Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: @MIN ที่ มกราคม 15, 2017, 21:49:27
-
ผมซื้อ 2 ดีเซล คันนี้มาแทน jazz ge ที่ปลดระวางไป เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
เหตุผลที่เลือก 2 ดีเซล เพราะอยากลองขับเก๋งดีเซลดูบ้าง
mazda2 เป็นเก๋งดีเซล ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณภาพ เมื่อได้ใช้งานจริงๆ ดีเกินกว่าที่คิดไว้มาก
mazda2 ดีเซล ตัวท็อป กับราคา 779,000 บาท แพงที่สุดใน b segment
จะมองว่าแพงก็ได้ครับ ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง city , vios
จะมองว่าคุ้มค่าก็ได้ครับ ถ้าคิดว่า ได้ขับเก๋งดีเซล ที่มีเทคโนโลยี จัดเต็ม ในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
design ภายในตัวท็อป หนังแท้ จะดู sport ก็ได้ จะดูหรูก็ได้เช่นกัน ส่วนตัวแล้ว ชอบที่สุดใน b segment
design ภายนอกตัวท็อป เส้นสายดูลงตัว ที่ชอบมากคือ โคมไฟหน้า led projector + daylight
3 เดือนกับ ระยะทาง 6000 โล ใช้งานในเมืองเป็นหลัก มีขับไป หัวหิน 2 รอบ , เขาใหญ่ 1 รอบ เพื่อทดสอบวิ่งทางไกล
ขอบอกว่า เป็นรถที่ขับดีมากๆ รู้เลยว่า รถที่ขับสนุก เป็นอย่างไร
อัตราเร่ง ดีเซล 1.5 turbo .. ปรู๊ดปร๊าด ตามเท้าเลย กดเป็นมา สั่งได้อย่างใจ แป๊ปเดียว 120 แล้ว ..
พวงมาลัย น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาไม่หนักเกินไป ควมคุมง่าย สบายมือ
ช่วงล่าง เดิมๆ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม .. นุ่ม แต่หนึบ กระด้างนิดหน่อย ไม่มาก , ความเร็ว 120 ช่วงล่างยังนิ่งหนึบ ok เลยครับ
ประหยัดน้ำมัน ทำได้จริง 20 กม./ลิตร (jazz ge คันเก่า เส้นทางเดียวกัน ได้ 13 กม./ลิตร)
ข้อเสีย ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน
- ภายในจะแคบกว่า jazz , city ถ้าสูงสัก 180 up จะรู้สึกอึดอัดพอควรเลย
- ช่องเก็บของ น้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เหมือน honda
ความรู้สึกส่วนตัว หลังจากใช้งานมา 3 เดือน
คันนี้ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่เป็นรถญี่ปุ่น ราคา 8 แสนบาท ที่ ok ที่สุด สำหรับผมครับ
-
ดีใจด้วยครับได้รถที่ถูกใจ ผมเคยไปลองขับ ชอบฟีลลิ่งมากๆ handling ,ช่วงล่าง มันคล้าย bm ที่มีความนุ่ม หนึบ ช่วงล่างเด่นเลยครับ
-
ของผม1 ปีกับอีก 5 เดือนตอนนี้กำลังจะแตะ 50000 โล ปัญหาที่เจอก็แบตเสื่อมตั้งแต่ 23000 โล เปลี่ยนข้างนอกเอา ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาแบต
กับยอยพวงมาลัยดังกึกๆ เวลาเลี้ยว ปัญหายอดฮิตมาตั้งแต่ 2 รุ่นเก่า แต่ก็แก้ไขง่ายๆด้วยการถอดมาอัดจารบีเอง แก้ขัดไปพลางๆระหว่างรอพาทตัวใหม่
ตอนนี้อัตรากินน้ำมันเฉลี่ยรวม 4.9/100 กม./ลิตร
ปัญหาอีกอย่างที่เจอกันในคลับสำหรับตัวดีเซลคือเครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้น เท่าที่วิเคราะห์กันคือ สปริงวาล์วเสื่อมแต่ของผมยังไม่เจอ กับอีกบทวิเคราะห์คนที่เครื่องสั่นส่วนใหญ่จะขับกันเนิบๆ ทำให้ dpf อาจตันได้ แต่ของผมอัด140 ทุกวัน แต่ไม่ได้อัดนาน เอาพอกระสัยให้เครื่องมันล้างเขม่าหน่อย
กับปัญหาข้อสุดท้าย ค่าแรง 0 แพง พอหมดคูปองค์ฟรีแล้วผมไม่อยากเข้า 0 เลย
-
เคยขับ mazda2ของพี่สาว ขับสนุก ช่วงล่างดีถ้าปมเลือกรถsegment นี่คงจบที่คันนี้เหมือนกัน
แต่มันก็พอมีเรื่องให้ติเล็กน้อยตรงพอรอบต่ำๆ มันจะมีturbo lag นิดนึงให้พอสัมผัสได้เท่านั้นเอง แต่ดูรวมๆแล้วคุ้มครับ
-
20km./ลิตร
ที่สุด ของ B Segment แล้วครับ
ทางชัน บนเขา ได้เปรียบเบนซิน
ไม่ต้องแรงต่อเนื่อง แบบFLAT TORQUE Benzene
แต่คุ้มค่าราคาซื้อ
ผมก็เลง M2 Diesel มือ2 ครับ :)
-
ที่จริง จขกท. อยากจะบอกว่าที่จริงคือที่สุดใช่มั้ยครับ แต่ออกแนวลูกเกรงใจ ;D
ตอนนี้อยากเห็นคนเทียบ Mazda 2 diesel ท๊อป กับ CX-3 2.0 ท๊อปจัง
ว่าใครจะวินๆ ถ้าได้อ่านคงจะฟินมาก พลอยอยากได้ไปด้วย
ส่วนตัวถ้าจะซื้อ D segment ก็ต้องกว้างกว่านั่งสบายกว่า แต่
ถ้าเป็น B car จะไม่ค่อยสนใจเรื่องกว้างเท่าไหร่ขออย่าให้โดนเบียดโดนดันเป็นพอ
-
ใช้มา 5 เดือนแล้วเหมือนกันครับ
