Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 07:51:42

หัวข้อ: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 07:51:42
ในฐานะที่ผมทำงานโรงงานเป็นช่างซ่อมบำรุงมา15ปีแล้ว อยากแชร์ความรู้สึกและการเลือกซื้อรถของคนใช้แรงงานระดับshop foor ซึ่งมีรายได้เฉลี่ย 15000-40000 หน่อยนะ ผมติดตามบอร์ดนี้มานานพอสมควร ได้อ่านความเห็นส่วนใหญ่ว่า ออฟชั่นจัดเต็ม ระบบความปลอดภัยครบๆจะขายดี ซึ่งผมอยากบอกว่าไม่เป็นความจริงเลย ในชนชั้นผู้ใช้แรงงาน ซึ่งผมถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของคนซื้อรถแล้วในประเทศไทย เอาแค่ในแผนกช่างที่ผมอยู่มีคนใช้กระบะ 11คน ล้วนแต่เป็นรุ่นกลางทั้งสิ้น ซึ่งแทบไม่มีระบบความปลอยภัยอยู่เลย มีเพียงถุงลมกับเบรคabsเท่านั้น และ100%เป็นรถกระบะยกสูงทั้งหมด  มีแค่1คัน ที่เป็น รีโว่2.4g ที่เป็นตัวท๊อป แต่ก้อไม่ได้มีระบบปลอดภัยอะไรมากมาย ผมถามเพื่อนที่ซื้อตัวนี้ เพราะว่าภายในมันหรูเท่านั้นvsc หรือระบบอะไรไม่ได้สนใจ  ผมถามเด็กในไลน์ผลิตยีงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถตัวเองมีเบรคabsหรือป่าว อันนี้คือเรื่องจริงที่ประสบมา  เดินดูที่จอดรถในโรงงาน ส่วนใหญ่เป็นกระบะยกสูงตัวกลางๆทั้งสิ้น ปัจจัยหลักของคนซื้อรถในระดับผู้ใช้แรงงานจริงๆแล้ว มีเพียง แบรนด์ โปรโมชั่น เท่านั้น ของเพียงเป็นกระบะยกสูง 4ประตูเท่ห์ๆเท่านั้นเป็นพอ ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆไม่มีผลต่อการเลือกซื้อรถเลย  ปล. รถเก๋งก้อมี แต่เป็นส่วนน้อย กระบะเกิน80% ครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Megalodon ที่ กันยายน 12, 2016, 08:04:06
ผมก็เข้าใจนะครับ ในส่วนนี้ แต่เรื่องความปลอดภัยของชีวิตเวลาขับรถก็สำคัญ เราไม่ประมาทแต่คนอื่นประมาท อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ผมเป็นคนนึงที่คิดว่าระบบ safety ต่างๆสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย ระบบเตือนรถมุมอับ ระบบช่วยเบรคหรือเตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้าด้านหลัง

สิ่งเหล่านี้มีเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ช่วยลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุได้จริงนะครับ ผมเองเคยรถคว่ำมา นานมาแล้ว ถ้าวันนั้นผมไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการรณรงค์ให้คาด หรือเป็นกฎหมายให้รถทุกคันมีและต้องคาดโดยเฉพาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า ผมก็คงไม่มีชีวิตมานั่งอ่านกระทู้ต่างๆในวันนี้

ระบบนิรภัยต่างๆที่คิดและทำขึ้นมาใส่ในรถรุ่นต่างๆในรุ่นใหม่ๆผมนิยมชมชอบมากครับ ชีวิตเรามีชีวิตเดียว ขับรถไปแต่ละวันจะเจออะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้เลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: rotaryman ที่ กันยายน 12, 2016, 08:22:34
ถูกครับ มันคือความจริง :P

คนส่วนใหญ่เน้นภาพลักษณ์ทางสังคมมากกว่าอย่างอื่น ขอแค่ใช้ยี่ห้อ หรือ รุ่น ที่ฮิตๆกัน เท่านี้เขาก็คุยได้แล้วว่าขับรถรุ่นนี้อยู่   ::)

เขาไม่สนใจหรอกว่าจะตัวท๊อปหรือตัวล่าง เพราะมันคืนรุ่นเดียวกันหน้าตามันก็เหมือนกัน :-*

ส่วนระบบความปลอดภัย ผมเคยได้ยินคนรุ่นพ่อเค้าคุยกันเขาบอกว่า "ถุงลมหลายใบมีมาทำไม ไม่อยากใช้ " เท่านี้ก็จบแล้วล่ะครับไม่ต้องไปต่อปากต่อคำให้เสียเวลาเลย  :'(

บางคนออกรถใหม่ยังคุยเลยว่ารถเขามีไฟ LED Day time runing ติดให้ด้วยนะ  ;) ไม่มีหรอกครับจะมาคุยว่ารถเขามี ระบบช่วยทรงตัว เตือนการเปลี่ยนเลน หรือถุงลม 7 ใบ :(

เพราะระบบความปลอดภัยมันคือสิ่งที่มองไม่เห็นจากภายนอก เลยทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นความสำคัญ และ "โชว์" หรือ "อวด" คนอื่นเขาไม่ได้  :-X

นอกเสียจากว่าเขาผู้นั้น เกิดอุบัติเหตุกับตัวเองซักที แล้วอุปกรณ์เหล่านั้นช่วยชีวิตเขาไว้จนรอด  :'(

ยอมรับความจริงเถอะว่าคนที่จะศึกษาอย่างละเอียดถึงอ๊อฟชั่นต่างๆที่เขาให้มามันมีประโยชน์ยังไงเป็นคนส่วนน้อยครับ บางคนซื้อรถยังไม่อ่านแคตตาล๊อกเลย :P

ต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องรถจริงๆอย่างท่านสมาชิกทั้งหลายนั่นล่ะครับ  :)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 12, 2016, 08:39:13
ผมว่ามันก็เป็นธรรมดามนุษย์ หลายๆครั้งมันขึ้นกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราด้วย รวมทั้งตัวผมเอง
ผมเริ่มใช้รถครั้งแรกของที่บ้านเป็นรถที่ไม่ไม่อะไรเลย ดีนะยังมีแอร์

และเมื่อผ่านไปหลายคัน ก็คนพบความจริงหลายอย่าง ทั้งด้านที่ดีและด้านไม่ดี หลายครั้งจากสูงสุดคืนสู่สามัญ  แต่เรื่องความปลอดภัยผมไม่ละเลยนะ ทั้งที่แทบไม่เคยใช้เลย ถุงลมไม่เคยทำงาน vsc ทำงานบ้าง ส่วนabsเรื่อยๆ แต่เป็นการเบรคโดยไม่หักหลบ แค่ลื่นมันเลยล๊อค

เรื่องเงินก็เป็นส่วนนึงในการเลือกซื้อคับ ของบางอย่างมันก็เกินความจำเป็นสำหรับเค้า
แต่อย่างนึงที่ผมไม่เห็นด้วย เช่น รถที่มีแต่ของแต่งทั้งคัน แต่ไม่มีความปลอดภัยเลย กับรถที่ไม่ได้แต่งแต่มีระบบความปลอดภัย ราคาใกล้เคียงกันมาก ผมเลือกคันหลัง
แต่คนไทยชอบเลือกคันแรก ตรงนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆ ยอมทุกเหตุผล  หลายๆครั้งผมว่ามันแต่งได้ทุเรศด้วยสิ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: TheZero ที่ กันยายน 12, 2016, 08:44:57
เลือกเอารุ่น ที่ให้ระบบ safety มากที่สุด ในงบที่ตัวคุณ ผ่อน/ซื้อ แล้วไม่ลำบาก ครับ มีไว้ดีกว่า นาทีฉุกเฉิน มันจะช่วยคุณได้
-VSC,ESC,ESP
-TCS
-Lane-keep Assist
-HBC
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pladaek ที่ กันยายน 12, 2016, 09:10:34
จริง.. เมื่อเช้านี้เลย ผมเห็นโพสในคลับ Dmax 1.9

มีคนถามเกี่ยวกับ Isuzu Dmax Cab4 ตัวเตี้ย
รุ่น S 670,000 บาท (ไฟหน้ามัลติรีเฟลคเตอร์ ไม่มี ABS ล้อกระทะ)
รุ่น Z 800,000 บาท (ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ มี ABS ล้อแม็ก) เอาอ๊อฟชั่นคร่าวๆนะ

พบว่าประมาณร้อยละ 80 บอกว่าเอาตัว S

เสียงส่วนใหญ่บอกว่าเอาส่วนต่างไปแต่งดีกว่า
ไม่มีใครพูดถึงระบบเบรค ABS หรืออ๊อฟชั่นความปลอดภัยอะไรเลยครับ..

