Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ฺBurmicon ที่ มีนาคม 29, 2017, 02:21:08
-
หลายๆท่านอาจเปลี่ยนรถทุกๆ 5-6ปี เพราะมักเป็นช่วงเวลาที่รถจ่ะเริ่มงองแง ค่าซ่อมเริ่มบานปลาย วารันตีก็หมด ขายทิ้งซื้อรถใหม่ง่ายกว่า
แต่ก็คงมีหลายๆท่านที่สามารถดูแลรถตัวเองได้แม้ผ่านไปเป็น 10ๆปี หรือแสนๆโล โดยที่รถยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา
อยากรู้ว่าทุกคนมีเทคนิกในการดูแลรถของตัวเองยังไงกันบ้าง เพราะทุกๆสิ่งเล็กๆน้อยๆอาจเป็นปัจจัยทำให้รถคุณอยู่ได้แสนนานหรืององแงก่อนวัยอันควร
ส่วนตัวผมเองนั้น:
-ช่วงระยะ 2000km แรก ไม่กระทืบคันเร่งมิด ขับไม่เกิน 120 พยามควบคุมไม่ให้รอบเกิน 4000
-startรถไว้ 10-20วิ (หรือเป็นนาทีตามวิจารณญาณ) ก่อนเริ่มออกเดินทาง ทิ้งไว้อีก 10-20วิ ก่อนดับเครื่องตอนจอด
-จอดรถเสร็จเปิดฝากระโปงทิ้งไว้สัก 2-3ชม (ได้มาจากอีกกระทู้ของ HLM นี่เอง)
-ไม่เร่งเครื่องรถจนกว่าอุณหภูมิรถจ่ะสูงพอ (มักใช้เวลา 5-10นาที)
-พยายามไม่คลานเวลารถติด ทิ้งระยะเล็กน้อยแล้วปล่อยให้รถไหลไปเป็นธรรมชาติ
-เมื่อหยุดรถบนเนิน ไม่เหยียบคันเร่งสู้เพื่อเลี้ยงระดับ แต่ให้เหยียบเบรคแทน
-ไม่เปลี่ยนเกียร์จนกว่ารถจ่ะหยุดนิ่ง (พูดถึงเกียร์ออร์โต้)
-ไม่หักพวงมาลัยจนสุด
-พยามเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลา
-ใช้น้ำมันพรีเมี่ยมบ้างในบางครั้ง เพราะน้ำมันพรีเมี่ยมจ่ะช่วยทำความสะอาดเครื่องยนต์ได้
-หมั่นทำความสะอาดรถทั้งภายในและภายนอก (ล้อใต้ท้องรถและห้องเครื่องยนต์ก็สำคัญ)
-หมั่นเปลี่ยนถ่ายของเหลวและอะไหร่สิ้นเปลืองต่างๆตามคู่มือ โดยใช้ของคุณภาพดีหรือที่แนะนำโดยผู้ผลิตเท่านั้น ห้ามละเลยเด็ดขาด
หากท่านอื่นมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่เห็นด้วยในข้อไหน ก็แชร์กันเข้ามาได้ครับ
เพิ่มเติมจากท่านอื่นๆนะครับ
-เติมลมยาง Nitrogen เพื่อป้องกันความชื้นกัดกร่อนล้อ
-ไม่ kickdown บ่อยๆ
-ก่อนถึงจุดหมายซักสองสามกิโล ปิดการทำงานคอมเพรซเซอร์แอร์
-วอร์มเครื่องก่อนออกรถ
-วิ่งไกลๆ อัดรถเป็นบ้างครั้งเพื่อเอาเขม่าออก
-อย่าล้างรถในอากาศร้อน
-ไม่โมเครื่อง (อันนี้น่าจ่ะพอรู้ๆกันครับ)
-เติมน้ำมันคุณภาพดี เติมเบนซินดีกว่าโซฮอล
-หมั่นตรวจเช็คสภาพยาง สภาพล้อด้วยสายตา
