Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 15:43:55

หัวข้อ: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 15:43:55
หลังจากเคยตั้งกระทู้ถาม เรื่องการขายรถ1คันออก เพื่อซื้อคันใหม่
ตามกระทู้นี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53879.msg934621#msg934621

สรุปผมเลือกขาย Pajero sport ครับ
เพราะเหตุผล
1.1 PJS ตัวเก่า กินน้ำมันพอสมควร ใช้มา 7 ปี กินที่ 8-10 โลลิตรครับ ขับในเมืองนี่ไม่ต้องพูดเลยครับ ที่บ้านไม่มีใครอยากใช้ตัวนี้ออกไปไหนเลย ใช้แต่ตอนเดินทางไกล
1.2 พวงมาลัยหนักครับ มี3คัน เวียนกันใช้ ไม่มีใครอยากขับ PJS ครับ ลำบากเวลาเข้าจอด เข้าซอง เทอะทะ หาที่จอดรถตามห้างยาก แล้วเดี๋ยวนี้ออกทริปที่ต้องใช้ 4WD น้อยลงครับ เพราะลูกยังเล็ก พ่อแม่ผมก็แก่ขึ้น ไปทริปอะไรที่ต้องกางเต็นท์นอนก็ลำบากแล้ว ไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ เมียก็ไม่ไปด้วยละ ต้องเลี้ยงลูก กระเตงลูกไปลำบากคุณเธอก็ไม่ยอม หลังๆเลยเน้นที่เที่ยวที่จอดรถถึงที่ นอนรีสอร์ทเอาดีกว่าครับ

1.3 ภาษี เครื่อง 3.2 ปีละ 7000 กว่าบาทครับ แพงมาก
1.4 เบาะนั่งคนขับ เมื่อยมาก ทั้งที่มีเบาะไฟฟ้า8ทิศทาง มี cruise control แต่เมื่อยจริงๆ ขับแค่ 10-20 นาทีก็เมื่อยแล้ว เมื่อยขา ขาชา เมื่อยหลัง เบาะออกแบบให้รองรับสรีระมาไม่ดีครับ ในขณะที่เบาะ Mazda2 กลับนั่งสบาย กระชับ ขับไกลกลับไม่เมื่อยเท่า

1.5 หนวกหูครับ เป็นรถที่เก็บเสียงได้ห่วยมาก เสียงเครื่องดัง ราวเรือกลไฟ เฟืองท้ายหอน ขับแล้วหงุดหงิด ไม่ได้สมาธิ ไม่ได้ความสุนทรีย์อะไรเลย คุยกันก็ต้องใช้เสียงดังกว่าปกติ
1.6 เบรคไม่ได้ดีอะไรมากมาย รู้สึกได้ว่า PPV เบรคยังไงก็ไม่ดีเท่าเก๋งหรือSUV คือมันไม่มั่นใจครับ
1.7 การทรงตัวไม่ดี ทุกรุ่น PPV ล่ะครับ ผมว่าเข้าโค้งเยอะๆแล้วเวียน ช่วงล่างกระเด้ง (เว้นแต่ PJS ใหม่ที่ขับทางเรียบนุ่มมาก แต่กลับย้วยแทนเวลาลงคอสะพานหรือเข้าโค้ง ) เวลาหักหลบกระทันหัน มันไม่รู้สึกมั่นใจเท่าเก๋งครับ
1.8 พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า  โดยเฉพาะเวลา ขับทางขรุขระ ต่างจังหวัด ประคองกันเมื่อยมือทีเดียว

สรุป ขายทิ้งซะเลย

ปัญหาจึงมาเกิดว่าแล้วจะเอาอะไรมาแทน PJS ? นั่นสิ
ตอนแรกกะว่าจะเอา PPV เหมือนเดิม  New PJS ไม่ก็ Everest 3.2 ตัวที่ 4WD ไปๆมาๆ ปัญหาเดิมๆหลายอย่างก็ไม่จบครับ
อย่าง
- กินน้ำมัน PPV รุ่นไหนๆมันก็กินทั้งนั้น ไม่ได้ประหยัดเท่า เก๋งหรือ SUV
- เทอะทะ หาที่จอดรถยาก PPVก็เหมือนกันทั้งนั้น คันใหญ่ คนตัวเล็กๆขับก็ลำบาก
- ภาษีแพง ยิ่ง EV 3.2 ภาษีพอกันกับ PJS 3.2 ตัวเก่าเลย
- ช่วงล่าง ยังไงก็ไม่ได้ดีเท่าเก๋งหรือ SUV ความมั่นใจในการขับ การหักหลบ การเบรค มันรู้สึกว่ายังห่างกันอยู่
นี่ตอบในฐานะคนใช้ PPV มา7 ปี ถึงจุดๆหนึ่งกลับมองว่า PPV ประโยชน์จริงๆของมัน เทียบกับข้อเสีย จริงๆแล้วอาจจะไม่คุ้ม ถ้าท่านไม่ได้ทำงานกลางป่ากลางเขา ลงห้วย ลุยน้ำท่วม หรือต้องบรรทุกผู้โดยสาร 6-7 คน อะไรแบบนั้นเป็นประจำ
การใช้ PPV ในกรุงไม่ได้น่าพิศวาสอะไรมากมายนักครับ เว้นแต่ในกรุงมีน้ำท่วม

ก็เลยเปลี่ยนใจแล้วครับ จะไม่เอา PPV แล้วครับ
หันมามอง เก๋ง ก็มีอยู่แล้ว และเคยใช้ D segment คันใหญ่ๆ ก็ไม่ชอบเรื่องความใหญ่ของมัน และอยากได้ ท้ายเปิดใส่ของได้กว้างๆ เพราะใช้ Jazz อยู่รู้สึกว่าเอนกประสงค์กว่ามาก
จึงหันมามอง พวกกลุ่ม SUV หรือกึ่งๆSUV แทน

ได้ตัวเลือก CX5, CX3, HR-V, X-trail , CRV, Forester แหม่ตัวเลือกเยอะจัง
- ตัด Forester ก่อนเลย เพราะศูนย์น้อย ที่ใกล้สุดก็20 กว่าโล อะหล่งอะไหล่หายากแน่ถ้าชนขึ้นมา รอซ่อมเป็นเดือน โอยไม่ไหว แต่ตัวรถนี่ชอบมาก ไปลองมาแล้วถูกจริตดีแท้ๆ แต่ซื้อรถคงไม่ซื้อแค่ตัวรถ ตัดใจ ทิ้งๆไปความคิดนี้
- Nissan X-trail ล่ะ ไปลองไปเทสมาแล้ว แต่เป็นตัว 2.0 4WD เออก็ดีนะ กว้างนิ่ม เบาะใหญ่นั่งสบาย 1,392,000 บาท มีถุงลม 2 ใบ แม่เจ้า! ลาเลยครับ ขนาดตัวท็อปยังถุงลมแค่ด้านหน้าด้านข้าง ไม่มีม่านถุงลม

- CX5 ล่ะ อันนี้ชอบมาก รองจาก Forester เลย ช่วงล่างดี เบรคดี ทรงตัวเลิศ จริงๆก็ไม่ได้อืดนะ แต่เปิดดู 0-100 จาก HLM อ่าวพอกันกับ HR-V นี่นาแถม เสปคตัว 2.0S ราคา 1.33 ล้านพอกันกับ X-trail แต่ option และความแรง 0-100 ยังสู้ CX-3 2.0เบนซินตัวท็อป ไม่ได้เลย เบาะหลังก็ไม่ใช่จะกว้างขวาง นั่งก็เมื่อย แพงกว่าแต่ไม่ใช่คุ้ม มันก็ขับ2เหมือนกัน ดูตัว 4WD ก็ปาไป 1.6 ล้าน ป๊าด แล้วซื้อมาแพงๆ ปีหน้าก็ตกรุ่นแล้วป่าว
- CRV แพงและกำลังจะตกรุ่น ช่วงล่างผมว่ามันไม่เฟิร์ม

