Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 6162002 ที่ เมษายน 04, 2017, 23:38:12
-
พอดีวันนี้ ผมกับเพื่อนไปเดินงาน Motor Show
เพื่อนผมอยากลอง Everest เทียบกับ X-Trail ดู ส่วนผมก็กะถือโอกาสอยากลอง Focus ในสนาม เลยไปบู๊ธ Ford กัน
(บอกก่อนว่า แต่งตัวกันค่อนข้างดีนะครับ ผมออกจากออฟฟิศมาก่อนเวลา ยังใส่รองเท้าหนังอยู่ด้วยซ้ำ)
เข้าไปเจอเซลคนแรก พูดคุยได้สักพัก
ผม : ขอไปลองขับ Everest ได้ไหมครับ
เซล1 : ได้ค่ะ เชิญที่เคาน์เตอร์ทดสอบเลย (ชี้ทางไป แต่ไม่ได้เดินมาด้วย)
.... เดินไปถึงเคาน์เตอร์
จนท. : ต้องมีเซลมาด้วยนะคะ เราไม่อนุญาตให้ลูกค้าไปเอง (เงิบ 1)
.... เดินกลับมา เจอเซลอีกคนนึง
ผม : พี่ครับ ผมอยากลองขับ Everest ต้องทำยังไงบ้างครับ
เซล2 : ต้องหาเซลไปด้วยนะคะ (พร้อมกันหันไปหาเซลคนอื่นๆ) แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่าง พี่กำลังจะไปรับลูกค้า ขอเบอร์ไว้แล้วกัน เดี๋ยวพี่โทรหา (สุดท้าย จนตอนนี้ ก็ไม่เห็นโทรมา).. (เงิบ2)
.... เดินต่อ พยายามหันหาเซลไม่มีใครเดินเข้ามาหา ผมเลยไปถ่ายรูป นั่งเล่นใน Focus (ส่งรูปให้น้อง เพราะน้องมีแพลนจะออกรถเดือนหน้า) สักพักมีเซลมาอีกท่าน
พยายามอธิบายข้อดีของโฟกัส ฯลฯ
ผม : ขอบคุณครับพี่ (สำหรับคำอธิบาย) ขอไปทดลองขับด้วยได้ไหม
เซล3 : คิวยาวมากครับ ถ้าอยากลอง ไว้ไปลองที่โชว์รูมผมดีกว่า (แล้วก็อธิบายออพชั่นรถต่อ บลาๆๆ)
ผม : พอดีผมอยากลองเทียบกับตัวอื่น ที่สนามเดียวกันเลย จะได้เทียบกันชัดๆน่ะครับ ขอลองที่นี่เลยได้ไหม
เซล3 : ได้ครับ แต่คิวจะยาวหน่อย (แล้วก็เดินออกไปเลย).... (เงิบ 3)
ถึงจุดนี้ บอกตรงๆ ผมกับเพื่อน อารมณ์เสียมากครับ (แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆนะครับ แค่ยิ้มเจื่อนๆกัน)
ถึงจุดนี้ พอเข้าใจละ ว่าเซลคงกลัวเสียเวลา เลยเดินไป Booth นิสสันกัน (ยังคิดอยู่ว่า จะเจอแบบเดียวกันไหม)
เข้า Booth Nissan ไปเข้าๆออกๆ X-Trail อยู่พักนึง มีเซลเดินมา คุยกันสักพัก เลยขอลองขับอีก
ผม : ผมขอลองขับหน่อยได้ไหมครับ
เซล : (ยิ้ม) ได้เลยค่ะ จะลองสองท่านเลยไหมครับ ทางนี้เลยค่าาา (ทำไมมันคนละ Feeling กับฟอร์ดเลยวะ!)
ข้ามไปถึงสนามขับ งงมากว่า คิวมันยาวตรงไหนวะเนี่ย!! อย่างโล่ง
ลองขับกัน 5 รอบ (X-Trail รุ่นปกติ กับ Hybrid คนละรอบ และผมขอลอง Note ด้วย)
อยู่ตรงนั้นเกือบ ชม. เห็นรถยุโรปมาลองกันเยอะเลย มี Audi ด้วย
แต่เห็นฟอร์ดมาลองแค่ 2 รอบ.... (ไม่แปลกใจ ก็เซลมันไม่ให้ลอง)
สรุปแล้ว ได้ลองนิสสันยี่ห้อเดียว ประทับใจเซลนิสสัน แต่เสียความรู้สึกกับฟอร์ดมากๆ
ไม่เข้าใจ ทำไมเซลฟอร์ด มี Mindset แบบนี้ พอลูกค้าไปลอง ยังมีโอกาสได้ ถึงจะน้อย
แต่ถ้าปฏิเสธลูกค้า โอกาสซื้อของลูกค้าแทบจะเป็น 0 แล้ว (ยิ่งเจอชอต เดินหนีเข้าไป เงิบมากๆผม)
เล่าสู่กันฟังเฉยๆ ใครไปก็ทำใจไว้นิดนึงนะครับ
แนะนำใครอยากไปลอง ให้ไปวันธรรมดา จะดีมากๆครับ รถไม่ติด (ถ้ารถติดๆ กว่าจะไปถึงสนามขับ ดูแล้ว น่าจะเสียเวลามาก)
-
ลอง report เข้าฟอร์ดสำนักงานใหญ่ดูสิครับ ว่างานปีนี้เราเดินแล้วเจออะไรบ้าง ผมว่ามันงี่เง่าที่ตัวนโยบายการเทสไดรฟ์ต้องมีเซลไปด้วยนั่นแหละครับ ทำเพื่ออะไร? เซลคนไหนจะอยากเสียเวลาทองในการปิดดีลไปนั่งทดลองขับในงานแบบนี้ครับ? ทำไมไม่จัดเจ้าหน้าที่ต่างหาก แยกไว้เลยเหมือนยี่ห้ออื่นเขา? หรืออยากประหยัดงบไม่ต้องหาเจ้าหน้าที่มาที่ลานเทส?
-
เจอเหมือนกันเลยครับ เห้อออ
-
เคยเจอแบบนี้แต่กลับกันตรงที่ Ford = BMW และ Nissan = Volvo
-
สงสัยไม่อยากขาย ;D ;D ;D
แต่ไปลองมาจะเป็นแบบนั้นจริงๆครับ แต่ผมรู้จักกับเซลล์เลยได้บริการคนละแบบกัน แต่งานปีที่แล้วนะครับไม่ใช่ปีนี้ ปีนี้ยังไม่ได้ไป
แต่เอาจริงๆเซลล์แค่ไปส่งให้คนที่ประจำอยู่ที่รถอยู่ดี ไม่ได้นั่งรถไปด้วยและเค้าไม่ได้ไปด้วย ปีนี้เกิดอะไรขึ้นหว่าเดี๋ยวพฤหัสนี้จะไปลองป่วนดู
-
ลอง report เข้าฟอร์ดสำนักงานใหญ่ดูสิครับ ว่างานปีนี้เราเดินแล้วเจออะไรบ้าง ผมว่ามันงี่เง่าที่ตัวนโยบายการเทสไดรฟ์ต้องมีเซลไปด้วยนั่นแหละครับ ทำเพื่ออะไร? เซลคนไหนจะอยากเสียเวลาทองในการปิดดีลไปนั่งทดลองขับในงานแบบนี้ครับ? ทำไมไม่จัดเจ้าหน้าที่ต่างหาก แยกไว้เลยเหมือนยี่ห้ออื่นเขา? หรืออยากประหยัดงบไม่ต้องหาเจ้าหน้าที่มาที่ลานเทส?
