Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: norrarac ที่ เมษายน 28, 2017, 17:05:27
-
คืออยากจะซื้อรถใหม่อีกคันครับ จริงๆคันเดิมก็ใช้ได้อยู่ (Altis 1.8G) แต่มีคันเดียว สลับกันใช้กับพ่อ ซึ่งพ่อใช้แค่ไป BigC Lotus แถวบ้าน นอกนั้นพ่ออยู่บ้านเฉยๆครับ แต่มีบางครั้งเวลาไป ตจว จะไม่มีรถติดบ้านให้พ่อใช้ เลยอยากจะได้อีกซักคันครับ (เล็งๆ Accord Camry มือสอง ราคา 4-5แสนครับ เอาไว้ไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ)
แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ลังเลที่จะซื้อเพิ่มครับ ของก็แพงขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็จะมากตาม แต่รายได้กลับสวนทาง ไม่เท่าเดิมก็น้อยลงครับ (มีใครเป็นเหมือนผมบ้าง หรือผมเป็นคนเดียว 555) ไม่รุ้จะเป็นอีกนานมั้ย ซึ่งจากที่ดูแล้วน่าจะอีกนานพอดูและยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
เพื่อนๆมีความเห็นว่าไงบ้างครับ มาพูดคุยกันได้ครับ (คุยไปบ่นไป แก้เซ็ง 555)
จริงๆเศรษฐกิจก็แย่ลงๆ ทำไมยอดขายไม่ได้แย่ตาม อย่างนี้จะเกิดฟองสบู่วงการรถมั้ยครับ แบบซื้อๆกันแต่ไม่นานก็ไม่มีค่างวดส่ง ปล่อยยึดกันเต็มไปหมดอ่ะครับ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น รถมือสองถูกๆจะตามมาอีกเยอะใช่มั้ยครับ หรือรอช่วงนั้นดีครับ
ปล ขอไม่มีการเมืองนะครับ คุยกันเรื่องเศรษฐกิจกับการซื้อรถเท่านั้นครับ
-
มีคนเก็งไว้ว่า เศรษฐกิจตกรอบนี้ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ .. ผมฟังเขามาอีกทีก็ฟังหูไว้หูครับ
ถ้าจะซื้อรถช่วงนี้ก็คงดูเป็นมือสองเหมือนกันครับ หรือไม่ก็รถป้ายแดงที่ราคาไม่แพงไปกว่ารถในระดับเดิมที่ใช้อยู่
และคงเลือกรถที่ไม่แพงมาก อยู่ในระดับที่รายได้เราจ่ายสบายๆ ผ่อนน้อยๆ แล้วกำเงินสดเป็นเงินเก็บไว้สักส่วน
หรืออาจจะเลือกซื้อรถทั่วไปมือสองที่ซื้อง่ายขายคล่องมาใช้ไปพลางๆ ผ่านไปสัก 2-3 ปีเศรษฐกิจดีขึ้นก็ขายแล้วไปเอารถที่ชอบแทนครับ
-
■ Cr.thairath.
---------------------------------------
ตลาดรถฟื้นตัวยอดขายทะลัก!
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 เม.ย. 2560 05:30
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานยอดขายรถยนต์รวมทุกแบรนด์ในฐานะที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ในไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อและทุกประเภทในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.60) มียอดขายทั้งสิ้น 210,490 คัน เพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วย ยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 80,412 คัน เพิ่มขึ้น 38.7% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 130,078 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% ในส่วนของยอดขายของตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขาย 107,056 คัน เพิ่มขึ้น 7.8%
บริษัทตั้งข้อสังเกตว่าตลาดรถยนต์เดือน มี.ค.ที่มีปริมาณการขาย 84,801 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่แนะนำในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ในช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์ รวมถึงการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในเดือน เม.ย.60 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงงานบางกอกมอเตอร์โชว์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ.
http://www.thairath.co.th/content/925214
-
บางคนเค้าก็ไม่ได้รายได้น้อยลง ข้าราชการบางคนก็รายได้เยอะขึ้น ไม่งั้นเบนซ์จะจองกันเยอะขนาดนั้นเหรอ
ส่วนเรื่องรถ ผมว่าหารถคันเล็กๆมือสองสักคันดีกว่าครับ เพราะดูเหมือนคุณยังคาดหวังอยากได้รถที่คันใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมว่าไม่น่าจะดี
ผมว่าออกต่างจังหวัด altis ไม่ขี้เหร่นะ จริงๆถ้าสำหรับผมรถอะไรมันไปได้หมด อยู่ที่ใจครับ ถ้าไม่สบายใจรถอะไรขับก็ไม่ดีทั้งนั้นครับ
ผมว่ารถ ถ้ารอได้มันก็ดีครับ
-
ผมมองตามความจำเป็นกับเงินเก็บครับ ต่อให้เศรษฐกิจแย่แต่ถ้ามีพอจ่ายแล้วจำเป็นต้องเปลี่ยน ก็เปลี่ยนครับ
-
คืออยากจะซื้อรถใหม่อีกคันครับ จริงๆคันเดิมก็ใช้ได้อยู่ (Altis 1.8G) แต่มีคันเดียว สลับกันใช้กับพ่อ ซึ่งพ่อใช้แค่ไป BigC Lotus แถวบ้าน นอกนั้นพ่ออยู่บ้านเฉยๆครับ แต่มีบางครั้งเวลาไป ตจว จะไม่มีรถติดบ้านให้พ่อใช้ เลยอยากจะได้อีกซักคันครับ (เล็งๆ Accord Camry มือสอง ราคา 4-5แสนครับ เอาไว้ไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ)
แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ลังเลที่จะซื้อเพิ่มครับ ของก็แพงขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็จะมากตาม แต่รายได้กลับสวนทาง ไม่เท่าเดิมก็น้อยลงครับ (มีใครเป็นเหมือนผมบ้าง หรือผมเป็นคนเดียว 555) ไม่รุ้จะเป็นอีกนานมั้ย ซึ่งจากที่ดูแล้วน่าจะอีกนานพอดูและยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
เพื่อนๆมีความเห็นว่าไงบ้างครับ มาพูดคุยกันได้ครับ (คุยไปบ่นไป แก้เซ็ง 555)
จริงๆเศรษฐกิจก็แย่ลงๆ ทำไมยอดขายไม่ได้แย่ตาม อย่างนี้จะเกิดฟองสบู่วงการรถมั้ยครับ แบบซื้อๆกันแต่ไม่นานก็ไม่มีค่างวดส่ง ปล่อยยึดกันเต็มไปหมดอ่ะครับ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น รถมือสองถูกๆจะตามมาอีกเยอะใช่มั้ยครับ หรือรอช่วงนั้นดีครับ
ปล ขอไม่มีการเมืองนะครับ คุยกันเรื่องเศรษฐกิจกับการซื้อรถเท่านั้นครับ
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครับ เศรษฐกิจรอบตัวคุณอาจจะแย่ แต่ของคนอื่นอาจจะดีก็ได้นะครับ งานที่ผมทำก็มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ต้องรู้จักปรับตัวบ้าง เห็นบางคนขายของแบบเดิมๆ แล้วมาบ่นว่าสู้ตลาดออนไลน์ไม่ได้ ก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำบ้าง บ้างก็ว่ายาก บ้างก็ว่าไม่มีเวลา แต่ทิศทางกำลังไปทางนั้น ไม่หาทางปรับตัวก็คงอยู่ยากครับ
-
ซื้อเท่าที่จำเป็นครับ อะไรที่ตัดได้ ตัดดดด
เก็บเงินสดไว้กับตัวเยอะๆ หน่อยยย
