Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Dark Overlord ที่ พฤษภาคม 23, 2017, 12:51:45
-
นับว่าไม่ค่อยได้เห็นกับการจับรุ่นเดียวกันมาเทียบรุ่นย่อยกันเอง เพราะรถในตลาดญี่ปุ่นมีมากมาย
ราวกับว่าไม่มีคู่แข่งที่ควรเทียบเคียง!?
หรือว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยน เมื่อระบบ e-power แย่งซีนกลุ่มรถ hybrid อย่างไม่เจตนาหรือตั้งใจ
ขนาดที่ว่าวิศวกร/ผู้ออกแบบรถของ Nissan เองยังงงๆ
Toyota จะรู้ตัวไหมว่า e-power คือการจับเอาความเรียบง่ายมาใช้แต่ได้ผลคุ้มค่า
อย่างการเอาน้ำมันมาปั่นไฟตรงๆ แล้วบริหารจัดการกระแสไฟเอาว่าเมื่อไหร่ จะใช้ จะหยุด จะชาร์ต
ไม่มีใครคาดคิดว่าระบบง่ายๆ แต่อาศัยการ set up ที่เชี่ยวชาญจากการทำตลาดรถไฟฟ้ามาก่อน
อย่าง Nissan จะตี Hybrid ได้กระเจิงในแง่ของศูนย์กลางความน่าสนใจ จริงอยู่ตลาด Hybrid
ในญี่ปุ่นยังใหญ่ แต่อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้
แล้วยิ่งประเทศอีกค่อนโลกยังต้องหาบริโภคจากการขายน้ำมันเป็นหลัก คงไม่มีใครยอมให้
เลิกใช้น้ำมันกันง่ายๆ ยกเว้นว่ามันหมดเอง e-power อาจเป็นคำตอบในฐานะทางสายกลางได้
(ผมคิดว่าน่าจะเคยมีผ่านตาเรื่องทฤษฎีอาหรับทำสงครามเมื่อตัวเองขายน้ำมันไม่ได้อีกต่อไป
แต่ที่แน่ๆ จะทำหรือไม่ทำ คนในประเทศที่ค้าน้ำมันเดือดร้อนเยอะแน่)
ต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะ e-power นี้ มันไม่ได้แคร์เรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน
มันจับขายได้เลย โดยเทคนิคแล้วก็น่าจะประยุกต์ลูกเล่นแบบรถไฟฟ้าที่ทันสมัยเข้าไปได้
100% บางคนอาจจะมองว่า Hybrid ก็เหมือนดูตกยุคไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะระบบขับเคลื่อน
ยึดติดกับพลังของเครื่องยนต์ในบางจังหวะ ซึ่งจังหวะที่จะ weak ขึ้นมาก็มี ซึ่งระบบทำให้ Hybrid
ดูมีจุดอ่อนขึ้นมาทันที
ปล เพิ่มเติม พวกบริษัทเกี่ยวกับพลังงานน้ำมันคงไม่ยอมด้วยเช่นกัน
-
ทำไมตื่นเต้นกับ E-Power กันจัง
ประสิทธิภาพมันยังสู้ Prius ไม่ได้เลย
โหมดทดสอบ JC08 Prius ได้ 40.8 km/l , Note E-Power ได้ 34 km/l
จะเห็นได้ว่าประหยัดสู้ Prius ไม่ได้ ทั้งๆที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า
ระบบ E-Power แบบนี้ ก็คล้ายๆของ Chevlolet Volt
ที่ใช้เครื่องปั่นไฟ แล้วใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน ประสิทธิภาพ Volt มันก็สู้ Prius ไม่ได้
ทางทฤษฎี การเปลี่ยนแปลงพลังงานจาก กล->ไฟฟ้า หรือ ไฟฟ้า->กล ย่อมมีการสูญเสียพลังงาน
เช่น พลังงานจากเครื่องยนต์ 100 แปลงไปเป็นไฟฟ้าอาจจะเหลือ 90 แปลงกลับมาที่ล้ออาจจะเหลือแค่ 80
ระบบ E-Power จะเป็นแบบ
กล(เครื่อง) -> ไฟฟ้า -> กล(ล้อ)
เป็นแบบนี้ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่ามีการสูญเสียพลังงานในระบบ 2 ครั้งอยู่เสมอ
ระบบ Hybrid Toyota จะเป็นแบบ
กล -> ไฟฟ้า -> กล (แบตหมดแล้วติดเครื่องเพื่อชาร์ต)
และบางครั้งจะเป็นแบบ(แบตเหลือเยอะ)
กล -> กล (เอาไปใช้โดยตรงได้เลย)
จะเห็นได้ว่า บางครั้ง Hybrid Toyota สูญเสียพลังงาน 2 ครั้ง และบางครั้งก็ครั้งเดียว
ต่างจาก E-Power ที่ต้องสูญเสียพลังงาน 2 ครั้งตลอดเวลา
อันนี้แบบคร่าวๆ ความจริงมันมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ต้องศึกษา
-
ทำไมตื่นเต้นกับ E-Power กันจัง
ประสิทธิภาพมันยังสู้ Prius ไม่ได้เลย
โหมดทดสอบ JC08 Prius ได้ 40.8 km/l , Note E-Power ได้ 34 km/l
จะเห็นได้ว่าประหยัดสู้ Prius ไม่ได้ ทั้งๆที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า
ระบบ E-Power แบบนี้ ก็คล้ายๆของ Chevlolet Volt
ที่ใช้เครื่องปั่นไฟ แล้วใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน ประสิทธิภาพ Volt มันก็สู้ Prius ไม่ได้
ทางทฤษฎี การเปลี่ยนแปลงพลังงานจาก กล->ไฟฟ้า หรือ ไฟฟ้า->กล ย่อมมีการสูญเสียพลังงาน
เช่น พลังงานจากเครื่องยนต์ 100 แปลงไปเป็นไฟฟ้าอาจจะเหลือ 90 แปลงกลับมาที่ล้ออาจจะเหลือแค่ 80
ระบบ E-Power จะเป็นแบบ
กล(เครื่อง) -> ไฟฟ้า -> กล(ล้อ)
เป็นแบบนี้ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่ามีการสูญเสียพลังงานในระบบ 2 ครั้งอยู่เสมอ
ระบบ Hybrid Toyota จะเป็นแบบ
กล -> ไฟฟ้า -> กล (แบตหมดแล้วติดเครื่องเพื่อชาร์ต)
และบางครั้งจะเป็นแบบ(แบตเหลือเยอะ)
กล -> กล (เอาไปใช้โดยตรงได้เลย)
จะเห็นได้ว่า บางครั้ง Hybrid Toyota สูญเสียพลังงาน 2 ครั้ง และบางครั้งก็ครั้งเดียว
ต่างจาก E-Power ที่ต้องสูญเสียพลังงาน 2 ครั้งตลอดเวลา
อันนี้แบบคร่าวๆ ความจริงมันมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ต้องศึกษา
ใช่ ผมก็คิดแบบนั้นละ เสียสองต่อ
ผมมองว่าทางที่ดีใช้เครื่อง 660 or 850 cc มาปั่นไฟ แล้วมีแบตใหญ่กว่านี้
วิ่งโดยใช้ไฟฟ้าเสียบเอาเป็นหลัก เครื่องเป็นตัวเสริมปั่นเฉพาะตอนจำเป็น
-
^
^
น่าจะเพราะ ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะแข่งกับ Prius มากกว่าครับ
Nissan ออกรุ่นนี้มาแบบ งงๆ
