Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ ธันวาคม 09, 2016, 03:15:01
-
ในช่วง1ปี มานี้ ผมได้อ่านกระทู้ของผู้ที่ซื้อรถเบนซ์มาใช้ แล้วมีปัญหา เยอะมากในอินเตอร์เน็ต
หลายกระทู้ผมอ่านแล้วก็สงสารเจ้าของรถมากๆ ล่าสุดเกษตรกรเก็บเงินมาทั้งชีวิตได้3ล้านกว่า เอาไปซื้อรถเบนซ์ E300 บลูเทคไฮบริดได้5เดือนแล้วเครื่องยนต์ดับสตาร์ทไม่ติด ต้องถูกรื้อรถด้านหน้าออกมาหมดเลย
ผมเลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เกี่ยวกับความเข้าใจผิดของคนทั่วไปเกี่ยวกับรถ Benz
ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นเซียนอะไร เพียงแต่ผมโชคดีที่เกิดในตระกูลที่บ้ารถกันทั้งตระกูล ตั้งแต่รถอีโค่คาร์ไปจนถึงปอเช่มาคัน ก็ได้สัมผัสมาหมดแล้ว และได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆจากประสบการณ์ใช้จริงของทั้งตัวเอง และ ญาติในบ้าน
และตัวผมเองผ่านปัญหามาเยอะมาก จ้างทนาย และ ร้องเรียน สคบ ผมทำมาหมดแล้ว นั่งเคลียร์ปัญหากับผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ก็เคยมาแล้ว ปวดหัวมาก และกล้าพูดว่าที่นี่คือประเทศไทย สิทธิผู้บริโภคเรายังด้อย ร้องเรียนไปสิ่งที่ได้มามีแค่อย่างเดียว คือ เสียเวลา คุณเคยเห็นใครได้เปลี่ยนรถบ้าง เวลารถมีปัญหา
ผมรู้นะว่า benz อ่ะเป็นรถในฝันของคนทั่วโลก ดังนั้นทุกคนที่ไม่เคยสัมผัส จะตั้งความหวังไว้กับมันสูงมากๆ
รถ benz คันแรกที่คุณเก็บเงินซื้อได้สำเร็จ มันเหมือนรางวัลของชีวิตที่คุณรอมานาน
และสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถ benz ก็คือ คิดว่ารถคันละ3-4ล้าน จะต้องไม่มีปัญหา
ตรงนี้แหละคือประเด็น ที่คนไม่เคยใช้รถยุโรป จะตั้งความหวังไว้กับรถเบนซ์คันแรกสูงมากๆ
ปัญหาที่เคยเจอในรถญี่ปุ่นคันเก่าคันละ9แสน มันต้องไม่น่ามีในรถคันละ 4ล้าน นี่คือความเข้าใจของคนทั่วไป อันจะนำไปสู่ความผิดหวัง
เมื่อซื้อรถเบนซ์มาแล้ว พบว่ามันมีปัญหามากกว่ารถญี่ปุ่นที่เคยใช้ และสิ่งที่เคยวาดฝันไว้ พอความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถ้าใครติดตาม Consumer report ของอเมริกา จะเห็นว่าแต่ละปีจะมีรายงานเรื่องปัญหาความจุกจิกของรถยนต์
เขามีระบบการประเมินและเก็บข้อมูล จำนวนครั้งที่ลูกค้าต้องนำรถเข้าศูนย์ไปแก้ปัญหาในแต่ละปี ผลสรุปคือ รถญี่ปุ่นจุกจิกน้อยกว่ารถยุโรป
ตรรกะของคนทั่วๆไป คือ รถที่แพงกว่ามันต้องดีกว่าสิ
อันนี้ใช่ครับ รถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่นในเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัย การขับขี่ พวกนี้เหนือกว่ารถญี่ปุ่นครับ
ถ้าคุณคาดหวังสิ่งเหล่านี้เมื่อซื้อรถคันละ4ล้าน มันให้คุณได้แน่นอน
แต่ถ้าใครไปคาดหวังว่ารถมันจะไม่มีปัญหา หรือ ไม่จุกจิก และต้องไม่มีอะไรเสียอะไรทำนองนี้
ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ครับ ถ้าความจุกจิก ความไม่อยากพบเจอปัญหา คือหัวใจหลักที่คุณต้องการ ไปซื้อรถญี่ปุ่นดีกว่าครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเห็นกระทู้ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ผมเห็นใจเจ้าของรถนะ ผมเข้าใจความคาดหวังของพวกเขา
ทุกคนพูดประโยคเดียวกันหมด รถคันละ3-4ล้าน ไม่คิดว่าเจอปัญหาเครื่องดับ ,ลมเข้า ,น้ำเข้า และปัญหาจุกจิกอื่นๆอีก
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถเบนซ์ นี่แหละครับคือปัญหา
ผมจำได้ว่าในอดีตมันมีปัญหาน้อยกว่านี้นะ เพราะตอนเด็กๆผมนั่ง E190 ทุกวันไปโรงเรียน ตลอดช่วงเวลาที่พ่อผมใช้จนขายทิ้ง ไม่เคยมีปัญหาจุกจิกเลย แต่ตั้งแต่ C180 เป็นต้นมาปัญหาโคตรเยอะเลย ตอนหลังขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม
รถเบนซ์ เมื่อก่อนบ้านผมขายทิ้ง เพราะอยากเปลี่ยนคันใหม่
แต่ C180 ขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม ตอนหลังมันมากลายเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่ารถเบนซ์มันมีปัญหาอยู่ยี่ห้อเดียวนะครับ รถญี่ปุ่นก็มีครับ
แต่คนทั่วไปเข้าใจผิดว่ารถแพงๆมันจะไม่มีปัญหา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมพบเจอมา บอกได้ว่ามันไม่จริง
ดังนั้นถ้าใครที่ยังไม่เคยซื้อรถเบนซ์ และคิดจะซื้อ สิ่งที่ต้องคุณควรรู้ ก็คือ มันมีโอกาสอย่างมากที่คุณจะพบปัญหาแบบเดียวกับที่คุณพบในรถญี่ปุ่นคันเก่าที่คุณใช้อยู่ หรืออาจจะพบปัญหาที่ไม่เคยพบก็ได้
สุดท้ายในฐานะผู้บริโภคเหมือนกัน ผมคิดว่าสิทธิผู้บริโภคในประเทศไทยมันน้อยมาก เราไม่เคยได้รับการคุ้มครองจริงๆ และสคบ ก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่เคยช่วยอะไรเราได้จริงๆ ความเสี่ยงทั้งหมดถูกผลักมาที่ผู้บริโภค ผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอะไรเลยจากรัฐ
ในขณะที่น้ำส้มคั้นขวดละสิบบาท ถ้าคุณพบว่าคนขายเอาน้ำเปล่าผสม คุณสามารถฟ้องร้องต่อรัฐได้ และสำเร็จมาแล้ว
ไส้กรอกไม้ละ5บาท ถ้าคุณพบว่ามีดินประสิวปน ก็ร้องเรียนทาง อย.ได้ และ อย.จะเข้ามาจัดการ
แต่รถยนต์คันละ3-4ล้าน ถ้าซื้อมาแล้วเครื่องดับสตาร์ทไม่ติด รัฐจะไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้
สิ่งเหล่านี้บอกเราว่า รัฐคุ้มครองเราได้เพียงสินค้าข้างถนนเท่านั้น และรัฐกล้าจัดการได้แต่แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้ละ5บาท กับแม่ค้าขายน้ำส้มคั้นริมถนน
สิทธิผู้บริโภคของคุณจะแปรผกผันกับราคาสินค้า ยิ่งคุณซื้อของแพงเท่าไร สิทธิผู้บริโภคของคุณยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น
แต่ สคบ จะแข็งแกร่งขึ้นมาทันที เมื่อต้องเจอกับแม่ค้าขายหมูปิ้ง แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้