-
คืออยากจะซื้อรถใหม่อีกคันครับ จริงๆคันเดิมก็ใช้ได้อยู่ (Altis 1.8G) แต่มีคันเดียว สลับกันใช้กับพ่อ ซึ่งพ่อใช้แค่ไป BigC Lotus แถวบ้าน นอกนั้นพ่ออยู่บ้านเฉยๆครับ แต่มีบางครั้งเวลาไป ตจว จะไม่มีรถติดบ้านให้พ่อใช้ เลยอยากจะได้อีกซักคันครับ (เล็งๆ Accord Camry มือสอง ราคา 4-5แสนครับ เอาไว้ไปเที่ยวต่างจังหวัดครับ)
แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ลังเลที่จะซื้อเพิ่มครับ ของก็แพงขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็จะมากตาม แต่รายได้กลับสวนทาง ไม่เท่าเดิมก็น้อยลงครับ (มีใครเป็นเหมือนผมบ้าง หรือผมเป็นคนเดียว 555) ไม่รุ้จะเป็นอีกนานมั้ย ซึ่งจากที่ดูแล้วน่าจะอีกนานพอดูและยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
เพื่อนๆมีความเห็นว่าไงบ้างครับ มาพูดคุยกันได้ครับ (คุยไปบ่นไป แก้เซ็ง 555)
จริงๆเศรษฐกิจก็แย่ลงๆ ทำไมยอดขายไม่ได้แย่ตาม อย่างนี้จะเกิดฟองสบู่วงการรถมั้ยครับ แบบซื้อๆกันแต่ไม่นานก็ไม่มีค่างวดส่ง ปล่อยยึดกันเต็มไปหมดอ่ะครับ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น รถมือสองถูกๆจะตามมาอีกเยอะใช่มั้ยครับ หรือรอช่วงนั้นดีครับ
ปล ขอไม่มีการเมืองนะครับ คุยกันเรื่องเศรษฐกิจกับการซื้อรถเท่านั้นครับ
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครับ เศรษฐกิจรอบตัวคุณอาจจะแย่ แต่ของคนอื่นอาจจะดีก็ได้นะครับ งานที่ผมทำก็มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ต้องรู้จักปรับตัวบ้าง เห็นบางคนขายของแบบเดิมๆ แล้วมาบ่นว่าสู้ตลาดออนไลน์ไม่ได้ ก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำบ้าง บ้างก็ว่ายาก บ้างก็ว่าไม่มีเวลา แต่ทิศทางกำลังไปทางนั้น ไม่หาทางปรับตัวก็คงอยู่ยากครับ
ถ้าไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางจริงๆ แล้วสังเกตุดูดีๆ
ช่วง 2 ปีมานี้เป็นช่วงที่มีบริษัท ห้างร้าน เจ๊งมากกว่าปกติเป็นเท่าตัวครับ
ตลาดรถช่วงก่อนยุครถคันแรก มันก็แรงมาอยู่ดีๆ ผมจำได้ครับว่าช่วงนั้นยอด
ขายดีกว่านี้เท่านึง
■ Cr.thairath.
---------------------------------------
ตลาดรถฟื้นตัวยอดขายทะลัก!
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 เม.ย. 2560 05:30
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานยอดขายรถยนต์รวมทุกแบรนด์ในฐานะที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ในไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อและทุกประเภทในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.60) มียอดขายทั้งสิ้น 210,490 คัน เพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วย ยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 80,412 คัน เพิ่มขึ้น 38.7% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 130,078 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% ในส่วนของยอดขายของตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขาย 107,056 คัน เพิ่มขึ้น 7.8%
บริษัทตั้งข้อสังเกตว่าตลาดรถยนต์เดือน มี.ค.ที่มีปริมาณการขาย 84,801 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่แนะนำในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ในช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์ รวมถึงการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในเดือน เม.ย.60 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงงานบางกอกมอเตอร์โชว์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ.
http://www.thairath.co.th/content/925214
คำพูดผู้บริหาร Toyota ผมมักจะเห็นการวิเคราะห์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงอยู่มากครับ
เหมือนพูดเพื่อต้องการให้เกิดผลอะไรบางอย่างมากกว่าพูดตามความเป็นจริงเพื่อให้ความรู้
-
ผมขายของผ่านเน็ท ผมว่ายอดขายผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ไม่มีต้นทุนด้วยค่าเช่าก็ไม่มี
ขายได้น้อยก็อยู่ได้ เพราะไม่มีต้นทุน
-
จะซื้อรถมานั่งวิเคราะห์อะไรกับเศรษฐกิจ ก็แค่ดูเงินในกระเป๋าตัวเองก็พอ
-
ผมว่าขึ้นอยู่กับจังหวะ ความจำเป็นในการใช้รถของและสภาพคล่องของแต่ละบุคคลมากกว่าเศรษฐกิจโดยรวมครับ
ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าคุณมีความสามารถเพียงพอที่จะซื้อรถ ซื้อมาแล้วได้ใช้งาน โดยที่คุณไม่ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันอะไรมาก คุณก็สามารถซื้อได้ครับ แต่ถ้าการที่คุณจะซื้อรถมาเพื่อจะจอดมากกว่าใช้ หรืออยากมีรถไว้โชว์โก้ โชว์หรู หรือแค่เปื่อจะมีคนมาใช้งาน อันนี้ก็เก็บเงินสดไว้ดีกว่าครับ
-
อยู่ที่กำลังซื้อของแต่ละครอบครัว
-
เหมือนความเห็นบนๆ ดูความจำเป็นกับความสามารถในการรับภาระของตัวเองก็พอครับ
ถ้ารับไหว และจำเป็นก็จบ แต่ถ้าไม่จำเป็น หรือไม่มั่นใจว่าจะรับไหวมั้ยแบบนี้ก็ยังไม่ควรเพิ่มภาระครับ
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว จำนวนรถที่เพิ่มขึ้นก็คือค่าใช้จ่ายอีกพอสมควร
ค่าประกัน พรบ. รวมถึงการบำรุงรักษา พูดง่ายๆคือถึงจอดไว้เฉยๆก็มีค่าใช้จ่ายครับ
-
ถ้ามีเงินเหลือมีเงินออมสำหรับใช้ในอนาคต
มีเงินสดกันไว้จ่ายฉุกเฉินแล้ว(เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สำรองอีก3-6เดือนของยอดค่าใช้จ่ายประจำรายเดือน)
ก็พอจะแบ่งเงินมาซื้อรถเวลาไหนก็ได้
แต่อ่านจากจขกท.ยังเกิดความลังเล เหมือนยังไม่พร้อม
ก็ต้องมาดูต่อว่าซื้อรถด้วยความจำเป็นเพื่อการหารายได้หรือไม่ ..ก็ไม่ใช่
คำตอบคือยังไม่ควรซื้อตอนนี้ รอให้เศรษฐกิจดีกว่านี้ มีรายได้เพิ่มหรือมั่นคงกว่านี้ดีกว่าครับ
แล้วเศรษฐกิจบ้านเราจะไปทางไหน ไม่มีใครสามารถตอบได้ถูกร้อยเปอร์เซนต์ครับ
แต่ให้รู้พื้นฐานของประเทศเรา รายได้หลักมากับการส่งออก
ดังนั้นเศรษฐกิจบ้านเราดูง่ายตามประเทศที่ซื้อสินค้าจากเรา คร่าวๆก็คือเศรษฐกิจโลกนั่นเอง
ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐ จีน ยุโรป ญี่ปุ่นดีขึ้น มีการบริโภคสั่งสินค้ามากขึ้น ก็ลองดูเป็นแต่ละตลาดไป..