เทียบกับ Volt ผมยังไม่กล้าครับ ในรายละเอียดมันต่างกันแน่ๆ ล่ะ
เหมือนสองค่าย ทำ Hybrid เหมือนๆ กัน แต่ผลออกมาคนล่ะเรื่องครับ
-
toyota hybrid system ดีกว่าเหมือนที่คุณ Ex_machina อธิบายไว้
https://www.youtube.com/watch?v=igYKsSrBtIg (https://www.youtube.com/watch?v=igYKsSrBtIg)
-
E power ของ nissan ผมดูผ่านๆคิดว่าน่าสนใจจริงๆ แต่มันคงมีขอบเขตการเอามาใช้ คือรถเล็กนำ้หนักเบา ระบบเครื่องเกียร์เบา และใช้ขับในเมืองที่คนขับรถแบบในประเทศญี่ปุ่น คือไหลเรื่อยๆ ไฟเขียวแดงฉลาด แต่เอามาขับเมืองกรุงเทพอาจจะขับได้ไม่ทันใจ
ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ออกแบบให้ใช้ผมว่ามันเด่นกว่า Hybrid ใข toyota แน่ๆในแง่ความประหยัดสูงสุด คือต้องมองภาพรวมนะครับตั้งแต่ซื้อรถมาใช้และบำรุงรักษา
หลักการง่ายๆ scope การใช้งานยิ่งมาก efficiencyยิ่งสูง
-
ผมเห็นต่างตรงที่ว่า Nissan เพิ่งแตะ e-power เอง
ดังนั้นนี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งถ้ามี goal ที่ชัดเจนกว่านี้
มี benchmark ที่ชัดเจนกว่านี้ ก็จะทำประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิม
แน่นอน
อย่าง Prius จะไปเทียบด้วยก็ไม่ค่อยตรงนัก เพราะนั่นคือ fully dedicated hybrid
ส่วนเจ้า Note นี่มาจากไหนไม่รู้ จับยัด e-power เข้ามาปุ้บ ยอดขายถล่มทลายเลย
(ใครจะไปเชื่อ โมเดลเก่าๆ ดีไซน์ตกยุคเนี่ยนะ)
ผมว่าเจ้านี่มันมีศักยภาพในอนาคตเยอะอยู่นะ
-
ทำไมตื่นเต้นกับ E-Power กันจัง
ประสิทธิภาพมันยังสู้ Prius ไม่ได้เลย
โหมดทดสอบ JC08 Prius ได้ 40.8 km/l , Note E-Power ได้ 34 km/l
จะเห็นได้ว่าประหยัดสู้ Prius ไม่ได้ ทั้งๆที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า
ระบบ E-Power แบบนี้ ก็คล้ายๆของ Chevlolet Volt
ที่ใช้เครื่องปั่นไฟ แล้วใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน ประสิทธิภาพ Volt มันก็สู้ Prius ไม่ได้
ทางทฤษฎี การเปลี่ยนแปลงพลังงานจาก กล->ไฟฟ้า หรือ ไฟฟ้า->กล ย่อมมีการสูญเสียพลังงาน
เช่น พลังงานจากเครื่องยนต์ 100 แปลงไปเป็นไฟฟ้าอาจจะเหลือ 90 แปลงกลับมาที่ล้ออาจจะเหลือแค่ 80
ระบบ E-Power จะเป็นแบบ
กล(เครื่อง) -> ไฟฟ้า -> กล(ล้อ)
เป็นแบบนี้ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่ามีการสูญเสียพลังงานในระบบ 2 ครั้งอยู่เสมอ
ระบบ Hybrid Toyota จะเป็นแบบ
กล -> ไฟฟ้า -> กล (แบตหมดแล้วติดเครื่องเพื่อชาร์ต)
และบางครั้งจะเป็นแบบ(แบตเหลือเยอะ)
กล -> กล (เอาไปใช้โดยตรงได้เลย)
จะเห็นได้ว่า บางครั้ง Hybrid Toyota สูญเสียพลังงาน 2 ครั้ง และบางครั้งก็ครั้งเดียว
ต่างจาก E-Power ที่ต้องสูญเสียพลังงาน 2 ครั้งตลอดเวลา
อันนี้แบบคร่าวๆ ความจริงมันมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ต้องศึกษา
จริงครับ ขอเสริมรายละเอยดนะครับ
e power เบากว่า เล็กกว่า ภาระนำ้หนักน้อยกว่าครับ เหมะกับรถเล็กมากกว่า ต้นทุนก็ตำ่กว่าในการผลิตรถ 1 คัน ยิ่งเป็นรถที่ไม่ต้องใช้วิ่งมาก ไม่กี่ปีก็ทิ้งแบบที่ญี่ปุ่น มันยิ่งค้มค่ครับ
และการตัดต่อกำลัง ใน hybrid ก็เป็น loss เหมือนกันนะครับ ไม่ใช่น้อยด้วย
-
เท้าหนักคงไม่เหมาะ
-
รอลุ้นให้นิสสันไทย เอาเข้ามาขาย ถ้าไม่แพงมากผมช่วยซื้อ1คัน
-
ทำไมที่เคยอ่านมา volt มันประหยัดกว่า prius จนโตต้องทำ plug-in hybrid มาสู้ ถึงประหยัดกว่า
ถ้า e-power ทำ plug-in ก็น่าจะประหยัด
คงต้องดูเรื่องแบตด้วย เพราะใช้แบตคุณภาพต่างกัน ความจุต่างกันอีก
อย่างน้อย e-power ก็ไม่มีเกียร์นะ การสูญเสียกำลังน่าจะน้อยกว่า
-
Note e-Power สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์ญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยยอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ โค่นแชมป์ตลอดกาลอย่าง Toyota ลงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี Note e-Power ไม่มีปลั๊กชาร์ตไฟจากภายนอกแบบ Plugin Hybrid แต่ชาร์ตจากเครื่องยนต์แบบเดียวกับ Chev Volt นอกจากดีไซน์ที่ถูกจริตคนญี่ปุ่นแล้ว วิศวกรยังสามารถออกแบบให้แบตเตอรี่อยู่ในห้องเครื่อง ไม่ต้องไปเบียดบังพื้นที่ห้องโดยสารหรือห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง
Note ที่ญึ่ปุ่นมีทั้ง e-Power และ CVT แต่ไม่เคยเห็นเพจรถยนต์ญี่ปุ่นพูดถึง Note CVT เลย พูดถึงแต่ Note e-Power เกียร์ CVT ไม่อยู่สายตาของญี่ปุ่นแล้ว เขาเน้น HV, PHEV และ EV ส่วน CVT โยนให้ประเทศเลิกพัฒนา อุ๊ย!!! กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยใช้ :) :) :) :)
-
E-Power มันมีลักษณะของการเป็นรถไฟฟ้านะครับ ซึ่งต่างจากไฮบริดที่มีลักษณะเป็นรถสันดาปภายในที่มีไฟฟ้ามาเสริมแรงเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังมากกว่ากว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ปกติ รถยนต์ไฟฟ้า 0-200 ไม่ถึงสิบวิ เครื่องยนต์ปกติจะเอาอะไรมาเทียบ ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำไฟฟ้ามาเสริมในเครื่องยนต์ แต่ระบบไฮบริดทั่วไปมันก็ยังอยู่บนสถาปัตยกรรมเก่า ซึ่งก็คืออยู่บนพื้นฐานเครื่องยนต์ที่มีขีดจำกัด