- ตอนนี้เลย มองไปที่ CX-3, HRV,
ได้ลองขับตัวท็อปทั้งคู่
CX-3 ตัวท็อป เทียบกับ HRV ตัวท็อป คุณจะพบว่า
1. CX-3 แคบมาก แคบกว่ากันเยอะครับ ยิ่งเบาะตอนหลังนี่อึดอัดทีเดียว พอกันกับ mazda2
2. CX-3 ไม่มีเบาะวางมือตรงกลางแถว2นะครับ แต่ HRV มี แล้วที่วางแขนซ้ายคนขับ Cx-3 ก็ไม่มีแต่ HRV มีและเลื่อนได้
3. CX-3 ไม่ได้เบาะไฟฟ้า8ทิศทางด้านคนขับ แต่ HRV มี
4. CX-3 ไม่มี เบรคมือไฟฟ้า
5. CX-3 ไม่มี Brake hold
6. CX-3 ไม่มี cruise control
7. CX-3 ไม่มี Paddle shift
8. CX-3 ไม่มี Panoramic sunroof
9. รำคาญ จอ pop up MID ที่มันหุบพับเก็บตอนขับไม่ได้ มันมาบางสายตายังไงไม่รู้ แล้วมันจะหลอกๆตาเวียนหัว และรำคาญหน้าจอมาตรวัด ที่เอารอบขึ้นแสดงเด่นกว่าความเร็ว ตัวเลขแสดงความเร็ว เล็กจึ๋งเดียว ตัวแสดงความเร็วมันน่าจะเป็นแบบเข็ม จอใหญ่ๆมากกว่า
10. หน้าจอ เครื่องเสียงที่วางเด่นสูงจนรู้สึกเกะกะสายตาอย่างมาก จริงๆมันควรจะกวาดสายตามองข้ามคอนโซลไปดูถนนง่ายๆ ไม่ใช่ขวางหูขวางตาแบบนี้
11. ทำไมแอร์ CX-3 ไม่ค่อยเย็น ขนาดปรับ23องศาตอนขับ มาสด้ามีปัญหาเรื่องความเย็นของแอร์แทบทุกรุ่นนะผมว่า Mazda2 ที่ใช้อยู่ก็มีปัญหา 23องศาเท่ากันแต่ของมาสด้ารู้สึกเย็นน้อยกว่า ไม่ฉ่ำ ตอนไปลอง CX-5 และ Mazda3 ก้เหมือนกัน
12. ไม่ชอบหนังกลับ ตรงเบาะนั่งและแผงประตู ใครอาจบอกว่าสปอร์ต แต่ผมว่าดูสกปรก เป็นขุยๆเก็บฝุ่น ดูแลยาก ยังไงไม่รู้สิ
13. CX-3 ไม่มี Android HDMI connect แต่ HRV มี คือเอามือถือแอนดรอยด์ เสียบปุ๊บมันจะแสดงที่หน้าจอเลย ทำทุกอย่างผ่านหน้าจอเลย ง่ายดี
14. CX-3 ไม่มีกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
15. CX-3 มีกระจกอัตโนมัติพร้อม Jam protection ด้านคนขับด้านเดียว แต่ HRV มี2ด้าน ด้านคนนั่งข้างคนขับด้วย
16. CX-3 ไม่มีไฟเพดาน ไฟอ่านแผนที่แบบ LED
17. CX-3 ไม่มีไฟที่กระจกส่องหน้า
18. ไม่ชอบ i-stop ของ cx-3 แบตแพงเปล่าๆไม่ได้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นเท่าไหร่หรอกในความคิดผม

มาดู HRV บ้าง
1. จอเครื่องเสียง จริงๆก็ไม่ได้กิ๊กก๊อกอะไรขนาดที่พูดกัน เพียงแต่ของเก่าก่อนลด option มันดีมาก (ตอนขับลองตัวเวอร์ชั่นเก่า) แต่ที่รับไม่ได้คือ เล่น CD DVD ไม่ได้ ไม่มีที่ใส่แผ่นมาให้ อ่าว ไง๊เป็นงี้ แล้วผมชอบแวะเซเว่น ซื้อแผ่นเพลงฟังเวลาเดินทางไปเที่ยว ไปทริปนึงก็ซื้อฟังระหว่างทางแผ่นนึง จบกัน
2. ช่วงล่างผมว่าสู้ CX-3 ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่ ที่ความเร็วๆต่ำๆ ตึงตังพอกัน แต่พอความเร็วสูง Cx-3 ทำออกมาดีมากจริงๆ เกิน 120 ขึ้นไปจะเห็นความแตกต่าง การโยกซ้ายโยกขวาเร็วๆ โอย CX-3 มันเหมาะระเริงกรุงอย่างมาก ขับไกลๆก็คงสนุก แต่ HRV ก็ทำได้ดีนะ ไม่ใช่ห่วย แต่ยังดีไม่เท่า CX-3 เท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่า CRV นะผมว่ามันไม่โยนย้วยเท่า CRV ส่วน feeling พวงมาลัย ผมมองว่าแทบไม่แตกต่าง
HRV ตัวนี้ set พวงมาลัยบมาดีมว๊ากกก คือผิดจริตฮอนด้าเลย ปกติฮอนด้าจะชอบset พวงมาลัยเบาๆที่ความเร็วต่ำ และความเร็วสูงก็ยังเบาไม่หนืดพอ ยังไวไป แต่ HRV ทำได้ดีเลิศ ทั้งย่านเร็วต่ำและเร็วสูง จริงๆผมว่าพอๆกับ CX-3 นั่นล่ะ

3. HRV ด้อยระบบความปลอดภัย pre-collision กว่า CX-3 มากอยู่ คือ CX-3 ตัวท็อปจัดเต็มพอกับ CX-5 ตัวท็อปเลย ไม่บรรยายนะครับ แต่ทำใจละ
ถ้าเรามีสติเราก็ไม่ต้องพึ่งไอ้พวกอ๊อฟชั่นพวกนี้มากนัก รวมถึงไม่มีระบบปรับไฟสูงลงต่ำอัตโนมัติแบบ CX-3
4. HRV ประเสริฐเรื่องเบาะหลังมาก คือไม่คิดว่าจะกว้างขนาดนี้ และมันปรับเอนได้ 1step เหมือน Jazz เลย ก็โอเคนะ พับเบาะง่าย พื้นที่ด้านหลังหลังเบาะ2น่ะ กว้างทีเดียว
5. HRV ไม่ได้ล้อสำรองเป็นล้อแม็คนะครับ เป็นล้อกระทะธรรมดา
6. HRV ไม่ได้ท่อไอเสียคู่
7. HRV ไม่มี Navigator ให้

ประเด็นสำคัญ ครบ 6-7 ปีผมต้องขายทิ้งซื้อคันใหม่อยู่แล้ว ราคาขายmazda ตกฮวบมาก แต่ honda นี่ยังถือว่าดีกว่ามาก และศูนย์บริการผมชอบฮอนด้านะครับ มีความรู้สึกมั่นใจกว่า mazda
สรุปข้อดีข้อเสีย
ไปๆมาๆ ได้ขาย PJS มาออก HRV
เมียชอบ Panoramic sunroof มาก บอกรถมันเล็กอยู่แล้ว พอมีไอ้เจ้าตัวนี้มา มันแก้ปัญหารถแคบอึดอัดได้ดีทีเดียว
เลยบอกไปว่า ในประเทศไทย รถรุ่นล่างๆ ราคาไม่แพง มี 3 รุ่นเองนะ คือ Everest 3.2 4WD ตัวท็อป / X-trail 2.54WD ตัวท็อป / และเจ้า HRV ตัวท็อปนี่ล่ะ แต่ HRV ถูกกว่าเขาเยอะ ล้านเดียว ที่เหลือเกิน 1.5 ล้าน
เมียชอบนะ นี่เราได้ใช้ของไฮเทคในรถราคาถูกหรอเนี่ย คุ้มนะเนี่ย (อะไรที่คุ้มๆนี่เข้าทางเธอ)

โปร
ดาวน์ 0% ดอก 2.9% 60 เดือน  ถ้าดาวน์ 25% 60 เดือน ดอก 2.5% เออดอกห่างกันแค่ 0.4% คำนวนแล้ว ดอกต่างกันแค่ 4000 กว่าบาท แก้ไขครับ ดอกต่างกันหลายหมื่นอยู่ครับ ผมคำนวณผิด
แต่ไม่ต้องดาวน์หลายแสน ผมว่าผมเอาเงินดาวน์เกือบ 3 แสนไปทำให้เงินงอกได้มากกว่านี้ เกิน 4000 บาทใน 5 ปีแน่นอน มากกว่าหลายเท่าด้วย
เลยเอาโปร ดาวน์0% 60 เดือน นี่ล่ะครับ

เอามาเล่าสู่กันฟังครับ
เผื่อมีคนโจทย์ใกล้เคียงผม กำลังเลือกรถสองรุ่นนี้อยู่ ;) ;)
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มกราคม 16, 2017, 15:48:48
ผมก็พึ่งออกมาครับ มันเจ๋งในหลายอย่างนะ ผิดวิสัยฮอนด้า ช่วงล่างโอเคสำหรับผมแล้ว เบาะหลังนั่งนานๆมีเมื่อย เครื่องเสียงถือว่าดีอยู่ครับ ดีกว่า d max 8ลำโพง อันนี้เบสตึ้บๆเลย ที่ชอบสุดคือ ไฟในห้องโดยสารกะหลังคากระจก ที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ มกราคม 16, 2017, 16:04:58
ผมดูยอดขายสะสม hrvในไทยเยอะมาก

ต่อให้มี Kick กะ chr ยังคิดว่าทำอะไร hrv ได้ยากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: ToRToNGPaT ที่ มกราคม 16, 2017, 16:15:38
สงสัยอย่างนึงครับ ทำไมดอกเบี้ย แพงจัง เห็นโปรในเว็บ honda.co.th HRV ดอกมันแค่ 1.79% เอง
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Nerdys ที่ มกราคม 16, 2017, 16:19:10
มองได้ขาดและละเอียดมากครับ แจกแจงข้อดีข้อเสียได้ลงลึกครอบคลุมดี
ใครยังลังเลระหว่าง CX-3 กับ HR-V ให้ save กระทู้นี้เก็บไว้อ่านประกอบการตัดสินใจได้เลย
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: bindee ที่ มกราคม 16, 2017, 16:24:12
ทำการบ้านได้ดีมากครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 16:25:01
สงสัยอย่างนึงครับ ทำไมดอกเบี้ย แพงจัง เห็นโปรในเว็บ honda.co.th HRV ดอกมันแค่ 1.79% เอง