พอเป็นคลับที่รถมีมูลค่าราคาสูงอย่าง เอฟเวอร์เรส หรือฟอร์จูนเนอร์
คนที่เชียร์ส่วนใหญ่มักจะเลือก Top Option
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Staples ที่ กันยายน 12, 2016, 09:17:35
สำหรับคนทั่วไป ไงก็ซื้อเจ้าตลาดกลางๆ ครับ แต่ถ้าผมเป็นฝ่ายการตลาดค่ายเล็ก การจะจัดรถธรรมดามาขายชนกับเจ้าตลาด เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ สู้สร้างความต่าง จับลูกค้าส่วนน้อย ที่มองความปลอดภัย ดีกว่าไม่มีลูกค้าเป้าหมายเป็นหลักเป็นแหล่งดีกว่า
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: decptt ที่ กันยายน 12, 2016, 09:19:07
ไม่ใช่แค่เมืองไทยครับ ทางพวกอเมริกา บางคนยังไม่รู้จัก ABS เลยครับ เพียงแต่ว่า มันเป็น "กฏหมายบังคับ" ทำให้รถทุกคันต้องมี ถุงลม ABS
 
ดังนั้น ผมว่า ระบบความปลอดภัย ควรออกเป็นกฏหมายบังคับมากกว่าครับ เพราะไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Kratipkuow ที่ กันยายน 12, 2016, 09:19:34
    เหตุผลในการเลือกรถของแต่ละคนมีหลากหลายมากครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของแต่ละคน อาจจะนิยามต่างกัน
อย่างเช่น บางคนจะมองที่ความปลอดภัยขณะใช้รถ เป็นหลักซึ่งก็จะเป็นกลุ่ม Active&Passive safety ต่างๆและโครงสร้างต่างของตัวรถ
กับอีกกลุ่มอาจจะมองเป็น ความปลอดภัยในการใช้รถ เช่นมองเรื่องศูนย์บริการ ราคาขายต่อ อะไหล่ สำคัญสุดรายรับรายจ่าย ส่วนระบบความปลอดภัยของรถก็จะมองบ้างแต่ให้ความสำคัญน้อยกว่า
    และด้วยเหตุผลด้านเศรษศาสตร์ที่ว่าทรัพยาการมีอยู่อย่างจำกัดทำให้การซื้อรถก็ถูกจำกัดตัวเลือกเข้ามาอีก ทุกคนอยากได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็เลือกได้ที่เหมาะกับเราที่สุดเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: xman2029 ที่ กันยายน 12, 2016, 09:20:41
คนไทยส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจในอะไรที่มองไม่ค่อยเห็นหรือแทบไม่ได้ใช้อย่างพวก ถุงลมหรือระบบความปลอดภัยทั้งหลาย ผมเคยถามคนแถวบ้านแฟนที่มาคุยเรื่องรถประจำว่าถ้าให้เลือกระหว่างไฟหน้า โปรเจคเตอร์กับไฟเดไล กับ -VSC,ESC,ESPกับถุงลมรอบคัน คนส่วนใหญ่จะเลือกอันแรกทันทีเพราะมันเห็นได้ มันจับต้องได้แต่พวกระบบความปลอดภัยมันจับต้องไม่ได้ไงครับ ขาเลยไม่สนใจ แถมเขายังเน้นภาพลักษณ์ทางสังคม เช่น ถ้าออกกระบะต้อง isuzu ไม่ก็toyota หรือรถเก๋งต้อง toyota honda ถึงจะเป็นคนที่มีเงินหรือประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าออกยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ยี่ห้อเหล่านั้นก็จะโดนดูถูก อย่างบ้านผมใช้แต่ mazda เพราะชอบนิสัยรถและการขับขี่ เวลาไปบ้านแฟนก็โดนถามประจำว่าทำไมไม่ออกเจ้าตลาดออกยี่ห้อรองๆอย่าง mazda แล้วจะมีอะไหล่เหรอ ช่างจะซ่อมได้เหรอ จะขายต่อได้ราคาดีเหรอ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ กันยายน 12, 2016, 09:36:20
สิ่งหลักๆที่เค้าต้องการก็คือรถครับ รถคือเครื่องแสดงฐานะอย่างนึงจะเป็นรุ่นย่อยอะไรก็ไม่ต่างกันมากในความรู้สึก สีประตูตัวเตี้ยความปลอดภัยจัดเต็ม กับยกสูงโล้นๆ ผมยังเชื่อว่าคนเลือกยกสูงมากกว่า


ส่วนนึงก็เรื่องราคาและความสามารถในการจ่ายด้วยครับ ถ้าผมซื้อรถและอยากได้ Jazz ก็อยากได้นะถุงลมเยอะๆแต่ราคาปาไปโน้น 754,000 จะมีปัญญาจ่ายได้ก็แค่ตัวล่าง 594,000 ตอนดาวน์ต้องจ่ายมากกว่า 40,000 ผ่อนมากกว่าอีกเดือนละ 2,000 ไปถึง 6 ปี จะไม่ตายเพราะระบบความปลอดภัยน้อยกว่าหรอกแต่จะอดตายซะมากกว่า ใจผมอยากให้อุปกรณ์ความปลอดภัยเยอะๆมาตั้งแต่รุ่นล่างแล้วต่างกันแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอา
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ กันยายน 12, 2016, 09:42:47
มันเป็นไปตามสภาพสังคม  และแวดล้อมที่อยู่ครับ

สมมุติในโรงงานคุณมีคนซื้อรุ่น top จัดเต็ม อาจจะโดนว่าแพง  ไม่คุ้ม ฯลฯ

หรือในกลุ่มแท๊กซี่ก็จะมีความเชื่ออีกแบบนึง

หรือใครมาถามที่นี่ก็จะให้เพิ่มตังส์ไปเอารุ่นดีๆหน่อย ความปลอดภัยครบ หรือก็ top ไปเลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ กันยายน 12, 2016, 09:44:25
ไม่ใช่แค่เมืองไทยครับ ทางพวกอเมริกา บางคนยังไม่รู้จัก ABS เลยครับ เพียงแต่ว่า มันเป็น "กฏหมายบังคับ" ทำให้รถทุกคันต้องมี ถุงลม ABS
 
ดังนั้น ผมว่า ระบบความปลอดภัย ควรออกเป็นกฏหมายบังคับมากกว่าครับ เพราะไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจ

ของต้องให้ เอามาคิดเงินเพิ่มได้ เสียเปรียบเค้ามานานกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ แต่ก็โดนบวกเยอะอยู่ดี

สู้และอดทนกันต่อครับผู้บริโภคชาวไทยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsak_877 ที่ กันยายน 12, 2016, 09:48:55
ผมไม่ชอบเลยกระทู้แบบนี้ ประมาณว่าคนรายได้เท่านี้ไม่ฉลาดในการซื้อรถ คุณอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ว่าต้องซื้อรถยี่ห้อแบบคุณเท่านั้นถึงจะเป็นคนฉลาด
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 09:56:43
ผมไม่ชอบเลยกระทู้แบบนี้ ประมาณว่าคนรายได้เท่านี้ไม่ฉลาดในการซื้อรถ คุณอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ว่าต้องซื้อรถยี่ห้อแบบคุณเท่านั้นถึงจะเป็นคนฉลาด
เพราะคนคิดแบบนี้แหละ ไม่เข้าใจกลุ่มล่าง ว่างๆมาที่โรงงานผม นิคมเหมราชอีสเทิร์น  จะพาดูโรงจอดรถหั้ยเห็นกันจ๊ะๆไปเลยครับ ว่าที่ผมกล่าวมาเป็นจริงมั่ย ไม่ใช่เอาผมเป็นบรรทัดฐานคนเดียว ตัวผมเองใช้รถ bt50pro mt 4ประตู ยกสูง ปี2012 ราคา781000บาท เป็นตัวกลาง ไม่ใช่ตัวท๊อป มีเพียงถุงลมเพียงข้างเดียว เบรคabs แค่นั้น เพราะรายได้ผมน้อย ออกแค่พอดูดี ไม่ยากผ่อเยอะมากเกินรายได้   ปล . กระทู้นี้ผมไม่ได้กล่าวอ้างยี่ห้อ ผมบอกเพียงมุมมองว่า คนชอบซื้อรถรุ่นกลางๆเท่านั้น  อ่านหั้ยดีๆก่อนนะครับ ก่อนจะว่าคนอื่น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Focuszaa ที่ กันยายน 12, 2016, 10:03:44
ไม่ใช่แค่เมืองไทยครับ ทางพวกอเมริกา บางคนยังไม่รู้จัก ABS เลยครับ เพียงแต่ว่า มันเป็น "กฏหมายบังคับ" ทำให้รถทุกคันต้องมี ถุงลม ABS
 
