Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: fuhrer ที่ กันยายน 22, 2016, 22:11:01
-
ขอเอาข้อมูลที่ค่อนข้างสำคัญ มาเปิดเป็นกระทู้ใหม่เลยนะคับเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างใหญ่นะผมว่า
เรื่องไมล์เพี้ยนจนตัวเลขกล้บมาชนะอัตตราเร่งอีกต้วนึงได้
เรื่องไมล์เพี้ยนที่ทำให้ผมสงสัยเลยคับ
ผมได้ดูการทดสอบการทำรีวิวอ้ตราเร่งจากต่างประเทศใน
Youtube pdrive tvที่ทำการทดสอบหลายรุ่นหลายยี่ห้อ เกี่ยวกับอัตราเร่ง
ทำไมการทดสอบจากต่างประเทศ0-100
Pajero เร็วกว่า fortuner ตัวขับ4เหมือนกัน
ตอนแรกสงสัยแต่ไม่กล้าทักท้วงเพื่อให้เกียรติทางเว็บน่ะคับ
แต่ตอนนี้ผมขอพูดนิดละกันเพราะสงสัยว่าจะเป็นเรื่องไมล์เพี้ยนเยอะหรือเปล่าการทดสอบจึงต่างกัน มันเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อยากปล่อยให้ผ่านไป
https://m.youtube.com/watch?v=bXAxuP2dRHk
อันนี้คือคลิปทดสอบปาเจโรคับ สเป็กเครื่อง2.4ระบะส่งกำลังเกียร์8สปีดแบบในประเทศไทย
https://m.youtube.com/watch?v=AqTBB04tKdA
อันนี้คือคลิปทดสอบฟอจูนเนอร์ สเป็กเครื่อง2.8ระบบเกียร์6สปีดแบบในประเทศไทย
ผลทดสอบที่ผมดูในท้ายคลิปนะคับ
เอาปาเจโร่ก่อน
0-60km =4.86วิ
0-100km=11.24วิ
1/8 ไมล์=11.57วิ@102.1km/h
1/4ไมล์=17.90วิ@125.9km/h
ระยะเบรก0-100แล้วเบรกหยุดทันที40.27เมตร 3.29 วินาที
ตัวเลขของฟอจูนเนอร์มั่ง
0-60km 5.17วิ
0-100km 12.49วิ
1/8ไมล์11.96วิ@97.9km/h
1/4ไมล์18.59วิ@121km/h
ระยะเบรก0-100ถึงจุดหยุดนิ่ง3.43วิ@44.52เมตร
ขออภัย0-120ไม่มีการทดสอบตามคลิปนะคับมีแค่0-60กับ0-100
มาลองวิเคราะนะคับตามตัวเลขที่ได้0-100ปาเจอโรเร็วกว่าเกือบวิเลยนะคับ
จะใช้ต้วเลขวิอ้างอิงกันข้อมูลแต่ละที่ก็แย้งกัน
อยากให้ดูที่ระยะทางคับ1/8กับ1/4ไมล์ เลขหน้าปัดใครมากกว่าและใช้เวลาเท่าไร
ถ้าดูตัวเลขโดยรวมทั้งหมดปาเจโร่ชนะนะคับ
ที่ผมแย้งในเรื่องนี้คือสงสัยเรื่องไมล์เพี้ยนคับเพี้ยนจนชนะเลยเหรอเนี่ย กับ0-100
-
อัตาเร่ง 0-100 ผมว่ามันบอกได้แค่คร่าวๆอะครับ ไม่น่าเอามาคิดจริงจัง 2 คันนี้ใครกดก่อนก็ถึงก่อนแค่นั้นจริงๆ ไปวัดกันตรงความเร็วปลาย
บางคันกดปุ๊บ คิดซักเกือบวิก็มี แต่คันเดียวกันพอไหลๆซัก 20 แล้วกดเต็มเลยแล้วเร็วก็มีถมไปครับ
-
ฟอร์ก้จัดว่าเพี้ยนเยอะอยู่ แต่ตามข้อมูลแล้วปาฯ ก็เพี้ยนเยอะเอาการ 7% กับ 6% ไม่น่าจะเป็นนัยยะถึงขั้นนั้น
สำหรับเว็บจากต่างประเทศนั้น ไม่ทราบจริงๆ เรื่องไมล์เพี้ยนเราต้องไปประเมินกันเอาเอง 8)
-
ปาขับสี่รู้สึกจะไมล์อ่อนประมาณ 5%นะ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=46177.0
-
เข้าใจว่าเป็น spec AUS นะครับ FTN ได้มิเตอร์โลเกรดมาก ของไทยดูดีกว่าเยอะเลย
ส่วน PJS spec AUS ไม่มีเบาะแถว 3 นะครับ ตัวเบาไปได้เยอะ น่าจะมีผลต่ออัตราเร่งไม่มากก็น้อย
อีกประการนึงคือ AUS บังคับค่าไอเสีย EURO5 แต่ของไทยเป็น EURO4
ปกติแล้วที่ EURO5 เครื่องจะต้องถูกปรับให้แรงน้อยลงเพื่อให้ปล่อยไอเสียน้อยลง ตัวเลขน่าจะต่างอยู่แล้วครับ
condition การทดสอบก็มีผลนะครับ ถ้าวิ่งรถเปล่าๆ ผมว่า PJS น่าจะเร็วกว่าเห็นๆอยู่แล้วแหละ ใช้ 8 เกียร์ซอย
แต่ถ้ามีน้ำหนักบรรทุกล่ะก็ FTN น่าจะออกตัวเร็วกว่าเพราะได้เปรียบแรงบิด (กำลังลาก) ที่รอบต่ำ ไม่ต้องรอรอบ
-
ผมงงคุณมากกว่า เอารถขายต่างประเทศมาเทียบกับในประเทศ
แต่ละประเทศรุ่นเดียวกันแต่เขาจูนเครื่องยนต์ไม่เหมือนกันครับ น้ำหนักก็ต่างกันแล้ว สเปคก็ไม่เหมือนกัน
ใครชนะมันไม่มีผลยอดขายขนาดนั้นหรอก
ถ้า pajero แรงกว่า fortuner มันจะขายไม่ออกเหรอ
กลับกัน fortuner แรงกว่า pajero มันจะขายไม่ออกเหรอ
-
ล้อกะทะเหล็กครับ หนักกว่าแม๊กส์อยู่แล้ว ไมล์ต่างกันแค่ 1% ไม่มีผลครับ
-
คือ จริงๆเลยนะครับ มันมีผลต่อการซื้อรถขนาดนั้นเลยรึเปล่า อัตราเร่งไม่ได้ต่างกันมากมาย
รถทั้ง 2 รุ่นนี้ อัตราเร่งเหลือๆอยู่แล้วนะครับสำหรับการใช้งาน
แต่มันเหมือนเป็นการตั้งมาตรฐาน หรือการคาดหวังมาก กันเองมากว่านะครับ
เร็ว แรง แค่ไหน ก็อยู่ที่ความพอใจ ของผู้ใช้งานละครับ
จะมาเถียงแทน กันไปมา ค่ายรถ เค้าก็ไม่ได้มีส่วนลด พิเศษอะไรให้
-
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างมันเยอะครับ
อย่าไปซีเรียสอะไรกับมันมากเลย ปล่อยให้เจ้าตลาดเค้าชนะบ้างจะเป็นอะไรไป หรือจะให้เค้าเหนือกว่าแค่0บริการอะไหล่ยอดขายหรอครับ ฮา...