ดอก 1.79% จะเป็น ดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน และไม่ได้แถมประกันชั้น1ครับ
ส่วนดอก 2.09% จะเป็นดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน ได้แถมประกันภัยชั้น1
ส่วนของผม ดอก 2.9% ดาวน์ 0% ผ่อน 60 เดือน ได้ประกันภัยชั้น1+ส่วนลดเงินสด 20000 บาท ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 16:27:51
โดยสรุปผมว่า
ถ้าไม่ใช่คนที่ Need for speed ขับรถเร็ว คลั่งไคล้การขับขี่
เป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่รักครอบครัว มีลูกมีเมีย ชอบความคุ้มค่า ไม่ขับรถเร็ว

เลือก HR-V ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มกราคม 16, 2017, 16:28:34
สงสัยอย่างนึงครับ ทำไมดอกเบี้ย แพงจัง เห็นโปรในเว็บ honda.co.th HRV ดอกมันแค่ 1.79% เอง

ดอก 1.79% จะเป็น ดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน และไม่ได้แถมประกันชั้น1ครับ
ส่วนดอก 2.09% จะเป็นดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน ได้แถมประกันภัยชั้น1
ส่วนของผม ดอก 2.9% ดาวน์ 0% ผ่อน 60 เดือน ได้ประกันภัยชั้น1+ส่วนลดเงินสด 20000 บาท ครับ
ผมดอก 1.89%ส่วนลด 25,000 60เดือน ครับ ได้ประกันภัยชั้น 1 เหมือนกัน พอดีจองในมอเตอร์โชว์เลยได้โปรนี่ครับ แล้วก็ ฮอนด้าออกให้เดือนละ 1,000 บาท อ้อ ดาวน์ 30%ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: NineKlao ที่ มกราคม 16, 2017, 16:30:24
ไม่บอกว่าดอกต่างกัน 4000 อะครับ งง

มันหลายหมื่นน่ะครับดอกน่ะ

ราคารถ 1045000

1. ดาว 20% ( เงิน 209000) ดอก 1.79 จัด 836000

ดอกต่อปี 14964x4 ปี =59,858

รวมราคารถ 4 ปี 209000+836000+59858=1,104,858 บาท

3. ดาว 0% (0.-) ดอก 2.9% จัด 1,045,000

ดอกต่อปี 30,305x5 ปี. 151,525

รวม 1045000+151525 =1,196,525.-

ส่วนต่าง เกือบแสนน่ะครับ (91,667.-)/60 เดือน

 ก็ 1,528 บาทต่อเดือน แต่ถ้าคุณเอาเงินดาว์ 2 แสน

มาทำกำไรมากกว่า 1300 ต่อเดือน ก็จัดไปครับ ดาว์ 0%

หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: sidlv ที่ มกราคม 16, 2017, 16:31:34
เห็นด้วยทุกอย่าง แต่ผมเลือก cx3 เพราะการขับขี่อย่างเดียวเลย 5555555
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Suriya 640 ที่ มกราคม 16, 2017, 16:34:07
ละเอียดดีนะครับ  :) :)

อย่างว่าและครับ ความเหมาะสมและความชอบ ของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: yaoya ที่ มกราคม 16, 2017, 16:39:51
ยังดีกว่าผม จองCX-5 MC ตอนอีกวัน พอมาอีกวันออกตัวใหม่ T_T

ใจไม่อยากทำให้ Sale เซงก็เข้าใจในงานเขา

รอตัวใหม่CX-5 ออกเดียวถอยเพิ่มอีกคันประชด  >:(
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 16:48:29
ไม่บอกว่าดอกต่างกัน 4000 อะครับ งง

มันหลายหมื่นน่ะครับดอกน่ะ

ราคารถ 1045000

1. ดาว 20% ( เงิน 209000) ดอก 1.79 จัด 836000

ดอกต่อปี 14964x4 ปี =59,858

รวมราคารถ 4 ปี 209000+836000+59858=1,104,858 บาท

3. ดาว 0% (0.-) ดอก 2.9% จัด 1,045,000

ดอกต่อปี 30,305x5 ปี. 151,525

รวม 1045000+151525 =1,196,525.-

ส่วนต่าง เกือบแสนน่ะครับ (91,667.-)/60 เดือน

 ก็ 1,528 บาทต่อเดือน แต่ถ้าคุณเอาเงินดาว์ 2 แสน

มาทำกำไรมากกว่า 1300 ต่อเดือน ก็จัดไปครับ ดาว์ 0%

ขออภัยครับ ผมพิมพ์ผิดครับ 4000บาท/ปีครับ
รถราคา  1,099,000 ดอก 2.5 กับ 2.9 ห่างกัน 0.4% ก็ 1,099,000 x0.4/100 = 4,396 บาท/ปีครับ ผ่อน 5ปี ก็ 4396x5=21,980บาท ดอกต่างกันแค่ 21980 บาทครับ
เอาเงินดาวน์ 25% (274,750บาท) ไปลงทุน ที่ได้ดอก ปีละขั้นต่ำ 2% ก็ = 5495 บาท /ปี แล้วครับ คุ้มกว่าครับ เลยเลือกดาวน์ 0% ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: hutchubang ที่ มกราคม 16, 2017, 16:49:38
ผมว่า hrv ก็ดีนะครับ ถ้าไม่เจอ defect แบบหลายคนเจอ ผมว่าจะดีมาก ๆ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ มกราคม 16, 2017, 16:51:11
ดีครับ ผมก็อยากใช้รถตลาดบ้าง รอให้โตโยต้า ฮอนด้าออกรถที่ขับสนุกๆ ออกมาอีก
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 17:09:10
สงสัยอย่างนึงครับ ทำไมดอกเบี้ย แพงจัง เห็นโปรในเว็บ honda.co.th HRV ดอกมันแค่ 1.79% เอง

ดอก 1.79% จะเป็น ดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน และไม่ได้แถมประกันชั้น1ครับ
ส่วนดอก 2.09% จะเป็นดาวน์ 20% ผ่อน 12-48 เดือน ได้แถมประกันภัยชั้น1
ส่วนของผม ดอก 2.9% ดาวน์ 0% ผ่อน 60 เดือน ได้ประกันภัยชั้น1+ส่วนลดเงินสด 20000 บาท ครับ
ผมดอก 1.89%ส่วนลด 25,000 60เดือน ครับ ได้ประกันภัยชั้น 1 เหมือนกัน พอดีจองในมอเตอร์โชว์เลยได้โปรนี่ครับ แล้วก็ ฮอนด้าออกให้เดือนละ 1,000 บาท อ้อ ดาวน์ 30%ครับ

ดอกถูกดีแท้
อ่อ ของผมก็ได้โปร ฮอนด้าช่วยผ่อน 1000 บาท 12 เดือนด้วยครับ
ส่วนของแถมอื่นๆก็ธรรมดาๆทั่วไป
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: naretpan ที่ มกราคม 16, 2017, 17:24:19
คหสต. ถ้าเป็นผม ไม่ลำบากเรื่องเงิน ออก x trail 2.0 ครับ  HRV ทรงมันเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Nikle_pk ที่ มกราคม 16, 2017, 17:24:45
ตอนนี้ตัวหลังคาแก้วยังมีอยู่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: The Mechanics of Emotions ที่ มกราคม 16, 2017, 17:37:38
เรื่องเครื่องเสียงผมรับไม่ได้กับจอ honda หลังปรับภาษี mzd connect ดูดีกว่ามากทั้งคุณภาพจออันนี้สำคัญ แตะเบาๆก็ไป แถมคมชัดสู้แดดดี แต่ของ honda เป็นแบบใช้แรงกด ซึ่งมันโบราณมากกกก จอมองดีๆ ไม่ใสแต่จะเป็นชั้นฝ้าๆ ไว้รับแรงกด ซึ่งมันดูไม่เหมาะสมกับรถราคาเป็นล้าน แบบเก่าดีกว่าเยอะ ตัว ui ของ mzd ก็ดูเป็นระบบระเบียบสวยกว่า ui แบบใหม่ของ honda ดูจีนๆ ผมเสนอ honda นะเอาจอ advance touch ของ civic มาใส่เถอะครับ ดูดีกว่าเยอะมากๆๆ ui ก็สวยดูเหมาะกับรถมากกว่า แบบจีนๆ

