Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ฺBurmicon ที่ เมษายน 12, 2017, 02:37:31
-
ถ้าโจทย์คือการมีรถ 4ล้อ เพื่อขับจากจุด A ไปจุด B ในกทม. ปีละหมื่นโล
ท่านว่าควรหารถแบบไหนใช้ เพื่อที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดน้อยที่สุด
ค่าใช้จ่ายในที่นี้คือ ราคาซื้อ ลบ ราคาขาย ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม (ซ่อมเฉพาะที่ทำให้รถขับไม่ได้ ไม่สนรอยสนแอร์) และโสหุ้ยอื่นๆ
ไม่รวมค่าอื่นๆที่ไม่ใช่เม็ดเงิน เช่น ค่าเสียเวลาซื้อขาย ความปลอดภัย ภาพลักษณ์ต่างๆ แต่ต้องคำนึงถึงเวลาในการซ่อม เพราะรถไม่ถูกใช้งานในช่วงนั้น
ควรซื้อป้ายแดงที่คงราคาดีๆ ใช้ไม่กี่ปีขายทิ้ง หรือซื้อป้ายแดงเก็บยาวจนรุ่นลูกหลาน
ซื้อมือ 2 ที่ขับไม่เยอะ เก่าไม่มาก ใช้ซักพักขายทิ้งเมื่อรถเริ่มงองแง
หรือซื้อรถเก่า 20กว่าปี ที่ขับเป็นแสนๆโล ราคาเท่าโทรศัพท์เครื่องสองเครื่อง เวลาเสียถ้าไม่คุ้มซ่อม ช่างน้ำหนักขาย
-
ถ้าโจทย์อย่างนี้ก็Bseg มือสองรถตลาดปี2005+ติดแก๊สngvครับ ค่าน้ำมัน+แก๊สก็เฉลี่ยโลละบาทกว่าๆ
-
แต่ก่อนที่ผมจะซื้อก็คิดแบบคุณนะ (รอดูรถมาตั้ง 3 ปี) :-*
ราคาขายต่อ ตกน้อย - พวก b segment ญี่ปุ่น / กะบะcab นะครับ
มีภาพลักษณ์ด้วย ก็ต้อง d segment ญี่ปุ่น มือ 1 มือ 2 แล้วแต่งบ
(ไม่แนะนำรถยุโรป เพราะคงซ่อมจุกจิก)
ถ้าประหยัดน้ำมัน ผมว่ารถรุ่นใหม่ ค่อนข้างประหยัด
เพราะปีนึง ๆ คุณขับน้อย หารุ่นที่เติม e85 / e20 ก็ประหยัดได้มากแล้วครับ
สรุป อยากให้ซื้อมือ 1 รถตลาด ใช้สัก 6-9 ปี ค่อยขาย
จะได้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องซ่อม หาที่แถมประกันศูนย์เพิ่มความอุ่นใจเป็น 5 ปี
ผมก็ใช้รถ ปีละไม่ถึง 10000 โล ครับ ขับรถตลาดมือ1 สบายใจสุดแล้วครับ 8)
-
วิออสมือสอง
ถ้าไม่คิดค่าน่้ำมันก็วิ่งไปเลย ถ้าห่วงค่าน่้ำมันก็ Lpg อย่าไปติด Ngv เสียสุขภาพจิตร
-
ECO CAR / B SEGMENT
-
อ่านปุ๊บรู้สึก Vios city ลอยมายังไงก็ไม่รู้
-
Yaris J ป้ายแดงครับ แล้วใช้อย่างนั้นไปเลยไม่ต้องแต่งเพิ่มครับ ตอนขายไม่น่ายาก ขายถูกกว่าตลาดนิดหน่อยก็ปล่อยได้เร็วครับ
แต่ถ้าอยากถูกกว่านั้นก็ต้อง Suzuki Celerio แล้วครับ แต่ตอนขายอาจจะยากกว่า ค่าซ่อมไม่สามารถบอกได้ครับเพราะไม่เคยใช้ Suzuki เลย
แต่ถ้าเน้นภาพลักษณ์ก็ต้อง C หรือ D-segment มือสองละครับ ถ้าอยากขายต่อได้ราคาด้วยก็เน้นพี่โตพี่ฮอนไว้ก่อนครับ (แต่ตอนซื้อก็แพงกกว่านะครับ)
