Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กันยายน 27, 2016, 11:10:13
-
จากที่ผมใช้ MG มาหลายคัน พอจะรู้ว่ามันอั้นไว้เยอะ แต่ไม่นึกว่า MG3 จะอั้นไว้ขนาดนี้
ตอนแรกม้าลงพื้น 71 ตัว พอรีแฟลชเสร็จ มาอีก 30 ตัว แบบนี้ไม่ต้องติดเทอร์โบก็ได้
ถ้าทางโรงงานปล่อยมาซัก 80-90 ตัวคงไม่ขึ้นแท่นอืดเหมือนกับทุกวันนี้ แล้วเกียร์ Selematic มันก็ตั้งให้ไม่กระตุกได้ แต่ก็ตั้งให้มันกระตุกหัวโยกๆ ตลกดี แต่ว่าในเรื่องความทนทานผมว่าก็ถือว่าใช้ได้ละ บางคนขับไป 8หมื่นโลละยังไม่มีปัญหาอะไร ตอนผมใช้โปรตอน 5หมื่นก็เริ่มมีอาการเกียร์ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนละ
(http://image.prntscr.com/image/a138899e71d44ccca9e6e1c2f0321417.png)
-
ที่อั้นไว้เพราะ ต้องการรักษาค่าไอเสีย ไม่ให้เกินมาตรฐาน และรักษาอัตรการกินน้ำมัน
reflash ecu แล้วเอาไปวิ่งถนนดูด้วย อย่าลองแต่บนลูกกลิ้ง มันวัดการใช้งานไม่ได้
-
น่าสนใจ น่าติดตามครับ
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
-
ขอดูการกินน้ำมันหลังรีแฟลชหน่อยครับ มันน่าจะแย่ลงนะ
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
MG3 ไม่ใช่ของผมครับ แต่อัตราเร่งต่างมากนะช่วงเวลา Shifting Time มันลดลงไปเยอะ ดูในเพจของจูนเนอร์ชื่อดังได้เลยครับมีถ่ายตอนวิ่งอัตราเร่งบนไดโน่ 0-100 ได้ประมาณ 10 วิ ถ้าวิ่งบนถนนก็+ไปอีกซัก 1.5 ก็ได้ประมาณ 11.5 ลดไปเกือบ 3 วิผมว่าโอเคแล้ว
ส่วนคันที่ทำมาการกินน้ำมันในเมืองแย่ลงครับ เพราะรอบกวาดไว แต่ก็ตามจุดประสงค์เพราะรถ MG ออกตัวอืด แต่ถ้าทางไกลประหยัดขึ้นประมาณ 1 km/l ได้เลยครับ สรุปรวมๆ ก็กินเท่าเดิมน่ะครับ
-
รู้ๆ กัน ว่าการเทสไดโน่ เป็นการวัดประสิทธิภาพเครื่องยนต์โดยตรง ทำไมไม่เชื่อ ต้องบอกให้ลองวิ่งดูครับ
ส่วนการวิ่งจริง ปัจจัยที่สำคัญคือทรงรถ ค่า cd ที่มีผลตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น คันไหนลู่ลมก็ใกล้เคียงผลไดโน่
ผลการแฟลซ แน่นอนมันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย หลักๆ เค้าคุมค่าไอเสียไว้ เพื่อค่าภาษี ที่จะส่งผลต่อราคาขาย
พอแผลซ ไม่สนค่าไอเสีย มันก็ต้องแรงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนการกินหรือไม่กินน้ำมัน เป็นผลพลอยได้ตามมา
ใครจูนดี ก็ได้ทั้งแรง ทั้งประหยัด ขึ้นอยู่ความเก่งของผู้ทำครับ.....