อัตราเร่งตีนต้นทำได้ดีเลยครับ พอช่วงได้ความเร็วเดินทางแผ่วไปมากเลยตามประสาดีเซล แต่ก็พอใช้งาน จะติดแค่คันเร่งถ้ากระทืบทันทีจะ lag พอสมควร แต่พอค่อยๆ กดไล่ก็ทำได้โอเค รวมๆ ประมาณคู่แข่งแต่มาในย่านที่ต่างกัน
ที่ติดใจจริงๆ ก็ handling การควบคุมที่ดีครับ คล่องตัวแต่ยังเอารถได้อยู่จริง ให้แพ้แค่ Ford Fiesta , Chev Sonic แค่นั้นเลย กับความประหยัดที่ไม่ต้องขับพิสดารก็ประหยัดในระดับ 18-22 km/l ได้จริง
สรุปสั้นๆ คือรถดีครับ ขับดี ประหยัดดี อัตราเร่งก็พอใช้ จะติดแค่พื้นที่ในรถกับส่วนตัวมองว่าช่วงล่างออกติดแข็งไปหน่อย คงชินกับคู่แข่งมากกว่า
ส่วนปัญหารถผมยังไม่มีอะไรครับ ตอนนี้ก็ระวังแค่แบตเสื่อมไวกับเครื่องสั่นนี่แหละ โชคดีที่แบตขยายรับประกันให้ 18 เดือนแล้ว
-
รถในฝันผมเลยครับ
เสียดายแพงไปหน่อย
ถ้ามีโอกาสงามๆ คงได้จัดครับ
ชอบตรง 20โลลิตรนี่แหละ
เพราะถ้าผมใช้ ยังไงก็มี 17โลลิตร
ซึ่งยังไงดีกว่าเบนซินที่ประหยัดที่สุดอยู่ดี
-
เครื่องดีเซลMazda2ตัวนี้ไม่มีปัญหาซ่อมแพงๆแบบ CX5 ดีเซลในคลับใช่ไหมครับ
-
ผมซื้อ 2 ดีเซล คันนี้มาแทน jazz ge ที่ปลดระวางไป เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
เหตุผลที่เลือก 2 ดีเซล เพราะอยากลองขับเก๋งดีเซลดูบ้าง
mazda2 เป็นเก๋งดีเซล ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณภาพ เมื่อได้ใช้งานจริงๆ ดีเกินกว่าที่คิดไว้มาก
mazda2 ดีเซล ตัวท็อป กับราคา 779,000 บาท แพงที่สุดใน b segment
จะมองว่าแพงก็ได้ครับ ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง city , vios
จะมองว่าคุ้มค่าก็ได้ครับ ถ้าคิดว่า ได้ขับเก๋งดีเซล ที่มีเทคโนโลยี จัดเต็ม ในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
design ภายในตัวท็อป หนังแท้ จะดู sport ก็ได้ จะดูหรูก็ได้เช่นกัน ส่วนตัวแล้ว ชอบที่สุดใน b segment
design ภายนอกตัวท็อป เส้นสายดูลงตัว ที่ชอบมากคือ โคมไฟหน้า led projector + daylight
3 เดือนกับ ระยะทาง 6000 โล ใช้งานในเมืองเป็นหลัก มีขับไป หัวหิน 2 รอบ , เขาใหญ่ 1 รอบ เพื่อทดสอบวิ่งทางไกล
ขอบอกว่า เป็นรถที่ขับดีมากๆ รู้เลยว่า รถที่ขับสนุก เป็นอย่างไร
อัตราเร่ง ดีเซล 1.5 turbo .. ปรู๊ดปร๊าด ตามเท้าเลย กดเป็นมา สั่งได้อย่างใจ แป๊ปเดียว 120 แล้ว ..
พวงมาลัย น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาไม่หนักเกินไป ควมคุมง่าย สบายมือ
ช่วงล่าง เดิมๆ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม .. นุ่ม แต่หนึบ กระด้างนิดหน่อย ไม่มาก , ความเร็ว 120 ช่วงล่างยังนิ่งหนึบ ok เลยครับ
ประหยัดน้ำมัน ทำได้จริง 20 กม./ลิตร (jazz ge คันเก่า เส้นทางเดียวกัน ได้ 13 กม./ลิตร)
ข้อเสีย ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน
- ภายในจะแคบกว่า jazz , city ถ้าสูงสัก 180 up จะรู้สึกอึดอัดพอควรเลย
- ช่องเก็บของ น้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เหมือน honda
ความรู้สึกส่วนตัว หลังจากใช้งานมา 3 เดือน
คันนี้ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่เป็นรถญี่ปุ่น ราคา 8 แสนบาท ที่ ok ที่สุด สำหรับผมครับ
ถ้าจำไม่ผิด รายการขับซ่า น่าจะเคยทำเปรียบเทียบตัว เบนซิน กับ ดีเซล ไว้
ดีเซลจะวิ่งได้ระยะทางมากกว่า แต่ถ้าคิดตามราคาน้ำมัน ตัวเบนซินจะประหยัดกว่า แถมอัตราเร่งพอๆกับตัวดีเซล
ความคุ้มค่าในเรื่องราคา และค่าซ่อมบำรุง ตัวเบนซินได้เปรียบกว่า จำได้ประมาณนี้ รายละเอียดลองไปหารายการย้อนหลังดูนะครับ
-
สำหรับผม. มันแพงไป
-
ยังมีอาการแร็คดัง กึกๆ หรือครับ
ผมเองก็สนรุ่นนี้เหมือนกัน เพราะจากเดิมที่มองกระบะไว้ แต่เพราะที่จอดในบ้านไม่อำนวย เลยได้แค่รถ B-Seg เท่านั้นครับ
-
ใช้มา 6 เดือนครับ ถูกใจมากครับ เป็น B-Seg คันแรกของบ้าน และ รู้สึกโอเคกับม้นมากเลย
-
มักจะเจอ M2 ดีเซล ซิ่งๆเวลาวิ่งตจว.หรือในเมือง แอบมองในกระจกมองหลัง รถสวยดีน่าใช้ ติดที่เราก็ใช้ 2.0 ดีเซลเทอร์โบอยู่แล้ว ::)
-
ของผม1 ปีกับอีก 5 เดือนตอนนี้กำลังจะแตะ 50000 โล ปัญหาที่เจอก็แบตเสื่อมตั้งแต่ 23000 โล เปลี่ยนข้างนอกเอา ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาแบต
กับยอยพวงมาลัยดังกึกๆ เวลาเลี้ยว ปัญหายอดฮิตมาตั้งแต่ 2 รุ่นเก่า แต่ก็แก้ไขง่ายๆด้วยการถอดมาอัดจารบีเอง แก้ขัดไปพลางๆระหว่างรอพาทตัวใหม่
ตอนนี้อัตรากินน้ำมันเฉลี่ยรวม 4.9/100 กม./ลิตร
ปัญหาอีกอย่างที่เจอกันในคลับสำหรับตัวดีเซลคือเครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้น เท่าที่วิเคราะห์กันคือ สปริงวาล์วเสื่อมแต่ของผมยังไม่เจอ กับอีกบทวิเคราะห์คนที่เครื่องสั่นส่วนใหญ่จะขับกันเนิบๆ ทำให้ dpf อาจตันได้ แต่ของผมอัด140 ทุกวัน แต่ไม่ได้อัดนาน เอาพอกระสัยให้เครื่องมันล้างเขม่าหน่อย
กับปัญหาข้อสุดท้าย ค่าแรง 0 แพง พอหมดคูปองค์ฟรีแล้วผมไม่อยากเข้า 0 เลย
ใช้คุ้มเลย 50000 โล ยังไม่สั่น ก็ถือ ok นะครับ
เข้าไปอ่านในคลับเหมือนกันครับ บางคัน 7-8 หมื่นโล ก็ยังปกติ ไม่สั่น , แต่บางคัน 5 หมื่นโล ก็สั่น คิดว่าน่าจะเกิดจาก น้ำมันเชื่อเพลิงไม่สะอาดหรือเปล่า
พวมมาลัย รถผม ยังปกติครับ
ค่าแรงแพงกว่าชาวบ้าน ในรุ่นเดียวกันทั้งหมด แต่รับได้ครับ , ผมมี subaru xv อีกคัน เช็คระยะ 4 หมื่นโล โดนไป 11,000 บาทครับ :o :o
-
เคยขับ mazda2ของพี่สาว ขับสนุก ช่วงล่างดีถ้าปมเลือกรถsegment นี่คงจบที่คันนี้เหมือนกัน
แต่มันก็พอมีเรื่องให้ติเล็กน้อยตรงพอรอบต่ำๆ มันจะมีturbo lag นิดนึงให้พอสัมผัสได้เท่านั้นเอง แต่ดูรวมๆแล้วคุ้มครับ
20km./ลิตร
ที่สุด ของ B Segment แล้วครับ
ทางชัน บนเขา ได้เปรียบเบนซิน
ไม่ต้องแรงต่อเนื่อง แบบFLAT TORQUE Benzene
แต่คุ้มค่าราคาซื้อ
ผมก็เลง M2 Diesel มือ2 ครับ :)
ใช้มา 5 เดือนแล้วเหมือนกันครับ
อัตราเร่งตีนต้นทำได้ดีเลยครับ พอช่วงได้ความเร็วเดินทางแผ่วไปมากเลยตามประสาดีเซล แต่ก็พอใช้งาน จะติดแค่คันเร่งถ้ากระทืบทันทีจะ lag พอสมควร แต่พอค่อยๆ กดไล่ก็ทำได้โอเค รวมๆ ประมาณคู่แข่งแต่มาในย่านที่ต่างกัน
ที่ติดใจจริงๆ ก็ handling การควบคุมที่ดีครับ คล่องตัวแต่ยังเอารถได้อยู่จริง ให้แพ้แค่ Ford Fiesta , Chev Sonic แค่นั้นเลย กับความประหยัดที่ไม่ต้องขับพิสดารก็ประหยัดในระดับ 18-22 km/l ได้จริง
สรุปสั้นๆ คือรถดีครับ ขับดี ประหยัดดี อัตราเร่งก็พอใช้ จะติดแค่พื้นที่ในรถกับส่วนตัวมองว่าช่วงล่างออกติดแข็งไปหน่อย คงชินกับคู่แข่งมากกว่า
ส่วนปัญหารถผมยังไม่มีอะไรครับ ตอนนี้ก็ระวังแค่แบตเสื่อมไวกับเครื่องสั่นนี่แหละ โชคดีที่แบตขยายรับประกันให้ 18 เดือนแล้ว
มักจะเจอ M2 ดีเซล ซิ่งๆเวลาวิ่งตจว.หรือในเมือง แอบมองในกระจกมองหลัง รถสวยดีน่าใช้ ติดที่เราก็ใช้ 2.0 ดีเซลเทอร์โบอยู่แล้ว ::)
ใช้มา 6 เดือนครับ ถูกใจมากครับ เป็น B-Seg คันแรกของบ้าน และ รู้สึกโอเคกับม้นมากเลย
ดีใจด้วยครับได้รถที่ถูกใจ ผมเคยไปลองขับ ชอบฟีลลิ่งมากๆ handling ,ช่วงล่าง มันคล้าย bm ที่มีความนุ่ม หนึบ ช่วงล่างเด่นเลยครับ
ขอบคุณครับ :) :)
-
ที่จริง จขกท. อยากจะบอกว่าที่จริงคือที่สุดใช่มั้ยครับ แต่ออกแนวลูกเกรงใจ ;D
ตอนนี้อยากเห็นคนเทียบ Mazda 2 diesel ท๊อป กับ CX-3 2.0 ท๊อปจัง
ว่าใครจะวินๆ ถ้าได้อ่านคงจะฟินมาก พลอยอยากได้ไปด้วย
ส่วนตัวถ้าจะซื้อ D segment ก็ต้องกว้างกว่านั่งสบายกว่า แต่
ถ้าเป็น B car จะไม่ค่อยสนใจเรื่องกว้างเท่าไหร่ขออย่าให้โดนเบียดโดนดันเป็นพอ
ดีที่สุด คงไม่ใช่ครับ ถ้าเทียบกับรถยุโรป เครื่องดีเซล อย่าง benz bmw mini เค้าดีกว่าแน่นอน แต่ราคา ก็ต่างกัน 3 เท่าครับ
แต่ชอบที่สุด ในราคา 8 แสนบาทครับ ;) ;)
2 ดีเซลท็อป กับ cx3 2.0 เบนซินท็อป ... ราคาต่างกันประมาณ 2 แสน เยอะอยู่นะครับ
ตัดสินยากเหมือนกัน เพราะต่างก็มีดี ของตัวเอง
-
ใช้มา 5 เดือนแล้วเหมือนกันครับ
อัตราเร่งตีนต้นทำได้ดีเลยครับ พอช่วงได้ความเร็วเดินทางแผ่วไปมากเลยตามประสาดีเซล แต่ก็พอใช้งาน จะติดแค่คันเร่งถ้ากระทืบทันทีจะ lag พอสมควร แต่พอค่อยๆ กดไล่ก็ทำได้โอเค รวมๆ ประมาณคู่แข่งแต่มาในย่านที่ต่างกัน
ที่ติดใจจริงๆ ก็ handling การควบคุมที่ดีครับ คล่องตัวแต่ยังเอารถได้อยู่จริง ให้แพ้แค่ Ford Fiesta , Chev Sonic แค่นั้นเลย กับความประหยัดที่ไม่ต้องขับพิสดารก็ประหยัดในระดับ 18-22 km/l ได้จริง
