Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sukhontha ที่ สิงหาคม 08, 2016, 15:18:23
-
เรื่องเดิม....
ผมใช้ saab 93ss 2.0T ความเร็วสูงสุดที่ใช้ 160 ครั้งสองครั้ง มีระบบป้องกันตัวเต็มพิกัด ที่ควรจะมี แอร์แบคคู่หน้า +ข้าง+ม่าน+เข็มขัดดึงกลับ ผ่อนออโต้ กันลื่นไถลฯ
สองปีที่แล้ว ลูกชายอายุ 18 มีใบขับขี่แล้ว ยกรถคันนี้ให้ คิดว่าปกป้องเขาได้.....
เมื่อวานดูกล้องติดรถเขา(นาน ๆดูที) ขับรถเร็วพอควร....
เลยถาม....
....เดี๋ยวนี้ลูกขับเร็วสุดเท่าไร?.....
ตอบ....ธรรมดา 120
แล้วสูงสุด วิ่งเท่าไร?...
ตอบ ...เทสรถ ตอนรถว่าง ๆ ไปพัทยา ก็ 220 มันเริ่มขึ้นช้าแล้ว ก็วิ่งแค่นั้น....
บอกเขาไปว่า...ไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดเมื่อไร ถนนจะมีหลุมตรงไหน รถที่ให้ใช้ ป้องกันได้สูงสุดที่ 120 โชคชะตาของคนไม่แน่นอน ปลอดภัยไว้ก่อน....
ตอนนี้กำลังเครียด กังวล ความคึกคะนองของวัย บอกตัวเองว่าคิดผิดหรือเปล่าที่ให้เขาใช้คันนี้?....
ขอความเห็นหน่อยว่า ผมควรเปลี่ยนรถใหม่ที่แรงน้อยกว่านี้ดีไหม
.... อยากจะเปลี่ยนให้ไปขับกะบะสูง ๆ ถ้าเขายอมรับได้ (เพราะอย่างเก่งก็ 180 )...ไม่รู้ว่าคิดถูกอีกหรือไม่... แต่แอร์แบคแค่คู่หน้า...
หรือปล่อยตามโชคชะตาดีครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
-
รถ จะขับเร็ว ขับช้า อยู่ที่คนขับครับ ไม่ได้อยู่ที่รถ
-
คันนี้ขับ 220 ดีกว่าให้วีออสไปขับ 180 ครับ
-
ตัวรถมันดีอยู่แล้วครับ ถ้าจะเปลี่ยนรถไม่ได้แก้ปัญหา
จะแก้ปัญหาให้ได้ก็ต้องสอนลูกให้รู้จักใช้รถให้เป็น อย่าคึกคะนอง
เอาคลิปอุบัติเหตุให้ลูกดูเยอะ ๆ
ถ้าคุณจะคิดผิดผมว่าไม่ได้คิดผิดที่เอารถคันนี้ให้ลูกขับ แต่คิดผิดที่เค้าอายุยังน้อยไป ต้องสอนให้เค้ามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ครับ
-
ถ้ารถได้มาง่ายไป บางทีเค้าอาจไม่ค่อยรู้คุณค่า ทั้งของรถและชีวิต
ต้องหันหน้าคุยกัน
-
ผมแนะว่า หาคอร์สอบรมการขับรถครับ อย่างน้อยถ้ามีสกิลด้านนี้ หากมีเหตุไม่คาดฝัน จะได้พอผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ส่วนรถ เดี๋ยวนี้ Eco car ยังวิ่งกันสุดที่เกือบ 180 ยังไงก็อันตรายครับ
ผมเชื่อว่าด้วยตัวถังซาบยังคงน่าเชื่อถือมากกว่ารถยี่ห้ออื่นหลายยี่ห้อนักครับ
เคสนี้ คงต้องค่อยๆพูดจากัน ถึงอันตรายจากการขับรถเร็วครับ
-
ลูกชายวัยDNAคึกคะนอง ถ้าจะปรับตัวยาก
ต้องคอยบ่นคอยสอนไปเรื่อยล่ะครับ ส่วนรถไม่ต้องเปลี่ยน
-
วัยรุ่น วัยคะนอง ไม่ว่าคุณจะให้รถอะไรไป เค้าก็เหยียบมิดคันเร่งอยู่เเล้ว
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสมรรถนะรถละว่าไปได้เร็วสุดเท่าไหร่ แล้วสมรรถนะการควบคุมของรถดีเเค่ไหน
ผมว่าคุณคงต้องพูดคุยกับลูกเเล้วละเรื่องการขับรถและใช้ความเร็วเหมือนความเห็นข้างบนเเนะนำ
-
ตามวัยครับ แต่ถ้าเป็นห่วงเขาก็ควรยึดรถกลับนะครับ
เพื่อนผมตอนเรียน ม.ปลาย คึกจัด เล่น bmw e36 ขาด 2 ท่อน
หน้าหัก หลังดามเหล็ก พ่อไม่ให้ขับอะไรเลย แม้นมอไซ ดีที่ยังไม่ตาย :P
-
สมัยผม ม.6 ใช้ e30 325is 2ประตู เครื่อง M20 เหยียบแหลก มีคนไปฟ้องพ่อว่าขับเร็ว
พ่อไม่ว่าอะไรดุอะไรมาก เดินมาบอกแค่ หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีรถให้ขับอีกนะ..ดูแลตัวเองดีๆ
หลังจากนั้นผมก็ขับไวเช่นเคยแต่จะดูสภาพแวดล้อให้เหมาะสมครับ ผ่านเวลานั้นที่พ่อบอกมา 9ปี ละ ผมก็ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุ เพราะระมัดระวังตลอดเวลา แต่สมัยนี้หาถนนโล่งๆยาก ก็ขับแค่ 120-140 แต่ไม่เคย ขับหวาดเายวปาดหน้าใครครับ^^
-
น่ากลัวแทน
-
เรื่องแบบนี้พูดยากครับ ยากมากด้วย มันเป็นวัยของเค้า
ช่วงผมวัยรุ่น มีเพื่อนทั้งเป็นเจ้าชายนิทรา ตาย พิการทางสมอง มาจากความคะนองสมัยนั้นเยอะมาก
ยังนั่งคุยกับตัวเองเลย เออ เราผ่านมาได้โดยที่ไม่เป็นอะไรหนักหนาสาหัสเลย ถือว่าโชคดีมาก
ถ้าให้แนะนำนะครับ ติดกล่องจำกัดความเร็วครับ แต่ของแบบนี้ผมอยากให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า แต่ความเสี่ยงมันก็เยอะจริงๆครับ
