Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nimnim_thailand ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:42:20

หัวข้อ: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: nimnim_thailand ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:42:20
ทุกคนคงได้เห็น จากข่าวดังในโซเชียลแล้วว่า รถยังไง มันก็เป็นแค่รถ เป็นแค่สิ่งอำนวยความสะดวก มันไม่ได้สำคัญไปกว่านั้น
ไม่มีความจำเป็นต้องเอาใจไปผูกพันธ์ ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นตัวกูของกู ของรักของหวง
รักมากก็ทุกข์มาก

พึงสังวรณ์ ไว้ สำหรับพวกที่ หมาเยี่ยวใส่ล้อ แล้วโกรธหมา จะฆ่าหมา เพราะคุณจะไม่ต่างกันกับคลิปคนดัง

หรือนกขี้ใส่ แล้วจะวางยาเบื่อนก  สังเกตุตัวเองให้ดี ว่ารถเวลามันเปรอะมันเลอะมันเป็นรอย เด็กมาขูด หมามาข่วน คุณโมโหเป็นฟืนเป็นไฟหรือป่าว  ถ้ายังเป็นอยู่ ก็รีบฝึกฝนจิตให้ สลัดความเป็นตัวกูของกูออกเสียให้หมด ไม่อย่างนั้น ตัวกูของกู มันก็จะกัดกินคุณตลอดเวลา เกิดความทุกข์ไปทั้งชาติ จนสิ้นใจ 
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: tnp_super ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:48:18
รับทราบครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: nuntapon.s ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:49:33
ผมไม่ได้จะนิพพานนะ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:57:31
เราว่าเหตุการณ์นี้แบ่งเป็น 2 ส่วนนะ
1. รถโดนชน มอไซขับหนี (ถึงแม้ว่าจะบอกว่าขับกลับมาเพื่อมาดู) อารมณ์ตอนนั้นมันคงประมาณอยากขับไปเหยียบให้มันตายด้วยซ้ำ เพราะทุกคนไม่รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนนี้เกิดไรขึ้น สมมุติว่า มอไซคันนี้ขับกวนมากเฟี้ยวไปเฟี้ยวมา แล้วก็มาชนแล้วหนี...อารมณ์คงขึ้นสุดๆอ่ะ
2. การทำร้ายร่างกาย ก็ว่่ากันไปตามหลักฐาน
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: warez ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:05:57
ผมไม่ได้จะนิพพานนะ

ถ้านับถือพุทธนะ ตามหลักแล้วถึงที่สุดคุณก็ต้องไปนิพพาน
ถึงไม่ได้จะนิพพาน ก็เป็นการฝึกอารมณ์ ผมว่าดีออก ใครจะอยากอยู่ใกล้ๆพวกขี้โมโห
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:06:21
รักรถเกินไปครับ
ยึดติดมากไป

เป็นผม ถ้าชนแล้วหนี ก็จดทะเบียน ถ่ายรูป แจ้งประกัน
ไฟท้ายแตกนี่มีประกันอยู่แล้ว เคลมได้สบายมาก คนผิดก็เป็นหน้าที่ตำรวจสืบสวนสืบจับไป ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
จับได้ก็ดี จับไม่ได้ก้ฟาดเคราะห์ไป

เราไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายเขา ไม่ว่ากรณีใดๆ
ยิ่งบังคับกราบ ยิ่งไม่ควร

ชายคนนี้ ยึดติดไปครับ
นี่แค่รถนะ
ถ้าเป็นคนที่เขารัก จะขนาดไหน?
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Harem ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:17:39
ผมรักรถนะ ล้างเคลือบสีเองตลอด แต่นกขี้ใส่ หมาฉี่ใส่ ผมก็ไม่ได้คิดทำร้ายพวกมันนะ แยกแยะได้ว่าเป็นธรรมชาติของพวกมัน ผมว่าอยู่ที่วุฒิภาวะของแต่ละคนครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:19:54
เวลาหมาฉี่ใส่ล้อผมจะแก้คืนด้วยการฉี่ใส่คืนทับที่ครับ วัดใจกันไปเลยว่ามันจะกล้าหือมาฉี่ทับรอยจ่าฝูงไหมฮ่าๆๆๆ  ;D
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: nuntapon.s ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:27:55
ผมไม่ได้จะนิพพานนะ

ถ้านับถือพุทธนะ ตามหลักแล้วถึงที่สุดคุณก็ต้องไปนิพพาน
ถึงไม่ได้จะนิพพาน ก็เป็นการฝึกอารมณ์ ผมว่าดีออก ใครจะอยากอยู่ใกล้ๆพวกขี้โมโห

