้งไปได้เลยครับ ญี่ปุ่นอาจจะมีคนคิดแบบนี้ แต่ไทยแลนด์ 99% ไม่มีใครขับเพราะกลัวจะปล่อย co2 สู่ธรรมชาติเยอะแน่ๆ
คนไทยยังต้องการเวลาอีกเยอะครับ คงต้องให้รัฐออก กม. บี้ภาษีไฮบริดมากกว่านี้ แล้วมัดมือชกเอาไฮบริดใส่ทุกรุ่นแบบ mercedes ทำอยู่ อนาคตคนคงเปิดรับมากขึ้น
จากประสบการณ์เลยนะครับ คนใช้ไม่ค่อยบ่นกัน(แต่ก็มีบ่นแหละ) คนไม่ใช้มากกว่าที่บ่นเหมือนใช้มาเป็นสิบคันแล้ว
-
มันเปลี่ยนรูปแบบเทคโนโลยีระบบส่งกำลังเลยนะครับ
เหมือนกล้องฟิล์ม ไปกล้องดิจิตอล อุปกรณ์มันไฮเทคล้วนๆ
ถ้าไม่มั่นใจ ไม่กล้าออกตัวหรอก เพราะยิ่งตัวใหญ่ ยิ่งล้มดัง
-
ค่ายไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่จับมือค่ายใหญ่กว่า หรือค่ายที่เค้ามีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ลำบากครับ
ทำรถสันดาปในมาทั้งชีวิต มาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า แทบจะนับ 1 ใหม่เลย ทุนวิจัยสูงมากๆ
และรถไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมตอนนี้ก็ยังจำกัดอยู่ในแค่บางประเทศเท่านั้น
ส่วนค่ายใหญ่ๆ ผมว่าบางค่ายเค้าซุ่มวิจัยอยู่แหละ :P
ใช่ครับค่ายใหญ่ซุ่มอยู่ car maker looking to take down tesla คิดการณ์ใหญ่ด้วย
-
ผมว่าค่ายใหญ่ๆก็หนาวๆร้อนๆและเตรียมตัวอยู่แต่....คงซุ่มหมัดเด็ดเอาไว้ รอดูเชิงและสถานการณ์ก่อน
-
ค่ายใหญ่อย่าง TOYOTA Honda เขาพัฒนารถไฮบริดไม่ได้พัฒนารถไฟฟ้า ต้นทุนทำไฮบริดยังต้องขายให้คุ้มทุนก่อน ค่ายรถพวกนี้มองว่ารถไฟฟ้าควรต้องมาแต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปเพื่อให้ทุกอย่างพร้อม รวมถึงค่ายรถยนต์มีเวลาปรับตัวไปหารถไฟฟ้า ตอนนี้กำลังทำเครื่องสันดาปภายในกับเครื่องลูกผสม ถ้าอยู่ ๆ จะให้ทำไฟฟ้าอย่างเดียวมันเร็วเกินไป ผลดีไม่ได้ตกกับตัวเอง ต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่หมด อีกทั้งความพร้อมประเทศเราพร้อมมากถึงขนาดจะรองรับรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมากแล้วเหรอ
-
สมัยที่เปลี่ยนจากรถม้ามาเป็นรถยนต์ ก็ต้องใช้ผู้ผลิตที่ไม่เคยผลิตรถม้ามาก่อน เพราะถ้าจะให้ผู้ผลิตรถม้ามาผลิต
รถยนต์เขาคงไม่ยอมนะเขาคงจะเฝ้าพัฒนารถม้าของเขาต่อไป
จีนน่าสนใจมากไม่ได้เป็นผู้นำด้านรถยนต์ combustion น่าจะพร้อมที่จะก้าวมาพัฒนาอย่างเต็มตัว จริงๆตอนนี้
รถไฟฟ้าจีนขนาด B segment ขายกันแค่3-4แสน ทำไมไม่เอามาขายบ้านเราบ้างนะ
-
บ้านเราน้ำท่วมบ่อย ยังไงก็ไม่เหมาะ
-
ลาวเริ่มใช้รถบริการสาธารณะที่หลวงพระบางแล้วครับ
โลกอนาคตยังไงก็ไฟฟ้า
บริษัทรถที่ไม่ขยับมีดับครับ
-
BERLINEarlier this year, a top aide to Chancellor Angela Merkel fired a question at German auto chiefs during a closed-door meeting on the countrys most important industry: What are you going to do about Tesla?