-
รีแฟลชกล่อง อัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นนะครับ Yaris 1.2 ของน้องสาว รีแฟลชกล่อง กับใส่กล่องคันเร่งไฟฟ้า อัตราสิ้นเปลืองได้เลขตัวเดียว
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
MG3 ไม่ใช่ของผมครับ แต่อัตราเร่งต่างมากนะช่วงเวลา Shifting Time มันลดลงไปเยอะ ดูในเพจของจูนเนอร์ชื่อดังได้เลยครับมีถ่ายตอนวิ่งอัตราเร่งบนไดโน่ 0-100 ได้ประมาณ 10 วิ ถ้าวิ่งบนถนนก็+ไปอีกซัก 1.5 ก็ได้ประมาณ 11.5 ลดไปเกือบ 3 วิผมว่าโอเคแล้ว
ส่วนคันที่ทำมาการกินน้ำมันในเมืองแย่ลงครับ เพราะรอบกวาดไว แต่ก็ตามจุดประสงค์เพราะรถ MG ออกตัวอืด แต่ถ้าทางไกลประหยัดขึ้นประมาณ 1 km/l ได้เลยครับ สรุปรวมๆ ก็กินเท่าเดิมน่ะครับ
จูนเนอร์คนไหนโฆษณาสรรพคุณตัวเองโดยใช้อัตตราเร่งบนไดโน่ อยู่ให้ห่างไว้เลย แค่เริ่มต้นก็หาความจริงใจไม่ได้ ไปจูนจริงคงซุกอะไรไว้อีกแยอะ
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
MG3 ไม่ใช่ของผมครับ แต่อัตราเร่งต่างมากนะช่วงเวลา Shifting Time มันลดลงไปเยอะ ดูในเพจของจูนเนอร์ชื่อดังได้เลยครับมีถ่ายตอนวิ่งอัตราเร่งบนไดโน่ 0-100 ได้ประมาณ 10 วิ ถ้าวิ่งบนถนนก็+ไปอีกซัก 1.5 ก็ได้ประมาณ 11.5 ลดไปเกือบ 3 วิผมว่าโอเคแล้ว
ส่วนคันที่ทำมาการกินน้ำมันในเมืองแย่ลงครับ เพราะรอบกวาดไว แต่ก็ตามจุดประสงค์เพราะรถ MG ออกตัวอืด แต่ถ้าทางไกลประหยัดขึ้นประมาณ 1 km/l ได้เลยครับ สรุปรวมๆ ก็กินเท่าเดิมน่ะครับ
จูนเนอร์คนไหนโฆษณาสรรพคุณตัวเองโดยใช้อัตตราเร่งบนไดโน่ อยู่ให้ห่างไว้เลย แค่เริ่มต้นก็หาความจริงใจไม่ได้ ไปจูนจริงคงซุกอะไรไว้อีกแยอะ
ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้ว่าถ้าไม่ให้เชื่อไดโน่จะให้เชื่ออะไรครับ เพราะพอจูนเสร็จเค้าก็จะถามลูกค้าว่าพอใจมั้ย แรงมั้ย สมู้ธมั้ย ถ้าลูกค้าบอกว่าแรงลื่น เหมือนคนละคัน ก็กลายเป็นโดนว่ามโนเองอีก
ถ้ามาทดสอบอัตราเร่งบนถนนก็ว่าอันตราย ซึ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้ธุรกิจรีแฟลชถ้าไม่โยนโค้ดเค้าก็จูนถนนให้เกือบทุกเจ้าอยู่แล้ว อยากขึ้นไดโน่เสียตังเพิ่มอีกต่างหาก
ผมว่าการขึ้นไดโน่กับความจริงใจน่าจะไม่เกี่ยวกันนะครับ มีเจ้านึงเค้าก็จูนบนไดโน่เอาผลไดโน่มาโชว์ เอาอัตราเร่งวิ่งบนถนนมาโชว์ เอาผลการแข่งในสนามได้ที่ 1 มาโชว์ ไม่น่าเกี่ยวว่าเค้าไม่จริงใจนะครับ ผมว่าถ้าจูนแล้วพอมีปัญหาแล้วไม่แก้ให้ ตรงนั้นน่าจะวัดความจริงใจได้มากกว่า
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
