Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ ตุลาคม 02, 2016, 21:16:05
-
รู้สึกชินกับการขับรถไปทำงานคนเดียวทุกวัน
ขากลับ ก็ขับกลับคนเดียว เราก็ขับของเราแบบนี้จนชิน
คือไม่ได้มุด ไม่ได้ปาดอะไรนะ อาจจะกดคันเร่งหนักหน่อย ทางโล่งๆก็เหยียบ
พอช่วงนี้ มีธุระกับน้องๆที่ทำงานบ่อยๆ กินเลี้ยงบ่อยๆ เลยเริ่มมีคนนั่งรถมาด้วยบ่อยๆ
คือหัวหน้ากับน้องๆตกใจมาก "พี่ขับรถเร็วมากกก"
น้องบางคนไม่ยอมนั่งรถผมอีกเลย จะไปงาน ไปกินเที่ยว ต้องไม่ใช่รถพี่คนนี้
คือ เราชินของเราอะนะ
- ออกจากซอยบริษัทต้องกดคันเร่งลึกประมาณนี้ (ออกจากซอยมาก็กลัวไปเกะกะชาวบ้าน ก็กดๆไป)
- ออกจาก Easy pass ต้องเหยียบประมาณนี้
- ขึ้นทางด่วนต้องกดเท่านี้ (ทางโล่งๆ กดได้ก็กด ไปได้ก็ไป จะได้ถึงบ้านเร็วๆ)
- ถนนเส้นนี้วิ่งเร็วได้ ต้องอยู่เลนนี้ อย่าอยู่เลนซ้าย ขับเร็วๆเลนขวาสบายใจกว่า
บลาๆๆ คือทุกอย่างมันประมวลผลอยู่ในหัวเรา (ขับมาบ.ก็ 6-7 ปีแล้ว)
..................
เอาจริงๆ พอย้อนกลับมามองตัวเอง
"เออ... เราขับรถเร็วจริงๆนั่นแหละ" ก็เลยอยากจะถามทุกท่านว่า
มีวิธีขับรถช้าๆยังไงกันบ้างครับ??
ตอนนี้เอารูปรับปริญญาใบเล็กๆที่ถ่ายกับพ่อแม่มาแปะไว้ตรงคอนโซล เหมือนจะได้ผล
ทุกท่านทำยังไงกันบ้างครับ??
-
รถอะไร เร็วเท่าไหร่
จะได้แนะนำถูกครับ
-
ช่วงนี้ฟักไข่โปเกม่อนครับ ขับช้าลงเยอะเลย 555
ปล. ถ้าเร็วเกิน 20 กม./ชม. เกมส์มันไม่คิดระยะให้
-
ผมขับรถตามจังหวะเพลงครับ
แต่ก่อนทำสถิติ 5 ชม. เศษๆ กรุงเทพ-แพร่ (ด้วยอีโคคาร์เฟสหนึ่ง) มาแล้ว ขับปกติ แต่คนนั่งช็อก แบบเงยหน้าขึ้นมาข้ามจังหวัดที ไรงี้
หลังๆ พยายามหาเพลงบรรเลงคลาสสิกที่ไม่ง่วงมากมาเปิด เน้นเปียโนที่ไม่หวือหวามาก ก็ช่วยให้ใจเย็นลงบ้าง
เสียก็แต่ว่า เดี๋ยวต้องเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ต่อจากเพลงเปียโนหน่อย ดันเป็นร็อกซะอีก คันเร่งกระตุกพอดี ;D
-
ฟักไข่โปเกม่อน ทำให้ขับช้าลงมากเลยครับ ยิ่งเจอรถติดก็ยิ่งชอบ ค่อยๆ ไป 555
-
ผมก็ ลดความเร็วลงครับ บางทีก็แอบกลัวๆ ที่ขับเร็วเหมือนกัน
ผมนั่งรถคนอื่นที่ขับเร็ว ผมก็กลัวนะ ไม่ชิน
-
ถ้าถนนโล่งๆ Cruise Control เลยครับช่วยได้เยอะ
-
เอารูปพ่อแม่ติด แล้วคิดถึงท่านเยอะๆ
ว่าเขารักเราแค่ไหน เรารักเขายังไง
ใจเย็นๆ
-
Cruise Control ครับ ทางเดียวจริงๆ + เพลงที่ชอบๆ แล้วเต้นไปเรื่อยๆ ;D ;D ;D
-
ผมหารถแปลกๆสวยๆขับตามครับ ทำให้ขับช้าลงได้แต่ไม่นานครับก็กลับไปขับเร็วแต่ก็ยังดีกว่าขับเร็วตลอด ถ้ามีลูกก็จะหยุดขับเร็วให้ได้ครับ ตั้งใจไว้แบบนั้น
-
เติมน้ำมันเองครับ :'( :'( :'(
ถ้ารถที่บ้านเหยียบกระจาย แค่130-140 นะ เร็วกว่านี้เป็นห่วงชีวิตครับ ;D ;D ;D
-
กล่องควบคุมความเร็ว "เมีย" นวัตกรรมเปลี่ยนชีวิต... :'( :'( :'(
-
เล่นบวกเลขจากป้ายทะเบียนรถคันหน้าครับ
-
ผมหารถแปลกๆสวยๆขับตามครับ ทำให้ขับช้าลงได้แต่ไม่นานครับก็กลับไปขับเร็วแต่ก็ยังดีกว่าขับเร็วตลอด ถ้ามีลูกก็จะหยุดขับเร็วให้ได้ครับ ตั้งใจไว้แบบนั้น
มีลูก หยุดเลย ทำได้จริงๆครับ
-
วิธีเดียวที่จะทำให้เลิกขับรถเร็วได้ คือ มีครอบครัว มีลูก
ปกติผมก็เป็นคนขับเร็ว เฉพาะเวลาออก ตจว. หากขับช้ามันจะง่วง 100-120 ไม่เกิน 15 นาที เปลือกตาจะปิดให้ได้ แต่ที่ 140- 160 สมองจะอยู่ในสภาวะตื่นตัวตลอดเวลา สายตาสอดส่าย ซ้าย ขวา หน้า หลัง ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงไหนถึงกัน ไม่มีง่วง รู้ว่ามันอันตราย แต่ลองช้า
เมื่อไร ก็กลับมาง่วงเหมือนเดิม
*สำหรับส่วนตัวแล้ว ขับช้า อันตรายกว่าขับเร็ว วูบบ่อย (ประมาณ1-2วิ คนโดยสารไปด้วยก็ไม่รู้ตัวว่าคนขับวูบ)
-
เมื่อก่อนเคยมีอาการคล้ายๆกันครับ แต่ผมจะเป็นโรคไม่ชอบขับคันเดียว คือถ้ามีถนนว่างก็จะเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอเพื่อร่วมทาง
คือ ชอบให้มีรถอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ได้มีเจตนาจะจี้นะครับ แค่อยากขับๆตามกันไป ก็จะเร่งๆอยู่ตลอด พอดีอยู่ต่างจังหวัดเลยมีช่วงถนนโล่ง
แต่เดี๋ยวนี้หายแล้ว อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้น และส่วนตัวเคยเบรคกะทันหันและรถเสียหลักตอนฝนตก หมุน 180 องศา
แต่ไม่ชนอะไรเลยครับแค่วนมาอยู่อีกเลนนึงพอดี ทุกอย่างใช้เวลาไม่ถึงนาที สติหลุดไปแป๊บนึง พอสติกลับมาก็ค่อยขับต่อ
หลังจากนั้นก็ขับช้าลงไปเองเรื่อยๆอะครับ เหมือนมีโอกาสรอดได้เกิดใหม่ก็จะไม่ขับเร็วอีก