นั่นแหละครับ  ประเภทเด็กมาขูดรถหรือหมามาแทะรถผมคงโกรธแหละครับ  แต่ผมมีสติมีความละอายต่อบาปผมคงไม่ไปกระชากคอใครมาต่อยแน่นอนแต่พ่อแม่หรือเจ้าของหมามันต้องมารับรู้รับผิดชอบบ้าง   ถึงกะจะให้ปล่อยวางไม่รู้สึกรู้สายิ้มรับทุกอย่างผมทำไม่ได้หรอกครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Sagittarius Toshi ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:35:23
สุนัขฉี่ใส่ล้อ ผมก็เฉยๆ ถ้าเห็นรอยหรือคราบ ผมก็ล้างซะ สุนัขที่บ้านผม นานๆกลับบ้านที บางครั้งกลับบ้านก็ไม่ได้บอกใคร แต่สุนัขมันจะจำเสียงได้ มันก็วิ่งมารับ กระโดดกระโจนใส่ตรงประตูรถ เพราะรู้ว่าเรามา มันก็ดีใจส่ายหางจนแทบจะหลุด ฉี่ราดบ้างก็มี ตอนเวลาเดินลงรถไปก็เห็นรอยเล็บที่มันกระโดดใส่รถเรา ผมไม่ได้โมโหมันนะ ดีใจที่เจอมันด้วยซ้ำ รถก็ทำสีใหม่ ลงแว็กใหม่ เคลมได้ แต่ถ้าทุบตีหมาหรือใช้วิธีเลวร้ายกว่านั้น หมาก็จะเหลือแต่ชื่อ เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้

ส่วนน้องแมว ขึ้นๆลงๆเป็นว่าเล่นแทบจะทุกวัน รถผมจอดใกล้ไฟนีออน บางทีจิ้งจกก็ตกลงมาใส่หลังรถบ้าง น้องแมวเห็นก็วิ่งขึ้นไปจับ จนทุกวันนี้นอนหลังรถให้เห็นเป็นประจำ ผมก็เฉยๆ อุ้มมันเล่นซะเลย ฮ่าๆ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปโทษสุนัขซะทีเดียว เพราะบางเหตุการณ์ สุนัขคนอื่น ของบ้านอื่นเขาปล่อยละมันออกมาขี้มาเยี่ยวใส่หน้าบ้านเรา หรือมาเยี่ยวใส่รถเรา อันนี้ควรจะต้องบอกเจ้าของสุนัขไว้ให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม บางที่เป็นเหตุฟ้องร้องกันเลยก็มี

เชื่อว่าทุกอย่างแก้ไขได้ครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: toffyearn ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:36:44
ผมว่าคนเราจะคิดยังไงมันห้ามไม่ได้หรอกคับ รักรถมากน้อย และวิธีการรักษารถก็แตกต่างกัน

การได้รถมาแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนไม่ได้ลำบากมากมายที่ได้มา แต่บางคนอาจได้มาอย่างยากลำบาก
แล้วชนิดของรถ และการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน บางคนมีใว้ใช้ บางคนมีไว้โชว์ บางคนมีไว้เก็บ

สุดท้ายแค่มีแล้วไม่สร้างความเดือดร้อนหรือปัญหาให้คนอื่นก็พอน่ะคับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Barracuda ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:47:55
ผมคงจัดการวิธีอื่น แต่ก็นะไม่เป็นเขาเราคงไม่รู้ นะตอนนั้น สติกับตัวกูของกูคงมาเต็ม
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:05:22
หมดอารมร์อยากได้รถเพราะต้องมาระแวดระวัง ต้องมาคอยปกป้อง ขับคันเก่าสบายใจ(ปลอบใจตัวเองไม่อยากเสียตังอิอิ)
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: TorTy ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:15:17
ผมไม่ได้จะนิพพานนะ

ถ้านับถือพุทธนะ ตามหลักแล้วถึงที่สุดคุณก็ต้องไปนิพพาน
ถึงไม่ได้จะนิพพาน ก็เป็นการฝึกอารมณ์ ผมว่าดีออก ใครจะอยากอยู่ใกล้ๆพวกขี้โมโห

จริงครับผมเห็นด้วยเมื่อก่อนเป็นรอยนิดรอยหน่อยคิดเซ็งอยู่นั้นสุดท้ายแก้ได้ก็แก้ไขไม้ได้ก็ปล่อยเอาไรมากขนาดร่างกายเรายังเสื่อมไปทุกๆวันเสียอารมณ์เสียเวลาเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:35:14
เอาเฉพาะกรณีนี้นะครับ จริงๆถ้าโมโหแล้วไปต่อยเค้าเรื่องคงไม่บานปลายมาก ที่ไปไกลก็เพราะเรื่องบังคับให้กราบนี่แหละถึงกับพังเลย บวกกับหลังเหตุการณ์ถ้าเค้ารีบออกมาขอโทษพร้อมรับผิดทุกอย่างและขอโอกาสแก้ตัวผมว่าเค้ายังไปต่อได้นะ แต่นี่กลับไปฟ้องคู่กรณีซะงั้นทนายว่าที่พ่อตาก็ออกมาพูดเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟเผาว่าที่ลูกเขยไปซะอีก

ของบางอย่างมันป้องกันความผิดพลาดได้ ผิดพลาดแล้วยังพอแก้ไขไม่ให้เสียหายมากได้หรือบางทีพลิกวิกฤติเป็นโอกาสก็ยังมี ซึ่งทุกอย่างต้องใช้สติและปัญญาทั้งนั้น ถ้าแก้ปัญหาไม่ดีก็มีแต่พังกับพัง
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: neutrino ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 16:00:10
ผมไม่ได้จะนิพพานนะ