แต่ถ้าเน้นราคาขายต่อจริงๆ ก็กระบะตอนเดียวครับ REVO หรือ D-Max ก็ได้ครับ แต่ค่าใช้จ่ายจะมากกว่า Eco Car ครับ
-
ผมนึกออกสองคันครับ
ถ้าสมการคุณเป็นแบบนั้น
Mercedes 300SL gullwing
Jaguar E type
จากราคาซื้อจนขายอีกสักห้าปี ราคาขึ้น จากที่ซื้อมาแน่นอน ยิ่งเก็บนานยิ่งกำไร
คือส่วนที่เป็นคชจ ใหญ่ๆของการครอบครองรถคือ กรณีขับไม่เยอะคือค่าเสื่อมรถที่จะตกลงไปเรื่อยๆถึงจุดๆนึง
ในทางกลับกันราคาที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์พวกรถสะสมยิ่งแพงยิ่งขึ้นเกิน คชจส่วนอื่นๆ
ไปละ ก่อนจะโดนด่า
(แต่ถ้าคิดดีๆ มีรถมือสองที่มีกรณีนี้หลายรุ่นในตลาดนะ)
-
jazz ตัวล่าง E85 ขนของขนคนได้เยอะ ขับได้เยอะประหยัดน้ำมัน
หรือ D-Max Cab 1.9 ตัวล่าง ขนได้เยอะ
-
Jazz City Vios Yaris ที่ตกรุ่นไปแล้ว 1 รุ่นมือสอง
เป็นรุ่นมี่ราคาร่วงมาเยอะแล้ว มือสองมีให้เลือกเยอะมากกก
(ใครเลือกไม่เป็น ยอมเสียเวลาเรียนรู้ ไปดูและลองขับรุ่นเดียวที่สนใจสักสิบคันเดี๋ยวแยกรถดีรถเน่าออกเอง)
สภาพรถยังไม่เก่าเกินไป ใช้สักพักค่อยขายต่อ แต่กรณี จขกท มาทางโตต้าดีกว่า
โตต้าหาอู่นอกซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ง่ายกว่ามาก ส่วนทางฮอนด้าไม่มีนโยบายปล่อยอะไหล่ให้เอาไปซ่อมอู่นอกเอา
-
อ่านจากโจทย์หลักๆคือ
เน้นส่วนต่างราคาซื้อ ลบ ราคาขาย = รถมือสอง
เน้นค่าใช้จ่ายซ่อม = รถใหม่
เน้นประหยัดเชื้อเพลิงเครื่องยนต์เล็กและมีประสิทธิภาพสูง = รถใหม่
สรุปซื้อรถใหม่ ต่อไปก้อดูที่งบ ส่วนลด ของแถม ซึ่งก้อต้องแล้วแต่ความชอบครับ แบรนด์เจ้าตลาดก้อมีให้เลือกหลายรุ่น
ขอให้ได้รถที่ถูกใจครับ
-
:-\
ถามได้กว้างดีมากๆฮะ เอามันทุกรูปแบบเลย มีตั้งแต่ป้ายแดงยันรถชนิดตำ่กว่าแสน
(ที่ชอบจอดขายตามเต๊นทืในปั๊มนำ้มัน ตจว)
ลองเล่น Vios ตัว 2004 ซิครับ เพื่อนเต็มเมือง
หรือไม่ก็กระบะรุ่นยอดนิยมมือสองสภาพดีๆ
น่าจะใช้ได้นานและตรงใจนะ
-
ผมเชียร์
Mazdd 2 เครื่องยนต์เบนซิน
1.3 Skyactiv-G Standard ราคา 530,000 บาท
-
ซื้อรถตลาดมือสองครับ ดูแลดีๆ ขายต่อราคาไม่ขาดทุนมาก
-
จากเงื่อนไขต่างๆผมนึกถึง vios บริสนี่+lpg ครับ
-
ผมเลือกมือ 1 ตัดปัญหาเรื่องซ่อม และคงเป็น Eco Car ซักรุ่นครับ
-
เห็นโจทย์ นึกถึงท้ายโด่ง หรือเอ็กซิเออร์ ....+ แก๊ส
สมมติ...
ซื้อแสนห้า ใช้ไปอีกสามปี ขายไป แสนเจ็ด.....