ลดต้นทุนแบบนี้ไม่น่ารักอย่างแรง ไปเปลี่ยนซะเสียของหมด
ผมว่าใครซื้อไปควรเปลี่ยนจอก่อนเลย หลายแบรนด์มี apple carplay และ android auto ด้วย จะได้ดูสวยเข้ากับรถครับ ผมไปเล่นมาแล้วทั้งจอแบบเก่ากับแบบใหม่ของ honda คนละเรื่องกันเลย mzd ก็เล่นรถตัวเอง ผมว่า honda พลาดมากที่ตัดสเปคเครื่องเสียงครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 17:40:01
ตอนนี้ตัวหลังคาแก้วยังมีอยู่ไหมครับ

ตอนผมจอง ยังมีอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ มกราคม 16, 2017, 17:56:10
ยินดีด้วยครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Abzolute ที่ มกราคม 16, 2017, 18:06:29
ผมก็โอเคกับ HRV เช่นกัน ภายในนี่ดูดีกว่า Civic เยอะวัสดุดูมีราคากว่ามาก แต่ช่วงล่างผมไม่โอเท่าไร มันไม่นุ่มอ่ะ ไม่เกาะไม่ว่า แต่มันไม่นุ่มเลย
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ มกราคม 16, 2017, 18:45:24
เป็นการรวบรวมข้อมูลสำหรับ HR-V กับ CX-3 ที่ดีมากๆ ดีมากแบบน่าชื่นชมเลยละ

และเป็นจุดสังเกตได้ชัดเจนว่าลูกค้าจริงๆ แล้วต้องการอะไร ไม่ใช่แค่บอกว่าไฮเทคกว่าคือดีกว่าทุกอย่าง เพราะชีวิตในการขับขี่มันมากกว่านั้น มันมีเหตุผลที่คนใช้งานจริงๆ เท่านั้นที่จะรู้ ผมอยากให้พวกนักการตลาดหัวหมอทั้งหลายมาอ่านกระทู้นี้จัง เป็นการเปรียบเทียบของลูกค้าที่ชัดเจนมาก
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: FyGI ที่ มกราคม 16, 2017, 19:04:12
1.4, 1.5, 1.7 อาจจะมาเจอใน HR-V อีกก็ได้นะครับ

ตอนลองขับผมก็โอเคกับตัวรถนะ แต่พอใช้จริงมันคนละเรื่อง
อาการไม่เหมือนรถที่ทดลองขับเลย ซึ่งตอนที่รถผมมีปัญหา
ผมก็ได้ไปลองขับรถทดลองขับ ซึ่งยืนยันว่าคนละเรื่องจริงๆ

ถ้าปลงใจกับ HR-V แล้ว ขอให้ได้รถที่สมบูรณ์ไม่เจอ defect ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: @MIN ที่ มกราคม 16, 2017, 19:30:18
HRV  ok ทุกอย่าง  แต่ติดที่ช่วงล่าง กระด้างเกินไป สำหรับผม

แต่ถ้าคุณเคยใช้ Pajero sport  มาก่อน  น่าจะรับได้ ไม่มีปัญหา

ซื้อรถคันที่เราชอบที่สุด ถูกต้องแล้วครับ   :)
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ มกราคม 16, 2017, 19:56:35
ยินดีกับรถใหม่ด้วยครับผม  :D
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ มกราคม 16, 2017, 20:07:08
ดีใจด้วยครับมี่เลือกได้  และแยกให้แบบละเอียดเลย
ทั้ง 2 คันนี้ผมกลับชอบ cx-3 มากกว่า  แต่รับไม่ได้กับความแคบของมัน  จนต้องไปมองตัวเลือกอื่นไปเลย
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: oatekung ที่ มกราคม 16, 2017, 20:20:27
ไม่ขับเร็วก็ok ละครับผม ว่าสวยมากนะ hrv
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ มกราคม 16, 2017, 20:38:21
ผมก็โอเคกับ HRV เช่นกัน ภายในนี่ดูดีกว่า Civic เยอะวัสดุดูมีราคากว่ามาก แต่ช่วงล่างผมไม่โอเท่าไร มันไม่นุ่มอ่ะ ไม่เกาะไม่ว่า แต่มันไม่นุ่มเลย

ประเด็นนี้ใช่เลยครับ คนไม่ค่อยพูดถึง
แต่มันใช่อย่างแรง เบาะหลังก็เหนือกว่า
Civic ดีกว่าแค่สวยแบบกันดั้มเท่านั้น
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Barracuda ที่ มกราคม 16, 2017, 20:43:45
เท่าที่ได้สัมผัส จอกากมากๆ
วัสดุภายในแย่
รถย้วย คนนั่งเวียนหัว รึผมขับไม่ดี เฉพาะคันนี้ ผมให้แย่สุดเท่าที่ผมมีรถมา

ทั้งหมดคือความเห็นส่วนตัวครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: nekki ที่ มกราคม 16, 2017, 20:53:28
ไม่บอกว่าดอกต่างกัน 4000 อะครับ งง

มันหลายหมื่นน่ะครับดอกน่ะ

ราคารถ 1045000

1. ดาว 20% ( เงิน 209000) ดอก 1.79 จัด 836000

ดอกต่อปี 14964x4 ปี =59,858

รวมราคารถ 4 ปี 209000+836000+59858=1,104,858 บาท

3. ดาว 0% (0.-) ดอก 2.9% จัด 1,045,000

ดอกต่อปี 30,305x5 ปี. 151,525

รวม 1045000+151525 =1,196,525.-

ส่วนต่าง เกือบแสนน่ะครับ (91,667.-)/60 เดือน

 ก็ 1,528 บาทต่อเดือน แต่ถ้าคุณเอาเงินดาว์ 2 แสน

มาทำกำไรมากกว่า 1300 ต่อเดือน ก็จัดไปครับ ดาว์ 0%

ขออภัยครับ ผมพิมพ์ผิดครับ 4000บาท/ปีครับ
รถราคา  1,099,000 ดอก 2.5 กับ 2.9 ห่างกัน 0.4% ก็ 1,099,000 x0.4/100 = 4,396 บาท/ปีครับ ผ่อน 5ปี ก็ 4396x5=21,980บาท ดอกต่างกันแค่ 21980 บาทครับ
เอาเงินดาวน์ 25% (274,750บาท) ไปลงทุน ที่ได้ดอก ปีละขั้นต่ำ 2% ก็ = 5495 บาท /ปี แล้วครับ คุ้มกว่าครับ เลยเลือกดาวน์ 0% ครับ

น่าจะเป็นคล้ายๆที่คุณ NineKlao คำนวณให้ดูนะครับ
ยอดจัดไม่เท่ากัน(1,099,000 vs 824,250) เอา 0.4% มาคิดตรงเลยไม่น่าได้หรือเปล่าครับ

1. ดาวน์ 0% ดอก 2.9% ยอดจัด 1,099,000
ดอก / ปี = 1,099,000 x 0.029 = 31,871 | x 5 years = 159,355

2. ดาวน์ 25% ดอก 2.5% ยอดจัด 824,250
ดอก / ปี = 824,250 x 0.025 = 20,606.25 | x 5 years = 103,031

(1) - (2) = 56,324

แต่ถ้านำไปลงทุน ได้ผลตอบแทนมากกว่า ก็คุ้มค่าแล้วครับ

อย่างไรยินดีด้วยกับรถใหม่ครับ ใช้เหตุผลในการเลือกรถได้ดีครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ มกราคม 16, 2017, 21:03:12
ยินดีด้วยครับที่รับกับข้อเสียมันได้   8)   

เพราะที่คุณพิมพ์บอกมา  ผมรับไม่ได้ซักข้อเลย  รถออกเยอะแต่อะไหล่น้อยจริงตอนนี้รถโดนชนเบาๆไฟท้ายแตกสั่งมา 2 สัปดาห์ละยังไม่ได้เลย 

หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Mizuihisachi ที่ มกราคม 16, 2017, 21:17:05
ใช้ HRV อยู่ครับ เจอปัญหาทุกอย่างที่เค้าเป็นกัน แต่ เข้า 0 ทีเดียวแก้จบหมดทุกปัญหา 0 ดีมาก สบายใจ

เทียบกับ Teana L33 รถเหมือนจะดี ปัญหาเล็กๆน้อยๆกับระบบหรือของเล่น  0 ตจว.แก้ไม่ได้ครับ ตอบคถภามไม่ได้ด้วย (ปัญหาโง่ๆยังแก้ไม่ได้ แก้ไม่จบ รื้อแล้วรื้ออีก ) กลับเป็นว่าปัญหาน้อยกว่าแต่ปวดหัวมากกว่า


คันต่อไปของบ้านไม่ H ก็ T สองยี่ห้อนี้เท่านั้นครับ ซื้อความสบายใจหลังการขายครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: bubball ที่ มกราคม 16, 2017, 21:28:47
ใช้ HRV อยู่ครับ เจอปัญหาทุกอย่างที่เค้าเป็นกัน แต่ เข้า 0 ทีเดียวแก้จบหมดทุกปัญหา 0 ดีมาก สบายใจ

เทียบกับ Teana L33 รถเหมือนจะดี ปัญหาเล็กๆน้อยๆกับระบบหรือของเล่น  0 ตจว.แก้ไม่ได้ครับ ตอบคถภามไม่ได้ด้วย (ปัญหาโง่ๆยังแก้ไม่ได้ แก้ไม่จบ รื้อแล้วรื้ออีก ) กลับเป็นว่าปัญหาน้อยกว่าแต่ปวดหัวมากกว่า