ถ้านับถือพุทธนะ ตามหลักแล้วถึงที่สุดคุณก็ต้องไปนิพพาน
ถึงไม่ได้จะนิพพาน ก็เป็นการฝึกอารมณ์ ผมว่าดีออก ใครจะอยากอยู่ใกล้ๆพวกขี้โมโห
+1
ถ้าเป็นคนพุทธ ถึงคุณจะไม่อยากนิพพาน คุณก็ควรจะรู้เรื่อง อริยสัตย์4 ที่คุณพูดมาแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่รู้แม้กระทั่งความได้โอกาสในการเกิดเป็นมนุษย์นั้นสุดประเสริฐแล้ว(มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่เรียนรู้ธรรมมะได้) เพราะละจากภพมนุษย์นี้ หากยังไม่รู้อริยสัตย์4(ถ้าคุณเป็นคนพุทธ) คุณจะต้องเวียนว่ายในภูมิข้างล่างแน่นอน และเป็นกัปป์ด้วย
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: punn ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 16:10:44
ประเด็นที่มันจุดติดขนาดนี้ เพราะเบื้องลึกความรู้สึกร่วมคนเสพคือ
ชนชั้นกลาง+สูง รังแกชนชั้นรากหญ้า แฝงเข้ามาด้วย =="

ที่สำคัญเกิดวลีฮิต #กราบ.. เข้าไปอีก

การตลาดสายดาร์คนี่ต้องยกเป็นกรณีศึกษากันเลยทีเดียวนะผมว่า ฮา  8)
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: XyteBlaster ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:04:28
ประเด็นที่มันจุดติดขนาดนี้ เพราะเบื้องลึกความรู้สึกร่วมคนเสพคือ
ชนชั้นกลาง+สูง รังแกชนชั้นรากหญ้า แฝงเข้ามาด้วย =="

ที่สำคัญเกิดวลีฮิต #กราบ.. เข้าไปอีก

การตลาดสายดาร์คนี่ต้องยกเป็นกรณีศึกษากันเลยทีเดียวนะผมว่า ฮา  8)

จริงครับ .. ถ้าเป็น กระบะเก่า ๆ ลงมาตื๊บ คงไม่เป็นข่าว .. พอดีเป็น คนมีตัง ไม่รู้ว่าเป็นดาราด้วยรึเปล่า เลยดังครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: sukhontha ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:50:48
.....ผมเข้าใจเจ้าของรถ ....ถ้าคนรักรถ  เสียดายรถมาก เป็นเรื่องปกติ  แต่การควบคุมอารมณ์ไม่ดีพอ.....

   เป็นอุทาหรทั้งสองฝ่าย   เป็นผม  ก็อาจจะฟิวส์ขาดได้เหมือนกัน  แต่คงไม่ถึงกับใช้กำลัง...
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: The Mechanics of Emotions ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:15:53
หมดเลยอนาคต
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:21:32
รถเป็นของเสื่อม
ซื้อมาล้านหนึ้ง มันก็เสื่อมราคาลงเรื่อยๆ ไม่ใช่ของทรงคุณค่าอะไรเลย เมื่อเที่ยบกับจิตใจมนุษย์ ความรัก สังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ อย่างผลที่ออกมา มันคุ้มไหม
ขอให้ขับได้ ใช้การได้ ใช้ประโยชน์ได้
สักวันหนึงอยากขาย ก็ไม่เหลือราคาอะไรมาก อยากได้คันใหม่ก็ซื้อคันใหม่ก็นั้น ยิ่งรถทุกวันนี้มันเปลี่ยนง่าย

มนุษย์นี่แปลกนะ บ้านแพงกว่ารถอีก มนุษย์ยังรักรถมากกว่าบ้านอีกแนะ อารมณ์จะไม่เป็นแบบนี้นี้แน่ๆ ถ้าบ้านอะไรพังสักอย่างแล้วต้องซ่อมแซม

หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:59:04
โดน แกรมมี่ กับ TPBS ปลดหมดทุกอย่าง

อีกเคสนึง ลุงยาม โดนบนด่านประชาชื่น ไม่รู้ เคลียร์หรือยัง

https://www.youtube.com/watch?v=kJfEvgFLmBY
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 19:25:04
บอกตามตรงเบื่อมอไซด์แบบนี้มาก  เชื่อว่าไม่ไ่ด้เป็นกันทุกคน     แต่มอไซด์ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้คือชนแล้วหนี
จำได้ว่ากรณีรถลัมโบกินี่ของแม่สาย  ประภาสวัสดิ์ ก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเจอมอไซด์ชนแล้วหนี   แต่เขาไม่ไ่ด้ลงไปต่อยเหมือนกับดาราคนนี้เท่านั้นเอง                รถใครใครก็รักเพียงจะคุมอารมณ์ได้ไหม
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 21:11:13
คือเรื่องความโกรธ
รถจะราคาเท่าไหร่ เก่าใหม่ ทุกคน ผมว่าคงมีอารมณ์โกรธหมด  อย่างน้อยผมว่า ก็ไม่ใช่ดีใจแน่ๆ
ความรักรถ ก็ไม่ผิดนะครับ

แต่ที่สำคัญคือ ควบคุมอารมณ์ได้หรือเปล่า  หรือ ควบคุมได้ระดับไหน 

ผมว่าบางคนไม่ใช่โกรธอย่างเดียวหรอก + กร่าง เข้าไปด้วย

"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" ใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นยุคใดๆ



หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 22:36:07
เสี้ยววินาทีที่อารมณ์ชั่ววูบมา อนาคตอีกยาวไกล ดับไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 22:46:06
ยุคนี้มีกล้องไงทำอะไรก็ระวังๆกันหน่อยเดี๋ยวจะดังเอา อนาคตอับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: starlight ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 23:41:24
หากพูดถึงเคส กราบรถ   น่าเสียดายงานการ และคงมีผลกระทบตามมาอีกละลอก  ยุคอินเตอเน็ท สังคมลงโทษเร็วกว่า กม.