สรุปสั้นๆ คือรถดีครับ ขับดี ประหยัดดี อัตราเร่งก็พอใช้ จะติดแค่พื้นที่ในรถกับส่วนตัวมองว่าช่วงล่างออกติดแข็งไปหน่อย คงชินกับคู่แข่งมากกว่า
ส่วนปัญหารถผมยังไม่มีอะไรครับ ตอนนี้ก็ระวังแค่แบตเสื่อมไวกับเครื่องสั่นนี่แหละ โชคดีที่แบตขยายรับประกันให้ 18 เดือนแล้ว
ผมติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มครับ ตั้งโหมด sport ระดับ 3 (จากทั้งหมด 15 ระดับ) ... ไม่ติด laq เลยครับ , อัตราเร่ง มาตามเท้า ขับสนุกกว่าเดิมเยอะเลยครับ
-
เครื่องดีเซลMazda2ตัวนี้ไม่มีปัญหาซ่อมแพงๆแบบ CX5 ดีเซลในคลับใช่ไหมครับ
เท่าที่ดูในคลับ mazda2 .. มีคนใช้เกือบๆ 2 ปี เช็คระยะถึง 1 แสนโลแล้ว ก็ไม่แพงนะครับ .. แต่ต้องโทรไปจองคิวก่อน ไม่เหมือน honda เข้าไปตอนไหน ก็ได้ ;)
-
ผมซื้อ 2 ดีเซล คันนี้มาแทน jazz ge ที่ปลดระวางไป เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
เหตุผลที่เลือก 2 ดีเซล เพราะอยากลองขับเก๋งดีเซลดูบ้าง
mazda2 เป็นเก๋งดีเซล ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณภาพ เมื่อได้ใช้งานจริงๆ ดีเกินกว่าที่คิดไว้มาก
mazda2 ดีเซล ตัวท็อป กับราคา 779,000 บาท แพงที่สุดใน b segment
จะมองว่าแพงก็ได้ครับ ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง city , vios
จะมองว่าคุ้มค่าก็ได้ครับ ถ้าคิดว่า ได้ขับเก๋งดีเซล ที่มีเทคโนโลยี จัดเต็ม ในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
design ภายในตัวท็อป หนังแท้ จะดู sport ก็ได้ จะดูหรูก็ได้เช่นกัน ส่วนตัวแล้ว ชอบที่สุดใน b segment
design ภายนอกตัวท็อป เส้นสายดูลงตัว ที่ชอบมากคือ โคมไฟหน้า led projector + daylight
3 เดือนกับ ระยะทาง 6000 โล ใช้งานในเมืองเป็นหลัก มีขับไป หัวหิน 2 รอบ , เขาใหญ่ 1 รอบ เพื่อทดสอบวิ่งทางไกล
ขอบอกว่า เป็นรถที่ขับดีมากๆ รู้เลยว่า รถที่ขับสนุก เป็นอย่างไร
อัตราเร่ง ดีเซล 1.5 turbo .. ปรู๊ดปร๊าด ตามเท้าเลย กดเป็นมา สั่งได้อย่างใจ แป๊ปเดียว 120 แล้ว ..
พวงมาลัย น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาไม่หนักเกินไป ควมคุมง่าย สบายมือ
ช่วงล่าง เดิมๆ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม .. นุ่ม แต่หนึบ กระด้างนิดหน่อย ไม่มาก , ความเร็ว 120 ช่วงล่างยังนิ่งหนึบ ok เลยครับ
ประหยัดน้ำมัน ทำได้จริง 20 กม./ลิตร (jazz ge คันเก่า เส้นทางเดียวกัน ได้ 13 กม./ลิตร)
ข้อเสีย ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน
- ภายในจะแคบกว่า jazz , city ถ้าสูงสัก 180 up จะรู้สึกอึดอัดพอควรเลย
- ช่องเก็บของ น้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เหมือน honda
ความรู้สึกส่วนตัว หลังจากใช้งานมา 3 เดือน
คันนี้ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่เป็นรถญี่ปุ่น ราคา 8 แสนบาท ที่ ok ที่สุด สำหรับผมครับ
ถ้าจำไม่ผิด รายการขับซ่า น่าจะเคยทำเปรียบเทียบตัว เบนซิน กับ ดีเซล ไว้
ดีเซลจะวิ่งได้ระยะทางมากกว่า แต่ถ้าคิดตามราคาน้ำมัน ตัวเบนซินจะประหยัดกว่า แถมอัตราเร่งพอๆกับตัวดีเซล
ความคุ้มค่าในเรื่องราคา และค่าซ่อมบำรุง ตัวเบนซินได้เปรียบกว่า จำได้ประมาณนี้ รายละเอียดลองไปหารายการย้อนหลังดูนะครับ
ข้อมูลใหม่ เพิ่งเคยได้ยิน ... อัตราเร่ง เบนซินเครื่อง 1300 93 แรงม้า พอๆ กับ ดีเซลเครื่อง 1500 105 แรงม้า ที่มี turbo ..
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
-
สำหรับผม. มันแพงไป
เข้าใจครับ มีหลายคนก็คิดแบบนี้เหมือนกันครับ
ตัวท็อป อาจจะแพงไป ดีเซลตัวเริ่มต้น 650,000 บาท ก็ ok นะครับ , ระบบความปลอดภัยให้มาครบ เหมือนตัวท็อปเลย ต่างกันแค่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความสวยงามเท่านั้นครับ
-
ยังมีอาการแร็คดัง กึกๆ หรือครับ
ผมเองก็สนรุ่นนี้เหมือนกัน เพราะจากเดิมที่มองกระบะไว้ แต่เพราะที่จอดในบ้านไม่อำนวย เลยได้แค่รถ B-Seg เท่านั้นครับ
ของผมยังปกติ ดีอยู่ครับ
-
ที่จริง จขกท. อยากจะบอกว่าที่จริงคือที่สุดใช่มั้ยครับ แต่ออกแนวลูกเกรงใจ ;D
ตอนนี้อยากเห็นคนเทียบ Mazda 2 diesel ท๊อป กับ CX-3 2.0 ท๊อปจัง
ว่าใครจะวินๆ ถ้าได้อ่านคงจะฟินมาก พลอยอยากได้ไปด้วย