เรื่อง Report เดี๋ยวลองหาดูนะครับ
ส่วนเรื่องนโยบาย เห็นด้วยมากๆครับ ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องเอาเซลไปด้วย งงมากๆ
แต่จริงๆ ที่ลานขับก็จะมีเจ้าหน้าที่คุมอยู่ดีนะครับ เซลมีหน้าที่แค่ นั่งไปด้วยเฉยๆ ฟังก์ชันต่างๆ จนท. ประจำรถก็เป็นคนแนะนำ (เซลมีหน้าที่ไปนั่ง กะขายตอนลูกค้ากำลังขับ -.-)
-
ปีที่แล้วจะลอง xv ก็แบบนี้
-
ขายดีขึ้น เลยไม่ค่อยสนใจลูกค้าป่ะคับ
-
งงตรงที่ต้องมีเซลมาด้วยนี่ล่ะครับ แยกกันคนละฝ่ายไม่ได้หรือ ลองก็ลอง ชอบก็ส่งต่อให้เซล :-\
-
ผมได้เทส ford ever แต่ไปตอนวันศุกร์ บ่ายโมง เทส crv ด้วยเลยพร้อมกันทีเดียวไม่มีปัญหา
บริการดีทั้งสองเจ้า แต่ crv คนเยอะหน่อย
ford ไม่ต้องรอเลยบริการดีสุดๆ
-
ลอง report เข้าฟอร์ดสำนักงานใหญ่ดูสิครับ ว่างานปีนี้เราเดินแล้วเจออะไรบ้าง ผมว่ามันงี่เง่าที่ตัวนโยบายการเทสไดรฟ์ต้องมีเซลไปด้วยนั่นแหละครับ ทำเพื่ออะไร? เซลคนไหนจะอยากเสียเวลาทองในการปิดดีลไปนั่งทดลองขับในงานแบบนี้ครับ? ทำไมไม่จัดเจ้าหน้าที่ต่างหาก แยกไว้เลยเหมือนยี่ห้ออื่นเขา? หรืออยากประหยัดงบไม่ต้องหาเจ้าหน้าที่มาที่ลานเทส?
เรื่อง Report เดี๋ยวลองหาดูนะครับ
ส่วนเรื่องนโยบาย เห็นด้วยมากๆครับ ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องเอาเซลไปด้วย งงมากๆ
แต่จริงๆ ที่ลานขับก็จะมีเจ้าหน้าที่คุมอยู่ดีนะครับ เซลมีหน้าที่แค่ นั่งไปด้วยเฉยๆ ฟังก์ชันต่างๆ จนท. ประจำรถก็เป็นคนแนะนำ (เซลมีหน้าที่ไปนั่ง กะขายตอนลูกค้ากำลังขับ -.-)
เห็นด้วยกับทั้งสองท่านอย่างแรง
-
Sense ของเซลล์ครับ. เขามองว่า คุณเป็นprospect ที่มีpotential ในการขายได้น้อยกว่า(คนอื่นในงานที่เขาดูอยู่เล็งอยู่)
การทดสอบขับ มันเป็นแค่visibilityแค่นั้นเอง. คนจะซื้อส่วนใหญ่จะเคยเทสมาก่อน
และผมเขื่อส่วนตัวว่า. คนซื้อford(ตั้งใจมาซื้อเลย) เขารุ้ว่ามันขับขี่เป็นอย่างไร
และการขับขี่ทดสอบระยะไม่มาก. บอกตรงๆนะ. ไม่เห็นสมรรถนะที่แท้จริงหรอกครับ
พอเคยเทสมาก็มาคุยว่าเคยทดสอบรุ่นนั้นุ่นนี้มาแล้ว. ทั้งๆที่ขับไม่ถึงชั่วโมง.
รถทุกคนขับแบบทดสอบอาการมันเเทบจะไท่ต่างกันมากมายจนเป็นจุดที่จะเลือกรถ
แต่หากเป็น ราคา. สมรรถนะ option และศูนย์บริการ. มากกว่าทดสอบการขับขี่
ผมขับมาสด้า2. และเคยทดสอบb sec เกือบทุกคัน. มันแทบจะไม่ต่างอะไร
แต่เมื่อได้ลองขับทางไกลๆ. เราจะรุ่สมรรถนะมัน จะรุ้บุคลิกรถคันนั้น.
ตรวนี่ต่างหากที่ถึงจะมีส่วนที่ไห้เราตัดสินใจได้. ว่าสมรรถนะรถแต่ละคันเป็นอย่างไร
ในส่วนของการขอทดสอบรถ. ผมเชื่อว่าลองคุยทำทีว่าสนใจ "ซื้อ" มากกว่าสนใจ"ลองขับ"
ลองถามส่วนลด. ถามเงินดาวน์. สี. รุ่น. และทำทีตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุนได้ลองแน่นอน
-
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
-
Sense ของเซลล์ครับ. เขามองว่า คุณเป็นprospect ที่มีpotential ในการขายได้น้อยกว่า(คนอื่นในงานที่เขาดูอยู่เล็งอยู่)
การทดสอบขับ มันเป็นแค่visibilityแค่นั้นเอง. คนจะซื้อส่วนใหญ่จะเคยเทสมาก่อน
และผมเขื่อส่วนตัวว่า. คนซื้อford(ตั้งใจมาซื้อเลย) เขารุ้ว่ามันขับขี่เป็นอย่างไร
และการขับขี่ทดสอบระยะไม่มาก. บอกตรงๆนะ. ไม่เห็นสมรรถนะที่แท้จริงหรอกครับ
พอเคยเทสมาก็มาคุยว่าเคยทดสอบรุ่นนั้นุ่นนี้มาแล้ว. ทั้งๆที่ขับไม่ถึงชั่วโมง.
รถทุกคนขับแบบทดสอบอาการมันเเทบจะไท่ต่างกันมากมายจนเป็นจุดที่จะเลือกรถ
แต่หากเป็น ราคา. สมรรถนะ option และศูนย์บริการ. มากกว่าทดสอบการขับขี่
ผมขับมาสด้า2. และเคยทดสอบb sec เกือบทุกคัน. มันแทบจะไม่ต่างอะไร
แต่เมื่อได้ลองขับทางไกลๆ. เราจะรุ่สมรรถนะมัน จะรุ้บุคลิกรถคันนั้น.