หากพูดถึง ความรักรถ เชื่อว่า เจ้าของรถส่วนใหญ่ก็แยกแยะได้ ระหว่างอารมณ์รักรถกับเหตุผล

อาจจะมีบางส่วน ที่ยึดติดมากไป  จนลืมไปว่า มันเป็นเพียงแค่ของใช้เพื่ออำนวยความสะดวกชิ้นนึงเท่านั้น  (เหมือนชองใช้หลายๆอย่างที่เรามี)

ไปใส่อารมณ์กับมันมาก ผลเสียมันจะตามมา
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Buffy ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 00:05:20
พี่ครับ พี่ไม่รู้เลยหรือว่ะ ปัจจุบัน ทุกคนมีมือถือ คนส่วนใหญ่มีกล้องหน้ารถ

จะทำอะไรกลางสาธารณะนั้น ถูกจับได้ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น หากจะทำอะไร อย่าทำที่แจ้งครับพี่

คนที่จะได้เปรียบคือคนที่ทำให้ social network สงสารกว่ากันครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: tvm ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 08:08:21
ชั่ววูงไง กว่าจะวนมอรร์เตอร์ไซค์กลับมามีเวลาแล้ว เขากลับมาก็คือไม่ได้หนี แค่นี้ ดูไม่ยาก เรื่องรักรถผมว่าไม่ใช่เรื่องหลัก อยู่ที่จิตใจคนมากกว่า นี่ถ้าเดินชนหรือเหยียบเท้าอาจจะหนักกว่านี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Neokv ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 08:57:56
ต่อให้เราอยู่ในที่ๆไม่มีกล้อง ก็ควรมีสติ
ปล่อยวางบ้าง นึกถึงคนข้างหลัง เวลาจะทำอะไร
แค่นี้ก็อยู่ในสังคมแบบมีความสุขแล้ว จิตเป็นกุศล พ่อแม่ก็มีแต่คนชื่นชม
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: joa123 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 09:32:00
สมัยเด็กๆ ได้รถ 3d eg มาคัน รักแทบแลกชีวิตได้เลย วัยเด็กน้อย>>คิดว่าเป็นสมบัติชิ้นเดียวในตอนนั้น เคยมีแมวมาสู้กันบนฝากระโปรง เคยคิดจะฆ่าแมวเลยทีเดียว ฟันคอแมวแต่เดชะบุญo O ไม่ทันแมว 

พอโตมาจุดๆหนึ่ง หาเงินได้  เริ่มมีบ้าน มีรถหลายคัน ก็มองเป็นของนอกกาย คันไหนรักก็จอดไม่ค่อยเอามาใช้ นานๆเอามาวิ่งที คันไหนใช้งานจะเป็นรอยก็เฉยๆ ไปนะครับ   
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 10:05:52
ผมเฉยๆมากกับรอยพวกนี้รถใช้งานยังไงก็ต้องมี 

ไม่ว่าซื้อมาแพงแค่ไหนถ้าใช้ก็ต้องเกิดรอย     

ถ้าซื่้อมาไม่อยากให้มีรอยก็ไม่ต้องใช้ครับง่ายนิดเดียว
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 10:24:13
พี่ครับ พี่ไม่รู้เลยหรือว่ะ ปัจจุบัน ทุกคนมีมือถือ คนส่วนใหญ่มีกล้องหน้ารถ

จะทำอะไรกลางสาธารณะนั้น ถูกจับได้ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น หากจะทำอะไร อย่าทำที่แจ้งครับพี่