ดังนั้น ผมว่า ระบบความปลอดภัย ควรออกเป็นกฏหมายบังคับมากกว่าครับ เพราะไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจ

ผมเห็นด้วยครับ มันควรจะออก  กม ให้ มี ABS ,EDB ,VSC ,BA และ ถุงลม มาตั้วแต่ตัวล่างสุด เลย แต่รัฐจะเห็นเหมือนเราไหม เค้าคงมีส่วนต่างอะไรลึกๆอยู่หรือป่าว เลยยังไม่ยอมออก
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ktonja ที่ กันยายน 12, 2016, 10:14:39
สมัยทำงานออฟฟิตใหม่ๆ 10 ปีก่อน ซื้อ
Honda city zx
ตัวล่างสุด ไม่มีถุงลม, ไม่มีระบบช่วยเหลืออะไรเลย ก็ใช้มาได้ 8 ปีจนขายทิ้งไป 555
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: pladaek ที่ กันยายน 12, 2016, 10:19:53
ผมไม่ชอบเลยกระทู้แบบนี้ ประมาณว่าคนรายได้เท่านี้ไม่ฉลาดในการซื้อรถ คุณอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ว่าต้องซื้อรถยี่ห้อแบบคุณเท่านั้นถึงจะเป็นคนฉลาด
ใจเย็นๆครับ
หัวข้อเขาก็บอกว่า "แชร์ประสบการณ์"
ประสบการณ์ของใครของมัน มันไม่เหมือนกันหรอกครับ..
แค่จขกท.เขาเอามาเล่าให้ฟังเฉยๆ..
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Boyja ที่ กันยายน 12, 2016, 10:21:57
ผทเข้าใจเจตนาเจ้าของกระทุ้นะครับ เลยคิดไปว่าทำไมไม่ให้อุปกรณ์สำคัญๆ
ในรุ่นล่างๆ หรือ กลางมั่ง ใส่แต่ตัว top สุด ซึ่งถ้ามีมันก้อดีในยามขับขัน  :-\
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: tnp_super ที่ กันยายน 12, 2016, 10:37:52
ตอบในฐานะที่เคยเป็นลูกจ้างนายทุน ตอนซื้อรถผมมีความคิดแค่ว่าอยากจะได้รถไว้ใช้งานและไม่สนอ๊อปชั่นความปลอดภัยเท่าไหร่ เอาไว้บรรทุกของจากบ้าน ตจว.มาทำงาน กทม. และเอาที่ราคาพอผ่อนได้มีเงินเดือนเหลือใช้เหลือเก็บก็พอเลยมาลงที่กระบะเพราะใม่ค่อยชอบรถเก๋ง จนมาตอนนี้ถึงมาสนใจเรื่องอ๊อปชั่นความปลอดภัยมากขึ้นจึงต้องมองหารุ่นที่มันมีอุปกรณ์ต่างๆที่ค่อนข้างจะครบแต่ก็ยังไม่ได้ซื้อสักที่เพราะคันเก่ามันยังใช้ได้ดีอยู่
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: dekdemo ที่ กันยายน 12, 2016, 10:39:56
อยากรู้เหมือนกัน ถ้าหากว่าใส่ระบบความปลอดภัยครบๆ เช่น ถุงลม+ม่าน+เข่า กันรถพลิกคว่ำ ฯลฯ แล้วตัดออพชั่นอื่นๆแทน ประเภทที่เสริมเสน่ห์ตัวรถ เช่น จากไฟหน้า แอลอีดี หรือซีน่อน เป็นฮาโลเจนโคมธรรมดา แอร์ออโต้เป็นแบบมือหมุน กดปุ่มสตาร์ทเป็นกุญแจบิด ฯลฯ ...ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่กันน้าาา
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 10:41:32
ผมไม่ชอบเลยกระทู้แบบนี้ ประมาณว่าคนรายได้เท่านี้ไม่ฉลาดในการซื้อรถ คุณอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ว่าต้องซื้อรถยี่ห้อแบบคุณเท่านั้นถึงจะเป็นคนฉลาด
ใจเย็นๆครับ
หัวข้อเขาก็บอกว่า "แชร์ประสบการณ์"
ประสบการณ์ของใครของมัน มันไม่เหมือนกันหรอกครับ..
แค่จขกท.เขาเอามาเล่าให้ฟังเฉยๆ..
ขอบคุณครับทีเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bobsan ที่ กันยายน 12, 2016, 10:41:53
ต่างคนต่างชอบ ต่างความคิดไปครับ

อย่างน้องสาวผมรายได้ตอนนี้ 85,000 บาท ต่อเดือน โบนัสปีละ 6 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายบ้านไม่เช่าข้าวไม่ซื้อ
ยังขับรถ b seg ตัวล่าง อายุ 7 ปี ถุงลมใบเดียวอยู่เลย
แต่ถือกระเป๋าใบนึงหลายแสน นาฬิกาเรือนเป็นแแสน รวมกันซื้อรถใหม่ถุงลม 10 ใบยังได้

เคยถามว่าทำไมไม่เปลี่ยนรถ ได้รับคำตอบว่าขับรถแค่ไปทำงานเช้ากลับเย็น
รถโคตรติด ซื้อแพงไปก็ขับได้แค่นี้ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปทำไม

คนเราให้ความสำคัญในแต่ละเรื่องไม่เท่ากันครับ
 
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 10:43:36
ผทเข้าใจเจตนาเจ้าของกระทุ้นะครับ เลยคิดไปว่าทำไมไม่ให้อุปกรณ์สำคัญๆ
ในรุ่นล่างๆ หรือ กลางมั่ง ใส่แต่ตัว top สุด ซึ่งถ้ามีมันก้อดีในยามขับขัน  :-\
ขอบคุณครับที่เข้าใจเจตนา ผมจะไปดูถูกคนอื่นได้ไง ในเมื่อผมก้อใช้รุ่นกลางเท่านั่น เพราะเงินไม่ถึงตัวท๊อป ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ กันยายน 12, 2016, 11:10:29
นับวันมันจะยิ่งเหมือนอีกเวปนึงทุกทีแล้วนะครับ ตอบแบบปัญญาชนไม่ใช่ตอบแบบมีอารมณ์ครับ แบบนี้ใครมาแชร์หรือมาเล่าไร ก็ไปว่าเค้าเอาบรรทัดตัวเองมาวัด อ่านให้เข้าใจว่าเค้าจะสื่อไร