แบบนี้หรือเปล่า?ครับ...ขาดทุนเฉพาะส่วนค่าใช้จ่ายเคลื่อนที่เท่านั้น ขายออก ขาดทุนหลักหมื่น หรือ บางทีได้กำไร อยู่ที่การดูแล
-
taxi ครับ ถูกที่สุดแล้ว แถมไม่ต้องจ่ายค่าที่จอดรถ และค่าประกันอีกด้วย
-
รับจำนำรถ แบบตกลงใช้รถ
มี ป.1
มี miantainance free warranty5ปี
เศรษฐกิจแบบนี้ไม่แน่นะครับ
อาจมีดอกไว้เติมน้ำมัน
-
Eco car ป้ายแดงน่าจะดีสุด
ใช้ยาวๆ
แต่ถ้าหาได้ ได้มือสอง ราคา 3-4 แสน รถสัก 3 ปีจะประเสริฐมาก
-
ที่จริงเรื่องสำคัญที่สุด ก็คือขึ้นกับว่าตอนนี้มีเงินที่พอจ่ายได้อย่างเหมาะสม มีเหลืออยู่ในกระเป๋าเท่าไร
และความสามารถหาเงินมาเป็นค่าใช่จ่ายในอนาคตเท่าไร
ขอให้เป็นหลักคิดนะครับ ในแง่ของความคุ้มค่าที่สุด (จากมีประสบการณ์ใช้รถค่อนข้างยาวนาน)
ขั้นแรก พิจารณาสองข้อข้างล่าง
ข้อแรก อายุรถ
ข้อสอง ค่าใช้จ่ายการดูแล
รถใหม่ป้ายแดง แม้ไม่ค่อยมีปัญหาเสียให้ซ่อม แต่ราคายังสูง แพง(มือสองได้ส่วนราคาที่ลดลง ถือว่าค่อนข้างเยอะ)
รถเก่าแบบที่ว่ามา แม้จะได้ราคาถูกมาก รถเก่าจะมีปัญหาจุกจิกมาเรื่อยๆตลอดเวลา
ตามความเสื่อมของวัสดุแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ (คาดการไม่ได้ด้วย)
ถ้าเพื่อการใช้งานทุกวัน งานย่อมสำคัญกว่า ไม่น่าเลือกรถเก่าเช่นนี้
รถมือสองอายุรถสักสองสามปี อันนี้น่าเหมาะสมที่สุด เพราะราคาตัวรถลดมากสุดปีแรก
แค่รถเคลื่อนออกจากศูนย์ฯราคาลดลงทันทีเป็นแสนแล้วได้เลย
ส่วนชิ้นส่วนของรถที่เป็นยาง ท่อยาง สายไฟ พลาสติกต่างๆ ยังดีอยู่
ยังใช้ต่อไปสักห้าปีพอไหว เครื่องยนต์ก็ยังไม่เสื่อมไม่กินเชื้อเพลิง
(แต่ก็ต้องดูอายุการใช้งานของรถคันนั้นประกอบด้วย)
แต่การใช้รถมือสองอาจจะขาดความมั่นใจ ความภาคภูมิใจบางอย่าง ความรู้สึกบางอย่าง
แต่เอาล่ะครับ แลกมาด้วยความคุ้มค่าเงินที่จ่าย
ขั้นที่สอง
เลือกรถ ยี่ห้อรถ ถ้าจะหาอะไหล่ซ่อมง่ายเพราะเป็นรถใช้เพื่อการทำงาน
ก็เลือกยี่ห้อที่มีในตลาดมากหน่อย อาจจะไม่ใช่เจ้าตลาดสุดก็ได้(ราคามักแพงกว่าเขา)
มีอู่ซ่อมได้ทั่วไป และขนาดเป็นรถค่อนข้างเล็ก ค่าใช้จ่ายมักซ่อมถูกกว่า
-
ถ้าตัดเรื่องราคาขายต่อไป
ผมก็จะเลือ อีโค่คาร์ เกียร์ธรรมดา ตัวถูกสุดครับ
ไร้กังวัลไปอย่างน้อย 5 ปี
ถ้าพัง ก็ซ่อมง่าย ราคาไม่แพง
-
ซื้ออีชูชุมังกรทองใช้คับทนประหยัดดี
ถ้าเก๋งก็ซื้อvolvo740วางjz ติดแก๊สดูดแบบพร้อมใช้
ใช้จนพังจริงๆก็ลื้ออะไหล่ขายเหลือโครงรถก็ชั่งกิโลไปคับรถมันหนัก
น่าจะได้เป็นหมื่น ซื้อพวกที่ขายห้าหกหมื่นคุ้มคับ
-