คนที่จะได้เปรียบคือคนที่ทำให้ social network สงสารกว่ากันครับ

ดูเหมือน ทำอะไร ให้ทำที่มืดได้ ทำไมคิดกันอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: FisherBoy ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 12:15:12
ปัญหาคือตอนที่มาหาตำรวจพร้อมทนายนี่ละครับ มีเวลาไปนอนคิดหาทางคุย หาทางออกมา 2-3 วัน แล้วแต่ดันมาสัมภาษณ์โง่ๆแบบนั้นอีก
ทนายก็พูดเหมือนเติมน้ำมันซ้ำเข้าไปอีก
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 13:25:04
ผมรักรถนะ ล้างเคลือบสีเองตลอด แต่นกขี้ใส่ หมาฉี่ใส่ ผมก็ไม่ได้คิดทำร้ายพวกมันนะ แยกแยะได้ว่าเป็นธรรมชาติของพวกมัน ผมว่าอยู่ที่วุฒิภาวะของแต่ละคนครับ
ตามนี้เลยครับ มันเกิดได้หมดล่ะครับ
คนรักรถ กล้อง นาฬิกา มือถือ คอมพิวเตอร์ กระเป๋า บ้าน จักรยาน อื่นๆ  รักแล้วไม่ผิดนิครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 13:53:05
เอาเฉพาะกรณีนี้นะครับ จริงๆถ้าโมโหแล้วไปต่อยเค้าเรื่องคงไม่บานปลายมาก ที่ไปไกลก็เพราะเรื่องบังคับให้กราบนี่แหละถึงกับพังเลย บวกกับหลังเหตุการณ์ถ้าเค้ารีบออกมาขอโทษพร้อมรับผิดทุกอย่างและขอโอกาสแก้ตัวผมว่าเค้ายังไปต่อได้นะ แต่นี่กลับไปฟ้องคู่กรณีซะงั้นทนายว่าที่พ่อตาก็ออกมาพูดเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟเผาว่าที่ลูกเขยไปซะอีก

ของบางอย่างมันป้องกันความผิดพลาดได้ ผิดพลาดแล้วยังพอแก้ไขไม่ให้เสียหายมากได้หรือบางทีพลิกวิกฤติเป็นโอกาสก็ยังมี ซึ่งทุกอย่างต้องใช้สติและปัญญาทั้งนั้น ถ้าแก้ปัญหาไม่ดีก็มีแต่พังกับพัง

สะท้อนคุณภาพของทั้งพ่อตาลูกเขยเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: BenzParagon ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 14:57:35
ทุกคนคงได้เห็น จากข่าวดังในโซเชียลแล้วว่า รถยังไง มันก็เป็นแค่รถ เป็นแค่สิ่งอำนวยความสะดวก มันไม่ได้สำคัญไปกว่านั้น
ไม่มีความจำเป็นต้องเอาใจไปผูกพันธ์ ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นตัวกูของกู ของรักของหวง
รักมากก็ทุกข์มาก

พึงสังวรณ์ ไว้ สำหรับพวกที่ หมาเยี่ยวใส่ล้อ แล้วโกรธหมา จะฆ่าหมา เพราะคุณจะไม่ต่างกันกับคลิปคนดัง

หรือนกขี้ใส่ แล้วจะวางยาเบื่อนก  สังเกตุตัวเองให้ดี ว่ารถเวลามันเปรอะมันเลอะมันเป็นรอย เด็กมาขูด หมามาข่วน คุณโมโหเป็นฟืนเป็นไฟหรือป่าว  ถ้ายังเป็นอยู่ ก็รีบฝึกฝนจิตให้ สลัดความเป็นตัวกูของกูออกเสียให้หมด ไม่อย่างนั้น ตัวกูของกู มันก็จะกัดกินคุณตลอดเวลา เกิดความทุกข์ไปทั้งชาติ จนสิ้นใจ

นิสัยกู ผัวกู เมียกู ละวางได้หรือไม่?

ถ้าจะฝึกฝนจิต เริ่มจากจุดนี้เพิ่มก็ได้

“ไม่อย่างนั้น ตัวกูของกู มันก็จะกัดกินคุณตลอดเวลา เกิดความทุกข์ไปทั้งชาติ จนสิ้นใจ”

“หมดสิ้นรัก เมื่อหมดลมหายใจ” หรือ “รักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย"



นิสัยกู ผัวกู เมียกู พ่อแม่กู ลูกกู พี่น้องกู ญาติกู เพื่อนกู พรรคพวกพวกพ้องกู สัตว์เลี้ยงกู อื่นๆ

คนที่กูชอบ สัตว์ที่กูชอบ สิ่งมีชีวิตที่กูชอบ (แล้ว สัตว์ที่กูไม่ชอบไม่รักละ?

คนที่กูไม่ชอบไม่รักละ? สิ่งมีชีวิตที่กูไม่ชอบไม่รักละ? ฆ่าได้? ทำร้ายได้? ทำลายได้? ไม่เป็นไร?)

ขยายใหญ่ขึ้นเป็น โรงเรียนกู สถาบันกู ที่ทำงานกู บริษัทกู สมาคมกู คลับกู พรรคกู ชนชั้นกู ลัทธิกู

ศาสนากู ประเทศกู ขนบธรรมเนียมกู ประเพณีกู วัฒนธรรมกู อารยธรรมกู โลกกู อื่นๆ

ก็ยึดติดหรือยึดเหนี่ยวด้วยกันทั้งนั้น(รัก)



แล้วทำไม “คนที่รักสิ่งไม่ชีวิต” เช่น รถ เป็นต้น

ถึงได้ดูเลวร้ายในสายตาของคนที่ยึดติดยึดเหนี่ยวอะไรไว้สักอย่างหนึ่งเช่นกัน

สมมุติ รถคันนั้น เป็น รุ่นพิเศษ สั่งทำคันเดียว ไม่มีผลิตหรืออะไหล่ ชิ้นนั้นๆอีกแล้ว

หรือ กว่าจะหามาทดแทนได้ต้องเสาะแสวงหา หรือ สั่งทำใหม่ หรือ ไม่สามารถสั่งทำใหม่ได้



อะไรก็ตาม มีชีวิต และ ไม่มีชีวิต

คนหนึ่งอาจมองว่าไม่มีค่าอะไรเลย

อีกคนหนึ่งอาจมองว่ามีค่ามากมายมหาศาล



สิ่งมีชีวิต สำคัญกว่า?