คันต่อไปของบ้านไม่ H ก็ T สองยี่ห้อนี้เท่านั้นครับ ซื้อความสบายใจหลังการขายครับ

+1 ตามนี้ครับ
ผม HR-V EL ล็อตแรก มีปัญหาบ้างเล็กน้อย แต่เข้าศูนย์ก็แก้จบทุกอย่าง
วันไหนคุณเจ้าของกระทู้มีปัญหาก็ลองหลังไมค์มาถามผม 2 คนดูแล้วกันนะครับว่าเข้าศูนย์ไหนกัน อิอิ  :-X
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: HHHsung ที่ มกราคม 16, 2017, 21:39:20
เบื่อ....พาคนแถวบ้านไปลอง HRV นั่งหลังบอกโยนเวียนหัว ชอบซีวิค มากกว่า

กรรม คนขับชอบ HRV นะ สุดท้าย........ตามรูปอวตาร
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 21:42:22
ไม่บอกว่าดอกต่างกัน 4000 อะครับ งง

มันหลายหมื่นน่ะครับดอกน่ะ

ราคารถ 1045000

1. ดาว 20% ( เงิน 209000) ดอก 1.79 จัด 836000

ดอกต่อปี 14964x4 ปี =59,858

รวมราคารถ 4 ปี 209000+836000+59858=1,104,858 บาท

3. ดาว 0% (0.-) ดอก 2.9% จัด 1,045,000

ดอกต่อปี 30,305x5 ปี. 151,525

รวม 1045000+151525 =1,196,525.-

ส่วนต่าง เกือบแสนน่ะครับ (91,667.-)/60 เดือน

 ก็ 1,528 บาทต่อเดือน แต่ถ้าคุณเอาเงินดาว์ 2 แสน

มาทำกำไรมากกว่า 1300 ต่อเดือน ก็จัดไปครับ ดาว์ 0%

ขออภัยครับ ผมพิมพ์ผิดครับ 4000บาท/ปีครับ
รถราคา  1,099,000 ดอก 2.5 กับ 2.9 ห่างกัน 0.4% ก็ 1,099,000 x0.4/100 = 4,396 บาท/ปีครับ ผ่อน 5ปี ก็ 4396x5=21,980บาท ดอกต่างกันแค่ 21980 บาทครับ
เอาเงินดาวน์ 25% (274,750บาท) ไปลงทุน ที่ได้ดอก ปีละขั้นต่ำ 2% ก็ = 5495 บาท /ปี แล้วครับ คุ้มกว่าครับ เลยเลือกดาวน์ 0% ครับ

น่าจะเป็นคล้ายๆที่คุณ NineKlao คำนวณให้ดูนะครับ
ยอดจัดไม่เท่ากัน(1,099,000 vs 824,250) เอา 0.4% มาคิดตรงเลยไม่น่าได้หรือเปล่าครับ

1. ดาวน์ 0% ดอก 2.9% ยอดจัด 1,099,000
ดอก / ปี = 1,099,000 x 0.029 = 31,871 | x 5 years = 159,355

2. ดาวน์ 25% ดอก 2.5% ยอดจัด 824,250
ดอก / ปี = 824,250 x 0.025 = 20,606.25 | x 5 years = 103,031

(1) - (2) = 56,324

แต่ถ้านำไปลงทุน ได้ผลตอบแทนมากกว่า ก็คุ้มค่าแล้วครับ

อย่างไรยินดีด้วยกับรถใหม่ครับ ใช้เหตุผลในการเลือกรถได้ดีครับ

เออ จริงด้วยครับ
555 ผมคำนวณผิดไปเยอะเลย ลืมครับว่ายอดจัดมันไม่เท่ากัน
แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวหาแหล่งให้เงินทำงานแทน จะพยายามทำให้โตกว่าค่าดอกให้ได้ครับ ;D ;D
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ มกราคม 16, 2017, 21:51:54
เห็นว่าถ้าเป็นพวกวิชาชีพพิเศษ เช่น หมอ นักบินนี่ ดอกเบี้ยได้ถูกลงไปอีก ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า ? 
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 16, 2017, 22:11:12
ตอนนี้เตรียมใจไว้แล้วครับ
เข้าคลับ นั่งดูลิสต์ปัญหาต่างๆ 21 หน้า
อืมมมม

แต่อย่างว่าครับ
จะไปใช้ CX-3 ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
ยิ่ง New PJS ที่ตอนแรกว่าจะจองไปแล้ว ก็ดูน่ากลัวครับ ระบบพวงมาลัยกับเบรค มีปัญหามาอาจรับไม่ได้ PJS คันเก่าไม่ใช่ปัญหาจะเยอะ แต่กลับซ่อมไม่ได้ ไม่จบ ค้างเติ่งไว้แบบนั้น

เท่าที่ดู
ปัญหาต่างๆของ HRV ผมว่าแต่ละอันดูยังไม่รุนแรงมากนัก และหลายๆปัญหาแก้แล้วจบ
ผมว่าผมไว้ใจ Honda ถึงจะหมกเม็ดแอบลดต้นทุนอะไรไป แต่เขาจริงใจในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่จะตามมาให้น่ะครับ
เทียบกับ Mitsu PJS ที่เคยใช้
- ช็อกอัพไม่ได้คุณภาพ ก็ว่าปกติ (แต่อันนี้เขายอมเคลมให้)
- เฟืองท้ายหอนก็แก้ไม่หาย บอกเป็นลักษณะเฉพาะของรุ่น
- พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า ก็ว่าปกติ
- ไฟตัดหมอกติดๆดับๆ ซ่อมมาหลายหน บอกว่าสายไฟข้อต่อรุ่นนี้มันคอยจะหลวม แก้ไม่ได้ (อะไรเนี่ย)
- จอ DVD เจ๊งไป2ครั้ง เคลมได้1ครั้ง ซ่อมมา ใช้ได้ไม่ถึง3เดือน เป็นอีกละ อีกครั้งต้องซ่อมเอง หลายพัน ก็ไม่ซงไม่ซ่อมละ แล้วคุณภาพจอ ถ้าใครว่า HRV ตัวใหม่นี่กาก ผมว่า PJS ตัวรุ่นผมรุ่นแรกๆ กากจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดเลยเนี่ย
- สายเข็มขัดนิรภัยไม่ดึงกลับเอง ต้องคอยเอามือดึงทีนึงก่อน ช่างบอกปกติ
- คือมีปัญหาอะไร ไม่ค่อยจะมีหนังสือแจ้งให้ไปซ่อมไปตรวจเลย เคยได้ครั้งเดียวคือให้ไปเปลี่ยนจุกปรับเบาะไฟฟ้าใหม่ เพราะอาจมีฝุ่นเข้าไปข้างในได้
(คือ มันสำคัญขนาดนั้น ไอ้ที่แย่ๆกว่านี้ไม่พูดถึง ไม่เรียกไปแก้ ฮ่วย)

ในขณะที่ honda เขาส่งเอกสารให้เข้าไปตรวจสอบเรื่อยเลย อย่างJazzถุงลมก็เปลี่ยนให้ฟรี2ข้างทั้งๆที่หมดประกันมาหลายปี คือรถหมดประกันไปแล้วหลายปีก็ไม่ทิ้งลูกค้า มีการแคร์ลูกค้าเก่า ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆมาเสนอเรื่อย ไม่เหมือน Mitsu นะ ตัดหางปล่อยวัดเลย หมดประกันไม่ต้องมาคุย

Mazda นี่ส่วนตัว ผมว่าดีกว่า Mitsu นะ เพราะตั้งแต่ใช้มา 6 ปี ยังไม่เจอปัญหาอะไรน่าหงุดหงิด
แต่ไม่เคยมีหนังสือแจ้งอะไรเลยสักอย่าง คือรถพี่แกไม่มีปัญหาเลย เลยไม่มีแจ้งมา หรือมีปัญหาแต่ไม่แจ้งบอกก็ไม่รู้เนี่ย
แต่ที่รู้คือ แพง อะไหล่แพง เช็ค 80000 โล ล่อไป 13000 (เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่อง1อัน 4000 กว่าบาท)
เปลี่ยนแบทกุญแจรีโมท มา 4รอบแล้ว พลาสติกกรอบเร็วมาก และการประกอบผมว่าก็ไม่ใช่จะดีกว่า honda นะครับ

สรุปคือ มันมีโอกาสเกิดปัญหาทุกรุ่นล่ะครับ
แต่อยู่ที่ว่า "ยี่ห้อไหน เขาแคร์เรา จริงใจกับเรา เมื่อมันมีปัญหา มากกว่ากัน"
เลยยอมเสี่ยงดวง เอา Honda นี่ล่ะครับ
ทั้งๆที่รู้ว่า HRV มีปัญหาอะไรบ้าง