ส่วนตัวถ้าจะซื้อ D segment ก็ต้องกว้างกว่านั่งสบายกว่า แต่
ถ้าเป็น B car จะไม่ค่อยสนใจเรื่องกว้างเท่าไหร่ขออย่าให้โดนเบียดโดนดันเป็นพอ
ดีที่สุด คงไม่ใช่ครับ ถ้าเทียบกับรถยุโรป เครื่องดีเซล อย่าง benz bmw mini เค้าดีกว่าแน่นอน แต่ราคา ก็ต่างกัน 3 เท่าครับ
แต่ชอบที่สุด ในราคา 8 แสนบาทครับ ;) ;)
2 ดีเซลท็อป กับ cx3 2.0 เบนซินท็อป ... ราคาต่างกันประมาณ 2 แสน เยอะอยู่นะครับ
ตัดสินยากเหมือนกัน เพราะต่างก็มีดี ของตัวเอง
แค่อยากเปรียบเทียบแบบไม่ต้องดูราคาครับ
แอบเชียร์ 2 ดีเซลให้ดีกว่า หรือพอๆ กัน เพราะ CX3 diesel
ที่อยู่เหนือกว่า 2.0 อีกทีราคาไปไกลมาก
-
รถในฝันผมเลยครับ
เสียดายแพงไปหน่อย
ถ้ามีโอกาสงามๆ คงได้จัดครับ
ชอบตรง 20โลลิตรนี่แหละ
เพราะถ้าผมใช้ ยังไงก็มี 17โลลิตร
ซึ่งยังไงดีกว่าเบนซินที่ประหยัดที่สุดอยู่ดี
ตัวท็อป อาจจะแพงไป ดีเซลตัวเริ่มต้น 650,000 บาท ก็ ok นะครับ , ระบบความปลอดภัยให้มาครบ เหมือนตัวท็อปเลย ต่างกันแค่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความสวยงามเท่านั้นครับ
-
ผมว่าติดอืดๆนิดนิดๆนะคันเร่ง หรือผมไปเทียบกับคันเร่งของ CX-5 2.2 XDL ก็ไม่รู้
เป็นรถที่ผมเคยใช้ชีวิตกับมัน ทำมาหากินกับมัน ผมเองยังอยากได้เลยแต่ติดว่า ต้องเก็บเงินนี้หละเลยไม่ได้ซื้อ (ถ้าซื้อคงเอา 1.5 ตัวโหล่อะครับกะเอามาแต่งอย่างเดียวเลย)
-
Mazda 2 ถ้า โมเอาเครื่อง 2.0 ของ mazda 3 ,CX-3 มาลงเหยียบสนุก หรือบินไปเลย
-
หน้าตา คนส่วนใหญ่ชอบความประหยัดน้ำมันของมัน ฟิลลิ่งการขับขี่และควบคุมรถ
ข้อเสียความแคบครับ
-
สำหรับผมนะ
Mazda คันสุดท้าย
รถมันดีครับ แต่ศูนย์และงานช่างไม่ดีเลย .... ถ้าจะซื้อมาสด้าอีก คงรอศูนย์มันนิ่งกว่านี้
...........
ข้อดี
ประหยัดเข้าขั้นบ้าคลั่ง .... ปกติผมขับ GE 14-15โลลิตร - มาขับ 2 ขับแบบธรรมดา เน้นประหยัดนิดนึง 22-23...
ภายในสวย ใช้งานคล่องๆ ดี ออกแบบภายในดีมาก
ช่วงล่างดีมากในระดับราคา พวงมาลัยชอบมากกก ผมขับแจ๊ส 100-110ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ 2 จะรู้สึกตอน 140(แต่ปกติผมก็ขับ 110นั่นละ ตามกฎหมายกำหนด)
อัตราเร่ง เดินทางไกล ขึ้นเขายอดเยี่ยม เกาะโค้งในเขาก็ดี ไปขึ้นดอยแม่สลอง-ดอยตุง เทียบกับแจ๊สแล้ว แทบไม่อยากไปขับแจ๊ส
ชอบ HUD สุดๆ
ข้อเสีย
เกลียดเบาะ...อันนี้ส่วนตัว เบาะ Jazz ดีกว่าสำหรับผม ขับทางไกลสบายกว่า ทั้งๆที่ 2 ขับนิ่งกว่า ช่วงล่างดีกว่า
พื้นที่ภายในแย่ ตอนใช้ jazz โยนจักรยานเข้าไปทั้งคันได้เลย พอมาใช้ 2 ต้องค่อยๆ ถอดล้อแล้วบรรจงใส่เข้าไป
เทอร์โบแล็ก รอรอบ แล้วคันเร่งเอื่อยๆ ใช้ในเมืองไม่คล่องเท่าแจ๊ส
มุมมองรอบคันไม่ดีเท่าแจ๊ส ใช้ในเมืองผมชอบแจ๊สมากกว่า
ศูนย์คิวนาน ไม่มีคิวซ่อมฉุกเฉินเร่งด่วน ผมไม่ได้ใช้ช่วงปีใหม่เพราะเด็กปัมท์เติมน้ำมันผิดแล้วศูนย์ไม่มีคิวทำให้
ค่าใช้จ่ายอนาคต หนักแน่นอนครับ ยางตัวท็อปพึ่งไปเปลื่ยนมา ราคาแอบโหดแล้วมีแค่ enasave ที่เสียงดังแต่เกาะแบบกลางๆ ยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวตอนนี้(185/60-16ร้านยางยังงงเลย) แบตต้อง start - stop แพงกว่าปกตินิดนึง(ผมเปลื่ยนข้างนอก) ค่าอื่นๆ ก็แพงตามและถ้าไปซัดมา ........... รอซ่อมนานมากก ผมไปโดนชนท้ายมา รอจนเซ็งเลย
.....................................
ถ้าย้อนกลับไปได้ แล้วต้องซื้อ 2
ผมจะซื้อตัวถูก มาหาเบาะใส่เอง ใส่แม็กใส่ยางเอง(จะได้หนีเจ้า enasaveตัวนี้ได้สักที) ใส่ navi garmin เอง (navi ศุนย์เพิ่มเป็นหมื่น การ์ด 1อัน นำทางสู้การ์มินยังไม่ได้)
...................................
แต่ถ้าย้อนกลับไปจริงๆ ผมจะเอา jazz GK ครับ ส่วนต่างค่าน้ำมัน+ค่าอะไหล่ ยังดูคุ้มกว่านะ พอหมดประกันจับใส่ช่วงล่างดีๆ เลย
-
ยินดีด้วยครับ ซื้อมาแล้ว เรา Happy กับมัน ถือว่าซื้อมาคุ้มแล้วครับ
-
สำหรับผมนะ
Mazda คันสุดท้าย
รถมันดีครับ แต่ศูนย์และงานช่างไม่ดีเลย .... ถ้าจะซื้อมาสด้าอีก คงรอศูนย์มันนิ่งกว่านี้
...........
ข้อดี
ประหยัดเข้าขั้นบ้าคลั่ง .... ปกติผมขับ GE 14-15โลลิตร - มาขับ 2 ขับแบบธรรมดา เน้นประหยัดนิดนึง 22-23...