นี่คือความจริงทั้งหมดที่คุณควรรู้ไว้ ก่อนซื้อรถเบนซ์คันแรก
-
ขอบคุณครับที่มาแชร์ประสพการณ์
-
ขอบคุณท่านมากครับ และนั่นก็เป็นสิ่งที่คนที่อยากเก็บเงินออกรถยุโรปคันแรกในชีวิตเช่นผมกังวลเหมือนกันครับ
ราคาเริ่มถูกลงมาใกล้รถญี่ปุ่น จนน่ากัดฟันออกมาใช้เสียนี่กระไร
แต่ที่อ่านมา ถ้าไม่รวยจริงค่าใช้จ่ายระหว่างใช้งานอาจทำให้จุกได้ในหลายๆช่วงเวลาของชีวิต
สุดท้ายคนเดินดินอย่างเราก็คงต้องใช้รถญี่ปุ่นต่อไปครับ
แฟนอยากได้ CountryMan มาก ตอนนี้เลยพยายามกล่อมเธอด้วย All New CX-5 สีแดงแทน (เริ่มใจอ่อนละ 555)
8) 8) 8) 8) 8) 8)
-
ขอบคุณที่แชร์ครับ
กฎหมาย และผู้รักษากฎหมายบ้านเรามันไม่แข็งแรงจริง แต่สิ่งสำคัญคือชื่อเสียงของเบนซ์เองจะเสียหายจากปากคนใช้รถเองที่บอกต่อกันไป รอดูแค่ว่าระหว่างเรื่องนี้กับภาพลักษณ์ผู้ใช้รถจะเลือกอะไร
-
ลองญี่ปุ่นใส่นั่นนี่เข้าไปเยอะแยะ มันก็จะเป็นแบบเดียวกันครับ
ยิ่งระบบซับซ้อนมากเท่าไร ก็ยิ่งอ่อนไหวมากเท่านั้น ไม่ใช่ของแปลก เพราะมันไม่ใช่ w 124 อีกแล้ว
-
เบนซ์เป็นรถในฝันของหลายๆคนรวมถึงคุณพ่อผมด้วย จนสุดท้ายได้ตัดสินใจซื้อ e300 hybrid ตั้งแต่ปี2014 ในเวลา 2ปี เคลมบ่อยมาก แบตสตาร์ทแบตลูกเล็ก แบตไฮบริด เซนเซอร์นั่นนี่ ขับๆอยู่ไฟก็ขึ้นทั้งหน้าปัด จนตอนนี้ออกต่างจังหวัดใช้รถญี่ปุ่นแทน(ที่บ้านมี isuzu dmax,cx5,accord 2.0) 3คันนี้ไม่เคยเสียหรือมีปัญหาจุกจิกเลย ตอนนี้บ้านผมเข็ดกับรถตราดาวมาก ไม่รู้ใช้ไปจะมีปัญหาอีกเมื่อไหร่
-
จริงที่ว่า คนคาดหวังว่า ราคา 3-4 ล้านจะ perferct
-
นี่แหละ สาเหตุหลักที่ผมไม่มองเบนซ์และรถพรีเมี่ยมยุโรปเท่าไร รถพรีเมี่ยมที่อยากได้มียี่ห้อเดียวคือ Lexus แต่ติดตรงที่ภาษีแพงไป ไม่คุ้ม
ปล. ผมเคยเห็นคนได้เปลี่ยนรถ ซื้อคืนนะ แต่เค้าทำสัญญากับบริษัทรถว่าจะไม่เปิดเผยไงล่ะ คุณเลยไม่เคยเห็นออกสื่อ
-
สำหรับผมอาจจะแตกต่างกับ เจ้าของกระทู้เยอะเลยครับ
ที่เคยใช้มา ที่คนไทยส่วนใหญ่มองว่าพรีเทียม
ผมไม่เคยเจอปัญหาdefect ที่แก้ไม่ได้หรือปัญหาอะไรใหญ่โต
มีแต่ขับไม่ถุกใจ และความคาดหวังมากเกินไปครับ
แต่หากจะspecific เป็นรุ่นปี หลัง2012 อันนี้ผมไม่แน่ใจละกัน
W124
525 E60
W212
สำหรับผม ผมมีเจอปัญหากับรถใหม่ของญี่ปุ่น เมกา มากกว่าครับ
-
มันก้อปลอดภัยกว่า เบรคดีกว่า เครื่องแรงกว่า ดูหรูกว่า
ส่วนค่าบำรุงก้อแพงกว่า defect ย่อมมีเหมือนรถทั่วไปครับ แหะๆ
-
รัฐคงกลัวกระทบเรื่องการลงทุนในระดับชาติมากกว่านะ จึงไม่กล้าเด็ดขาดกับบริษัทรถ เอ้ะหรือว่าเขาจะเป็นพวกเดียวกัน
-
ผิดแล้วครับที่นี่ใช่ประเทศไทยที่ไหน ที่นี่บราซิลครับ!!! ;D ;D ;D
-
สุดท้ายในฐานะผู้บริโภคเหมือนกัน ผมคิดว่าสิทธิผู้บริโภคในประเทศไทยมันน้อยมาก เราไม่เคยได้รับการคุ้มครองจริงๆ และสคบ ก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่เคยช่วยอะไรเราได้จริงๆ ความเสี่ยงทั้งหมดถูกผลักมาที่ผู้บริโภค ผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอะไรเลยจากรัฐ
ในขณะที่น้ำส้มคั้นขวดละสิบบาท ถ้าคุณพบว่าคนขายเอาน้ำเปล่าผสม คุณสามารถฟ้องร้องต่อรัฐได้ และสำเร็จมาแล้ว
ไส้กรอกไม้ละ5บาท ถ้าคุณพบว่ามีดินประสิวปน ก็ร้องเรียนทาง อย.ได้ และ อย.จะเข้ามาจัดการ
แต่รถยนต์คันละ3-4ล้าน ถ้าซื้อมาแล้วเครื่องดับสตาร์ทไม่ติด รัฐจะไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้
สิ่งเหล่านี้บอกเราว่า รัฐคุ้มครองเราได้เพียงสินค้าข้างถนนเท่านั้น และรัฐกล้าจัดการได้แต่แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้ละ5บาท กับแม่ค้าขายน้ำส้มคั้นริมถนน
สิทธิผู้บริโภคของคุณจะแปรผกผันกับราคาสินค้า ยิ่งคุณซื้อของแพงเท่าไร สิทธิผู้บริโภคของคุณยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น
แต่ สคบ จะแข็งแกร่งขึ้นมาทันที เมื่อต้องเจอกับแม่ค้าขายหมูปิ้ง แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้
นี่คือความจริงทั้งหมดที่คุณควรรู้ไว้ ก่อนซื้อรถเบนซ์คันแรก
เป็นความจริงที่น่าเศร้า ในยุคที่เงินคือความถูกต้องเฉกเช่นในปัจจุบันนี้
ส่วนตัวผมการทำตัวให้เล็กที่สุด เป็นทางออกที่พึงทำได้ดีที่สุดในยุคเสื่อมเช่นทุกวันนี้ครับ ใช้ชีวิตอยู่กับตนเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ อยู่กับครอบครัว
ให้น้ำหนักกับวัตถุให้น้อยลง เท่าที่พึงกระทำได้ มองให้ออกว่าสิ่งไหนสำคัญ และมีคุณค่าอย่างแท้จริงกับชีวิตเรา
อาจอ่านดูแล้วไม่เกี่ยว แต่ถ้าทำได้ จะเบาขึ้นอีกมากครับ
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
-
กำลังจะได้คันที่ 2 หวังว่าจะดีเหมือนคันแรก 5 ปี ไม่มีปัญหาเลย
-
ผมอ่านมาม่าในพันดริฟบ่อย กะยี่ห้อนี้
-
ลองญี่ปุ่นใส่นั่นนี่เข้าไปเยอะแยะ มันก็จะเป็นแบบเดียวกันครับ
ยิ่งระบบซับซ้อนมากเท่าไร ก็ยิ่งอ่อนไหวมากเท่านั้น ไม่ใช่ของแปลก เพราะมันไม่ใช่ w 124 อีกแล้ว
ผมว่าไม่ใช่นะ
Consumer report เขาเก็บข้อมูลของคนที่ซื้อรถไปใช้แล้ว นำมาวิเคราะห์ทางสถิติ แล้วรายงานผลออกมา
Lexus ก็ยังติดอันดับต้นๆ ของรถที่ไม่จุกจิกอยู่ดี
ทั้งๆที่เทคโนโลยีมันก็พอกับยุโรปนั่นแหละ
-
ตอนแรกก็สนใจครับ แต่พอหาข้อมูลลึกๆ พี่ๆที่เคยใช้บอกว่า E Coupe , C Coupe แกซ่อมจนเบื่อ จนแกใช้ Camry แทนละ อุ่นใจกว่า
จะบอกว่าซับซ้อนกว่าเลยทำให้จุกจิก ผมว่าไม่เกี่ยว ทำไมขอบยางรถคันละสี่ล้าน น้ำรั่วเข้ารถ ขณะที่ Ecocar คันละไม่กี่แสนมันไม่เป็น
หลอด LED ไฟท้ายเสียใน Benz ทั้งๆที่ แท็กซี่ Altis วิ่งกันเกลื่อนเมืองก้ใช้ ไฟท้าย หลอด LED เหมือนกัน