มาดูยอดส่งออกของไทยเดือนมีนาคม ดีขึ้น ก็สื่อว่า เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น ...ต้องติดตามให้ดูความต่อเนื่องต่อไป
แต่ที่ออกมานี้เป็นเศรษฐกิจมหภาค(ฟังเขามา)
กว่าผลตรงนั้นกระจายลงมาถึงเศรษฐกิจระดับล่าง(ให้มีการจับจ่ายใช้สอยกันทั่วถึง)ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
(ไม่กล่าวถึงรายได้ประเทศอีกส่วนจากท่องเที่ยว ซึ่งดีอยู่แล้ว)
-
ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเท่าไรห่หรอก ถ้ามีพร้อมก็ซื้อไป ถ้าไม่พร้อมต่อให้เศรษฐกิจดีขนาดไหนก็ไม่ควรซื้อ
อย่าง จขกท เล็งมือ 2 คัมรี่ไว้ 4-5 แสนบาท ถ้ากังวลลองหารถเล็กราคาต่ำไปดีมัีญเช่น วีออสคันละ 1 แสนกว่า - 2 แสน แบบนี้เป็นต้น หรือกำลังเงินไม่มีมากนักก็เล่นอิโคคาร์ป้ายแดงผ่อนเดือน 5 พัน แบบนี้เป็นต้น ทางออกมันมีทั้งนั้นละถ้าจะซื้อไม่จำเป็นต้องกังวลมากไป โลกเศรษฐกิจมันเปลี่ยนไปแล้วรอ 4-5 ปีมันก็อยู่แบบนี้แหละ
-
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
จริงๆผมก็มีคำตอบในใจลึกๆอยู่แล้วครับ แต่แค่อยากมาพูดคุยกันครับ กับอยากรู้ว่าคนอื่นๆเป็นเหมือนผมมั้ย ไม่ได้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางครับ เพราะผมไม่ได้บอกนะครับว่าแย่กันทั้งประเทศ ในช่วงแย่ต้องมีบางคนที่ดีขึ้น แม้กระทั่งช่วงเศรษฐกิจที่ดี ก็ต้องมีคนแย่ครับ
ส่วนตัวคือมีเงินสดไว้สำหรับซื้ออยู่แล้วครับ ไม่ต้องผ่อน แต่ที่ลังเลคือจะเอาเงินนี้ไปซื้อรถที่อยากได้เลย (อารมณ์ล้วนๆ) หรือเก็บไว้สำรองดี (ใช้เหตุผลประกอบ) ซึ่งจากที่เพื่อนๆคุยมา ผมว่าจะเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยดูอีกซักระยะ ซึ่งยังไงก็คงออกมือสองอยุ่ดี อยู่ที่จะคันเล็กหรือใหญ่เท่านั้นครับ
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่มาแสดงความเห็นกันครับ
ใครมีความเห็นยังไงพูดคุยกันต่อได้นะครับ
-
เศรษฐกิจ ไม่ได้แย่ทุกกลุ่ม บางกลุ่มโต บางกลุ่มทรุด....
แต่ภาวะของระดับล่าง(เกษตรกร ซึ่งเป็นส่วนใหญ่แย่) เป็นช่วงปีทองของข้าราชการ
ยอดขายรถ ฐานของปีที่แล้วมันแย่ เมื่อมาเทียบปีนี้ มันดีขึ้น แต่หากเทียบย้อนไป สามปีที่ผ่านมารวมทั้งปีนี้ ทรงตัวแค่นั้น
การซื้อรถ ถ้าจะซื้อดูตัวเองเป็นหลัก มีเงินเก็บ อนาคตมั่นคง ซื้อได้ แต่เอาตรงนี้มาปิดตรงนั้น เอาตรงโน้นมาปิดตรงนี้ อย่าครับ ภาวะแบบนี้ พลิกผันได้ตลอดเวลาครับ
-
เรื่องเศษฐกิจก่อน ผมคิดเหมือนกันครับว่าแย่จริง (เคยบ่นในกระทู้เก่าๆละ) รายได้ทรงๆ กับลดครับ แทบไม่เพิ่ม แล้วแต่อาชีพมั้งครับ ผมค้าขายผมยึดคติถือเงินสดเยอะๆ(หรือลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ)ไว้อุ่นใจ แต่เพื่อนหลายๆคนเงินเดือนสูงไปออก เบนซ์ บีเอ็มป้ายแดงหมดละ บางรายก็พึ่งเปิดร้านอาหารไม่นาน เห็นลูกค้าเยอะก็ไปผ่อนบอลลูนออกบีเอ็มมาขับละ ผมล่ะเสียวแทน พอดีชอบเผือกเรื่องชาวบ้านก็เลยรู้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายแล้วชีวิตใครชีวิตมันครับ แต่ถ้าเป็นผม ผมเคยอยู่ในจุดที่ตกต่ำมาละ กว่าจะขึ้นมาได้ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้เกิดแบบนั้นขึ้นอีก
เรื่องซื้อรถ พอดีเห็นท่านดูมือสอง แถมเจ้าตลาดด้วย หลักๆกังวลแค่ไม่กี่เรื่องอะครับ
- ค่าซ่อมบำรุง
- สภาพคล่องทางการเงิน ถ้าซื้อสดก็อาจจะสบายหน่อย แต่คิดเผื่อเรื่องเงินหมุนในยามฝืดๆไว้บ้างครับ
อย่างกรณีท่าน ผมว่าตัดสินใจง่าย เพราะซื้อมาแล้วได้ใช้งานจริง แบบนี้ซื้อไปเหอะครับถ้าไหว
อย่างผมอยากได้เพราะความอยากล้วนๆ มาขับเล่น อันนี้เลยไม่ได้ซื้อสักทีเพราะ ในเศรษฐกิจแบบนี้ ผมรอดูไปเรื่อยๆครับ
-
เศรษกิจอย่างนี้ ขายของลำบากอย่างนี้ ถ้าคุณมีเงินก้อนพอสมควร อย่าเพิ่งซื้อรถครับ คุณลองขับรถมาตามต่างจังหวัด มีประกาศขายที่ดินกันเยอะมาก แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณเอาเงินก้อนนั้นมาลงกับที่ดินเหอะ ส่วนมากขายเพื่อชำระหนี้ดีกว่าปล่อยให้ยึด รถค่อยคิดทีหลังเหอะ เท่าที่อ่านคุณก็ยังไม่จำเป็นเท่าที่ควร ผมเคยคิดแบบคุณ เลยซื้อเพิ่มอีกคัน คันเดิมเอาให้คุณพ่อใช้ ผ่านไปหนึ่งปีรถวิ่งไม่ถึง2,000km
-
ตลาดรถบรรทุกตายมา3ปีแล้ว เซลล์รถใหม่แทบอยู่ไม่ได้ ลาออกไปทำอาชีพอื่นกันเยอะแล้ว
รถบรรทุกสื่อถึงอัตราการหมุนเวียนสินค้า
ผมว่า ศก ภาพรวมยังไม่ดีครับ แต่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว มีแต่จะขยับขึ้นทีละนิด
ใครทนได้ยังไม่ตาย มีโอกาสฟื้นแน่นอน
-
สภาพเศรษฐกิจบ้านเราก็มีหลายภาพ บางธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง บางธุรกิจก็นิ่งๆ บางอย่างอาจกำลังแย่หรือแย่มานานแล้ว การออกรถใหม่กับเศรษฐกิจคงขึ้นอยู่กับธุกิจที่ทำอยู่+การปรับตัวให้ทันโลกอยู่เสมอครับ ใครไม่ปรับตัวแล้วอยู่ในธุรกิจที่เปลี่ยนไปแล้วนี่รอวันตายเลยนะ