ภายในสวย ใช้งานคล่องๆ ดี ออกแบบภายในดีมาก
ช่วงล่างดีมากในระดับราคา พวงมาลัยชอบมากกก ผมขับแจ๊ส 100-110ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ 2 จะรู้สึกตอน 140(แต่ปกติผมก็ขับ 110นั่นละ ตามกฎหมายกำหนด)
อัตราเร่ง เดินทางไกล ขึ้นเขายอดเยี่ยม เกาะโค้งในเขาก็ดี ไปขึ้นดอยแม่สลอง-ดอยตุง เทียบกับแจ๊สแล้ว แทบไม่อยากไปขับแจ๊ส
ชอบ HUD สุดๆ
ข้อเสีย
เกลียดเบาะ...อันนี้ส่วนตัว เบาะ Jazz ดีกว่าสำหรับผม ขับทางไกลสบายกว่า ทั้งๆที่ 2 ขับนิ่งกว่า ช่วงล่างดีกว่า
พื้นที่ภายในแย่ ตอนใช้ jazz โยนจักรยานเข้าไปทั้งคันได้เลย พอมาใช้ 2 ต้องค่อยๆ ถอดล้อแล้วบรรจงใส่เข้าไป
เทอร์โบแล็ก รอรอบ แล้วคันเร่งเอื่อยๆ ใช้ในเมืองไม่คล่องเท่าแจ๊ส
มุมมองรอบคันไม่ดีเท่าแจ๊ส ใช้ในเมืองผมชอบแจ๊สมากกว่า
ศูนย์คิวนาน ไม่มีคิวซ่อมฉุกเฉินเร่งด่วน ผมไม่ได้ใช้ช่วงปีใหม่เพราะเด็กปัมท์เติมน้ำมันผิดแล้วศูนย์ไม่มีคิวทำให้
ค่าใช้จ่ายอนาคต หนักแน่นอนครับ ยางตัวท็อปพึ่งไปเปลื่ยนมา ราคาแอบโหดแล้วมีแค่ enasave ที่เสียงดังแต่เกาะแบบกลางๆ ยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวตอนนี้(185/60-16ร้านยางยังงงเลย) แบตต้อง start - stop แพงกว่าปกตินิดนึง(ผมเปลื่ยนข้างนอก) ค่าอื่นๆ ก็แพงตามและถ้าไปซัดมา ........... รอซ่อมนานมากก ผมไปโดนชนท้ายมา รอจนเซ็งเลย
.....................................
ถ้าย้อนกลับไปได้ แล้วต้องซื้อ 2
ผมจะซื้อตัวถูก มาหาเบาะใส่เอง ใส่แม็กใส่ยางเอง(จะได้หนีเจ้า enasaveตัวนี้ได้สักที) ใส่ navi garmin เอง (navi ศุนย์เพิ่มเป็นหมื่น การ์ด 1อัน นำทางสู้การ์มินยังไม่ได้)
...................................
แต่ถ้าย้อนกลับไปจริงๆ ผมจะเอา jazz GK ครับ ส่วนต่างค่าน้ำมัน+ค่าอะไหล่ ยังดูคุ้มกว่านะ พอหมดประกันจับใส่ช่วงล่างดีๆ เลย
ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลกันครับ
-
ผมว่าติดอืดๆนิดนิดๆนะคันเร่ง หรือผมไปเทียบกับคันเร่งของ CX-5 2.2 XDL ก็ไม่รู้
เป็นรถที่ผมเคยใช้ชีวิตกับมัน ทำมาหากินกับมัน ผมเองยังอยากได้เลยแต่ติดว่า ต้องเก็บเงินนี้หละเลยไม่ได้ซื้อ (ถ้าซื้อคงเอา 1.5 ตัวโหล่อะครับกะเอามาแต่งอย่างเดียวเลย)
ไม่อืดนะครับ แต่รถที่มี turbo จะรอรอบ 0.5-1 วินาทีครับ บางคนจะเรียกว่า ติด lag ครับ
ผมติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มครับ ตั้งโหมด sport ระดับ 3 (จากทั้งหมด 15 ระดับ) ... ไม่ติด lag เลย , อัตราเร่ง มาตามเท้า ขับสนุกกว่าเดิมเยอะเลยครับ
-
Mazda 2 ถ้า โมเอาเครื่อง 2.0 ของ mazda 3 ,CX-3 มาลงเหยียบสนุก หรือบินไปเลย
มีคนจูน ecu mazda 2 ดีเซล เอาไปลงสนามแข่ง 0-100 Mazda 2 6 วินาที!! ... โหดมาก
https://www.facebook.com/feeliqthailand/videos/1136416443110332/
-
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
ถ้าเป็นผมเอง ผมอยากได้ 2 ตัวเก๋ง ดีเซล ตัวเริ่มต้น สีน้ำเงิน ก็เพียงพอละครับ ราคากำลังดี
ผมยังไม่มีโอกาสลองขับไกลๆ เลยครับ อยากหาเช่ามาใช้แล้ววิ่งไกลๆ ดูสักที ;D
-
รถดีน่าใช้มาก มาสด้ามาถูกทางแล้ว
อยากให้บริษัทพิจารณาขายอะไหล่ที่ไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองราคาใกล้เคียงกับรถเจ้าตลาดด้วยจะดีมากครับ
-
เท่าที่ผมเข้าใจ mazda 2 ดีเซลแพงเพราะเป็นเทคโนโลยี clean diesel
อีกตัวที่เป็นเครื่อง clean diesel เหมือนกันคือเครื่อง 2.4 ของ Mitsu ที่ใช้ใน triton (ปาเจโรตัวใหม่ก็คงเครื่องนี้ด้วย)
เคยไปลองนั่งรถของญาติพักนึง ช่วงล่างผมว่าก็โอเคในระดับของมัน
แต่ที่ชอบมากคืออัตราการประหยัดน้ำมันดีมาก กะว่าจะหาตัวดีเซลมือสองมาใช้เป็นรถขับในเมืองหรือไว้เที่ยวใกล้ๆในวันเบาๆ
-
ผมขับดีเซลตัวรองท็อปยังชอบเลยขับครั้งแรก ดึงดี ประหยัดดี นั่ง5คนไม่มีอืด
-
เท่าที่ผมเข้าใจ mazda 2 ดีเซลแพงเพราะเป็นเทคโนโลยี clean diesel
อีกตัวที่เป็นเครื่อง clean diesel เหมือนกันคือเครื่อง 2.4 ของ Mitsu ที่ใช้ใน triton (ปาเจโรตัวใหม่ก็คงเครื่องนี้ด้วย)
เคยไปลองนั่งรถของญาติพักนึง ช่วงล่างผมว่าก็โอเคในระดับของมัน
แต่ที่ชอบมากคืออัตราการประหยัดน้ำมันดีมาก กะว่าจะหาตัวดีเซลมือสองมาใช้เป็นรถขับในเมืองหรือไว้เที่ยวใกล้ๆในวันเบาๆ
ใช่ครับ ตัวนี้เป็น clean diesel นอกจาก catalytic และระบบ EGR แล้ว ยังมีระบบ DPF ช่วยกรองเขม่าคาร์บอน อีกชั้น ..