ผมว่ารถจากเยอรมัน เท่าที่รู้จัก Porsche นี่น่าจะได้ยินปัญหาน้อยสุดน่ะ ส่วน BMW Benz สาหัสหนักหนาเอาเรื่องเลย
ไม่รู้ตอนนี้ BMW ยังใช้นโยยายน้ำมันเกียรสุดล้ำ อายุการใช้งานตลอดชีพ(BSI) ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร ให้มันพังไปพร้อมเกียร์แล้วเปลี่ยนถ่ายทีเดียวอยู่หรือเปล่า
-
เคส Benz ที่เป็นเรื่องใหญ่โต ส่วนใหญ่ศูนย์บริการแทบจะเป็นต้นเหตุเกือบทั้งหมด ถ้าศูนย์บริการดูแลดีรีบจัดการแก้ไขให้จบเรื่องโดยเร็ว ปัญหาจะไม่ลุกลามขนาดนี้ หลายเคสนี่ชื่อศูนย์เจ้าปัญหาซ้ำๆ เดิมๆ
แน่นอนแหละคนซื้อรถระดับราคานี้ก็คาดหวังสูงมากหรือมากที่สุด บางคนนี่ซื้อแบบไม่หาข้อมูลเลยด้วยซ้ำ เจอ Service A ราคาหลักหมื่นก็โวยออกสื่อกันแล้ว ทั้งที่เป็นเรื่องปกติ
-
ปัญหาหลายอย่างก็เป็นที่การออกแบบหรือการพัฒนาของ MB เองครับ เช่น W205 ประตูดัง หรือเสียงลม เป็นปัญหาทั่วโลก
แต่ที่เจอ ซึ่งผมเองจะเช็คกับหลายศูนย์ คือ เมื่อเกิดปัญหากับตัวรถขึ้น MB ไม่มีการแจ้งไปที่ศูนย์บริการ ทางศูนย์ต้องหาทางแก้ปัญหากันเอง
กว่า MB จะแจังก็ใช้เวลานานบางปัญหาใช้เวลาเป็นปี และเมื่อมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นทางการแล้ว
บางศูนย์กลับไม่ทราบว่ามีวิธีแก้แล้ว หรือบางปัญหาก็แก้ไขไม่เหมือนกัน
และเป็นธรรมดาที่คนทั่วไปที่ยังไม่ใช้ MB ก็คงคาดหวังไว้มาก เพราะคิดว่าราคามันสูงกว่าก็ควรจะดีกว่ารถญี่ปุ่น
ผมใช้ทั้ง MB และ BMW รวม 4 รุ่น กับรถญี่ปุ่นด้วย ผมจะบอกกับคนอื่นๆ เสมอว่าอย่าคาดหวังกับ MB
โดยส่วนตัวรถญี่ปุ่นใช้ดีกว่ามาก ในชีวิตประจำวันผมเลือกใช้รถญี่ปุ่นมากกว่าด้วยซ้ำ
เพื่อนผมหลายคนก็รู้ว่ามันสู้ญี่ปุ้นไม่ได้ แต่ซื้อเพราะตราดาว นี่แหละ จะเจอปัญหากันยังไงก็ซื้ออยู่ดี เพราะยี่ห้อ
คนที่ใช้ MB แล้ว ไม่เจอปัญหา ผมถือว่าโชคดีมาก คงทำบุญมาดี
บางอย่างที่ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความตั้งใจ ซึ่งควรแก้ไขเมื่อมาขายที่ไทยมีหลายจุด เช่น ระบบแอร์ (จุดนี้ BMW ก็เคยมีปัญหา แต่ตอนนี้ปรับปรุงมาแล้ว ถือว่าดี)
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
การออกเสียงขึ้นอยู่กับท้องที่ครับ คนไทยจะออกเสียง เมอ เซ เดส ก็ไม่ผิด เพราะภาษาไทยสำเนียงอังกฤษจะตีความ e เป็น สระเอกับอี จะออกเสียงยังไงก็ได้ให้คนท้องถิ่นเป็นที่เข้าใจ
ถ้าจะเอาตามการออกเสียงต้นฉบับจริงๆ ต้องออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส เพราะภาษาเยอรมันออกเสียง ER เป็น แอร์ หรืออย่าง Mercedes AMG ก็ออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส-อา-เอม-กี ซึ่งคุณไปบอกเซลว่าอยากซื้อรุ่นอาเอมกี คิดว่าเค้าจะงงมั้ยครับ คือมันถูก แต่มันไม่ Localized ใช้สื่อสารไม่ได้ก็ถือว่าไม่ถูกครับ
หรือถ้าจะเอาเป็น American English มันก็ออกเสียง เมอร์-ซี-ดีส อยู่ดี ไม่ได้ออกเสียง เมอร์เซดีสอย่างที่คุณเข้าใจ
-
เห็นด้วยครับ อยากให้มีเวทีให้คนอื่นๆรู้ก่อนซื้อเหมือนกัน
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
การออกเสียงขึ้นอยู่กับท้องที่ครับ คนไทยจะออกเสียง เมอ เซ เดส ก็ไม่ผิด เพราะภาษาไทยสำเนียงอังกฤษจะตีความ e เป็น สระเอกับอี จะออกเสียงยังไงก็ได้ให้คนท้องถิ่นเป็นที่เข้าใจ
ถ้าจะเอาตามการออกเสียงต้นฉบับจริงๆ ต้องออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส เพราะภาษาเยอรมันออกเสียง ER เป็น แอร์ หรืออย่าง Mercedes AMG ก็ออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส-อา-เอม-กี ซึ่งคุณไปบอกเซลว่าอยากซื้อรุ่นอาเอมกี คิดว่าเค้าจะงงมั้ยครับ คือมันถูก แต่มันไม่ Localized ใช้สื่อสารไม่ได้ก็ถือว่าไม่ถูกครับ
หรือถ้าจะเอาเป็น American English มันก็ออกเสียง เมอร์-ซี-ดีส อยู่ดี ไม่ได้ออกเสียง เมอร์เซดีสอย่างที่คุณเข้าใจ
Mercedes เป็นชื่อที่มีที่มาจากภาษาสเปนแปลว่า Lady of Mercy ถ้าอ่านแบบ original จริงๆ ก็คือเมอร์เซดีสครับ
ส่วน yank accent ก็อ่านเมอร์เซดีสเหมือนกัน ถ้าสังเกตจากที่พวก yank เรียกก็จะอ่านตามนี้ครับ
ออกเสียงแบบ original แบบสเปน
https://www.youtube.com/watch?v=j1hK-chnHVg
ออกเสียงแบบ yank
https://www.youtube.com/watch?v=zqKkHnRFBfM
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
การออกเสียงขึ้นอยู่กับท้องที่ครับ คนไทยจะออกเสียง เมอ เซ เดส ก็ไม่ผิด เพราะภาษาไทยสำเนียงอังกฤษจะตีความ e เป็น สระเอกับอี จะออกเสียงยังไงก็ได้ให้คนท้องถิ่นเป็นที่เข้าใจ
ถ้าจะเอาตามการออกเสียงต้นฉบับจริงๆ ต้องออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส เพราะภาษาเยอรมันออกเสียง ER เป็น แอร์ หรืออย่าง Mercedes AMG ก็ออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส-อา-เอม-กี ซึ่งคุณไปบอกเซลว่าอยากซื้อรุ่นอาเอมกี คิดว่าเค้าจะงงมั้ยครับ คือมันถูก แต่มันไม่ Localized ใช้สื่อสารไม่ได้ก็ถือว่าไม่ถูกครับ
หรือถ้าจะเอาเป็น American English มันก็ออกเสียง เมอร์-ซี-ดีส อยู่ดี ไม่ได้ออกเสียง เมอร์เซดีสอย่างที่คุณเข้าใจ
Mercedes เป็นชื่อที่มีที่มาจากภาษาสเปนแปลว่า Lady of Mercy ถ้าอ่านแบบ original จริงๆ ก็คือเมอร์เซดีสครับ
ส่วน yank accent ก็อ่านเมอร์เซดีสเหมือนกัน ถ้าสังเกตจากที่พวก yank เรียกก็จะอ่านตามนี้ครับ
ออกเสียงแบบ original แบบสเปน
https://www.youtube.com/watch?v=j1hK-chnHVg
ออกเสียงแบบ yank
https://www.youtube.com/watch?v=zqKkHnRFBfM
คุณก็รู้นี่ครับว่ามันออกเสียงได้หลายแบบ คุณลองไปบอกคนเยอรมันว่าทั้งประเทศเค้าออกเสียงเรียกแบรนด์ Mercedes ผิดหมดนะ ของจริงต้องออกเสียงแบบสเปน คุณคิดว่าเค้าจะขำมั้ยครับ เค้าจะคิดว่าคุณเก่งกว่าคนเยอรมันทั้งประเทศมั้ย ที่ออกเสียงแบรนด์รถประเทศตัวเองผิดหมดน่ะ