ตรวนี่ต่างหากที่ถึงจะมีส่วนที่ไห้เราตัดสินใจได้. ว่าสมรรถนะรถแต่ละคันเป็นอย่างไร
ในส่วนของการขอทดสอบรถ. ผมเชื่อว่าลองคุยทำทีว่าสนใจ "ซื้อ" มากกว่าสนใจ"ลองขับ"
ลองถามส่วนลด. ถามเงินดาวน์. สี. รุ่น. และทำทีตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุนได้ลองแน่นอน
เห็นด้วยในหลายๆข้อครับ ลองขับในระยะสั้นๆพื้นถนนเดิมๆ รถแต่ละคันไม่ได้ต่างกันมากมาย
แล้วก็คงเป็นเรื่องจริงที่เซลมองแบบนั้น เลยไม่อยากบริการลูกค้าบางคน เพราะรู้สึกเสียเวลา
แต่! แต่! มันใช่หน้าที่ผู้มาซื้อหรอที่ต้องมาทำตัวน่าขาย ไม่ใช่ว่ามันคือหน้าที่คนขายหรอที่ต้องทำตัวน่าซื้อ
ไอเวลาที่เซลคิดว่าตัวเองเสียเนี่ย มันมีค่ามากมายขนาดนั้นเลยหรอขอถามหน่อย
มีคนไม่น้อยที่เลือกซื้อรถจากเซลและการบริการ มากกว่าแค่สรรมถนะของตัวรถ
เพราะมันสื่อถึงบริการหลังการขายที่เราจ่ะได้รับ หากเราต้องการความช่วยเหลือโดยไม่มีผลประโยชน์ให้
เค้าจ่ะช่วยเรามั้ย หรือเค้าจ่ะคิดแค่ว่า ขายก็จบ หมดหน้าที่ ไม่ใช่ปัญหากรุ
สุดท้ายแล้วฝ่ายที่เสียหายเองคือฟอร์ด ที่เสีย potential ลูกค้าไปเพียงเพราะเซล "ไม่อยากเสียเวลา"
-
ถึงว่า ไม่ค่อยเจอ EV บนถนนเท่าไหร่ เห็น FTN กับ PJS วิ่งที่ไหนก็เจอ
-
ยิ่งได้ใช้รถจริง อาจจะยิ่งผิดหวังไปอีกครับ ผมว่าคุณโชคดีแล้วที่เจอตอนนี้
-
เข้ามาเก็บข้อมูล
-
ผมเห็นด้วยกับ การหาลุกค้าให้ได้มากที่สุดต่อหนึ่งหน่วยเวลา
การเลือกดุแล ผู้ที่สนใจที่มีโอกาสการขายมากกว่า เป็นเรื่องปกติ
ไม่ต้องนึกถึงงานมอเตอร์โชว์ ลองเข้าที่ศุนย์โตจ้าหรืออิซุสุ ในช่วงเวลาวุ่นๆยุ่งๆ
การไปขอทดสอบแบบไม่ได้แสดงความสนใจเท่าไรนักเมื่อเทียบก้บคนอื่น
เซลลจะเลือกดูแลใคร
-
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
มันก็เรื่องปกตินิครับ หลายคนมางานนี้เพราะมาครั้งเดียวได้เห็นพร้อมกันทุกยี่ห้อถ้าชอบก็จองเลยไม่เห็นแปลกตรงใหนเลยครับ ถ้าไม่อยากขายก็ไม่ต้องเอาเซลมาเพราะแค่แนะนำรถเฉยๆ หน้าที่นี้พริ๊ตตี้ก็ทำได้ครับ :)
-
บอกก่อนว่า ถ้าไปลองตาม โชว์รูม ไม่มี Everest 3.2 ให้ลองนะครับ มีแต่ 2.2 (น่าจะทั่วประเทศ เห็นเซลล์บอกมา)
แต่พอดีผมเคยไปทดสอบขับ 3.2 ที่งานของ Ford จัดขึ้นมา ทำนอง Driving Experience อะไรประมาณนั้น
ซึ่งผมก็จะไปทดสอบขับงานแนวนี้หลายๆ ยี่ห้อ หลายๆ คัน ทั้งสนใจและไม่สนใจในตัวรถ ทดสอบเพื่อรู้ เอาประสบการณ์
-
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
555 มันเหมือนงานที่เอารถทุกยี่ห้อมารวมกัน ไม่มีอะไรแปลกให้ดูใช่มั้ยครับ
-
Sense ของเซลล์ครับ. เขามองว่า คุณเป็นprospect ที่มีpotential ในการขายได้น้อยกว่า(คนอื่นในงานที่เขาดูอยู่เล็งอยู่)
การทดสอบขับ มันเป็นแค่visibilityแค่นั้นเอง. คนจะซื้อส่วนใหญ่จะเคยเทสมาก่อน
และผมเขื่อส่วนตัวว่า. คนซื้อford(ตั้งใจมาซื้อเลย) เขารุ้ว่ามันขับขี่เป็นอย่างไร
และการขับขี่ทดสอบระยะไม่มาก. บอกตรงๆนะ. ไม่เห็นสมรรถนะที่แท้จริงหรอกครับ
พอเคยเทสมาก็มาคุยว่าเคยทดสอบรุ่นนั้นุ่นนี้มาแล้ว. ทั้งๆที่ขับไม่ถึงชั่วโมง.
รถทุกคนขับแบบทดสอบอาการมันเเทบจะไท่ต่างกันมากมายจนเป็นจุดที่จะเลือกรถ
แต่หากเป็น ราคา. สมรรถนะ option และศูนย์บริการ. มากกว่าทดสอบการขับขี่
ผมขับมาสด้า2. และเคยทดสอบb sec เกือบทุกคัน. มันแทบจะไม่ต่างอะไร
แต่เมื่อได้ลองขับทางไกลๆ. เราจะรุ่สมรรถนะมัน จะรุ้บุคลิกรถคันนั้น.
ตรวนี่ต่างหากที่ถึงจะมีส่วนที่ไห้เราตัดสินใจได้. ว่าสมรรถนะรถแต่ละคันเป็นอย่างไร
ในส่วนของการขอทดสอบรถ. ผมเชื่อว่าลองคุยทำทีว่าสนใจ "ซื้อ" มากกว่าสนใจ"ลองขับ"
ลองถามส่วนลด. ถามเงินดาวน์. สี. รุ่น. และทำทีตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุนได้ลองแน่นอน
เห็นด้วยในหลายๆข้อครับ ลองขับในระยะสั้นๆพื้นถนนเดิมๆ รถแต่ละคันไม่ได้ต่างกันมากมาย
แล้วก็คงเป็นเรื่องจริงที่เซลมองแบบนั้น เลยไม่อยากบริการลูกค้าบางคน เพราะรู้สึกเสียเวลา
แต่! แต่! มันใช่หน้าที่ผู้มาซื้อหรอที่ต้องมาทำตัวน่าขาย ไม่ใช่ว่ามันคือหน้าที่คนขายหรอที่ต้องทำตัวน่าซื้อ
ไอเวลาที่เซลคิดว่าตัวเองเสียเนี่ย มันมีค่ามากมายขนาดนั้นเลยหรอขอถามหน่อย
มีคนไม่น้อยที่เลือกซื้อรถจากเซลและการบริการ มากกว่าแค่สรรมถนะของตัวรถ
เพราะมันสื่อถึงบริการหลังการขายที่เราจ่ะได้รับ หากเราต้องการความช่วยเหลือโดยไม่มีผลประโยชน์ให้