-นำรถไปยืดเส้นยืดสายบ้าง สำหรับรถที่ไม่ได้ขับบ่อย
-คอยตรวจเช็ครอยรั่วซึม ตามใต้ท้องรถและห้องเครื่อง
โบนัส: ปรับปรุงเทศบาล กรมทางหลวง
-
ตามท่านว่ามาครับ
-
พยายามอย่าขับรูดหลุม และไม่ kick down บ่อยๆ น่าจะช่วยถนอมรถได้
ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่สุดท้าย ป้าแก่ CRV G1 (1998) ก็ยังต้องทำช่วงล่าง และเปลี่ยนเครื่องอยู่ดี เมื่อเวลามาถึง :-[
ป.ล. ชอบรูป profile ของคุณครับ .. Fiat รุ่นนี้ ออกแบบมา แบบว่า 'ถ้าไม่รัก ก็เกลียด' แต่ส่วนตัว ผมชอบมาก 8)
-
ปรับปรุงคุณภาพกรมทางหลวง กับเทศบาลท้องถิ่นครับ
อ่อ กทม. ด้วย
รับรอง ค่าบำรุงรักษารถยนต์คุณ ลดลงไปมากเลยครับ
-
ปรับปรุงคุณภาพกรมทางหลวง กับเทศบาลท้องถิ่นครับ
อ่อ กทม. ด้วย
รับรอง ค่าบำรุงรักษารถยนต์คุณ ลดลงไปมากเลยครับ
กว่าจ่ะปรับปรุง รถผมพังละครับ :'(
-
ผมชอบเปลี่ยนถ่ายของเหลวครับ :P
-
ผมก้ทำคล้ายๆคุณ จขกท. ทำนั่นแหละคับ ตรงกันหลายๆข้อ โดยเฉพาะก่อนออกรถทุกครั้งไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายค่ำ ผมจะสตาร์ทเครื่องอุ่นก่อน ไม่ใช่แค่ 10-20 วิ นะคับ ผมนี่ทิ้งไว้ปีระมาณ 3-4 นาทีเลยทีเดียว จนกว่าเสียงคำรามจะเบาลงและได้ยินเสียงรอบเดินปีกติ ช่วงระหว่างนั้นผมก้เก็บของไปอะไรไป พอเก็บเสร็จมันก้อุ่นพอดี และหลังกลับมาจากข้างนอก ผมจะไม่ดับเครื่องทันทีนะ จะปล่อยไว้สัก 30 วินาทีค่อยดับ หรือถ้ามีเสียงเครื่องยนต์และแอร์ทำงาน ผมจะรอจนกว่ามันตัดรอบเสร็จถึงจะดับเครื่อง และก้เปิดฝากีะโปรงทิ้งไว้ให้เครื่องเย็น พอใกล้ไฟแดงก้ปบ่อยไหล ไม่เหยียบส่งต่อ
ปล. แค่ผมสงสัยนิดนึงว่า มันมีคนที่เปลี่ยนเกียร์ตอนรถใกล้จอดนิ่งด้วยเหรอคับ แล้วออโต้มันทำได้เหรอ ผมนี่ต้องจอดสนิทก่อนนะถึงเปลี่ยนเป็น N ก้เลยงงว่ามันมีคนทำแบบนั้นด้วยเหรอ ถ้าเปนแมนน่วลก้ว่าไปอย่าง :-\
-
รอเก็บข้อมูลสำหรับรถใหม่ แต่คันปัจจุบันใช้รถมา 2แสนโล กับรถ 8ปี ตอนนี้จุกจิกเล็กน้อย เดือนนึงต้องมีเรื่องให้เสียตังค์ 3-4000 บาทตลอด ใช้รถแค่ไปกลับ กทม-โคราช ถึงแล้วจอด ทุกอาทิตย์มา 16 ปีแล้วเปลี่ยนรถทุก 8 ปี ซึ่งใกล้ถึงอายุรถที่ผมจะใช้แล้ว ขับแบบเหยียบได้เหยียบครับ ขึ้นเหยียบเบรคสตาทร์เลยช่วงล่างยังไมทำอะไรเลย ของเหลว 15000 ค่อยว่ากัน นอกนั้นตามอาการ เคยกินข้าวแกงลิงครั้งนึง อีกครั้งเกือบได้กินแต่ก็รอดมาได้