คติของผมเวลาขับรถคือ กว่าจะซื้อมาได้แทบตาย ให้ตายเพราะสิ่งตัวเองซื้อมา ผมไม่เอาด้วยครับ
ค่อยๆสอนเค้าไปครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
-
รถนะดี แต่ที่ต้องปรับคือคน คงต้องสอนกันยาวและยังยาก หรือหาตัวอย่างให้ดู เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง
มันเป็นไปตามวัย อายุน้อยความคึกคะนองย่อมเยอะกว่าอายุ
-
ผมว่ามันก็ธรรมดาครับที่ต้องลองรถบ้างเพื่อให้รู้เวลามีรถแรงๆเป็นกันส่วนมากหละครับ ทางที่ดีเวลาให้รถลูกก็ไปลองรถกับลูกสอนเขาไปในรถให้รู้สมรรถนะมันเป็นยังไง เมื่อไหร่ขับเร็วได้ตอนไหนไม่ควร ไปลองกับเพื่อนๆอันตรายครับ แต่ขับปกติ 120 ก็ดีแล้วครับ
ปกติผมขับ 110 แต่ถ้าช่วงเปลี่ยนยางใหม่ยางดีๆก็ขับ 170 - 180 บ้าง (Volvo V60) แต่เงื่อนไขคือ ถนนโล่งไม่มีรถคันอื่นและไม่ขับแข่งกับคันอื่น รถยุโรปขับระดับนี้ยังไว้ใจได้ครับ E30 318i ก็นานๆจะขับ 160 บ้าง
-
ปรามขั้นแรกเตือนครับ แล้วให้จ่ายค่าน้ำมันเอง ไม่ให้ตังเพื่อค่าน้ำมันโดยเฉพาะ ให้หักจากค่าขนมซะเลย จะลดความเร็วได้เยอะครับ หรือจำกัดจำนวนถังต่อเดือนก็ว่าไป นอกนัีนจ่ายเอง แล้วเวลามีค่าปรับหักจากค่าขนมด้วย แค่นี้จะเบาลงเยอะครับ
-
ตาม rep บนๆ ขับ 9-3 220 อาจจะยังดีกว่า vios 180 ... อย่างน้อย Saab ก็เรียกได้ว่าเป็นรถที่ปลอดภัย และไม่พยศ ... ไม่เหมือนรถแรงๆหลายๆคัน
ผมว่ารถทุกคันสามารถขับได้เร็วกว่าที่มันจะปลอดภัยได้ ... ทั้งหลายทั้งปวงคงต้องค่อยๆทำความเข้าใจกับเขาแหละครับ
-
ไหนๆก็ ได้ขับละ จะห้าม จะยึด คงยาก ลองคุยกับลูกคุณ ดูคับ เผื่อมีทางออกร่วมกัน
ถ้าเกินแก้ จับเข้าคอร์สสอนขับรถแข่งไปเลย อย่าน้อยก็จะได้ประเมินสถานการณ แก้อาการรถ เป็น
-
สมัยเริ่มขับรถ แม่บอกเสมอว่ารถซ่อมได้ คนซ่อมไม่ได้น๊ะลูก
-
คนขับรถเร็วแก้ยากครับ ไม่ได้เป็นที่วัย วัยรุ่นบางคนก็ขับรถช้า
ถ้าจะให้ใช้รถแรงน้อยกว่านี้ ถูกกว่านี้ ผมว่ามันจะไม่ปลอดภัยเพราะการควบคุม ช่วงล่าง มันไม่ดีเท่าคันที่เคยใช้
แต่ผมเห็นด้วยตามที่พี่Fly to dreamแนะนำ ลองให้จ่ายค่าน้ำมันเองดูครับ ไม่ก็ลดลงมาจากที่เคยให้ ขับเร็วๆก็เหลือตังใช้น้อย
-
วันไหนลองพาเค้าไปเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิดูครับ ให้เค้าเห็นสภาพความบาดเจ็บการตาย การสูญเสีย ความเสียใจของคนที่ยังไม่ได้ตายแต่ต้องทนอยู่กับสิ่งที่เหลือ เค้าน่าจะเริ่มเข้าใจถึงอันตรายของความเร็วมากขึ้น ผมไม่อยากให้ใช้วิธีการหนีด้วยการลดสเป็คของรถลงครับ อย่างที่หลายๆคนบอกมันอยู่ที่คนขับไม่ใช่รถยนต์ สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือถ่ายทอดแนวคิดที่เหมาะสมให้เค้านำไปใช้เองได้ครับ บอกให้เค้าเห็นว่าที่ให้ใช้ซาบเพื่อว่ามันจะได้ปกป้องตัวเค้าเท่าที่จะให้ได้ แต่อย่าที่จะเอาสิ่งที่พ่อคาดหวังจะใช้เพื่อปกป้องตัวเค้าไปทำร้ายคนอื่น
ขอยกตัวอย่างเรื่องคดีเบนซ์ชนฟอร์ดเนี่ย ที่สังคมฮือฮากันในช่วงแรกๆเพราะว่าจังหวะที่ชนกันความเร็วอยู่ที่200หรือไม่ต่ำกว่านั้น แต่สังคมเคยมองย้อนคิดกลับไปไหมว่าไอ้ความเร็ว200ที่เกิดเหตุวันนั้นเนี่ยมีคนอีกจำนวนมากที่ใช้ความเร็วแบบนี้อีกเยอะแยะเลย เอาง่ายๆที่เห็นในเว็บนี้ที่ว่าขับกัน160-180แล้วยังนิ่งเนี่ยมันห่างความเร็วที่ชน200ไม่เท่าไหร่เลย วันๆนึงในหนึ่งชั่วโมงบนท้องถนนประเทศไทยมีโอกาสที่จะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นไม่รู้กี่รอยกี่พันครั้ง หรือาจจะเกิดขึ้นแล้วแต่ไม่มีใครบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้แค่นั้น รู้ไหมครับการชนที่ความเร็ว200ในครั้งนั้นทำให้หัวใจของผู้ขับรถฟอร์ดที่นั่งข้างหน้าเกิดการฉีกขาดขึ้นมา อย่าคิดว่าความเร็ว160 180 หรืออาจจะ120มันจะไม่ทำให้ใครตาย รถยนต์มันก็เป็นแค่พาหะนะที่ใช้ในการเดินทางอย่างหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่านี้ แต่มันขึ้นอยู่กับคนขับเองเช่นกันว่าจะใช้มันเพื่อเดินทางหรือเป็นเครื่องมือฆ่าคน ความต่างของสองอย่างนี้มันห่างกันแค่การตัดสินใจสั้นๆคั่นกลางเท่านั้นเอง