MG3 ไม่ใช่ของผมครับ แต่อัตราเร่งต่างมากนะช่วงเวลา Shifting Time มันลดลงไปเยอะ ดูในเพจของจูนเนอร์ชื่อดังได้เลยครับมีถ่ายตอนวิ่งอัตราเร่งบนไดโน่ 0-100 ได้ประมาณ 10 วิ ถ้าวิ่งบนถนนก็+ไปอีกซัก 1.5 ก็ได้ประมาณ 11.5 ลดไปเกือบ 3 วิผมว่าโอเคแล้ว
ส่วนคันที่ทำมาการกินน้ำมันในเมืองแย่ลงครับ เพราะรอบกวาดไว แต่ก็ตามจุดประสงค์เพราะรถ MG ออกตัวอืด แต่ถ้าทางไกลประหยัดขึ้นประมาณ 1 km/l ได้เลยครับ สรุปรวมๆ ก็กินเท่าเดิมน่ะครับ
จูนเนอร์คนไหนโฆษณาสรรพคุณตัวเองโดยใช้อัตตราเร่งบนไดโน่ อยู่ให้ห่างไว้เลย แค่เริ่มต้นก็หาความจริงใจไม่ได้ ไปจูนจริงคงซุกอะไรไว้อีกแยอะ
ตอนวัดบนไดโนมันจะมีผลก่อนจูนกับหลังจูนให้ดูหรือเปล่าครับ ผมว่ามันชัดเจนดีนะครับ ดีกว่าจูนบนถนนอีก
-
จขกท.ไปรีแฟลชมาหรอครับ อยากเห็นอัตราเร่งจัง
จำได้ว่า จขกท. มี MG6 ด้วยหนิครับ
MG3 ไม่ใช่ของผมครับ แต่อัตราเร่งต่างมากนะช่วงเวลา Shifting Time มันลดลงไปเยอะ ดูในเพจของจูนเนอร์ชื่อดังได้เลยครับมีถ่ายตอนวิ่งอัตราเร่งบนไดโน่ 0-100 ได้ประมาณ 10 วิ ถ้าวิ่งบนถนนก็+ไปอีกซัก 1.5 ก็ได้ประมาณ 11.5 ลดไปเกือบ 3 วิผมว่าโอเคแล้ว
ส่วนคันที่ทำมาการกินน้ำมันในเมืองแย่ลงครับ เพราะรอบกวาดไว แต่ก็ตามจุดประสงค์เพราะรถ MG ออกตัวอืด แต่ถ้าทางไกลประหยัดขึ้นประมาณ 1 km/l ได้เลยครับ สรุปรวมๆ ก็กินเท่าเดิมน่ะครับ
จูนเนอร์คนไหนโฆษณาสรรพคุณตัวเองโดยใช้อัตตราเร่งบนไดโน่ อยู่ให้ห่างไว้เลย แค่เริ่มต้นก็หาความจริงใจไม่ได้ ไปจูนจริงคงซุกอะไรไว้อีกแยอะ
ไม่ได้กวนนะครับ แต่อยากรู้ว่าถ้าไม่ให้เชื่อไดโน่จะให้เชื่ออะไรครับ เพราะพอจูนเสร็จเค้าก็จะถามลูกค้าว่าพอใจมั้ย แรงมั้ย สมู้ธมั้ย ถ้าลูกค้าบอกว่าแรงลื่น เหมือนคนละคัน ก็กลายเป็นโดนว่ามโนเองอีก
ถ้ามาทดสอบอัตราเร่งบนถนนก็ว่าอันตราย ซึ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้ธุรกิจรีแฟลชถ้าไม่โยนโค้ดเค้าก็จูนถนนให้เกือบทุกเจ้าอยู่แล้ว อยากขึ้นไดโน่เสียตังเพิ่มอีกต่างหาก
ผมว่าการขึ้นไดโน่กับความจริงใจน่าจะไม่เกี่ยวกันนะครับ มีเจ้านึงเค้าก็จูนบนไดโน่เอาผลไดโน่มาโชว์ เอาอัตราเร่งวิ่งบนถนนมาโชว์ เอาผลการแข่งในสนามได้ที่ 1 มาโชว์ ไม่น่าเกี่ยวว่าเค้าไม่จริงใจนะครับ ผมว่าถ้าจูนแล้วพอมีปัญหาแล้วไม่แก้ให้ ตรงนั้นน่าจะวัดความจริงใจได้มากกว่า
อ่านให้ดีผมบอกว่าอัตตราเร่ง จะให้เชื่ออะไรไดโน่ได้ใช่มั้ย เชื่อแรงม้ากับแรงบิดก่อนกับหลังจูนได้ แต่ไม่ใช่อัตตราเร่ง อย่างที่ความเห็นข้างบนบอก บนไดโน่ไม่ได้ใช้ cd น้ำหนักรถ ความสามารถส่งกำลังจากช่วงล่าง ยาง
ตอนวัดบนไดโนมันจะมีผลก่อนจูนกับหลังจูนให้ดูหรือเปล่าครับ ผมว่ามันชัดเจนดีนะครับ ดีกว่าจูนบนถนนอีก