-
เอาเท่าที่ไหวครับ และไม่ทำให้ตัวเองลำบากครับ
คนอื่นเขาอาจจะจับปลาเก่งขึ้น
ลองดูยอดจองเบนซ์ดูครับ
-
เศรษกิจอย่างนี้ ขายของลำบากอย่างนี้ ถ้าคุณมีเงินก้อนพอสมควร อย่าเพิ่งซื้อรถครับ คุณลองขับรถมาตามต่างจังหวัด มีประกาศขายที่ดินกันเยอะมาก แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณเอาเงินก้อนนั้นมาลงกับที่ดินเหอะ ส่วนมากขายเพื่อชำระหนี้ดีกว่าปล่อยให้ยึด รถค่อยคิดทีหลังเหอะ เท่าที่อ่านคุณก็ยังไม่จำเป็นเท่าที่ควร ผมเคยคิดแบบคุณ เลยซื้อเพิ่มอีกคัน คันเดิมเอาให้คุณพ่อใช้ ผ่านไปหนึ่งปีรถวิ่งไม่ถึง2,000km
นั่นแหละครับที่ผมคิดไว้ เพราะพ่อผมใช้รถแค่ไปจ่ายตลาดกับซื้อของใช้ตาม Lotus เท่านั้นครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ผมใช้รถมาปีนี้ปีที่ 6 อยากเปลี่ยนรถใจจะขาด แต่มามองดู รถวิ่งไปแค่ 48,000 กิโลเองครับ ราคารถเอง ก็สองแสนเลยคิดว่าใช้ต่อรอคันที่ใช่มากๆ จริงๆ ดีกว่า
ถามว่าจะซื้อไหม ผมคงดูว่ารถที่เอามาขายเป็นไง สถานะการณ์สำหรับผม ไม่ดีไม่แย่ในแง่งานกินเงินเดือน ส่วนธุรกิจที่กำลังเริ่ม ผมมองว่ามันเป็นโอกาสนะคับ ผมเพิ่งซื้อที่ดิน ราคา 1.65 ล้าน จากราคาปกติ 2.5 ล้าน ถือว่าราคาลงมากๆ คับ จากธนาคาร ธนาคารแทบจะวิ่งมากอดผมเลยทีเดียว
ธุรกิจในสายผมเพราะเขาทำตัวเอง ตอนนี้ก็เริ่มล้มหายตายจากไปเยอะ เดียวอีกไม่นานคงเป็นข่าวใหญ่เรื่องหนีหนี้แน่ๆ (ไม่บอกไม่พูด 555)
บทเรียนจากธุรกิจดังกล่าว คือ ทำตัวเองให้ใหญ่จนเกินไป ผมมองว่าเราต้องรู้ว่า สิ่งสำคัญในธุรกิจเราคือ อะไร และทำในขนาดที่เล็กกว่าความต้องการจริงๆ เล็กน้อย จะออกมามีงานไม่ขาดครับ
-
1. รถ จะซื้อหรือไม่ซื้อ ขึ้นกับ ความจำเป็นในการใช้งานครับ
ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ซื้อ ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องซื้อ
เพราะ " รถ " เท่ากับ " ลด "
เงินลด
ความลำบากลด
2. เมื่อจะซื้อ ค่อยมาดูครับว่า จะซื้ออะไร ยังไง เท่าไหร่ ให้เหมาะสมกับ
- เงินที่มีอยู่
- ความต้องการใช้งาน
อย่างที่คุณบอกว่า อาจจะออกรถให้คุณพ่อใช้ ผมอ่านๆ ดูแล้ว เหมือนว่า ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่
3. เรื่องเศรษฐกิจ ผมว่า ปีนี้ ดีกว่าเมื่อปีสองปีก่อนนะครับ
-
ไม่ซื้อครับความจำเป็นยังไม่มาก
ถ้าจะไปต่างจังหวัดก็เช่ารถไปครับถูกกว่าซื้อเยอะเลย
-
ซื้อวีออส city ก็พอ... เวลาไปห้างหรือส่งลูกไปโรงเรียน ผมใช้แต่ vios
-
ผมเห็นว่า. ไม่เกี่ยวกันนะครับ เพราะมันคือการซื้อรถเพื่ออำนวยความสะดวก และคงามปลอดภัยในการเดินทาง. มันเหมือนกับการลดค่าbts, taxi ครับ
-
ผมว่าซื้อให้พ่อมาขับ Grab อะครับ คุ้ม ไม่ต้อง accord camry แค่พวก csegment อย่าง Tiida พอละ ถูกดี มันก็วิ่งออกต่างจังหวัดได้
-
ถ้าขับใกล้ๆ ไม่แคร์สภาวะเศรษฐกิจ ไม่สนอะไรทั้งนั้น เอาแค่ที่จะใช้ และจำเป็นต้องใช้
ผมมองว่า หา C-segment หรือ B-Segment มาใช้เป็นรถสำรองก็พอ
-
เศรษฐกิจดีหรือไม่ดีก็ดูในครัวเรือนบ้านตัวเองนี่แหละ
ไอ้ที่เค้าว่าแย่ก็เป็นบางกลุ่ม บางกลุ่มยังขายดี อย่าไปตื่นตูมตามข่าวนัก อ่านพอประดับความรู้ก็พอ
รถยนต์ขายไม่ดี ถ้าตอนนี้เราพอมีเงินก็เป็นจังหวะที่ดี เพราะลดแหลก แจกกระจาย
-
โดยส่วนตัวผมว่าเศรษฐกิจแย่ลงจริงๆ ครับ ดูจากบริษัทที่ผมดูแลอยู่ เลิกไปก็หลายราย
รายได้หดก็เยอะ บางรายจากรายได้ 40 ล้าน เหลือไม่ถึง 10 ล้าน แถมบางรายก็โดนโกงเงิน
พอเค้าโดนโกงเสร็จ เค้าก็เลยมาโกงเราต่อ ฮ่าๆ แต่เราไปจ่ายบุคคลภายนอก เรารักษาความซื่อสัตย์
เราไม่เคยโกง สรุปก็เข้าเนื้อไป ช่วง 2 ปีมานี้ รู้สึกว่าลูกค้าจะเงินฝืดกันมากกว่าเดิมทุกรายครับ
แต่กิจการที่ยังไปได้ดี ก็คือพวกสถาบันสอนภาษา เห็นลูกค้าไปชักจูงคนมาลงทุนได้หลายคน
ได้เงินไปหลายสิบล้านบาท แถมเปิดสาขาเพิ่มเรื่อยๆ อีก
ตอนแรกผมก็ดูๆ E class ไว้ครับ แต่ตอนนี้ขอเบรกสักพัก เพราะปีก่อนก็พึ่งซื้อ C coupe มา ส่วน c class 4 ประตูก็เพิ่งอายุ 4 ปีครึ่ง งานนี้น่าจะเว้นวรรคไปสัก 2 - 3 ปี ครับ จากแต่ก่อนเปลี่ยนรถทุก 1 - 3 ปี
-
ผมขายของผ่านเน็ท ผมว่ายอดขายผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ไม่มีต้นทุนด้วยค่าเช่าก็ไม่มี
ขายได้น้อยก็อยู่ได้ เพราะไม่มีต้นทุน
เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ลงไปเล่นภาษีคนที่ขายของผ่านเน็ทด้วยครับ
อย่างลูกค้าผม เป็นโรงแรม รายได้ปี 57 อยู่ที่ 24 ล้าน ปี 58 อยู่ที่ 29 ล้าน พอปี 59 อยู่ที่ 37 ล้าน
พี่สรรฯ ยังบอกว่าน้อยไป ขอเพิ่ม - - เอากับเค้าซิ
-
การซื้อรถใหม่ กับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อนๆคิดว่าไงครับ ???