อย่างที่ผมบอกครับ คนไทยจะเรียกเมอร์เซเดส เมอร์ซีเดส เมอร์ซีดีส มันไม่ผิดหรอก ตราบเท่าที่เราเข้าใจว่าเราสื่อสารถึงอะไร
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
การออกเสียงขึ้นอยู่กับท้องที่ครับ คนไทยจะออกเสียง เมอ เซ เดส ก็ไม่ผิด เพราะภาษาไทยสำเนียงอังกฤษจะตีความ e เป็น สระเอกับอี จะออกเสียงยังไงก็ได้ให้คนท้องถิ่นเป็นที่เข้าใจ
ถ้าจะเอาตามการออกเสียงต้นฉบับจริงๆ ต้องออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส เพราะภาษาเยอรมันออกเสียง ER เป็น แอร์ หรืออย่าง Mercedes AMG ก็ออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส-อา-เอม-กี ซึ่งคุณไปบอกเซลว่าอยากซื้อรุ่นอาเอมกี คิดว่าเค้าจะงงมั้ยครับ คือมันถูก แต่มันไม่ Localized ใช้สื่อสารไม่ได้ก็ถือว่าไม่ถูกครับ
หรือถ้าจะเอาเป็น American English มันก็ออกเสียง เมอร์-ซี-ดีส อยู่ดี ไม่ได้ออกเสียง เมอร์เซดีสอย่างที่คุณเข้าใจ
Mercedes เป็นชื่อที่มีที่มาจากภาษาสเปนแปลว่า Lady of Mercy ถ้าอ่านแบบ original จริงๆ ก็คือเมอร์เซดีสครับ
ส่วน yank accent ก็อ่านเมอร์เซดีสเหมือนกัน ถ้าสังเกตจากที่พวก yank เรียกก็จะอ่านตามนี้ครับ
ออกเสียงแบบ original แบบสเปน
https://www.youtube.com/watch?v=j1hK-chnHVg
ออกเสียงแบบ yank
https://www.youtube.com/watch?v=zqKkHnRFBfM
คุณก็รู้นี่ครับว่ามันออกเสียงได้หลายแบบ คุณลองไปบอกคนเยอรมันว่าทั้งประเทศเค้าออกเสียงเรียกแบรนด์ Mercedes ผิดหมดนะ ของจริงต้องออกเสียงแบบสเปน คุณคิดว่าเค้าจะขำมั้ยครับ เค้าจะคิดว่าคุณเก่งกว่าคนเยอรมันทั้งประเทศมั้ย ที่ออกเสียงแบรนด์รถประเทศตัวเองผิดหมดน่ะ
อย่างที่ผมบอกครับ คนไทยจะเรียกเมอร์เซเดส เมอร์ซีเดส เมอร์ซีดีส มันไม่ผิดหรอก ตราบเท่าที่เราเข้าใจว่าเราสื่อสารถึงอะไร
มันก็แล้วแต่ครับ ส่วนตัวผมเป็นแนวๆโลกตะวันตก อย่าง Americophile, Anglophile, Germanophile ก็ติดหลายๆอย่างมาจากทางนั่น คิดว่าเรียก เมอร์ซีเดส ก็เพี้ยนจากเมืองนอกเกินไป
-
เอาส่วนตัวนะ ถ้าไปพูดกับใครว่า เมอร์เซเดส หรือ ซีดิส อะไรก็ตามเหอะ บ้านเราหลายคนไม่รู้หรอก
คนไทยเรียกสั้นๆ จบว่า "เบนซ์" คำเดียวรู้เรื่องทุกคน ;D
-
เข้าใจ จขกท. ครับ
คือเปรียบเหมือน MB = Rolex ที่คนส่วนใหญ่มองว่า เป็นความสำเร็จ, ความภูมิใจ, ความหรูหราภูมิฐาน แต่มันก็ไม่ได้ทนทานทุกรุ่น
แต่ รถญี่ปุ่น=Casio, Seiko ที่เดินเที่ยงตรงกว่า และใส่ได้สมบุกสมบันมากกว่า
เราเลือกที่จะให้เขามอง และ/หรือ เราเลือกที่จะยืนเองมากกว่า ไม่มีผิด ไม่มีถูก ครับ
-
ในช่วง1ปี มานี้ ผมได้อ่านกระทู้ของผู้ที่ซื้อรถเบนซ์มาใช้ แล้วมีปัญหา เยอะมากในอินเตอร์เน็ต
หลายกระทู้ผมอ่านแล้วก็สงสารเจ้าของรถมากๆ ล่าสุดเกษตรกรเก็บเงินมาทั้งชีวิตได้3ล้านกว่า เอาไปซื้อรถเบนซ์ E300 บลูเทคไฮบริดได้5เดือนแล้วเครื่องยนต์ดับสตาร์ทไม่ติด ต้องถูกรื้อรถด้านหน้าออกมาหมดเลย
ผมเลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เกี่ยวกับความเข้าใจผิดของคนทั่วไปเกี่ยวกับรถ Benz
ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นเซียนอะไร เพียงแต่ผมโชคดีที่เกิดในตระกูลที่บ้ารถกันทั้งตระกูล ตั้งแต่รถอีโค่คาร์ไปจนถึงปอเช่มาคัน ก็ได้สัมผัสมาหมดแล้ว และได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆจากประสบการณ์ใช้จริงของทั้งตัวเอง และ ญาติในบ้าน
และตัวผมเองผ่านปัญหามาเยอะมาก จ้างทนาย และ ร้องเรียน สคบ ผมทำมาหมดแล้ว นั่งเคลียร์ปัญหากับผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ก็เคยมาแล้ว ปวดหัวมาก และกล้าพูดว่าที่นี่คือประเทศไทย สิทธิผู้บริโภคเรายังด้อย ร้องเรียนไปสิ่งที่ได้มามีแค่อย่างเดียว คือ เสียเวลา คุณเคยเห็นใครได้เปลี่ยนรถบ้าง เวลารถมีปัญหา
ผมรู้นะว่า benz อ่ะเป็นรถในฝันของคนทั่วโลก ดังนั้นทุกคนที่ไม่เคยสัมผัส จะตั้งความหวังไว้กับมันสูงมากๆ
รถ benz คันแรกที่คุณเก็บเงินซื้อได้สำเร็จ มันเหมือนรางวัลของชีวิตที่คุณรอมานาน
และสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถ benz ก็คือ คิดว่ารถคันละ3-4ล้าน จะต้องไม่มีปัญหา
ตรงนี้แหละคือประเด็น ที่คนไม่เคยใช้รถยุโรป จะตั้งความหวังไว้กับรถเบนซ์คันแรกสูงมากๆ
ปัญหาที่เคยเจอในรถญี่ปุ่นคันเก่าคันละ9แสน มันต้องไม่น่ามีในรถคันละ 4ล้าน นี่คือความเข้าใจของคนทั่วไป อันจะนำไปสู่ความผิดหวัง
เมื่อซื้อรถเบนซ์มาแล้ว พบว่ามันมีปัญหามากกว่ารถญี่ปุ่นที่เคยใช้ และสิ่งที่เคยวาดฝันไว้ พอความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถ้าใครติดตาม Consumer report ของอเมริกา จะเห็นว่าแต่ละปีจะมีรายงานเรื่องปัญหาความจุกจิกของรถยนต์
เขามีระบบการประเมินและเก็บข้อมูล จำนวนครั้งที่ลูกค้าต้องนำรถเข้าศูนย์ไปแก้ปัญหาในแต่ละปี ผลสรุปคือ รถญี่ปุ่นจุกจิกน้อยกว่ารถยุโรป
ตรรกะของคนทั่วๆไป คือ รถที่แพงกว่ามันต้องดีกว่าสิ
อันนี้ใช่ครับ รถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่นในเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัย การขับขี่ พวกนี้เหนือกว่ารถญี่ปุ่นครับ
ถ้าคุณคาดหวังสิ่งเหล่านี้เมื่อซื้อรถคันละ4ล้าน มันให้คุณได้แน่นอน
แต่ถ้าใครไปคาดหวังว่ารถมันจะไม่มีปัญหา หรือ ไม่จุกจิก และต้องไม่มีอะไรเสียอะไรทำนองนี้
ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ครับ ถ้าความจุกจิก ความไม่อยากพบเจอปัญหา คือหัวใจหลักที่คุณต้องการ ไปซื้อรถญี่ปุ่นดีกว่าครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเห็นกระทู้ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ผมเห็นใจเจ้าของรถนะ ผมเข้าใจความคาดหวังของพวกเขา