-
ปรามขั้นแรกเตือนครับ แล้วให้จ่ายค่าน้ำมันเอง ไม่ให้ตังเพื่อค่าน้ำมันโดยเฉพาะ ให้หักจากค่าขนมซะเลย จะลดความเร็วได้เยอะครับ หรือจำกัดจำนวนถังต่อเดือนก็ว่าไป นอกนัีนจ่ายเอง แล้วเวลามีค่าปรับหักจากค่าขนมด้วย แค่นี้จะเบาลงเยอะครับ
เห็นด้วยครับ ตอนผมหัดขับรถใหม่ๆ ก็โดนแบบนี้หักค่าขนมไว้ให้พอเติมน้ำมันได้ครับ น้ำมันห้ามเติมให้จะไปไหนให้เบิกเงินแล้วค่อยไปเติม
ตั้งแต่นั้นมาจะไม่ค่อยขับปรู๊ดป๊าดเลยครับ
แนะนำให้เงินเป็นรายวันจะไปไหนให้ขอแล้วเราก็คำนวนไว้แบบพอดีคับ
-
นึกถึงคนอื่นมากกว่าครับ ถ้าเกิดเหตุอะไรแล้วเป็นคนเดียวก็แล้วแต่บุญกรรมแต่ถ้าไปชนคนอื่นหรือลากผู้ไม่เกี่ยวข้องไปด้วยนี่แหละจะเป็นปัญหา เห็นทั้งจากข่าวแล้วด้วยตัวเองมาบ้างซื้อรถให้ลูกขับแล้วซิ่งชนคนตายเคสที่จำได้ติดใจก็ 9 ศพ (แต่ไม่ใช่รถพ่อแม่นะ)
ถนนไม่ใช่สนามแข่งที่จะมีแต่นักแข่งรอบๆไปหมด มีคนธรรมดาที่เค้าไปรับส่งลูก ขนของ ค้าขาย ไปธุระ ไปหาหมอ ไปกินข้าว เยอะแยะไปหมด
-
สมัยผม ม.6 ใช้ e30 325is 2ประตู เครื่อง M20 เหยียบแหลก มีคนไปฟ้องพ่อว่าขับเร็ว
พ่อไม่ว่าอะไรดุอะไรมาก เดินมาบอกแค่ หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีรถให้ขับอีกนะ..ดูแลตัวเองดีๆ
หลังจากนั้นผมก็ขับไวเช่นเคยแต่จะดูสภาพแวดล้อให้เหมาะสมครับ ผ่านเวลานั้นที่พ่อบอกมา 9ปี ละ ผมก็ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุ เพราะระมัดระวังตลอดเวลา แต่สมัยนี้หาถนนโล่งๆยาก ก็ขับแค่ 120-140 แต่ไม่เคย ขับหวาดเายวปาดหน้าใครครับ^^
ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ผมจะลองตามนั้น
วันไหนลองพาเค้าไปเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิดูครับ ให้เค้าเห็นสภาพความบาดเจ็บการตาย การสูญเสีย ความเสียใจของคนที่ยังไม่ได้ตายแต่ต้องทนอยู่กับสิ่งที่เหลือ เค้าน่าจะเริ่มเข้าใจถึงอันตรายของความเร็วมากขึ้น ผมไม่อยากให้ใช้วิธีการหนีด้วยการลดสเป็คของรถลงครับ อย่างที่หลายๆคนบอกมันอยู่ที่คนขับไม่ใช่รถยนต์ สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือถ่ายทอดแนวคิดที่เหมาะสมให้เค้านำไปใช้เองได้ครับ บอกให้เค้าเห็นว่าที่ให้ใช้ซาบเพื่อว่ามันจะได้ปกป้องตัวเค้าเท่าที่จะให้ได้ แต่อย่าที่จะเอาสิ่งที่พ่อคาดหวังจะใช้เพื่อปกป้องตัวเค้าไปทำร้ายคนอื่น
ขอยกตัวอย่างเรื่องคดีเบนซ์ชนฟอร์ดเนี่ย ที่สังคมฮือฮากันในช่วงแรกๆเพราะว่าจังหวะที่ชนกันความเร็วอยู่ที่200หรือไม่ต่ำกว่านั้น แต่สังคมเคยมองย้อนคิดกลับไปไหมว่าไอ้ความเร็ว200ที่เกิดเหตุวันนั้นเนี่ยมีคนอีกจำนวนมากที่ใช้ความเร็วแบบนี้อีกเยอะแยะเลย เอาง่ายๆที่เห็นในเว็บนี้ที่ว่าขับกัน160-180แล้วยังนิ่งเนี่ยมันห่างความเร็วที่ชน200ไม่เท่าไหร่เลย วันๆนึงในหนึ่งชั่วโมงบนท้องถนนประเทศไทยมีโอกาสที่จะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นไม่รู้กี่รอยกี่พันครั้ง หรือาจจะเกิดขึ้นแล้วแต่ไม่มีใครบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้แค่นั้น รู้ไหมครับการชนที่ความเร็ว200ในครั้งนั้นทำให้หัวใจของผู้ขับรถฟอร์ดที่นั่งข้างหน้าเกิดการฉีกขาดขึ้นมา อย่าคิดว่าความเร็ว160 180 หรืออาจจะ120มันจะไม่ทำให้ใครตาย รถยนต์มันก็เป็นแค่พาหะนะที่ใช้ในการเดินทางอย่างหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่านี้ แต่มันขึ้นอยู่กับคนขับเองเช่นกันว่าจะใช้มันเพื่อเดินทางหรือเป็นเครื่องมือฆ่าคน ความต่างของสองอย่างนี้มันห่างกันแค่การตัดสินใจสั้นๆคั่นกลางเท่านั้นเอง
ขอบคุณครับ อันนี้ก็อยากทำ แต่ดูแล้วน่าจะเข็นครก...
ส่วนความเห็นตัดค่าเชื้อเพลิง ขอคิดดูก่อน ปกติผมจะตรวจสภาพรถให้ทุก 3 วัน เติมเชื้อเพลิงพร้อม...
ขอบคุณสำหรับความเห็นท่านอื่น ๆ
.... อยากจะเปลี่ยนให้ไปขับกะบะสูง ๆ ถ้าเขายอมรับได้ (เพราะอย่างเก่งก็ 180 )...ไม่รู้ว่าคิดถูกอีกหรือไม่... แต่แอร์แบคแค่คู่หน้า...