ทำให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำกว่า 100 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษของยุโรป Euro5 ...
เทคโนโลยีแบบนี้ มีอยู่ในรถยุโรป ดีเซล เท่านั้น เลยทำให้ต้นทุน mazda 2 สูงกว่าคู่แข่ง
-
ผมขับดีเซลตัวรองท็อปยังชอบเลยขับครั้งแรก ดึงดี ประหยัดดี นั่ง5คนไม่มีอืด
mazda2 ดีเซลตัวนี้ มีแรงบิดสูง 250 nm แถมมี turbo อีก .. สามารถลากรถ 1.5 ตัน ได้เหลือๆ ครับ
แต่รถหนักแค่ 1140 กก. + นั่ง 4-5 คน ลากได้สบายๆ ครับ ;)
-
เสียดาย mazda2 ถ้าภายในไม่แคบมากๆเหมือนทุกวันนี้ น่าจะขายดีกว่านี้มาก :-\
-
มาแชร์ครับ ใช้อยู่เหมือนกันตัวท้อป ความเห็นผมนะครับ
1 ช่วงกดคันเร่งเริ่มต้นนี่ lag มาก ถ้าเผลอกดหนักๆพอหลัง lag ปุ๊บหลังติดเบาะเลย ต้องค่อยๆเหยียบ ดสต.ผมไม่ค่อยชอบ
2 ช่วงล่างหนุบหนับ แต่ก็แลกกับการกระแทกกระทั้นพอสมควร
3 เบาะหลังความกว้างตัวรถพอได้ แต่ leg room น้อยมากๆ น้อยกว่า city จมเลย[/li][/list]
ส่วนข้อดีก็ตามที่หลายๆท่านหรือจขกทกล่าว โดยเฉพาะเรื่องการกินน้ำมัน 20km/l ในเมือง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ
-
เสียดาย mazda2 ถ้าภายในไม่แคบมากๆเหมือนทุกวันนี้ น่าจะขายดีกว่านี้มาก :-\
นี่เป็นข้อเสีย mazda2 เลย ที่ทำให้คนส่วนหนึ่ง เยอะพอควร .. ไม่ซื้อ mazda2
แรกๆ ที่ใช้งาน ก็รู้สึกอึดอัดเลย เพราะเคยใช้แต่รถใหญ่มาก่อน .. ตอนนี้ชินแล้วครับ :) :)
-
มาแชร์ครับ ใช้อยู่เหมือนกันตัวท้อป ความเห็นผมนะครับ
1 ช่วงกดคันเร่งเริ่มต้นนี่ lag มาก ถ้าเผลอกดหนักๆพอหลัง lag ปุ๊บหลังติดเบาะเลย ต้องค่อยๆเหยียบ ดสต.ผมไม่ค่อยชอบ
2 ช่วงล่างหนุบหนับ แต่ก็แลกกับการกระแทกกระทั้นพอสมควร
3 เบาะหลังความกว้างตัวรถพอได้ แต่ leg room น้อยมากๆ น้อยกว่า city จมเลย[/li][/list]
ส่วนข้อดีก็ตามที่หลายๆท่านหรือจขกทกล่าว โดยเฉพาะเรื่องการกินน้ำมัน 20km/l ในเมือง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ
เคยได้ยินว่า character รถ turbo diesel ก็ประมาณนี้ครับ
ไม่งั้นต้องมี turbo เพิ่มอีกลูกสำหรับเน้นตีนต้น ถ้าจำไม่ผิด
-
มาแชร์ครับ ใช้อยู่เหมือนกันตัวท้อป ความเห็นผมนะครับ
1 ช่วงกดคันเร่งเริ่มต้นนี่ lag มาก ถ้าเผลอกดหนักๆพอหลัง lag ปุ๊บหลังติดเบาะเลย ต้องค่อยๆเหยียบ ดสต.ผมไม่ค่อยชอบ
2 ช่วงล่างหนุบหนับ แต่ก็แลกกับการกระแทกกระทั้นพอสมควร
3 เบาะหลังความกว้างตัวรถพอได้ แต่ leg room น้อยมากๆ น้อยกว่า city จมเลย[/li][/list]
ส่วนข้อดีก็ตามที่หลายๆท่านหรือจขกทกล่าว โดยเฉพาะเรื่องการกินน้ำมัน 20km/l ในเมือง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ
1. เป็นเรื่องปกติ ของรถที่มี turbo ครับ จะรอรอบอยู่ประมาณ 1 วินาทีครับ แต่ตรงนี้ สามารถแก้ได้กล่องคันเร่งไฟฟ้าครับ ไม่ติด lag อีกเลย
ผมติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มครับ ตั้งโหมด sport ระดับ 3 (จากทั้งหมด 15 ระดับ) ... ไม่ติด laq เลยครับ , อัตราเร่ง มาตามเท้า ขับสนุกกว่าเดิมเยอะเลยครับ
2. ช่วงล่าง นิ่ม หนึบ กำลังดีนะ .. ถ้าได้ใชั jazz มาก่อน จะรักช่วงล่าง mazda2 ทันที
3. เรื่องแคบนี่ ยอมเลยครับ ถ้านั่ง 4 คน บ่อยๆ ไป city สะดวกกว่าเยอะครับ
-
ผมซื้อ 2 ดีเซล คันนี้มาแทน jazz ge ที่ปลดระวางไป เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก
เหตุผลที่เลือก 2 ดีเซล เพราะอยากลองขับเก๋งดีเซลดูบ้าง
mazda2 เป็นเก๋งดีเซล ที่ราคาถูกที่สุด แต่คุณภาพ เมื่อได้ใช้งานจริงๆ ดีเกินกว่าที่คิดไว้มาก
mazda2 ดีเซล ตัวท็อป กับราคา 779,000 บาท แพงที่สุดใน b segment
จะมองว่าแพงก็ได้ครับ ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง city , vios
จะมองว่าคุ้มค่าก็ได้ครับ ถ้าคิดว่า ได้ขับเก๋งดีเซล ที่มีเทคโนโลยี จัดเต็ม ในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
design ภายในตัวท็อป หนังแท้ จะดู sport ก็ได้ จะดูหรูก็ได้เช่นกัน ส่วนตัวแล้ว ชอบที่สุดใน b segment
design ภายนอกตัวท็อป เส้นสายดูลงตัว ที่ชอบมากคือ โคมไฟหน้า led projector + daylight
3 เดือนกับ ระยะทาง 6000 โล ใช้งานในเมืองเป็นหลัก มีขับไป หัวหิน 2 รอบ , เขาใหญ่ 1 รอบ เพื่อทดสอบวิ่งทางไกล
ขอบอกว่า เป็นรถที่ขับดีมากๆ รู้เลยว่า รถที่ขับสนุก เป็นอย่างไร
อัตราเร่ง ดีเซล 1.5 turbo .. ปรู๊ดปร๊าด ตามเท้าเลย กดเป็นมา สั่งได้อย่างใจ แป๊ปเดียว 120 แล้ว ..