ยุง มด แมง แมลงต่างๆ สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้ายอื่นๆ สัตว์อื่นๆ คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?

สัตว์ที่รับประทาน? สิ่งที่รับประทานแล้วเหลือ สัตว์สิ่งมีชีวิตที่คุณเหลือรับประทาน จนต้องมีตู้เย็น

บางทีเหลือรับประทานเยอะเกินแช่ไว้จนเน่าทิ้ง คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?

ต้นไม้ คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?



รัก จะรักอะไรก็คือ รัก

รักสิ่งมีชีวิต หรือ รักสิ่งไม่มีชีวิต ก็คือ รัก

แม้แต่กระทั่ง รักสิ่งมีชีวิต ด้วยกัน ก็ยังมีเลือกรัก

รักคนนี้มากกว่าคนนี้ ชอบคนนี้มากกว่าคนนี้

รักสัตว์ตัวนี้มากกว่าตัวนี้ ชอบสัตว์ตัวนี้มากกว่าตัวนี้

รักสัตว์ชนิดนี้มากกว่าสัตว์ชนิดนี้ ชอบสัตว์ชนิดนี้มากกว่าชนิดนี้

แบ่งแยก สิ่งที่ไม่ชอบไม่รักให้ ดูแย่ ดูเลวร้าย ดูชั่วร้าย ดูผิดแปลก ดูแตกต่าง ออกไปอยู่ดี

คนรักต่างเพศ คนส่วนใหญ่บอก ถูกต้อง ดี ธรรมชาติ

รักหมา รักแมว รักสัตว์อื่นๆ บอก อุ๊ยดี น่ารักจัง จิตใจโอบอ้อมอารี ดูเป็นคนอบอุ่นจิตใจดี

ทั้งที่ๆสัตว์อื่นๆ อยู่ต่างSpecies ต่างสายพันธุ์ รักข้ามสายพันธุ์ด้วยซ้ำ

ยังชื่นชมกันได้ มีออกกฎหมายมาคุ้มครองกันเยอะแยะเต็มไปหมด

กลับกัน คนรักเพศเดียวกัน Speciesเดียวกัน สายพันธุ์เดียวกันแท้ๆ

คนส่วนใหญ่บอก ไม่ถูกต้อง ไม่ดี ผิดธรรมชาติ ไม่สามารถชื่นชมออกนอกหน้าได้

บางสัมคมยังไม่สามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยได้เหมือนคนรักต่างเพศ

บางสังคมยังไม่มีกฎหมายออกมาให้คนรักเพศเดียวกัน เหมือนสัตว์ต่างSpeciesด้วยซ้ำ



ถ้าจะไม่ยึดติด ก็ไม่ยึดติดให้หมด อย่าเลือกยึดติด

เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เขาเลือกจะยึดติด

หรือ ยึดเหนี่ยวอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง เช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: alpha14 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 15:11:17
การใช้กำลังทำร้ายร่างกายเค้าก่อนย่อมทำให้เป็นผู้ร้ายในสายตาคนไปในทันที ทั้งที่เขาไม่มีท่าทีจะต่อสู้หรือชักอาวุธ น้องพลาดอย่างร้ายแรงทั้งเป็นดาราที่คนรู้จัก ถึงแม้จะไม่ดังมากนัก แต่คนเห็นทังประเทศ มิหนำซ้ำยังบังคับขืนใจเขาให้กราบ คาราวะคำนับรถแสนรักที่เป็นรุ่นล่างสุดราคาเกินล้านนิดเดียว! ทำให้คนที่ขับรถหรูที่แพงกว่าเยอะต้องหมั่นใส้และสมเพชในตัวน้อง (ที่เพิ่งมีตัง) เขาจึงรับไม่ได้ ถึงน้องจะออกมาแก้ตัวว่าเขาหนีหรือโมโหสุดขีด แต่การบังคับให้เขา"กราบรถ"นี่มันละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นคน ถ้าเขาบังคับให้คุณต้องกราบรองเท้าคุณจะกราบมั๊ย ถามที
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: banch ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 20:34:28
รถคือยานพาหนะ

ซื้อมาใช้งาน คงหนีไม่พ้นที่จะเฉี่ยว จะชน จะบุบ จะถลอก ไปบ้าง

ตราบใดที่เครื่องยังทำงาน พวงมาลัยยังบังคับทิศทางได้ ยังเบรกอยู่ แอร์ยังเย็น ไฟยังสว่าง พาไปถึงจุดหมายได้ ก็ถือว่ามันยังทำหน้าที่ของมันได้
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 21:03:42
ทุกคนคงได้เห็น จากข่าวดังในโซเชียลแล้วว่า รถยังไง มันก็เป็นแค่รถ เป็นแค่สิ่งอำนวยความสะดวก มันไม่ได้สำคัญไปกว่านั้น
ไม่มีความจำเป็นต้องเอาใจไปผูกพันธ์ ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นตัวกูของกู ของรักของหวง
รักมากก็ทุกข์มาก