แต่ E-Power ระบบส่งกำลังมันเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป การสูญเสียพลังงานมันย่อมน้อยกว่าเครื่องยนต์+เกียร์มาก เครื่องยนต์ในระบบ E-Power ก็ทำหน้าที่ในลักษณะของไดนาโมหรือ Generator แหล่งกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน Note ก็เป็นแค่เครื่องยนต์พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งก็คือ HR12DE ธรรมดา ถ้าหากปรับปรุงหรือใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นก็จะได้พละกำลังและความประหยัดที่มากขึ้น เช่นอาจจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ฉีดตรง หรือใส่ Supercharger ระบบ E-Power ใน Note เป็นเพียงแค่ต้นแบบ ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกยาวไกล และที่สำคัญมันสามารถก้าวเข้าสู่อนาคตและเดินไปพร้อมๆกับรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆได้ แต่ไฮบริดมันจะตายในอีกไม่ช้า
-
:-\
ผมสรุปหลักการมั่วๆ ในใจ แบบคนอ่านแล้วมึนๆ ก็คือ มันเอาเครื่องยนต์มาปั่นไฟแค่นั้น ถูกไหมครับ ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดต่อกับมอเตอร์
ก็คือเปลี่ยนจาก Wall-Charged EV เป็น Engine-Powered EV แต่เอา EV ปั่น โดยสามารถเอาเครื่องยนต์กะมอเตอร์ยัดลงห้องเครื่องได้หมด
ผมว่าถ้าทำหลักการตัดต่อกำลังดีๆ ไม่มึนไม่เมาแบบเกียร์ X-Trail Hybrid นี่ เป็นหลักการที่อยู่ได้ยาวเลยนะ ขอให้แบตทนก็พอ
มันเหมือนนิสสันทำขึ้นมาแบบงงๆ ใช้อะไหล่ยำให้คุ้ม จากตอนแรกที่ได้ยินว่าจะทำ Fuel-Cell ก็รวบรัดมาเป็นแบบนี้เลย
แม้อัตราสิ้นเปลืองอาจจะแพ้ Prius แต่ความซับซ้อนระบบดูจะน้อยกว่ามาก
เข้าไทยก็ขอให้ได้ภาษีไฮบริดละกัน เผื่อผมเปลี่ยนใจจากรอ YS 2.3 PPV :-X
-
E-Power มันมีลักษณะของการเป็นรถไฟฟ้านะครับ ซึ่งต่างจากไฮบริดที่มีลักษณะเป็นรถสันดาปภายในที่มีไฟฟ้ามาเสริมแรงเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังมากกว่ากว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ปกติ รถยนต์ไฟฟ้า 0-200 ไม่ถึงสิบวิ เครื่องยนต์ปกติจะเอาอะไรมาเทียบ ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำไฟฟ้ามาเสริมในเครื่องยนต์ แต่ระบบไฮบริดทั่วไปมันก็ยังอยู่บนสถาปัตยกรรมเก่า ซึ่งก็คืออยู่บนพื้นฐานเครื่องยนต์ที่มีขีดจำกัด
- ทั่วโลกเขาให้ Note E-Power เป็น serie hybrid ครับ
ไม่ใช่รถไฟฟ้า ถ้าเป็นรถไฟฟ้าจริงทำไม Nissan ไม่จัดให้อยู่ในหมวดรถ EV ซะเองล่ะ
หลักการทำงานก็เหมือน Chevlolet Volte ทำไมทั่วโลกเขาก็ให้เป็น Hybrid เหมือนกัน ทำไมเขาไม่จัดให้เป็นรถ EV ซะล่ะ
- ธรรมชาติรถไฟฟ้าแรงก็ได้ไม่แรงก็ได้ครับ อยู่ที่การเซ็ต ทำรถ Hybrid ให้แรงกว่ารถ EV ก็ทำได้ (เช่น ตัวแข่ง Le mans 24h) แต่ปรกติเขาไม่ทำกันเพราะมันผิดกฎการอนุรักษ์พลังงานครับ
แต่ E-Power ระบบส่งกำลังมันเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป การสูญเสียพลังงานมันย่อมน้อยกว่าเครื่องยนต์+เกียร์มาก เครื่องยนต์ในระบบ E-Power ก็ทำหน้าที่ในลักษณะของไดนาโมหรือ Generator แหล่งกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น
- มันเป็นรถ Hybrid ครับ
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน Note ก็เป็นแค่เครื่องยนต์พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งก็คือ HR12DE ธรรมดา ถ้าหากปรับปรุงหรือใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นก็จะได้พละกำลังและความประหยัดที่มากขึ้น เช่นอาจจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ฉีดตรง หรือใส่ Supercharger ระบบ E-Power ใน Note เป็นเพียงแค่ต้นแบบ ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกยาวไกล และที่สำคัญมันสามารถก้าวเข้าสู่อนาคตและเดินไปพร้อมๆกับรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆได้ แต่ไฮบริดมันจะตายในอีกไม่ช้า
-เป็นเครื่องปั่นไฟ จะติด supercharger เพื่ออะไรครับ
ต่อให้ติด Turbo ช่วยเข้าไป มันก็แรงเท่าเดิม
เพราะความแรงมันอยู่ที่แรงดันกระแสไฟฟ้า และขนาดมอเตอร์
-
คงหมายถึง..ถ้าต้องใช้เครื่องยนต์ 1.8 เพื่อปั่นไฟให้เพียงพอ สามารถใช้เครื่อง 1.5 turbo แทนได้มั้ย จะประหยัดน้ำมันลงได้อีกมั้ย
แต่ถ้าเน้นรอบผมว่าน่าจะเน้นแรงม้ามากกว่าแรงบิด เครื่อง N/A น่าจะตอบโจทย์กว่า
ความประหยัดจึงไปอยู่ที่แบตเป็นหลัก
-
E-Power มันมีลักษณะของการเป็นรถไฟฟ้านะครับ ซึ่งต่างจากไฮบริดที่มีลักษณะเป็นรถสันดาปภายในที่มีไฟฟ้ามาเสริมแรงเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังมากกว่ากว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ปกติ รถยนต์ไฟฟ้า 0-200 ไม่ถึงสิบวิ เครื่องยนต์ปกติจะเอาอะไรมาเทียบ ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำไฟฟ้ามาเสริมในเครื่องยนต์ แต่ระบบไฮบริดทั่วไปมันก็ยังอยู่บนสถาปัตยกรรมเก่า ซึ่งก็คืออยู่บนพื้นฐานเครื่องยนต์ที่มีขีดจำกัด