-
เจ้าของกระทู้สงสัยเหมือนผมแหละ
เพราะดูตัวเลขตัวสี่ประตูขับสี่ ของ revo และ triton
triton มันกินทั้งต้น0-100ทั้งกลาง80-120 แต่พอเข้าร่างppv
กลายเป็นเสมอกัน เพราะฉนั้นในคลิปต้องมีข้อเปรียบเทียบแน่นอน
ว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร แต่นอกจากเวปเรา ผมดูตามหนังสือเปรียบเทียบอัตราเร่งก็ยังเป็นปาเจโร่ที่เร็วกว่านะ แต่ก็ไม่ถึงวิ พอมาเห็นผลเทส headlightmag ก็เลยมองจุดเดียวกับจขท.คับ
อันนี้คือความเห็นผมนะ
-
แน่นอนว่าไมล์เพี้ยนก็มีผลครับ แต่ลองหาผลการทดสอบของรถที่ผลิตในไทยทั้งคู่จะดีกว่านะครับ มีโอกาสที่การเซตรถต่างกันได้อยู่มากพอสมควร ไม่งั้นคงไม่วิ่งทดสอบกันในแต่ละประเทศหรอก
และผมว่ามีคนไม่น้อยที่ซื้อรถโดยไม่แคร์เรื่องอัตราเร่งที่ต่างกันแค่นี้ครับ
-
บางทีอาจเพราะแนวการเทสก็ได้มั้งครับ ทาง HLM ผมคิดว่าน่าจะเริ่มกดนาฬิกาตั้งแต่เท้ากระทืบคันเร่งจมพื้นก็เริ่มกดเวลาเลยจนถึง 100 KM/H
ส่วนจากที่เราเห็นใน VDO อื่นๆเราจะนับที่เข็มความเร็วเริ่มเปลี่ยนแปลงจนถึง 100 KM/H มันเลยต่างกัน หรือบางแหล่งก็ใช้ GPS วัดด้วย จากรถหยุดนิ่ง พอเคลื่อนที่มันก็เริ่มจับเวลา
คงประมาณนี้มั้งครับ
-
สำหรับผมรถประเภทนี้ พวกตัวเลข 0-100 ไม่ได้สำคัญต่อการตัดสินใจมากนัก
ตัวเลขแบบนี้ มันสำคัญเวลาเอามาแข่ง หรืออยู่ในสนามแข่ง
แต่ในการขับขี่ทั่วๆไป ต่างกันแค่ระดับวินาทีเดียว ก็ไม่มีผลเลยต่อการตัดสินใจ
แต่กลับกัน รถประเภทนี้ ผมให้ความสำคัญกับราคา กินน้ำมัน ช่วงล่าง เบรก ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักมากกว่าครับ
ยิ่งช่วงหลังๆ การพัฒนาเทคโนโลยีของรถ ไม่ได้เน้นกับอัตราเร่งมากเหมือนแต่ก่อน
(อาจจะเป็นเพราะมันอยู่ในระดับที่พอแล้วสำหรับการขับขี่ทั่วไป)
การพัฒนาเหมือนจะเน้นไปที่เรื่องของ downsizing
ด้วยความคิดว่า เครื่องเล็กลง อัตราเร่งไม่แย่กว่าเดิม แต่ได้เรื่องการประหยัดน้ำมันมาทดแทน
เพราะงั้นเรื่อง 0-100 ในปัจจุบัน สำหรับผม ไม่ได้สำคัญมากนัก ขอแค่ไม่แย่กว่าเดิมมาก
แต่ถ้าสามารถทำให้การกินน้ำมันลดลงมาได้แบบมีนัยยะสำคัญ
อันนี้ซิ ผมถือว่า มีการพัฒนาที่ดีขึ้นจริง
-
ผมว่าเพราะระบบ 4x4 ของมิตชู ยังสู้toyota ไม่ได้ด้วยครับ สังเกตการอัตรสิ้นเปลือง ตัวขับ4 กินกว่าขับ2 ประมาณ 20% แต่ของtoyota ขับ4 อัตรสิ้นเปลืองด้อยกว่าขับ2 นิดเดียว
-
คือ จริงๆเลยนะครับ มันมีผลต่อการซื้อรถขนาดนั้นเลยรึเปล่า อัตราเร่งไม่ได้ต่างกันมากมาย
รถทั้ง 2 รุ่นนี้ อัตราเร่งเหลือๆอยู่แล้วนะครับสำหรับการใช้งาน
แต่มันเหมือนเป็นการตั้งมาตรฐาน หรือการคาดหวังมาก กันเองมากว่านะครับ
เร็ว แรง แค่ไหน ก็อยู่ที่ความพอใจ ของผู้ใช้งานละครับ
จะมาเถียงแทน กันไปมา ค่ายรถ เค้าก็ไม่ได้มีส่วนลด พิเศษอะไรให้
กับต้วผมไม่มีผลคับแต่หลายคนอาจจะมีนะ
อย่างน้อยคนขับที่ค่อนข้างซีเรียสระหว่าง2ยี่ห้อนี้ จะได้รู้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
ส่วนตัวไม่ได้อะไรกับค่ายรถอยู่แล้วคับผมคนใช้รถทั่วไปคนนึงที่ชอบศึกษาหาข้อมูล แต่ผมเอาข้อมูลที่ได้มามันต่างกันมาแย้งแค่นั้นคับ
ตอนนี้ผมขับโตโยต้าvigoอยู่คับ(ผมไม่ได้ใช้มิตซูนะคุณถ้าคิดว่าจะมาเชียร์ค่ายนั้นค่ายนี้) แต่ผมก็ไม่ทำต้วเป็นแฟนพันธ์เชียร์ค่ายรถที่ตัวเองขับ
ที่เอามาลงคือเอามาถกกัน ตามข้อมูลที่ได้มาคับ
สรุปว่าข้ออ้างอิงเรื่องต่างประเทศ
แต่ละประเทศจูนแรงกว่าไม่เท่ากันใช่ไหมคับ
ประเทศไทยฟอจูนเนอร์ จูนเครื่องได้แรงกว่าปาเจโร่ในต่างประเทศ ใช่มั้ยคับ??