http://www.wsj.com/articles/germany-to-subsidize-electric-autos-1461768367
-
ไม่ต้องรีบครับ รถไฟฟ้ามาแน่แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้ :-* หลายคนคิดว่าทำรถยนต์นั้นง่ายเหมือนทำร้านอาหารที่นึกจะทำก็ตั้งเตาทำได้เลย แต่ผลิตรถมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ บางอย่างก็ไปเร่งมันให้เกิดชั่วข้ามคืนไม่ได้ต้องพัฒนาเรียนรู้สะสมประสบการณ์ยาวนาน ส่วนคนซื้อก็ต้องติดตั้งที่ชาร์ตในบ้านอีกหลายหมื่นไม่งั้นต้องชาร์ตกันข้ามวัน ไหนจะปัญหาระยะยาวอีก เช่น ถ้าใช้รถครบสิบปีแบตเสื่อมแล้วจะทำยังไง ขายซากทิ้ง? จะขายได้เท่าไร บลา บลา บลา :)
-
R&D และ ทุนครับ
-
คงอีกนานครับ
-
รถไฟฟ้า
อาจจะคิดว่าอีกนาน
แต่รับรองว่า มันจะมาเร็วกว่าที่คิดมากๆๆๆครับ
ดูตัวอย่าง จาก kodak NOKIA เป็นตัวอย่างครับ ว่าใครที่ไม่เตรียมพร้อม หรือตัดสินใจผิดพลาด
จะเป็นอย่างไร
-
ไฟฟ้าในบ้านเราเพียงพอที่จะรองรับรถไฟฟ้าทั้งหมดหรือยังครับ
ประเทศผู้ค้าน้ำมันก็พยายามหาทางถ่วงเวลาอยู่
-
เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรนาน การเปลี่ยนแปลงมันเร็วมาก ผมชอบนะรถไฟฟ้า มันสร้างมลพิษน้อย เราจะได้อากาศดี ๆ กลับคืนมา เดินถนน ขี่จักรยาน มอไซค์ ไม่ต้องมีผ้าปิดจมูก
-
ทางพี่บิ้กอย่างพี่โตกำลังซุ่มทำแบบเงียบๆครับ แต่ตอนนี้เอา Fuel Cell มาคั่นเวลา+ หยั่งเชิงก่อน น่าจะไว้คั่นเวลาระหว่างรอพัฒนาเทคโนโลยีแบตใหม่ ที่เห็นว่าเป็นเซลล์ใหม่ดีกว่าเดิม
Lexus LS ตัวต่อไป ผมว่าอาจจะได้เห็น Fuel Cell หรือถ้าเทคโนโลยีแบตใหม่ของโตโยต้าเสร็จก่อน ผมว่า อาจจะได้เห็น LS ไฟฟ้าก็ได้
(ลงทุนเทคโนโลยีแบต Next Gen ทีเดียวเลย ไม่ต้องมาเสียเวลากับแบตลิเทียมในปัจจุบัน)
ผมว่า Fuel Cell ของพี่โตตอนนี้ มันก็ไม่ได้ลงทุนมากมายเหมือน Tesla ที่ทุ่มลงทุนกับโรงงานแบตเตอรี่ขนาดยักษ์ (GigaFactory) ที่ผมสงสัยว่า ถ้าหาแบตแบบใหม่ๆมา โรงงานนี้แทบจะต้องปรับสายการผลิตเยอะพอสมควรเลย
อีกมุมนึง พวกวัสดุ CFRP สำหรับถัง Fuel Cell จริงๆมันก็วัสดุในอนาคตที่จะไว้ทำตัวถังรถไฟฟ้าอยู่แล้วด้วย เอามาทำถังไฮโดรเจนได้นี่คือของแถมมากกว่า เรียกว่า อาจจะอยู่นิ่งๆรอดูกระแส ในขณะที่ตัวเองก็แอบทำเงียบๆไปด้วยน่าจะถูกกว่า
:-X
https://www.youtube.com/watch?v=rBVb-F7b7Gs
ค่ายนิสสันก็ดูแบบเงียบๆ น่าจะซุ่มพัฒนาอยู่ ส่วนฮอนด้านี่ไม่ทราบเหมือนกัน มาสด้าบริษัทเล็กหน่อยผมว่าน่าห่วง พึ่งทุ่มพัฒนา SkyActive ไม่ทันไร กระแสรถไฟฟ้าจะมาอีก :-\
Subaru เค้าญาติห่างๆกับพี่โต คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่นะผมว่า
-
เทคโนโลยีใหม่ต้องใช้เวลาครับ องค์ความรู้ยังไม่มีใครสู้ Tesla ได้ ก็คงรอศึกษาเทคโนโลยีจาก Tesla อีกทีนึง ค่ายรถอื่นๆยังไม่ค่อยมี Know How เกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจาก Nissan กับ Chevrolet ครับ
-
::) ???