- ทั่วโลกเขาให้ Note E-Power เป็น serie hybrid ครับ
ไม่ใช่รถไฟฟ้า ถ้าเป็นรถไฟฟ้าจริงทำไม Nissan ไม่จัดให้อยู่ในหมวดรถ EV ซะเองล่ะ
หลักการทำงานก็เหมือน Chevlolet Volte ทำไมทั่วโลกเขาก็ให้เป็น Hybrid เหมือนกัน ทำไมเขาไม่จัดให้เป็นรถ EV ซะล่ะ
- ธรรมชาติรถไฟฟ้าแรงก็ได้ไม่แรงก็ได้ครับ อยู่ที่การเซ็ต ทำรถ Hybrid ให้แรงกว่ารถ EV ก็ทำได้ (เช่น ตัวแข่ง Le mans 24h) แต่ปรกติเขาไม่ทำกันเพราะมันผิดกฎการอนุรักษ์พลังงานครับ
แต่ E-Power ระบบส่งกำลังมันเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป การสูญเสียพลังงานมันย่อมน้อยกว่าเครื่องยนต์+เกียร์มาก เครื่องยนต์ในระบบ E-Power ก็ทำหน้าที่ในลักษณะของไดนาโมหรือ Generator แหล่งกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น
- มันเป็นรถ Hybrid ครับ
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน Note ก็เป็นแค่เครื่องยนต์พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งก็คือ HR12DE ธรรมดา ถ้าหากปรับปรุงหรือใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นก็จะได้พละกำลังและความประหยัดที่มากขึ้น เช่นอาจจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ฉีดตรง หรือใส่ Supercharger ระบบ E-Power ใน Note เป็นเพียงแค่ต้นแบบ ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกยาวไกล และที่สำคัญมันสามารถก้าวเข้าสู่อนาคตและเดินไปพร้อมๆกับรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆได้ แต่ไฮบริดมันจะตายในอีกไม่ช้า
-เป็นเครื่องปั่นไฟ จะติด supercharger เพื่ออะไรครับ
ต่อติด Turbo ช่วยเข้าไป มันก็แรงเท่าเดิม
เพราะความแรงมันอยู่ที่แรงดันกระแสไฟฟ้า และขนาดมอเตอร์
ครับ มันเป็นไฮบริด แต่เป็นไฮบริดที่อบู่บนพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้เป็นไฮบริดที่อยู่บนพื้นฐานเครื่งยนต์สันดาปครับ
เครื่องยนต์ที่ปั่นไฟมันก็ยังใช้น้ำมัน น้ำมัน 1 ลิตร เครื่องยนต์แต่ละชนิดก็ให้งานที่ไม่เท่ากัน ผมเพียงแค่ยกตัวอย่างให้ผู้อ่านเห็นภาพถึงการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำอย่างนั้นจรืงๆ วิศวกรภานในเค้าก็คงมีวิธีการในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ของเค้า ผมเพียงแค่อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆเท่านั้น
-
^
^
ผมเข้าใจว่าทำไมคุณ G.K บอกว่าน่าใส่ Supercharger นะ
อย่างสมมติใส่ HR12DDR DIG-S (ฉีดตรง+ซุป) อัตราสิ้นเปลืองดีกว่า HR12DE ถึงราวๆ 2-3 กม./ลิตร แค่นั้นอัตราสิ้นเปลืองในการปั่นไฟให้ได้กำลังงานเท่ากัน ก็ดีกว่าแล้ว
เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ ถึงจะเอาเครื่องมาต่ออนุกรมกับมอเตอร์ แต่ เครื่องยนต์มันไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปั่นล้อแม้แต่นิดเดียวนี่ครับ
ดังนั้นหากสมมติ HR12DE ทำงานรอบเครื่องหนึ่ง พิสูจน์แล้วว่าได้กำลังงานต่ออัตราสิ้นเปลืองดีสุด แต่ HR12DDR ดึงมาถึงรอบทำงานได้เร็วกว่า สูญเสียกำลังน้อยกว่า มีระบบอัดอากาศช่วย ก็ควรจะดีกว่าสิครับ?
เพียงแต่ความซับซ้อน การบำรุงรักษา และต้นทุนมันเพิ่มสูงขึ้นมากไปหน่อย จะทำให้รถราคากระฉูดเกินไป ผมคิดว่างั้นนะ
-
ส่วนเรื่องการจัด Note เข้าไปเป็น Series Hybrid ผมคิดว่าแบบนี้
ก็คงเหมือนไม่รู้จะจัดกลุ่มเป็นอะไรดี เอาเครื่องต่อมอเตอร์แล้วไปล้อนี่? โอเค จัดเป็นอนุกรมไปเลย จบ
เพราะมันไม่เคยมี Series Hybrid ยี่ห้อไหนทำแบบนี้นี่ครับ?
ถ้าจะเทียบ Volt มันก็เป็นคนละโมเดลกันอีก เพราะแม้ Volt มันเป็น Hybrid ที่เอาเครื่องยนต์มา "ปั่นไฟ" ก็จริง
แต่หลักๆ มันเป็น Plug-in Hybrid นะครับ ที่เข้าใจว่าตั้งใจให้ใช้วิ่งระยะทางไม่ถึงกับสั้น แล้วถ้าแบตจะหมดเครื่องยนต์ถึงจะมาเสริม
ในขณะที่ Note พลังงานหลักๆ เท่าที่ผมเข้าใจ คือ มาจากเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟให้มอเตอร์
ซึ่งจะไม่มีระยะที่รถสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ 100% ได้เลย และมันต้องใช้มอเตอร์และแบตลูกใหญ๋ขึ้น
แบบรถ EV อย่าง Leaf ต่างหาก ไม่ใช่แบตเล็กช่วยปั่นล้อพร้อมเครื่องอย่างที่ Prius เป็นและวิ่งได้สั้นๆ
สรุปคร่าวๆ ในหัวผม คือ
Volt = Plug-in Series Hybrid ที่เสียบไฟชาร์จวิ่งได้ระยะหนึ่ง มีเครื่องยนต์ (DI) ช่วยปั่นเพิ่มให้เวลาแบตใกล้หมด เป็น Extended Range
E-Power = Engine-Powered Series Hybrid ที่เติมน้ำมันปั่นมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้เครื่องยนต์ HR12 ปั่น(เกือบ)ตลอดเวลา แต่ชุดขับเคลื่อนต่อกับมอเตอร์ ไม่ได้รับแรงจากเครื่อง
Prius ไทย = Parallel Hybrid ที่เติมน้ำมันปั่นพร้อมเอามอเตอร์ไฟฟ้า+แบต มาช่วย แบตมีความจุระดับหนึ่ง วิ่ง Full EV ได้ ระยะทางสั้นกว่า Volt
Leaf = Full Plug-in EV ไม่มีเครื่องยนต์
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ E-Power ผมเริ่มเข้าใจว่ามันเจาะตลาดไทยได้ตรง "ข้อจำกัดระยะทางไม่มี เพราะเติมน้ำมันวิ่งได้