ถ้าวัดกันจริงๆอยากให้วัดที่ระยะทางเลยดีไหมถึงจะพูดได้จริงเอาแบบระยะที่เขาวัดกัน1/8ไมล์ หรือ1/4ไมล์
แบบต่างประเทศ แล้วจับด้วยgps ที่แม่นยำไม่ใช่เข็มไล์รถ
แต่ถ้าทำขนาดนนั้นก็จะเป็นการรบกวนทางเว็บมากไปคับ
ข้อนี้ก็เท่ากับว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่า
ฟอในไทยแรงกว่าปาของจริงหรือแค่ไมล์เพี้ยน ตามความเห็นส่วนตัว
-
ผมไม่ค่อยสน0-100นะครับในชีวิตจริงใครจะขับรถกดหมดตั้งแต่ออกตัวตลอด ผมสนอัตราสิ้นเปลืองกับ80-120เวลาแซงมากกว่าครับรถในความชอบของผมคือกลางดีกดมาเลยเวลาแซงสิบล้อได้สบายใจแค่นั้นเองแล้วที่สำคัญที่สุดคุณภาพวัสดุและการประกอบ
-
ผมไม่ค่อยสน0-100นะครับในชีวิตจริงใครจะขับรถกดหมดตั้งแต่ออกตัวตลอด ผมสนอัตราสิ้นเปลืองกับ80-120เวลาแซงมากกว่าครับรถในความชอบของผมคือกลางดีกดมาเลยเวลาแซงสิบล้อได้สบายใจแค่นั้นเองแล้วที่สำคัญที่สุดคุณภาพวัสดุและการประกอบ
ใช่คับหลายๆท่านอาจไม่สนใจ เรื่องนี้
แต่ท่านรู้ไหม ว่ามีคนเอาข้อมูลจากเว็บไปลงในคล้บปาเจโร่ และฟอจูนเนอร์แล้วก้บอกว่ารถข้าแรงกว่านะรถเอ็งช้ากว่า ผมว่าถ้าข้อมูลมันกระจายออกไปในวงกว้าง มันมีผลสำคัญนะคับ
แบบนี้อาจมีผลกับความรู้สึกทางใจได้คับ สำหรับคนขับ หลายๆท่าน
ผมจึงเอาข้อมูลที่ได้มาเพื่อเอามาพิจารณากันคับ
-
มีผลต่อความรู้สึกผู้ครอบครองรถ 2 รุ่นนั้นมากครับ เพราะกว่าจะซื้อแต่ละคัน ต้องคิดแล้ว
ว่าเราตัดสินใจในสิ่งที่ดีสุด คุ้มค่าสุด
ทำไมของเราด้อยกว่าทั้งที่CC เยอะกว่า
หรือ CC เยอะกว่าจ่ายน้ำมันเยอะกว่าต้องแรงกว่าสิ
เอาข้อมูลไปคุยข่มกันให้เจ็บช้ำน้ำใจได้เลย
-
การทดสอบเพื่อเป็นส่วนประกอบการตัดสินใจ ผมเองก็จำได้คร่าว ๆ ว่าทางเว็บก็เคยบอกแล้วว่า ทดสอบแบบอื่นอย่าง เช่น 1/4 1/8 ไมล์ มันมีความยุ่งยาก ทั้งเรื่องสถานที่ และ คนขับก็มีผลมาก แล้วยังเรื่องของการสิ้นเปลืองเวลามาก
-
เหมือนหลอกตัวเองเหมือนกันนะครับขับรถไมล์อ่อนมากเกินไป
-
การทดสอบเพื่อเป็นส่วนประกอบการตัดสินใจ ผมเองก็จำได้คร่าว ๆ ว่าทางเว็บก็เคยบอกแล้วว่า ทดสอบแบบอื่นอย่าง เช่น 1/4 1/8 ไมล์ มันมีความยุ่งยาก ทั้งเรื่องสถานที่ และ คนขับก็มีผลมาก แล้วยังเรื่องของการสิ้นเปลืองเวลามาก
เข้าใจทางเว็บจุดนี้คับ
เนื่องจากข้อมูลที่มีผลเรื่อง0-100ใครทำได้เร็วกว่าและน้อยกว่าแบบพลิกกันเลย
ถึงได้เอาข้อมูลจากที่อื่นทึ่มีการทำการทดสอบแบบนี้มาลงไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมด้วยคับ
-
สเปคต่างประเทศกับไทยไม่น่าจะเหมือนกันนะ แล้วเวลาทดสอบก็มีผลกลางวันกลางคืน
อัตราเร่งไม่ได้เป็นตัวตัดสินใจการซื้อรถมากขนาดนั้น ยังมีส่วนอื่นๆประกอบอีก ต่อให้ฟอร์จูนเนอร์อืดกว่านี้ก็ขายดี
แล้วจะให้ทางเว็บเขาทดสอบยังไง ใช้แอปGPSวัดความเร็วจับเวลาเหรอ
-
ผมไม่เคยซื้อรถโดยดูจากเวลาที่ทำได้ 0-100 เลย เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ สงสัยเพราะผมไม่ใช่ขาซิ่งมั้ง
แต่เรื่องไมล์เพี้ยนนี่ เวลาดูจากรีวิวเมืองนอก บางแห่งเค้าใช้เครื่องของเค้าเองนะครับ ไม่ได้อิงกับเข็มไมล์ / หน้าจอ ของรถเลย ถ้าเทียบกันแบบนี้ น่าจะดีกว่า
-
ฟอร์จูนเนอร์กับปาเจโร่ยังไม่เท่าไหร่นะครับ เพราะไมล์เพี้ยนพอๆกัน เวลาก็ใกล้เคียงกัน วิ่งจริงๆคงไม่หนีกัน
แต่ถ้าลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำกว่านี้เช่น VBox ผมว่าตำแหน่งในตารางน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายคันเลย
อีกอย่างวิธีการทดสอบของ HLM ก็ไม่ได้รีดเวลาอยู่แล้ว แค่ปล่อยเบรกแล้วกดเต็ม
-
ผมว่ามันเรื่องเล็กนะครับ..
-
ข้อมูลที่เอามาลงผมสนใจตัวนี้มากกว่าครับ ระยะและเวลาในการเบรค 100-0 (ไม่ใช้ 0-100 แบบที่ลงมาให้นะครับ)
ปาเจโร่ ระยะเบรก 100-0 ด้วยระยะทาง 40.27 เมตร/ใช้เวลา 3.29 วินาที
ฟอจูนเนอร์ ระยะเบรก 100-0 ด่วยระยะทาง 44.52 เมตร/ใช้เวลา 3.43 วินาที
คือถ้าวิ่งร้อยแล้วต้องเบรคจนหยุดฟอจูนเนอร์จะใช้ระยะทางเพื่อเบรคมากกว่าปาเจโร่ 4.25 เมตร
ส่วนตัวผมมองเยอะเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าฟอตัวนี้เบรคหลังเป็นดิสหรือดรัมเบรคครับ
-
ส่วนตัวมองว่า อัตราเร่ง ถ้าอยากวัดกันจริงๆ มันต้องใช้อุปกรณ์ที่น่าเชื้อถือได้กว่านี้ และบนเงื่อนไขอื่นๆ อีกหลายอย่าง
แต่ถ้าไม่ใช่กลุ่มรถ performance car, sport car หรือ hyper car แล้วล่ะก้อ อัตราเร่งหลัก +/- 1-2 วิ มีผลกับการใช้งาน และ การตัดสินใจ น้อยมากครับ ส่วนมากเน้นประโยชน์ใชสอย และลักษณะการใช้งานมากกว่า
คหสต.