เค้าจ่ะช่วยเรามั้ย หรือเค้าจ่ะคิดแค่ว่า ขายก็จบ หมดหน้าที่ ไม่ใช่ปัญหากรุ
สุดท้ายแล้วฝ่ายที่เสียหายเองคือฟอร์ด ที่เสีย potential ลูกค้าไปเพียงเพราะเซล "ไม่อยากเสียเวลา"
ควรจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยพาไป test โดยเฉพาะ แบบ MG ครับ ที่ผมไปลองเทสต์ที่ศูนย์ทดสอบเขา
เขาบอกว่า เรื่องขายเขาไม่รู้เรื่องเลย เขารู้แต่รถเขาดียังไง ตอนอธิบายดูเขากระตือรือร้นเรื่องการทดสอบรถ
ดูเขาสนุกและเร้าใจไปกับการลองขับของเรา (พี่แกคงเป็นนักขับรถแข่งมาก่อนด้วย) แบบนี้คือได้ใจ แม้เราจะไม่ซื้อ
แต่เราก็จะไปบอกต่อ
ผมเห็นด้วยกับ การหาลุกค้าให้ได้มากที่สุดต่อหนึ่งหน่วยเวลา
การเลือกดุแล ผู้ที่สนใจที่มีโอกาสการขายมากกว่า เป็นเรื่องปกติ
ไม่ต้องนึกถึงงานมอเตอร์โชว์ ลองเข้าที่ศุนย์โตจ้าหรืออิซุสุ ในช่วงเวลาวุ่นๆยุ่งๆ
การไปขอทดสอบแบบไม่ได้แสดงความสนใจเท่าไรนักเมื่อเทียบก้บคนอื่น
เซลลจะเลือกดูแลใคร
ตามที่ผมเขียนข้างบนครับ ควรแยกกันไปเลย มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย ได้ภาพลักษณ์แบรนด์ดีด้วย
เซลส์ที่ทำตาม sense ตัวเอง เสียลูกค้ามานักต่อนัก
จขกท. เทียบตัวอย่างอีกตัวอย่าง Nissan ให้ฟังแล้ว ตรงนี้ก็ชัดเจน
และตามความเห็นท่านข้างบนๆ ควรแจ้งทางบริษัทก็ดีครับ จะได้มีการปรับปรุง
-
เท่าที่เคยทราบในอดีต
รถทดลองขับฟอร์ดจัดมาเป็นส่วนกลาง
แต่เซลที่ขาย จะผลัดสลับกันมา 1-2 ดีลเลอร์(กทม/ใกล้เคียง) ต่อวัน เปลี่ยนกันไปทุกวัน
เป็นยอดขายของดีลเลอร์เอง
นั่นแสดงถึงความใช้ไม่ได้ของเซล ไม่ว่าจากเหตุใดก็ตามที่ไม่ไปลองให้กับลูกค้า
แสดงความเห็น ร้องเรียน ดีลเลอร์และฟอร์ด ได้เลยครับ
-
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
มันก็เรื่องปกตินิครับ หลายคนมางานนี้เพราะมาครั้งเดียวได้เห็นพร้อมกันทุกยี่ห้อถ้าชอบก็จองเลยไม่เห็นแปลกตรงใหนเลยครับ ถ้าไม่อยากขายก็ไม่ต้องเอาเซลมาเพราะแค่แนะนำรถเฉยๆ หน้าที่นี้พริ๊ตตี้ก็ทำได้ครับ :)
ปกติ จริงๆ หรือ ครับ :D
ภาคเอกชน(ในที่นี้ บริษัทรถ ในไทย) จริงๆ ก็ไม่ควรนำเซลมาตั้งแต่ต้น หรือไม่ ? ? ? ครับ (เหมือนที่ตั้งคำถามกับภาครัฐ)
งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ ก็ควรนำช่างเทคนิค ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายการออกแบบ อะไรประมาณนี้ มานำเสนอ หรือไม่ ? ? ? ครับ
ว่าในปีนี้ แต่ละบริษัทรถ คิดค้นค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆอะไรได้(ปัจจุบัน)
พัฒนาต่อยอดจากนวัตกรรมเดิมอย่างไร(อดีต)
ต่อไปจะพัฒนานวัตกรรมไปในรูปแบบไหน(อนาคต)
งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ จริงๆ คือ แบบนี้ ใช่ หรือ ไม่ ? ? ? ครับ
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
555 มันเหมือนงานที่เอารถทุกยี่ห้อมารวมกัน ไม่มีอะไรแปลกให้ดูใช่มั้ยครับ
:D ประมาณนั้นครับ ::)
-
Complain ได้เลยครับ แนะนำให้ทำ เซลล์ฟอร์ดรอบนี้ดูไม่แคร์ลูกค้าพอๆ กับฮอนด้าที่เพิ่งเจอ ;D
ผิดกับนิสสัน เชฟ โต มิตซู ที่แทบจะอุ้มขึ้นรถ ;D
โดยเฉพาะกับนิสสัน เสียดายที่ไม่มีซิลฟี่ เทอร์โบให้ลองขับ แต่มีรถเอามาโชว์ (เอามายั่วเค้าทำมายยยย ;D ;D)
-
งงตรงที่ต้องมีเซลมาด้วยนี่ล่ะครับ แยกกันคนละฝ่ายไม่ได้หรือ ลองก็ลอง ชอบก็ส่งต่อให้เซล :-\
เคยลอง Ford ต้องมีเซลล์มาด้วย
แต่ Volva Hyundai Lexus เคยไปลองในงานไม่ต้องมีเซลล์ไปด้วยครับ เขาจะส่งต่อให้อีกฝ่ายครับ
-
สรุป จขกท. จอง X-Trail ไปใช่ไหมครับ
ถ้าไม่จองนี่เงิบเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ 🤣🤣🤣🤣🤣
-
ผมเคยอยากไปทดลองขับในงานมอเตอร์โชว์นี่แหล่ะ
ตอน Triton เปิดตัวใหม่ๆ ก็เหตุการณ์คล้ายๆ จขกท.นี่แหล่ะครับ
สุดท้ายไม่ได้ลอง
กลับมาที่บ้าน ไปลองศูนย์แถวบ้าน
เดินเข้าไป ลงชื่อ ได้ขับรถเลย
หลังจากนั้นไม่เคยมีความคิดอยากไปทดลองขับในงานมอเตอร์โชว์อีกเลย
รวมทั้งถ้าจะซื้อหรือจองก็ไม่เคยคิดจะซื้อในงานอีกด้วย
ไปงานก็เพื่อไปเชยชมรถเท่านั้นสำหรับผม..
-
งานใหญ่ๆแบบนี้ ควรทำให้ลูกค้าประทับใจมากที่สุด ถึงลูกค้าไม่ซื้อวันนี้ก็ไม่ใช่ว่าเราจะตัดบทได้ เพราะวันหน้าเค้าอาจจะซื้อก้ได้ถ้าเค้าได้รับความประทับใจ
-
สงสัยเหมือนกันนะ ที่พุดๆกันนี่. ค่ายอื่นมันมีรถเทสให้เยอะกว่าฟอร์ดป่ะครับ. หรือรถมีพอๆกัน แต่ฟอร์ดคิวยาว?