แต่ระบบไม่แพงเท่า Prius/Volt รถราคาถูก และทำทุกอย่างจบได้ในห้องเครื่อง พร้อมทั้งได้ประสิทธิภาพของรถไฟฟ้าเต็มๆ"
ที่อยากรู้ก็คือ นิสสันออกแบบกลไก Inverter/Generator/Battery ยังไง และทนการใช้งานระยะยาวไหม
ที่เขาไม่กล้าลงตลาดโลกตอนนี้ บอกว่าพฤติกรรมตรงกับการใช้รถในญี่ปุ่น (รถไฮเทคห้าปีทิ้ง) อาจจะมีข้อจำกัดบางอย่าง :-\
-
นิสสันเค้าเคลมว่า e-power ให้ torque พอๆกับ ev แต่ประหยัดน้ำมันกว่า hybrid เดิมๆ(แต่ไม่เท่า plug-in) และไม่ต้องเสียบปลั้ก
ตอนนี้ยังเหมาะกับคนญี่ปุ่น แต่ต่อไปจะพัฒนากำลัง และความประหยัดให้เหมาะสมกับอเมริกาและยุโรป
-
ถ้ามองในด้านความรู้สึก เหมือนเราเติมน้ำมันแบบปกติ
แต่ได้ความประหยัด กับสมรรถนะแบบ EV
ฟังดูมันก็โอเคเลยนะครับ
อาจจะดูเข้าใจง่ายกว่า Hybrid ด้วยซ้ำ
ถ้าไม่คิดถึงตัวเลขเปรียบเทียบอะไรมากนัก
คนทั่วไปอาจเปิดใจได้ง่ายกว่า
แต่ก็ต้องถาม Nissan ในเรื่องความทนทานว่าได้ประมาณไหน
เจ้า Note นี่ก็แค่ HR12DE มาปั่นไฟเอง ยังไม่ได้พัฒนาเครื่องใหม่ อะไรใหม่
เพื่อแข่งกับคู่แข่งจริงๆ ด้วยซ้ำ ตัวถังก็เก่ากึ้กเลย
แต่คนก็ยังอุตส่าห์ตอบรับเยอะมาก แปลว่าไอเดียมันได้ แล้วคนญี่ปุ่น iq
ก็ไม่เบาไม่ได้ให้ใครมาตุ๋นได้ง่ายๆ แปลว่าก็โอเคอยู่นะ
-
จริงๆระบบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้กันในรถเล็กก็เท่านั้น
พวกรถดัมพ์ขนาดยักษ์ๆที่ใช้กันในงานเหมืองเป็นรถที่ใช้เครื่องดีเซลเทอร์โบมาปั่นไฟเข้ามอเตอร์ที่ล้อกันแทบทั้งนั้น
-
ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าระบบนี้ดียังไง :(
-
ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าระบบนี้ดียังไง :(
ออกแบบโดยญี่ปุ่น คิดแบบญี่ปุ่น เพื่อคนญี่ปุ่น :-X :-X :-X
ต้องกลับไปนึกถึงปัจจัยว่ามันมีอะไรไม่เหมาะบ้างถ้ามาไทย อาจจะความทนทาน
และที่นิสสันคิดได้ (อ้างแบบกึ่งโม้ๆ ว่า เราปลดล็อกแนวคิดได้แล้วเว้ย ทำยังไงให้ปั่นไฟลงแบตแบบนี้ได้โดยแพ็กเกจรถแทบไม่เปลี่ยน)
อาจจะ "โดน" ใจคนใช้พอดี ถ้าคิดสะระตะกลับไปกลับมาหลายๆ เรื่อง เยอะสิ่ง ก็คือ ได้ประสิทธิภาพแบบ Leaf ในราคา Note วิ่งได้ระยะทางไกลๆ
รักษาสิ่งแวดล้อมสูงสุด (ไฟปั่นเอง แถมประหยัดกว่าใช้น้ำมันเท่าตัว) แถมจะไปได้ดีกว่านี้อีกถ้าปรับปรุงเครื่อง นั่นแหละครับ
-
ผมเข้าใจว่าระบบนี้ จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่แรงบิดสูงสุดตลอดเวลาที่ปั่นไฟครับ ทำให้ประหยัดน้ำมัน
พอไฟพอก็หยุด พอไฟลดน้อยลงก็ปั่นใหม่ ไม่เหมือนเราขับเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องขึ้นลง ทำให้เปลืองน้ำมัน
ผิดอย่างไร โปรดชี้แนะครับ
-
ข้อดีคงเป็น
-แรงบิดดีเหมือน EV
-ไม่มีระบบเกียร์เหมือน EV
-วิ่งได้ไกล (ใช้แบตขนาดเล็กกว่า nissan leaf ที่เป็น EV 1/20 เท่า แต่วิ่งได้ไกลกว่า) ไม่รู้ไกลเท่า prius มั้ย
-note e-power ประหยัดน้ำมัน 30 กม./ลิตร (สู้พวก plug-in hybrid ไม่ได้ แต่สำหรับคนไม่ชอบเสียบปลั้กก็ถือว่าประหยัดกว่าพวกไฮบริดธรรมดา)
--ระบบไม่ซับซ้อน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบไฮบริดทั่วไป แรงบิด/ความเร็วจึงไม่ตก (prius ถ้าแบตหมดเหลือแต่เครื่องยนต์ทำงาน แรงบิดจะน้อยลง ความเร็วลดลง แต่ hybrid ที่เครื่องยนต์ไปปั่นไฟเวลาแบตเหลือน้อยก็มี แบตจึงไม่หมด ความเร็วก็ไม่ตก)
-
น่าสนใจมากๆ
-
รู้แค่เครื่อง 1.2 ลิตร สามสูบ เซ็ตให้รอบในการปั่นไฟอยู่ที่ 2500 รอบ
ปล. หลักๆเหมือนจะเทียบกับ prius ไม่รู้ประหยัดกว่าเพราะเครื่องเล็กกว่า นน.น้อยกว่าด้วยมั้ย หรือเพราะการขับขี่ prius ถ้าขับด้วยเครื่องยนต์ความเร็วไม่คงที่ มีเร่งแซง ก็กินกว่า
-
:)
มันต้องมีข้อดีและข้อเสียที่พอจะเปรียบเทียบกันไปได้แหละครับ
ระหว่าง E-power กับ Hybrid
ไม่งั้นหัวลากรถไฟใหม่ๆ หรือพวกเรือสำราญใหญ่ๆ เครื่อวงจักรในเหมือง
เค้าก็ไม่ได้เอาเครื่องยนต์สันดาบไปขับเคลื่อนโดยตรงกันแล้วน้ะ
จะเทียบแต่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างเดียวคงไม่ครอบคลุม
ทั้งต้นทุนการผลิต ค่าอะไหล่ การซ่อมบำรุง น่าจะต้องเอาเข้ามาร่วมด้วยน้ะครับ
ไม่ต้องมีเกียร์ ไม่ต้องมีพวกระบบตัดต่อกำลังระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
ไม่ต้องบาล้านรอบของเครื่องกับมอเตอร์ให้เท่ากัน มันตัดอะไรหลายๆอย่างไปเยอะน้ะครับ
-
จากไม่สนใจเริ่มสนใจแล้วซิ คิดเล่นๆออกตัวแรงบิดสูงสุดมาเลย หรือเวลามุดกดเป็นมาแค่ดิดก็เริ่มสนุกแล้ว ถ้ามาในไทยคงต้องลองซื้อมาสักคันแน่ๆ ถ้าราคาไม่แรงนะ
-
ผมว่าลองเทียบ Hybrid อย่าง prius ดูน่าจะประมาณนี้
E-power ที่มีดีกว่า Hybrid อย่าง prius
-ราคาถูก กว่า
-ระบบไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย ไม่มีเกียร์
-ค่าบำรุงรักษาต่ำ กว่า hybrid
-ไม่เสียพื้นที่เก็บของและห้องโดยสาร เพราะออกแบบให้เก็บแบตกับมอเตอร์ไว้ในห้องเครื่องหมด
Prius มีดีกว่า E-power แค่ ไม่กี่อย่างแต่ก็เป็นเรื่องประเด็นหลักของรถยนต์
