Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Abzolute ที่ มีนาคม 08, 2017, 16:15:12
-
คือตอนสตาร์ทเครื่องรอบมันจะตีไปที่ประมาณ 1100+ ซัก 20-30 วินาที ก่อน และค่อยๆดาวน์ลงมา จะเป็นตอนสตาร์ทตอนเช้า หรือตอนจอดาแล้วหลายๆๆ ชั่วโมง
-
Mazda2 ตัวเก่าก็เป็นครับ
;D
-
รถปีใหม่ๆเป็นเกือบทุกคันครับ (จริงๆก็หลายปีแล้วนะ)
-
มันก็เป็นทุกยี่ห้อ
-
รถเด่วนี้เป็นแบบนี้แทบทุกคันแล้วมั้งครับ
-
ไม่ใช่มันเป็นแบบนี้ทุกยี่ห้อหรือครับ ในกลุ่มเบนซิน สังเกตุ spacewagon คันเก่าก็เป็น แต่พวกเครื่องดีเซล ไม่เป็น เอ๊ะ หรือเพราะเครื่องมันดังอยู่แล้วเลยไม่สังเกตุ
-
เบนซินตั้งแต่ 90 ขึ้นมามีแน่นอน (27 ปี)
ปี 70 80 ไม่แน่ใจ ไม่เคยมีรถยุคนี้
-
น่าจะเป็นทุกยี่ห้อนะครับ ผมขับคันไหนตอนเช้าๆสตาร์ทอากาศเย็นๆรอบก็จะตีขึ้นตลอด
-
รู้สึกจะเริ่มมีตอนใช้ ecu คุมหัวฉีดนะครับ
-
Civic FD 1.8, Yaris 1.2, Vios ตั้งแต่รุ่นแรกถึงตัวตอนนี้, camry acv30 2.0, camry acv40 2.4, camry acv50 2.0&2.5, Accord G6 2.3, Accord G7 2.4 ทั้งตัวmc กะรุ่นแรก, Accord G8 2.4 ทั้ง mc กะรุ่นแรก, Accord G9 2.0 & 2.4, City ตัวปัจจุบัน, HRV นึกออกประมาณนี้ครับที่เป็น น่าจะมีรุ่นอื่นอีกนะที่เป็นเครื่องเบนซิน ทีไม่ใช้ไฮบริด รถทางยุโรปจะไม่ค่อยตั้งโปรแกรมมาให้เร่งรอบคับ
-
ผมว่า แต่ละรุ่น รอบมันค้างนานไม่เท่ากันนะครับ
-
รถผม 2.5 ก็มีนะครับ จริงๆก็มีทุกรุ่นเลย B14 คันเก่าผมก็ยังมี
ว่าแต่ว่า CX5 ตอนอุ่นเครื่อง สาบานได้มั้ยว่านี่เบนซิน
-
มีทุกรุ่น แต่เวลาขับไม่เคยสนใจ สตาร์ทป้าง ขับพรวก ออกไปเลย รีบบบ :-X :-X
-
มาสด้า3 นี่เร่งไว้ให้แค่ที่ 1100+เองเหรอครับ (แทบทุกคันที่ผมเคยใช้ จะ1500RPMทั้งหมดเลยครับ)
20-30 วินาทีนี่ถือว่าน้อยเลยนะครับ
FDของผมนี่ต้องมี 2-3 นาทีเลยละ(ขึ้นความร้อนที่ 2 จุด)
3-4นาทีขึ้น 3 จุด
แต่เร่งรอบช่วยอุ่นเครื่องแบบนี้มีมามากกว่า 20 ปีแล้วครับ
-
ผมไม่เคยจับรถคันอื่นเลยแฮะๆ ไม่ทราบ เพราะ Optra ที่บ้านก็ไม่เป็น
-
เป็นผลมาจาก knock sensor ที่จับการ นอค ของเครื่องคับ ถ้าสั่งมาก ก็สั่ง ecu จ่ายจ่ายน้ำมันเพิ่ม
แทบ common ในตลาด เครื่องบนมีอุนหภูมิการทำงานปกติของมัน :)
-
มีหมดแทบทุกรุ่นนี่ครับ อาจจะไม่ใช่ระบบอุ่นเครื่งแต่ก็หลักเดียวกัน
อัลติสเก่าผมเด้งไป 1800 นานมากกว่าจะลงมารอบเดินเบาปกติ
-
ที่บ้านเบนซินเป็นทุกคัน
-
Civic FB เป็นครับ สตาร์ตใหม่ๆรอบสูง เครื่องพุ่ง