ผมเห็นด้วยครับ คนผู้ใช้แรงงานอ่ะ เอาใช้ได้ก็พอละ ผมว่านะ ผู้ผลิตค่ายรถยนต์ควรจะเล็งเห็นถึงคนกลุ่มนี้ด้วย มันไม่น้อยนะครับ เอาง่ายๆ ส่วนใหญ่ที่ซื้อรถกะบะกันเพราะอะไร ใช้งานถูกมั้ยครับ ผมเห็นกะบะในเมืองนอกละมาเทียบกะเมืองไทยละอนาถใจ บ้านเค้ามีทุกอย่างที่เราไม่มี ตัวต่ำสุดบางค่าย ให้ถุงลมมี 7 ใบงี้ ระบบการทรงตัวงี้ จริงอยู่ว่า ต้องการทำให้ราคาถูกลงวัดเป็นชนชั้น แต่อย่าลืมว่ายอดขายส่วนใหญ่มันมาจากไหนด้วย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Untouchable ที่ กันยายน 12, 2016, 11:13:48
ผมเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้น่ะครับ ที่โรงงานผมก็แบบประมาณนี้ล่ะครับ เอาให้ออกรถได้ไปไหนมาไหนได้ระบบต่างๆไม่ค่อยให้ความสนใจ มีตังค์ออกรถได้ก็ภูมิใจสุดๆแล้วครับทำงานเก็บตังค์มาตั้งนาน...แต่ก็นั้นล่ะครับพวกบริษัทรถยนต์ ระบบความปลอดภัยที่จำเป็นใส่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปเลยไม่รู้หวงไว้ทำไม
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ กันยายน 12, 2016, 11:23:54
แล้วแต่ที่น่ะครับที่ทำงานคนที่รู้จัก ถ้าอยู่ในกรุงเทพ ส่วนใหญ่เค้าจะไปที่ PPV ระดับสูงๆหน่อยจะใช้พวกนี้กัน เพราะจะมีรถประจำตำแหน่งอีกคันเป็นเก๋ง C-seg ไว้ใช้ด้วยอีกคัน  ส่วนตำแหน่งไม่ใหญ่ไม่เล็ก ส่วนใหญ่เก๋ง C-seg หรือ B-seg   กระบะมีแต่ไม่มาก จะเป็นตัวบนๆมากกว่าตัวกลาง แต่ไม่มีล่างแน่ๆ

ส่วนถ้าออกมาส่วนภูมิภาค กระบะเป็นส่วนมากครับ ไม่ว่าเตี้ย สูง แต่คนใหญ่ๆจะได้กระบะ 4 ประตู หรือเก๋ง C-seg ไว้ใช้ เค้าจะไม่ค่อยใช้รถตัวเอง ใช้รถหลวงกันไปเลย ส่วนใหญ่ที่ทำงานนี้จะเลือกสเป็ครถไว้สูง เพราะเอาเข้าเหมืองได้จะได้เห็นตัวท็อปหลากยี่ห้อซะมากเลยกระบะ และบางหน่วยอาจได้ PPV 4*4 ไว้ใช้ด้วย ส่วนเก๋งที่เห็น ได้รองท็อปทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: HME ที่ กันยายน 12, 2016, 11:26:17
เขาอาจจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรอ่ะครับ
ประมาณว่าปกติฉันขับรถด้วยความเร็ว 80-100, ฝนตกก็ขับแต่ 60 ดังนั้นพวกแอคทีฟเซฟตี้ที่ถึงจะดีแต่ก็จำเป็นน้อยลงไปได้มาก
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ กันยายน 12, 2016, 11:52:46
อยู่ที่กำลังทรัพย์แต่ละคนแล้วครับ แต่ละคนมีภาระค่าใช่จ่ายในส่วนอื่นๆไม่เหมือนกัน

บางคนผ่อนบ้านด้วย ค่าบัตรต่างๆ ผ่อนสินค้า ไหนจะส่งเงินกลับให้พ่อแม่ ไหนจะมีลูกมีครอบครัวที่ต้องดูแล

การที่เค้าซื้อรุ่นกลางหรือล่าง ก็ต้องคิดมาพอสมควรแล้ว ว่าเลือกรุ่นไหนเหมาะสม ไม่ใช่ว่าเงินเดือน 20,000

แต่ดันไปเลือกซื้อรถตัวท็อป ผ่อนเดือน 14,000-15,000 คงไม่มีเงินเหลือจะกินแล้วละครับ

แค่ผ่อนเดือน 9,000 ยังไม่พอเลยครับ ไหนจะค่าซ่อมบำรุง ภาษีต่างๆ ค่าน้ำมัน เดือนๆหนึ่งแทบไม่เหลือเก็บ

 
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: the kit ที่ กันยายน 12, 2016, 12:02:12
จริง ตาม จขกท.ว่าครับ

ซื้อจริง กับ ซื้อในอุดมคติ ต่างกันครับ
เงินเราเอง กับ เงินเขา (เงินคนอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับเรา) ต่างกันครับ

ใครก็อยากได้ ของที่มันดีที่สุด เลิศที่สุด ปลอดภัยสุด ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริง ที่ติด คือ เรื่องเงิน เรื่องของราคา

อย่าว่า เพียงชนชั้นแรงงาน จริงๆ มันน่าจะเป็นในทุกชนชั้น มากกว่า
โดยเฉพาะ เป็นคนหาเงิน เพื่อมาซื้อของเหล่านั้นเอง โดยไม่ได้ขอ (เกาะ) พ่อแม่กิน

ผมเชื่อว่า ทุกคนทุกระดับชั้น ต้องมอง เรื่องราคา มาเป็นปัจจัยหลัก
บางคน อาจจะเถียงว่า ไม่จริง มองรูปโฉมเป็นหลัก ความปลอดภัยเป็นรอง แต่พอจะซื้อจริงก็ไม่หนี เรื่องราคา

ระดับชนชั้น
ระดับล่าง-กลาง - มอง รูปโฉม, ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, สมรรถนะ สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาไหนที่เราไหวอยู่ดี
                   ราคาแพง option ครบ ชอบมาก---จะผ่อนไหวไหม จะผ่อนหมดหรือเปล่า สู้เอา body เดียวกัน แต่ไม่ต้องแพงขนาดนั้นดีกว่าไหม
                   แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นอยู่ อาจจะเอาน่า คิดว่าไหว หรือเอาไว้ไปคิดเอาดาบหน้า ก็มีเยอะ

ระดับสูง - มอง ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, รูปโฉม, สมรรถนะ สุดท้ายก็มาดูว่าราคาไหนที่เราไหวอยู่ดี เช่น อยากได้ MB S500 นะ แต่ราคามันสูงมาก S280 ก็พอ

รวยมากๆ เงินไม่ใช่ปัญหา - มอง ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, รูปโฉม, สมรรถนะ, option สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาจะจบอยู่ที่เท่าไรอยู่ดี
                   เช่น อยากได้ Porsche Cayenne จะเอาอะไร Hybrid, Diesel หรือ Turbo
                   เมื่อเลือกได้แล้ว ก็มาปวดหัวกับ Option ที่โคตรมหาศาลของ Porsche อีก หลังคาแก้ว-มูนรูฟ-เหล็ก, เบาะ STD-14-18 ท่า,
                   หนังSTD-ลูกวัวตายในท้องช้าง, กระจก private?, เครื่องเสียง Bose-Bur ฯลฯ
                   หรือจะเปลี่ยนจาก Porsche เป็น Roll-Royce ก็ได้ แล้วก็ว่าไปตาม option เหมือนกัน
                   สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาจะจบอยู่ที่เท่าไรอยู่ดี พอมันแพงไป อันนี้ก็เริ่มจะไม่จำเป็น อันนั้นก็ดีแล้วนะ ฯลฯ

ไม่มีระดับ เกาะพ่อแม่กิน รวยมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน - ราคาไม่ใช่ปัญหา ชี้เอาที่ชอบ ไม่ต้องมีเหตุผล

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กันยายน 12, 2016, 12:05:42
เขาอาจจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรอ่ะครับ
ประมาณว่าปกติฉันขับรถด้วยความเร็ว 80-100, ฝนตกก็ขับแต่ 60 ดังนั้นพวกแอคทีฟเซฟตี้ที่ถึงจะดีแต่ก็จำเป็นน้อยลงไปได้มาก

คนไม่ค่อยรู้ครับว่าขับที่ 80 กม/ชม คือความเร็วที่อันตราย รถที่ไม่มีระบบ active safety สามารถพลิกคว่ำได้ ความเร็วที่ปลอดภัยแบบรถที่ไม่มีระบบความปลอดภัยอะไรเลย ชนแล้วโอกาสตายต่ำมากคือต่ำกว่า 40 ลงไป ซึ่งเป็นความเร็วที่ไม่มีใครขับกัน

ดูอย่างคดีนึง ขับรถ lexus ชนต้นไม้ที่ความเร็วไม่น่าเกิน 60 ยังตายเลยครับ แค่ไม่แน่ว่าตายก่อนชนหรือตายหลังชน
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Pegasus7700 ที่ กันยายน 12, 2016, 12:15:54
ทุกอาชีพก้อใช้แรงงานแหละครับ