ผมยังไม่ได้ไปงานนะ. แต่สงสัยว่า สาเหตุคืออะไรกันแน่
เท่าที่อ่านจาก. จขกท. ผมคิดว่าการต่อคิวยาว. เป็นเรื่อวปกติอยู่ดี
หากสนใจจะทดสอบจริงๆ. และคิวยาว. ทำไมไม่ขอเซลลงชื่อขอทดสอบที่ศุนยใกล้บ้าน
-
น่าจะเป็นนิสัยประจำของฟอร์ดไปแล้วครับ ผมเจอมากี่งานๆก็พูดหยิ่งๆ ตั้งแต่ไปจองเรนเจอร์ช่วงแรกๆแล้ว คงคิดว่าขายได้อยู่แล้ว ยังไงลูกค้าต้องเข้าหาเอง
-
บางครั้ง บางจังหวะ เซลบางคน เล็งลูกค้าบางคน เหตุผลร้อยแปด
แต่ที่เจอบริการดีเรื่องTest ผมให้Mazda
-
หุหุ ก่อนรับคนเข้าทำงานบริษัทนี้เค้ามีเทรนคนก่อนไหม
ได้มีตัววัดผลด้านการบริการไหม มีแล้วเคยเรียกคนเข้าไปแก้ไขไหม
เป็นแบบนี้แทบทั้งบริษัท ตังแต่เซล ยันแผนกซ่อมบำรุง และก็เป็นเหมือนๆเดิม ไม่เคยจะปรับปรุง
"เอารถเข้า0ฟอร์ดทีไรเหมือนเข้าโรงพยาบาลรัฐ แต่จ่ายราคาโรงพยาบาลเอกชน"
-
ปีที่แล้วที่ผมไป test รถ everest 2.2 พอบอกทางบูต ก็มี sale มาคุย และพาไปลอง เซลล์ก็ตามไปด้วยตลอด จนถึงตอนกลับ แต่ตลอดทางก็พูดจาดีนะ สุดท้ายผมไปออก camry แทนเพราะว่ารู้สึกว่า PPV ช่วงล่างยังไงก็แข็ง โดยเฉพาะแถว 2
-
เคยจะไปลอง นิมิ ปูเค่อร์ ในงาน โดนดึงเช็งให้รอเกือบชั่วโมง พอเดินไปถามก็บอกว่าแป๊ปนึงๆ รถกำลังมีคนเทสอยู่
ที่ไหนได้ เดินออกไปดู รถไม่มีคนเอาไปเทสซักคัน ( แอบถามพนักงานที่คุมรถ test drive )
สรุปว่าไม่ท้งไม่เทสมันแล้วครับ เกลียดยี่ห้อนี้ไปเลย :-* :-* :-*
ปล ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น อย่างพี่โต / พี่ฮอน
อันนี้พอจะเข้าใจครับ ว่าลูกค้าในงานคงเยอะ เซลล์เอาเวลาไปรับลูกค้าดีกว่า
แต่ นิมิ นี่ไม่ใช่เลย ๆ ตอนนั้นบูทโล่งมาก ๆๆ เซลล์นั่งเล่นกระดิกเท้ากันเป็นแถว ... ต่างกับ bmw ครับ แทบจะอุ้มให้ไปเทสไดรฟ์ :-* :-* :-*
-
เมื่อตอนMotor expo ธ.ค.ปีที่แล้ว ผมก็เจอเคสนี้กับทางมิตซูบิชิ แต่เซลล์เขาก็บอกกับผมตรงๆมามันเสียเวลาทั้งสองฝ่ายต้องไปต่อคิวในสนามทดสอบร่วมกับค่ายอื่นๆด้วย
-
ลองขับสนามจำลองริมทะเลสาบ มันไม่ช่วยอะไรเลยครับ ยังไม่ทันจะจับอาการรถ รู้ถึงสมรรถนะที่แท้จริงได้เลย
ข้อดีแค่ไปงานเดียว ได้ลองขับหลายรุ่น
แนะนำไปโชว์รูมดีกว่าครับ ขับออกถนนใหญ่ ไปไหนก็ไป คิวไม่ยาว คนไม่เยอะ ไม่อารมณ์เสีย
ถ้าอยู่ในกทม การจะไปลองหลายยี่ห้อ ไม่ใช่เรื่องยาก ขับไปแปปๆ ก็เจอโชว์รูมมากมายบนถนน
แคมเปญ ที่โชว์รูม ก็เหมือนในงาน
ผมซื้อรถมาหลายคัน ไม่เคยจองในงาน
ไปงานโชว์รถ แค่ไปดูรถหลายๆยี่ห้อ
ซื้อจริง ลองขับจริง ผมไปโชว์รูม
-
ตอนจะซื้อกระบะ ผมเข้าดูรถตามศูนย์บริการ ทุกยี่ห้อเพื่อเปรียบเทียบ ไม่ประทับใจศูนย์ฟอร์ดที่สุดครับ เราเข้าไปนี่ไม่มีใครเดินมาทักเลย เดิน ดูรถจะครบทุกคันละ เซลล์อยู่กันเต็มต้องเข้าไปถามเอง นี่ขนาดจะมาซื้อรถนะ ถ้ารถเสียแล้วจะเครม จะเป็นยังไง ไม่อยากคิด ยี่ห้ออื่นบริการดีมากๆ สรุป ผมได้ รีโว่ กับ ไทรตัน อย่างละคัน ไม่ขอบอกละกันว่าศูนย์ไหน แต่ผมอยู่หาดใหญ่นะ
-
Sense ของเซลล์ครับ. เขามองว่า คุณเป็นprospect ที่มีpotential ในการขายได้น้อยกว่า(คนอื่นในงานที่เขาดูอยู่เล็งอยู่)
การทดสอบขับ มันเป็นแค่visibilityแค่นั้นเอง. คนจะซื้อส่วนใหญ่จะเคยเทสมาก่อน
และผมเขื่อส่วนตัวว่า. คนซื้อford(ตั้งใจมาซื้อเลย) เขารุ้ว่ามันขับขี่เป็นอย่างไร
และการขับขี่ทดสอบระยะไม่มาก. บอกตรงๆนะ. ไม่เห็นสมรรถนะที่แท้จริงหรอกครับ
พอเคยเทสมาก็มาคุยว่าเคยทดสอบรุ่นนั้นุ่นนี้มาแล้ว. ทั้งๆที่ขับไม่ถึงชั่วโมง.
รถทุกคนขับแบบทดสอบอาการมันเเทบจะไท่ต่างกันมากมายจนเป็นจุดที่จะเลือกรถ
แต่หากเป็น ราคา. สมรรถนะ option และศูนย์บริการ. มากกว่าทดสอบการขับขี่
ผมขับมาสด้า2. และเคยทดสอบb sec เกือบทุกคัน. มันแทบจะไม่ต่างอะไร
แต่เมื่อได้ลองขับทางไกลๆ. เราจะรุ่สมรรถนะมัน จะรุ้บุคลิกรถคันนั้น.
ตรวนี่ต่างหากที่ถึงจะมีส่วนที่ไห้เราตัดสินใจได้. ว่าสมรรถนะรถแต่ละคันเป็นอย่างไร
ในส่วนของการขอทดสอบรถ. ผมเชื่อว่าลองคุยทำทีว่าสนใจ "ซื้อ" มากกว่าสนใจ"ลองขับ"
ลองถามส่วนลด. ถามเงินดาวน์. สี. รุ่น. และทำทีตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุนได้ลองแน่นอน
5555 ใช่เลย ...
บอกเลยครับ ทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะที่ถ้าเซลอายุงานเยอะ ผ่านมาหลายสนามเนี่ย ใครมาขอเทสรถ เดินหนีหมดล่ะครับ .....
เพราะงานนี้คืองานขายของเซล การทดลองขับของลูกค้าเนี่ย อย่างต่ำ มี 30นาที-1ช.ม.แน่ๆ และ ไม่ใช่ว่า เทสแล้วจะจอง เพราะคนซื้อ ไม่ค่อยลอง แต่คนลองไม่ค่อยซื้อ (เฉพาะในงานนะ)
เพราะคุณ 6162002 ได้ลองซะหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้ตกลงจองรุ่นได กับ น้อง Nissan เลย .... แล้วน้องคนที่พาทดลองขับได้คาดหวังว่าจะได้คุณ 6162002 เป็นลูกค้า booking แต่สุดท้าย ลองเสร็จ ก็กล่าวขอบคุณ และลากลับ ... น้องนิสันคนนี้ก็คงจดจำไปเป็นบทเรียนล่ะครับว่า เทสแล้ว ไม่ใช่ว่าจะจอง สู้รอเดินในบูท หาคนพร้อมจองเลยดีกว่า .....
และนี่คือต้นเหตุที่เซล ที่ผ่านมาหลายสนาม หลีกเลี่ยงพาลูกค้าไปเทส ไม่ใช่แต่ Ford หรือ ลองไปฮอนด้า โตต้า ก็น่าจะเจอแบบเดียวกัน (บางยี่ห้อถึงขั้นอบรมเซลเลยว่า พยายามหลีกเลี่ยงการทดลองขับในงานด้วยซ้ำ เพราะเสียเวลา)
-
ไม่แปลกที่จะเลือกลูกค้า โอเค ไม่ผิดอะไรครับ แต่การปฏิเสธลูกค้าเหมือนการไล่ไปกลายๆ ก็ดูจะไม่เหมาะไหมครับ
ชี้ไปนู่นจ๊ะ ติดต่อลองรถตรงนู้นแล้วเดินหนีไป คือไร.....