-
ลองสังเกตดูในคลิปนะครับ ที่กด 0-100 km/h
Pajero Sport เหมือนกับมีการเหยียบคันเร่ง พร้อมเหยียบเบรก
ขึ้นรอบรอไว้รึเปล่า เกือบ 2,000 รอบ ก่อนจะมีเสียงกระแทกคันเร่ง
แล้วรอบก็ค่อยพุ่งออกไป
ส่วน Fortuner เสียงกระแทกคันเร่ง เกิดขึ้นพร้อมกับรอบที่พุ่งออกไป
จากรอบเดินเบาปกติ
-
ที่น่าสนใจกว่าคือระยะเบรคครับ ต่างกันตั้ง4 เมตร :-X
-
ใช่ครับ ระยะเบรค ห่างกันเยอะจริงๆ 4 เมตร
แต่ก็อย่างว่าครับปัจจัยในการทดสอบเยอะจริงๆ
ถึงแม่จะเป็นคนเดียวกัน เวลาใกล้กัน สถานที่เหมือนกัน
ผมกว่า เอาแค่เป็นข้อมูลในการพิจารณาดีกว่าครับจะได้สบายใจครับ
-
ลองสังเกตดูในคลิปนะครับ ที่กด 0-100 km/h
Pajero Sport เหมือนกับมีการเหยียบคันเร่ง พร้อมเหยียบเบรก
ขึ้นรอบรอไว้รึเปล่า เกือบ 2,000 รอบ ก่อนจะมีเสียงกระแทกคันเร่ง
แล้วรอบก็ค่อยพุ่งออกไป
ส่วน Fortuner เสียงกระแทกคันเร่ง เกิดขึ้นพร้อมกับรอบที่พุ่งออกไป
จากรอบเดินเบาปกติ
ประเด็นที่ผมสงสัยไม่ใช่ที่ปาเจโร่นะค้บคุณหมูทางเว็บhlmทำตัวเลขได้ใกล้เคียงกันที่11.54
ทางเว็บนอกคือ11.24 ซึ่งไม่ได้ต่างกันมากอาจจะเป็นประเด็นเรื่องเหยียบรอบไว้รออาจใช่คับ
แต่คือทำออกมาเทียบกับทางคัณหมูคือห่างกันไม่มากสำหรับปาเจโร่
แต่ที่สงสัยคือfortunerคับตัวเลขมันต่างจากเว็บนอกอยู่ ที่สังสัยคือเรื่องว่าไมล์มันเพี้ยนหรือเปล่า
เพราะเว็บนอกเค้าใช้gpsจับด้วย
ทางเว็บhlmทำเวลาได้ที่11.17 แต่เว็บนอกทำได้ที่12.49 ค่อนข้างห่างกันเยอะเลยนะคับ
ส่วนท่านที่ถามเรื่องเบรกผมตอบไม่ได้คับเค้าไม่ได้แจ้งสเป็กว่าใช้ดรัมเบรกหลังหรือดิสค์เบรกหลังสำหรับฟอจูนเนอร์
แต่ต่อให้ใช้ดิสเบรกที่เมืองนอกระยะเบรกปาเจโร่ก้ยังทำได้ดีกว่า แต่ถ้าดรัมเหมือนของไทยก้ตามนั้นเลยคับ
ระยะเบรกคงเท่าในไทยแน่นอน แต่ถ้าเมืองนอกให้สเป็กดิส4ล้อแล้วเบรกไดัแย่กว่าปาเจโร่นะ
ของไทยที่ใช้ดรัมเบรกด้านหลัง
ผมว่าตัวเลขอาจแย่กว่าในคลิปล่ะ
ซึ่งนั่นคือแย่กว่าปาเจโร่จมเลย
ผมเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาบอกให้ทราบกันคับ ไม่ได้มาเชียร์ใคร ไม่ได้เป็นหุ้นกับบริษัทไหน
ใครจะขายดีหรือแย่กว่าใครผมไม่สนคับ ไม่ได้มีผลอะไรกับผม
ปาให้ออฟชั่นคุ้มกว่าฟอร์และราคาก็ถูกกว่ามากย้งเห็นฟอร์ขายดีกว่า2เท่าเลย
สิ่งที่เอามาลงให้ดูคือข้อมูลข้อเท็จจริง
ใครจะใช้จะซื้ออะไรก็แล้วแต่ตัวท่านทั้งหลายจะพิจารณาเอานะคับ
-
หากไมลเพี้ยน ผมเห็นด้วยกับคุณครับ
ส่วนเรื่อง แนวทางการทดสอบ มันแล้วแต่สไตลของเวบครับ
HLM ไม่ใช่เป็นมาตราฐานโลก เวบที่คุณบอกมาก็ไม่ใช่
แต่เราเข้ามาดูเพื่อเป็นguidelineได้นะ
และใครจะบลัฟอะไรก็ช่างเขาครับ 0-100แรงกว่าไรงี้
ถนนจริงเจอโค้งแหกคว่ำตาย
-
เช้าใจว่า จขกท. ต้องการสื่อ ว่าค่าที่ทดสอบมันมีความแตกต่างเท่านั้น ไม่น่าเกี่ยวเรื่อง เกทับกันนะ
ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะ ในการทดลอง มันก็ยังต้องลองหลายๆ ครั้ง มาหาค่าเฉลี่ย
ที่ ตปท. แม้อุปกรณ์ในรุ่น จะต่างกันบ้าง แต่ภาพรวมมันก็ใกล้เคียงกันมาก จขกท. เลยนำมาเสนอ ว่ามันเป็นแบบนี้
ซึ่งก็เป็นการเปิดโลกทัศน์ ไปอีกแบบ
แต่โดยรวมเอาเป็นว่า PPV ไม่ว่าจะ Mu X, PJS, FTN, EVE, Colo เอามาวิ่งจริงก็ไม่ต่างกันมาก
แล้วแต่ใครชอบอะไรในรถคันนั้นๆ มากกว่า ให้ นน.ด้านไหนมากกว่า
ในหลายครั้ง การขับแข่งบนถนนแบบผิดกฎหมาย ที่ไม่ใช่แค่ทางตรง รถแรงน้อย นำหน้ารถแรงมากก็เยอะ
ไม่ใช่แค่ฝีมืออย่างเดียว มันอยู่ที่จังหวะด้วย
แต่สำคัญสุด มันอยู่ที่ใจ และลูกบ้ากล้าตายมากกว่า
-
ผมช่วยไขให้ทีละข้อนะ
1. เรื่องความต่างระหว่างเวลาของเมืองนอกกับของเรา
- ผมไม่รู้ว่าการทดสอบของเมืองนอกมีลักษณะเหมือนของเราหรือเปล่า น้ำหนักบรรทุกกี่กิโลกรัม เท่าเราหรือเปล่า
- ของเขาทดสอบกลางวันอุณหภูมิไม่ทราบ (อาจจะมีบอกในคลิปหรือเปล่าแต่ผมกดข้ามไปดูแค่ช่วง 0-100) ของเราทดสอบกลางคืน อุณหภูมิจะพยายามให้อยู่ระหว่าง 25-32 เราคุมธรรมชาติได้แค่นี้ครับ เอาให้หมดทุกคืนคงไม่ได้
- ที่สำคัญคือเราไม่รู้เลยครับว่าสภาพรถของเขากับรถของเรา คันไหนดีกว่ากัน ผมไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเซ็ตเครื่องนะครับ เอาแค่เรื่องสภาพรถ เราก็ไม่รู้ ถ้าเป็นรถเทสต์ ฝรั่งทดสอบกับคนไทยทดสอบ เวลาโหดก็โหดเหมือนกันและเสื่อมได้เร็วเหมือนกันนะครับ
- ข้อสังเกตที่หมูอาจจะพยายามบอกให้คุณดูใน Pajero Sport คือ ทำไมคนขับต้อง Spool รอบเรียกบูสท์ไว้ 2,000 รอบก่อนที่จะออกตัว..ถ้าไม่ทำล่ะ จะได้ตัวเลขช้าลง อาจจะเข้าไปแตะ 12 วิเพราะรอบูสท์นานหน่อย (แต่ไม่นานน่าเบื่อเพราะเกียร์สั้นๆมาช่วย) แล้วพอช้ากว่าตัวเลขจากเว็บผม แปลว่า Pajero Sport ก็ไมล์เพี้ยนหรือเปล่า?