ยังไงก็ลองขับๆไปดูเข็มไมล์บ่อยๆนะครับ ขับรถลองคิดถึงเหตการณ์ไม่คาดฝันข้างหน้าไว้บ้าง
-
ยากมากครับ
ผมกลับบ้านตจวทุกสัปดาห์จะเหยียบแถวๆ 140-160 ตลอดทาง (ระยะทางไปกลับ 800km)
วิธแก้ของผมคือ ออกจาก กทม ประมาณ5 ทุ่มไปแล้ว เพราะถนนจะไม่มีรถ
บ่อยครั้งที่ผมพยายามเปิดครุยที่ 110 ตลอดทาง แต่ ขับไปได้ไม่ถึง 3-5 นาที ผมต้องเหยียบเบรกตลอด
"ช้าแช่ขวา" สาเหตุสติแตกผมเลย 80 แช่ยาวๆก็เยอะ เจอพวกนี้ทีไรผมหลุดตบซ้ายคิกดาวน์ปาดขวาแล้วทะลุ 140 ไปไกลๆเลยครับกว่าจะเรียกสติกลับมาก็ผ่านไปหลายสิบนาที
-
สติเท่านั้นครับ ซึ่งผมไม่ค่อยมี :P
-
อ้าปากข้างไว้ ห้ามหุบ
หลับตาข้างเดียวขับ
ขมิบก้นให้ firm
เพื่อเราให้สมาธิกับสิ่งอื่นมากกว่า การขับรถจะช้าลงครับ
-
ผมก็เป็นนะ แต่ต่างกันตรงที่ถ้ามีคนมานั่งด้วยเมื่อไหร่ ขับเร็วไม่ออกเลย จนคนชอบพูดกันว่าผมขับรถนิ่ม จริงๆไม่ใช่ ขับคนเดียวเจอโค้งว่างๆเล่นไลน์ตลอด
และอีกสิ่งนึงที่เจอประจำเลยเวลาขับคนเดียวไม่ค่อยมีใครเล่นด้วย แต่พอมีคนมานั่ง ขับแบบนิ่มๆเมื่อไหร่เจอขับแบบชวนเล่นตลอด แต่ก็เล่นไม่ได้
-
อัดเสียงพ่อแม่เวลาด่าไว้ครับ แยกไว้หลายๆไฟล์แล้วยัดลง flashdrive รวมกับเพลง
เวลาขับๆอยู่จะมีเสียงพ่อแม่ด่าลอยมาตลอดเป็นระยะๆ ::)
-
ลองขับรถแบบรักษาให้ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ และเล่นความเร็วรอบแต่ละระดับ ดูว่าขับรถยนต์ความเร็วรอบเท่านี้สามารถทำความเร็ว(กิโลเมตร/ชั่วโมง)ได้เท่าไหร่ และขับความเร็วรอบเท่าไหร่ประหยัดน้ำมันได้ดีที่สุด
เล่นแบบนี้แนะนำให้อยู่เลนซ้ายนะครับ
-
ผมมี 2 โหมดครับ ถ้าขับเองคนเดียว หรือถ้ามากับแฟนแค่สองคน ผมจะขับ Beast Mode ทันที 5555 แต่ไม่ไปท้ารบกับใครเขานะ คือถ้ามีช่องให้ไป (แบบไม่ปาดนะ) ก็จะไปเร็วครับ 140 ขึ้น แต่ถ้าใครมาจี้ตูด มาตัดหน้า เอาคืนทันที
อีกโหมดคือ ถ้ามีคนอื่นนอกเหนือจากแฟนนั่งด้วยเมื่อไหร่ ผมจะขับแบบ Peace mode เลยหละ คือไม่เกิน 120 นานๆทีแซงอาจจะ 130 แล้วก็ขับวนๆแถวๆ 90-110 พอ เหมือนชินมากกว่าครับว่าต้องขับประมาณนี้
ลองเปลี่ยนง่ายๆคือ ก็หาคนมานั่งด้วยบ่อยๆแล้วบอกกับตัวเองไว้ว่า "ชีวิตของคนทุกคนบนรถ อยู่ในกำมือเราที่จับพวงมาลัย"
-
บางทีมันก็เป็นความเคยชินนะ 180km/h สำหรับบางคนแล้วเฉยๆ แต่สำหรับบางคนแค่140km/hก็เร็วมากแล้ว ตัวแปรสำคัญอีกข้อนึงคือ รถยนต์ รถบางคันวิ่งไม่เร็วแต่ระบบช่วงล่างไม่น่าไว้ใจบวกกับเสียงลมที่เข้ามาห้องโดยสารเยอะ ก็ทำให้ดูเร็วน่ากลัวได้
วิธีของผมที่ทำให้ทุกวันนี้ขับช้าลงบ้างเพราะ
เคยเกิดเหตุการณ์รถคว่ำมาก่อนช่วงเป็นนักศึกษาเมื่อ9ปีที่แล้วที่โค้ง100ศพ แถวๆทางเข้าเอแบค สมัยนั้นบางนามืดมาก ไม่เจริญ วินาทีที่รถตีลังกามันน่ากลัวครับ พอดีโชคดีแฟนผมที่ขับตามหลังผมพอดีเลยเป็นคนช่วยลากผมออกมาจากรถตอนนั้น ตอนนี้เวลาจะขับเร็ว แฟนก็จะเตือนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ความรู้สึกจะกลับมาหลอนทุกที เลยเพลาๆลง แต่รถกับผู้ชายอย่างเราๆมันของคู่กันจะห้ามอารมณ์ตัวเองมันยากครับ มันต้องหาแรงจูงใจ บางคนก็เพื่อ ลูก เมีย ครอบครัว ก็ว่ากันไปแล้วแต่คนนะ
-
ยากเลย นึกถึงค่าน้ำมันไรงี้ อาจจะพอช่วยได้บ้างไรบ้าง มองเข็มน้ำมันเนี่ยช่วยได้
-
มองตัวเลข Fuel consumption ให้เป็นเกมส์ครับ ยิ่งประหยัดเหมือนได้แต้ม ::)
ปล.แต่เวลาเจอช้าแช่ขวานี่ทำให้อารมณ์เปลี่ยนทุกที เท้ากดเข้าไปตบซ้ายเพื่อแซง
-
เมื่อสองปีที่แล้ว ผมขับ e39 ไม่ต่ำกว่า 140 ต่ำกว่านี้จะรู้สึกว่ารถช้ามากๆ
ถ้าขับช้าจะรู้สึกว่าการตัดสินใจมันจะช้าลงด้วย จะประเมินสถานการณ์ยากกว่าตอนขับเร็ว
แต่หลังจากที่ได้ขับรถพ่อบ่อยๆ เป็นเปอร์โย 405 ติดแก๊ส ทำให้ผมเปลี่ยนนิสัยกลายเป็นคนขับช้า ไม่เกิน 120 เลยครับ
เพราะรถมันเร็วกว่านี้ไม่ไหว + ช่วงล่างหวาดเสียว พอกลับไปขับรถตัวเองก็เลยติดนิสัยขับช้าไปโดยปริยาย
ข้อดีคือ ประหยัดค่าน้ำมันลงเยอะมากๆครับ
สรุปว่าลองไปขับคันอื่นที่ไม่แรงซักระยะครับ แล้วจะชินเอง
-
ให้ลองสังเกตดูดีๆ ว่าเราขับเร็วมากแล้วเสี่ยง กับคนที่ขับช้ากว่าเราแล้วปลอดภัย ไปถึงจุดหมายต่างกันกี่ชั่วโมง กี่นาที แล้วคุ้มค่ากับความเสี่ยงไหม
ผมพบว่าถ้าวิ่งต่างจังหวัดไกลๆ ระดับ 3-5 ร้อยกิโล ถึงก่อนกันแค่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ยิ่งถ้าทางไม่ไกล บางครั้งเร็วกว่าแค่ 15-20 นาที มาคิดดูแล้ว เวลาพวกนี้ แค่นั่งอ่านเวปบอร์ดก็หมดเวลาแล้ว เลยคิดว่าไม่คุ้มกับความเสี่ยงและความสิ้นเปลืองครับ