-ประหยัดกว่า
-แรงกว่า
จริงๆ ผมว่าถ้าเอาเครื่องมาปั่นไฟฟ้าให้มอเตอร์ มันเหมาะกับอะไรที่ต้องใช้แรงบิดเยอะๆ อย่างรถไฟ เรือเดินสมุทร ที่ใช้ระบบนี้อยู่แล้ว
มากกว่าเอามาใช้ในรถขนาดเล็กๆ อย่างนี้
-
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xq8-dUhrm3s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
ผมดูจากคลิปนี้ที่ ญี่ปุ่นทดสอบมา e-power ก็ไม่ได้เด่นเกินหน้าเกินตาเท่าไรนี้ครับ
เท่าที่ผมพยายาม แปลจาก google
ตารางที่สรุปมา เป็นการวัดอัตราสิ้นเปลือง km/l แรงตามนี้
Toyota · Vitz Hybrid, (1.5 เบนซิน 74แรงม้า + มอเตอร์ 45แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 34.4 km/l
Nissan note e-POWER (1.2 เบนซิน 79แรงม้า + มอเตอร์ 80แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 34.0 km/l
Honda · Fit Hybrid S package (1.5 เบนซิน 81แรงม้า + มอเตอร์ 22แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 31.4 km/l
Mazda · Demio XD Touring L package (1.5 ดีเซล 105แรงม้า), อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 26.4 km/l
Suzuki · Swift 1.0L RSt 2WD 6AT (เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 3 สูบ 102แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 20.0 km/l
Suzuki · 1.2L Hybrid RS น่าจะขับ2WD CVT (1.2 เบนซิน 91แรงม้า+ มอเตอร์ 2.3แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 27.4 km/l
ตารางต่อมาเป็น วัดอัตราสิ้นเปลืองหน่วยเป็น km/l ที่ทาง web car ทดลองขับ
ขับเร็ว(น่าจะคงที่) ระยะทาง 654.2km ขับ ปรกติ233.7km ขับ ปรกติผสมเร่งรีบ 588.7km รวมระยะทางแล้วประมาณ 1500 km
Toyota · Vitz Hybrid 19.2 / 21.4 / 18.6
Nissan note e-POWER 16.0 / 22.3 / 14.8
Honda · Fit Hybrid 17.9 / 19.8 / 17.0
Mazda · Demio 1.5D 20.8 / 18.7 / 17.0
Suzuki · Swift 1.0L turbo 17.8 / 16.5 / 16.3
Suzuki · 1.2L Hybrid 16.4 / 16.0 / 16.3
ผมไม่แน่ใจว่า ทาง WEB CAR เจ้าของคลิปประกาศใครเป็นคนชนะ
ใครเก่ง ภาษาญี่ปุ่นช่วยทีครับ ผมก็แปลแบบ google มั่วๆเอาครับ
-
ผมว่าลองเทียบ Hybrid อย่าง prius ดูน่าจะประมาณนี้
E-power ที่มีดีกว่า Hybrid อย่าง prius
-ราคาถูก กว่า
-ระบบไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย ไม่มีเกียร์
-ค่าบำรุงรักษาต่ำ กว่า hybrid
-ไม่เสียพื้นที่เก็บของและห้องโดยสาร เพราะออกแบบให้เก็บแบตกับมอเตอร์ไว้ในห้องเครื่องหมด
Prius มีดีกว่า E-power แค่ ไม่กี่อย่างแต่ก็เป็นเรื่องประเด็นหลักของรถยนต์
-ประหยัดกว่า
-แรงกว่า
จริงๆ ผมว่าถ้าเอาเครื่องมาปั่นไฟฟ้าให้มอเตอร์ มันเหมาะกับอะไรที่ต้องใช้แรงบิดเยอะๆ อย่างรถไฟ เรือเดินสมุทร ที่ใช้ระบบนี้อยู่แล้ว
มากกว่าเอามาใช้ในรถขนาดเล็กๆ อย่างนี้
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xq8-dUhrm3s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
ผมดูจากคลิปนี้ที่ ญี่ปุ่นทดสอบมา e-power ก็ไม่ได้เด่นเกินหน้าเกินตาเท่าไรนี้ครับ
เท่าที่ผมพยายาม แปลจาก google
ตารางที่สรุปมา เป็นการวัดอัตราสิ้นเปลือง km/l แรงตามนี้
Toyota · Vitz Hybrid, (1.5 เบนซิน 74แรงม้า + มอเตอร์ 45แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 34.4 km/l
Nissan note e-POWER (1.2 เบนซิน 79แรงม้า + มอเตอร์ 80แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 34.0 km/l
Honda · Fit Hybrid S package (1.5 เบนซิน 81แรงม้า + มอเตอร์ 22แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 31.4 km/l
Mazda · Demio XD Touring L package (1.5 ดีเซล 105แรงม้า), อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 26.4 km/l
Suzuki · Swift 1.0L RSt 2WD 6AT (เบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 3 สูบ 102แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 20.0 km/l
Suzuki · 1.2L Hybrid RS น่าจะขับ2WD CVT (1.2 เบนซิน 91แรงม้า+ มอเตอร์ 2.3แรงม้า) อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 27.4 km/l
ตารางต่อมาเป็น วัดอัตราสิ้นเปลืองหน่วยเป็น km/l ที่ทาง web car ทดลองขับ
ขับเร็ว(น่าจะคงที่) ระยะทาง 654.2km ขับ ปรกติ233.7km ขับ ปรกติผสมเร่งรีบ 588.7km รวมระยะทางแล้วประมาณ 1500 km
Toyota · Vitz Hybrid 19.2 / 21.4 / 18.6
Nissan note e-POWER 16.0 / 22.3 / 14.8
Honda · Fit Hybrid 17.9 / 19.8 / 17.0
Mazda · Demio 1.5D 20.8 / 18.7 / 17.0
Suzuki · Swift 1.0L turbo 17.8 / 16.5 / 16.3
Suzuki · 1.2L Hybrid 16.4 / 16.0 / 16.3
ผมไม่แน่ใจว่า ทาง WEB CAR เจ้าของคลิปประกาศใครเป็นคนชนะ
ใครเก่ง ภาษาญี่ปุ่นช่วยทีครับ ผมก็แปลแบบ google มั่วๆเอาครับ
ในคลิป Note e-power วิศวกรเขาบอกว่าใส่ระบบนี้มา
เพื่อความสนุกในการขับครับ
ไม่มีใครเคยได้ขับ แต่ถ้าพูดแบบนี้ ผมจิ้นไว้ก่อนเลยว่า
การ setting คงให้อัตราเร่งที่มาจากแรงบิดสไตล์รถไฟฟ้าแบบ