ทุกคนพูดประโยคเดียวกันหมด รถคันละ3-4ล้าน ไม่คิดว่าเจอปัญหาเครื่องดับ ,ลมเข้า ,น้ำเข้า และปัญหาจุกจิกอื่นๆอีก
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถเบนซ์ นี่แหละครับคือปัญหา
ผมจำได้ว่าในอดีตมันมีปัญหาน้อยกว่านี้นะ เพราะตอนเด็กๆผมนั่ง E190 ทุกวันไปโรงเรียน ตลอดช่วงเวลาที่พ่อผมใช้จนขายทิ้ง ไม่เคยมีปัญหาจุกจิกเลย แต่ตั้งแต่ C180 เป็นต้นมาปัญหาโคตรเยอะเลย ตอนหลังขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม
รถเบนซ์ เมื่อก่อนบ้านผมขายทิ้ง เพราะอยากเปลี่ยนคันใหม่
แต่ C180 ขายทิ้งเพราะขี้เกียจซ่อม ตอนหลังมันมากลายเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่ารถเบนซ์มันมีปัญหาอยู่ยี่ห้อเดียวนะครับ รถญี่ปุ่นก็มีครับ
แต่คนทั่วไปเข้าใจผิดว่ารถแพงๆมันจะไม่มีปัญหา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมพบเจอมา บอกได้ว่ามันไม่จริง
ดังนั้นถ้าใครที่ยังไม่เคยซื้อรถเบนซ์ และคิดจะซื้อ สิ่งที่ต้องคุณควรรู้ ก็คือ มันมีโอกาสอย่างมากที่คุณจะพบปัญหาแบบเดียวกับที่คุณพบในรถญี่ปุ่นคันเก่าที่คุณใช้อยู่ หรืออาจจะพบปัญหาที่ไม่เคยพบก็ได้
สุดท้ายในฐานะผู้บริโภคเหมือนกัน ผมคิดว่าสิทธิผู้บริโภคในประเทศไทยมันน้อยมาก เราไม่เคยได้รับการคุ้มครองจริงๆ และสคบ ก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่เคยช่วยอะไรเราได้จริงๆ ความเสี่ยงทั้งหมดถูกผลักมาที่ผู้บริโภค ผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอะไรเลยจากรัฐ
ในขณะที่น้ำส้มคั้นขวดละสิบบาท ถ้าคุณพบว่าคนขายเอาน้ำเปล่าผสม คุณสามารถฟ้องร้องต่อรัฐได้ และสำเร็จมาแล้ว
ไส้กรอกไม้ละ5บาท ถ้าคุณพบว่ามีดินประสิวปน ก็ร้องเรียนทาง อย.ได้ และ อย.จะเข้ามาจัดการ
แต่รถยนต์คันละ3-4ล้าน ถ้าซื้อมาแล้วเครื่องดับสตาร์ทไม่ติด รัฐจะไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้
สิ่งเหล่านี้บอกเราว่า รัฐคุ้มครองเราได้เพียงสินค้าข้างถนนเท่านั้น และรัฐกล้าจัดการได้แต่แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้ละ5บาท กับแม่ค้าขายน้ำส้มคั้นริมถนน
สิทธิผู้บริโภคของคุณจะแปรผกผันกับราคาสินค้า ยิ่งคุณซื้อของแพงเท่าไร สิทธิผู้บริโภคของคุณยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น
แต่ สคบ จะแข็งแกร่งขึ้นมาทันที เมื่อต้องเจอกับแม่ค้าขายหมูปิ้ง แม่ค้าขายไส้กรอกเสียบไม้
นี่คือความจริงทั้งหมดที่คุณควรรู้ไว้ ก่อนซื้อรถเบนซ์คันแรก
ข้อแรก ผมจะบอกว่า รถยนต์(รถทุกยี้ห้อที่ขายในไทย)คันหนึ่งราคา ไม่ควรแพงถึงขนาดนี้เมื่อเทียบกับรายได้ของคนในประเทศไทย
ซึ่งไม่มีใครนึกถึง และไม่มีใครสนใจ
ข้อสอง รถยนต์ไม่ได้แพง นะครับที่แพงเพราะภาษี ซึ่งคนก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน รถคันละ 4แสน ขาย 8แสนได้ แต่ภาษีเข้ารัฐ
ข้อสาม องค์การผู้บริโภคประเทศไทยมีด้วยหรือครับ ถ้าเอา อเมริกามาเทียบ ผมว่าเทียบไม่ได้อ่ะ เพราะ รถก็คนละแบบ คนขับก็มีความรู้เรื่องรถกัน
คนละแบบอีก แต่ถ้าจะเทียบว่า ซ่อมบ่อยหรือไม่ก็ได้เท่านั้น ไม่เอาญี่ปุ่นมาเทียบละครับ เข้าใช้ 3-4 ปีทิ้งเลยไม่ต้องซ่อม
ข้อสี่ (ตรรกะของคนทั่วๆไป คือ รถที่แพงกว่ามันต้องดีกว่าสิ) นั้นคือความคิดของคนไร้สมองครับ ซึ่งก็มีอยู่มากๆด้วย
สรุป ต้องไม่มีใครอยู่เหนือ กฎหมายครับ ที่ว่า สคบเก่งกะคนจน ผมว่าไม่จริงนะ แต่ กฎหมายมันมี ขบวนการของมันอยู่ แต่ถ้าอาจจะ นานมากอันนั้นคนละเรื่องกัน
รถยนต์ ต้อง บำรุงรักษา ต้อง ใช้เงินดูแล
ปัญหาที่คุณเล่ามาทั้งหมดจะหายไปได้เลย ตรงที่ว่า คนที่ซื้อรถต้องมีความเข้าใจ เรื่องรถเยอะ เรื่องเครื่องยนต์กลไกล ซึ่ง คนไทยคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องรู้อ่ะ คนไทย ซ่อมรถเองอยู่บ้านก็ไม่ค่อยเป็น DIY ก็น้อยมาก พึ่งแต่ ช่างโดนหลอกก็เยอะ พอโดนหลอกก็เอามาด่า ตัวลูกค้าเองและครับที่โง่ เพราะว่า ทุกอย่าง ที่ซ่อมในคู่มือมันมีเขียนหมด แล้ว ต้องทำอะไรบ้าง โดนหลอกทำอะไรก็เยอะ
มอเตอร์โชว์ MOTOR SHOW เขาShow ครับ ไม่ sale ไม่งั้นต้องเป็น motor sale car
motor show เขาของว่ารถเข้าดียังไง ทนแค่ไหน แต่บ้านเรา ดาวน์เท่าไหร่ ได้รถเมื่อไหร่ ok จบ(ไม่ดร่ามานะครับ)
ใช้ชีวิต คุณภาพต่ำของคุณต่อไป (ประชด)
-
ส่วนตัวผม ผมก็เห็นด้วยนะครับ
ปัจจุบัน ผมใช้รถญี่ปุ่นเป็นหลัก ใช้มาหลายปีมากแล้ว
ตั้งแต่ผมมีลูก ผมก็เก็บตังค์ในส่วนที่ต้องใช้รถยุโรปไปเป็นค่าเทอมของเด็กๆ
แต่พ่อกับแม่ก็ยังใช้รถเบ๊นซ์กันอยู่
ผมเชื่อในสิ่งที่คุณพูดมาทุกประการ แต่รถของพ่อและแม่ผมอาจจะเป็นน้อยกว่าของคุณ
แต่ยอมรับว่าจุกจิกมากขึ้น และความทนทานน้อยลงมาก
เบ๊นซ์ที่ผมใช้คันสุดท้ายคือ c240 w202 ภายในยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก ปัจจุบัน ไปอยู่ที่ญาติผมแล้ว ก็ยังเป๊ะเว่อร์อยู่
แต่เบ๊นซ์คันใหม่ๆของพ่อ ภายในทั้งแตก ทั้งแห้ง กรอบ
สารพัดจะเป็นเลย รวมถึงอาการลอกของปุ่มต่างๆ
ไม่ถึงแสนโล เปลี่ยนถังพักน้ำฝน แก้ไขแอร์ เปลี่ยนเซ็นเซ่อร์เบรค
ซึ่งผิดกับรถญี่ปุ่นของผมทั้งสองคัน ที่เกินแสนโลแล้วยังไม่เกเรอะไรเลย
-
ผมว่า ถ้าเป็นคนที่ใช้ หรือ แฟน BENZ , BMW มานานแล้ว เขาจะรู้ว่า
ทุกวันนี้ ไม่ได้ซื้อเพราะว่า รถมันดีมีคุณภาพ หรือ รถมันทน เหมือนในอดีต
ซื้อเพราะ มันเป็น Benz , Bmw ไม่มีรถแบรนด์ใดให้ความรู้สึกแบบนี้
มันทรงคุณค่าทางความรู้สึก และ อารมณ์ มันมีประวัติศาสตร์ อย่างที่ Lexus Volvo ยังทำไม่ได้