ดูคลิปอุบัติเหตุจากยูทูปบ่อยๆ ครับ เหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดจากการใช้ความเร็ว
ส่วนใหญ่การเกิดอุบัติเหตุถ้าเกิดที่ความเร็วไม่สูงมาก ความเสียหายก็จะน้อยตามไปด้วย
ดูบ่อยๆ แล้ววิเคราะห์ตาม จะทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นครับ
** แต่ก่อนผมก็เป็นคนขับรถเร็วมาก่อน ตอนเช้าๆ ไปทำงาน civic ตาโตต้องวิ่ง 180 บนทางด่วนทุกเช้า ไปต่างจังหวัดก็ต้องเหยียบ 140-180 ตลอด เข้าโค้งต้องมีเสียงยาง ฯลฯ
-
ตามชื่อพี่เลยครับ
เย็นช้า
ใจเย็นๆ ขับช้าๆ
-
ขับกับที่่บ้าน ขับช้าๆอยู่เลนกลาง ทำใจให้โล่ง เราไม่รีบ ใครจะปาดก็ช่าง
แคะคันเร่งแผ่วเบา พยายามเลี้ยงรอบเครื่องไม่ให้มันเชนเกียร์ลง ( ใช้หูฟังเสียงเครื่องไปด้วย )
เวลายกคันเร่งก็ค่อยๆถอน ไม่งั้นเดี๋ยว engine brake กันหัวทิ่ม
... แต่่ถ้าขับคนเดียว หรือคนนั่งเป้นเพื่อน จัดไปครับ ถึงไหนถึงกัน 555
-
ผมเป็นเหมือนคุณ Alcatraz กับคุณ Terng ครับ เรียกว่าเป็น bipolar ทางการขับรถก็ได้นะ ฮ่า ::)
ผมจะขับรถเป็นพระที่นั่งทันที ถ้ามีคนมานั่งโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ แม่ เพื่อนแฟน หรือคนที่ไม่สนิทมานั่งด้วย จะยิ่งขับนุ่มนวลครับ
แต่ทุกอย่างจะกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที ถ้าขับคนเดียว แล้วเจอพวกขับกวนบาทา อารมณ์แบบไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น ให้มานั่งหวาดเสียวไปกับเรา ผิดกับสมัยวัยรุ่นที่ขับเร็วแทบทุกสถานการณ์ เคยไปกับแก๊งเพื่อนสนิทอยู่บ่อยๆ จะบอกว่าผมขับเร็วมาก เข้าโค้งไม่มีผ่อนเลย แต่ไม่เคยที่จะแหกโค้งซักครั้ง ไม่ว่าจะขับรถอะไรก็ตาม เพราะพ่อเป็นคนฝึกทักษะการเข้าโค้งให้ผม แกมักจะย้ำตลอด ให้รู้จักถนน เรียนรู้ไลน์โค้ง ตระหนักถึงลิมิทรถคันนั้นๆ รวมทั้งหมั่นประเมินสถานการณ์ factor ต่างๆ ให้เคยชิน พูดง่ายๆ คือต้อง alert ตลอดเวลา แล้วชีวิตจะปลอดภัย
สุดท้าย ผมว่าการขับจะช้าหรือเร็ว อยู่ที่เรากำหนด ข่มจิตข่มใจให้ได้ซะมากกว่าครับ วุฒิภาวะ รวมถึงประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะมีส่วน เพราะผมขับเร็วน้อยกว่าสมัยสิบกว่าปีที่แล้วอยู่เหมือนกัน
-
ลองแก่ดูครับ
-
คิดถึงและห่วงใยคนที่นั่งกับเราครับ ผมมีครอบครัวแล้ว ยิ่งต้องขับปลอดภัยครับ
ผมเป็นคนไม่ดื่มนะ ถ้าไปกับสมาชิกที่ทำงาน ทุกคนมักจะไว้ใจให้ผมขับครับ และก็จะดื่มกันแบบสบายใจ มีคนขับรถแล้ว
-
ไปใส่ล้อ 19" หรือ 20" กับยาง 35" หรือ 30" ครับ
รถแรงแค่ไหนก็ขับช้าถ้าไม่ใช่ทางด่วน กลัวตกหลุมล้อแหกยางพัง ท่องไว้เลยยางเส้นละหมื่น ;D ;D
-
ดูคลิปอุบัติเหตุบ่อยๆซิครับ
-
ผมเป็นเหมือนคุณ Alcatraz กับคุณ Terng ครับ เรียกว่าเป็น bipolar ทางการขับรถก็ได้นะ ฮ่า ::)
ผมจะขับรถเป็นพระที่นั่งทันที ถ้ามีคนมานั่งโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ แม่ เพื่อนแฟน หรือคนที่ไม่สนิทมานั่งด้วย จะยิ่งขับนุ่มนวลครับ
แต่ทุกอย่างจะกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที ถ้าขับคนเดียว แล้วเจอพวกขับกวนบาทา อารมณ์แบบไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น ให้มานั่งหวาดเสียวไปกับเรา ผิดกับสมัยวัยรุ่นที่ขับเร็วแทบทุกสถานการณ์ เคยไปกับแก๊งเพื่อนสนิทอยู่บ่อยๆ จะบอกว่าผมขับเร็วมาก เข้าโค้งไม่มีผ่อนเลย แต่ไม่เคยที่จะแหกโค้งซักครั้ง ไม่ว่าจะขับรถอะไรก็ตาม เพราะพ่อเป็นคนฝึกทักษะการเข้าโค้งให้ผม แกมักจะย้ำตลอด ให้รู้จักถนน เรียนรู้ไลน์โค้ง ตระหนักถึงลิมิทรถคันนั้นๆ รวมทั้งหมั่นประเมินสถานการณ์ factor ต่างๆ ให้เคยชิน พูดง่ายๆ คือต้อง alert ตลอดเวลา แล้วชีวิตจะปลอดภัย
สุดท้าย ผมว่าการขับจะช้าหรือเร็ว อยู่ที่เรากำหนด ข่มจิตข่มใจให้ได้ซะมากกว่าครับ วุฒิภาวะ รวมถึงประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะมีส่วน เพราะผมขับเร็วน้อยกว่าสมัยสิบกว่าปีที่แล้วอยู่เหมือนกัน
อ่านเจอแล้วฮาฮะ เพราะตัวเองก็แบบนี้เรียก bipola นี่คือใช่เลย
(ยามไม่รีบก็เย็นสุดๆถือคติ "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าก็อย่าโวยละกัน")
เวลามีคนอื่นมานั่งด้วยนี่เข้าโหมดคนขับรถให้ท่านหญิงท่านชายเลยทีเดียว ...