-
ให้ลูกดูคลิปอุบัติเหตุตามยูทูป แล้วสอนอย่างที่คุณสอนเขาครับ และขอเพิ่มเติมว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้าเราประมาท อีกอย่างถ้าเราไม่ชนเขา แต่เจอคนดวงซวยเขาก็จะมาชนเราครับ
-
ผมไม่ทราบว่ารถ Saab ทำพวก reflash ตัดรอบได้มั้ย แต่รถอีโวผมมีตั้งเป็น valet mode ไว้ครับซึ่งรอบจะตัดที่ 4,000 ได้ในทุกเกียร์
-
สมัยผมวัยรุ่น อายุเท่าๆ ลูกพี่ Sukhontha ผมก็ขับคะนองตามวัยครับ แต่มาคิดได้ตอนน้ำมันแพง ช่วงที่ Nymex ขึ้นไป 140 เหรียญ ขับช้าเองโดยอัตโนมัติ เพราะผมจ่ายค่าน้ำมัน หักจากค่ารายเดือนที่บ้านให้มา เหยียบเท่าไหร่ ก็จ่ายเอง ทำให้ผมเพลาเรื่องขับเร็วไปโข ถึงขนาดขับไม่เกิน 100 บนทางด่วน แต่ส่วนตัว ตั้งแต่ขับรถมา 15 ปี ยังไม่เคยขับชนใครเลย แต่ก็มีเฉียดๆ อยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็สมัยนั้น ขับซ่าส์ รถบ้านๆไม่พร้อม เอาไม่ค่อยอยู่ เบรคหนักๆ มีส่าย รอดมาได้ก็บุญแล้ว
จริงๆ พ่อผมสมัยหนุ่มๆ ขับซิ่งกว่าผมเยอะมาก มีแก๊งเพื่อนวิศวะจุฬาฯ ปิดเส้นอังรี แข่ง drag ด้วยซ้ำ ชนประจำ ย่าผมเล่าให้ฟัง บอกเอือมมาก จนในที่สุดพ่อก็ไปเสยเสาไฟฟ้าเส้นราชดำเนิน จนเสียฟันไปสองซี่ ผมมาทราบทีหลังจากแม่ เพราะบังเอิญเห็นกล่องฟันฟลอม นับแต่นั้น ผมขับระวังมากขึ้นทันที จำพวกมุดซ้าย ป่ายขวา นี่แทบจะเลิกเด็ดขาด กลัวพลาด และทำคนอื่นเดือดร้อน แต่ยังขับเร็วอยู่นะครับ ทุกวันนี้ถ้าทางโล่งจริงๆ ผมก็ยังเท้าหนักอยู่ อาจจะเริ่มเท้าเบาตอนน้ำมันแพงอีกรอบ ฮ่าๆ
-
สมัยผมวัยรุ่น อายุเท่าๆ ลูกพี่ Sukhontha ผมก็ขับคะนองตามวัยครับ แต่มาคิดได้ตอนน้ำมันแพง ช่วงที่ Nymex ขึ้นไป 140 เหรียญ ขับช้าเองโดยอัตโนมัติ เพราะผมจ่ายค่าน้ำมัน หักจากค่ารายเดือนที่บ้านให้มา เหยียบเท่าไหร่ ก็จ่ายเอง ทำให้ผมเพลาเรื่องขับเร็วไปโข ถึงขนาดขับไม่เกิน 100 บนทางด่วน แต่ส่วนตัว ตั้งแต่ขับรถมา 15 ปี ยังไม่เคยขับชนใครเลย แต่ก็มีเฉียดๆ อยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็สมัยนั้น ขับซ่าส์ รถบ้านๆไม่พร้อม เอาไม่ค่อยอยู่ เบรคหนักๆ มีส่าย รอดมาได้ก็บุญแล้ว
จริงๆ พ่อผมสมัยหนุ่มๆ ขับซิ่งกว่าผมเยอะมาก มีแก๊งเพื่อนวิศวะจุฬาฯ ปิดเส้นอังรี แข่ง drag ด้วยซ้ำ ชนประจำ ย่าผมเล่าให้ฟัง บอกเอือมมาก จนในที่สุดพ่อก็ไปเสยเสาไฟฟ้าเส้นราชดำเนิน จนเสียฟันไปสองซี่ ผมมาทราบทีหลังจากแม่ เพราะบังเอิญเห็นกล่องฟันฟลอม นับแต่นั้น ผมขับระวังมากขึ้นทันที จำพวกมุดซ้าย ป่ายขวา นี่แทบจะเลิกเด็ดขาด กลัวพลาด และทำคนอื่นเดือดร้อน แต่ยังขับเร็วอยู่นะครับ ทุกวันนี้ถ้าทางโล่งจริงๆ ผมก็ยังเท้าหนักอยู่ อาจจะเริ่มเท้าเบาตอนน้ำมันแพงอีกรอบ ฮ่าๆ
....ค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ให้ เป็นรายวัน วันละ 400 ส่วนค่าเชื้อเพลิง ฟิตเนส โทรฯ แยกต่างหาก ไม่รู้มากไปไหม?....
สำหรับผม รถแรงแค่ไหน ผมก็ขับไม่ค่อย 120 เวลาเร่งแซง อาจจะไปร้อยห้าหกสิบบ้าง แต่แค่ ห้าวิ สิบวิ ไม่นานกว่านั้น สูงสุดที่ผมเคยขับก็ 180 แค่แตะ.... ผมยังมีโชค ขับรถมาตั้งแต่ปี 27 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย....
-
ตามวัยหนะครับ
ตอนวัยรุ่น ไปได้แค่200ก้อเหยียบ 200
ตอนนี้ จา40ไปได้ 240 แค่130ก้อยกละคับ -_-
สอนบ่อยๆ ทำให้ดูผมว่าช่วยได้ครับ
-
แรงตามวัย พอายุมากขึ้นก็จะรู้เองครับ
-
สมัยผมวัยรุ่น อายุเท่าๆ ลูกพี่ Sukhontha ผมก็ขับคะนองตามวัยครับ แต่มาคิดได้ตอนน้ำมันแพง ช่วงที่ Nymex ขึ้นไป 140 เหรียญ ขับช้าเองโดยอัตโนมัติ เพราะผมจ่ายค่าน้ำมัน หักจากค่ารายเดือนที่บ้านให้มา เหยียบเท่าไหร่ ก็จ่ายเอง ทำให้ผมเพลาเรื่องขับเร็วไปโข ถึงขนาดขับไม่เกิน 100 บนทางด่วน แต่ส่วนตัว ตั้งแต่ขับรถมา 15 ปี ยังไม่เคยขับชนใครเลย แต่ก็มีเฉียดๆ อยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็สมัยนั้น ขับซ่าส์ รถบ้านๆไม่พร้อม เอาไม่ค่อยอยู่ เบรคหนักๆ มีส่าย รอดมาได้ก็บุญแล้ว
จริงๆ พ่อผมสมัยหนุ่มๆ ขับซิ่งกว่าผมเยอะมาก มีแก๊งเพื่อนวิศวะจุฬาฯ ปิดเส้นอังรี แข่ง drag ด้วยซ้ำ ชนประจำ ย่าผมเล่าให้ฟัง บอกเอือมมาก จนในที่สุดพ่อก็ไปเสยเสาไฟฟ้าเส้นราชดำเนิน จนเสียฟันไปสองซี่ ผมมาทราบทีหลังจากแม่ เพราะบังเอิญเห็นกล่องฟันฟลอม นับแต่นั้น ผมขับระวังมากขึ้นทันที จำพวกมุดซ้าย ป่ายขวา นี่แทบจะเลิกเด็ดขาด กลัวพลาด และทำคนอื่นเดือดร้อน แต่ยังขับเร็วอยู่นะครับ ทุกวันนี้ถ้าทางโล่งจริงๆ ผมก็ยังเท้าหนักอยู่ อาจจะเริ่มเท้าเบาตอนน้ำมันแพงอีกรอบ ฮ่าๆ
....ค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ให้ เป็นรายวัน วันละ 400 ส่วนค่าเชื้อเพลิง ฟิตเนส โทรฯ แยกต่างหาก ไม่รู้มากไปไหม?....