อันนี่ไม่แน่ใจว่า จขกท รู้แค่ไหนฮะ ว่า Range ของรถที่ใช้ไฟฟ้าล้วนๆไม่เท่ากับรถใช้นำ้มันนะครับ
(รถดั้งเดิม (ไม่ Hybrid) เติมนำ้มันเต็มถังที วิ่งได้เป็น 1000 กิโลเมตร ส่วนใช้ไฟฟ้าชาร์จทีนึงได้หลัก 100 กิโล)
แค่เรื่องนี้ ก็พอจะเห็นอนาคตแล้วครับ
-
รถไฟฟ้ามันไม่เหมาะสำหรับระยะทางไกลๆ หรือบ้านๆ ตามหนอง ตามนา ตามโคก ตามดอย
แต่มันเหมาะสำหรับคนกรุงฯ มากกว่า
-
รถไฟฟ้า ยังมีจุดด้อยอยู่นะครับ แค่เรื่องการ ชาร์จไฟเข้าแบตให้ได้เร็วกว่าการเติมน้ำมันให้ได้ก่อนครับ
ผมเชื่อว่าหลายๆค่ายรถมีแผนเรื่องรถไฟฟ้าอยู่แล้ว มานานมากด้วย แต่เพียงว่า เมื่อน้ำมันยังไม่หมดไปจากโลก
พลังงานทางเลือกแบบนี้ก็ยัง ไม่ดันขึ้นมาขายง่ายๆครับ ประเทศที่ส่งออกน้ำมัน ก็ลงขัน มีวิ่งเต้นกันกันมากมายครับ
กลุ่มประเทศเรามันปลายแถวครับ ไม่อำนาจไปกำหนดอะไรได้มากนัก
-
ค่ายญี่ปุ่นก็มี nissan leafนะครับ โฉมปี16 แบตจุได้มากขึ้น ชาร์จไฟบ้าน 6 ชม.เต็ม
วิ่งได้ 250 กม. ถ้าเป็นรถใช้ประจำวัน ไม่ได้เดินทางไกล เหลือๆเลยครับ อย่าลืมชาร์จแบตตอนกลางคืนละกัน
-
ผมว่า มันเป็นกระแสครับ
-
มาแน่แต่ไม่ใช่เร็วๆๆนี้
-
มาแน่ แต่ตอนนี้ แค่กระแส คนบางคนก็เพ้อคิดว่าตัวเองแนวคิดล้ำโลก ต้องรถไฟๆ แต่ตั้งสติ ดูความเป็นจริง ก็อีกพักใหญ่ๆ มากๆ
ปล. รถไฟฟ้า ดูเมหือนไม่มีมลพิษ แต่ขั้นตอนการผลิตรถ ผลิตกระแสไฟฟ้า แบตเตอรรี่ มันก็มีมลพิษทั้งนั้น ถ้าจะเทียบจริงๆ ต้อง ทำ LCA ถ้าไม่รู้ อย่าเพิ่งฟันธงฮะ
-
รถไฟฟ้าล้วนๆ ผมว่ายังไม่เหมาะกับบ้านเราครับ คนมีตังค์อาจจะซื้อหามาใช้ได้ แต่คนชั้นกลาง ผมว่ายากมากๆ ไหนจะเรื่องระยะวิ่ง เรื่องน่าห่วงสุดก็เรื่องที่ชาตไฟ ขนาดปั๊มแก๊ส คิวยังยาวมากเลย แล้วชาตไฟ ใช้เวลามากกว่าเติมแก๊สอีก จะไม่ยิ่งยาวกว่าหรอครับ
ผมว่าทำรถที่วิ่งไฟฟ้าล้วนๆ แต่มีเครื่องยนต์คอยปั่นไฟให้ดีกว่า รถแบบนี้ น่าจะเหมาะกับบ้านเรามากกว่าครับ
-
รัฐบอกว่าจะเพิ่มสถานีชาร์ไฟภายใน 20 ปี กว่าจะถึงตอนนั้นต่างประเทศเขาคงขับยานแบบสตาวอร์กันแล้วล่ะ
-
ค่ายใหญ่อย่าง TOYOTA Honda เขาพัฒนารถไฮบริดไม่ได้พัฒนารถไฟฟ้า ต้นทุนทำไฮบริดยังต้องขายให้คุ้มทุนก่อน ค่ายรถพวกนี้มองว่ารถไฟฟ้าควรต้องมาแต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปเพื่อให้ทุกอย่างพร้อม รวมถึงค่ายรถยนต์มีเวลาปรับตัวไปหารถไฟฟ้า ตอนนี้กำลังทำเครื่องสันดาปภายในกับเครื่องลูกผสม ถ้าอยู่ ๆ จะให้ทำไฟฟ้าอย่างเดียวมันเร็วเกินไป ผลดีไม่ได้ตกกับตัวเอง ต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่หมด อีกทั้งความพร้อมประเทศเราพร้อมมากถึงขนาดจะรองรับรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมากแล้วเหรอ