เดี๋ยวนี้ลดไปเยอะแล้วครับ บางท่านบอก ลองแก่ดู ก็อาจจะจริง ฮาอีก
ทุกชีวิตบนรถเราอยู่ในมือเราคนเดียวครับ
เลยขับแบบชนิดเผื่อ"คนอื่น"อยากฆ่าตัวตายมาชนเรากันเลยทีเดียว
ช่วงน้ำมันแพงก็ได้ฝึกมาเยอะครับ
kickdown 1 ครี้ง = 10 บาท
วิ่งเร็วสูงกว่า 120 km/h = กินน้ำมันเพิ่ม 10-25%
(เล่นเกมประหยัดเพื่อครอบครัวครับ ฮา)
คติพ่อสอนไว้ 'ประหยัดได้ 1 บาท เท่ากับหาตังเพิ่มได้ 1 บาท'
ก็จะกลายเป็นขับรถถูกวิธีก็จะได้ตังเพิ่ม
แทนที่ระยะ 500 กม ใช้ค่าน้ำมัน 2000 บาท
ขับประหยัดก็จะเหลือ 1500 บาท มีตังใช้เล่นอีก 500 บาท เล่นบ่อยๆครับ
-
เป็นอีกคนนึงที่คิดว่าตัวเองเป็น Bipolar ระหว่างขับรถเหมือนกันค่ะ 555
ช่วงหลังๆมานี้ เราใช้วิธีพยายามออกจากบ้านให้เร็วขึ้น (5-10 นาที) เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกว่าต้องรีบร้อน
ไม่ก็พยายามขับรถแบบไม่เปลี่ยนเลนค่ะ ขึ้น freeway เข้าเลนกลางแล้วแช่ยาวเลย (อาจจะยากหน่อยสำหรับเมืองไทยนะคะ)
โดยรวมแล้วพฤติกรรมก็ดีขึ้นนะคะ แต่พอเจอพวกกวนโอ๊ยทีไร ก็อดตบะแตกไม่ได้ทุกที >:(
-
ตามวัยครับ
หรือ เกิดอุบัติเหตุโง่ๆสักครั้ง
ท่องไว้ในใจ
"ปล่อยแม่งไปเถอะ"
นานๆไปเด้วลดอารมณ์ได้ครับ. ขับเร็วนี่ตามอารมณ์ล้วนนๆ
-
ให้เมียนั่งข้าง ให้ลูกนั่งข้างหลัง พ่อแม่นั่งไว้ในใจ ครับผม
-
นึกถึงคนที่เรารักหรือครอบครัวที่รักเราไว้เวลาขับรถครับ
-
ถ้าเคยรถชน รับรอง ช้าลงระยะนึง
-
เคยอัดเต็มๆ ที่ความเร็ว 120 ไปครั้งนึง สูดกลิ่น Air Bag สุดเหม็น พร้อมๆกับเจ็บไปสามเดือน
เห็นสภาพรถ เห็นสภาพตัวเอง ..... หายซ่าไปเยอะครับ
ตอนนี้ ขับไม่เกิน 120-140 แล้วครับ
แรงกระแทกตอนนั้น จำได้ไม่ลืมเลย ถ้า 120 ขนาดนี้ 140 คงตายชัวๆ ถ้าเป็นชนจังๆ ต่อให้รถดีมาก แข็งมาก แต่ก็จะตายเพราะแรงกระแทกแทนนี่ละ แค่ 120 ก็โดน belt รัดซะบาดเจ็บเล่นกีฬาไม่ได้พักใหญ่ๆ ถ้าฟาดด้านข้าง คงได้ตายเพราะคอหัก มีเพื่อนของเพื่อนอีกที ตายเพราะแบบนี้เหมือนกัน
ช่วงล่างดีแค่ไหนก็ไม่ไว้ใจครับ เพราะหมาตัดหน้า รถปาด อุบัติเหตุกระทันหัน ขับมาเร็วๆ เวลาแก้ไขสถานการณ์มันน้อยกว่ากันมาก และความรุนแรงมันต่างกันขนาดไหน ผมนี่รู้ซึ้งเลย ถึงดวงจะไม่ดี แต่ถ้าขับไม่เร็ว โอกาสหลบได้ หรือความรุนแรงมันต่างกันลิบลับเลยครับ
ชีวิตผมยังมีกิจกรรมอื่นๆที่สนุกมากกว่าขับรถเร็วบนถนนให้ทำอีก และยังมีอีกหลายๆอย่างที่อยากทำอยู่ ไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตมาทิ้งบนถนน :'(
ส่วนตัวมองว่า 120 อัดเต็มๆ = เจ็บ , 80 = ไม่เท่าไหร่ ,140 = 50/50 , 160-200 = พลาดมา โอกาสตาย 75-90 ครับ ถ้าอัดเต็มๆ ที่ความเร็วสูงๆ ตัวรถนี่ ขายซากอย่างเดียวแล้วครับ คนรักรถ ถนอมรถ ดูแลมันทุกวัน ล้างทุกอาทิตย์แบบผม ทำใจยากครับ :'(
อย่าไปมอง German Autobahn ขานั้นก็มีคนตาย ถ้าพลาดมา เห็นว่านักทดสอบ BMW 3 Series ก็ตายที่ Autobahn นี่ละ
https://www.youtube.com/watch?v=R7dG9UlzeFM
ไว้อยากซิ่งค่อยหารถเฉพาะทาง ไปลง trackday เป็นจริงเป็นจัง จะดูมีสาระมากกว่า
(จริงๆตอนนี้ก็มี trackday ตลอดน่ะ แต่เป็นจักรยาน กับสนาม ราบ 11)
-
ผมว่ามันเปนไปตามรถที่ขับด้วย
คันไหน เกียร์มัน เครื่องกระหึ่มฟีลลิ่งดี ห้ามยาก
คันไหน ยวบเปนเรือ เกียร์CVT ท่ือๆ น่าเบื่อก็ขับเนิบๆ
กรนีผมถ้าจะขับคันแรงแต่อยากให้ช้า จะใข้วิธีขับเลนกลาง ตามหลังรถสักคันที่ ท่าทางช้าๆเนิบๆ ตามไป จะออดขวา พออกแล้วเห็นช่องโล่งๆมันอดไม่ได้ เข้ากลางต่อแถวไป บางทีต้องมีขนมกินไปด้วยแก้เบื่อ
-
Case เฉพาะทางไกลครับเพราะในกทมขับไม่เร็วอยู่แล้ว
1.ไปนั่งเล่นหน้าห้องฉุกเฉินหรือเดินเล่นตึกผู้ป่วยนอก ครับ
ผมเลือกไป ศิริราช เพราะคุ้นเคย ช่วยเรื่องจิตตกได้ด้วย
2.ส่วนได้ผลจริงคือ"การวางแผนการเดินทาง" เผื่อเวลา กาแฟ ร้านอาหาร
ที่เที่ยวใหม่ๆ และค้างคืนระหว่างทาง
เหมือนอ่านเจอในนี้(HLM)ว่าตื่นให้เร็วขึ้น ออกให้เร็วขึ้น เราจะไม่เร่งตัวเอง
-
เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ จะ 120 หรือ 160 ถึงที่หมายต่างกันแค่เวลาแวะเข้าส้วม
เปลี่ยนมาขับรถธรรมดา อัตตราเร่งธรรมดา ช่วงล่างธรรมดา
สุดท้ายลองหาคลิป ขับรถกลับบ้างยังไงให้สนุกมาดูครับ อย่างฮา
-
ให้เปลี่ยนไปขับรถช้าครับ
เช่นไปขับ freed ตีนต้นโอเค แต่เลย 110 แล้วไม่โอ