สมมุติจูนมาดีมาก แรงม้าแรงบิดขึ้นดีบนไดโน่ แต่พอลงถนนปล่อยม้าลงถนนไม่ไหวฟรีทิ้ง เวลาออกมาช้ากว่าเดิม อย่างนี้ดีกว่าจูนถนนรึป่าว
ผมไม่ได้บอกว่าจูนถนนดีกว่าหรือไดโน่ดีกว่า แต่มันต้องผสมกัน ต้องมีแก้มีเก็บกันไป
-
กราฟดูไม่รู้เรื่องครับ ทรงกราฟดูแปลกมากเลยด้วย
แถมเครื่อง1.5 NA ไม่ต้องพูดถึง Chassis Dynamometerหรอกครับ
ให้เอาขึ้น Engine Dynamometer จูนละเอียดยิบกับท่อเดิมได้เกิน 5 แรงม้าเนี่ยไม่จูนเนอร์เก่งมาก ก็บริษัทแม่เค้าจูนมาแย่มากแล้วครับ
ถ้าจริงใจและบริสุทธิ์ใจเนี่ยขอดูรูปกราฟเต็มๆได้หรือไม่ กราฟที่กดตั้งแต่รอบต่ำถึงรอบสูงก่อนและหลังรันเทียบกันไปเลย
-
บนไดโน่ วัดแค่เครื่อง เกียร์ ลงที่ล้อ ปั่นลูกกลิ้ง จะวัดได้แค่ แรงม้า แรงบิด สูงสุดเท่านั้น
ซึ่งต่างจาก จูน ถนน ที่จะบ่งบอกถึงการใช้รถ ในสถานการต่างๆ กด ยก เติม มันต่อเนื่องกันไหม
จูนมาไม่ดี เอาแรงบนไดโน่ แต่พอมาลงถนน ใช้งานในชีวิตประจำวัน รถวิ่งไม่ได้ ฟรีทิ้ง ช่วงล่างจับแรงบิดลงพื้นไม่ได้
กดแล้วยก ต่อช่วงความเร็วไม่ได้ เร่งมาแรงดีๆ ยก แล้ว เติมคันเร่ง แรงหาย รอรอบ
ไหนจะต้องเจอลมปะทะ แบกน้ำหนักรถ น้ำหนักคนอีกละ
จูนบนไดโน่ ไม่มีตัวแปลเหล่านี้ จูนยังไงก็ได้ จูนถนน ต้องทำให้ทุกอย่างมันสัมพันกัน
เสียเงิน reflash มาแล้ว มันต้องดีกว่ารถเดิมๆ
การใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เหยียบ ทีเดียวยาวๆ เหมือนบนไดโน่ 0-200 เวลาน้อยก็บอกว่าแรง
เวลาหาช่างจูนดูผลงานหลังถนนเยอะๆ อย่าดูแต่ในบนไดโน่กับในสนาม drag พื้นมันไม่เหมือนกัน การจูนก็ไม่เหมือนกัน
คุณคือลูกค้า อยู่ที่คุณ เอารถมาขับในชีวิตประจำวันแล้ว คุณพอใจไหม
ฟิลในการขับ กับอัตราการกินน้ำมัน ถ้าคุณรับได้ก็จบ
-
30เลยนะ
-
ผมเสียค่า reflash เกินแสนไปไกลละ
วิธีที่ผมใช้ คือเริ่มจูน Dyno วัดก่อนจูน กับหลังจูน
แล้วไปวิ่งเก็บบนถนนอีกที เก็บละเอียดนี่วิ่งทั้งคืนนะครับ น้ำมันเป็นถัง แต่จบเป๊ะ
-
ทรงกราฟแปลกๆครับ ไม่เคยเห็นกราฟแบบนี้ซักเท่าไหร่ อยากทราบว่าที่ขึ้นมา30hpนี่เทสต์Runเดียว หรือRunหลายรอบแล้วเอามาเฉลี่ยครับ
-
กราฟดูไม่รู้เรื่องครับ ทรงกราฟดูแปลกมากเลยด้วย
แถมเครื่อง1.5 NA ไม่ต้องพูดถึง Chassis Dynamometerหรอกครับ
ให้เอาขึ้น Engine Dynamometer จูนละเอียดยิบกับท่อเดิมได้เกิน 5 แรงม้าเนี่ยไม่จูนเนอร์เก่งมาก ก็บริษัทแม่เค้าจูนมาแย่มากแล้วครับ
ถ้าจริงใจและบริสุทธิ์ใจเนี่ยขอดูรูปกราฟเต็มๆได้หรือไม่ กราฟที่กดตั้งแต่รอบต่ำถึงรอบสูงก่อนและหลังรันเทียบกันไปเลย
นึกว่าผมดูไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว กราฟ งงๆ
-
ผมจับผิดกราฟไม่เป็นครับ เลยไม่รู้ว่าหลอกมั้ย รู้แค่ว่ารีแฟลชแล้วขับดีขึ้น