- เรื่องไมล์ใครเพี้ยนกว่าใคร หมูเอาตัวเลขมาบอกให้เรียบร้อย คุณจะเห็นว่า GPS วิ่ง 100 นิ่งๆ Fortuner มากกว่า Pajero Sport แค่ 2 กิโลเมตร/ชั่วโมงบนมาตรวัด
ส่วนเรื่องความเพี้ยนของไมล์จะส่งผลแค่ไหน ไม่ยากครับ คุณลองเองก็ได้ หยิบนาฬิกาจับเวลาของคุณขึ้นมา
https://youtu.be/x3bqJ_-zqzA
คุณลองจับเวลารถคันนี้ เอา 0-100 ก่อนสักสองสามรอบ แล้วอีกรอบค่อยจับ 0-98 แต่อย่าเอาเวลาที่ได้ไปเทียบกับในรีวิวนะ เพราะในคลิปนั่นนั่งหก แต่ให้คุณลองดูความต่างของเวลาระหว่าง 0-100 กับ 0-98 ว่ามันถึงวินึงมั้ย คุณลองเอาเวลาตรงนี้ไปหักลบกับ 11.54 วิของ Pajero Sport 4WD ดูก็ได้ครับ คุณก็จะรู้ว่าต่อให้เอาความเพี้ยน 2 กม./ชม.มาพูดกันก็ไม่ได้ทำให้ Pajero Sport ฉีก Fortuner ขาดกระจายได้หรอกครับ Pajero Sport ไมล์เพี้ยน 5 Fortuner เพี้ยน 7 สมมติว่าผมจับเวลา Fortuner โดยใช้ 0-102 แทน 0-100 ก็จะดูยุติธรรมขึ้น แต่ก็จะมีปัญหาอีกเหมือนกัน คนก็จะถามว่าแน่ใจหรือว่า 102 บนหน้าปัดจริง ไม่ใช่ 104 ตอนจับเวลาตอนขับแน่ใจนะว่าตาคนขับเล็งถูก
แต่ถามว่าการที่ Toyota ไมล์เพี้ยนมันไม่มีปัญหาใช่มั้ย..มันมีปัญหาที่ผมหาทางหาคำตอบได้ แต่ผมไม่ชอบ เพราะมันทำให้ผมต้องมาอธิบายยืดยาวทุกครั้งที่มีการเทียบอัตราเร่งโดยมีโจทก์เป็นรถ 2 คันที่ไมล์เพี้ยนไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ถ้าใครช่างสังเกตหน่อย หยิบนาฬิกาขึ้นมาจับ 0-100, 0-98, 0-102 เทียบกันก็บอกได้แล้วว่า "สูสี" หรือ "ชนะขาด" ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการเซ็ตไมล์ให้เพี้ยนเยอะๆ แต่ถ้าประมาณ 4-5 ผมพอรับได้
2. ส่วนเรื่องการจับโดย V-box ผมก็เคยคิดครับ ราคาก็อยู่ในระดับที่พอซื้อได้ GPS ในพวก V-box นั่นมันคนละเกรดกับ App GPS Speed ในสมาร์ทโฟนนะครับ มีความแม่นยำกว่า แต่ถ้าซื้อมาใช้ ผมก็เก็บมาไว้เล่นคนเดียว ทดสอบเทียบกับเวลาของจิมมี่สักปีนึง ลงเป็น Data ประกอบไปกับการจับเวลาผ่านนาฬิกาแบบ Jimmy mode ทำไมต้องลงคู่ เพราะคนอ่านส่วนมากที่ไม่ได้เล่นรถจริงจังเขาไปลองแล้วก็ไม่เหมือนกับข้อมูลจาก V-box ก็จะมีคนถามว่าแล้วคนทั่วไปที่ไม่มี V-box เขาจะเห็นสิ่งต่างๆเหมือนกันหรือเปล่า ก็แล้วแต่ ของบางอย่างต่อให้ทำให้ถูก แต่ไม่ถูกใจ คนรับงานเข้าคือผมอีกเหมือนกัน
แต่ส่วนเสริมที่ผมชอบใน V-box คือเรื่องเบรก 100-0 เพราะอยากทำ อยากให้มี ผมจะลองนำเสนอจิมมี่ดูว่าเราสามารถหาถนนที่พื้นเรียบ เป็นสถานที่เดิมที่เดียวตลอดและปลอดฝุ่น และยังต้องใกล้พอให้สามารถนำรถไปทดสอบในช่วงที่ฝนไม่ตกได้ (เรียกได้ว่าต้องมีช่วงเวลาที่แห้งเป็นเวลาเดียวกันของวัน ตลอดทั้งปี เพราะถ้าคันนึงวัดกลางวัน คันนึงกลางคืน..ยางก็ร้อนไม่เท่ากันถูกมั้ย) ยกเว้นว่าเราไม่ซีเรียสกับผลทดสอบที่ condition ต่างกันนิดๆหน่อยๆ..แต่ผมเดาว่าคนที่ลงทุนใช้ของระดับ V-box พยายามจะเอาการทดสอบอย่างซีเรียสนะ ผมถึงต้องคิดว่า เราไม่ได้ต้องห่วงแค่เครื่องมือ แต่ต้องห่วงเรื่อง Condition ในการทดสอบด้วยเพราะต้องเป็นถนนที่มีช่วงเวลาแห้งๆทดสอบได้ทั้งปี
ขนาดเราทดสอบอัตราเร่ง หน้าร้อนหน้าหนาวยังมีประเด็น แล้วถ้าผมทดสอบเบรกหน้าร้อนหน้าหนาว ผมว่าคนที่เชียร์รถคันที่แพ้ก็มีประเด็น ผมถึงบอกว่าถ้าผมซื้อมาใช้จริง ผมก็เก็บไว้เล่นของผมคนเดียว อย่างมากก็โพสท์แชร์ให้เฉพาะคนที่รู้คุณค่าของ V-box และสามารถสื่อสาร Condition ต่างๆแล้วคิดแทนกันเองได้กับผมไว้คุยกัน ชวนพวกเราวิเคราะห์เทียบกัน แต่คงไม่เอาไปสู่ระดับสาธารณชนคนทั่วไป
3. เรื่องอัตราเร่งว่าทำไม Fortuner เร็วกว่า Revo ที่เครื่อง 2.8 เหมือนกัน
ผมเรียนตามตรงว่า ผมก็ตาโตครับ เห้ย มันเป็นไปได้ไงวะ เรื่องไมล์เพี้ยน มันก็เพี้ยนพอกันด้วยนาเอ้า
ไอ้หมูก็งงเหมือนกัน เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่คิดนะครับ ตั้งแต่จิมมี่บอกตัวเลขอัตราเร่งมา เรารู้ตั้งแต่ก่อนโพสท์แล้วครับว่าต้องมีคำถาม
บางทีก็คิดเหมือนกันว่าทำไมผมไม่จัดการแปลงตัวเลขให้มันเท่าๆกับ Revo ไปวะ งานน่าจะน้อย คำถามน่าจะน้อย ปัญหาเข้าตัวก็น้อยกว่า แต่มาคิดอีกที ผมว่าก็บอกไปตามตรง นาฬิกามันบอกยังไง เราก็บอกไปอย่างนั้นดีกว่า ส่วนถ้ามันมีอะไที่ผิดปกติ เราก็ค่อยมาหาทางคิดว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น
หมูหาข้อมูลมาให้ว่าน้ำหนักตัวของ Revo 2.8 กับ Fortuner นั้นไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่เราคิด อย่างค่ายอื่น กระบะกับ PPV น้ำหนักจะต่างกัน 100-170 โลได้ แต่ Fortuner หนักกว่า Revo แค่ 55 กิโลกรัม!!