แต่บางคนก็พยามปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแล้ว :)
มันก็ต่างกรรมต่างวาระนะครับ เรื่องแบบนี้ ไม่รู้เราจะเจอคนใส่ใจ หรือ ไม่ใส่ใจตอนไหน ตอนจะซื้อแคมรี่ เจ้านาย ถึงขั้นต้องตะโกนในบูทงานมอเตอร์โชว์เลยครับว่า "ใครขายรถบ้าง" เพราะไม่มีใครสนใจ เดินเข้าไปถามก็ไม่อยากให้ข้อมูล ;D
-
เมื่อวานผมก็พาอาไปจอง ranger มา
ก็จะขอลองรถเหมือนคุณ จขกท
แต่เซลล์ก็บอกประมาณว่าขั้นตอนมันเยอะวุ่นวาย
ถ้าอยากลองจะขับมาหาที่บ้านให้ลองจะดีกว่า
ผมเลยปฎิเสธไปเพราะเกรงใจ
เรื่องแบบนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องของบุคคลนะครับ
-
ทำแบบนี้ชื่อเน่าเลยนะ ผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน
สงสัยไม่อยากขาย ผมว่าคงเกี่ยวกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของเบื้องบนด้วย
สำหรับผม มองว่าคิดสั้นไปหน่อยนะครับ
-
Nissan โอเคกว่าผมไปงาน Big Motor Sale เอาช่างเทคนิคกึ่งๆนักขับรถมาประจำเลยครับแค่เดินไปถามเซลว่าอยากลองให้เค้าพาไปหน่อย เซลจะไปทำอะไรระหว่างนั้นก็ได้ เสร็จแล้วค่อยเดินกลับไปหา วิน วิน ทั้งคู่เพราะคนลองก็ได้รู้เรื่องเทคนิคของรถแต่ละคันด้วย
Mazda โอเคคือมีเซลตามมาอธิบายไม่ได้อิดออดอะไรยอมไปอธิบายให้ฟังการใช้งานไรพวกนี้แต่ก็ดูจะผิดหวังตอนไม่ได้ลูกค้านะ ฃ
Subaru นี้ดีมากกก ไม่ต้องติดต่อเซลบอกขอรอแล้วก็เดินไปที่บูธเลย มีนักขับให้ความรู้ทดลองรถให้ดูด้วย
-
เรื่องแบบนี้เซลล์ก็ความโดนตำหนิจริงๆแหละครับ
แต่ส่วนเรื่องลองรถตอนผมไปลองที่งานส่วนใหญ่จะไปลองรถที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสจะไปหาลองได้เช่นพวกพรีเมี่ยมขึ้นไปพาญาติผู้ใหญ่ที่ไปด้วยไปลองด้วย
ส่วนรถทั่วๆไปนี่ผมนัดเสาร์อาทิตย์ไปลองขับแล้วแจ้งเซลล์เลยว่าขอเล่นวิ่งยาวซักนิดจะได้หรือไม่ ถ้าโอเคผมไปเลยเพราะมันจะอาการรถได้มากกว่า
ในงานนี่ประโยชน์ที่ได้เต็มๆเลยก็จะมีได้ดูรถหลายๆยี่ห้อในตัวเลือกพร้อมๆกันไปเลยลุกนั่งเข้าออกอะไรก็ลองไปเข้าคันนั้นออกคันนี้วนๆไป
ปล.อันนี้ไม่รู้ว่าผมเป็นคนเดียวหรือเปล่าเวลาไปงานอย่างนี้อยากให้เซลล์นำเสนอแค่พอประมาณ
ไม่ต้องถึงขนาดติดตัวซัดออฟชั่นให้ฟังอย่างเดียวมันดูมากเกินไปแต่จากที่ไปงานผมโอเคนะ
เซลล์ที่่เข้าไปเจอพูดให้ข้อมูลรถครบอะไรที่ไม่รู้ก็ถามได้ไม่เร่งไม่จี้ไม่เร่งลูกค้า(ก็คงเป็นจังหว่ะที่ได้เจอเซลล์ที่โอเค)
สาวนตัวไม่ชอบแค่เรื่องลงทะเบียนเก็บข้อมูลพุ้งเข้ามาขอลงทะเบียนนะคะๆ(แต่พอให้อภัยได้น้องหน้าตาดี ;D ;D)
-
ขั้นตอนที่ต้องมีเซลไปด้วย อาจจะเพราะว่าเผื่อมีคำถามอะไรต่างๆมั้งครับ จะได้มีคนดูแล ตอบคำถามได้
ผมเดาเอานะ
-
ขอออกความเห็นสำหรับการเทสในสนามจำลองนะครับ
ถ้าคุณไปเทสที่สนามเทสของ Toyota Driving Experience Park กับ MG Driving Experience Centre การทดสอบไม่ได้ต่างจากสนามจำลองริม lake มากนัก คล้ายๆ กัน
สิ่งที่คุณจะได้คือ ทดสอบอัตราเร่ง ทดสอบแรงเบรค ทดสอบ driving dynamic ผ่านการสลาลอม และเข้าโค้งที่มีองศาเข้ามุมชันระดับนึง (มากกว่าโค้งบนทางด่วน หรือทางหลวงทั่วไป) และ Moose Test แบบเบาๆ (หักหลบฉุกเฉิน ที่ความเร็ว 50-60) ซึ่งคุณจะไม่มีทางเทสโหดระดับนี้ กับถนนสาธารณะทั่วไป มีหวังไปชนรถคนอื่นพังหมด
ส่วนการเทสบนทางด่วนยาวๆ ได้แค่วัดความนิ่ง ว่ารถคันไหนตอบสนองที่ความเร็วสูงได้ดีกว่ากัน โค้งทางด่วนโหดๆ มีน้อยครับ อาจจะมีช่วงที่ขับข้างล่าง ได้ผ่านสภาพการจราจรต่างๆ หลุมบ่อ ลอนคลื่นบ้าง โอกาสแสดงสมรรถนะรถเต็มศักยภาพ ไม่มีหรอกครับ ถนนในเมืองกรุง (ยกเว้นศูนย์ต่างจังหวัด ถ้าได้ลองยาว ทางหลากรูปแบบ ก็โอเคอยู่นะ)
พยายามเข้าใจจุดประสงค์ของการเทสแบบต่างๆ จะไม่เกิดอคติครับ (ยกเว้นเทสด้านหลังอาคาร Challenger ของ Motor Expo อันนี้ปญอ.มาก) เอาเป็นว่า ถ้าผมไม่เทสในงานนี้ คงไม่ได้รับรู้ถึงการแหกโค้งกวาดกรวย เพราะซัดเกินลิมิทตัวรถของ Audi A5 Quattro ว่าน่าสะพรึงขนาดไหน เกิดมาเพิ่งเคยขับรถขับสี่ จนหลุดโค้ง อาการน่ากลัวกว่ารถชนิดอื่นอยู่โข เพราะหลุดแล้วแก้อาการยากมาก จริงอยู่ที่ grip มันดีกว่าใคร เกาะเยี่ยม ทางตรงนิ่ง ทางเปียกก็นิ่งกว่าเพราะตะกาย 4 แต่ถ้าประสบการณ์ขับสี่น้อยแบบผม ที่ไม่ได้ขับอีโว หรืออิมประจำ ต้องประมาณตนครับ เคยอ่านมาเยอะ ฟังเขาเล่าว่ามาเยอะ ไม่เคยเจอกับตัวซักที
-
สำหรับผม เทสที่เดลเลอร์ครับ
น้องก็ดูแลดีครับ สบายๆ ครับ
แถมได้บัตร 200 บาท 8)
-
ต้นปีที่ผ่านมา จะออก ranger แทบจะ100%
ไปขอเซลล์เทส เซลล์ไม่ให้เทส
ทั้งๆที่ จุดแข็งของ ranger คือ สมรรถนะ ถ้าเซลล์ไม่ให้ลอง แล้วลูกค้าจะติดใจได้ยังไง เพราะลูกลุกค้าจะซื้อ ford ส่วนใหญ่คาดหวังกับตรงนี้