รถ Benz ทุกวันนี้ เหมาะที่จะซื้อ แล้วเปลียนใน 5 ปี แบบไม่เสียดายเงิน ก็จะไม่ค่อยหงุดหงิดเรื่องซ่อมบำรุง
แต่คนที่ไม่เคยใช้ แล้วได้มาเป็นเจ้าของ มักจะคิดว่า รถมันแพง มันต้องคุณภาพดีมาก
ซึ่งคิดผิดมาก แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รุ่น W140 จนถึงปัจจุบันแล้ว
เสียจุกจิกไปเรื่อย ตั้งแต่ สวิทชิ่ง W140 300,500SEL ของใหม่ตัวละ 80,000 กว่าบาท แอร์แมส สวิทแอร์ออโต้ เป็นต้น
W211, W203, W220 รุ่น Generation นี้เสียมากที่สุด เก่าแล้วข้างในโทรมมาก ราคารถถึงตกแบบ ไม่มีค่า
W212, W204, W207, W221 ทนขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังจุกจิกไปเรื่อยๆ
รถเพื่อน W207 ใช้ 4 ปี เฟืองดันปรับองศาแคมชาร์ป Camshaft Actuator เสีย เปลี่ยนไป 2 ข้าง 80000 กว่าบาท
-
ผมคงเป็นคนส่วนน้อยมากๆที่ไม่เห็นจะตื่นเต้นกับ Benz เท่าไหร่เลย
-
ผมเรียนมาสายวิศวกรรม ค่อนข้างมองแง่ร้ายต่อสิ่งที่เคลื่อนไหวได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ ฮา ::)
อุปกรณ์อะไรที่เป็น Mechanic ที่เคลื่อนไหว โอกาสเสียสูงมาก เสียแบบไร้สาเหตุก็เจอมา
ขนาดบอร์ดอิเล็คทรอนิกส์ยังเสียหรือบั๊กแปลกๆจนมีขนานนาม 'digital ghost' เลยครับ
ผมหละขยาดกับการซ่อมที่สุด
ยอมรับว่าสมัยวัยละอ่อนเคยคิดแบบที่ จขกท เจอมาเหมือนกันครับ :-[
เดี๋ยวนี้เห็นโลกกว้างขึ้น ก็จะมีค่าๆนึงคอยเปรียบเทียบความเหมาะสมตลอด
และมักเจอว่า
'ของส่วนใหญ่ แม้เราจ่ายมากขึ้น 2 เท่า
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มา มักดีกว่ามาตรฐานตลาดแค่ 10-20% เท่านั้นเอง :( '
-
ผมว่า ถ้าเป็นคนที่ใช้ หรือ แฟน BENZ , BMW มานานแล้ว เขาจะรู้ว่า
ทุกวันนี้ ไม่ได้ซื้อเพราะว่า รถมันดีมีคุณภาพ หรือ รถมันทน เหมือนในอดีต
ซื้อเพราะ มันเป็น Benz , Bmw ไม่มีรถแบรนด์ใดให้ความรู้สึกแบบนี้
มันทรงคุณค่าทางความรู้สึก และ อารมณ์ มันมีประวัติศาสตร์ อย่างที่ Lexus Volvo ยังทำไม่ได้
รถ Benz ทุกวันนี้ เหมาะที่จะซื้อ แล้วเปลียนใน 5 ปี แบบไม่เสียดายเงิน ก็จะไม่ค่อยหงุดหงิดเรื่องซ่อมบำรุง
แต่คนที่ไม่เคยใช้ แล้วได้มาเป็นเจ้าของ มักจะคิดว่า รถมันแพง มันต้องคุณภาพดีมาก
ซึ่งคิดผิดมาก แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รุ่น W140 จนถึงปัจจุบันแล้ว
เสียจุกจิกไปเรื่อย ตั้งแต่ สวิทชิ่ง W140 300,500SEL ของใหม่ตัวละ 80,000 กว่าบาท แอร์แมส สวิทแอร์ออโต้ เป็นต้น
W211, W203, W220 รุ่น Generation นี้เสียมากที่สุด เก่าแล้วข้างในโทรมมาก ราคารถถึงตกแบบ ไม่มีค่า
W212, W204, W207, W221 ทนขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังจุกจิกไปเรื่อยๆ
รถเพื่อน W207 ใช้ 4 ปี เฟืองดันปรับองศาแคมชาร์ป Camshaft Actuator เสีย เปลี่ยนไป 2 ข้าง 80000 กว่าบาท
พูดถูกครับ ผมจะคิดเสมอว่าไม่ว่าของจะแพงหรือถูกไม่มีสิ่งไหนดีเลิศ100% และอยู่กับความเป็นจริงให้มากทีสุด อย่าติดมโนภาพว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้แน่ๆ พอผิดหวังขึ้นมามันจะกลายเป็นความอคติ
อย่าว่าแต่Benzเลย Quattroporteเพื่อนผม วิ่งทางปูนยังมีเสียงขอบประตูลั่นให้ได้ยินเลยครับ แม้แต่Granturismoที่ผมตั้งความหวังไว้ว่ามันต้องเป็นรถGTที่ดีเอามากๆ แต่ตั้งแต่ได้รถมาใหม่ๆก็มีปัญหาเรื่องแอร์ไม่สู้ร้อน พร้อมทั้งปัญหาจิปาถะ จนแฟนผมบอกลากลับมาขับw211อย่างเดิมดีกว่า แถมบางทียังรู้สึกว่าCL500คันเก่ายังทำหน้าที่ได้ดีกว่า หรือกระทั้งGallardoก็ไม่พ้นปัญหาตั้งแต่ปีแรกๆเหมือนกัน
คือผมคิดแล้วละถ้าผมยังหวังกับมันมากเกินไปคงไม่มีรถอะไรให้ใช้แล้วทุกวันนี้ เพราะชะนั้นอย่าไปคาดหวังกับมันมากจนเกินเหตุครับ
-
ลองญี่ปุ่นใส่นั่นนี่เข้าไปเยอะแยะ มันก็จะเป็นแบบเดียวกันครับ
ยิ่งระบบซับซ้อนมากเท่าไร ก็ยิ่งอ่อนไหวมากเท่านั้น ไม่ใช่ของแปลก เพราะมันไม่ใช่ w 124 อีกแล้ว
ผมว่าไม่ใช่นะ
Consumer report เขาเก็บข้อมูลของคนที่ซื้อรถไปใช้แล้ว นำมาวิเคราะห์ทางสถิติ แล้วรายงานผลออกมา
Lexus ก็ยังติดอันดับต้นๆ ของรถที่ไม่จุกจิกอยู่ดี
ทั้งๆที่เทคโนโลยีมันก็พอกับยุโรปนั่นแหละ
จริงครับ ต่อให้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ในรถญีปุ่นจะปัญหาน้อยกว่าครับ
เพราะว่า รถญีปุ่นใส่เทคโนโลยีมาช้ากว่า เพื่อรอให้ราคามันถูกลงมาก่อน และเป็นแบบ mass ดังนั้นเทคโนโลยีจะเสถียรกว่า ด้วยต้นทุนที่ถูกว่าด้วย
-
อ่านๆแล้วเห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ
แต่ที่แน่ๆส่วนตัวคงไม่ยุ่งกับค่ายนี้แล้วดีกว่า55555
-
เห็นด้วยกับหลาายท่านนะ ส่วนตัวผมมองว่ารถเบนซ์หรือ BMW ค่าซ่อมมันแพง เวลาซื้อมาใช้งานถ้าเป็นแบบในรูปรถบริษัทมีเงินเหลือใช้ สามารถเปลี่ยนรถทุก 5 ปีโดยไม่คำนึงถึงการซ่อมหรือราคาขายต่อ ผมว่ามันเป็นรถที่น่าซื้อให้ภาพลักษณ์ดี ฟิิลิ่งดี ความปลอดภัยสูง แต่โดยส่วนตัวผมไมไ่ด้มีเงินขนาดนั้นที่จะไปซื้อป้ายแดงหรือมือ 2 มาใช้ ซื้อมาเป็นภาระเปล่า ๆ
ส่วนรถญี่ปุ่นไม่จุกจิกเท่ารถยุโรปครับแม้จะซ่อมแพงขึ้นตามราคา แต่เวลาซื้อก็ต้องดูความจขำเป็นและตามฐานะอยู่ดี
-
ผมว่ารถทุกยี่ห้อก็จะต้องมีบ้างบางคันที่มีปัญหา แต่ไม่ใช่รถทุกคันจะมีปัญหา รถเบนซ์ก็มีบางคันเท่านั้นที่มีปัญหา ถ้ารถเบนซ์ทุกคันมีปัญหา ก็คงไม่มีใครซื้อรถเบนซ์ ผมก็ใช้รถเบนซ์เหมือนกัน ซื้อมาตั้งแต่ยังป้ายแดง ใช้คนเดียว 13 ปี ขับไปสามแสนกว่ากิโลแล้ว รถผมเช็กระยะตามกำหนด เปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ตามคำแนะนำของศูนย์ รถไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย
-
.
.
.