แต่นั้นก็ยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงเร็วกว่า แค่บอกว่า "ทำไมมันถึงไม่ช้ากว่า Revo อย่างที่เราคิด"
เรื่องแอโร่ไดนามิกส์....บางคนบอกว่าหน้า Fortuner แหลมลู่ลมกว่า...ผมไม่แน่ใจ เพราะไม่มีอุโมงค์ลมหลังบ้านแต่ส่วนตัวคิดว่าแอโร่น่าจะมีผลช่วงหลัง 80 ไปมากกว่า ช่วง 0-40 แรกไม่น่าจะมีผล (ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มอยากได้เครื่องมือ Datalogger มาช่วย)
อย่างไรก็ตาม ผมสงสัยในเรื่องของ
1. สภาพเครื่องยนต์ กับเกียร์ อาจต่างกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของความโทรม แต่เป็นเรื่องของการปรับเซ็ตต่างๆที่อาจมีการอัพเดทบางส่วน แต่ไม่ได้บอกไว้ในโบรชัวร์ เอกสารแจกสื่อมวลชน และไม่ได้ส่งผลความต่างแรงม้า/แรงบิดสูงสุด
2. อากาศ อาจจะมีส่วนน้อย แต่ถ้าส่วนน้อยนี้ไปรวมกับส่วนน้อยอันอื่น ก็อาจจะมีผล
3. การเซ็ตการตอบสนองของคันเร่ง
ซึ่งข้อ 1 กับ 3 หมูเสนอว่าจะลองส่งอีเมลไปถาม Toyota ว่าจะมีการเซ็ตคันเร่ง หรือปรับโปรมแกรมการจ่ายน้ำมันที่แตกต่างกันระหว่าง Revo กับ Fortuner หรือไม่ เมื่อทราบแล้วจะนำไปใส่ในรีวิว หรือถ้าได้ข้อมูลกลับมาทันวันอาทิตย์นี้ ก็จะพูดลงในคลิป และใส่ในรีวิวด้วย
- - - - -
ขออภัยที่ผมตอบยาวและห้วน แต่พยายามไม่ดูถูกใคร แค่นำเสนอว่า ผมมีความคิด และสมมติฐานแบบนี้และบอกข้อจำกัด กับสิ่งที่เราอยากทำมาให้ลองฟังกันดูครับ ผมว่าเจ้าของกระทู้ก็มีเจตนาที่ดี และสื่อสารด้วยภาษาที่น่าฟัง ผมขอรับไว้เป็นการบ้านในส่วนที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์คุณได้ แน่นอน ผมเคยใช้ชีวิตกับควอเตอร์ไมล์ทุกอาทิตย์ ผมเข้าใจความรู้สึกของความแม่นยำของเวลา 0.1-0.2 วิครับ แต่ในโลกแห่งความจริง การยืนดูสลิปแล้วคุยกับพวกเรากันเองที่คุยภาษาเดียวกัน กับการทำการสื่อสารกับคนแสนคนหมื่นคนนี่..เหนื่อยคนละเรื่องจนบางทีคิดว่าอยู่เฉยๆบ้างจะดีกว่า
-
ผมช่วยไขให้ทีละข้อนะ
1. เรื่องความต่างระหว่างเวลาของเมืองนอกกับของเรา
- ผมไม่รู้ว่าการทดสอบของเมืองนอกมีลักษณะเหมือนของเราหรือเปล่า น้ำหนักบรรทุกกี่กิโลกรัม เท่าเราหรือเปล่า
- ของเขาทดสอบกลางวันอุณหภูมิไม่ทราบ (อาจจะมีบอกในคลิปหรือเปล่าแต่ผมกดข้ามไปดูแค่ช่วง 0-100) ของเราทดสอบกลางคืน อุณหภูมิจะพยายามให้อยู่ระหว่าง 25-32 เราคุมธรรมชาติได้แค่นี้ครับ เอาให้หมดทุกคืนคงไม่ได้
- ที่สำคัญคือเราไม่รู้เลยครับว่าสภาพรถของเขากับรถของเรา คันไหนดีกว่ากัน ผมไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเซ็ตเครื่องนะครับ เอาแค่เรื่องสภาพรถ เราก็ไม่รู้ ถ้าเป็นรถเทสต์ ฝรั่งทดสอบกับคนไทยทดสอบ เวลาโหดก็โหดเหมือนกันและเสื่อมได้เร็วเหมือนกันนะครับ
- ข้อสังเกตที่หมูอาจจะพยายามบอกให้คุณดูใน Pajero Sport คือ ทำไมคนขับต้อง Spool รอบเรียกบูสท์ไว้ 2,000 รอบก่อนที่จะออกตัว..ถ้าไม่ทำล่ะ จะได้ตัวเลขช้าลง อาจจะเข้าไปแตะ 12 วิเพราะรอบูสท์นานหน่อย (แต่ไม่นานน่าเบื่อเพราะเกียร์สั้นๆมาช่วย) แล้วพอช้ากว่าตัวเลขจากเว็บผม แปลว่า Pajero Sport ก็ไมล์เพี้ยนหรือเปล่า?