-
:-\
มันอยู่ที่รถ+เครื่องครับ
ถ้ารถทนๆ เช่น ดีเซลเจ้าตลาดกระบะ ก็คง 10 ปี หายห่วงอยู่แล้ว
ข้าพเจ้าก็ทำแทบทุกข้อที่กล่าวมา เผลอๆมากกว่าด้วย กับ BMW E46
แต่มันก็ยังเสียอยู่ดี เช่น ปั๊มติ๊ก เงี้ย ขนาดไม่เคยปล่อยให้เชื้อเพลิงเหลือน้อยเลยนะ มันก็ยังเสีย
และเสียแบบอนาทซะด้วย คือไม่มีฟอร์มเลย แป้กสถานเดียว
พุดง่ายๆว่า ขายซื้อใหม่ ง่ายสุดครับ ไม่ได้กวนนะ มันควรจะงั้นจริงๆ
-
เรื่องแอร์
ก่อนถึงจุดหมายซักสองสามกิโล ปิดการทำงานคอมเพรซเซอร์แอร์ ให้พัดลมแอร์เป่าใล่ความเย็นออกจากคอยล์เย็นให้เหลือเท่าอุณหภูมิปกติ เพื่อป้องกันการเกิดไอน้ำมาเกาะคอยล์เย็นขณะที่เราดับเครื่องจอดรถแล้วคอยล์เย็นยังมีความเย็นอยู่ เนื่องจากพอมีไอน้ำ ก็จะมีฝุ่นตามมา สะสมกลายเป็นเมือกโคลนอุดตัน จึงต้องมีการล้างแอร์เอาสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกมา
รถคันเก่าผมทำแบบนี้ตลอด ออกป้ายแดงตั้งแต่ปี 2550 ทุกวันนี้ยังไม่เคยล้างแอร์เลยซักครั้ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ 10 ปี ไม่เคยต้องล้างแอร์ เย็นฉ่ำตลอด หรืออย่างน้อยก็ ยืดเวลาการล้างแอร์ออกไปได้นานกว่าปกติ
-
ผมไม่เคยใช้รถเกินแสนกิโลเลยซักคัน แต่รถกี่เก็บไว้บางคัน 16ปีวิ่ง 5หมื่น สภาพยังโอเค แต่เดินทางไกลปลดประจำการ กันกินข้าวลิงครับ
- ปิดแอร์ ก่อนสตาร์เครื่องและดับ รุ่นที่มีโหมดไล่ความชื่นแอร์ก็เปิดตอนดับเครื่องบ้าง ถ้าไม่มีใช้วิธีก่อนจะดับเครื่อง กดปุ่มac ออกทิ้งไว้ซัก 15นาที ให้มีแต่ลม ไล่ความชื่นออก
- ถ่ายน้ำมันเครื่องตรงตามระยะ 5,000-10,000 กิโลตามเกรดน้ำมันเครื่อง บางคันจอด2ปีเปลี่ยนเพราะวิ่งไม่ถึง
- อุ่นเครื่องก่อนออกรถ ซัก10นาที
- วิ่งไกลๆ อุ่นเครื่องบ้างครับ อัดรถเป็นบ้างครั้งเพื่อเอาเขม่าออก
- รถที่เดินทางบ่อยๆ ต้องมั่นเช็ค ท่อน้ำ รถใหม่ๆ ท่อหลุดหรือมีปัญหา ลามเป็นเรื่องใหญ่ได้เลยครับ ระดับน้ำมันเครื่องก็ต้องมั่นเช็คครับ ขาดหรือเกินมีผลต่อเครื่องระยะยาวทั้งนั้นครับ
- รถวิ่งมาร้อนๆอย่าล้างรถ
- ถ้าล้างรถ เช็ดห้องเครื่องเอง เราจะรู้จุดซึมจุดรั่วก่อนที่จะลามครับ
- ไม่โมเครื่อง
- เลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงกับปั้มที่ดีครับ เกรดดีๆหน่อยครับ ได้น้ำมันไม่ดีหัวฉีดลาเร็ส ปั้มติ๊กไปไว ผมเติมเบนซิน ไม่โซฮอล กับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