ผมเองก็ชนขั้นแรงงาน ขอตอบว่า  หากมีกำลังเงินพอ เลือกoptionความปลอดภัยเต็มๆครับ

ยกเว้นว่า เอารถมาใช้ขับชื้อกับข้าวในซอยแถวบ้าน

หากรถที่ใช้เดินทางไกลๆ ขับเร็ว ผมตัวท้อปทุกตัว
 
ที่ตัวล่างสุดคือ city s เท่านั้นเพราะใช้ไปโลตัสแถวบ้านเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Megalodon ที่ กันยายน 12, 2016, 12:25:43
ซื้อคันไหน รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ไม่มีผิดหรือไม่มีถูกหรอกครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ความชอบ ความเหมาะสม และราคาที่เราซื้อได้
เรื่องชนชั้นก็ไม่น่าจะมีส่วนอะไรมาก (จริงแล้วทำไมต้องมีการแบ่งชนชั้น) ทำงานที่ไหน ระดับใด เรื่องรถก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
ถ้าบ้านผมอยู่ในป่าในเขา บนดอย จะให้ผมใช้รถเก๋ง รถสปอร์ต จะยี่ห้อไหนผมก็ไม่เอาครับ
ระบบเซฟตี้ต่างๆ มันก็มีพัฒนาตามกันมาเรื่อยๆ ตามยุคตามสมัย ให้เลือกใช้นะครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ กันยายน 12, 2016, 12:28:35
น่าสนใจครับ
รถรุ่นเดียวกันจึงมีรุ่นย่อยหลากหลายให้เลือกครับ

ทุกคนก็อยากได้รุ่นดีสุดแหล่ะครับ
แต่ในเมื่อราคารุ่น TOP มันเกินงบประมาณของลูกค้า
ก็ต้องหาจุดพอดีสำหรับความต้องการและงบประมาณครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว ที่ กันยายน 12, 2016, 12:31:35
ก็เห็นแบบ จขกท.ว่าแหละครับ ใครๆก็อยากได้ของที่ดีที่สุดแต่เงินกับความต้องการของเราไม่เหมือนกัน จะเอาความคิดของตัวเองเป็นบรรทัดฐานไม่ได้

ใครใคร่ซื่อไรซื้อครับตามความเหมาะสมกับกำลังของตัวเอง แต่ผมเห็นด้วยนะครับที่ควรจะมีกฎหมายเรื่องการใส่อุปกรณ์ความปลอกภัยมาให้ครบในรถตั้งแต่รุ่นล่างๆ

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กันยายน 12, 2016, 14:51:20
ส่วนมากคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องรถ เค้าก็ไม่รู้เรื่องระบบอะไรอยู่แล้วล่ะครับ เวลาจะซื้อรถ ก็คล้ายๆซื้อของทั่วไป เพียงแต่รถมันแพงกว่ามาก เค้าจะดูจาก งบ ที่มี คันไหนบ้างที่พอซื้อได้ ผ่อนไหว แล้วค่อยมาเลือกๆเอา

ส่วนลดมีผลไม่น้อยเลย คนบางกลุ่มจะรู้สึกว่าได้รถแพงกว่า เพราะได้ส่วนลดมากกว่า แต่จ่ายในราคาใกล้ๆกับตัวคู่แข่ง เช่นรถราคา 9แสน ได้ลด 1 แสน กับรถราคา 850000 ได้ลด 50000 เหลือ 8 แสนเท่ากัน คนกลุ่มนี้จะเอาคัน 9 แสน เพราะเหมือนได้รถแพงกว่า ส่วนเรื่องระบบอะไรในรถ แทบไม่รู้เลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Sit: ) ที่ กันยายน 12, 2016, 15:21:28
เปรียบเทียบกับการซื้อโทรศัพท์ พอได้ไหมครับ
รายได้ก็อาจะมีอิทธิพลในการซื้อ งบน้อยขอซื้อรุ่นที่พอใช้งานได้ ยังไม่ได้คิดว่า spec ต้องเทพขนาดไหน

งบเยอะก็มองรุ่น top ไม่ว่าจะซื้อเพราะเห็นประโยชน์จริง ได้ใข้จริงหรือซื้อแบบเผื่อไว้

ตัวแปรคือรถมีเรื่องความปลอดภัย คนที่ซื้อรุ่นกลางๆ อาจจะยังไม่เข้าใจว่าจ่ายแพงเพื่ออะไร หรืออาจจะถึงขั้นหมดงบแล้วจริงๆ ส่วนคนมีงบมากกว่าก็มีโอกาสคิดว่า จะจ่ายแพงขึ้นเพื่ออุปกรณ์ความปลอดภัยหรือไม่

ทั้งนี้ รายได้ การศึกษา ความรู้ด้านความปลอดภัย และความใส่ใจด้านความปลอดภัย ปสก การใช้รถ สังคมที่อยู่ มีผลหมดหละครับ


หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ กันยายน 12, 2016, 16:08:39
ราคา เป็นปัจจัยหลักๆในการเลือกซื้อจริงๆครับ ตอนผมทำงานเงินเดือนน้อยๆก็ไม่คิดจะมองรถราคาเกิน 7 แสนเลย ตอนนั้นคิดว่า 5 แสนกว่าๆยังแพงเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ กันยายน 12, 2016, 17:03:36
ชื่อกระทู้มันก็บอกถึงเรื่องการแบ่งชนชั้นอยุ่แล้ว

สำหรับผม ไม่เกียวกับใช้แรงงาน หรือ ใช้สมอง เพราะผมไม่แบ่งคนด้วยเรื่องนั้น
การซื้อรถ เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าล้วนๆ เราจะเลือกสิ่งที่คิดว่า คุ้มค่าที่สุด เท่าที่เราจ่ายไหว มันก็เลยออกมาแบบนี้ครับ

ส่วนตัว ซื้อรุ่น Top ครับ ไม่ชอบรุ่นล่าง สมมุติว่ามีเงิน ล้านสอง ผมซื้อ Civic RS ไม่ซื้อ Accord 2.0E ครับ
ไม่มีถูก ไม่มีผิด ผมชอบของผมแบบนี้
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaruk ที่ กันยายน 12, 2016, 17:25:35
ชื่อกระทู้มันก็บอกถึงเรื่องการแบ่งชนชั้นอยุ่แล้ว

สำหรับผม ไม่เกียวกับใช้แรงงาน หรือ ใช้สมอง เพราะผมไม่แบ่งคนด้วยเรื่องนั้น
การซื้อรถ เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าล้วนๆ เราจะเลือกสิ่งที่คิดว่า คุ้มค่าที่สุด เท่าที่เราจ่ายไหว มันก็เลยออกมาแบบนี้ครับ