- เรื่องไมล์ใครเพี้ยนกว่าใคร หมูเอาตัวเลขมาบอกให้เรียบร้อย คุณจะเห็นว่า GPS วิ่ง 100 นิ่งๆ Fortuner มากกว่า Pajero Sport แค่ 2 กิโลเมตร/ชั่วโมงบนมาตรวัด
ส่วนเรื่องความเพี้ยนของไมล์จะส่งผลแค่ไหน ไม่ยากครับ คุณลองเองก็ได้ หยิบนาฬิกาจับเวลาของคุณขึ้นมา
https://youtu.be/x3bqJ_-zqzA
คุณลองจับเวลารถคันนี้ เอา 0-100 ก่อนสักสองสามรอบ แล้วอีกรอบค่อยจับ 0-98 แต่อย่าเอาเวลาที่ได้ไปเทียบกับในรีวิวนะ เพราะในคลิปนั่นนั่งหก แต่ให้คุณลองดูความต่างของเวลาระหว่าง 0-100 กับ 0-98 ว่ามันถึงวินึงมั้ย คุณลองเอาเวลาตรงนี้ไปหักลบกับ 11.54 วิของ Pajero Sport 4WD ดูก็ได้ครับ คุณก็จะรู้ว่าต่อให้เอาความเพี้ยน 2 กม./ชม.มาพูดกันก็ไม่ได้ทำให้ Pajero Sport ฉีก Fortuner ขาดกระจายได้หรอกครับ Pajero Sport ไมล์เพี้ยน 5 Fortuner เพี้ยน 7 สมมติว่าผมจับเวลา Fortuner โดยใช้ 0-102 แทน 0-100 ก็จะดูยุติธรรมขึ้น แต่ก็จะมีปัญหาอีกเหมือนกัน คนก็จะถามว่าแน่ใจหรือว่า 102 บนหน้าปัดจริง ไม่ใช่ 104 ตอนจับเวลาตอนขับแน่ใจนะว่าตาคนขับเล็งถูก
แต่ถามว่าการที่ Toyota ไมล์เพี้ยนมันไม่มีปัญหาใช่มั้ย..มันมีปัญหาที่ผมหาทางหาคำตอบได้ แต่ผมไม่ชอบ เพราะมันทำให้ผมต้องมาอธิบายยืดยาวทุกครั้งที่มีการเทียบอัตราเร่งโดยมีโจทก์เป็นรถ 2 คันที่ไมล์เพี้ยนไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ถ้าใครช่างสังเกตหน่อย หยิบนาฬิกาขึ้นมาจับ 0-100, 0-98, 0-102 เทียบกันก็บอกได้แล้วว่า "สูสี" หรือ "ชนะขาด" ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการเซ็ตไมล์ให้เพี้ยนเยอะๆ แต่ถ้าประมาณ 4-5 ผมพอรับได้
2. ส่วนเรื่องการจับโดย V-box ผมก็เคยคิดครับ ราคาก็อยู่ในระดับที่พอซื้อได้ GPS ในพวก V-box นั่นมันคนละเกรดกับ App GPS Speed ในสมาร์ทโฟนนะครับ มีความแม่นยำกว่า แต่ถ้าซื้อมาใช้ ผมก็เก็บมาไว้เล่นคนเดียว ทดสอบเทียบกับเวลาของจิมมี่สักปีนึง ลงเป็น Data ประกอบไปกับการจับเวลาผ่านนาฬิกาแบบ Jimmy mode ทำไมต้องลงคู่ เพราะคนอ่านส่วนมากที่ไม่ได้เล่นรถจริงจังเขาไปลองแล้วก็ไม่เหมือนกับข้อมูลจาก V-box ก็จะมีคนถามว่าแล้วคนทั่วไปที่ไม่มี V-box เขาจะเห็นสิ่งต่างๆเหมือนกันหรือเปล่า ก็แล้วแต่ ของบางอย่างต่อให้ทำให้ถูก แต่ไม่ถูกใจ คนรับงานเข้าคือผมอีกเหมือนกัน
แต่ส่วนเสริมที่ผมชอบใน V-box คือเรื่องเบรก 100-0 เพราะอยากทำ อยากให้มี ผมจะลองนำเสนอจิมมี่ดูว่าเราสามารถหาถนนที่พื้นเรียบ เป็นสถานที่เดิมที่เดียวตลอดและปลอดฝุ่น และยังต้องใกล้พอให้สามารถนำรถไปทดสอบในช่วงที่ฝนไม่ตกได้ (เรียกได้ว่าต้องมีช่วงเวลาที่แห้งเป็นเวลาเดียวกันของวัน ตลอดทั้งปี เพราะถ้าคันนึงวัดกลางวัน คันนึงกลางคืน..ยางก็ร้อนไม่เท่ากันถูกมั้ย) ยกเว้นว่าเราไม่ซีเรียสกับผลทดสอบที่ condition ต่างกันนิดๆหน่อยๆ..แต่ผมเดาว่าคนที่ลงทุนใช้ของระดับ V-box พยายามจะเอาการทดสอบอย่างซีเรียสนะ ผมถึงต้องคิดว่า เราไม่ได้ต้องห่วงแค่เครื่องมือ แต่ต้องห่วงเรื่อง Condition ในการทดสอบด้วยเพราะต้องเป็นถนนที่มีช่วงเวลาแห้งๆทดสอบได้ทั้งปี
ขนาดเราทดสอบอัตราเร่ง หน้าร้อนหน้าหนาวยังมีประเด็น แล้วถ้าผมทดสอบเบรกหน้าร้อนหน้าหนาว ผมว่าคนที่เชียร์รถคันที่แพ้ก็มีประเด็น ผมถึงบอกว่าถ้าผมซื้อมาใช้จริง ผมก็เก็บไว้เล่นของผมคนเดียว อย่างมากก็โพสท์แชร์ให้เฉพาะคนที่รู้คุณค่าของ V-box และสามารถสื่อสาร Condition ต่างๆแล้วคิดแทนกันเองได้กับผมไว้คุยกัน ชวนพวกเราวิเคราะห์เทียบกัน แต่คงไม่เอาไปสู่ระดับสาธารณชนคนทั่วไป
3. เรื่องอัตราเร่งว่าทำไม Fortuner เร็วกว่า Revo ที่เครื่อง 2.8 เหมือนกัน
ผมเรียนตามตรงว่า ผมก็ตาโตครับ เห้ย มันเป็นไปได้ไงวะ เรื่องไมล์เพี้ยน มันก็เพี้ยนพอกันด้วยนาเอ้า
ไอ้หมูก็งงเหมือนกัน เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่คิดนะครับ ตั้งแต่จิมมี่บอกตัวเลขอัตราเร่งมา เรารู้ตั้งแต่ก่อนโพสท์แล้วครับว่าต้องมีคำถาม
บางทีก็คิดเหมือนกันว่าทำไมผมไม่จัดการแปลงตัวเลขให้มันเท่าๆกับ Revo ไปวะ งานน่าจะน้อย คำถามน่าจะน้อย ปัญหาเข้าตัวก็น้อยกว่า แต่มาคิดอีกที ผมว่าก็บอกไปตามตรง นาฬิกามันบอกยังไง เราก็บอกไปอย่างนั้นดีกว่า ส่วนถ้ามันมีอะไที่ผิดปกติ เราก็ค่อยมาหาทางคิดว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น
หมูหาข้อมูลมาให้ว่าน้ำหนักตัวของ Revo 2.8 กับ Fortuner นั้นไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่เราคิด อย่างค่ายอื่น กระบะกับ PPV น้ำหนักจะต่างกัน 100-170 โลได้ แต่ Fortuner หนักกว่า Revo แค่ 55 กิโลกรัม!!