เท่าที่ผมใช้ Benz มาผมอาจจะเป็นคนโชคดีที่ยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรเลย
(แต่ผมซื้อแต่รุ่นประกอบนอกเท่านั้น) ส่วน Volvo ขอคันเดียวพอเลย
อาจจะอยู่ที่ความคาดหวังของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างที่ จขกท บอก
บางคนไม่เคยมีรถยุโรป ก็วาดฝันว่ามันจะต้องเพอร์เฟคมากๆ
พอมันไม่ถึงขนาดนั้นก็จะมาแนวผิดหวังกันซะเยอะ
-
เอาส่วนตัวนะ ถ้าไปพูดกับใครว่า เมอร์เซเดส หรือ ซีดิส อะไรก็ตามเหอะ บ้านเราหลายคนไม่รู้หรอก
คนไทยเรียกสั้นๆ จบว่า "เบนซ์" คำเดียวรู้เรื่องทุกคน ;D
จริงครับ
-
ผมมองว่ารถเบนซ์ เป็นตัวบ่งบอกฐานะของผู้ครอบครอง ประชาชนคนธรรมดา พ่อค้านักธุรกิจ ซึ่งไม่มีเครื่องแบบติดยศ ที่จะบอกได้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนเหมือนข้าราชการ
-
ขอบคุณสำหรับประสพการครับ
แต่ก่อนผมเคยเข้าใจเหมือนกันครับ ว่ารถยุโรปอะไหล่ยุโรปต้องดีกว่าญี่ปุ่น เพราะหลายๆคนมักจะบอกว่า รถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่น
จนผมมาได้รถคันนึง ที่ใช้อะไหล่จากยุโรป มันจุกจิกมาก แล้วมันก็หลอนสุดๆ
ผมขออนุญาติยืมคำพูดของเจ้าของกระทู้ในการทำรีวิวด้วยนะครับ
-
หลายคน ซื้อ benz มา ใช้งานแบบนี้ เพราะ กลัวช้ำ แล้วต้องซ่อมแพง
วันหยุด ไปเที่ยว ออกงาน ทำธุระเป็นทางการ ใช้ รถ Benz
วันธรรมดา วันทำงาน ใช้ กระบะ toyota / isuzu ใช้ ฟอร์จูน ใช้ แคมรี่ (ทนมือดี)
-
เรื่องแบบนี้ไม่เจอจังๆก็ยังไม่เข้าใจ เจอนิดเจอหน่อยอาจจะรับได้
คือถ้าให้ผมซื้อรถเบนซ์ตอนนี้คงต้องมีดีไซน์โดนๆแบบc207ก่อน ถึงจะหลวมตัวไปซื้ออีก ถ้ายังหน้าอุบาทว์ทั้งตระกูลแบบนี้ผมไม่เอาละ เพราะมันไฮเทคเปราะบางพร้อมเสียแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันทุกรุ่นเลย
เรื่องรถมีปัญหา ถ้าได้มา สามปีขาย หมดประกันก็เบื่อพอดีครับ มีคนรอซื้อต่อเยอะแยะ
-
ผมแถมให้ จขกท อีกนิด ถือว่าร่วมกันแสดงความคิดเห็น
ผมเป็นคนนึงที่รถเบนซ์ไม่ใช่รถในฝัน ผมเชื่อว่าหลายคนก็คิดแบบนี้
ก่อนนี้รถเบนซ์มันเป็นภาพลักษณ์ของคนประสบความสำเร็จและรวยจึงมีเงินซื้อรถเบนซ์ แต่ปัจจุบันรถเบนซ์เกลื่อนเมือง เขาไมไ่ด้มองว่าคนขับรถเบนซ์รวยนะครับ แค่มองว่าดูดีมีฐานะ ถ้าขับรถ Aphard porche รถหรูบางรุ่นคนอาจมองว่ารวยกว่าโดยเฉพาะคนขับซุปเปอร์คาร์ อันนี้เขามองว่ารวยจริงและเป็นที่อิจฉา ปัจุบันนรถเบนซ์มือ 2 เกลื่อน คนซื้อเขาก็ซื้อเพื่อภาพลักษณณ์มากกว่า
ตอนนี้ถ้ารถในฝันของหลาย ๆ คนผมว่าส่วนมาก คือ รถสปอร์ตแท้ ๆ ทั้งนั้นละ ครับ
-
hybrid มันมีสองระบบ มันก็ต้องมีเรื่องให้เสียมากเป็นธรรมดาครับ
พ่อผมเคยใช้w211cng ลากมา400,000โล แล้วก็ยังใช้ได้ดีอยู่
เคยมีแค่ช่วงแรกๆ พวงมาลัยพาวเวอร์เสีย เคลมก็จบ
พอเข้าโลที่400,000นี่คอมเพรสเซอร์เริ่มเสีย ก็ทำใจได้เพราะใช้มาคุ้มแล้ว
อาจจะโชคดีก็ได้ ได้รถคันที่ไม่จุกจิกเท่าไหร่
ทุกวันนี้พ่อซื้อคันใหม่เป็นระบบhybrid ผมบอกให้ซื้อประกันซ่อมแบบBSIไปเลย
บอกตรงๆ ยังไม่ค่อยไว้ใจระบบไฮบริดครับ
-
เห็นด้วยกับจขกท.ครับ
แล้วก็ต้องขอเสนอด้วยว่าหากคนไทยยังเห่อเบ๊นซ์แบบขาด้หตุผลแบบนี้ ก็จะโดนแบบนี้ไปเรื่อยๆแหละครับ
ตอนจำความได้ ที่บ้านใช้ W108 280S
พอเริ่มโต ก็ใช้ W123 230E ของพ่อไปเก๊กที่มหาวิทยาลัย
พอเรียนจบ ก็ได้ W124 E280 มาใช้
ส่วนตัวแล้ว รถ 3 รุ่นที่ว่าสามารถใช้ได้แบบไม่เคยรู้สึกเสียดายเงินเลยครับ รถสมรรถนะดี หนักหน่อย โดยเฉพาะคลัทช์คัน W123 แต่โคตรทนทาน รู้สึกทุกนาทีว่านี่แหละคือความคุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มมากกว่ารถยี่ห้ออื่นๆ
หลังไปต่างประเทศซักพักแล้วกลับมา ที่บ้าน (กงสี) ใช้เบ๊นซ์มาหลายรุ่นจริงๆ W220 S280 (สนิมขึ้น ถุงลมพัง), W211 E220CDi, W211 E200 Kompressor (ซื้อตัวประกอบนอก), CLK 200 Kompressor
ในมุมมองผมรถพวกนี้คือ junk ทั้งหมด จุกจิก งอแง หาช่วงที่สมบูรณ์พร้อมๆกัน 100% ไม่เคยได้เลย
คันที่โดนโหดสุด (รู้สึกจะเคยบ่นในนี้ไปนานละ) คือ CLS350 AMG spec ซื้อจากเบ๊นซ์ ไทยแลนด์เป็นคันแรกๆของประเทศ คันนั้น 30 เดือนใช้ไป 1,500 กม.เพราะเจ๊งอยู่อู่ตลอด
ส่วนรุ่นหลังๆที่ไม่ค่อยงอแงก็มีบ้าง คือ W204 C200 Kompressor (คันนี้อ่านรีวิวคุณจิมมี่ก่อนซื้อ) กับ W164 ML280CDi 2 คันนี้ไม่รู้ว่ารถดีหรือดวงดี
ประเด็นที่จะบอกหลังจากใช้รถยี่ห้อนี้มาชั่วชีวิต คือคนไทย "หน้าบาง" ครับ พอใช้เบ๊นซ์ปุ้บ พอเจ๊ง ก็จะยอมจ่ายค่าซ่อม ยอมโดนเอาเปรียบเรื่องรถจุกจิก เบ๊นซ์ที่เยอรมันเค้าถึงไม่คิดจะปรับปรุงไงครับ ทำมาลวกๆ ก็ขายได้ ไม่สนอากาศร้อนแบบบ้านเรา ที่มีอาการ heat soak คือร้อนชนิดรถติด หรือการใช้งานแอร์หนัก ตากแดดหนัก
ถ้ามาช่วยกันแก้ เจ๊งก็โวย ไม่ซื้อ เค้าก็จะปรับปรุงครับ
แต่ตราบใดยังกราบไหว้แบรนด์เค้าอยู่แบบนี้ ก็ต้องทนแบบนี้แหละนะครับ
-
สำหรับผม มีดีมีแย่ พอๆกันครับ
ใช้มาหลายยี่ห้อ เบบนส์ก็ไม่ได้ดีกว่ามาก
แต่ดูราคาที่บวกกำไรหน้าเลือดกก่อนหน้านี้ เด๋วนี้ยอมลงมาง้อให้หน่อย ก็พอน่าสนใจ
แต่ที่แย่จริงงๆคือความรับผิดชอบต่อลูกค้าที่ไม่แปรผันไปตามราคา อันนี้ผมว่าเบนสไทยแลนน่าตำหนิ
คือไม่ต้องระดับกราบเท้าลูกค้่เปนพระเจ้าแต่ควรรับผิดชอบต่อกรณีปัญหาที่มาจากการผลืตได้ดีกว่านี้
-
มันภาพลักษณ์ อย่างอื่นอย่าไปสนครัช งุงิ
-
เพราะรถยนต์ในไทยแพง และมองว่าป็นของฟุ้มเฟือย เป็นเครื่องบอกฐานะ ยิ่งรถดูแพงก็จะยิ่งดูดี ดูรวย
ต่างกันตรงที่ บางคนเขามองรถเป็นแค่ยานพาหนะ ที่พาเราไปยังจุดหมาย
-
แค่ชื่อเรียกคนส่วนมากก็เรียกกันผิดแล้วครับ
Mercedes อ่านว่า เมอร์เซดีส ส่วนไทยแลนด์เรียก เมอร์ซีเดส LOL