-
บำรุงรักษา ตามระยะ เปลี่ยของเหลว บ่อยๆ
เปลี่ยน ชิ้นส่วน ที่ สึกหรอตามระยะ อย่า งก
การพังของ ชิ้นส่วนบางอย่าง อาจทำความเสียหาย ถึงขนาด ต้องทิ้งรถกันทีเดียว
-
ผมก้ทำคล้ายๆคุณ จขกท. ทำนั่นแหละคับ ตรงกันหลายๆข้อ โดยเฉพาะก่อนออกรถทุกครั้งไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายค่ำ ผมจะสตาร์ทเครื่องอุ่นก่อน ไม่ใช่แค่ 10-20 วิ นะคับ ผมนี่ทิ้งไว้ปีระมาณ 3-4 นาทีเลยทีเดียว จนกว่าเสียงคำรามจะเบาลงและได้ยินเสียงรอบเดินปีกติ ช่วงระหว่างนั้นผมก้เก็บของไปอะไรไป พอเก็บเสร็จมันก้อุ่นพอดี และหลังกลับมาจากข้างนอก ผมจะไม่ดับเครื่องทันทีนะ จะปล่อยไว้สัก 30 วินาทีค่อยดับ หรือถ้ามีเสียงเครื่องยนต์และแอร์ทำงาน ผมจะรอจนกว่ามันตัดรอบเสร็จถึงจะดับเครื่อง และก้เปิดฝากีะโปรงทิ้งไว้ให้เครื่องเย็น พอใกล้ไฟแดงก้ปบ่อยไหล ไม่เหยียบส่งต่อ
ปล. แค่ผมสงสัยนิดนึงว่า มันมีคนที่เปลี่ยนเกียร์ตอนรถใกล้จอดนิ่งด้วยเหรอคับ แล้วออโต้มันทำได้เหรอ ผมนี่ต้องจอดสนิทก่อนนะถึงเปลี่ยนเป็น N ก้เลยงงว่ามันมีคนทำแบบนั้นด้วยเหรอ ถ้าเปนแมนน่วลก้ว่าไปอย่าง :-\
เรื่องการวอร์มเครื่องยนต์ก่อน ในรถบ้านใช้งานทั่วไป ปัจจุบันนี้ความเห็นแตกต่างกันไปครับ
หลายบทความไม่ได้แนะนำให้ต้องวอร์มเครื่องแล้ว เพราะเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
สุ้เอาน้ำมันส่วนที่ใช้วอร์มนั้น เอาไปวิ่งเป็นได้ระยะทางดีกว่า และลดมลพิษในส่วนที่เกิดจากการวอร์ม
(แต่อาจจะเพราะปัจจุบับเปลี่ยนรถยนต์กันก่อนที่เครื่องยนต์หลวม ใช้งานนานๆแบบสมัยเก่าก่อน)
ส่วนตัวผมใช้รถเบนซินคันหนึ่งไปหกแสนกว่าโล ไม่เคยโอเวอร์ฮอลทำเครื่องยนต์เลยสักคครั้ง
และไม่เคยวอร์มอุ่นเครื่องเลย แต่เน้นออกตัวธรรมดา ไม่ออกตัวแรง จนกว่าเครื่องร้อนถึงอุณหภูมิทำงานของรถ)
ส่วนอีกคันเบนซิน ใช้มาสองแสนกว่าโลถึงปัจจุบัน ไม่เคยวอร์มเหมือนกัน
ส่วนการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติขณะรถยังวิ่งไหลอยู่แบบที่ว่า มีแต่ทำให้เกียร์สึกหรอพังเร็วขึ้น
อีกเรื่องสำหรับสองคันที่กล่าวข้างบนใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์100% เปลี่ยนทุก 10,000โลตลอด