ไม่แปลกครับ ที่ลูกค้าฮอนด้าจึงมีความเป็นแบรนด์รอยัลตี้สูงกว่าหลายๆแบรนด์
ได้คุยกับเซลล์ที่ขายรถให้ ถามน้องเค้าตรงๆว่า Civic ที่มีปัญหาเครื่องฮีทกับแอร์พัง เป็นไงบ้าง
น้องบอกมีจริงครับ เข้ามาที่ศูนย์ผม2คัน แต่ทางเราแก้ไขให้หมดแล้วครับ มันเป็นแค่บางคันจริงๆ บอกไม่ได้เลยว่าคันไหนจะเป็น แต่ถ้ามีปัญหามาเราตามแก้จนจบครับ

ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจนะ
ดีกว่าตอบว่า "ไม่มีหรอกครับ ในเน็ทเขาก็โพสไปแบบนั้น จริงๆไม่มีอะไร"

เอาเป็นว่า จะลองเสี่ยงดวงกับ HRV อีกครั้ง หลังจากเคยใช้ Accord, Jazz มาแล้ว
สู้ครับ ไม่กลัวครับ มีเพื่อนที่ปัญหาเยอะๆมากมายให้ปรึกษาครับ
ส่วนตัวคนใกล้ชิด2คน (น้ากับเพื่อน) ที่ออก HRV ไป ยังไม่มีปัญหาครับ และหวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหาด้วย
แต่หากมีปัญหาอะไร จะมาแชร์ให้ทราบครับ  ;) ;)

หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: wolfpack ที่ มกราคม 16, 2017, 22:24:59
ผมเลือก HRV ให้คุณแม่เหมือนกันครับ รถของผู้หญิงต้องใช้งานง่าย ขับง่าย ขับในเมือง ไม่ได้ไปท้ารบกับใคร ก็พอจะคบหาช่วงล่างได้ ที่เก็บของข้างหลังทิ่้งห่าง XV/CX3 ไปหลายช่วงตัว เบาะหลังก็เช่นกัน เครื่องสหกรณ์ ประหยัดน้ำมัน ซ่อมบำรุงที่ไหนก็ได้ สรุป เหมาะกับการใช้งานมากๆครับ

ยินดีด้วยกับรถใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Akara ที่ มกราคม 16, 2017, 22:33:00
ต้องขอชม ละเอียดและมีเหตุผลดีครับ ไหนๆจะจ่ายเงินล้านทั้งที ทั้งๆที่อยากเชียร์ CX5 MC แต่อ่านเหตุผลแล้วยังอยากซื้อ HRV ด้วยเลยครับ

หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มกราคม 16, 2017, 22:53:46
ตอนนี้เตรียมใจไว้แล้วครับ
เข้าคลับ นั่งดูลิสต์ปัญหาต่างๆ 21 หน้า
อืมมมม

แต่อย่างว่าครับ
จะไปใช้ CX-3 ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
ยิ่ง New PJS ที่ตอนแรกว่าจะจองไปแล้ว ก็ดูน่ากลัวครับ ระบบพวงมาลัยกับเบรค มีปัญหามาอาจรับไม่ได้ PJS คันเก่าไม่ใช่ปัญหาจะเยอะ แต่กลับซ่อมไม่ได้ ไม่จบ ค้างเติ่งไว้แบบนั้น

เท่าที่ดู
ปัญหาต่างๆของ HRV ผมว่าแต่ละอันดูยังไม่รุนแรงมากนัก และหลายๆปัญหาแก้แล้วจบ
ผมว่าผมไว้ใจ Honda ถึงจะหมกเม็ดแอบลดต้นทุนอะไรไป แต่เขาจริงใจในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่จะตามมาให้น่ะครับ
เทียบกับ Mitsu PJS ที่เคยใช้
- ช็อกอัพไม่ได้คุณภาพ ก็ว่าปกติ (แต่อันนี้เขายอมเคลมให้)
- เฟืองท้ายหอนก็แก้ไม่หาย บอกเป็นลักษณะเฉพาะของรุ่น
- พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า ก็ว่าปกติ
- ไฟตัดหมอกติดๆดับๆ ซ่อมมาหลายหน บอกว่าสายไฟข้อต่อรุ่นนี้มันคอยจะหลวม แก้ไม่ได้ (อะไรเนี่ย)
- จอ DVD เจ๊งไป2ครั้ง เคลมได้1ครั้ง ซ่อมมา ใช้ได้ไม่ถึง3เดือน เป็นอีกละ อีกครั้งต้องซ่อมเอง หลายพัน ก็ไม่ซงไม่ซ่อมละ แล้วคุณภาพจอ ถ้าใครว่า HRV ตัวใหม่นี่กาก ผมว่า PJS ตัวรุ่นผมรุ่นแรกๆ กากจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดเลยเนี่ย
- สายเข็มขัดนิรภัยไม่ดึงกลับเอง ต้องคอยเอามือดึงทีนึงก่อน ช่างบอกปกติ
- คือมีปัญหาอะไร ไม่ค่อยจะมีหนังสือแจ้งให้ไปซ่อมไปตรวจเลย เคยได้ครั้งเดียวคือให้ไปเปลี่ยนจุกปรับเบาะไฟฟ้าใหม่ เพราะอาจมีฝุ่นเข้าไปข้างในได้
(คือ มันสำคัญขนาดนั้น ไอ้ที่แย่ๆกว่านี้ไม่พูดถึง ไม่เรียกไปแก้ ฮ่วย)

ในขณะที่ honda เขาส่งเอกสารให้เข้าไปตรวจสอบเรื่อยเลย อย่างJazzถุงลมก็เปลี่ยนให้ฟรี2ข้างทั้งๆที่หมดประกันมาหลายปี คือรถหมดประกันไปแล้วหลายปีก็ไม่ทิ้งลูกค้า มีการแคร์ลูกค้าเก่า ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆมาเสนอเรื่อย ไม่เหมือน Mitsu นะ ตัดหางปล่อยวัดเลย หมดประกันไม่ต้องมาคุย

Mazda นี่ส่วนตัว ผมว่าดีกว่า Mitsu นะ เพราะตั้งแต่ใช้มา 6 ปี ยังไม่เจอปัญหาอะไรน่าหงุดหงิด
แต่ไม่เคยมีหนังสือแจ้งอะไรเลยสักอย่าง คือรถพี่แกไม่มีปัญหาเลย เลยไม่มีแจ้งมา หรือมีปัญหาแต่ไม่แจ้งบอกก็ไม่รู้เนี่ย
แต่ที่รู้คือ แพง อะไหล่แพง เช็ค 80000 โล ล่อไป 13000 (เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่อง1อัน 4000 กว่าบาท)
เปลี่ยนแบทกุญแจรีโมท มา 4รอบแล้ว พลาสติกกรอบเร็วมาก และการประกอบผมว่าก็ไม่ใช่จะดีกว่า honda นะครับ

สรุปคือ มันมีโอกาสเกิดปัญหาทุกรุ่นล่ะครับ
แต่อยู่ที่ว่า "ยี่ห้อไหน เขาแคร์เรา จริงใจกับเรา เมื่อมันมีปัญหา มากกว่ากัน"
เลยยอมเสี่ยงดวง เอา Honda นี่ล่ะครับ
ทั้งๆที่รู้ว่า HRV มีปัญหาอะไรบ้าง

ไม่แปลกครับ ที่ลูกค้าฮอนด้าจึงมีความเป็นแบรนด์รอยัลตี้สูงกว่าหลายๆแบรนด์
ได้คุยกับเซลล์ที่ขายรถให้ ถามน้องเค้าตรงๆว่า Civic ที่มีปัญหาเครื่องฮีทกับแอร์พัง เป็นไงบ้าง
น้องบอกมีจริงครับ เข้ามาที่ศูนย์ผม2คัน แต่ทางเราแก้ไขให้หมดแล้วครับ มันเป็นแค่บางคันจริงๆ บอกไม่ได้เลยว่าคันไหนจะเป็น แต่ถ้ามีปัญหามาเราตามแก้จนจบครับ

ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจนะ
ดีกว่าตอบว่า "ไม่มีหรอกครับ ในเน็ทเขาก็โพสไปแบบนั้น จริงๆไม่มีอะไร"

เอาเป็นว่า จะลองเสี่ยงดวงกับ HRV อีกครั้ง หลังจากเคยใช้ Accord, Jazz มาแล้ว
สู้ครับ ไม่กลัวครับ มีเพื่อนที่ปัญหาเยอะๆมากมายให้ปรึกษาครับ
ส่วนตัวคนใกล้ชิด2คน (น้ากับเพื่อน) ที่ออก HRV ไป ยังไม่มีปัญหาครับ และหวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหาด้วย
แต่หากมีปัญหาอะไร จะมาแชร์ให้ทราบครับ  ;) ;)


แปลกจัง ทำไมยังไม่เจอปัญหาสักอย่างเลย วิ่งไป1800กว่าโลแล้ว ออกตจว ก็แล้ว หรือมันต้องดูกันยาวๆ เสียงก้อกแก๊กก้ไม่มี แปลกมาก
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: supercat ที่ มกราคม 17, 2017, 02:30:06