คล้าย การขับรถ
ปล ขอไม่มีการเมืองนะครับ คุยกันเรื่องเศรษฐกิจกับการซื้อรถเท่านั้นครับ
เศรษฐศาสตร์ มี รัฐศาสตร์ เกี่ยวข้อง
รัฐศาสตร์ มี เศรษฐศาสตร์ เกี่ยวข้อง
เกือบ ทุกศาสตร์ เกี่ยวข้อง กัน ครับ
คง ไม่ งง ที่ ยก การขับรถ ว่า เกี่ยวข้องกัน อย่างไร
-
ผมขายของผ่านเน็ท ผมว่ายอดขายผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ไม่มีต้นทุนด้วยค่าเช่าก็ไม่มี
ขายได้น้อยก็อยู่ได้ เพราะไม่มีต้นทุน
เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ลงไปเล่นภาษีคนที่ขายของผ่านเน็ทด้วยครับ
อย่างลูกค้าผม เป็นโรงแรม รายได้ปี 57 อยู่ที่ 24 ล้าน ปี 58 อยู่ที่ 29 ล้าน พอปี 59 อยู่ที่ 37 ล้าน
พี่สรรฯ ยังบอกว่าน้อยไป ขอเพิ่ม - - เอากับเค้าซิ
ถ้าเขาเข้าตรวจสอบจะโดนย้อนหลังไหมครับล่ะเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีกำไรเท่าไหร่
-
Digital Disruption - แจ็ค หม่า โลกต้องอยู่อย่างเจ็บปวดไปอย่างน้อย 30 ปี จากผลพวงโลกยุคอินเทอร์เน็ต
https://brandinside.asia/jack-ma-world-pain-from-internet-disruption/
-
ผมเองก็เป็น พ่อค้าขายกะทิสดอยู่ในตลาดสด เรื่องค้าขายมันก็เป็นเรื่องปกติครับ
ที่จะมี ดี และ แย่กันบ้าง ด้วยหลายๆปัจจัย ที่คนเดินตลาดน้อยลง
-
เศรษฐกิจดีหรือไม่ดีก็ดูในครัวเรือนบ้านตัวเองนี่แหละ
ไอ้ที่เค้าว่าแย่ก็เป็นบางกลุ่ม บางกลุ่มยังขายดี อย่าไปตื่นตูมตามข่าวนัก อ่านพอประดับความรู้ก็พอ
รถยนต์ขายไม่ดี ถ้าตอนนี้เราพอมีเงินก็เป็นจังหวะที่ดี เพราะลดแหลก แจกกระจาย
ที่จริงผมดูข่าวน้อยมากครับ
แต่ผมใช้วิธีสังเกตุสิ่งรอบตัว ซึ่งมันชัดมาก
ผมรู้สึกว่าข่าวพยายามออกมาเพื่อทำให้คนรู้สึกดีขึ้นด้วยซ้ำเพื่อสนับสนุน
ให้คนออกมาใช้จ่าย จนผมรู้สึกเลยว่ามีคนอยู่เบื้องหลังอะไรรึเปล่า
ผมสังเกตุหมด ทั้งสีหน้าท่าทางคนซื้อ คนขาย ความถี่ของร้านเปิดตัวปิดตัว
การโฆษณาที่ลดปริมาณลงมหาศาล ย่านคนค้าขายในตลาดในห้าง
ท่าทางของแบงค์ และสถานการณ์หนี้เสีย อสังหาพยายามเทขายหาคนซื้อ ซึ่งหดตัวอย่างหนัก
ผมอยากให้ลองสังเกตุกันดูครับ เราทำงานเต็มวัน หาข่าวในสื่อต่างๆ อย่าวเดียว มันมองไมเห็นเท่า
กับการสังเกตุดูเองครับ เพราะเศษฐกิจฝืดงวดนี้ สถาบันใหญ่ๆ คนรวยๆ กระทบน้อยหรือ
ยังกระทบไม่ถึง แต่คนล่างๆ ธุรกิจขนาดเล็กๆ โดนกันเพียบ
-
ซื้อเท่าที่จำเป็นพอครับ ถ้ายังไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งซื้อ
เงินตึงๆ ชีวิตเครียดครับ เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า อย่ามาลงที่รถหมด
-
รถไม่ว่าจะซื้อตอนไหนผมก็เอาที่จำเป็นต้องใช้และดูงบครับ
แต่ว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ไม่รู้ครับ ไปห้างจังหวัดที่ผมอยู่
ที่เช่าในห้างปิดเยอะขึ้นครับ
-
เกษตรกร มีรายได้ต่ำลง ไม่มีเงินซื้อตามร้านค้าทั่วๆไป เจ้าของร้านค้าก็ไม่มีรายได้มาซื้อสินค้าในร้านที่หรูขึ้น เที่ยวกิน มันกระทบมาเป็นทอดๆ ร่านที่กระทบหนักในอำเภอผม คือเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายโทรศัพท์ เห็นหายไปหลายราย
-
ส่งออกเติบโตนะครับ
จากภาวะที่เป็นอยู่ คนไทยเคลียดมากขึ้น
กับมาตรการของรัฐห้ามนั่นห้ามนี่ ทำให้ประชาชน ไม่สดชื่่น บวกกับช่วงเสียใจของคนไทยด้วย
-
คำนี้ดูยากมากนะครับ เกี่ยวข้องทั้งหมด การเมือง การตลาด....ตัวเลขจริงจะหาจากไหน
มาชี้วัดว่าเศรษฐ์กิจดี แย่ เลขรัฐบาลเชื่อได้ไหม พอมาสังเกตุเองจากสิ่งรอบตัว ร้านค้าเงียบ ตลาดเงียบ
แต่ห้างใหญ่ๆ เปิดตัว....แม่ค้าเสื้อผ้าที่รู้จักกันถอย BENZ บอกขายดีมาก เน้นออนไลน์
วัฎจักรตลาด การปรับตัว หรือ loop อะไรซักอย่างหรือเปล่า..