สำหรับผม รถแรงแค่ไหน ผมก็ขับไม่ค่อย 120 เวลาเร่งแซง อาจจะไปร้อยห้าหกสิบบ้าง แต่แค่ ห้าวิ สิบวิ ไม่นานกว่านั้น สูงสุดที่ผมเคยขับก็ 180 แค่แตะ.... ผมยังมีโชค ขับรถมาตั้งแต่ปี 27 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย....
ปกติพี่ Sukhontha ไปเติมน้ำมันให้เองเลยใช่มั๊ยครับ ผมว่าลองเปลี่ยนให้เค้าไปเติมเอง ถ้ามีเวลา พี่ลองคำนวณค่าน้ำมันคร่าวๆ ของลูกพี่ดูครับ ว่าตกวีคล่ะเท่าไหร่ แล้วให้เค้าใช้ให้พอ ห้ามขอเพิ่ม ผมว่าน่าจะช่วยได้ครับ แต่ทั้งนี้แล้วแต่เลยครับ ผมลองออกไอเดียให้
อ่อ อย่างเรปบน บอกให้ดูคลิปอุบัติเหตุ ผมว่าข่วยได้นะ ทุกวันนี้ ว่างๆ ผมก็ดูคลิปทั้งบ้านเรา และต่างประเทศ ส่วนใหญ่อุบัติเหตุเกิดเพราะความประมาท และทิฐิ บางเคสเกิดเหตุ เพราะไม่ยอมกัน อันนี้ต้องระวังให้มาก ที่ยิงกันตาย ขับปาดไปมา จนลงข้างทาง น่ากลัวไม่แพ้กันครับ เผลอๆ จะยิ่งกว่า เพราะคนสมัยนี้ อารมณ์ร้อน ขี้พาล
-
ผมว่าเอารถกระบะดีกว่าครับแล้วห้ามแต่งด้วยครับของแบบนี้มันขึ่นอยู่จิตสำนึกครับของผมเองมีใบขับขึ่ตอนอายุ24ครับเคยขับรถความเร็วที่160กิโลเมตรต่อชัวโมงครับแต่ถ้าขับเกินกว่านันคงไม่ไหวครับเพราะว่ากลัวว่าจะคุมไม่อยู่ครับ
-
ผมคิดว่า
หารถดีๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุง่ายๆ
หรือ ช่วยลดการสูญเสีย เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว
จะเหมาะสมกว่าครับ
เรื่องขับเร็ว มันเป็นสันดานครับ แก้ไม่ได้หรอก
เพียงแต่ถ้ามีอายุมากขึ้น จำนวนการขับเร็ว ก็จะลดความถี่ลงเท่านั้นเอง
-
ไม่รู้จะเอามาอ่านไม แต่เปลี่ยนรถไปก็เท่านั้นผมว่า
เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่คน คิดได้รึป่าวแค่นั้นเอง
ส่วนตัวผมว่า เขาคิดไม่เป็น ยังไม่โตพอจะคิดได้เอง ตัดสินใจไม่ได้
ส่วนให้ใช้วันละ 400 แยกส่วนมันเยอะไป ลองให้เงินใช้รายเดือน ให้จัดสรรปันส่วนเอาเอง
ให้ฝึกคิด ว่าค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน
ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ก็เอารถคืน และผมว่า ควรจะมีรถใช้ส่วนตัวเมื่อ 20 ขึ้นไปแล้วครับ
-
ตอนเป็นวัยรุ่นได้รถมาขับไปเรียน พ่อผมบอกว่าถ้าชนก็ไม่มีให้ใช้น่ะนั่งรถเมย์ไปเอา ผมเลยไม่ได้กล้าขับเร็วมากเท่าไหร่จะเร็วก็ต้องโล่งจริงไม่เกิน140
กลัวไม่มีรถใช้ไปเรียนมหาลัย ถึงตอนนี้อายุ30ก็ไม่เคยขับเร็วมากก็ยังคงฝังใจก็ไม่มีรถใช้กลัวเสียเวลาๆทั้งๆที่มีหลายคันแต่ก็กังวล
-
ความคิดจะให้ใช้กระบะแทนนี่ ผมว่ายิ่งเพิ่มความเสี่ยง กระบะทุกวันนี้วิ่งแตะ 200 แต่ระบบเซฟตี้ของตัวรถ ห่างซาฟคนละเรื่อง
คงต้องปรับที่การขับขี่เป็นหลัก เน้นที่การพูดคุย ตามความเห็นด้านบนๆ
-
อยู่ที่คนขับครับ ผมเองก็เข้าใจเพราะได้ e90 มาตอนปี1 เหมือนกัน แต่ผมเป็นคนไม่ชอบขับเร็วนะเพราะมีคนเคยบอกว่าขับแว้นแบบนี้รู้กำพืดหมด555 ตั้งแต่นั้นมาชอบขับลอยตัวหล่อๆแทนครับ
-
ผมว่าใช้saabดีแล้วครับ อย่าเปลี่ยนเลย ถ้าเค้าจะขับรถเร็ว ขับคันไหนก็ขับเร็วอยู่ดี แต่ถามว่ามีผลมั้ยถ้าจะทำให้ขับช้าลง มันก็อาจจะช่วยลดลงบ้าง
อีกอย่างที่ผมมองคือ เค้ายังอยู่ในวัยคึกคะนอง เป็นธรรมดาที่อาจจะขับเร็ว แต่ประสบการณ์จะเป็นตัวสอนเค้าเองครับ ที่สำคัญคือทักษะการควบคุมบังคับรถ หรือพูดง่ายๆคือ คุณพอจะทราบมั้ยว่าลูกคุณมีทักษะหรือประสบการณ์อยู่ในระดับไหน เคยเจอเหตุการณ์คับขันมาบ้างมั้ย แล้วแก้สถานะการณ์มาได้อย่างไร ตรงนี้สำคัญไม่แพ้กัน ที่สมาชิกแนะนำคอร์ส driving exprerience น่าสนใจมากๆ อย่างน้อยก็ช่วยให้แก้ไขสถานะการณ์ในยามฉุกเฉินได้
แต่ที่คุณเล่ามาผมเชื่ออยู่อย่างนึงคือ เค้าบอกปกติก็ขับธรรมดา ทั่วๆไป 120 ก็เป็นความเร็วในระดับที่อยู่ในจุดที่ผมเองมองว่าไม่ได้สูงมากนัก แต่ที่ขับถึง220ก็เพราะแค่ลองเทสรถดูเฉยๆ
ประโยคนี้ผมพอเข้าใจอารมณ์ คือบางทีเจอถนนดีๆโล่ง อยากลองรถดูว่ามันจะวิ่งได้สักเท่าไหร่ ก็ลองแค่พอให้รู้แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เพราะคุณไปถามว่า "เคยขับสูงสุดเท่าไหร่" เค้าก็ตอบมาตามความจริง แต่ในชีวิตประจำวันทั่วไปเค้าก็ใช้ความเร็วปกตินั่นแหละ ก็120ตามที่ลูกคุณบอกครับ ลึกๆผมว่าเค้าก็รักชีวิตตัวเองครับ
อีกอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่มเพื่อนของลูกคุณครับ ว่าเค้าใช้รถอะไรกัน มีรถขับกันทุกคนมั้ย แต่งรถรึเปล่า ถ้าคำตอบคือใช้รถทั่วไป รถstandardไม่ใช่กลุ่มรถแรงหรือรถซิ่ง ก็จะสบายใจได้ไปอย่างนึง ว่าอย่างน้อยลูกคุณก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ชอบขับรถเร็วหรือมีแนวโน้มที่จะซิ่งรถกับเพื่อน
สุดท้ายแล้วอยู่ที่คุณจะเชื่อที่ลูกคุณพูดมั้ย เพราะลึกๆแล้วไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของลูกคุณได้ดีเท่ากับตัวคุณครับ
ปล.เป็นการแสดงความคิดในมุมมองของผมนะครับ ผมเองก็ขับรถตั้งแต่มีใบขับขี่อายุ18จนปัจจุบัน30 ก็ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใดๆครับ เรียกได้ว่าก็ผ่านช่วงเวลาอยากรู้อยากลองมาเหมือนกัน เลยมาแชร์ความคิดเห็นให้ฟังครับ
-
Saab 9-3 2.0T 175 แรงม้า วัยรุ่นส่วนใหญ่ยิ่งให้รถแรงยิ่งคะนองครับ ความปลอดภัยแทบไม่นึกถึง ถ้าผมเป็นคุณและรู้ว่าลูกขับเร็วถึง 220 ผมจะไปหา tuner มา flash ecu ล็อคความเร็วครับ ล็อคไว้ซัก 130 (ไม่รู้ว่ารุ่นนี้ล็อคความเร็วได้รึเปล่า) ลองโทรถาม 3 เจ้านี้ดูครับ
https://www.facebook.com/FlashEcuVtuner
https://www.facebook.com/GettunedTuningService
https://www.facebook.com/VichaiEcuFlash
-
Saab 9-3 2.0T 175 แรงม้า วัยรุ่นส่วนใหญ่ยิ่งให้รถแรงยิ่งคะนองครับ ความปลอดภัยแทบไม่นึกถึง ถ้าผมเป็นคุณและรู้ว่าลูกขับเร็วถึง 220 ผมจะไปหา tuner มา flash ecu ล็อคความเร็วครับ ล็อคไว้ซัก 130 (ไม่รู้ว่ารุ่นนี้ล็อคความเร็วได้รึเปล่า) ลองโทรถาม 3 เจ้านี้ดูครับ
https://www.facebook.com/FlashEcuVtuner
https://www.facebook.com/GettunedTuningService
https://www.facebook.com/VichaiEcuFlash
ขอให้ข้อมูลเพื่อแก้ไขครับ
93ss 2.0 t และ 2.0T ในเมืองไทย ไม่เหมือนเมืองนอก สเป็ค175 เป็นของมาตรฐานเมืองนอก แต่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น t หรือ T จะใช้กล่องตัวเดียวกัน คือ 195 ม้า ของเฮิร์ท ถ้าเป็น aero จะเป็น 220 ม้า
ส่วนการจำกัดความเร็ว สามารถทำได้ เคยทำช่วงแรก ๆที่เขาใช้ ตอนหลังกังวลเผื่อมีการเร่งแซง หรือมีความจำเป็นต้องใช้ มันทำไม่ได้ จึงกลับมาปล่อยเหมือนเดิม ประมาณนี้
ขอบคุณครับ
-
ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ดีกว่าไปจำกัดเค้า ดีกว่านะครับ ....
และผมเชื่อว่า น้องเค้าคงไม่ขับ 220 ตลอดเวลาที่ใช้รถหรอกครับ ...
นึกถึงเราตอนเด็ก ความคึกคะนอง มีอยู่แล้วครับ แล้วยิ่งไปกับเพื่อนด้วย แรงยุมา แรงส่งมี กดมิดสิครับ ทั้งมุดทั้งปาด ....
แนะนำพูดคุย ให้เค้ามีสติ กับการขับรถดีกว่าว่าอะไรควร ไม่ควร ...
ไม่ใช่ไปจำกัดที่อุปกรณ์ รถวิ่งได้ 220 ไปล๊อคให้เหลือ 180
รถแรงไป แล้วไปหารถที่มีกำลังลดลง แต่รถพวกนี้ ช่วงล่าง ความปลอดภัยก็ตามราคา ชนที่ความเร็ว 80 ไม่รอดเยอะแยะนะครับ ...
ขับ Saab ดีแล้วครับ ที่เหลือ คือสร้างภูมิคุ้มกันด้านความคิดและทัศนคติ ครับ อันนี้จะปลอดภัยกว่ามีถุงลม 8 ใบซะอีก ....
-
เข้ามาบอกอีกที ระวังการเลี้ยงลูกแบบ พ่อแม่รักแกฉัน นะคะ อายุ18 ได้วันละ 400 ค่าอื่นๆต่างหาก รวมๆแล้วเดือนนึงได้รายได้มากว่าเด็กป.ตรีทำงานอีก หลายๆคนตอนอายุเท่านี้ยังได้เงินกันไม่เท่าไหร่เองแถมยังขึ้นรถเมล์รถตู้ไปเรียน
-
วัยนี้ ห้ามไปก็ไม่ฟังหรอกครับ แล้วแต่เค้า ว่าคิดได้มากแค่ไหน
-
วัยนั้น ใครๆก็เป็นครับ ก็ปล่อยเรียนรู้ไปด้วยตัวเอง ผมว่าลองพยายามสอนเทคนิคเพิ่มดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่าไปแก้ที่อุปกรณ์ครับ
ไม่ก็ ถ้าได้ใบจับความเร็วมา ก็งดค่าขนมเท่ากับที่โดนไป ดีมั๊ยครับ ฮ่าฮ่า
-
ถ้าทำอะไรไม่ได้ คิดเสียว่าเป็นกรรม ส่วนตัวผมปัญหาคล้ายกัน f10 ถามว่าขับเท่าไหร่ครับ topเลยพ่อ ลองดูว่าได้เท่าไหร่อยากรู้ครับ จะนิ่งเหมือน ev มั้ย แต่ปกติถนนโล่งๆก็แค่ร้อยสี่ร้อยห้าครับพ่อ
ผมคิดในใจ เวรละซิ เลยบอกเค้าว่ารถพังซ่อมได้ แต่คนตายแล้วตายเลย พิการแล้วพิการเลย คำตอบคือครับพ่อจะช้าลง แต่ก็เห็นกินน้ำมันมากกว่าผมขับอยู่
เลยแก้โดยซื้อ civic rs ให้ครับ หลังใช้ไปสามสี่วันเลยถามว่าใช้ดีมั้ย? ก็ดีครับ ร้อยสี่ก็ไม่กล้าไปต่อแล้วครับเสียวเหมือนเหมือนรถลอยอยู่บนถนนเลยครับ จบกัน.