ไม่รู้สิ ถ้ามีรถเร็ว ผมก็ขับเร็วตามรถ ถ้ารถช้า ก็ขับตามที่มี 8)
-
ชนหมาครั้งเดียว เลิกเลย
เพราะเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียดายรถ เบี้ยประกันขึ้นอีก
สงสารหมาด้วย ภาพมันตกใจสุดขีดยังติดตาอยู่ เสียงที่มันร้องตอนจะขาดใจยังก้องในหู ขนาดผ่านมา 2 ปีล่ะ เห็นหมาที่ไร ยกเท้าจากคันเร่งตลอด ดีที่ไม่ได้ชนคน
-
เมื่อก่อนผมขับเร็วมากเหมือนกันครับ ชนิดที่ แซงกระจาย โล่งเป็นเหยียบสุด เมื่อก่อนใช้ toyota wish ก็มี 160-190 ในทางโล่งอย่างสายเอเชีย หรือสี่เลนโล่งๆ กับ All new d-max 2.5 VGS ก็มี 140-170 ประจำครับ เพราะว่าอย่างวิชนี่ขับเร็วก็กินน้ำมันประมาณ 8-9 กม./ลิตร ขับ 90 ก็ได้แค่ 12 กม./ลิตร เลยไม่รู้สึกว่าข้าช้าทำไม ส่วนตัวกระบะก็ขับเร็วก็ 10-11 กม./ลิตร ขับ 100 ก็ได้แค่ 14-15 กม./ลิตร ครับ
แต่ตอนนี้ใช้ DMAX 1.9 อยู่ คือถ้าซิ่งแบบเดิมก็ได้ 11-12 กม./ลิตร แต่ถ้าเท้านิ่งๆ แถว 90 นี่ได้ 18-19 กม./ลิตร เลย
ของผมเดี๋ยวรชนี้ขับช้า เพราะ อัตราสิ้นเปลืองมันคุ้มที่แลกกับความเร็วเลยครับ ชดเชยค่าน้ำมันไม่ได้เยอะมาก และก็ขับไม่เหนื่อยด้วย แต่อาจจะง่วงเร็วขึ้น ที่สำคัญคือ มีแฟนนั่งประจำ ก็คิดว่าถ้าซิ่งแล้วอุบัติขึ้นมา ไม่คุ้มแน่ครับ(เมื่อก่อนขับคนเดียวบ่อย) โดนใบความเร็วเยอะมาก จนพ่อ แม่ ที่เขานั่งรับจดหมายไปรษณีย์ แรกๆก็ตักเตือน หลังๆนี่ด่าผมประจำ เดี๋ยวนี้ยอมครับ ขับขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปอีสาน ระยะ 200-300 กม.ขึ้นไป ก็ขับที่ 90-100 แช่ยาวเลยครับ อาจจะรู้สึกง่วงหน่อย แฟนก็คอยเทคแคร์ดีกว่าเดิมมากครับ
-
ชนหมาครั้งเดียว เลิกเลย
เพราะเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียดายรถ เบี้ยประกันขึ้นอีก
สงสารหมาด้วย ภาพมันตกใจสุดขีดยังติดตาอยู่ เสียงที่มันร้องตอนจะขาดใจยังก้องในหู ขนาดผ่านมา 2 ปีล่ะ เห็นหมาที่ไร ยกเท้าจากคันเร่งตลอด ดีที่ไม่ได้ชนคน
ผมยังไม่เคยชน แต่กลัวมาก ช่วงนี้ขับรถต่างจังหวัดบ่อย(มาก)
เวลาเห็นหมายืนอยู่ข้างทาง จะยกคันเร่งละ ถ้าหันหัวมาทางถนนเมื่อไหร่ ผมนี่เตรียมเบรคเลย
-
เติมน้ำมันน้อยๆแล้วต้องลุ้นว่ามันจะหมดมั้ยครับ 555 ถ้ารถไม่พังอะนะครับแซวเล่นครับ ผมไม่มีครับแต่ส่วนใหญ่ถ้ามีคนนั่งเยอะผมจะช้าลงบ้าง
ไม่ก้หาคนสวยๆมานั่งครับจะได้คุยกันนานๆ
-
ฟังเพลง jazz
-
จริงๆผมขับตามสภาพจราจรนะครับ ถ้าจะขับเร็วจริงๆ ต้องได้ condition ดังนี้ทั้งหมดทุกข้อ ขาดข้อนึงผมก็ขับปกติละ ปกตินี่คือไม่เกิน 120 นะครับ ถึงแม้รถมันจะพาไปได้เร็วกว่านั้นก็เถอะ
1. ต้องเป็นกลางวัน แดดจ้าๆ มองเห็นทุกสภาพถนนซ้ายขวาหน้าหลัง เช้าใหม่ๆหรือใกล้เย็นๆก็ไม่เอาละ
2. ถนนต้องโล่ง โล่งแบบไม่มีรถจริงๆ
3. ต้องถนน 4 เลน สภาพผิวจราจรดี
4. ต้องเป็นถนนที่เคยขับประจำ หรือชินเส้นทางมาก่อนแล้ว
5. ต้องเป็นเขตนอกเมือง ไม่มีชุมชนแถวนั้น
5 ข้อหลักๆครับ ถ้าเข้า condition นี้หมด ผมกดนะ 180-200 ก็กดไป แต่ถ้าซักพักไปเจอรถข้างหน้า หรือเริ่มเข้าชุมชนผมเลิกเลยครับ ยิ่งถ้ารถเยอะๆ ก็ 100-120 แค่นั้นเลย เอาจริงๆตั้งแต่ขับรถมา หาสภาวะที่เข้าได้ 5 ข้อข้างบนน้อยมากๆครับ T.T อยากกดก็อยาก แต่สภาวะมันไม่ให้ 555+
-
ผมหารถแปลกๆสวยๆขับตามครับ ทำให้ขับช้าลงได้แต่ไม่นานครับก็กลับไปขับเร็วแต่ก็ยังดีกว่าขับเร็วตลอด ถ้ามีลูกก็จะหยุดขับเร็วให้ได้ครับ ตั้งใจไว้แบบนั้น
มีลูก หยุดเลย ทำได้จริงๆครับ
มายืนยันครับ มีลูก จะหยุดได้เลย ช่วงแรกๆยากหน่อย สุดท้ายต้องเอารูปลูกมาติดตรงหน้าปัทครับ เลิกหายขาด ใครจะดัน ใครจะกวนตีนปล่อยเลย
ปล. ผมขับเทียน่า J32 2.5 v6 สมัย 3-4 ปีก่อน เจอรถคนอื่นอยากมาลองความแรงด้วยประจำ ผมพาเที่ยวเลยซัดจาก 80 ไป 180
หายจากกระจกหลังทุกคัน (ที่เป็นรถตลาด) เลิกนิสัยนี้ยากมากจนมีลูก ทุกวันนี้เลิกมาเป็นปีละครับ
-
แก้ที่ต้นเหตุครับ ขับเร็วเพราะอะไร
ผมขับเร็วเพราะมันสนุกยิ่งรถสมรรถนะดียิ่งส่งเสริม
ดังนั้นลองเปลี่ยนมาขับรถeco ที่ช่วงล่างย้วยๆ ได้ผลนะ
ไม่กล้าขับเร็วแน่
-
มีลูกครับ
-
เดือนที่แล้วผมโดนใบสั่งมาบ้านทีเดียว 4 ใบ เดือนนี้เลยขับแบบคลานแล้วครับ หูชาไปหลายวัน
-