พวกบริษัทรถญี่ปุ่น ทุ่มวิจัยเรื่อง hybrid กับ fuel cell ต้องถอนทุนคืนก่อน ส่วนรถไฟฟ้า จริงๆก็มีทำได้บ้างแล้วอย่าง nissan แต่อย่างว่าตอนนี้คงต้องดันพวก hybrid ออกมาถอนทุนคืนก่อน
-
ดูกล้องใช้ฟิล์มเป็นตัวอย่าง
ชะล่าใจกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกินไป เลยดับอนาถ
แต่ผมไม่ได้สรุปนะครับว่า บริษัทรถจะล้มแบบบริษัทฟิล์ม
-
แหม่ เห็นเปรียบเทียบกับเคส โกดัก กับ โนเกียกันเยอะจัง
รถยนต์มันไม่ได้ซื้อง่ายกันแบบกล้องหรือมือถือนะครับ
ไม่งั้นพวกรถราคาถูกๆ คงขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว
รถยนต์มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ผมกลับคิดตรงข้ามว่า Tesla อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องหายไป
จะโดนเจ้าใหญ่ซื้อ หรือเจ๊งไปเอง ค่อยมาดูกัน
รถไฟฟ้ามีต้นทุนวิจัยและพัฒนาลงไปเยอะมาก แต่ขายเฉพาะกลุ่มเพราะราคาแพงและได้แค่ไม่กี่ประเทศ economy of scale มันจะเกิดได้ยังไง
ถ้าเกิดจริงๆ ผมว่าเป็นสวรรค์ของคนใช้รถน้ำมัน เพราะแบบนี้ demand น้ำมันก็จะลดลงไปอีก ราคาน้ำมันก็จะราคาถูกลงไปอีก เหอๆๆๆ
-
จริงๆ ถ้ามีคนคิดค้น ปฏิกรณ์ขนาดเล็กวางลงแทนเครื่องยนต์เพื่อสร้างกระแสไฟ โดยที่ปฏิกรณ์นั้นอาจเป็นโคลด์ฟิวชั่น หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สะอาดและปลอดภัยในการให้กำเนิดไฟฟ้า แล้วพ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้กันในรถไฟฟ้าทุกวันนี้ บวกกับแบตที่ดีขึ้นอีกเพื่อเก็บประจุ จะเหมาะกับพี่ไทยมากๆ ครับ แต่ดูท่าแล้วน่าจะฝันค้าง ปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่จ่ายไฟพอวิ่งได้ต่อหนึ่ง fuel rod ที่ 20000 กม. พอหมดแล้วก็เปลี่ยน fuel rod ใหม่ โดยใส่มาสัก 3 แกน โดยใช้จริง 2 แกน อีก 1 แกนไว้สำรองเผื่อแกนหลักล้ม ;D
ไม่งั้นก็ต้องทำแบบที่ tesla เคยว่าไว้คือ ถอดแบตทั้งยวงออกแล้วใส่แบตใหม่เข้าไปแทนที่ แล้วเอาแบตไปวนชาร์จ
แต่แบบนี้สถานีน่าจะต้องใหญ่ กินไฟมหาศาล และปริมาณรถและกำลังการชาร์จต้องพอจริงๆ ไม่งั้นวิ่งจากกรุงเทพไปปราณบุรี