จัดเต็ม Tesla ก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่ารถไฟฟ้านั้นก็ขับสนุกได้ แต่ Hybrid
ที่ทำตลาดมากว่า 10 ปี ไม่เคยทำให้คนมองว่ามันเป็นรถขับสนุกได้ ได้แค่
รถรักษ์โลก อัตราเร่งดีทันใจ และประหยัด แต่ไม่เคยมีคำว่าสนุก
ถ้ามองมุมนี้ วิศวกร Nissan น่าจะทำ Note e-power ให้ขับสนุกได้ (เท่าที่จะทำได้)
ดังนั้นเรื่องแรงตามตัวเลข 0-100 มันอาจจะตอบได้ไม่หมด ถ้าแรงบิดมันมาเต็มได้
ตลอด อัตราเร่งแซงดี มันไม่จำเป็นต้อง 0-100 เร็วกว่าคู่แข่งก็ได้ ก็ทั้งแบตและเครื่องยนต์
เล็กซะขนาดนี้
และการที่เอาระบบนี้มาใช้ในรถเล็ก ก็อาจจะยิ่งมันก็ได้นะครับ
Nissan บางทีชอบทำอะไรเว่อร์แบบหลุดโลกเหมือนกัน
เช่น Juke เครื่อง GTR (เหมือนทำเล่นเอามัน)
Note e-power นี่ก็เหมือนมีลูกบ้าดีเหมือนกัน เพราะญี่ปุ่นยังไม่พร้อมจะมีรถแบบ Tesla
ก็เอาน้ำมันนี่แหล่ะมาปั่นไฟฟ้าให้รถวิ่งซะเลย
-
ขอเสริมนิดนึงนะครับ E-Power ในนิสสัน Note ใช้ เอทานอล 100% นะครับ ไม่ได้ใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งถ้าใช้น้ำมันเบนซินก็จะให้ความประหยัดที่มากกว่านี้ ที่เค้าใช้เอทานอลเพราะต้องการลดการใช้น้ำมันและมลพิษที่น้อยกว่าน้ำมัน อันนี้คือแนวคิดในการพัฒนาครับ ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่เหมาะสมกับประเทศอื่นๆ ถ้าปรับสูตรมาใช้น้ำมันปกติ สมรรถนะและความประหยัดจะดีกว่านี้ครับ
ในเว็บ JP เขียนว่าเป็นน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วนะครับ
-
...
ในเว็บ JP เขียนว่าเป็นน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วนะครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ และขอโทษที่ไม่ได้ตรวจทานแหล่งที่มาของข้อมูลครับ ที่แท้จรืงเป็น e-Bio Ethanol Fuel cell EV ครับ
http://reports.nissan-global.com/EN/?p=17768
"We have a diverse range of EV-based technologies in our portfolio. In addition to 100% electric vehicles, these technologies include e-Power and fuel cell electric vehicles. Each new technology supplements the portfolio, but does not supplant other technologies, Mr. Barthes said.
While the Nissan Leaf is the world's best-selling EV, the Solid Oxide Fuel-Cell powered prototype vehicle has the potential to drive the EV market growth even further. The prototype of e-Bio Fuel-Cell, Nissans Solid Oxide Fuel-Cell powered vehicle runs on 100-percent ethanol to charge a 24kWh battery that enables a cruising range of more than 600kms.
In the future, the e-Bio Fuel-Cell will become even more user friendly, because Nissan is currently researching and developing the system that runs on both 100-percent ethanol or ethanol blended water. Ethanol-blended water is easier and safer to handle than most other fuels and without the need to create new infrastructure it has great potential.
-
แค่ตัวเลขระดับ >30 กม./ลิตร มันสูงมากอยู่แล้ว จะ e-power หรือ Prius มันก็ประหยัดทั้งนั้น
จริงๆแล้ว Hyundai Ioniq มันมีตัวเลขประหยัดกว่า Prius Prime อีก
แต่เรื่องความแรง/เร็ว ตัวเลข 0-100 ทั้งคู่มันก็คงอยู่ที่ระดับ 12+ วินาที เหมือนรถทั่วๆไปนั่นแหล่ะ
ถ้าเอาเร็วต้องไป Volt ครับ ตัวเลข 0-100 เห็นเลข 7+ วินาที
ทั้งนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าใน Volt มันตัวใหญ่และแรงกว่าพวก Prius หรือ e-power นัก
ถ้า Chevy จะเล่นตลาดเก๋งอีกครั้งในไทย ส่วนตัวเชียร์ให้เอา Volt มาเลย
เพราะ Infrastructure ด้าน Supercharger ยังมีน้อยในไทย
ระยะต่อไปก็ตามด้วย Bolt อันนี้จินตนาการไปเองน่ะครับ
-
คงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดนั่นแหละครับ ที่นิสสันเคลมเค้าเทียบกับ conventional hybrid ก็ไม่รู้ไฮบริดรุ่นเก่าที่ว่าหมายถึงอะไร บางเวบก็บอกความประหยัดพอๆกับไฮบริดแต่เด่นที่แรงบิดแบบรถ EV ทำให้ขับสนุก ไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร(เห็นบอกแบตวางใต้เบาะหน้า)
จากคลิปนี้ 0-100 ประมาณ 7 วินาที
https://m.youtube.com/watch?v=QSSQX-ahnl0
ในอนาคตก็คงพัฒนาต่อยอดกันไปได้อีก แบตก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วต้องดูเรื่องราคาเทียบกันด้วย ถึงประหยัดมากแต่ราคาสูงลิ่วก็ไม่ไหว
-
คงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดนั่นแหละครับ ที่นิสสันเคลมเค้าเทียบกับ conventional hybrid ก็ไม่รู้ไฮบริดรุ่นเก่าที่ว่าหมายถึงอะไร บางเวบก็บอกความประหยัดพอๆกับไฮบริดแต่เด่นที่แรงบิดแบบรถ EV ทำให้ขับสนุก ไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร(เห็นบอกแบตวางใต้เบาะหน้า)
จากคลิปนี้ 0-100 ประมาณ 7 วินาที
https://m.youtube.com/watch?v=QSSQX-ahnl0