สรุป ปวดหัวครับมานั่งวิเคราะห์ เอาบริบทตัวเองนี่เหละมาวิเคราะห์
มาดูที่ตัวเราดีกว่า เงินคุณ เข้า ออก อย่างไร พอใช้ พอเพียงไหม
จบครับ คำนวณแล้วไม่พอ ตึง เลิกถอย....ถ้าสบายก็จัดเลยครับ
-
เรื่องแรก รถถ้ารอได้ รอไปก่อนเลยครับไม่เห็นมีความจำเป็นในตอนนี้
เรื่องสองสภาวะเศรษฐกิจ ภาพรวมเริ่มทรงตัวได้ แต่ในระดับต่ำคือค่อยๆฟื้นแล้ว ถ้าไม่โดนภัยธรรมชาติเล่นงานรากหญ้าน่าจะดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนกลุ่มที่เศรษฐกิจดี เติบโตอย่างต่อเนื่องคงมีแค่ ข้าราชการ ถ้าเป็นแบบนี้อีก 5ปี คงปลอดหนี้แน่นอน(ค่อยคุ้มกับที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิตหน่อย อย่าว่าผมนะบ้านผมข้าราชการหลายคน)
เศรษฐกิจส่วนตัวผมยังพอใช้ได้ แต่ราคางานถูกลงมากๆ การแข่งขันสูง เวลาส่งมอบจะสั้นลงคือด่วนตลอด คือเครื่องไม่พังก็ไม่สั่ง(แม่พิมพ์)ผู้ประกอบการรายย่อยที่รู้จัก เริ่มจะท้อสู้ต่อไม่ไหว
สรุปคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนไทยไม่ฟัดกันอีก (ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเรา น่าไปเกิดซีเรียจริงๆ)
-
ถ้ามองเรื่องมือสอง .. ปีนี้ รถโครงการรถคันแรก หมดสัญญา 5 ปีนะครับ
เริ่มตั้งแต่กลางปี ไปจนสิ้นปี ผมว่าจะมีรถจำนวนมากออกมาสู่ตลาดมือสองแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ก็จะมีคนจำนวนมาก (หลักแสนคน) จะได้เงินกลับคืนไปสู่มือ เดือนละราว ๆ 1 หมื่นบาทแน่นอน
สว่นนั้นคงเอามาจับจ่ายได้บ้างครับ .. เศรษฐกิจ ด้านขายปลีก ร้านเล็ก ๆ ก็คงจะดีขึ้นเล็กน้อย
อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ อย่างของแฟนเก่า เงินเดือนราว ๆ 25-30k ผ่อนรถ 9000 มันตึง ๆ นิด ๆ เธอไม่ค่อยใช้เงินทำอย่างอื่นครับ
ถ้าผ่อนหมดคงจะเริ่มจับจ่ายบ้าง
-
จะซื้อรถมานั่งวิเคราะห์อะไรกับเศรษฐกิจ ก็แค่ดูเงินในกระเป๋าตัวเองก็พอ
เห็นด้วยครับ เราจะซื้อรถหรือซื้ออะไรก็ตาม ก็ให้ดูเศรษฐกิจหรือสภาพคล่องของตัวเอง ก็พอแล้วครับ
ในวันที่เศรษฐกิจดี ก็มีคนโดนยึดรถ โดนยึดบ้าน มีคนออกรถป้ายแดง มีคนซื้อบ้านเดี่ยว
ในวันที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็มีคนโดนยึดรถ โดนยึดบ้าน มีคนออกรถป้ายแดง มีคนซื้อบ้านเดี่ยว
-
มีแต่ทรงๆกับทรุดลงเล็กน้อย ยอดขายต่ำกว่าปีที่แล้ว
ลูกค้าหน้าเดิมๆหายไปบ้าง แต่ยังมีกำไรครับ
ควรซื้อไหม อันนี้คงตอบยาก เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้ารถมันไม่ไหว ก็ต้องเปลี่ยน
-
บางธุรกิจของผมดีขึ้น ในขณะที่บางตัวผมแย่ลงครับ แต่ภาพรวมของที่ผมดูอยู่ดีขึ้นครับ
เรื่องซื้อรถ ดูเงินในกระเป๋าเป็นหลัก ถ้าจะผ่อนก็ประมาณไปอีก 3 ปีดีกว่าครับ มัวแต่รอเศรษฐกิจไม่งั้นไม่ได้ซื้อสักที
-
กำลังซื้อของครอบครัวก็ส่วนหนึ่ง อีกปัจจัยในการซื้อรถมือสองอีกข้อคือ หารถสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด จะได้ไม่เปลืองเงิน+ปวดหัว กับการซ่อมโน่นซ่อมนี่ครับ คหสต. ของผมนะ
-
คนรอบตัวผม เศรษฐกิจ ดีขึ้นนะ .....
และในภาพรวม ผมก็รู้สึกว่า มันดีขึ้น และค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆครับ
คนรวยขึ้นก็มีคนจนลงก็มี อยู่ที่ตัวเราครับ ไม่งั้น 718 ไม่วิ่งกันเกลื่อนเมืองหรอก ....
-
คนรอบตัวผม เศรษฐกิจ ดีขึ้นนะ .....
และในภาพรวม ผมก็รู้สึกว่า มันดีขึ้น และค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆครับ
คนรวยขึ้นก็มีคนจนลงก็มี อยู่ที่ตัวเราครับ ไม่งั้น 718 ไม่วิ่งกันเกลื่อนเมืองหรอก ....