ผมเอารูปกราฟเต็มๆ มาลงให้ รอให้เทพมาตอบละกันครับว่าหลอกมั้ย
(https://scontent.fbkk1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14494656_1751023085115548_605652236161522844_n.jpg?oh=8f74a36e84c7315d34bf01f9b9165283&oe=586E697C)
-
ปรกติ รัน Dyno เขารัน เกียร์ 1:1 หนิครับผม นี่ล่อมาทุกเกียร์
รันเกียร์เดียว แล้วจะรู้เลยมาขึ้น น้อยลง ขนาดไหนครับ
-
สังเกตุจากจุดเปลี่ยนเกียร์ (ตรงที่กราฟปักลงมา) มันไม่ตรงกัน ดูเหมือน 2 รอบเปลี่ยนเกียร์ที่รอบไม่เท่ากัน ทำให้ที่ความเร็วเดียวกันวิ่งคนละเกียร์ ... แบบนี้เทียบยากแล้วครับ
อต่ทำมาแล้วแฮปปี้ ขับดีขึ้นก็โอเคครับ
-
ผมจับผิดกราฟไม่เป็นครับ เลยไม่รู้ว่าหลอกมั้ย รู้แค่ว่ารีแฟลชแล้วขับดีขึ้น
ผมเอารูปกราฟเต็มๆ มาลงให้ รอให้เทพมาตอบละกันครับว่าหลอกมั้ย
(https://scontent.fbkk1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14494656_1751023085115548_605652236161522844_n.jpg?oh=8f74a36e84c7315d34bf01f9b9165283&oe=586E697C)
เริ่มต้นที่เส้นสีน้ำเงิน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นกราฟที่อ้างว่าเป็นก่อนจูน จะเห็นได้ว่าเส้นแรงบิดไม่มีส่วนที่เป็นช่วงpower dropจากรอบสูง เหมือนเส้นสีแดง แสดงให้เห็นว่า"ไม่ได้กดคันเร่งสุด" อมคันเร่งไว้ทำให้เห็นว่าแรงม้าที่ได้ออกมาน้อย ซึ่งจริงๆแล้วถ้ากดคันเร่งสุดค่าที่ได้อาจจะไม่ต่างกับรันที่เป็นหลังจูนเลยก็ได้ครับ จูนเนอร์เป็นคนรันเทสนี้ให้หรือเปล่าครับ?
เส้นสีแดงจากกราฟ แรงม้าสูงสุดทำได้ที่ความเร็วประมาณ 123 km/hr ซึ่งขณะนั้นมีค่าแรงบิด ประมาณ 62 Nm ที่ความเร็วรอบเครื่องที่ประมาณ 6000 rpm ซึ่งถ้าคำนวณแล้วจะอยู่้ที่ 39kW หรือ 53 แรงม้าเท่านั้นครับ
-
ผมจับผิดกราฟไม่เป็นครับ เลยไม่รู้ว่าหลอกมั้ย รู้แค่ว่ารีแฟลชแล้วขับดีขึ้น
ผมเอารูปกราฟเต็มๆ มาลงให้ รอให้เทพมาตอบละกันครับว่าหลอกมั้ย
(https://scontent.fbkk1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14494656_1751023085115548_605652236161522844_n.jpg?oh=8f74a36e84c7315d34bf01f9b9165283&oe=586E697C)
เริ่มต้นที่เส้นสีน้ำเงิน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นกราฟที่อ้างว่าเป็นก่อนจูน จะเห็นได้ว่าเส้นแรงบิดไม่มีส่วนที่เป็นช่วงpower dropจากรอบสูง เหมือนเส้นสีแดง แสดงให้เห็นว่า"ไม่ได้กดคันเร่งสุด" อมคันเร่งไว้ทำให้เห็นว่าแรงม้าที่ได้ออกมาน้อย ซึ่งจริงๆแล้วถ้ากดคันเร่งสุดค่าที่ได้อาจจะไม่ต่างกับรันที่เป็นหลังจูนเลยก็ได้ครับ จูนเนอร์เป็นคนรันเทสนี้ให้หรือเปล่าครับ?