ไปเปลี่ยนแบตที่ปั๊มแล้วปั๊มบอกแบตยังชาร์จไม่เต็มเลยครับรอ 2 ชั่วโมงนี่ยุ่งแน่นอนถ้ารีบๆ และยิ่งถ้ารวมช่วงสงกรานต์ที่ปริมาณรถจะมหาศาลเข้าไปด้วยนะครับ โอ้โห หัวปั่นx3แน่นอน
เขียนมาซะยืดยาว
เอาเป็นว่าถ้าเราสามารถชาร์จแบต 90 กิโลวัตต์ของเทสล่าที่มีระยะระยะทางวิ่งตีกลมๆ 400 กม. ได้ใน 5-10 นาที นี่ถึงจะน่าใช้ในชีวิตจริงครับ เพราะเราเติมน้ำมันกันเต็มที่ก็ 5 นาที หรือไม่งั้นก็ต้องสถานีเปลี่ยนแบตไปเลยครับ
ไม่รู้ว่าซูเปอร์ชาร์จของเทสล่านี่เต็มถังปัจจุบันใช้เวลากี่นาทีแล้ว
-
เทคโนโลยี ก้าวหน้าแบบอัตราเร่ง
สิ่งที่คิดว่าไกล อาจไม่ไกลอย่างที่คิด
-
มันเหมาะกับการใช้งานช่วงสั้นๆ Load ไม่มาก วิ่งไปทำงานในเมือง กลับมาชาร์จที่บ้าน
ถ้าวิ่งข้างจังหวัดไกลๆ ยังแก้ปัญหาเรื่องจอดชาร์จแบตไม่ได้
เติม NGV ยังบ่นกันเลย
นี่จอดชาร์จไฟ หุหุ
ปกติครอบบครัวนึง มีรถกัน 1-2 คัน ซึ่งมันก็ต้องตอบสนองการใช้งานได้ครอบคลุมหละครับ
ซึ่งรถไฟฟ้าตอนนี้มันยังตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่หมด ส่วนใครมีกำลัง ซื้อมาขับไปทำงาน กลับมาชาร์จไฟที่บ้านได้ มันก็ดี
-
Telsa ไม่หายไปหรอกคับ ดูซะก่อน เจ้าของเขาคือใคร มุมมองเขาไม่ธรรมดา Yahoo ว่าใหญ่ๆ เบอร์ 1 ของโลก ยังโดนสอยมาแล้ว แล้วไม่ใช่แต่ Telsa ทาง Apple เองก็ลงมาเล่นตลาดนี้แล้วด้วย มีแต่บริษัทรถที่พัฒนาตามไม่ทันจะหายไปแทนมากกว่า
-
ถ้าในต่างประเทศเค้าก็ทำไปแทบทุกยี่ห้อรถแบบไฟฟ้าล้วน
แต่หลายค่ายยังคงเน้นไปปรั๊กอิน มากกว่า เพราะมันยืดหยุ่น ปัญหาปัจจุบันคือเรื่องแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ทนมากขนาดนั้น และมันกว่าจะชาร์จเต็ม หนทาง Hybrid จึงยังคงยั่งยืนกว่า แต่เห็นมั้ยว่าหลังๆมา Plug in มันเห็นง่ายขึ้น เอาจริงๆมันก็แทบเป็นรถไฟฟ้าไปแล้วนั่นแหละ แต่วิ่งได้ไปไกลแค่นั้นเอง
ตอนนี้ต้องคิดให้ได้ว่าทำยังไงให้วิ่งได้ไกลที่สุด และชาร์จเร็วที่สุด อันนี้แหละปัญหา แล้วมันคือเรื่องของแบตเตอรี่มากกว่าตัวรถ
ส่วนแนวทางต่อระยะอยู่ที่ค่ายรถแล้วหละ ว่าจะทุ่มทางไหน ไฮโดรเจน หรือน้ำมัน ซึ่งไฮโดนเจนปัญหาคือถังเก็บที่ต้องทนมากๆเพื่อให้คงสถานะของเหลว
มันก็กินพื้นที่รถเข้าไปอีก นอกจากที่ต้องมีแบตเตอรรี่