ในอนาคตก็คงพัฒนาต่อยอดกันไปได้อีก แบตก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วต้องดูเรื่องราคาเทียบกันด้วย ถึงประหยัดมากแต่ราคาสูงลิ่วก็ไม่ไหว
ผมว่าฟอร์มมันไม่ธรรมดาเลย
แต่ตอนดูข่าวแรกๆ ยอมรับว่าไม่เก็ทว่ามันเจ๋งตรงไหน
แต่พอตามข่าวมาเรื่อยๆ เฮ้ย มันก็ดีนี่หว่า
-
คงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดนั่นแหละครับ ที่นิสสันเคลมเค้าเทียบกับ conventional hybrid ก็ไม่รู้ไฮบริดรุ่นเก่าที่ว่าหมายถึงอะไร บางเวบก็บอกความประหยัดพอๆกับไฮบริดแต่เด่นที่แรงบิดแบบรถ EV ทำให้ขับสนุก ไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร(เห็นบอกแบตวางใต้เบาะหน้า)
จากคลิปนี้ 0-100 ประมาณ 7 วินาที
สุดยอดครับ นึกว่าจะวิ่งอืดๆ เหมือน เครื่อง CVT เพราะกลัวแบตลูกเล็กๆ จะหมด
ถ้าราคาไม่แรงไป รุ่น top ไม่เกิน 750K ขายดีแน่ 7 วิ ตอนออกตัว
-
ประหยัดและอัตราเร่งขนาดนี้ แถมไม่ต้องกังวลเรื่องเกียร์พัง ไม่ต้องกังวลรอรอบแบบนี้ น่าสนมาก
ราคาที่ญี่ปุ่นเริ่มต้นห้าแสนกว่าบาท(ต่างกับ note เครื่อง 1.2 ประมาณแสนบาท)
-
ช่วงนี้มีข่าวดีๆเกี่ยวกับรถไฟฟ้า ออกมาเยอะมาก ตามดูด้วยความดีใจ
-
คงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดนั่นแหละครับ ที่นิสสันเคลมเค้าเทียบกับ conventional hybrid ก็ไม่รู้ไฮบริดรุ่นเก่าที่ว่าหมายถึงอะไร บางเวบก็บอกความประหยัดพอๆกับไฮบริดแต่เด่นที่แรงบิดแบบรถ EV ทำให้ขับสนุก ไม่รบกวนพื้นที่ห้องโดยสาร(เห็นบอกแบตวางใต้เบาะหน้า)
จากคลิปนี้ 0-100 ประมาณ 7 วินาที
สุดยอดครับ นึกว่าจะวิ่งอืดๆ เหมือน เครื่อง CVT เพราะกลัวแบตลูกเล็กๆ จะหมด
ถ้าราคาไม่แรงไป รุ่น top ไม่เกิน 750K ขายดีแน่ 7 วิ ตอนออกตัว
ประหยัดและอัตราเร่งขนาดนี้ แถมไม่ต้องกังวลเรื่องเกียร์พัง ไม่ต้องกังวลรอรอบแบบนี้ น่าสนมาก
ราคาที่ญี่ปุ่นเริ่มต้นห้าแสนกว่าบาท(ต่างกับ note เครื่อง 1.2 ประมาณแสนบาท)
อย่าลืมบูชคันเกียร์แตกด้วยครับ
ถ้าใช้เจ้า E-power ผมว่าเห้นข้อดีของมันละ
ไม่มีเกียร์ CVT ให้กวนใจ
ไม่มีคันเกียร์ บูชคันเกียร์ให้แตก
แต่มันยังมีแบตลูกเล็กนะครับ อยู่ด้านหลัง
ผมดูแล้วน่าจะของมาร์ช 65 amp Q85 แปลงใส่ลงได้ไม่น่ายาก
-
คลิปในยูทูปที่ว่ามันเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7 วินาที นั่นมันโพสตั้งแต่ปี 2013 ไม่ใช่โน๊ตที่เพิ่งขายเมื่อปลายปีที่แล้วน่ะครับ
มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 40 kw ของโน๊ต มันจะมาแรงพอๆกับ Volt ที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขนาด 110 kw ได้อย่างไรกัน?
Note E-Power มันมีแค่ 109 แรงม้า อัตราเร่งคงสิบกว่าวินาที ส่วนในคลิปอาจเป็นพวกรถต้นแบบหรือรถทดสอบอะไรซักอย่าง
พวกรถ Tesla Model S ใช้มอเตอร์ขนาด > 300 kw สองตัวขับสี่ล้อ มันวิ่งถึงร้อยกม./ชม. ในระดับ 3 วินาที
ขนาด Model 3 ยังบอกทำความเร็วที่ระดับ 6 วินาที ดังนั้นไม่น่าจะใช่ละที่ Note จะวิ่งได้ในตัวเลข 7 วินาที
ในญี่ปุ่น Note E-Power มันขายในราคาถูกกว่าพวก C-Segment ถ้ามันแรงได้ขนาดนี้ รุ่นอื่นไม่ต้องขายกันเลยทีเดียว
-
ตามนั้น ผมว่า 7 วินาทีคงไม่ใช่อยู่แล้วครับ
ในที่สุดเราก็กลับมาที่ตัวเลข (ที่หลายคนชอบพูดถึงกันอีก)
Note e-power 1.2 คงจะได้ตัวเร่ง 0-100 ราวๆ รถ 1.5 ทั่วไป
เพราะทุกอย่างก็ต้องว่าตามราคา ตาม segment
แต่การตอบสนองมันคงสนุกตามแบบฉบับรถไฟฟ้า คือไม่ต้องรอ
กับความประหยัดระดับรถ hybrid ที่ใครมากกว่าน้อยกว่าอาจจะแค่ประมาณนึง
ผมว่าราคาที่บวกขึ้นจากรถ B car ปกติ สัก 5 หมื่นถึงแสนถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ตามค่าเทคโนโลยี่ ผมอยากได้รถที่ทั้งขับมันและประหยัดมากๆ แบบนี้แหล่ะครับ
-
https://www.youtube.com/watch?v=GJRc96GIh10&t=108
ไม่ต้องเถียงกัน เอา MY2017 ไปดูครับ (เลื่อนไปนาทีที่ 1.48 เลยก็ได้)
อีกอย่าง คลิปข้างบนที่ว่า 0-100 7 วิ (ผมมองเป็น 8 วิแฮะ)
นั่นโพสต์ 20 ธันวาคม 2016 (2559) ค็อกพิทเหมือนกันเปี๊ยบกะคลิปผมเลยนะครับ
-
ผมเข้าใจว่าระบบนี้ จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่แรงบิดสูงสุดตลอดเวลาที่ปั่นไฟครับ ทำให้ประหยัดน้ำมัน
พอไฟพอก็หยุด พอไฟลดน้อยลงก็ปั่นใหม่ ไม่เหมือนเราขับเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องขึ้นลง ทำให้เปลืองน้ำมัน
ผิดอย่างไร โปรดชี้แนะครับ
เข้าใจถูกต้องแล้วครับ
แล้วแรงบิดของ Note ตัว e-power นี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ พอกับรถเครื่องยนต์ใหญ่ๆเลย หลังติดเบาะได้เลยครับ
-
ถ้ามาราคาเริ่มต้นไม่เกิน 630000 แล้วมาแต่งชุดแต่ง
nismo เพิ่มน่าจะจบ เอาจริงๆคับคันหนึง
-
https://www.youtube.com/watch?v=GJRc96GIh10&t=108
ไม่ต้องเถียงกัน เอา MY2017 ไปดูครับ (เลื่อนไปนาทีที่ 1.48 เลยก็ได้)
อีกอย่าง คลิปข้างบนที่ว่า 0-100 7 วิ (ผมมองเป็น 8 วิแฮะ)
นั่นโพสต์ 20 ธันวาคม 2016 (2559) ค็อกพิทเหมือนกันเปี๊ยบกะคลิปผมเลยนะครับ
แค่เร่ง 0-100 ได้ต่ำกว่า 10 วิ ผมว่ารถ Hybrid ก็มีค้อนแล้ว
ถ้าได้ต่ำกว่า 9 นี่มีเคือง
ต่ำกว่า 8 นี่...