ส่วนตัว ซื้อรุ่น Top ครับ ไม่ชอบรุ่นล่าง สมมุติว่ามีเงิน ล้านสอง ผมซื้อ Civic RS ไม่ซื้อ Accord 2.0E ครับ
ไม่มีถูก ไม่มีผิด ผมชอบของผมแบบนี้
ใช่ครับ ผมแต่เองก้อไม่ได้แบ่งชั้นคนด้วยเรื่องซื้อรถหรอก แค่จะสื่อหั้ยเห็นในภาพรวมว่า ในประเทศรายได้ส่วนใหญ่มันน้อย ไม่มีตังไปซื้อรถบ้าออฟชั่นความปลอดภัยระดับนั้น ซึ่งส่วนใหญ่มันกองอยู่ในตัวท๊อปราคาเฉียดล้าน ถึงเกินล้านบาท  ซึ่งถ้าผ่อนเกินเดือนละ11000-12000 ก้ออ้วกแล้ว  กับคนทีมีรายได้15000-40000 ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีรายได้ประมาณนี้ หวังว่าคงเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: beercs ที่ กันยายน 12, 2016, 18:16:43
เอาตามความหมายของ จขกท  ชนชั้นใช้แรงงานอย่างน้อยเค้าซื้อรถยนต์ขับได้ก็ดีแล้ว  ยังดีกว่าไปขับมอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 ซ้อน 4
มองย้อนไปในวัยเด็ก  การใช้รถใช้ถนน  มาตรฐานความปลอดภัยแย่กว่านี้มาก  บางคนนั่งกระบะท้ายเดินทางข้ามจังหวัด
ยังดีที่เดี๋ยวนี้เห็นน้อยลงเยอะ  คนเราถ้ากำลังทรัพย์เพียงพอและมีความรู้ด้านความปลอดภัย  ยังไงก็คงพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองอยู่แล้ว
คิดว่าแต่ละคนจะพัฒนาเรื่องเหล่านี้ขึ้นไปเรื่อย ๆ  ส่วนค่ายรถก็คงจะให้อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นในรุ่นล่าง ๆ เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Seatar ที่ กันยายน 12, 2016, 18:51:52
ในฐานะผู้ทำงานใช้แรงงานคนนึง ส่วนตัวผมเรื่องระบบความปลอดภัยของรถที่มีให้มาไม่ใช่ปัจจัยหลักอันดับแรกที่จะเลือกซื้อรถครับ
ผมจะเลือกจากความจำเป็นและความเหมาะสมในการใช้งานเป็นมาอันดับแรก เพราะปัจจัยเรื่องเงินอ่ะครับ ทำให้ผมไม่เลือกที่จะจ่ายเงินซื้อรถที่ราคาแพงที่สุดในรุ่นเพื่อที่จะได้มาซึ่งระบบความปลอดภัยสูงสุด
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กันยายน 12, 2016, 19:49:34
นเล่นเวปนี้ 7-8 หมื่นคน หรืออาจมากน้อยกว่านี้ก็ได้   ซึ่งคนในนี้อาจจัดเต็ม คำนึงถึงความปลอดภัยอ๊อพชั่นที่มา    นอกนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรเรื่องพวกนี้     คนส่วนใหญ่ซื้อรถก็มองรูปทรงก่อนอยู่แล้ว เรื่องอื่นช่างมันแถมอ๊อพชั่นฟรุ๊งฟริ๊งชอบกันนัก       แต่อ๊ฮพชั่นระบบความปลอดภัย 4wd ABS EBD VSC TRC  ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ การเตือนการชนอื่น  ๆ   ไม่มองเลย


คนที่โรงงานผมนะครับระดับ ผจก ภาคในด้านการขาย เงินเดือนหลักแสนบาท ไม่ใช่ชนชั้นใช้แรงงาน ก็เกิดอุบัติเหตุขับวีโก้ Prerunner 2wd  แหกโค้งขณะฝนตกถนนลื่น เสียชีวิต     

ถ้าเป็นผมผมไม่ซื้อรถ 2wd แบบยกสูง  และไม่ซื้อรถที่ไม่มีอ๊อพชั่นอะไรมากนักในการเดินทางบ่อย  ๆ   ชีวิตยังอยากอยู่ใช้เงินที่หามาได้ยาวยาว ๆ ครับ ไม่อยากจากไปก่อนเวลาอันควร
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ กันยายน 12, 2016, 20:18:32
ผู้ผลิตเขารู้ครับว่าลูกค้าต้องการอะไรเลยใส่มาแบบนั้น
แต่ก็ยังดี  ที่ยังมีให้เลือกในรุ่นท็อปบ้าง
จริงๆแล้วรัฐต่างหาก  ที่ควรบังคับให้ผู้ผลิตใส่มา
เพราะถึงอย่างไร  ลูกค้าก็เป็นคนจ่ายอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tapanan ที่ กันยายน 12, 2016, 20:57:44
จริง.. เมื่อเช้านี้เลย ผมเห็นโพสในคลับ Dmax 1.9

มีคนถามเกี่ยวกับ Isuzu Dmax Cab4 ตัวเตี้ย
รุ่น S 670,000 บาท (ไฟหน้ามัลติรีเฟลคเตอร์ ไม่มี ABS ล้อกระทะ)
รุ่น Z 800,000 บาท (ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ มี ABS ล้อแม็ก) เอาอ๊อฟชั่นคร่าวๆนะ

พบว่าประมาณร้อยละ 80 บอกว่าเอาตัว S

เสียงส่วนใหญ่บอกว่าเอาส่วนต่างไปแต่งดีกว่า
ไม่มีใครพูดถึงระบบเบรค ABS หรืออ๊อฟชั่นความปลอดภัยอะไรเลยครับ..

พอเป็นคลับที่รถมีมูลค่าราคาสูงอย่าง เอฟเวอร์เรส หรือฟอร์จูนเนอร์
คนที่เชียร์ส่วนใหญ่มักจะเลือก Top Option

ราคาต่างกัน แสนสาม... ถ้าเป็นคนรากหญ้าแบบผม หาเช้ากินค่ำ ส่วนต่างที่ต้องเอามาผ่อนเพิ่ม เดือนนึงก็หลายพันอยู่ครับ ตอนสามปีที่แล้วผมเองก็ออก Dmax S Cab 2.5 Ddi 584,000.- No Abs No Airbag เทียบกับรุ่น 1.9 นี่ยังดีที่มี AirBag...
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Tan Int ที่ กันยายน 12, 2016, 21:04:11

จริงๆไม่ใช่แค่ชนชั้นแรงงานหรอก ชนชั้นกลางๆทั่วไปก็ไม่ค่อยใส่ใจรุ่นย่อยเท่าไหร่ เอาเท่าที่ผมเจอจากคนรอบข้างมานะ
ส่วนมากดูจากงบ งบไปตัวท็อปไหวก็ไป หรือถ้าข้ามไปเซกเมนต์ที่ใหญ่ขึ้นได้แต่ได้ตัวล่างๆก็เอา ถ้าไปไม่ไหวก็เอาเท่าที่ได้ มันจะมีออปชั่นอะไรไม่ค่อยสำคัญเลย

หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ กันยายน 12, 2016, 21:48:16
เมื่อก่อนผมก็เลือกรถรุ๋นใหญ่สุดตัวล่างตามกำลังที่ผ่อนได้

ตอนนี้ผมเลือกตัวที่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบ (vsc, abs, airbag, etc...) ตามกำลังที่ผ่อนได้

สุดท้ายก็เหมือนที่เราเชียร์ให้คนออกรุ่นที่ใหญ่กว่าตัวล่าง (โล้น) ที่แพงกว่ารุ่นที่เล็กกว่าตัว TOP (Safety Option เยอะกว่า) ไม่มากนั่นแหละครับ เราก็พยายามจะดันให้พวกเขาเหล่านั้นไปเล่นรุ่นใหญ่ที่ภาพลักษณ์ดีกว่า แต่ระบบความปลอดภัยน้อยกว่าเหมือนกัน

อย่าปฏิเสธกันเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: oatekung ที่ กันยายน 12, 2016, 21:50:39
80%ขึ้นกับคนขับ
20%ขึ้นกับรถ+เหตุการณ์
ถ้ารู้ว่ามีระบบ safety  น้อยก้อระวังเยอะๆหน่อยครับ
เท่านั้นเอง  แต่สำหรับผมถ้าผ่อนไหว กันเงินเพื่อเกษียณต่อเดือนแล้ว ก้อผ่อนเท่าที่ผ่อนไหวอ่ะ
กลัวตายครับเรียนตามตรง
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: OXYGEN2 ที่ กันยายน 12, 2016, 21:53:21
ที่บ่นๆ กันอยากให้มีก็เพราะอยากให้ในอนาคตเป็นมาตรฐานครับ

เมื่อ 20 ปีก่อน ABS / Airbag ก็มีแค่ในรถระดับราคาประมาณล้าน

กว่าจะถึงวันนี้ที่มีให้ในรถทุกรุ่นก็เรียกได้ว่านานนะครับ

ส่วนที่ผมอยากให้มีในอนาคตโดยเร็ว เป็นระบบควบคุมการทรงตัวครับ ถ้ามีอาจจะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ กันยายน 12, 2016, 23:16:21
ชื่อกระทู้มันก็บอกถึงเรื่องการแบ่งชนชั้นอยุ่แล้ว

สำหรับผม ไม่เกียวกับใช้แรงงาน หรือ ใช้สมอง เพราะผมไม่แบ่งคนด้วยเรื่องนั้น
การซื้อรถ เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าล้วนๆ เราจะเลือกสิ่งที่คิดว่า คุ้มค่าที่สุด เท่าที่เราจ่ายไหว มันก็เลยออกมาแบบนี้ครับ