คือถ้าได้ลองเทส มันจะนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย อาหารไม่ย่อย คล้ายจะเป็นลม ต้องออกรถให้ได้
ถ้าไม่ได้ลอง ความอยากได้รถ มันก็จะไม่สูงพอ
สรุป ไปออก mazda2 1.3 2017
-
ช่างต่างกับผมนะครับ
ไปดูนิสสัน ลูบๆคลำๆ 10 นาทีไม่มีแม้แต่
เซลล์จะหันมาถามซักคำ เราคงดูไม่มีตังค์
ไปดู 320d ถึงรถปุ๊บเซลล์แทบกระโดดกอดคอดูดปาก
แล้วกระหน่ำทั้งโบร์ชัวแจกไอดีไลน์และนามบัตร เอิ่ม..... ::)
แถมกลับมาบ้านวันรุ่งขึ้นโทรมาหาแต่เช้าเลย......เอ่ออออ...... ::)
-
ต้องแสร้งทำหน้าตาท่าทางว่าต้องการจะซื้อแล้วจริงๆ
เซลล์ถึงรีบบริการ
-
บูธฟอร์ดแย่มากจริงๆ
ผมไปดู Ranger Wildtrakกะว่าจะเอาไว้ใช้ขนของแทนTritonคันเก่า แล้วเพื่อนที่ไปกับผมเพิ่งออกTritonตัวใหม่มาด้วย
ตอนแรกผมก็ดูของผมอยู่ดีๆ เซลล์หันไปถามเพื่อนผมว่า ไม่สนใจบ้างหรอ เพื่อนเลยตอบไปว่าเค้าเพิ่งออกTritonมา
เท่านั้นแหละ เซลล์คนนั้นด่าTritonสาดเสียเทเสีย ช่วงล่างห่วย เครื่องเล็ก แรงม้าเป็นแรงโม้มากกว่า สู้ฟอร์ดไม่ได้ ฟอร์ดเป็นม้ายุโรป ฯลฯ
ผมกับเพื่อนเดินออกทันทีเลย จะเชียร์ของตัวเองก็ไม่ต้องด่าของคนอื่นก็ได้ แล้วด่าของๆเพื่อนผม ก็เหมือนด่าผมนี่แหละ เพราะผมพามันไปซื้อ พามันไปจอง
พูดแล้วก็โมโห ถ้าของที่ขายอยู่มันดีนักหนา ก็เก็บไว้ใช้เองเถอะครับ ไม่ต้องเอามาขายหรอก
-
คิวยาวอะไรครับผมไม่เชื่อ ขนาดผมไปวันอาทิตย์ ford nissan mazda chevrolet เข้าชาจอย่างไวเลย เซลล์เยอะกว่าคนดูแน่ๆ หลังๆผมไม่สนละครับ ใครจะมารยาทหรือการตอบแบบไหน ถ้าผมจะซื้อจริงๆผมเดินบวกคนสวยเลย แค่เห็นก้อารมณ์ดีแล้ว พอครับ จะถูกจะแพงค่อยว่ากัน อีกที
-
เอาเป็นว่า ถ้าผมไม่เทสในงานนี้ คงไม่ได้รับรู้ถึงการแหกโค้งกวาดกรวย เพราะซัดเกินลิมิทตัวรถของ Audi A5 Quattro ว่าน่าสะพรึงขนาดไหน
เกิดมาเพิ่งเคยขับรถขับสี่ จนหลุดโค้ง อาการน่ากลัวกว่ารถชนิดอื่นอยู่โข เพราะหลุดแล้วแก้อาการยากมาก
จริงอยู่ที่ grip มันดีกว่าใคร เกาะเยี่ยม ทางตรงนิ่ง ทางเปียกก็นิ่งกว่าเพราะตะกาย 4
แต่ถ้าประสบการณ์ขับสี่น้อยแบบผม ที่ไม่ได้ขับอีโว หรืออิมประจำ ต้องประมาณตนครับ เคยอ่านมาเยอะ ฟังเขาเล่าว่ามาเยอะ ไม่เคยเจอกับตัวซักที
ซัดเกินลิมิตนี่มี จนท ของ audi ขับให้
หรือว่าเค้าปล่อยให้เราซัดเอง ( แล้ว จนท นั่งข้างๆ ) ครับ :-* :-* :-*
-
Sense ของเซลล์ครับ. เขามองว่า คุณเป็นprospect ที่มีpotential ในการขายได้น้อยกว่า(คนอื่นในงานที่เขาดูอยู่เล็งอยู่)
การทดสอบขับ มันเป็นแค่visibilityแค่นั้นเอง. คนจะซื้อส่วนใหญ่จะเคยเทสมาก่อน
และผมเขื่อส่วนตัวว่า. คนซื้อford(ตั้งใจมาซื้อเลย) เขารุ้ว่ามันขับขี่เป็นอย่างไร
และการขับขี่ทดสอบระยะไม่มาก. บอกตรงๆนะ. ไม่เห็นสมรรถนะที่แท้จริงหรอกครับ
พอเคยเทสมาก็มาคุยว่าเคยทดสอบรุ่นนั้นุ่นนี้มาแล้ว. ทั้งๆที่ขับไม่ถึงชั่วโมง.
รถทุกคนขับแบบทดสอบอาการมันเเทบจะไท่ต่างกันมากมายจนเป็นจุดที่จะเลือกรถ
แต่หากเป็น ราคา. สมรรถนะ option และศูนย์บริการ. มากกว่าทดสอบการขับขี่
ผมขับมาสด้า2. และเคยทดสอบb sec เกือบทุกคัน. มันแทบจะไม่ต่างอะไร
แต่เมื่อได้ลองขับทางไกลๆ. เราจะรุ่สมรรถนะมัน จะรุ้บุคลิกรถคันนั้น.
ตรวนี่ต่างหากที่ถึงจะมีส่วนที่ไห้เราตัดสินใจได้. ว่าสมรรถนะรถแต่ละคันเป็นอย่างไร
ในส่วนของการขอทดสอบรถ. ผมเชื่อว่าลองคุยทำทีว่าสนใจ "ซื้อ" มากกว่าสนใจ"ลองขับ"
ลองถามส่วนลด. ถามเงินดาวน์. สี. รุ่น. และทำทีตัดสินใจ ผมเชื่อว่าคุนได้ลองแน่นอน
ก็มี Point ครับ
แต่ตอนผมซื้อ มาสด้า 2 ผมก็เข้าไปขอทดลองเลย เพราะอย่างอื่น ผมอ่านรีวิวของพี่จิมมี่ กับ ศึกษาไปหมดแล้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปถามอะไรมากมายอีก
ส่วนการลองในสนาม ถ้าเป็น Motor Show อย่าไปเทียบกับ Motor Expo นะครับ (เผื่อบางคนอาจจะสับสน)
Motor Show จัดสนาม 4 ด่าน มี อัตราเร่ง สลาลม เปลี่ยนเลน และเบรค
ถ้าไปลองอัดเยอะๆหน่อย ในสภาพแบบนี้ แล้วแยกความต่างไม่ออก ผมว่าอาจจะไม่ต้องลองที่ไหนแล้วแหละ
ความไวของพวงมาลัย ความเหวี่ยงของด้านท้าย อาการท้ายยกเวลาเบรคเต็มเท้า เห็นความแตกต่างได้หมดครับ (แต่ถ้าขับแบบช้าๆ อาจจะไม่รู้สึกต่างอะไรครับ)
เอาแค่ ฟอร์ดโฟกัส 5 ประตู กับ 4 ประตู (สมัยเพิ่งออกใหม่ๆ มีให้เทสเยอะ)
ผมมาเทสนี่ เข้า Slalom ก็รู้สึกแล้วครับ ว่า 5 ประตู มันทำความเร็วได้มากกว่า ชัดเจนเลย (4ประตู ท้ายมันเหวี่ยงออก)
-
สงสัยเหมือนกันนะ ที่พุดๆกันนี่. ค่ายอื่นมันมีรถเทสให้เยอะกว่าฟอร์ดป่ะครับ. หรือรถมีพอๆกัน แต่ฟอร์ดคิวยาว?