คนรอบตัวทำงานอะไรกันบ้างน่ะครับ
จะได้เป็นความรู้นิดนึง เพราะนอกจากธุรกิจอะไรที่เฉพาะจริงๆ แล้ว
ผมเห็นโดยทั่วไปแย่กันทั่วหน้า
ธุรกิจตัวไหนกำลังจะเริ่มดี ก็อาจจะทำให้ predict ภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคตได้ด้วยครับ
แต่พูดถึงว่า อย่าพูดถึง 718 เลยครับ
คือเศรษฐกิจตอนนี้ผมกระทบคนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาข้างบน
ดังนั้นคนข้างบนจะไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยครับ ยอดขาย premium brand จึงโตเอาโตเอา
ดังนั้นการที่รถแพงยอดขายสูง ไม่ได้เป็นตัวบอกภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้เลย เพราะมันมีเส้นแบ่งระหว่าง
ฐานะทางเศรษฐกิจเป็น gap ขนาดใหญ่
ช่วงที่เราบอกได้ว่าประเทศกำลังแย่จากคนรวยที่ล้มละลายมากมายมันเป็นสมัยต้มยำกุ้ง
ซึ่งเศรษฐกิจล้มลงมาจากข้างบนลงข้างล่างครับ
ดังนั้นช่วงนี้ เศรษฐกิจจะดีขึ้นเมื่อไหร่ (หมายถึงคนชั้นล่างฟื้น) ผมรอดูยอดขาย
B car กับ Eco car ก่อนเลย ซึ่งปัจจุบันยอดยังต่ำกว่าสมัยเศรษฐกิจยังปกติ
อยู่ 1 เท่าตัว แล้วต้องรอดูอีกว่า ถ้าหมดเขตเรื่องรถคันแรก คนจะขายรถทิ้งแล้วออกใหม่
หรือยังเก็บไว้ใช้ต่อ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ผมพูดอยู่คนเดียวว่ามันคล้ายๆ ประเทศญี่ปุ่น
คือคนส่วนมากไม่ยอมใช้เงิน ประหยัดกันมากขึ้น แต่ข้อแตกต่างก็คือ คนญี่ปุ่นมัธยัส และวางแผนการเงินดี (อาจจะดีมากไป)
ส่วนของไทยที่ประหยัดมาจากการช็อต หนี้สินเพิ่ม ราคาสินค้าเพิ่ม สิ่งที่น่ากลัวคือ อาการเศรษฐกิจ
แบบนี้มันจะซึมลึก มันแก้ไม่ได้ง่ายๆ แบบเวลาคนรวยล้ม ภายใน 2-3 ปี คือเศรษฐกิจเด้งกลับมาสู่ภาวะเศรษฐกิจ
ปกติได้สบายๆ เพราะกำลังเงินของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่หมุนเวียนสามารถช่วยเศรษฐกิจได้
แต่ถ้าหาก เงินของคนส่วนใหญ่ (คนที่ไม่รวย) เกิดหยุด stop ขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น ทางแก้จึงยากมาก
ต้องหวังดวงล้วนๆ เช่น มีคนมาลงทุนมหาศาล มียอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเยอะ มีคนมาเที่ยวมากขึ้นอีกๆ
ตัวเราแก้เองไม่ได้ง่ายๆ
ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อล่าสุดของประเทศ ของเราเงินเฟ้อไม่ได้เยอะ แต่ราคาอสังหากลับสูงมาก
ผมวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจประหลาดๆ แบบนี้มาจากการอัด QE ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา
ปริมาณเงินที่ถูกอัดฉีดเข้ามาเยอะทำให้ค่าของเงินลดลง ราคาสินค้าแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ
ทั้งๆ ที่เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยธรรมชาติจากคนยังไม่เกิด
ผลก็คือ เงินของคนที่ได้รายได้จริงตามไม่ทันราคาสิ่งของที่เพิ่มสูงขึ้น
เพราะ QE เป็นการแก้ปัญหาของประเทศมหาอำนาจที่ผิดธรรมชาติ อยู่ดีๆ ปั๊มเงินเพิ่มได้
เรื่อยๆ ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศตัวเองเบาบางลง แต่ประเทศอื่นๆ ได้รับผลกระทบเต็มๆ
อย่างที่ผมบอกครับ
ลองสังเกตุสภาพแวดล้อมรอบๆ ดู นอกจากดูคนรอบตัวอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะคนรอบตัวเรา
ก็คือคน level เดียวกับเรา ไม่ได้เป็นภาพรวมของคนทั้งประเทศ ให้มองดูให้หมดตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นมา
น่าจะเป็นภาพชัดขึ้นครับ
-
ผมเริ่มนึกเคสนึงออกในกรณีที่บางคนเศรษฐกิจดีขึ้นในช่วงนี้ครับ
ยกตัวอย่างที่ผมเห็นก็คือ
มีธุรกิจทำน้ำขายที่ห้างโลตัส ผมเคยเห็นขายกันอยู่ 5-6 ร้านอยู่ในระแวกเดียวกัน
พอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งนี้เกิดขึ้น
ร้านทำน้ำ 5 ร้านทนอยู่ไม่ได้ เจ๊งและเลิกขายไปส่วนร้านๆ เดียวที่เหลือก็รับทรัพย์
จากจำนวนคนที่มากขึ้น เพราะไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น ร้านรวงเล็กๆ ตายทั้งหมด
ร้านนั้นคือ ชาพะยอม
ดังนั้นเจ้าของร้านชาพะยอม คงจะออกรถสปอร์ต หรือรถพรีเมี่ยมในช่วงนี้ได้ง่ายๆ เลยครับ
เพราะกลายเป็นเจ้าผูกขาดโดยความบังเอิญ
เช่นกัน
ธุรกิจอื่นๆ ที่อ่อนแอ ทนต่อเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ไหวแล้วตายไปตั้งแต่ต้นๆ วิกฤติ
เจ้าที่ทนได้ก็รับทรัพย์จากลูกค้าที่หลั่งไหลมาหาตัวเองคนเดียวเหนาะๆ
ค่ายรถก็เช่นกัน
ถ้า Ford และ Chev มีแต่รถเก๋งขาย ป่านนี้ พนักงานคงโดนลอยแพกันหมดแล้ว
ทำให้ส่วนแบ่งในตลาดที่ไปทางสองค่ายนี้ก็ต้องไปทางค่ายรถค่ายอื่นแทน
ดังนั้นคนที่รวยก็คือรวยมากช่วงนี้ครับ แต่มันเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย ซึ่งคนกลุ่มใหญ่
ตอนนี้ suffer กับภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มาก ผมงงมาก โรงเรียนสอนพิเศษเด็กที่ซีคอน
เปิดแล้วปิดตัว เปิดตัวและปิดตัวแบบว่าเดือนเว้นเดือนเลย แต่แน่นอน โรงเรียนที่รวยมากขึ้น
ในช่วงนี้ก็คือ Kumon เพราะเจ้าที่แข็งแกร่งคือเจ้าที่สามารถผูกขาดได้ในตลาดที่ซบเซาแบบนี้
นี่เอง
-
แหม.... บอกผมมองเฉพาะรอบตัว ...
งั้นเอาระดับประเทศไปอ่านเลยละกันนะ ...
http://www.nesdb.go.th/article_attach/Economic%20Report%20Q4-2559TH.pdf
ทุกตัวขยายตัวหมด ในปี 2559 นะครับ
รวมทั้งปี 2559 เราส่งออกได้มากขึ้น และนำเข้าลดลง ...
ถ้าเราจนลง แต่อีกมุมนึ่งคือมีคนรวยขึ้น ... เราจะโทษ เศรษฐกิจ หรือโทษใครๆ ก็ได้ แต่อย่าลืม โทษตัวเองครับ .....
-
แหม.... บอกผมมองเฉพาะรอบตัว ...
งั้นเอาระดับประเทศไปอ่านเลยละกันนะ ...
http://www.nesdb.go.th/article_attach/Economic%20Report%20Q4-2559TH.pdf
ทุกตัวขยายตัวหมด ในปี 2559 นะครับ
รวมทั้งปี 2559 เราส่งออกได้มากขึ้น และนำเข้าลดลง ...