ส่วนตัว ซื้อรุ่น Top ครับ ไม่ชอบรุ่นล่าง สมมุติว่ามีเงิน ล้านสอง ผมซื้อ Civic RS ไม่ซื้อ Accord 2.0E ครับ
ไม่มีถูก ไม่มีผิด ผมชอบของผมแบบนี้
ใช่ครับ ผมแต่เองก้อไม่ได้แบ่งชั้นคนด้วยเรื่องซื้อรถหรอก แค่จะสื่อหั้ยเห็นในภาพรวมว่า ในประเทศรายได้ส่วนใหญ่มันน้อย ไม่มีตังไปซื้อรถบ้าออฟชั่นความปลอดภัยระดับนั้น ซึ่งส่วนใหญ่มันกองอยู่ในตัวท๊อปราคาเฉียดล้าน ถึงเกินล้านบาท  ซึ่งถ้าผ่อนเกินเดือนละ11000-12000 ก้ออ้วกแล้ว  กับคนทีมีรายได้15000-40000 ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีรายได้ประมาณนี้ หวังว่าคงเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อนะครับ

น้องแคร์อย่าคิดมากครับ

ผมอ่านแล้วเข้าใจจุดประสงค์ของน้องครับ

เงิน ประสบการณ์ และความรู้ที่มี ด้วยครับ
จึงทำให้พบเจอในสังคมในสังคมของน้องซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งบางคนไม่เปิดแคตตาล็อกดูออพชันเลย
ดูตัวรถ
เบาะหนังมี
DVD มี
ไฟ DRL มี
ลดราคา
มีประกันแถม
ราคาถูก กว่าอีกค่าย
เขาจองซื้อเลย

ESP เขาไม่รู้
TRC เขาไม่รู้
็HDC เขาไม่รู้
ออพชันพวกนี้มันอยู่ในรุ่นท็อปของกระบะบางค่าย หรือในรถเก๋งบางค่าย


หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ กันยายน 13, 2016, 01:31:38
ผมว่ามันคือเรื่องจริงนะ
จะมีสักกี่คนที่รู้ จะมีสักกี่คนที่สนใจ จะมีสักกี่คนที่ยอมจ่ายแพงกว่าทั้งๆที่บอดี้เดียวกัน....
เทียบสัดส่วนแล้วมันน้อยมากครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กันยายน 13, 2016, 02:07:52
รุ่นล่าง  ๆในต่างประเทศมีอ๊อพชั่นการทรงตัวมาด้วยนะ  เหมือนเป็นมาตรฐานเขาเลย  แต่บ้านเราไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: J_Serie5 ที่ กันยายน 13, 2016, 06:26:14
ค่านิยมคนไทยถ้าพูดถึงคนที่ได้เงินเดือนช่วง 15000-40000 ส่วนใหญ่ซื้อรถคันนึงต้องตอบโจทย์ในด้านอเนกประสงค์ครับ กะบะในไทยเลยขายดีมาก แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ option ระบบความปลอดภัยครับ หลักๆดูแค่ abs airbag จบ2อย่างนี้ ไม่ค่อยดูเรื่องระบบที่ช่วยเรื่องการทรงตัวหรอกครับ
- กะบะเน้นขนของ - ทุกอย่างเดิมจากโรงงานเปลี่ยนเลนกะทันหัน ส่วนใหญ่ลงข้างทาง ไม่ตายก็สาหัสครับ ถ้ามีพวกระบบช่วยในการทรงตัว ก็อาจเพิ่มโอกาสรอดขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี
- รถเก๋ง eco car - b segment ทุกอย่างเดิมๆ ทุกอย่างเดิมจากโรงงานเปลี่ยนเลนกะทันหัน โอกาสเสียการทรงตัวก็น้อยลงกว่าพวกกระบะ แต่ก็ถือว่าเสี่ยง
- ส่วน segment c d premium ช่วงล่างและระบบต่างๆก็จะดีขึ้นตามระดับราคาที่เราจ่ายครับ ทำนองจ่ายมากได้มาก จ่ายน้อยได้น้อย

แต่เมื่อดูโดยรวมแล้ว น้อยคนที่แต่งรถเพื่อสมรรถนะ ส่วนใหญ่เน้นแต่งสวยทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ กันยายน 13, 2016, 08:36:20
ผมเองเคยเป็นตั้งแต่คนงาน หัวหน้าเจ้าของกิจการ กลับมาเป็นรปภ. แล้วก็มาเป็นลูกจ้างเค้า

เป็นมาสารพัดแล้วครับ(หาตัวเองไม่เจอซักที)

เพื่อนผมหลายคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทองไม่เคยทำแบบนี้ ก็จะมีความคิดเรื่องการซื้อรถปบบนึง

ส่วนผมก็มีความคิดกว้างมากครับ
เป็นสิทธิของเค้า

คนไม่มีแต่อยากขี่ อยากขับเยอะแยะครับ
ถ้าให้สรุปสั้นๆตามที่ผมเข้าใจ

เพิ่มเงิน 12000 ได้ ABS สำหรับคนค่าแรงวันละ 300 เค้ายังไม่ไหวกันเลย

แต่ใครขี่ cbr 150 นี่ ดูดีมีสกุลกว่า wave ตั้งเยอะ
อะไรทำนองนั้น
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ กันยายน 13, 2016, 08:41:40
นี่แหละ เรื่องจริงครับ ผมก็ 1 ในนั้น

พอมา อยู่ HLM นานๆ ถึงรู้ว่า พวก VSC อะไรเนี่ยมีประโยชน์

รอบหน้าถ้าจะเปลี่ยนรถ คงคิดมากขึ้น เป็น ผู้ใช้แรงงาน Upgrade  :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Nonthacha ที่ กันยายน 13, 2016, 11:06:00
ขอตอบในมุมของผมแล้วกันนะครับ จะซื้อรถสักคันคิดเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็นราคา สเป็ครถ ออปชั่น ความปลอดภัย
สุดท้ายก็รายได้หักจากค่าใช้จ่ายต่างแล้วเหลือเท่าไร ไหวแค่ไหน ส่วนใหญ่จะซื้อตัวกลางๆ เอาออปชั่นกับความปลอดภัยประมาณหนึ่ง
อย่างน้อยที่ต้องมี ถุงลม2ใบ abs อย่างน้อยนะถ้าได้ กระจายแรงเบรคกับvscด้วยก็ยิ่งดี
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ กันยายน 13, 2016, 13:19:55
ชื่อกระทู้ไม่สวยเท่าไหร่ แต่เนื้อหาก็จริงตามนั้น

อีกเรื่องหนึ่งคือค่านิยมคนต่างจังหวัดด้วย (แปะก่อนดราม่า: คนกรุงเทพจริงๆ มีสักเท่าไหร่ ก็มีแต่คนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงซะเยอะ
หรือสืบบรรพบุรุษไป ส่วนใหญ่ก็เป็นต่างจังหวัดกันทั้งนั้น)
ที่มองรถกระบะแพงกว่าเก๋ง (ทั้งๆ ที่มันถูกกว่าในสมัยก่อน,
แม้สมัยนี้ราคาเริ่มจะแซง C-Seg ตามความเป็นจริงของมันมากขึ้น) แถมมอง PPV โดยเฉพาะฟอร์จูนเนอร์ ดู "เริ่ด" ดู "ป๋า"
กว่าขับ D-Seg ซึ่งบางครั้ง เราไม่ได้ทำตามเฉพาะค่านิยมตนเอง แต่เราทำตามค่านิยมคนอื่นในครอบครัวด้วย
เวลาซื้อรถก็ต้องซื้อเพื่อสร้างภาพพจน์ด้วยส่วนหนึ่ง จึงออกมาในรูปกระบะยกสูงอย่างที่ว่า

ซึ่งพอมาคิดดูลึกๆ แล้วไม่ใช่แค่เพราะสมรรถนะหรืออย่างอื่นหรอกครับ ที่เหนือกว่าอีกอย่างมันคือ "อรรถประโยชน์" ของรถคันนึงในราคาที่จ่ายไหว
แทนที่คุณจะจ่ายเจ็ดแสนห้า ได้ B-Seg ตัวทอป ความปลอดภัยครบ แต่คันเล็กๆ ลุยไม่ได้ แต่คุณจะได้ 4x2 ยกสูง ตัวต้นๆ ที่ขนได้ทั้งคนทั้งของและขับแล้วดูดีในสายตาคนที่บ้าน