เปิด GPS ตั้งค่าความเร็วไม่เกินเท่าไหร่ แล้วใช้เสียง เด็กผู้หญิง (จำชื่อไม่ได้) เวลาขับรถเกินกำหนด จะมีคำพูดว่า "คุณพ่อขาขับช้าลงหน่อยคะ"
ฟังแล้วทำให้นึกถึง เด็ก ๆ (ลูกสาว - พอดีไม่มีลูกสาว แต่ก็น่ารักดี) ยิ่งมีลูกด้วยเอารูปมาแปะไว้ ช่วยได้เยอะเลยครับ
:)
-
ผมใช้กล้องหน้ารถแล้วตั้งให้มันเตือนที่ 110 กม./ชม.ครับ พอขับเกินมันจะร้อง
มีช่วงนึงกล้องรวนไม่ยอมร้อง ก็จะขับเร็วเกินตลอด
-
มีหลายวิธี
1 ต้อง " มิด " ก่อนซักครั้ง แล้วจะหายซ่า จะหายขาดหรือดีขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยและความหนักของอุบัติเหตุครั้งนั้น
2 อายุมากขึ้น คนส่วนใหญ่จะคิดได้มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นครับ ผมเองตั้งแต่อายุแตะเลข 3 ขับรถช้าลง จากเมื่อก่อนมีเท่าไรก็กดๆๆ เด๊วนี้ต่างจังหวัดก็พยายามไม่เกิน 120 ยกเว้นมีรถมากวน ก็จะกดทิ้งแล้วก็กลับมาขับความเร็วเดิม
3 มีลูก มีครอบครัว มีเมียคอยนั่งคุม อันนี้ชัดเจน ส่วนใหญ่ดีขึ้นเพราะเมียคุม 555
4 เกือบตาย เกือบมิด หลายๆครั้งก็จะคิดได้เอง ผมเองขับรถเร็ว ใน1ปี ต้องคอยหักหลบให้พวกขับตัดหน้าไม่รู้กี่ครั้ง ส่วนใหญ่เจอในต่างจังหวัด ซึ่งไม่หลบให้ก็ไม่ได้ เพราะถ้าไม่หลบ คนตัดหน้าตายสถานเดียว ดีที่รถผมเป็นรถยุโรปแต่ง ถ้าขับรถญี่ปุ่นเดิมๆป่านนี้ตายไปหลายรอบแล้วครับ
-
คำนวน น้ำมัน ทุกถัง
ถ้าถังไหนทำได้ดีเว่อร์ จะซื้อไวน์ดีๆเป็นรางวัลให้ตัวเองครับ
หากไม่ได้ ก็กินห่วยๆไปครับ ;D
-
ของผมไปเปลี่ยนช่วงล่างให้นิ่มขึ้นครับ จบเลยขับเร็วไม่ได้ไม่มั่นใจ
-
- แก่ตัว
- รถอืด
- เมียดุ
- มีลูก
ไล่ตามเสตปเลยครับ :-X
-
วิธีแก้ คงต้องเริ่มที่ตัวเอง เช่น
หาเพลงฟังเรื่อยๆ ฟัง อย่าไปฟังพวกเพลงเร็ว
เผื่อเวลาเดินทางหน่อย
พยายาม ไม่ขับเลนขวา เพราะเป็นเลนที่ต้องทำความเร็ว
เมื่ออายุมากขึ้น มีครอบครัว ก็จะขับช้าลงครับ
ตัวผมเอง มองว่าตัวเองขับรถไม่เร็ว แต่จะออกแนวซอกแซกมากกว่า
แต่คนที่นั่งรถผม ส่วนมากบอกว่าผมขับรถเร็ว 555
-
ผมเป็นคนที่ขับรถเร็วนะถ้าขับคนเดียว มุดตลอด รถว่างๆบนทางด่วนก็120จนถึงเกือบมิดไมล์
แต่เวลาผมมีคนนั่งด้วยปุ๊ปผมจะขับช้าลงมาก แบบกลัวเขาหัวทิ่มเวลาเบรก กลัวเขาตกใจ หลายๆอย่าง
คิดถึงคนนั่งข้างๆไว้ครับ แล้วจะสบายใจ
-
เล่นเกมประหยัดน้ำมันครับ
ถังที่แล้วเท่าไหร่ ถังนี้ต้องให้ได้ดีกว่าเดิม พอถึงจุดๆนึงก็จะเริ่มชิ้นกับการขับช้าครับ ;)
-
ผมก็เป็นนะ แต่ต่างกันตรงที่ถ้ามีคนมานั่งด้วยเมื่อไหร่ ขับเร็วไม่ออกเลย จนคนชอบพูดกันว่าผมขับรถนิ่ม จริงๆไม่ใช่ ขับคนเดียวเจอโค้งว่างๆเล่นไลน์ตลอด
และอีกสิ่งนึงที่เจอประจำเลยเวลาขับคนเดียวไม่ค่อยมีใครเล่นด้วย แต่พอมีคนมานั่ง ขับแบบนิ่มๆเมื่อไหร่เจอขับแบบชวนเล่นตลอด แต่ก็เล่นไม่ได้
ผมก็เป็นเหมือนกันครับ คิดว่าถ้าขับคนเดียว เวลาเกิดอุบัติเหตุอย่างน้อยก็เป็นคนเดียว ถ้ามีคนมานั่งด้วยเราต้องดูแลชีวิตเขาด้วย ทำให้ขับช้าและนิ่มมาก แต่ข้อเสียคือ เขาชวนคุยจนทำให้เราไม่มีสมาธิ เพราะเราชอบคุยซะด้วย
ป.ล. บางคนมีลูก ก็ทำให้ขับรถช้าลง
-
วิธีง่ายที่สุด ผ่อนคันเร่งครับ
-
เปิดเพลงฟัง
ตอนออกตัวค่อยๆกดคันเร่ง
เลี้ยงคันเร่งให้นิ่งๆ ความเร็วคงที่สุดครับ
-
ขับคนเดียว ขับยังไงก็ได้ครับ ชีวิตคุณขอแค่ไม่ให้คนอื่นเขาเดือดร้อน
แต่พอมีคนนั่งด้วย ให้นึกถึง คนที่มานั่งด้วยครับ อย่างน้อยๆ ก็นึกถึงคนข้างหลังบ้างก็ดีครับ
ลดความเร็วลงมาหน่อย แล้วอาจจะพูดคุยกันในรถ ขับเพลินๆไป
*ของผมเวลาขับคนเดียว ก็ขับไม่ถึงกับเร็ว แต่จะมีจังหวะที่มันเสี่ยวๆหน่อย
แต่ผมมีคนนั่งไปด้วย นี่ขับอย่างกับเป็นคนหล่ะคน นุ่ม นิ่ง สบายๆ ไปเรื่อยๆ*
-
เติมน้ำมันน้อยๆ เท่าที่จะใช้เดินทางครับ ผมทำมาแล้วช้าได้จริง
-
ผมชอบทำสถิติค่า fuel consumption ให้ได้ต่ำที่สุดครับ หรือให้เทียบกับสเป็คจากโรงงาน
หลังๆขับช้าลงเยอะ
-
ดูคลิป dash cam fails เยอะๆครับ
-
สำหรับผมถ้าคนที่เราไม่ค่อยสนิท เช่นเพื่อนแฟน นั้งไปด้วย หรือขับไปส่งญาติผู้ใหญ่ จะขับช้าโดยอัตโนมัติครับ
-
สำหรับผม จะคิดในใจว่า ไม่รีบๆ เรื่อยๆ พยายามปล่อยวางๆ
-
นึกคิดเอาเองว่ากำลังขับรถให้ ท่านผู้นำประเทศ ขณะจิบกาแฟที่นั่งแถวสองครับ
-