เส้นสีแดงจากกราฟ แรงม้าสูงสุดทำได้ที่ความเร็วประมาณ 123 km/hr ซึ่งขณะนั้นมีค่าแรงบิด ประมาณ 62 Nm ที่ความเร็วรอบเครื่องที่ประมาณ 6000 rpm ซึ่งถ้าคำนวณแล้วจะอยู่้ที่ 39kW หรือ 53 แรงม้าเท่านั้นครับ
ผมอุตส่าห์พูดอ้อมๆ 555
ลองเอาไปคำนวณเล่นๆมาครับ
- เส้นสีแดง ตรงประมาณ 180 กม/ชม น่าจะเป็นจังหวะเปลี่ยนเกียร์จาก 4>5 เดาว่าที่ 6000 รอบ
- เส้นสีน้ำเงิน ตรงประมาณ 120 กม/ชม น่าจะเป็นจังหวะเปลี่ยนเกียร์จาก 4>5 เช่นกัน .... ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่ 120/180 * 6000 = 4000 รอบ
- ถ้าดูกราฟน้ำเงิน ถอยหลังจาก 120 กม/ชม หน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ 4>5 ที่ความเร็ว 120 กม/ชม (4000 รอบ ณ จังหวะก่อนเปลี่ยนเกียร์พอดี) จะได้แรงบิดที่ประมาณ 5x nm ... หรือถ้าที่รอบต่ำกว่านี้หน่อยก็จะได้ 56nm ตามที่โชว์ในกราฟ
- กลับไปดูเส้นสีแดง ช่วง 135-180 กม/ชม (เกียร์ 4) .... ถ้า ที่ 180 กม/ชม เกียร์ 4 = 6000 รอบ ที่ 135 กม/ชม ก็ต้องเป็น 135/180 * 6000 = 4500 รอบ แปลว่าจังหวะสับจาก 3 ที่ 6000 รอบ ขึ้น 4 รอบจะเหลือ 4500 รอบ กว่าจะถ่ายกำลังคงหมดก็ประมาณ 140 กม/ชม หรือ 4600-4700 รอบ ซึ่งก็จะได้แรงบิดประมาณ 60 nm ... แต่ก็เป็นที่รอบที่สูงกว่ารันแรก ทำให้เทียบกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่
- ถ้าเลื่อนกราฟเอาช่วงก่อน 120 ของเส้นน้ำเงิน ไปทางขวาเพื่อให้ต่อกับเส้นสีแดงตรงประมาณ 135 เว้นช่วงไว้นิดนึง (เพราะขาดช่วงไปประมาณ 500-700 รอบ) จะได้กราฟเกียร์ 4 จริงๆ แต่คนละรันกัน ซึ่งพอจะคาดได้ว่าแรงบิดน่าจะเพิ่มขึ้นจากก่อนจูนประมาณนึง ...... น่าจะ 5-10 nm (ผมคิด max torque หลังจูนที่ 63-64 nm เพราะ max torque รันสีแดง 69 nm ไม่น่านับเพราะเป็นจังหวะกระชากตอนเข้าเกียร์ 3) .... ซึ่งก็ถือว่า "พอสมควร" สำหรับรถ NA 1500 cc
- ส่วนเรื่อง max power ไม่ต้องคิดเลยเพราะลากรอบไม่เท่ากัน power = torque * รอบ .... ลากรอบน้อยกว่ายังไงม้าก็ต้องน้อยกว่า ยกเว้น torque ปักหัวลงเร็วมาก
-
สังเกตว่าแรงบิดในกราฟ 69 นิวตันเมตร
จะเอาไปขับเคลื่อนอะไรได้เหรอ
ส่วนเรื่องแรงม้า ถ้าเพิ่มได้ 30 ม้าจริง 0-100 ต้องหายไปเป็นวิครับ
ดูความจุเครื่อง ดูอัตราส่วนกำลังอัด ดูความจุเครื่อง แล้วดูว่าเพิ่มมา 30 ม้า กลายเป็น 130-135 ม้า เกิดมาไม่เคยเห็นเครื่อง 1.5 ลิตร กำลังอัดบ้านๆที่หมุนไม่เกิน 6,000 รอบแล้วได้ม้า 130-135 ตัวมาก่อนครับ
เอามาให้ผมลองมั้ยล่ะ? ผมมีคลิปที่เคยถ่าย MG3 0-160 เอาไว้เมื่อตอนต้นปี 2016 นัดเจอกัน Burger King ทางด่วนก็ได้ เสร็จแล้วขับตามกันไปจุดที่ผมจับความเร็วประจำ แบบนี้รู้เรื่องเลย