พึงสังวรณ์ ไว้ สำหรับพวกที่ หมาเยี่ยวใส่ล้อ แล้วโกรธหมา จะฆ่าหมา เพราะคุณจะไม่ต่างกันกับคลิปคนดัง

หรือนกขี้ใส่ แล้วจะวางยาเบื่อนก  สังเกตุตัวเองให้ดี ว่ารถเวลามันเปรอะมันเลอะมันเป็นรอย เด็กมาขูด หมามาข่วน คุณโมโหเป็นฟืนเป็นไฟหรือป่าว  ถ้ายังเป็นอยู่ ก็รีบฝึกฝนจิตให้ สลัดความเป็นตัวกูของกูออกเสียให้หมด ไม่อย่างนั้น ตัวกูของกู มันก็จะกัดกินคุณตลอดเวลา เกิดความทุกข์ไปทั้งชาติ จนสิ้นใจ

นิสัยกู ผัวกู เมียกู ละวางได้หรือไม่?

ถ้าจะฝึกฝนจิต เริ่มจากจุดนี้เพิ่มก็ได้

“ไม่อย่างนั้น ตัวกูของกู มันก็จะกัดกินคุณตลอดเวลา เกิดความทุกข์ไปทั้งชาติ จนสิ้นใจ”

“หมดสิ้นรัก เมื่อหมดลมหายใจ” หรือ “รักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย"



นิสัยกู ผัวกู เมียกู พ่อแม่กู ลูกกู พี่น้องกู ญาติกู เพื่อนกู พรรคพวกพวกพ้องกู สัตว์เลี้ยงกู อื่นๆ

คนที่กูชอบ สัตว์ที่กูชอบ สิ่งมีชีวิตที่กูชอบ (แล้ว สัตว์ที่กูไม่ชอบไม่รักละ?

คนที่กูไม่ชอบไม่รักละ? สิ่งมีชีวิตที่กูไม่ชอบไม่รักละ? ฆ่าได้? ทำร้ายได้? ทำลายได้? ไม่เป็นไร?)

ขยายใหญ่ขึ้นเป็น โรงเรียนกู สถาบันกู ที่ทำงานกู บริษัทกู สมาคมกู คลับกู พรรคกู ชนชั้นกู ลัทธิกู

ศาสนากู ประเทศกู ขนบธรรมเนียมกู ประเพณีกู วัฒนธรรมกู อารยธรรมกู โลกกู อื่นๆ

ก็ยึดติดหรือยึดเหนี่ยวด้วยกันทั้งนั้น(รัก)



แล้วทำไม “คนที่รักสิ่งไม่ชีวิต” เช่น รถ เป็นต้น

ถึงได้ดูเลวร้ายในสายตาของคนที่ยึดติดยึดเหนี่ยวอะไรไว้สักอย่างหนึ่งเช่นกัน

สมมุติ รถคันนั้น เป็น รุ่นพิเศษ สั่งทำคันเดียว ไม่มีผลิตหรืออะไหล่ ชิ้นนั้นๆอีกแล้ว

หรือ กว่าจะหามาทดแทนได้ต้องเสาะแสวงหา หรือ สั่งทำใหม่ หรือ ไม่สามารถสั่งทำใหม่ได้



อะไรก็ตาม มีชีวิต และ ไม่มีชีวิต

คนหนึ่งอาจมองว่าไม่มีค่าอะไรเลย

อีกคนหนึ่งอาจมองว่ามีค่ามากมายมหาศาล



สิ่งมีชีวิต สำคัญกว่า?

ยุง มด แมง แมลงต่างๆ สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้ายอื่นๆ สัตว์อื่นๆ คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?

สัตว์ที่รับประทาน? สิ่งที่รับประทานแล้วเหลือ สัตว์สิ่งมีชีวิตที่คุณเหลือรับประทาน จนต้องมีตู้เย็น

บางทีเหลือรับประทานเยอะเกินแช่ไว้จนเน่าทิ้ง คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?

ต้นไม้ คิดอย่างไรกับ 1ชีวิตเหล่านี้?



รัก จะรักอะไรก็คือ รัก

รักสิ่งมีชีวิต หรือ รักสิ่งไม่มีชีวิต ก็คือ รัก

แม้แต่กระทั่ง รักสิ่งมีชีวิต ด้วยกัน ก็ยังมีเลือกรัก

รักคนนี้มากกว่าคนนี้ ชอบคนนี้มากกว่าคนนี้

รักสัตว์ตัวนี้มากกว่าตัวนี้ ชอบสัตว์ตัวนี้มากกว่าตัวนี้

รักสัตว์ชนิดนี้มากกว่าสัตว์ชนิดนี้ ชอบสัตว์ชนิดนี้มากกว่าชนิดนี้

แบ่งแยก สิ่งที่ไม่ชอบไม่รักให้ ดูแย่ ดูเลวร้าย ดูชั่วร้าย ดูผิดแปลก ดูแตกต่าง ออกไปอยู่ดี