เป็นกระทู้ที่น่าสนใจดีครับ ทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของสมาชิกที่ชื่นชอบรถยนต์ในเวบนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะขับรถเร็วกว่าคนปกติทั่วไป หลายๆท่านจะเป็นคน 2บุคลิก ซึ่งผมก็เป็นเช่นเดียวกัน หลายๆท่านก็ทราบดีว่าการขับรถเร็วๆมันไม่ดี ก็ต่างหาวิธีการมาควบคุมการขับรถของตนเอง
สำหรับผม ถ้าหากเดินทางไปต่างจังหวัด จำเป็นจะต้องขับเร็วกว่าคนทั่วไป เพราะความง่วงครับ ขั้นต่ำคือ 120 ต่ำกว่านี้ขับได้ 5นาที จะเริ่มรู้สึกว่าประสาทสัมผัสเริ่มแย่ลง เริ่มรับรู้สถานะการรอบตัวได้ช้าลง ความตื่นตัวเริ่มลดลง ผ่านไปอีก 10 นาทีจะเริ่มง่วง ความเร็วที่ชอบมากๆในการเดินทางของผมจะอยู่ที่ 140 สติมาเต็ม ความรู้สึกไว ไม่เครียดในการขับ กรณีนั่งมากับคนในครอบครัวแทบไม่มีประเด็นกับพวกกวนประสาทเลย เพราะทนได้(ยอมรับว่าเจ็บในใจ) ส่วนด้านล่างจะเป็นวิธีควบคุมตนเองเมื่อขับคนเดียวครับ
วิธีที่ผมเคยใช้
- ก่อนจะเดินทางในทริปนั้นตั้งเป้าก่อนออกรถไว้เลยว่า ขับไม่เกินเท่าไหร่ ระหว่างขับก็ท่องในใจว่าต้องไม่เกิน 120(จำเป็นต้องท่องไว้ในใจครับ) หากรู้ตัวว่าความเร้วเกินก็ให้ผ่อนคันเร่ง หากรถไม่เยอะ ให้ตั้ง cruise ครับ วิธีนี้จะดีแตกเมื่อเจอพวกกวนประสาท อาทิ มาจี้ตูดผมชิดๆโดยการคล่อมเลนวิ่งทับไหล่ทาง(บางคันกระพริบไฟไล่ด้วย) ในระหว่างที่ผมกำลังขับตามรถเลนขวาที่กำลังแซงรถช้าเลนซ้าย ประเด็นที่ผมมักโดนจี้ตูดแบบหน้าเกลียด เนื่องจากว่า เวลาที่รถคันหน้าผมกำลังจะแซงรถช้าเลนซ้าย ผมจะไม่เข้าไปกดดันการแซงของเขา เขาอาจจะขับ 90 เพื่อแซงรถ 80 ผมจะเว้นระยะห่างประมาณ 1.5 คันรถขึ้นไป ทั้งที่ผมมาเร็วกว่าเขามาก แต่ผมจะเบรคห่างๆจนกว่าเขาจะแซงเสร็จ (80% เมื่อเขาแซงเสร็จเขาจะหลบซ้ายให้เรา ทั้งที่ก่อนหน้านั้น บางคันเขาจะไม่หลบให้รถคันอื่น แต่หลบให้ผม) แต่ผมจะซวยโดนพวกข้างหลังกดดันแทน เพราะเขาคิดว่าผมใช้ถนนเปลื้อง พอผ่านรถคันหน้าผมไปได้ ลิมิต 120ผม จะแตกเลย (ประมาณจะบอกคันหลังให้รู้ว่า ถ้ามันว่างก็ขับเร็วไปนานแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องจี้ขนาดนั้น)
- วิธีแรกด้านบนจะใช้ได้นานไม่นาน ขึ้นกับรถที่มากวนประสาท วิธีที่ 2(ทำตอนขับนอกเมืองและพระอาทิตย์ตกดินแล้ว) ทำโดยการเอาตัวเองออกจากกระแสจราจรเลนขวา โดยการตั้ง cruise ไว้ที่ 99 km/hr (GPS ขึ้น 95 เป็นความเร็วที่ช้ากว่ารถเล็กส่วนใหญ่และเร็วกว่ารถบรรทุก ถ้าขับช้ากว่านี้จะไปอยู่ในวงล้อมของรถบรรทุก) แล้วขับชิดซ้ายตลอด แก้ง่วงโดยการแง่มกระจกลงเล็กน้อย ทั้ง 4บาน เปิดมูนรูฟ ปิดแอร์ เปิดเพลงดังพอสมควร วิธีนี้สำหรับผมได้ผลชะงักเลย ระยะ 300 กิโลเมตรก็เคยทำได้มาแล้ว วิธีนี้อารมณ์จะดีทนพวกกวนประสาทได้ตลอดทางและไม่ง่วงด้วย (รู้สึกภูมิใจมาก เป็นการขับรถทางไกลที่ช้าที่สุดในชีวิต โดยเข็มไมล์ ไม่เกิน 100)
ส่วนอันนี้เป็นวิธีย่อยๆ เอาไว้ใช้ในบางจังหวะและบางเวลา อาทิเปิด cruise / เล็งรถคันหน้าที่ขับเรียบร้อย ขับมีน้ำใจ รถที่ขับมารยาทดี แซงแล้วเข้าซ้าย เปิดไฟเลี้ยวตลอด เวลามีเหตุฉุกเฉินจะให้สัญญาณเตือนเราด้วย (จะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่าเขาขับมีมารยาทกว่าคันอื่นๆอย่างเด่นชัด) หากผมต้องการจะคุมความเร็วแล้วเจอรถที่ขับแบบนี้(หากมีธุระด่วน จะค่อยๆแซงเขาให้เบาให้นิ่มที่สุด โดยการเปิดไฟเลี้ยวขอทางก่อนแซงไว้แต่ไกล พอแซงพ้นก็เปิดไฟเลี้ยวแล้วค่อยๆเข้าซ้าย พอห่างสายตาเขา ค่อยกดคันเร่งตามเดิม) ผมจะล็อคเป้าเลยครับ โดยการขับตามเว้นระยะห่างสัก 4ช่วงรถขึ้นไป ผมจะเอาความเกรงใจในความมีมารยาทในการขับรถของเขา มาเป็นตัวคอยควบคุมตนเองในการขับรถครับ ใครจะกวนยังไงก็ไม่กล้าแซงขึ้นหน้าเขา
อันที่จริงผมจะดูคลิปอุบัติเหตุจากทั่วโลกแทบทุกวัน แต่มันไม่ได้ช่วยให้ผมขับช้าลงเลยเวลามีคนมากวนประสาท แต่มันจะช่วยผมให้เรียนรู้ว่า แบบไหนควรหรือไม่ควรทำ เมื่อเราดูคลิปมากและบ่อยๆ จะเข้าใจเองเลยว่า จังหวะแบบไหนที่มันไม่โอเคเสี่ยงต่ออุบัติเหตอย่างสูง
-
คนที่เร็วมากๆต้องพร้อมที่จะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งได้ทุกเวลาครับ
และการที่จะทำสิ่งนั้นต้องทำเพื่อสิ่งที่มีค่ามากๆเท่านั้น
ลองดูคลิปนี้ครับ
ช่วงแรกๆจะเป็นการ WARM UP ครับ
ช่วงนาที 4 : 30 จะเริ่มใช้ความเร็วจริงครับ
https://www.youtube.com/watch?v=t7gmbQ8KxM4
ปล.