ผมซื้อ E36 Compact เมื่อ ปี1997 990,000บาท ขายไปตอนปี2010 ราคา 270,000 เอาบิลค่าซ่อมบำรุงรวมน้ำมันเครื่องไส้กรองผ้าเบรค มารวมดู แสนสองหมื่นบาท 720,000+120,000= 840,000บาท กับเวลา 13ปี ตกเฉลี่ยปีละ 65,000บาท
เมื่อปี2010ซื้อมาร์ชออโต้ 469,000บาท ขายไปปีที่แล้ว 220,000บาท ค่าซ่อมบำรุงรวมราวๆ2หมื่นนิดๆ ไม่ได้ทำบิลเก็บไว้ วิ่งไป 260,000km หาร6ปี ปีละ 45,000บาท
แต่ซื้อMarch MT มาใช้สองปี ขายกำไรมา5000บาท ซะงั้น
-
ปัจจัยคุณเป็นแบบไหนละครับ
ต้องการรถที่มั่นใจได้รึเปล่า เพราะถ้าคิดว่าซื้อรถไม่คิดเรื่องราคาตกเลย แต่เสี่ยงดวงพังกลางทาง ไม่เปลืองน้ำมันมาก
ผมจะยุให้ซื้อรถเต่าครับ เครื่องไม่ใหญ่ ต่อภาษี ต่อประกันต่อปีไม่แพง ยิ่งเก็บนานเผลอๆ ราคาขึ้นด้วย
ปีละหมื่นโล สบายมาก เพื่อนผมก็ใช้อยู่ ค่าดูแลไม่โหดมากถ้าเทียบกับรถ classic รุ่นอื่น
แต่วิ่ง ตจว. ไม่ไหวนะ ทางไกลขับไปพักไป จะเอาไหมละ? ขับ กทม.รถติดก็เมื่อยหน่อย แอร์ไม่เย็น ไม่สบาย ความปลอดภัยห่วยมาก วิ่งเร็วก็ไม่ได้
...............
แต่ถ้าใช้งานทั่วไป เกียร์ออโต้ ก็หารถ ecocar ป้ายแดงใช้ยาวๆ ครับ หรือถ้าขับแมนนวลได้ยิ่งดี
cc. ต่ำ ภาษีถูก ประกันถูก ประหยัดน้ำมัน(น้ำมันถูกแล้ว ไปติดแก๊สยุคนี้ไม่คุ้มอย่างแรง วิ่งปีละหมื่นโลเอง)ค่าดูแล 5ปีแรกน้อยมาก 20ปี 2แสนโล ใช้ดีๆอาจจะไม่ต้องซ่อมใหญ่ด้วยซ้ำ
สมมุติ เซเลริโอ้ แมนนวล GA คันละ 3.6แสน+ส่วนลดน่าจะทำให้เหลือ 3.3แสน ต่อให้ 20ปีขายทิ้งคันละ 5หมื่น ค่าเสื่อมตกปีละ 1.1หมื่นเองครับ
-
Prius ของ All Thai Taxi จ่ายน้อยสุดหรูสุด :)
-
จากโจทย์เดาว่า ซื้อรถมานั่ง นั่งไม่เกิน4
คำตอบคือ Yaris J ถ้าขับช้า
แต่ Vios J ดีกว่า เครื่องยนต์บาลานซ์กับรถดี
คุ้มสุดคือมือ2ไมล์ไม่เยอะ สภาพดี
-
จากโจทย์.......ซื้อรถคันละ7-8หมื่นบาท มาใช้งานก็ได้ครับ
-
เน้นถูกสุดใช่มั้ย? รถราคาต่ำกว่าแสน - 1 แสน+LPG คือคำตอบครับ
Civic dimension + LPG
bmw e36 ที่วางเครื่อง J ไม่มีเทอร์โบเกียร์ AT + LPG
toyota altis หน้าหมู + LPG
-
ถ้าใช้น้อยๆแบบนี้ แล้วดูเงื่อนไขท่าทางจะปวดหัว ผมไม่ซื้อรถดีกว่าครับ
ยอมจ่ายค่า Taxi / รถตู้ เป็นครั้งๆไป
-
ิeco car ค่าย มิตซู หรือ ฮอนด้า ก็ได้ครับ
ประหยัด ใช้ดี ซ่อมน้อย
ซื้อรถใหม่ครับ ไม่ปวดหัว คำนวณ แล้วค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามือสอง ทำให้อารมณ์ดีกว่าเยอะ
เอาเกียร์ MT ด้วยนะครับ รับรองสบายใจมากๆ ประหยัดน้ำมัน ควบคุมได้ที่เท้าเราเลยครับ
-
รถเก่ามากเริ่มซ่อมเยอะ กินน้ำมันกว่ารุ่นใหม่ + เก่ายิ่งกินอีก
-
ขึ้นมอไซค์รับจ้าง หรือ TAXI หรือซื้อมอไซค์ซักคันมาใช้ครับ 8)