-
City type Z ยังมีเลยครับ
-
accord g9 vios 2013 city 2014 city zx ก็เป็นครับ แต่ vios เวลาสตาร์ทตอนเช้าอากาศเย็นๆเสียงดังกระหึ่มได้ยินยันปากซอย แต่พวก cx5 e300 dmax เครื่องดีเซลพวกนี้ไม่เป็น
-
ระบบนี้มีมานานพอควรครับ
ในรถรุ่นเก่าที่ใช้คาบูเรเตอร์ก็มีระบบช่วยเร่งรอบตอนเครื่องเย็นครับ
ลองไปดูเพิ่มเติม คลิกที่นี่ครับ http://www.wikihow.com/Adjust-the-Automatic-Choke-on-an-Aircooled-Volkswagen-(VW)-Beetle
(http://pad1.whstatic.com/images/thumb/3/3f/Adjust-the-Automatic-Choke-on-an-Aircooled-Volkswagen-%28VW%29-Beetle-Step-4.jpg/aid1038937-728px-Adjust-the-Automatic-Choke-on-an-Aircooled-Volkswagen-%28VW%29-Beetle-Step-4.jpg.webp)
-
Exผมดีดขึ้นไป1500แน่ะครับ สักนาทีครึ่งก็ค่อยลงมา1000-900ค่อยออกตัว
-
มีตั้งแต่สมัยคาร์บูเรเตอร์แล้วครับ เมื่อก่อนเป็นโช้คต้องดึงจากในรถ แต่รุ่นใหม่ๆใช้โช้คสปริงใต้ฐานคาร์บูเป็นตัวดัน/ดึงสปริงเร่งรอบ ถ้าเครื่องร้อนสปริงเด้งกลับ รอบเครื่องก็ลงมาปกติ
หรืออย่างคาร์บูรุ่นใหม่ๆพวก Civic EG ใช้ไฟฟ้ามาคุมโช้คอัตโนมัติตอนเครื่องเย็นครับ
-
Mazda3 BK และ Primera ผมก็เป็นครับ
-
รถที่บ้านเวลาสตาร์ตตอนเช้าก็จะเร่งรอบวอมเครื่องเอง แจ่ไม่มีคันไหนวอมเครื่องดังเท่า Mazda 3 เลย
-
Altis 04 ก็เป็นครับ แต่แค่พันนิดๆ แล้วก็ตกมาปกติ แต่ CX-5 นี่เร่งไปตั้ง 1500 รอบ รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ไม่อยากรอแถมดังมาก
-
แต่เครื่องดีเซลตอนสตาร์ทไม่เคยเห็นว่าเครื่องจะเร่งรอบขึ้นตอนเครื่องเย็นเลยนะครับ
-
เพิ่งรู้นี่แหละครับว่ารถสมัยก่อนไม่อุ่นเครื่องให้
-
แสดงว่าเป็นหมด แต่ Optra ผมทำไมไม่เป็น 555
เพราะที่บ้านทีรถตู้ commuter , 3 , optra เป็นอยู่คันเดียว แม่ถามตลอด มันเป็นไร 55
-
แสดงว่าเป็นหมด แต่ Optra ผมทำไมไม่เป็น 555
เพราะที่บ้านทีรถตู้ commuter , 3 , optra เป็นอยู่คันเดียว แม่ถามตลอด มันเป็นไร 55
รถแฟนเก่าผมอาวีโอ้ 1.4 ติดเครื่องใหม่ๆตอนเช้ามารอบนิ่งที่ 1000 รอบ ไม่เคยเห็นเด้งเกินซักที แต่ก็ไม่ดับแฮะ
แปลกใจเหมือนกันครับ แต่คิดว่ามีระบบอุ่นเครื่องอัตโนมัติแน่นอน เพราะเปิดแอร์แล้วมีรอบตกนิดๆ ผิดกับตอนเครื่องร้อน ที่แอร์ทำงานแล้วรอบเด้งขึ้นไปแทน
เพิ่งรู้นี่แหละครับว่ารถสมัยก่อนไม่อุ่นเครื่องให้
สมัยก่อน RT100 ของพ่อ ใช้เครื่อง 12R (ก่อนเปลื่ยนเป็น 2T) ต้องคอยดึงโช้คใต้มาตรวัดนาฬิกา ไม่งั้นเดินเบาจะต่ำมากครับ ยิ่งอากาศหนาวก็ยิ่งติดยาก