พวงมาลัย น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาไม่หนักเกินไป ควมคุมง่าย สบายมือ
ช่วงล่าง เดิมๆ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม .. นุ่ม แต่หนึบ กระด้างนิดหน่อย ไม่มาก , ความเร็ว 120 ช่วงล่างยังนิ่งหนึบ ok เลยครับ
ประหยัดน้ำมัน ทำได้จริง 20 กม./ลิตร (jazz ge คันเก่า เส้นทางเดียวกัน ได้ 13 กม./ลิตร)
ข้อเสีย ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน
- ภายในจะแคบกว่า jazz , city ถ้าสูงสัก 180 up จะรู้สึกอึดอัดพอควรเลย
- ช่องเก็บของ น้อยมาก ไม่อเนกประสงค์เหมือน honda
ความรู้สึกส่วนตัว หลังจากใช้งานมา 3 เดือน
คันนี้ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่เป็นรถญี่ปุ่น ราคา 8 แสนบาท ที่ ok ที่สุด สำหรับผมครับ
ถ้าจำไม่ผิด รายการขับซ่า น่าจะเคยทำเปรียบเทียบตัว เบนซิน กับ ดีเซล ไว้
ดีเซลจะวิ่งได้ระยะทางมากกว่า แต่ถ้าคิดตามราคาน้ำมัน ตัวเบนซินจะประหยัดกว่า แถมอัตราเร่งพอๆกับตัวดีเซล
ความคุ้มค่าในเรื่องราคา และค่าซ่อมบำรุง ตัวเบนซินได้เปรียบกว่า จำได้ประมาณนี้ รายละเอียดลองไปหารายการย้อนหลังดูนะครับ
ทำไมขรรมรายการนี้แรงๆ
-
ถ้าเงินถึง ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครเลือกตัวเบนซินหรอกครับ
เป็น propaganda ให้ขายได้ทั้งสองรุ่น
:P :P :P
-
ผมว่าติดอืดๆนิดนิดๆนะคันเร่ง หรือผมไปเทียบกับคันเร่งของ CX-5 2.2 XDL ก็ไม่รู้
เป็นรถที่ผมเคยใช้ชีวิตกับมัน ทำมาหากินกับมัน ผมเองยังอยากได้เลยแต่ติดว่า ต้องเก็บเงินนี้หละเลยไม่ได้ซื้อ (ถ้าซื้อคงเอา 1.5 ตัวโหล่อะครับกะเอามาแต่งอย่างเดียวเลย)
ไม่อืดนะครับ แต่รถที่มี turbo จะรอรอบ 0.5-1 วินาทีครับ บางคนจะเรียกว่า ติด lag ครับ
ผมติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มครับ ตั้งโหมด sport ระดับ 3 (จากทั้งหมด 15 ระดับ) ... ไม่ติด lag เลย , อัตราเร่ง มาตามเท้า ขับสนุกกว่าเดิมเยอะเลยครับ
รถเดิมๆคันเร่งมันอืดๆอะครับ เคยกระทืบจมคันเร่งเลย(มตอนกดสุดๆมันจะมีความรู้สึกกึกๆ ก่อนสุดคันเร่ง) ยัง ตื้อๆ เลย (เคยลองตอนรอบทดสอบรถตอนเสมัยป็นเซลล์) แต่พวกพี่ที่เค้าซื้อมาแกบอกใส่คันเร่งไฟฟ้าหรือจูนกล่องใหม่แก้ได้
-
ผมว่าติดอืดๆนิดนิดๆนะคันเร่ง หรือผมไปเทียบกับคันเร่งของ CX-5 2.2 XDL ก็ไม่รู้
เป็นรถที่ผมเคยใช้ชีวิตกับมัน ทำมาหากินกับมัน ผมเองยังอยากได้เลยแต่ติดว่า ต้องเก็บเงินนี้หละเลยไม่ได้ซื้อ (ถ้าซื้อคงเอา 1.5 ตัวโหล่อะครับกะเอามาแต่งอย่างเดียวเลย)
ไม่อืดนะครับ แต่รถที่มี turbo จะรอรอบ 0.5-1 วินาทีครับ บางคนจะเรียกว่า ติด lag ครับ
ผมติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพิ่มครับ ตั้งโหมด sport ระดับ 3 (จากทั้งหมด 15 ระดับ) ... ไม่ติด lag เลย , อัตราเร่ง มาตามเท้า ขับสนุกกว่าเดิมเยอะเลยครับ
รถเดิมๆคันเร่งมันอืดๆอะครับ เคยกระทืบจมคันเร่งเลย(มตอนกดสุดๆมันจะมีความรู้สึกกึกๆ ก่อนสุดคันเร่ง) ยัง ตื้อๆ เลย (เคยลองตอนรอบทดสอบรถตอนเสมัยป็นเซลล์) แต่พวกพี่ที่เค้าซื้อมาแกบอกใส่คันเร่งไฟฟ้าหรือจูนกล่องใหม่แก้ได้
ลองดู พี่แพน พี่จิมมี่ .. ทดสอบดูครับ
https://www.youtube.com/watch?v=fqdNnEbxK7c&t=292s
-
ใครบอกคันเร่งรอรอบ 1 วิ นี่ ติดกล่องคันเร่งไฟฟ้าเลยครับ กดปั๊บมาปุ๊บ
ทั้งนี้ ไม่ได้พูดถึงความเร็วนะครับ แค่บอกว่ามันตอบสนองได้ไวขึ้นเฉยๆ
-
ใครบอกคันเร่งรอรอบ 1 วิ นี่ ติดกล่องคันเร่งไฟฟ้าเลยครับ กดปั๊บมาปุ๊บ
ทั้งนี้ ไม่ได้พูดถึงความเร็วนะครับ แค่บอกว่ามันตอบสนองได้ไวขึ้นเฉยๆ
เห็นด้วยเลยครับ ผมเองก็ติดเหมือนกัน ไม่กี่พันบาท
ไม่ต้องไป remap หลักหมื่นบาท
-
ใครเคยเคยขับดีเซล เทอโบร์แรงบิด 350 - 450 น่าจะรู้สึกว่า มาสด้า2ดีเซล หน่วงๆไม่แปลกค่ะ แรงบิดมันต่างกัน
แต่ถ้าขับรถเบนซินตลาดทั่วไป พอได้ขับรถดีเซลเทอโบ แรงบิด250 แบบมาสด้า2 ดีเซล จะฟินแน่นอนค่ะ