ถ้าเราจนลง แต่อีกมุมนึ่งคือมีคนรวยขึ้น ... เราจะโทษ เศรษฐกิจ หรือโทษใครๆ ก็ได้ แต่อย่าลืม โทษตัวเองครับ .....
อยากให้สังเกตุดูรอบๆ ตัวด้วยครับ รายงานภาพใหญ่ไม่ได้สะท้อนภาพจริงๆ
อย่างที่ผมบอกไปเจ้าใหญ่ยังเติบโตได้ แต่ตอนนี้เจ้าเล็กๆ ส่วนใหญ่ไปไม่ไหว
ผมเขียนบรรยายมาเยอะมากอยากให้ช่วยอ่านแล้วลองคิดตามด้วยครับ
อีกประเด็นคือ การเติบโตดังกล่าวมาจากการที่ปีก่อนหน้าหดตัวต่ำมาก ดังนั้น
การที่ตัวเลขเป็นบวกขึ้นมา 3% ไม่ได้หมายความว่าจะยิงยาวได้ 3% ทุกปี
นอกจากนั้นการเติบโตยังมาจากภาคการส่งออกเป็นหลัก หมายถึง มีลูกค้าจากต่างประเทศ
สั่งซื้อสินค้าแล้วจ่ายเงินมาให้เรา แล้วถ้าเกิดต่างประเทศไม่สั่งซื้อ เศรษฐกิจก็จะไม่เติบโต
ตามที่ผมเขียนไว้ในย่อหน้าหนึ่งว่า วิธีแก้ไขมีแต่ต้องพึ่งโชค ก็คือการส่งออก ซึ่ง มันไม่ใช่
สิ่งตายตัว เพื่อนแม่ผมที่จะลงทุนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นยังยุติโครงการ เพราะผู้ถือหุ้นมองว่า
เศรษฐกิจภายในมันไม่ดีจริงๆ ผมจึงได้ถามว่า ในแวดวงของคุณ Apinui นั้นทำอะไร ถึงได้
รวยมากขึ้นในช่วงนี้
ส่วนเรื่องทำมาหากินเจ๊งเองไม่เจ๊งเองมันเป็นคนล่ะประเด็นครับอย่าเพิ่งรวมหลายประเด็นเข้าด้วยกัน
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ คุณ Apinui ขับรถเป็นประจำอยู่แล้ว ได้สังเกตุมั้ยครับว่าป้ายโฆษณาข้างทาง
ว่างเปล่าเยอะขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วลองเดินสังเกตุห้างร้านรอบๆ ตัวดูครับ ปิดตัวเป็นว่าเล่น
แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ขอให้แยกออกนิดนึงครับระหว่างโทษว่าบริการห่วย กับสภาวะการ
ของเศรษฐกิจที่ไม่อำนวยต่อการลงทุน ผมกำลังคุยเรื่องสภาวะปัจจุบัน ไม่ได้คุยว่าใครเก่งใครรอด
หรือใครไม่เก่งก็ไม่รอด มันคนล่ะเรื่องกันครับ :-\
-
ไหนๆก็ไหนๆนะ ... เอาเป็นว่า ผมเล่าเกี่ยวกับธุรกิจ ที่คนรอบตัวผมทำ แล้วเค้าดีขึ้นละกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่สงสัยนะ ...
ข้างบ้านผม พึ่งออกมัสแตง มาหมาดๆ ไม่กี่วัน บ้านนี้ เค้ามีกัน 2 คน สามีภรรยา ก่อนหน้านี้ เค้าขับเทียน่า J32 กับ พรีอูส อย่างละคัน (ผัวคันเมียคัน)
บ้านนี้ทำธุรกิจส่วนตัว นำเข้าเครื่องสำอาง ยอดขายต่อเดือนผมไม่รู้เท่าไร และไม่รู้ว่าใช้ดีไหม แต่ที่แน่ๆ เค้าดีขึ้นเป็นลำดับ (ก่อนหน้านี้ไม่รู้เค้าทำอะไรนะ)
เพื่อนภารยาผม ก่อนหน้านี้ทำบริษัทฯหลักทรัพย์ ตอนนี้ลาออกมาทำธุรกิจเสื้อผ้าแนวSportนำเข้า ทำเองคนเดียวเพราะโสด ถามว่าทำไมออก เพราะตลาดหุ้นซบเซา เค้าเลยปรับตัว ผันตัวเองมาทำธุรกิจ ล่าสุดแฟนผมเล่าว่ากำไรเดือนละแสน ส่งสินค่าทางไปรย์ณีย์...
ส่วนน้องๆ ที่ผมพอรู้จัก ที่ทำอาชีพเซลขายรถอยู่ หลายคน ออกรถใหม่ ป้ายแดงกันในช่วงนี้ เพราะมาจิ้น และโปรแรง ก็ดูเค้ามีเงินออกรถกันนะ ...
ส่วนผม และภรรยา ก็เป็นพนักงานบริษัท ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ได้เดือนร้อน กับคำที่ใครๆบอกว่า เศรษฐกิจไม่ดี ... เพื่อนๆผมที่เป็นพนักงานบริษัท ก็ตำแหน่งขึ้น เงินเดือนอัพกันถ้วนหน้า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อนผมคนนึง เงินเดือนขึ้น ถึงขนาด ซื้อและผ่อนแคมรี่ กับ S1000 ได้พร้อมๆกัน
ถ้างานที่ทำอยู่ ดูแล้วมันแย่ สิ่งนึงที่ต้องทำคือปรับตัวครับ
อย่างเช่น อีกร้านนึง เป็นอาคารพาณิชย์อยู่หน้าปากซอยบ้านแม่ผม ... ก่อนหน้านี้ เป็นตึกแถวทำผ้าโหล แต่หลังๆสู้ราคาผ้าที่นำเข้าจากจีนและอินเดียไม่ไหว ... เค้าเลยเลิกแล้วลูกชาย เลยเปลี่ยนมารับทำป้าย อคีลิค และแผ่นป้ายโฆษณาแทน เพราะแถวบ้านแม่ผม คือย่านลำลูกกา คอนโดกำลังขึ้น เค้าก็จ้างทำป้าย พิมพ์กันแทบไม่ทัน ตอนนี้ ขี่ Eคลาสไปแล้วครับ(พึ่งทำได้2 ปี) ...
ส่วนป้ายโฆษณาที่ว่างเปล่าตามข้างถนน อะ ...... ผมว่า สื่อโฆษณาสมัยนี้ เค้าไปทางโซเชียลกันมากกว่าแล้วมั้งครับ เพราะ คนเข้าถึงมากกว่า และค่าโฆษณาถูกกว่า ...
ขนาด TV เช่นช่องข่าว เค้ายังวิจัยกันมาเลยครับว่า คนดูน้อยลง เพราะคนอ่านข่าวจากสื่อโซเชียล กันมากขึ้น ....
หน้ากาก อีกาดำ คนดู 72ล้านครั้ง และหน้ากากทุเรียน 88ล้านครั้ง ในช่อง Youtube นะครับ ...
-
คิดไรมากครับเอาแค่คุณคิดว่ามีเงินผ่อนต่อจนจบมั้ย หรือจะซื้อสดก็ไม่มีใครว่า เพราะของมันต้องกินต้องใช้ รถป้ายแดงใครๆก็อยากขับ 8)