คนรักต่างเพศ คนส่วนใหญ่บอก ถูกต้อง ดี ธรรมชาติ

รักหมา รักแมว รักสัตว์อื่นๆ บอก อุ๊ยดี น่ารักจัง จิตใจโอบอ้อมอารี ดูเป็นคนอบอุ่นจิตใจดี

ทั้งที่ๆสัตว์อื่นๆ อยู่ต่างSpecies ต่างสายพันธุ์ รักข้ามสายพันธุ์ด้วยซ้ำ

ยังชื่นชมกันได้ มีออกกฎหมายมาคุ้มครองกันเยอะแยะเต็มไปหมด

กลับกัน คนรักเพศเดียวกัน Speciesเดียวกัน สายพันธุ์เดียวกันแท้ๆ

คนส่วนใหญ่บอก ไม่ถูกต้อง ไม่ดี ผิดธรรมชาติ ไม่สามารถชื่นชมออกนอกหน้าได้

บางสัมคมยังไม่สามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยได้เหมือนคนรักต่างเพศ

บางสังคมยังไม่มีกฎหมายออกมาให้คนรักเพศเดียวกัน เหมือนสัตว์ต่างSpeciesด้วยซ้ำ



ถ้าจะไม่ยึดติด ก็ไม่ยึดติดให้หมด อย่าเลือกยึดติด

เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เขาเลือกจะยึดติด

หรือ ยึดเหนี่ยวอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง เช่นกันครับ

ผมว่าถ้าฝ่ายมอเตอร์ไซค์ดูรวย ขับบิ๊กไบค์หรือ BMW bike
พิธีกรคนนี้คงไม่ใส่อารมณ์แบบจัดเต็มแบบนี้แน่ๆ
เพราะแบบนี้มันเหมือนกดคนอื่นที่ด้อยกว่ามากไปยังไงล่ะครับ
ส่วนเรื่องรักรถมากก็เป็นอีกเรื่อง จะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ มันก็โอเคนะ
ผมไม่รวมสองเรื่องเข้าด้วยกัน ผมก็เลยเข้าใจคนส่วนใหญ่ที่โมโหพิธีกรคนนี้ครับ
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: Buffy ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 23:08:36
พี่ครับ พี่ไม่รู้เลยหรือว่ะ ปัจจุบัน ทุกคนมีมือถือ คนส่วนใหญ่มีกล้องหน้ารถ

จะทำอะไรกลางสาธารณะนั้น ถูกจับได้ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น หากจะทำอะไร อย่าทำที่แจ้งครับพี่

คนที่จะได้เปรียบคือคนที่ทำให้ social network สงสารกว่ากันครับ

ดูเหมือน ทำอะไร ให้ทำที่มืดได้ ทำไมคิดกันอย่างนั้น


หากคุณเป็นดารา อย่าสูบบุหรี่ให้คนอื่นเห็น  สูบที่บ้านคุณ...........นั้นคือ อย่าทำอะไรในที่แจ้ง

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ดีตลอดเวลา 24 ชั่วโมง มันต้องมีเวลาที่หลุด ที่พลั้งเผลอบ้าง

แต่พอถึงเวลานั้น หากจะหลุด จะพลั้งเผลอ อย่าไปที่สาธารณะ อย่าไปในที่แจ้งให้คนอื่นเห็น  หากจะเมาเหล้าอย่าไปขับรถในที่แจ้งที่สาธารณะ เมาเหล้าอยู่บ้าน อย่าให้ใครเห็น

นั้นคือความคิดที่แจ้งที่ผมอ้างถึงน่ะครับ

ส่วนจะตีความกันอย่างไร ก็แล้วแต่
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: alpha14 ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 09:50:26
ทุกคนมีสิทธิ์โมโหฟิวส์ขาด จนเกิดการชกต่อยได้ เป็นผมโดนชนแล้ว(ถ้าหนีไปและถูกจับได้)ก็อาจมีการทำร้ายร่างกาย ก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่ผมจะไม่บังคับให้เขาต้องมา"กราบรถ"! มันแสดงออกถึงการเหยียดหยามความเป็นคน เหยียดหยามฐานะและชนชั้น ตรงนี้ต่างหากที่สังคมรับไม่ได้ถึงขั้นไม่ให้อภัยกันเลยทีเดียว แล้วคนที่เคยร่วมงานก็ออกมาปกป้องบอกว่าน้องเขานอบน้อม นิสัยดีอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ใช่สิครับอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขาย่อมนอบน้อบต่ออยู่แล้ว เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเรตติ้ง แต่กับคนที่ต่ำกว่าเมื่อไหร่สันดานในตัวก็ออกมากดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรง นี่แหละผลของการกระทำของคุณ ไม่มีที่ยืนในสังคมมันเจ็บปวดแค่ไหน
หัวข้อ: Re: อุทาหรณ์ คนรักรถ เหยื่อของความเป็นตัวกู ของกู
เริ่มหัวข้อโดย: peterW ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 09:59:57
แปลกใจอยู่อย่าง   ทำไม เพื่อน ที่มาด้วย ไม่ห้าม หรือ ทำให้เขาลดอารมณ์ลง

เพราะ ตัวเพื่อน ไม่ได้อยู่ในสภาวะขาดสติ  น่าจะคิดได้  แต่กลับไม่ทำ