หนทางรถไฟฟ้าล้วนยังอีกยาวไกลครับ ถ้าบริษัทรถยนต์ยังต้องทำด้วยตัวเอง ถ้ามีแนวทางลงทุนแบบหลายประเทศเช่นอังกฤษ มีเลนที่ชาร์จไฟไปด้วยได้ หรือสวีเดนที่ทดลองทำแบบรถไฟที่มีขาไปแตะกับสายไฟ โดยเน้นไปที่รถบรรทุกใช้แบบนี้
-
หลายๆค่ายที่ยังไม่พูดถึงเพราะเทคโนโลยีที่มียังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวมั้งครับ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่พอมั้งนะ หรือไม่ก็ยังไม่เริ่มพัฒนาเลยก็เป็นได้
-
มันก็แค่กระแสครับ
-
+1 สำหรับเรื่องเปลี่ยนแบต
ถ้าทำได้จริง ปั้มมีหน้าที่เก็บแบต/ชาร์จรอ รถที่มาใช้บริการก็แค่ถอดเปลี่ยนแบตได้ในระยะเวลารวดเร็ว (ใช้แบตร่วมกันเป็นของส่วนกลาง หน่วยบริการก็ควบคุมคุณภาพแบตไป) แบบนี้ก็โอเคนะ
แต่มันจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆเหมือนเปลี่ยนถ่านมั้ยนะ
-
ดูจากยอดจอง tesla model 3 แล้วน่าจะบอกถึงอะไรบางอย่างได้ครับ
-
ดูจากยอดจอง tesla model 3 แล้วน่าจะบอกถึงอะไรบางอย่างได้ครับ
จริง ยอดจองเป็นแสนๆ บริษัทอื่นจะไม่อยากแบ่งเชียวเหรอ (เทคโนโลยีอาจยังสู้ไม่ได้เลยเก็บตัวพัฒนาก่อนอย่างบางรีบอก)
https://www.youtube.com/watch?v=cVTTXzYVKzM
-
https://www.youtube.com/watch?v=GFRbiAUqheM
-
tesla ไม่ได้หยุดแค่รถนั่งส่วนบุคคลแล้วคับ รถบัส กระบะ รถบันทุก ตอนนี้เริ่มแล้ว.....
พอช เคยบอกว่าเทสล่าเป็นแค่ตัวตลก :) ทุกวันนี้กลับลำมาทำรถไฟฟ้าแทบไม่ทัน มัวแต่ไปบ้า hybrid ที่เป็นเทคโนโลยี่ร้อยกว่าปีอยู่ได้ :lol:
มันไม่ใช่รถเด็กเล่นเหมือนค่ายใหญ่คิดซะแล้ว :lol: จริงๆ bmw / พอช หาแผนมาสยบ tesla เท่าที่ก็รุ้แล้วว่า ค่ายรถใหญ่มันนั่งไม่ติดแล้ว :)
-
ต่อไปคงไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าเกียร์แบบไหนดีที่สุด จะดูอัลคลัทช์ จะ CVT ตอนนี้ต้องสยบให้กับรถไฟฟ้าที่ไม่มีเกียร์ ::)
ไม่ต้องมาห่วงเรื่องน้ำมันเกียร์ ไม่ต้องห่วงเรื่องเกียร์พัง นั่งได้ 7 คน แถมยังมีที่เก็บของเหลือๆ สำคัญสุดคือสวยล้ำมาก (ไม่เชื่อลองเอา Mirai มาเทียบดิ ;D)
ปล. งงตรงไม่มีเบรค เห็นบอกว่าถอนเท้าก็จะเบรคให้เลย (เกิดเมื่อยขาอยากเปลี่ยนท่าล่ะ แต่คงมี cruise ให้มั้ง)
-
อย่าลืมนครับรถค่ายใหญ่ๆไม่ใช่มีแค่lineประกอบรถนะครับ tesla มาถึงจุดนี้ได้เพราะเริ่มต้นก็ไม่มีเครื่องสันดาปแล้วครับ
ในคณะค่ายอื่นมีทั้งเกียร์ เครื่องยนต์ และฯลฯ ที่มีโรงงานเป็นของตัวเอง หุ้นส่วน อีกเท่าไหร่?