-
Daihatsu Applause 1994 คันเก่าที่บ้านก็มี
คันเดียวที่ผมไม่เจอคือ Corolla E80 คาร์บูฯ 1.3
สตาร์ทตอนเช้าต้องดึงก้าน(ตอนนั้นเรียกโช้ค) ให้จ่ายน้ำมันหนาขึ้นเอง
-
คุ้นๆว่า BMW E30 ก็มีละครับ
-
รถ prius ก็มีครับ สตาทด้วยไฟฟ้า แล้วซักพัก
เครื่องจะติดเองประมาน1-2นาที แล้วดับไปเอง
จะเป็นตอนเครื่องเย็นรึไม่ก็จอดมานานครับ
-
VIOS บริทนี่ ก็มีครับ ;D
-
ซิตี้ตัว 2010 ก็เป็นครับ สตาร์ทรอบดีดไปเกือบ 2 พัน
พอขับไหลๆ ไปซักระยะ ขีดอุณหภูมิเครื่องขึ้น รอบก็ตกลงมาเหลือ 800
-
เบนซิลหัวฉีดมีทุกคันหนิครับ
ส่วนรถคาร์บูก่อนสตาร์ทผมจะเหยียบคันเร่งสุด1ครั้งเพื่อจ่ายน้ำมันนำไปก็มักจะสตาร์ทติดเลยน่ะ
-
W124 e220ปี1995ยังเร่งให้เลย
-
ต้องถามว่า...มีรุ่นไหนบ้างที่ไม่เร่งรอบให้ดีกว่า ผมขับมาหลายคันยังไม่เจอที่ไม่มี
ส่วนดีเซลมันร้อนกว่าและไวกว่าอยู่แล้วไม่ต้องเด้งไปช่วยเหมือนเบนซิน
-
เป็นการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินรุ่นหลังๆ ที่มี ECU หัวฉีด ออกซิเจนเซนเซอร์ แล้ว
จะมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบาเป็นสองขั้นตอน สองสภาวะ
วัตถุประสงค์เพื่อประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ
ตอนแรกเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่
ECUจะสั่งให้จ่ายน้ำมัน(เผื่อไว้)มากกว่าปกติตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่ดับ รอบเครื่องสูงกว่าปกติ
ออกซิเจนเซนเซอร์ยังมีอุณหภูมิไม่สูงพอ ยังไม่ทำงาน
เป็นช่วงที่กินเชื้อเพลิง และมีการปล่อยมลพิษออกมามาก
จากสัดส่วนอากาศ/น้ำมันที่ไม่ได้เหมาะสมที่สุดตาม stoichometric graph ของน้ำมันเบนซิน
เรียกการทำงานช่วงนี้ว่า open loop
เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงจุดที่เรียกว่า อุณหูมิทำงานของเครื่องยนต์
ตัวออกซิเจนเซนเซอร์ร้อนจนถึงอุณหภูมิทำงาน จะเริ่มทำงานเพื่อวัดระดับออกซิเจนที่เหลือในไอเสียหลังการเผาไหม้
ECUจะแปรผลสัดส่วนของอากาศ/น้ำมันเชื้อเพลิง
แล้วไปสั่งให้มีการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมที่สุดตามstoichometric graph
มีการใช้ข้อมูลแบบ negative feedback ตลอดเวลา เพื่อไปปรับลดการจ่ายเชื้อเพลิงให้เหมาะสมที่สุดดังกล่าว
เครื่องยนต์จะลดเร่งรอบเครื่องลง ประหยัดเชื้อเพลิง ปล่อยมลพิษน้อยลง
เรียกการทำงานช่วงนี้ว่า closed loop