ไม่ได้ใช้น้ำมันเครื่องแพงเลย เป็นหลักก็- บางจาก กับ ปตท. ยี่ห้ออื่นก็ลองตอนมีโปรฯ
แต่ปัจจุบันรถคันหลังที่ยังคงใช้งานอยู่ เดี่ยวนี้ขี้เกียจหิ้วน้ำมันเครื่องเข้าไปเองก็อุดหนุนน้ำมันศูนย์(ตัวไม่แพง)บ้างครับ
-
- ให้คนสวนไปสตาร์ทวอมอัพให้ก่อนออก 5นาที แล้วผมก็กินข้าว บ้างก็ถือกาแฟออกไปเดินดูสวนข้างนอกและถือโอกาสฟังเสียงเครื่องว่ามีเสียงแปลกๆหรือไม่
- เครื่องเย็น ขีดความร้อนยังขึ้นไม่มากจะยังไม่ลากรอบ ขับเนิ้บๆไปก่อน
- ผมถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ เช็คทั้งระบบ ท่อยางต่างๆก่อนถึงกำหนดประมาณ 1,000Km หรือไม่ว่างจริงๆจะสลับไปใช้คันอื่น จะไม่ยอมลากเกินกำหนด เปลี่ยนถ่าย
- ไม่เคยเติมโซฮอล์ ไม่เคยติดแก๊ส จะเลือกเติมเบนซิลล้วน Shell กับ PTT
- ไม่ปล่อยให้น้ำมันเหลือก้นถัง กันปั๊มติ๊กเสีย
- ไม่หักพวงมาลัยสุดจนดัง กึกๆ แร็กเสียไว
- วันไหนไม่ได้นำรถออกไปขับหรือไปล้างเคลือบมาก็จะเปิดแอร์โรงรถ อุณหภูมิปกติ ปิดทึบ ดูดความชื้นออก ให้สีรถฉ่ำขึ้น
- เรื่องสภาพยางสภาพล้อแม็กตรวจแทบทุกวัน เพราะถนนที่บ้านไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจจะแม็กคดไม่รู้ตัว
- เดือนนึงจะมีสัก1ครั้ง นำรถออกไปยืดเส้นยืดสายช่วงกลางคืน บนทางด่วนไม่รบกวนชาวบ้าน ให้เครื่องยนต์ได้ทำงานเต็มที่บ้าง
- เรียกรุ่นพี่ที่รู็จักกันมาทำสปาห้องเครื่องให้ที่บ้าน3เดือนครั้ง
- เข้าศูนย์เป็นไปได้จะขอขึ้นฮ้อยทุกรอบ เพื่อเช็ครอยรั่วและหน้ายาง
- เดินทางต่างจังหวัดไกลๆมา จะกดA/C ไม่ก็ปุ่มRestละลายน้ำแข็งก่อนดับเครื่อง
-
ปรับปรุงคุณภาพกรมทางหลวง กับเทศบาลท้องถิ่นครับ
อ่อ กทม. ด้วย
รับรอง ค่าบำรุงรักษารถยนต์คุณ ลดลงไปมากเลยครับ
กว่าจ่ะปรับปรุง รถผมพังละครับ :'(
เอาจริงๆนะครับผมวิ่งกทมเป็นหลักทำงานปลวกแดงถนนก็นรกแตก รถผมสี่คันล่าสุดระยะทางรวมน่าเกินหกแสน ไม่มีคันไหนเคยได้ซ่อมช่วงล่างสักคัน ที่ต้องซ่อมบ้างก็พวกดีเฟกจากโรงงาน โช๊คก็ตามอายุแต่ไม่เคยรั่วแต่คงไม่นุ่มแน่นเหมือนของใหม่ๆ
ผมว่าขับระวังๆมันก็ได้อยู่นะ รถมันออกแบบมาทนระดับนึงแล้วหล่ะ
-
หมั่นสังเกตความผิดปกติของรถ
-
ปรับปรุงโดยการโละคนแก่ๆ ที่แก่แต่อายุ แต่ไม่ได้คิดถึงประเทศชาติออกไปซะเลยจะดีกว่าครับ เห็นผลน่าจะเร็วกว่า
ถนนแถวบ้านผมนี้อย่างแย่เลยครับ ช่วงล่างรักษามาตั้งนาน เจอหลุมในซอยบ้านจบข่าว