ถามว่าเขาฉลาดหรือโง่ ฟันธงแทนเขาไม่ได้หรอกครับ ในมิติคนที่มองระบบความปลอดภัยครบๆ ราคาเท่ากัน ก็คงมองแปลกๆ ว่า ทำไมต้องทำแบบนั้น
แต่ถ้ามีข้อจำกัดที่ต้องเอาให้คุ้มที่สุด ตัวเลือกมันก็อยู่ราวๆ รุ่นที่ จขกท. เลือกจริงๆ ไม่งั้นก็ต้องลงไป B-Seg ตัวล่าง, Eco ทอป หรือเพิ่มเงินอีกเยอะเพื่อไป C-Seg รุ่นกลาง-บนๆ หรือ PPV ตัวล่างๆ เลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: golf8023 ที่ กันยายน 13, 2016, 21:24:50
มันจริงตามที่เจ้าของกระทู้พูดนะครับ
ผมกลับมองไปที่ผู้ผลิตมากกว่าครับ รู้ว่าตลาดราคาระดับนี้คือตลาดใหญ่ แต่กลับไม่ใส่ใจใส่ระบบความปลอดภัยมาให้ในรุ่นกลางๆที่ขายดี
เอาระบบความปลอดภัยดีๆ ไปกองที่ตัวTopหมด ราคาทะลุล้านทุกเจ้า ตัวที่ขายดีทำกำไรได้เยอะหน่อย ไม่ใส่ระบบความปลอดภัยดีๆมาให้
คิดดูว่าเงินเดือน2-4หมื่นบาท รถกระบะราคา8แสนกับ1ล้าน มันต่างกันมากเลยนะครับ ถึงจะผ่อนต่างกันไม่กี่พัน(ที่หลายคนชอบพูด ผ่อนเยอะขึ้นไม่กี่พันเอง) ไอไม่กี่พันเนี่ย ค่านมลูก ค่าเทอม ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำมัน ประกัน ฯลฯ

ไม่ว่าจะชนชั้นไหน ทุกคนมันก็รักตัวกลัวตายหมด
ชนชั้นแรงงาน ทำไมจะไม่อยากได้ครับ ถุงลมรอบคัน ระบบช่วยทรงตัว ระบบแจ้งเตือน ช่วยการขับขี่ ทุกชนชั้นอยากได้หมดอะครับ
แต่รถที่เขามีกำลังพอจะซื้อได้ มันไม่มีระบบเหล่านี้นี้มาให้ไงครับ เต็มที่ก็ถุงลมคู่ ABS เขาเลยมองแค่รถสวยๆ เทห์ๆ ขับสบายๆ มันมีให้เลือกแค่นี้

ลองมีกระบะซักเจ้าทำยกสูงขับสองเกียร์MT(หรือAT) ให้ถุมลมรอบคัน ระบบช่วยทรงตัว ระบบเตือนการชน เตือนมุมอับ ในราคา7แสนปลาย-8แสนกลาง ผมเชื่อว่ามันจะขายดีมากจนเจ้าตลาดอาจเอาteenขึ้นมาก่ายหน้าผากเลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Mizuihisachi ที่ กันยายน 13, 2016, 22:28:37
เพราะบรรดาคนที่เข้ามาในเวปหรือบอร์ดแห่งนี้ฐานะดีครับ
คำว่าซื้อรถมาใช้ไม่ได้ซื้อมาขาย. ยังคงก้องในหู


หากมีเงิน เราจะมองความปลอดภัยมาก่อน
หากเงินไม่ค่อยมี เราจะมองหาอะไรที่มันดูจับต้องได้ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนเงินถึง ก็จะเลือกอะไรที่มันปลอดภัยมากสุด ดีสุด ให้กับตัวเองครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: NeoZeLon ที่ กันยายน 13, 2016, 23:26:37
ฮัลโหล อย่าลืมคิดนิดนึงนะครับว่า นี้คือเว็บรถ คนที่เล่นเว็บนี้ส่วนใหญ่ (น่าจะมากกว่า 85%) คือคนที่มีความสนใจในเรื่องรถ มีความรู้เรื่องรถ แต่.....อย่าลืมว่าประชากรในเว็บนี้ กับประชากรของประเทศ ดูแล้วไม่น่าจะถึง 0.01% เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าของกระทู้พูดมานั้นผมเห็นด้วย และจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยไปบ้านญาติที่ต่างจังหวัด ทุกวันนั้น รถที่มีลักษะ SUV ทั้งหลาย ยังถูกเรียกว่า ฟอร์จูนเนอร์ อยู่เลยครับ และต่อให้คุณขับ BMW หรือ HONDA รถคุณจะถูกเรียกแค่ว่า รถเก๋ง หรือรถกระบะยกสูงทั้งหลาย จะถูกเรียกว่า รถโฟร์วิวล์
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Arturoz ที่ กันยายน 14, 2016, 11:25:24
จริง ตาม จขกท.ว่าครับ

ซื้อจริง กับ ซื้อในอุดมคติ ต่างกันครับ
เงินเราเอง กับ เงินเขา (เงินคนอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับเรา) ต่างกันครับ

ใครก็อยากได้ ของที่มันดีที่สุด เลิศที่สุด ปลอดภัยสุด ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริง ที่ติด คือ เรื่องเงิน เรื่องของราคา

อย่าว่า เพียงชนชั้นแรงงาน จริงๆ มันน่าจะเป็นในทุกชนชั้น มากกว่า
โดยเฉพาะ เป็นคนหาเงิน เพื่อมาซื้อของเหล่านั้นเอง โดยไม่ได้ขอ (เกาะ) พ่อแม่กิน

ผมเชื่อว่า ทุกคนทุกระดับชั้น ต้องมอง เรื่องราคา มาเป็นปัจจัยหลัก
บางคน อาจจะเถียงว่า ไม่จริง มองรูปโฉมเป็นหลัก ความปลอดภัยเป็นรอง แต่พอจะซื้อจริงก็ไม่หนี เรื่องราคา

ระดับชนชั้น
ระดับล่าง-กลาง - มอง รูปโฉม, ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, สมรรถนะ สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาไหนที่เราไหวอยู่ดี
                   ราคาแพง option ครบ ชอบมาก---จะผ่อนไหวไหม จะผ่อนหมดหรือเปล่า สู้เอา body เดียวกัน แต่ไม่ต้องแพงขนาดนั้นดีกว่าไหม
                   แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นอยู่ อาจจะเอาน่า คิดว่าไหว หรือเอาไว้ไปคิดเอาดาบหน้า ก็มีเยอะ

ระดับสูง - มอง ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, รูปโฉม, สมรรถนะ สุดท้ายก็มาดูว่าราคาไหนที่เราไหวอยู่ดี เช่น อยากได้ MB S500 นะ แต่ราคามันสูงมาก S280 ก็พอ

รวยมากๆ เงินไม่ใช่ปัญหา - มอง ยี่ห้อ, หน้าตาสังคม, รูปโฉม, สมรรถนะ, option สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาจะจบอยู่ที่เท่าไรอยู่ดี
                   เช่น อยากได้ Porsche Cayenne จะเอาอะไร Hybrid, Diesel หรือ Turbo
                   เมื่อเลือกได้แล้ว ก็มาปวดหัวกับ Option ที่โคตรมหาศาลของ Porsche อีก หลังคาแก้ว-มูนรูฟ-เหล็ก, เบาะ STD-14-18 ท่า,
                   หนังSTD-ลูกวัวตายในท้องช้าง, กระจก private?, เครื่องเสียง Bose-Bur ฯลฯ
                   หรือจะเปลี่ยนจาก Porsche เป็น Roll-Royce ก็ได้ แล้วก็ว่าไปตาม option เหมือนกัน
                   สุดท้ายก็มาดูว่า ราคาจะจบอยู่ที่เท่าไรอยู่ดี พอมันแพงไป อันนี้ก็เริ่มจะไม่จำเป็น อันนั้นก็ดีแล้วนะ ฯลฯ

ไม่มีระดับ เกาะพ่อแม่กิน รวยมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน - ราคาไม่ใช่ปัญหา ชี้เอาที่ชอบ ไม่ต้องมีเหตุผล
+1 ตอบได้โดนใจมากครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อรถของชนชั้นผู้ใช้แรงงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ กันยายน 14, 2016, 12:45:16
คำว่าแรงงานนี้เงินดีใช้ได้