1.3 ภาษี เครื่อง 3.2 ปีละ 7000 กว่าบาทครับ แพงมาก


แม่เจ้า
ปีละเจ็ดพันเลยเหรอครับ :'( :'( :'(
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: นักสร้างภาพ ที่ มกราคม 17, 2017, 08:10:21
สรุปพอสังเขป รถทุกยี่ห้อ มีโอกาสเกิดปัญหาทั้งนั้น แต่ขอให้แก้ให้เราให้จบก้อok
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ มกราคม 17, 2017, 08:21:00
อ่านคอมเม้นท์หลายท่าน
สรุป HRV ยังไม่มีสูตรปรับปรุงช่วงล่างเหรอครับ
น่าจะดีถ้าปรับสักหน่อย

ผมรับไม่ไดเรื่องเดียวคือรถแอร์ไม่สมบูรณ์
จะมีอะไหล่เซียงกงจากญี่ปุ่นมาใส่มั้ย
ถ้าแอร์ออโต้สมบูรณ์ๆ มาจากโรงงาน ผมจะไม่สนคันไหนเลย
ที่ราคาสูงกว่ามัน D segment, compact SUV อะไรก็ไม่สนแล้ว รถมัน perfect
แค่หาช่วงล่างดีๆ สักชุด
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: dinner15 ที่ มกราคม 17, 2017, 10:22:56
ใช้เหตุผลในการเลือกรถได้ดีครับ

ขอให้มีความสุขกับรถคันใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: akewizard ที่ มกราคม 17, 2017, 10:35:15
HR-V มันดูเป็นรถกลางๆ คือช่วงล่างไม่ได้ดีเลิศอะไร การประกอบก็มีปัญหาบ้าง
แต่มันเป็นรถที่ใช้แล้วสบายใจ เรื่องงานออกแบบสำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวันตรงจุดนี้ผมว่าฮอนด้าทำได้เก่งมาก

เรื่องการซ่อมบำรุง การหาอะไหล่เปลี่ยน การปรับแต่งรถ ก็ทำได้ง่ายและหลากหลาย
ขนาดร้านเปลี่ยนยางแถวบ้านผมยังหาเบิกอะไหล่ช่วงล่างมาเปลี่ยนให้ได้เลย (แต่ตอนนี้ระบบอะไหล่ไม่รู้เป็นไงบ้าง)

เมื่อก่อนผมเคยใช้ Civic FD แต่ขายไปนานแล้ว ทุกวันนี้ยังมีจดหมายให้ไปทำเรื่องเปลี่ยนชิ้นส่วนถุงลมนิรภัยอยู่เลย
(ถุงลม takata เจ้าปัญหานั้นแหล่ะ)
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ มกราคม 17, 2017, 11:00:51
ตอนนี้เตรียมใจไว้แล้วครับ
เข้าคลับ นั่งดูลิสต์ปัญหาต่างๆ 21 หน้า
อืมมมม

แต่อย่างว่าครับ
จะไปใช้ CX-3 ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
ยิ่ง New PJS ที่ตอนแรกว่าจะจองไปแล้ว ก็ดูน่ากลัวครับ ระบบพวงมาลัยกับเบรค มีปัญหามาอาจรับไม่ได้ PJS คันเก่าไม่ใช่ปัญหาจะเยอะ แต่กลับซ่อมไม่ได้ ไม่จบ ค้างเติ่งไว้แบบนั้น

เท่าที่ดู
ปัญหาต่างๆของ HRV ผมว่าแต่ละอันดูยังไม่รุนแรงมากนัก และหลายๆปัญหาแก้แล้วจบ
ผมว่าผมไว้ใจ Honda ถึงจะหมกเม็ดแอบลดต้นทุนอะไรไป แต่เขาจริงใจในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่จะตามมาให้น่ะครับ
เทียบกับ Mitsu PJS ที่เคยใช้
- ช็อกอัพไม่ได้คุณภาพ ก็ว่าปกติ (แต่อันนี้เขายอมเคลมให้)
- เฟืองท้ายหอนก็แก้ไม่หาย บอกเป็นลักษณะเฉพาะของรุ่น
- พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า ก็ว่าปกติ
- ไฟตัดหมอกติดๆดับๆ ซ่อมมาหลายหน บอกว่าสายไฟข้อต่อรุ่นนี้มันคอยจะหลวม แก้ไม่ได้ (อะไรเนี่ย)
- จอ DVD เจ๊งไป2ครั้ง เคลมได้1ครั้ง ซ่อมมา ใช้ได้ไม่ถึง3เดือน เป็นอีกละ อีกครั้งต้องซ่อมเอง หลายพัน ก็ไม่ซงไม่ซ่อมละ แล้วคุณภาพจอ ถ้าใครว่า HRV ตัวใหม่นี่กาก ผมว่า PJS ตัวรุ่นผมรุ่นแรกๆ กากจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดเลยเนี่ย
- สายเข็มขัดนิรภัยไม่ดึงกลับเอง ต้องคอยเอามือดึงทีนึงก่อน ช่างบอกปกติ
- คือมีปัญหาอะไร ไม่ค่อยจะมีหนังสือแจ้งให้ไปซ่อมไปตรวจเลย เคยได้ครั้งเดียวคือให้ไปเปลี่ยนจุกปรับเบาะไฟฟ้าใหม่ เพราะอาจมีฝุ่นเข้าไปข้างในได้
(คือ มันสำคัญขนาดนั้น ไอ้ที่แย่ๆกว่านี้ไม่พูดถึง ไม่เรียกไปแก้ ฮ่วย)

ในขณะที่ honda เขาส่งเอกสารให้เข้าไปตรวจสอบเรื่อยเลย อย่างJazzถุงลมก็เปลี่ยนให้ฟรี2ข้างทั้งๆที่หมดประกันมาหลายปี คือรถหมดประกันไปแล้วหลายปีก็ไม่ทิ้งลูกค้า มีการแคร์ลูกค้าเก่า ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆมาเสนอเรื่อย ไม่เหมือน Mitsu นะ ตัดหางปล่อยวัดเลย หมดประกันไม่ต้องมาคุย

Mazda นี่ส่วนตัว ผมว่าดีกว่า Mitsu นะ เพราะตั้งแต่ใช้มา 6 ปี ยังไม่เจอปัญหาอะไรน่าหงุดหงิด
แต่ไม่เคยมีหนังสือแจ้งอะไรเลยสักอย่าง คือรถพี่แกไม่มีปัญหาเลย เลยไม่มีแจ้งมา หรือมีปัญหาแต่ไม่แจ้งบอกก็ไม่รู้เนี่ย
แต่ที่รู้คือ แพง อะไหล่แพง เช็ค 80000 โล ล่อไป 13000 (เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่อง1อัน 4000 กว่าบาท)
เปลี่ยนแบทกุญแจรีโมท มา 4รอบแล้ว พลาสติกกรอบเร็วมาก และการประกอบผมว่าก็ไม่ใช่จะดีกว่า honda นะครับ

สรุปคือ มันมีโอกาสเกิดปัญหาทุกรุ่นล่ะครับ
แต่อยู่ที่ว่า "ยี่ห้อไหน เขาแคร์เรา จริงใจกับเรา เมื่อมันมีปัญหา มากกว่ากัน"
เลยยอมเสี่ยงดวง เอา Honda นี่ล่ะครับ
ทั้งๆที่รู้ว่า HRV มีปัญหาอะไรบ้าง

ไม่แปลกครับ ที่ลูกค้าฮอนด้าจึงมีความเป็นแบรนด์รอยัลตี้สูงกว่าหลายๆแบรนด์
ได้คุยกับเซลล์ที่ขายรถให้ ถามน้องเค้าตรงๆว่า Civic ที่มีปัญหาเครื่องฮีทกับแอร์พัง เป็นไงบ้าง
น้องบอกมีจริงครับ เข้ามาที่ศูนย์ผม2คัน แต่ทางเราแก้ไขให้หมดแล้วครับ มันเป็นแค่บางคันจริงๆ บอกไม่ได้เลยว่าคันไหนจะเป็น แต่ถ้ามีปัญหามาเราตามแก้จนจบครับ

ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจนะ
ดีกว่าตอบว่า "ไม่มีหรอกครับ ในเน็ทเขาก็โพสไปแบบนั้น จริงๆไม่มีอะไร"

เอาเป็นว่า จะลองเสี่ยงดวงกับ HRV อีกครั้ง หลังจากเคยใช้ Accord, Jazz มาแล้ว
สู้ครับ ไม่กลัวครับ มีเพื่อนที่ปัญหาเยอะๆมากมายให้ปรึกษาครับ
ส่วนตัวคนใกล้ชิด2คน (น้ากับเพื่อน) ที่ออก HRV ไป ยังไม่มีปัญหาครับ และหวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหาด้วย
แต่หากมีปัญหาอะไร จะมาแชร์ให้ทราบครับ  ;) ;)


แปลกจัง ทำไมยังไม่เจอปัญหาสักอย่างเลย วิ่งไป1800กว่าโลแล้ว ออกตจว ก็แล้ว หรือมันต้องดูกันยาวๆ เสียงก้อกแก๊กก้ไม่มี แปลกมาก