แต่นั้นก็ยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงเร็วกว่า แค่บอกว่า "ทำไมมันถึงไม่ช้ากว่า Revo อย่างที่เราคิด"
เรื่องแอโร่ไดนามิกส์....บางคนบอกว่าหน้า Fortuner แหลมลู่ลมกว่า...ผมไม่แน่ใจ เพราะไม่มีอุโมงค์ลมหลังบ้านแต่ส่วนตัวคิดว่าแอโร่น่าจะมีผลช่วงหลัง 80 ไปมากกว่า ช่วง 0-40 แรกไม่น่าจะมีผล (ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มอยากได้เครื่องมือ Datalogger มาช่วย)
อย่างไรก็ตาม ผมสงสัยในเรื่องของ
1. สภาพเครื่องยนต์ กับเกียร์ อาจต่างกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของความโทรม แต่เป็นเรื่องของการปรับเซ็ตต่างๆที่อาจมีการอัพเดทบางส่วน แต่ไม่ได้บอกไว้ในโบรชัวร์ เอกสารแจกสื่อมวลชน และไม่ได้ส่งผลความต่างแรงม้า/แรงบิดสูงสุด
2. อากาศ อาจจะมีส่วนน้อย แต่ถ้าส่วนน้อยนี้ไปรวมกับส่วนน้อยอันอื่น ก็อาจจะมีผล
3. การเซ็ตการตอบสนองของคันเร่ง
ซึ่งข้อ 1 กับ 3 หมูเสนอว่าจะลองส่งอีเมลไปถาม Toyota ว่าจะมีการเซ็ตคันเร่ง หรือปรับโปรมแกรมการจ่ายน้ำมันที่แตกต่างกันระหว่าง Revo กับ Fortuner หรือไม่ เมื่อทราบแล้วจะนำไปใส่ในรีวิว หรือถ้าได้ข้อมูลกลับมาทันวันอาทิตย์นี้ ก็จะพูดลงในคลิป และใส่ในรีวิวด้วย
- - - - -
ขออภัยที่ผมตอบยาวและห้วน แต่พยายามไม่ดูถูกใคร แค่นำเสนอว่า ผมมีความคิด และสมมติฐานแบบนี้และบอกข้อจำกัด กับสิ่งที่เราอยากทำมาให้ลองฟังกันดูครับ ผมว่าเจ้าของกระทู้ก็มีเจตนาที่ดี และสื่อสารด้วยภาษาที่น่าฟัง ผมขอรับไว้เป็นการบ้านในส่วนที่ยังไม่สามารถตอบโจทย์คุณได้ แน่นอน ผมเคยใช้ชีวิตกับควอเตอร์ไมล์ทุกอาทิตย์ ผมเข้าใจความรู้สึกของความแม่นยำของเวลา 0.1-0.2 วิครับ แต่ในโลกแห่งความจริง การยืนดูสลิปแล้วคุยกับพวกเรากันเองที่คุยภาษาเดียวกัน กับการทำการสื่อสารกับคนแสนคนหมื่นคนนี่..เหนื่อยคนละเรื่องจนบางทีคิดว่าอยู่เฉยๆบ้างจะดีกว่า
ใช่คับประเด็นที่ผมเอามาลงเพื่อเอามาเป็นกรณีศึกษากันคับ แค่เอาข้อมูลที่ได้มานำเสนอมาแลกเปลี่ยนกัน
ขอบคุณ คุณแพนที่มาอธิบายให้เข้าใจกันคับ ผมไม่มีข้อโต้แย้งตามที่คุณแพนบอกมาเลย
เพราะทางเว็บก็มีข้อจำกัดหลายอย่างในการทดสอบเหมือนกันผมเข้าใจในจุดนี้คับ
ส่วนตัวรู้สึกชื้นชมแนวทางของเว็บที่เอาข้อมูลจริงและปัญหาจริงมาบอกโดยไม่ปิดบังกันคับ
ส่วนเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์การทดสอบหรือพัฒนาแนวทางการทดสอบก็ขอเป็นกำลังใจให้ในส่วนนี้คับ
ส่วนเรื่องไมล์เพี้ยนความคิดผมตอนนี้ ตอบไม่ได้แน่ชัดถ้าเอาเรื่องเวลา0-100ใครจะไปถึงก่อนกันแน่
ยกเว้นว่าจะได้มีรถสองคันแบบเดิมๆมาทดสอบด้วยกันเลยและวัดที่ควอเตอไมไปเลย อ้นนี้ไม่ได้หมายถึงให้เว็บทดสอบนะค้บมันคงมีข้อจำกัดอีก ตีเป็นสถานะตอนนี้ความรู้สึกที่ผมเข้าใจคือพอๆกันละกัน
ส่วนท่านที่บอกคุณจะมาอะไรกับตัวเลขมาก ผมบอกเลยว่าคนที่ชอบขับรถมันมีผลทางใจนะคับ บางท่านที่แค่ข้บไปเรื่อยๆคงไม่มีความรู้สึกนี้มันนานาจิตตัง เอาแค่คันนึงโดนอีกคันจี้ตูดอยู่พอกลับไปมองตัวเลขเออเว้ยรถเราแรงกว่า อยากหนีเราหนีได้เพราะรู้ว่ารถเราแรงกว่าเพราะตัวเลขมันบอกหรือเว้ยรถคันนี้ตัวเลขดีกว่ารถเรา หลบๆให้เค้าดีกว่าหน่ไปก็หนีไม่ออก ไม่ใช่แค่เอาความรู้สึก มาวัดว่ารถข้าแพงกว่าแรงม้าเยอะกว่ารถข้า ต้องแรงกว่าแต่ตัวเองไม่เคยมาดูต้วเลขเลย ว่ามันมีปัจจัย เรื่องของน้ำหนักตัวรถ แรงบิดแรงม้า ใช้ได้จริงตอนไหนรอบเครื่องที่เท่าไร
เหมือนเรื่องวิทยุ บางคนฟังแล้วอืออันนี้เสียงดี อีกอันเสียงไม่ดี ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบฟ้งเพลงจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยคือฟังๆไปเหอะ แต่บางคนที่ชอบฟ้งเพลงก็จะชอบรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องเสียงเป็นยังไงของรถแต่ละรุ่น ความสำคัญของรถแต่ละจุด แต่ละคนมันสำคัญไม่เท่ากันคับ
ถ้าท่านเห็นว่าไม่สำคัญแต่บางคนเค้ามองว่ามันสำคัญคับ
นี่คือเว็บรถยนต์คับ แนวทางจึงต้องอธิบายให้ครบทุกประเด็น
ยิ่งเรื่องความเร็วกับรถ มันคือของคู่กันอยู่แล้ว
หรือตอนเด็กที่คุณฝันอยากได้รถสปอต คุณแค่อยากขับเพราะมันสวยมันแพง หรือเพราะความเร็วด้วยคับ
ถ้าเป็นผมคงตอบว่าซื้อรถสปอตแต่แรงเท่ารถบ้านคงมีคนเดินถอยหลังให้รถคันนั้นไม่มากก็น้อย
-
ลองสังเกตดูในคลิปนะครับ ที่กด 0-100 km/h
Pajero Sport เหมือนกับมีการเหยียบคันเร่ง พร้อมเหยียบเบรก
ขึ้นรอบรอไว้รึเปล่า เกือบ 2,000 รอบ ก่อนจะมีเสียงกระแทกคันเร่ง
แล้วรอบก็ค่อยพุ่งออกไป
ส่วน Fortuner เสียงกระแทกคันเร่ง เกิดขึ้นพร้อมกับรอบที่พุ่งออกไป
จากรอบเดินเบาปกติ
เร่งรอบไว้ก่อน ได้เปรียบเยอะนะครับ
-
เอาเข้าจริงผมว่าทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากทั้งอัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลือง
แต่ที่ต่างกันชัดเจนและต้องให้น้ำหนักในการเลือกรถ คือ
1. ศูนย์บริการ Mitsu ด้อยกว่า Toyota อันนี้ต่างกันแน่
2. ราคา Fortuner แพงกว่าหลายแสนบาท เงินต่างกันเห็นชัดเจนมาก เก็บส่วนต่างทำไรได้เยอะแยะ
ขึ้นกับว่าให้น้ำหนักเรื่องใดก็คงข้อนั้นละ
-
เครื่อง GD 2.8 ตัวนี้ผมว่าต้องอั้นอะไรไว้สักอย่าง ถ้าไม่ติดเรื่องมลพิษน่าจะแสดงพลังได้มากกว่านี้
-
จากข้อมูล ของ จขกท.สนใจเรื่องระยะเบรกมากกว่า เรื่องเรื่องความเร็วอีก
อยากให้ HLM ทดสอบเรื่องนี้เพิ่มคงจะดี