-
ยึดรถ ไม่ให้ใช้ บอกไปตรงๆว่าขับเร็ว
ไม่ชอบคนโกหก
ผมขาโหด
-
ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ดีกว่าไปจำกัดเค้า ดีกว่านะครับ ....
และผมเชื่อว่า น้องเค้าคงไม่ขับ 220 ตลอดเวลาที่ใช้รถหรอกครับ ...
นึกถึงเราตอนเด็ก ความคึกคะนอง มีอยู่แล้วครับ แล้วยิ่งไปกับเพื่อนด้วย แรงยุมา แรงส่งมี กดมิดสิครับ ทั้งมุดทั้งปาด ....
แนะนำพูดคุย ให้เค้ามีสติ กับการขับรถดีกว่าว่าอะไรควร ไม่ควร ...
ไม่ใช่ไปจำกัดที่อุปกรณ์ รถวิ่งได้ 220 ไปล๊อคให้เหลือ 180
รถแรงไป แล้วไปหารถที่มีกำลังลดลง แต่รถพวกนี้ ช่วงล่าง ความปลอดภัยก็ตามราคา ชนที่ความเร็ว 80 ไม่รอดเยอะแยะนะครับ ...
ขับ Saab ดีแล้วครับ ที่เหลือ คือสร้างภูมิคุ้มกันด้านความคิดและทัศนคติ ครับ อันนี้จะปลอดภัยกว่ามีถุงลม 8 ใบซะอีก ....
ขอบคุณครับ...ให้เหตุผลได้ดี ขอรับไว้พิจารณาครับ
เข้ามาบอกอีกที ระวังการเลี้ยงลูกแบบ พ่อแม่รักแกฉัน นะคะ อายุ18 ได้วันละ 400 ค่าอื่นๆต่างหาก รวมๆแล้วเดือนนึงได้รายได้มากว่าเด็กป.ตรีทำงานอีก หลายๆคนตอนอายุเท่านี้ยังได้เงินกันไม่เท่าไหร่เองแถมยังขึ้นรถเมล์รถตู้ไปเรียน
ขอบคุณครับ ตรงนี้ก็เข้าใจ คิดว่าให้มากไป แต่ เห็นเพื่อนเขาได้ประมาณนั้น ไหนจะต้องเลี้ยงข้าวเย็นแฟน ก่อนพอไปส่งบ้าน...
....เขาไม่โกหกผม ตอบตรง ถ้าถาม ถ้าไม่ถามก็เฉย ๆ....ผมไม่ปิดกั้น มีแฟน พามาบ้านได้ .. ในรถ ผมทิ้งคอนด้อมไว้ให้ด้วย เผื่อมีอุบัติเหตุ แต่ไม่ใช่ส่งเสริม**
-
ใช่ครับวัยรุ่นขับคึกคะนองกว่าผู้ใหญ่
แต่จะไปให้ใช้ กระบะ 4 ประตู เขาก็ยังจะลองเหยียบมิดอยู่ดีไหมครับ
180 กระบะ กะ 220 Saab ผมว่า Saab นี่ เอาอยู่กว่ากันเยอะนะครับ
ฉนั้นสอนให้เขาเข้าใจว่าขับเร็วแต่ต้องเอาให้ชัวร์ ให้ถนนโล่งจริง มุมเสี่ยงอย่าอัด โค้งอย่า ข้างหน้ามีรถวิ่งเลนข้างๆ ยกไว้ เผื่อมันเปลี่ยนเลนออกมา
สอนด้วยว่า ถ้ารถมันหลุดแล้ว มันไปเลยนะ (ถึงจะมีระบบก็ตาม มาไวจริงๆ ก็ส่ายเหมือนกัน) ตายเลยนะ ไรงี้ครับ
ตัวผมก็ขับไว อัดสุด แต่ก็อัดเฉพาะตอนที่มั่นใจจริงๆ
มันก็ไม่ใช่แค่วัยนะครับ พ่อผม พี่ผม ก็อัดสุดเหมือนกัน เวลาลองรถ หรือถนนโล่งๆ มันเป็นนิสัยมากกว่า
-
สอนครับ เหลือจากนั้นคือปล่อย
เราเองก็เป็นอย่างนั้น
มีคนบอกเรา เราเชื่อมั้ย
กฎหมายกำหนด เราเชื่อมั้ย
เรารู้อยู่เต็มอก เราเตือนตัวเองได้มั้ย
สารพัดอ้างที่จะขับเร็ว
หลายคนทำได้ คือดีแล้ว
หลายคนยังทำไม่ได้ สุดท้ายก็คือ ต้องปล่อย
-
ขอบคุณทุกคำตอบครับ
จะพยายามนั่นอ่านให้ละเอียด และเลือกวิธีการ เพื่อค่อย ๆกล่อมเกลา...ครับ
-
เอาใจช่วยครับ
-
แนะนำหาโรงเรียนสอนขับรถเรียนกันแบบจริงจังไปเลย
แล้วก็จุดเปลี่ยนของผมมาอยู่ตอน ที่เติมน้ำมันเองกับออกค่าซ่อมรถเอง
ขับแรงๆไม่ถนอม พังมาต้องจ่ายซ่อมเอง เท้าเบาไปเยอะ
ถ้าพังแบบซ่อมแพง นี่เรียกมาผ่อนจ่ายรายเดือนหักค่าขนมไป
-
ตอบจากประสบการณ์ตัวเอง ที่เคยผ่านวัยคึกคะนองครับ ปัจจุบันก็ยังมีบ้าง (ตอนนี้ 24 ครับ)
มันไม่ได้เกี่ยวกับรถหรอกครับ แต่มันเกี่ยวกับวัย เพราะเพิ่งเคยมีรถเลยอยากรู้อยากลอง
อารมณ์ร้อน ใครปาดหน้าต้องปาดคืนกลายเป็นการแข่งไปโดยปริยาย
เริ่มแรกใช้ Nissan March ผมไม่ได้สนหรอกว่าช่วงล่างเป็นไง หรือว่าขีดจำกัดมันอยู่ตรงไหน หรือศึกษาหาข้อมูลอะไรมากมาย สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้คือมันแรงแค่ไหน ทำยังไงจะรู้ก็ต้องลองสิครับ ตอนนั้นเปรี้ยวเลยหล่ะ แล้วจุดเปลี่ยนก็เกิด เพราะผมเกือบโดนสิบล้อกวาดลงถนนเพราะแซงกระชั้น
(นั่นเป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรก) ทำให้ระวังมากขึ้น ....... แต่สงครามยังไม่จบนับศพทหารไม่ได้
ต่อมาเปลี่ยนเป็น Honda City รถแรงขึ้นช่วงล่างดีขึ้น ก็กลับมาเฟี้ยวอีก กำลังซิ่งบนทางด่วนเลย น่าจะ 160 กว่าๆได้ มีรถเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน
ผมเบียดกับเกาะกลางทางด่วนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าผมชนรถที่ตามมาข้างหลังอีกเป็น 10 คงชนต่อแน่ๆ แต่เหมือนนรกยังไม่เปิดรับเลยรอดมาได้แบบหวุดหวิด ที่เค้าเรียกว่า ตกใจเหมือนวิญญาณออกจากร่าง มันเป็นแบบนี้นี่เอง เหตุการณ์นั้นทำให้คิดว่า เราสนุกได้แต่ไม่จำเป็นต้องเร็วเสมอไป
สุดท้ายแค่อยากบอกว่า สร้างทัศนคติและพฤติกรรมที่ถูกต้องน่าจะดีที่สุด เค้าอาจจะฟังบ้างไม่มากก็น้อย แต่เค้าจะรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเค้ามากที่สุด
บางทีประสบการณ์มันเป็นบทเรียนราคาแพงที่ซื้อหรือฟังจากใครไม่ได้ แม้แต่ (พ่อกับแม่) การใช้รถดีอยู่แล้วมันก็จะช่วยเซฟเวลาเกิดเหตุการณ์คับขันได้ดีมากกว่าครับ ^^
ปล.การเรียนก็พอจะช่วยได้ครับ เพราะเค้าจะมีทักษะที่ดีขึ้น แต่ถ้าคนไม่เอา 10 โรงเรียนก็ไม่มีประโยชน์
-
ผมล่ะอิจฉาเด็กบ้านรวยสมัยจริงๆ คือแบบขับชนแล้วงัยมีประกัน มีเงินซ่อม
สมัยผม 19-20 นี้ยืมรถเค้าขับระวังสุดตัวเปลี่ยนเลนทีมองทุกกระจกเหลี่ยวหลังมองอีกรอบด้วยกลัวตกกระจกขับไม่เคยเกิน100เลย
ถ้าเกิดขับรถเค้าชนนี้ตายแน่ไม่มีเงินซ่อม
เอาใจช่วย จขกท.นะครับ เป็นพ่อ-แม่ รู้ว่าลูกขับเร็วขนาดนี้เป็นห่วงแน่ๆครับ เด็กสมัยนี้เตือนอยากด้วย
-
Saab 9-3 2.0T 175 แรงม้า วัยรุ่นส่วนใหญ่ยิ่งให้รถแรงยิ่งคะนองครับ ความปลอดภัยแทบไม่นึกถึง ถ้าผมเป็นคุณและรู้ว่าลูกขับเร็วถึง 220 ผมจะไปหา tuner มา flash ecu ล็อคความเร็วครับ ล็อคไว้ซัก 130 (ไม่รู้ว่ารุ่นนี้ล็อคความเร็วได้รึเปล่า) ลองโทรถาม 3 เจ้านี้ดูครับ
https://www.facebook.com/FlashEcuVtuner
https://www.facebook.com/GettunedTuningService
https://www.facebook.com/VichaiEcuFlash
ขอให้ข้อมูลเพื่อแก้ไขครับ
93ss 2.0 t และ 2.0T ในเมืองไทย ไม่เหมือนเมืองนอก สเป็ค175 เป็นของมาตรฐานเมืองนอก แต่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น t หรือ T จะใช้กล่องตัวเดียวกัน คือ 195 ม้า ของเฮิร์ท ถ้าเป็น aero จะเป็น 220 ม้า
ส่วนการจำกัดความเร็ว สามารถทำได้ เคยทำช่วงแรก ๆที่เขาใช้ ตอนหลังกังวลเผื่อมีการเร่งแซง หรือมีความจำเป็นต้องใช้ มันทำไม่ได้ จึงกลับมาปล่อยเหมือนเดิม ประมาณนี้
ขอบคุณครับ
พอดีผมไปหาข้อมูลใน wiki เลยนึกว่าแค่ 175 แรงม้า ถ้าแรงม้า 195 ยิ่งน่าห่วงครับ ยกตัวอย่างผมเองเพิ่งมาขับรถช้าลงตอนอายุขึ้นเลข 3 เองครับ ส่วนเรื่อง lock ความเร็วถ้าเป็นห่วงเรื่องแซงก็เรียกลูกมาคุยตรงๆเลยครับ ว่าพ่อ lock ไว้ 130 ถ้าอยากเผื่อหน่อยก็ 140 ที่ lock ไว้เพราะเป็นห่วงลูก ถ้าจะขับไปไหน เวลาเร่งแซงให้คิดเผื่อไว้ด้วยว่าล็อคความเร็วเอาไว้ที่ 140 เอาไว้ลูกโตขึ้นกว่านี้พ่อจะปลด lock ให้ ลองคุยดูนะครับ
-
เดี๋ยวสักพักเขาก็จะรู้ตัวเองครับ ผมผ่านจุดอายุ 18 มาแล้วที่ซิ่งตลอด
แต่ซิ่งไม่ได้ทุกวันหรอกครับ ชีวิตไม่ได้เร่งรีบอยู่ทุกวัน แค่อยากรู้อยากลองแค่นั้นเอง พอรู้ว่าเป็นยังไงก็จะหยุดทำ
-
เรื่องเงินอย่าไปคิดว่าเด็กจะกลัว เขามีวิธีหาเงินมาเติมน้ำมัน
ขอเพื่อน ยืมคนอื่น จิ๊กเงินพ่อแม่
ทำให้เขารักตัวเอง รักรถ และรู้ว่าพ่อแม่รัก
น่าจะช่วยให้ลดกวามเร็วลงบ้าง
-
1. ให้จ่ายค่าดูแลรถเอง หรือถ้าไม่ไหว ก็คนละครึ่ง หมายถึงค่าน้ำมัน ค่าประกัน ค่าซ่อม
2. ค่าน้ำมันออกเอง
3. ทำประกันชีวิต และประกันอุบัติเหตุให้ ตอนทำ เรียกไปนั่งฟังด้วย
4. ติดกล้องหน้ารถที่บันทึกความเร็วได้ บังคับว่าห้ามปิดตลอดเวลาการขับ เพื่อตรวจสอบว่าขับไปทำอะไรมาบ้าง (อันนี้คงต้องคุยกันยาวกับลูก)
แต่ก่อนตอนเพิ่งขับรถเป็น อายุ 20-21 ผมขับสามห่วงเครื่อง 1.3 ยังขับตั้ง 140 แทบปลิว ไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไง
ยิ่ง Saab 9-3ss ผมเคยลองบนบูรพาวิถี ผมก็ขับ 200 (ตอนนั้นอายุ 24) พอ 30 ผมก็ยังมีบ้างทีี่ขับ 150-160 ตอนนี้ 36 ขับเหลือ 120-130 (ขับรุ่นนี้เช่นกัน) อายุมากขึ้นต้องรับผิดชอบรถเองและมีครอบครัว
แต่ที่ยังมีเร็วๆบ้าง ก็ส่วนหนึ่งเพราะรถมันดีครับ ขับเร็วก็ไม่รู้ว่าเร็ว ต้องตั้งเตือนตลอด เกิน 130 ให้ติ้งต่องๆ