การออกเสียงขึ้นอยู่กับท้องที่ครับ คนไทยจะออกเสียง เมอ เซ เดส ก็ไม่ผิด เพราะภาษาไทยสำเนียงอังกฤษจะตีความ e เป็น สระเอกับอี จะออกเสียงยังไงก็ได้ให้คนท้องถิ่นเป็นที่เข้าใจ
ถ้าจะเอาตามการออกเสียงต้นฉบับจริงๆ ต้องออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส เพราะภาษาเยอรมันออกเสียง ER เป็น แอร์ หรืออย่าง Mercedes AMG ก็ออกเสียงว่า แมร์-ซี-ดิส-อา-เอม-กี ซึ่งคุณไปบอกเซลว่าอยากซื้อรุ่นอาเอมกี คิดว่าเค้าจะงงมั้ยครับ คือมันถูก แต่มันไม่ Localized ใช้สื่อสารไม่ได้ก็ถือว่าไม่ถูกครับ
หรือถ้าจะเอาเป็น American English มันก็ออกเสียง เมอร์-ซี-ดีส อยู่ดี ไม่ได้ออกเสียง เมอร์เซดีสอย่างที่คุณเข้าใจ
Mercedes เป็นชื่อที่มีที่มาจากภาษาสเปนแปลว่า Lady of Mercy ถ้าอ่านแบบ original จริงๆ ก็คือเมอร์เซดีสครับ
ส่วน yank accent ก็อ่านเมอร์เซดีสเหมือนกัน ถ้าสังเกตจากที่พวก yank เรียกก็จะอ่านตามนี้ครับ
ออกเสียงแบบ original แบบสเปน
https://www.youtube.com/watch?v=j1hK-chnHVg
ออกเสียงแบบ yank
https://www.youtube.com/watch?v=zqKkHnRFBfM
ตามอเมริกันถ้าฟังพูดไวๆ ก็ฟังเป็นเมอซีดิสได้อยู่ครับ พูดช้าๆ จะได้ยินเป็นเมอเซดิสแบบในคลิป
คนเยอรมันก็รู้สึกจะอ่านว่า เมอซีดิสอยู่เหมือนกันนะ
-
บ้านผมใช้ W124 ตั้งแต่ป้ายแดง ทุกวันนี้ยังใช้อยู่ มันเป็นเบนช์ที่สมกับเป็นรถเยอรมันที่สุดล่ะ ทน อึด นุ่ม เงียบ
ตอนใช้ W124 ไป 2 ปี คุณพ่อก็ไปออก W202 มาอีกคัน ตอนแรกให้แม่ใช้ แต่แม่ไม่ค่อยใช้ ผมเลยเอามาใช้แทน คันนี้โคตรจุกจิกเลย งอแงบ่อยมาก แถมเสียแต่ของที่ไม่น่าเสีย สวิทซ์ไฟฉุกเฉินงี้ มอเตอร์ที่ปัดน้ำฝนงี้ ใช้ได้ 4 ปี ทนไม่ไหวขายทิ้งเลย
แล้วเปลี่ยนมามาสด้า3 ตัวแรก โหย มีความสุขกับกระเป๋าตั้งค์กว่าเบนช์มาก ไม่มีจุกจิก งอแงเหมือนเบนช์เลย ถึงภาพลักษณ์จะสู้ไม่ได้ก็เถอะ แต่ขับแล้วสบายใจกว่าเยอะ
พอไปสักพัก จะออกรถพรีเมียม เลนไปออกเล็กซัส CT200h เพราะตอนเปิดตัวราคาดีมาก(แล้วตอนนี้ก็พุ่งทะยานจนไม่มีใครซื้อแล้ว)
ใช้มา สองแสนโล ยังไม่มีอะไรจุกจิกกวนใจ แต่เคลมเปลี่ยนแบตไฮบริดไปแล้วรอบนึง ที่ระยะทางประมาณ 160,000 โล
แล้วมีเพื่อนสาวมาเห็นเลยอยากได้รถเล็กบ้างไปออก เอคลาส กลายเป็นเกียร์มีปัญหา แถมทางศูนย์ ก็มัวแต่ทำตามคู่มือ ทีละเสต็ป จนสตาร์ทไม่ติดหลายรอบ เพื่อนเลยเริ่มท้อบ่นอยากขายดาวน์ทิ้งแล้ว เลยให้ผมช่วยคุยกับเบนช์หน่อย ผมเลยอาละวาดไปว่า ไม่ต้องทำตามเสต็ปแล้ว คนขับเป็นผู้หญิงเกิดรถไปตายกลางทางที่เปลี่ยวๆจะทำยังไง ให้ช่างมาวิเคราะห์หาสาเหตุหลักๆไปเลย สุดท้ายก็เคลมเปลี่ยนตัวอะไรจำไม่ได้ล่ะ ถึงจะหมดปัญหา
-
ผมใช้ bmw เพราะเป็นแบรนด์ที่ชอบ และซื้อ benz เพราะภายในสวย แค่นั้นไม่เกี่ยวกับคุณภาพอะไรทั้งนั้น
-
คนรอบตัวที่เคยใช้ หาคนไม่บ่น ไม่เคยเจอปัญหาจุกจิกยากจริงๆ พวกลูกค้าพ่อรายใหญ่ต่างจังหวัด บ่นแทบทุกราย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังซบแบรนด์นี้กันอยู่ เพราะเป็นวัยก่อนยุค baby boom ซะมาก ที่จะภักดีบูชาตราดาว ส่วนพวกลูกค้ารุ่นใหม่มีหันมาใช้เลกซัสกันมากขึ้น พวก RX NX ที่ทำราคาพอคุยกันรู้เรื่องหน่อย ไม่ก็พวกโตโยต้ารุ่นสูงอย่าง Harrier Alphard/Vellfire ออกกันตรึม เหตุผลหลักๆ คือมันทนกว่านั่นแหละ และภาพลักษณ์ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ไม่ใช่เอะอะเบนซ์ ยี่ห้ออื่นก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นในบ้านเราแล้วล่ะ
แต่ส่วนตัว กำลังหาเหาใส่กระบาล เพราะอยากได้ C250 Coupe ตัวใหม่นี่แหละ คงเอื้อมไม่ถึง C43 แต่ชอบทุกๆ อย่างของมันจริงๆ ทั้งที่ยังไม่เคยขับ (C207 สวยแต่รูป จูบแล้วอาเจียน หวังว่าตัวนี้จะไม่เป็นเช่นรุ่นพี่) พอไปเสนอพ่อดู แกดูเอือมเบนซ์ ไม่เคยชอบอะไรของแบรนด์นี้ซักอย่าง นานๆ จะเจอคนวัย 60 กว่ากะรัตไม่ชอบตราดาวอย่างจริงจัง
-
เห็นด้วย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
-
ขอบคุณที่แชร์ครับ :D :D :D :D
-
มันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเบ้นหรอกครับ มันเกี่ยวกับรถใหม่
คนที่เด้าซื้อรถใหม่ก็ต้องการรถดีๆ ไม่มีปัญหา ไม่งั้นจะซื้อใหม่ทำไมละ
แต่ทุกวันนี้อย่าว่าแต่เบ้นเลย แทบจะทุกค่ายก็มีปัญหามาให้เห็นทั้งนั้น
ในโซเชี่ยวเจอแทบทุกยี่ห้อ รถใหม่มีปัญหา ผมว่าผู้บริโภครถใหม่ป้ายแดงคาดหวังกับความใหม่มากกว่าครับ ไม่ใช่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
และสุดท้ายรถเบ้นไม่ใช่ความฝันของคนทั้งโลก ถ้าในไทยอาจจะใช่ถ้านับเสียงส่วนใหญ่...
-
จขกท. คิดเหมือนผมเด๊ะๆเลย
ยังกับเขียนความคิดผมเลยครับ
ปัจจุบัน ผมบอกเลยว่า Benz มันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่
รถญี่ปุ่นบางรุ่นก็เทียบชั้นได้สบายๆ แต่เพราะ Benz
คือ Benz ในไทย ก็ยังคงต้องเลือกใช้ต่อไป ด้วยเหตุผลที่รู้ๆกัน
-
เห็นด้วยกับหลาายท่านนะ ส่วนตัวผมมองว่ารถเบนซ์หรือ BMW ค่าซ่อมมันแพง เวลาซื้อมาใช้งานถ้าเป็นแบบในรูปรถบริษัทมีเงินเหลือใช้ สามารถเปลี่ยนรถทุก 5 ปีโดยไม่คำนึงถึงการซ่อมหรือราคาขายต่อ ผมว่ามันเป็นรถที่น่าซื้อให้ภาพลักษณ์ดี ฟิิลิ่งดี ความปลอดภัยสูง แต่โดยส่วนตัวผมไมไ่ด้มีเงินขนาดนั้นที่จะไปซื้อป้ายแดงหรือมือ 2 มาใช้ ซื้อมาเป็นภาระเปล่า ๆ
ส่วนรถญี่ปุ่นไม่จุกจิกเท่ารถยุโรปครับแม้จะซ่อมแพงขึ้นตามราคา แต่เวลาซื้อก็ต้องดูความจขำเป็นและตามฐานะอยู่ดี
เห็นด้วยเลยคับ
ถ้าซื้อรถในนามนิติ เช่าซื้อ เอามาหักภาษี ได้ภาพลักษณ์ดีคุ้มคับ
แต่ถ้าต้องซื้อจ่ายเอง ผมขอบายเหมือนกัน
ถ้าเป็นผมนะ ทำธุรกิจเล็กๆ ผมขอจับ MG GS 1.5 หรือ MG5 1.5 ดีกว่า
::)