(ดังนั้น ออกซิเจนเซนเซอร์เสียก็ทำให้รถกินน้ำมันขึ้นครับ
แต่ถ้ารถยนต์มี่ออกซิเจนเซนเซอร์ตัวหน้าและตัวหลังแคตฯ
ตัวหน้าจะมีผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมัน)
-
มันเป็นโหมด Cold Start
รถที่มี ECU น่าจะมีทุกคันนะครับ
คาร์บูเรเตอร์ ก็ดึงโช๊คน้ำมันเอาเอง
-
เป็นการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินรุ่นหลังๆ ที่มี ECU หัวฉีด ออกซิเจนเซนเซอร์ แล้ว
จะมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบาเป็นสองขั้นตอน สองสภาวะ
วัตถุประสงค์เพื่อประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ
ตอนแรกเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่
ECUจะสั่งให้จ่ายน้ำมัน(เผื่อไว้)มากกว่าปกติตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่ดับ รอบเครื่องสูงกว่าปกติ
ออกซิเจนเซนเซอร์ยังมีอุณหภูมิไม่สูงพอ ยังไม่ทำงาน
เป็นช่วงที่กินเชื้อเพลิง และมีการปล่อยมลพิษออกมามาก
จากสัดส่วนอากาศ/น้ำมันที่ไม่ได้เหมาะสมที่สุดตาม stoichometric graph ของน้ำมันเบนซิน
เรียกการทำงานช่วงนี้ว่า open loop
เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงจุดที่เรียกว่า อุณหูมิทำงานของเครื่องยนต์
ตัวออกซิเจนเซนเซอร์ร้อนจนถึงอุณหภูมิทำงาน จะเริ่มทำงานเพื่อวัดระดับออกซิเจนที่เหลือในไอเสียหลังการเผาไหม้
ECUจะแปรผลสัดส่วนของอากาศ/น้ำมันเชื้อเพลิง
แล้วไปสั่งให้มีการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมที่สุดตามstoichometric graph
มีการใช้ข้อมูลแบบ negative feedback ตลอดเวลา เพื่อไปปรับลดการจ่ายเชื้อเพลิงให้เหมาะสมที่สุดดังกล่าว
เครื่องยนต์จะลดเร่งรอบเครื่องลง ประหยัดเชื้อเพลิง ปล่อยมลพิษน้อยลง
เรียกการทำงานช่วงนี้ว่า closed loop
(ดังนั้น ออกซิเจนเซนเซอร์เสียก็ทำให้รถกินน้ำมันขึ้นครับ
แต่ถ้ารถยนต์มี่ออกซิเจนเซนเซอร์ตัวหน้าและตัวหลังแคตฯ
ตัวหน้าจะมีผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมัน)
+1 ครับ
รถยิ่งเก่ายิ่งวอร์มนานสังเกตุดู โตต้านี่สังเกตุง่ายสุดแมพเซนเซอร์ช่วยดันรอบหรือยุโรปหลายรุ่นที่มีปีกผีเสื้อนานๆไม่ล้างก็เป็นครับรอบสุงเวอร์ ช่วยด้วยการเปิดแอร์ช่วยรอบตกทันที 55
-
ทุกรุ่นครับ ถ้าตัวชดเชยรอบมันไม่เสีย ;D
-
ถ้าเปลี่ยนท่อมา ช่วงอุ่นเครื่องนี่ลั่นเลยคนับ
-
Camry SXV20 ก็อุ่นเครื่องให้ครับ
Civic เครื่อง D15B Vtec ก็วอร์มอัพให้เช่นกัน