ถามว่าค่ายใหญ่ๆเขาไม่พูดถึงเพราะอะไร? ทำได้มั้ยก็ขอบอกว่าทำได้แน่ แต่ยอมขาดทุน+คนตกงาน จะทำมั้ย?
ยังไม่รวมsupplier ที่มารองรับเครื่องสันดาปที่กำลังจะตายอย่างช้าๆ...
-
ผมมองคล้ายๆหนังสือพิมพ์ ในแง้ของคนตกงานเรื่อง powertrain พวกอะไหล่เครื่องสันดาบ จากการย้ายไปสู่ยุค ev
คนบอกว่า วิทยุมา หนังสือพิมพ์จะหายไป
คนบอกว่า โทรทัศน์มา หนังสือพิมพ์จะหายไป
คนบอกว่า อินเตอรเน็ตมา หนังสือพิมพ์จะหายไป
จะ 500 กว่าปีแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ยังอยู่ :o
ลดขนาด ปรับตัว มันก็เป็นมาตลอดอยู่แล้ว ไม่มีใครตายหายไปไหนแน่นอน เรื่อง supplier จะตายผมมองว่าเป็นข้ออ้างล้วนๆ :lol:
ค่ายรถใหญ่ๆกำลังยัดเยียดรถที่ตัวเองผลิตออกมาเกินให้คนซื้อ เพราะเป้าการผลิด productivity ต้องมากกว่า 12% ทุกปี แต่คนซื้อไม่ได้มีกำลังซื้อกันขนาดนั้น :(
สุดท้ายจอดเต็ม yard :lol:
-
ผมตามอ่านอยู่นะครับพอดีไม่มีปุ่มกด Like ชอบความคิดเห็นหลายท่านมาก
ขอเสริมข้อมูลนิดนึงหลายท่านบอกว่า ต้องมีเงินถึงทำไฟฟ้าได้ ผมค้านนะเพราะ Mitsu ไม่มีเงินยังพยายามทำเลย PHEV ที่เคยมาทดสอบในไทย (... รึค่ายนี้ตังหมดเพราะนี้คือหนึ่งในเหตุผมก็ไม่รู้ :P) BYD ก็ทำรถไฟฟ้าราคาถูกได้ ค่ายนี้ผู้บริหารบอกเลยว่าเทคเราสู้ญี่ปุ่นไม่ไหวหรอก ต้องตัดราคาสู้เอา แต่ค่ายนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีเงินเข้ามาทำหรือเข้ามาทำถึงมีเงิน
ตัวแปลหลักผมก็คิดว่าอยู่ที่ Super battery ทาง Tesla Bet ไว้กับ Li-ion มากๆ เกิดวันนึงเทคนี้ไม่ใช่ทางที่ถูก หรือ ใช้เวลานานเกินไปกว่ามันจะกลายเป็นสินค้าสำหรับผลิตขายทั่วไปจริงใช้งานสมบูรญ์ทั้งระบบจริง ถึงตอนนั้นผมว่า Tesla และผู้ที่คาดหวังกับไฟฟ้ามาก มีคางเหลือง แต่ถ้าตรงข้ามก็อาจเป้นแบบที่หลายท่านคิดกัน...