ไม่แปลกหรอกครับ รถทุกรุ่นทุกยี้ห้อ มีโอกาสเจอกันหมดละครับ อยู่ที่ใครจะเจอแจ็คพ็อต
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Boycm009 ที่ มกราคม 17, 2017, 11:53:51
ยินดีด้วยกับรถใหม่ครับ  เป็นการเปรียบเทียบที่มีประโยชน์มากครับ HRV
มันก็มีความดีของตัวมันเองนะครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มกราคม 17, 2017, 19:15:33
เห็นเลยว่าคิดละเอียดดีแล้วครับ ถ้างั้นก็ยินดีกับรถใหม่ล่วงหน้าเลยครับ
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: m_mogen ที่ มกราคม 17, 2017, 22:25:32
ถ้า cx3. ขยายรถอีกนิดใด้ใหญ่ขึ้น มีsunroof.เบาะหลังให้สบายขึ้น   มีทุกอย่างแบบhrv. บอกได้เลยขายได้เยอะมากเพราะ สมรรถนะ. และความสวย มากกว่า hrvมาก และตัดcx5 ออกไปเลย. เน้นตลาดcx3. ได้เงินเยอะกว่าแน่นอน.    ปล.แต่คงเป็นแค่เรื่องสมมุติ 555
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: mayjazza ที่ มกราคม 17, 2017, 23:13:32
ตอนนี้เตรียมใจไว้แล้วครับ
เข้าคลับ นั่งดูลิสต์ปัญหาต่างๆ 21 หน้า
อืมมมม

แต่อย่างว่าครับ
จะไปใช้ CX-3 ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
ยิ่ง New PJS ที่ตอนแรกว่าจะจองไปแล้ว ก็ดูน่ากลัวครับ ระบบพวงมาลัยกับเบรค มีปัญหามาอาจรับไม่ได้ PJS คันเก่าไม่ใช่ปัญหาจะเยอะ แต่กลับซ่อมไม่ได้ ไม่จบ ค้างเติ่งไว้แบบนั้น

เท่าที่ดู
ปัญหาต่างๆของ HRV ผมว่าแต่ละอันดูยังไม่รุนแรงมากนัก และหลายๆปัญหาแก้แล้วจบ
ผมว่าผมไว้ใจ Honda ถึงจะหมกเม็ดแอบลดต้นทุนอะไรไป แต่เขาจริงใจในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่จะตามมาให้น่ะครับ
เทียบกับ Mitsu PJS ที่เคยใช้
- ช็อกอัพไม่ได้คุณภาพ ก็ว่าปกติ (แต่อันนี้เขายอมเคลมให้)
- เฟืองท้ายหอนก็แก้ไม่หาย บอกเป็นลักษณะเฉพาะของรุ่น
- พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า ก็ว่าปกติ
- ไฟตัดหมอกติดๆดับๆ ซ่อมมาหลายหน บอกว่าสายไฟข้อต่อรุ่นนี้มันคอยจะหลวม แก้ไม่ได้ (อะไรเนี่ย)
- จอ DVD เจ๊งไป2ครั้ง เคลมได้1ครั้ง ซ่อมมา ใช้ได้ไม่ถึง3เดือน เป็นอีกละ อีกครั้งต้องซ่อมเอง หลายพัน ก็ไม่ซงไม่ซ่อมละ แล้วคุณภาพจอ ถ้าใครว่า HRV ตัวใหม่นี่กาก ผมว่า PJS ตัวรุ่นผมรุ่นแรกๆ กากจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดเลยเนี่ย
- สายเข็มขัดนิรภัยไม่ดึงกลับเอง ต้องคอยเอามือดึงทีนึงก่อน ช่างบอกปกติ
- คือมีปัญหาอะไร ไม่ค่อยจะมีหนังสือแจ้งให้ไปซ่อมไปตรวจเลย เคยได้ครั้งเดียวคือให้ไปเปลี่ยนจุกปรับเบาะไฟฟ้าใหม่ เพราะอาจมีฝุ่นเข้าไปข้างในได้
(คือ มันสำคัญขนาดนั้น ไอ้ที่แย่ๆกว่านี้ไม่พูดถึง ไม่เรียกไปแก้ ฮ่วย)

ในขณะที่ honda เขาส่งเอกสารให้เข้าไปตรวจสอบเรื่อยเลย อย่างJazzถุงลมก็เปลี่ยนให้ฟรี2ข้างทั้งๆที่หมดประกันมาหลายปี คือรถหมดประกันไปแล้วหลายปีก็ไม่ทิ้งลูกค้า มีการแคร์ลูกค้าเก่า ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆมาเสนอเรื่อย ไม่เหมือน Mitsu นะ ตัดหางปล่อยวัดเลย หมดประกันไม่ต้องมาคุย

Mazda นี่ส่วนตัว ผมว่าดีกว่า Mitsu นะ เพราะตั้งแต่ใช้มา 6 ปี ยังไม่เจอปัญหาอะไรน่าหงุดหงิด
แต่ไม่เคยมีหนังสือแจ้งอะไรเลยสักอย่าง คือรถพี่แกไม่มีปัญหาเลย เลยไม่มีแจ้งมา หรือมีปัญหาแต่ไม่แจ้งบอกก็ไม่รู้เนี่ย
แต่ที่รู้คือ แพง อะไหล่แพง เช็ค 80000 โล ล่อไป 13000 (เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่อง1อัน 4000 กว่าบาท)
เปลี่ยนแบทกุญแจรีโมท มา 4รอบแล้ว พลาสติกกรอบเร็วมาก และการประกอบผมว่าก็ไม่ใช่จะดีกว่า honda นะครับ

สรุปคือ มันมีโอกาสเกิดปัญหาทุกรุ่นล่ะครับ
แต่อยู่ที่ว่า "ยี่ห้อไหน เขาแคร์เรา จริงใจกับเรา เมื่อมันมีปัญหา มากกว่ากัน"
เลยยอมเสี่ยงดวง เอา Honda นี่ล่ะครับ
ทั้งๆที่รู้ว่า HRV มีปัญหาอะไรบ้าง

ไม่แปลกครับ ที่ลูกค้าฮอนด้าจึงมีความเป็นแบรนด์รอยัลตี้สูงกว่าหลายๆแบรนด์
ได้คุยกับเซลล์ที่ขายรถให้ ถามน้องเค้าตรงๆว่า Civic ที่มีปัญหาเครื่องฮีทกับแอร์พัง เป็นไงบ้าง
น้องบอกมีจริงครับ เข้ามาที่ศูนย์ผม2คัน แต่ทางเราแก้ไขให้หมดแล้วครับ มันเป็นแค่บางคันจริงๆ บอกไม่ได้เลยว่าคันไหนจะเป็น แต่ถ้ามีปัญหามาเราตามแก้จนจบครับ

ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจนะ
ดีกว่าตอบว่า "ไม่มีหรอกครับ ในเน็ทเขาก็โพสไปแบบนั้น จริงๆไม่มีอะไร"

เอาเป็นว่า จะลองเสี่ยงดวงกับ HRV อีกครั้ง หลังจากเคยใช้ Accord, Jazz มาแล้ว
สู้ครับ ไม่กลัวครับ มีเพื่อนที่ปัญหาเยอะๆมากมายให้ปรึกษาครับ
ส่วนตัวคนใกล้ชิด2คน (น้ากับเพื่อน) ที่ออก HRV ไป ยังไม่มีปัญหาครับ และหวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหาด้วย
แต่หากมีปัญหาอะไร จะมาแชร์ให้ทราบครับ  ;) ;)
..ขอบอก เลยปัญหาเดียวกัน กะไอ้จุกปรับเบาะ ปาปอต ของที่บ้าน ตัวเดียวกันด้วยครับ 3.2 แม่งเรียกไปเปลี่ยนจุก ไอ้ชิปหาย อย่างอื่น ปัญหาใหญ่ๆแม่งไม่แก้ มาเรียกให้เปลียนจุก โคตรเคือง ..แล้วไอ้เรื่อง ซดน้ำมันนี่นะ สุดจริงๆ พี่ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ เหมือนกันครับ ที่บ้าน ของผมปี 09 จนถึงทุกวันนี้ ยังวิ่ง ไม่ถึง70,000กม. เลยครับ..
..ปัญหาของคุณเหมือนผมเด่ะ และก็ ตัดสินใจ ที่ hrv เหมือนกันครับ ppv มันใหญ่ ไปสำหรับในเมือง และเข้าห้างจริงๆ ครับ เบื่อ ฝุดๆ เวลาเข้าห้าง ผมใช้ อิแก่ jazz gd หรือไม่ ก็ march ไปเลยครับ มันเข้าจอดง่าย เสียนี่ กะไร จริงๆ ระหว่างรอ  hrv
..
หัวข้อ: Re: สรุปจอง HR-V ไปแล้วครับ หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: Noncyclopedia ที่ มกราคม 18, 2017, 12:57:46
H r v เทพสุดแล้วครับ. ไม่มีปัญหาอะไร