ผมยังไม่ได้ไปงานนะ. แต่สงสัยว่า สาเหตุคืออะไรกันแน่
เท่าที่อ่านจาก. จขกท. ผมคิดว่าการต่อคิวยาว. เป็นเรื่อวปกติอยู่ดี
หากสนใจจะทดสอบจริงๆ. และคิวยาว. ทำไมไม่ขอเซลลงชื่อขอทดสอบที่ศุนยใกล้บ้าน
ไม่มีคิวอะไรเลยครับ เป็นข้ออ้างเซลเฉยๆ
ส่วนที่ไม่ไปทดสอบที่ศูนย์ เพราะจุดประสงค์มันต่างกันครับ
ของ Motor Show อยู่ในสนาม ก็มีเทสแบบนึง
บนถนนมันก็อีกแบบนึง เราคงไป Slalom หรือ Lane change หรือกระทืบเบรค บนถนนใหญ่ไม่ได้
แต่ในสนาม ก็คงเทสความนิ่มนวล ความสบาย การเก็บเสียง ฯลฯ ไม่ได้เหมือนกันครับ
-
5555 ใช่เลย ...
บอกเลยครับ ทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะที่ถ้าเซลอายุงานเยอะ ผ่านมาหลายสนามเนี่ย ใครมาขอเทสรถ เดินหนีหมดล่ะครับ .....
เพราะงานนี้คืองานขายของเซล การทดลองขับของลูกค้าเนี่ย อย่างต่ำ มี 30นาที-1ช.ม.แน่ๆ และ ไม่ใช่ว่า เทสแล้วจะจอง เพราะคนซื้อ ไม่ค่อยลอง แต่คนลองไม่ค่อยซื้อ (เฉพาะในงานนะ)
เพราะคุณ 6162002 ได้ลองซะหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้ตกลงจองรุ่นได กับ น้อง Nissan เลย .... แล้วน้องคนที่พาทดลองขับได้คาดหวังว่าจะได้คุณ 6162002 เป็นลูกค้า booking แต่สุดท้าย ลองเสร็จ ก็กล่าวขอบคุณ และลากลับ ... น้องนิสันคนนี้ก็คงจดจำไปเป็นบทเรียนล่ะครับว่า เทสแล้ว ไม่ใช่ว่าจะจอง สู้รอเดินในบูท หาคนพร้อมจองเลยดีกว่า .....
และนี่คือต้นเหตุที่เซล ที่ผ่านมาหลายสนาม หลีกเลี่ยงพาลูกค้าไปเทส ไม่ใช่แต่ Ford หรือ ลองไปฮอนด้า โตต้า ก็น่าจะเจอแบบเดียวกัน (บางยี่ห้อถึงขั้นอบรมเซลเลยว่า พยายามหลีกเลี่ยงการทดลองขับในงานด้วยซ้ำ เพราะเสียเวลา)
ยอมรับโดยสดุดีครับ ว่าไม่ได้คิดจะจองจริงๆ >_< (ผมแค่เกาะไปขับด้วยเฉยๆ ง่ะ)
แต่คนที่อยากลอง Everest vs X-Trail จริงๆคือเพื่อนผม ซึ่งจะซื้อสดในอีก2 เดือนข้างหน้า (รอผลนักบิน)
ถึงจะไม่มีผลมาก แต่สำหรับเพื่อนผม ถ้าถึงเวลาซื้อแล้ว ก็จะซื้อกับเซลคนนี้แน่นอนครับ
ส่วนผม คงได้แค่ พาน้องไปงานพรุ่งนี้อีกรอบ เพื่อดูเจ้า Note ถือว่าช่วยเซลหาลูกค้าอีกคน (น้องผมเล็ง Mazda 2 อยู่ จะออกรถเดือนหน้าแล้ว)
ป.ล. ผมก็ทราบว่าเซลเห็นผมดูสนแต่เรื่องเทส เลยเดินหนี แต่ไม่คิดว่า ลองถามเซลหลายๆคน จะโดนปฏิเสธรัวๆขนาดนี้ เกินความคาดหมายมากครับ >_<
-
สำหรับผม วันนี้ได้ไปลองขับรถ MGและ Chevrolet ซึ่งทั้ง2ค่ายก็ให้เซลนั่งรถไปด้วย แต่การบริการทั้ง2ยี่ห้อนี้ดีมากๆเลยครับ ทั้งเจ้าหน้าที่ประจำรถทดสอบและเซลล์ รวมทั้งจนท.ประจำบูธ ลงทะเบียนทดลองขับ ขอชมเชยจากใจจริงครับ
-
ต้องแสร้งทำหน้าตาท่าทางว่าต้องการจะซื้อแล้วจริงๆ
เซลล์ถึงรีบบริการ
555 ใช่ครับใช่
ถ้าอยากได้ความรู้จริงๆ คงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะครับ
เพราะกับเซลส์ที่หิวยอดขายคงไม่มานั่งเสียเวลาเทสต์กับเรา
แต่จริงๆ มันถือว่าเป็นผลบุญของเซลส์นะ ถ้าบริการดี มีน้ำใจ คนก็ไปบอกต่อในความประทับใจ
มัวแต่จะคว้าคนที่มาซื้ออยู่ตรงหน้า ดูมันหิวกระหายมากเลย อยากขอร้องค่ายรถว่า ถ้าจะเก็บเซลส์ไว้ขายๆๆ อย่างเดียว
ช่วยจัดคนที่คอยดูแลเฉพาะเรื่องเทสต์ไดรฟ์มาเถอะครับ จะได้ถือว่าเป็นการบริการลูกค้าดีเยี่ยม และเป็นหน้าเป็นตาให้กับท่านได้
ยอดขายมันก็มาจากตรงนี้ได้เหมือนกัน
-
ตอนจะซื้อรถให้พี่เมื่องานปีที่แล้ว ผมไปดูกับเพื่อนก่อน พี่ผมสนใจ MG3 แต่ผมกับเพื่อนอยากลอง GS ด้วย แต่กลัวเสียเวลาเซล เลยถามว่าเซลไม่ต้องไปด้วยได้หรือเปล่า เซลก็พาไปนั่งกรอกเอกสารทดลองขับตามปกติ เสร็จแล้วก็ไปส่งผมตรงจุดขึ้นรถรับส่งไปลานเทสแค่นั้นเอง โดยเซลไม่ต้องไปด้วย
วิธีนี้ผมว่ายังไงก็ดีกว่าการให้เซลปด้วย เพราะยังไงก็ win-win เซลไม่ต้องเสียโอกาสหาลูกค้า ลูกค้าก็ได้ลอง ลองเสร็จจะจองค่อยโทรหาเซลจากนามบัตรเอา และก็พวกการใช้งานตัวรถยังไงจนท.ประจำลานเทสก็เป็นคนอธิบายอยู่แล้วด้วย
-
สงสัยเหมือนกัน งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ กลายเป็น งานมหกรรมขายรถ ไปได้อย่างไร ::) ::) ::)
โดนใจครับ