เมื่อไม่เห็นประโยชน์ของการขับรถเร็วมากๆ ก็คิดได้เองครับ
ขับรถปลอดภัยและมีความสุขครับผม
-
ลองแก่ดูครับ
ลองแล้วครับ
ได้ผลแหะ
555
-
เลิกขับรถเร็วตอนอยู่ปี4 หลังจากได้ลอง E36 3.2 Hamann ของเพื่อน
ดีใจที่มีชีวิตรอดกลับบ้าน และคิดได้ว่าชีวิตมาค่ามากกว่าความเร็ว
ยิ่งตอนนี้มีครอบครัว 120 นี่ก็ยกละ...(แต่1-2-3 ขอสับจี๊ดๆนิสนุง) ;D
-
ไม่มีครับ แล้วแต่อารมณ์ สถานการณ์ รีบไม่รีบ
-
บอกเลยว่าเลิกยาก ต่อให้ก่อนออกจากบ้าน แม่สั่ง ลูกสั่ง"ขับรถดีๆนะ" แล้วเราตั้งใจจะขับช้า
แต่คนที่กระทืบรถจนเป็นนิสัยเคยชิน เวลาขับช้าๆจะอึดอัดมาก
ยิ่งถ้ารถติดแบบไม่น่าติดจากสาเหตุเรื่องไม่เป็นเรื่องยิ่งรู้ยิ่งโมโห๋ หลุดได้เมื่อไหร่ หรือเจอคนขับช้าแช่ขวา มันยิ่งทำให้ใจร้อนขึ้นเท่านั้น
วิธีทุเลาเท่าที่อ่านมาแล้วใช้ได้ผลคือ เติมน้ำมันน้อยๆ กับฟังเพลงช้า และอย่าไปโมโห๋ใจร้อนบนถนน
-
ทุกวันนี้ยังหาวิธีเลิกไม่ได้ครับ
-
ผมว่าไม่จำเป็นต้องถามหรอกครับว่าทำยังไงถึงจะขับช้าๆ ถ้าเกิดคุณมีเหตุผลของคุณ คุณก็จะขับช้าได้เองครับ เหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับตัวผมเอง ถามว่าแก่ก็ไม่ เคยมิดก็ไม่ มีลูกก็ไม่ มีเมียดุก็ไม่ มีอย่างเดียวคือรถอืด แต่ผมเหยียบให้เร็วได้อยู่ดี และที่สำคัญผมเป็นคนประเภทที่แปลกตรงที่เวลาฟังเพลงเร็ว ผมจะขับช้าลง และเวลาฟังเพลงช้า ผมจะขับรถเร็วขึ้น แต่ยังไงก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมายขนาดนั้นครับ
ผมว่าความสำคัญไม่ใช่ขับช้าครับ ขับความเร็วที่เหมาะสมดีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ออกจากซอยแล้วกลัวเกะกะ นี่เป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำนะครับ การออกจากซอยถ้าเกิดไม่มั่นใจว่าคันหลังต้องเบรค ไม่ควรออกมา ยิ่งรถหลายๆคันออกมาแล้วขับช้านี่อันตรายนะครับ หรือออกจาก Easy Pass ต้องกดเท่านี้ มันไม่ใช่ปัญหาความปลอดภัยหรอกครับ ล้อไม่ฟรีก็พอแล้วแหม่
ถนนนี้ขับเท่านี้ เร็วไหม ถ้าไม่เร็วเกินไปก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ยิ่งถ้าคุณขับถนนเส้นไหนมานาน คุณรู้ได้เองอยู่แล้วว่าตรงไหนควรระวัง ตรงไหนไม่ควรขับเร็ว เรื่องขึ้นทางด่วนต้องกดเท่านี้ๆ คุณตระหนักได้เองเช่นกันครับว่าเท่าไหนคือพอ เท่าไหร่ไม่อันตราย จริงๆแล้ว 120-140 ตามเข็มไมล์มันไม่อันตรายหรอกครับถ้าเกิดรถคันข้างหน้าไม่ได้ขับอยู่ในระดับความเร็วที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (ขับช้าไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยเสมอไป โดยเฉพาะแช่ขวา)
เมื่อก่อนผมขับ 160+ ทุกวันเลยนะ รถติดๆ พอขึ้นทางด่วนมาก็กดเต็ม แต่หลังๆไม่ทำแล้วครับ 90-120 ตลอด เต็มที่ 140 เวลาล้างคาร์บอนในลิ้นปีกผีเสื้อ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษด้วยซ้ำที่ผมขับช้าลง เพียงแค่ว่าไม่มีความรู้สึกจำเป็นอีกต่อไปแล้ว
ที่ทุกคนแนะนำมา ผมเห็นด้วยกับการเล่นเกมส์อัตราสิ้นเปลืองครับ จับลวกๆแบบปกตินี่แหละ เต็มถัง เซ็ตทริป 0 ใช้ไปให้พอใจ เติมเต็มถัง หารจำนวนกิโลด้วยจำนวนลิตร ได้ตัวเลขเยอะๆยิ่งถ้าใช้รถเปลืองๆ มันจะภูมิใจครับ เป็นเหตุผลที่ทำให้ขับช้าได้ดีมากเลยนะ
อีกอย่างก็คือหาคนนั่งด้วยนั่นแหละครับ เวลามีคนนั่งกับเวลาขับคนเดียวผมนี่ขับรถต่างกันอย่างกะท้องฟ้ากับปลายตีน ได้ผลมากๆ แต่ถามว่าเป็นเรื่องของความเร็วหรือไม่ ก็ไม่ใช่ครับ เป็นเรื่องของความสบายมากกว่า ถ้าเกิดขับเร็วเกิน ถนนแย่ๆ คนนั่งนั่งไม่สบาย ผมไม่ชอบให้คนนั่งรถผมนั่งไม่สบายครับ ไม่มีใครรู้เลยต่อให้นั่งบ่อยว่าปกติผมขับยังไง ;D
-
เปลี่ยนฟร้อนต์เล่นเพลงเป็น Alpine หรือ Clarion ครับ หลังจากผมเปลี่ยน ผมขับเอื่ยลงเยอะเลย แม้จะเปิดเพลงเดิมครับ (ฟร้อนต์เดิมเป็น Pioneer ครับ) ฟังดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่มันได้ผลกับผมครับ ได้ผลเกินไปเสียด้วย เวลาขับออกต่างจังหวัด จากขีบ 140-160 เหลือ 70-80 บางทีถึงขั้นง่วงและจะหลับครับ
-
ชนหมาครั้งเดียว เลิกเลย
เพราะเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียดายรถ เบี้ยประกันขึ้นอีก
สงสารหมาด้วย ภาพมันตกใจสุดขีดยังติดตาอยู่ เสียงที่มันร้องตอนจะขาดใจยังก้องในหู ขนาดผ่านมา 2 ปีล่ะ เห็นหมาที่ไร ยกเท้าจากคันเร่งตลอด ดีที่ไม่ได้ชนคน
เสียใจด้วยครับที่ต้องเจอประสบการณ์แบบนั้นแต่ผมชอบแนวคิดที่เลิกขับเร็วเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นหรือชีวิตอื่นๆเดือดร้อนนะ คนที่มีความคิดแบบนี้มักจะมีแนวโน้มละเมิดกฏหมายหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนน้อยมากเพราะมักจะทำอะไรนึกถึงสังคมเป็นหลัก :)
-
เมียนั่งข้างๆ ลูกนั่งข้างหลัง ช้าลงเยอะครับ