Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: oatekung ที่ พฤษภาคม 25, 2017, 16:25:35
-
บางทีก็เอาเท้าออกจากแป้นเบรคนะครับ
คือส่วนตัวผมกลัวเหยียบเบรคอย่างเดียวแล้วเผลอไปทำอะไร เท้าหลุดแป้นเบรคแล้วมันจะไหลไปชนชาวบ้าน ก็เลยเบรคมือด้วย (ถ้าคันสเตปวากอนใช้ เบรคมือเท้า ถ้า คันเก๋ง gla อีกคันมี hold break ใช้ hold break แทน )
คือไปเม้นใน ไทยรัฐ มีแต่คนบอกว่าผิด และอันตรายมากสงสารเพื่อนร่วมทางอ่ะคับ
ส่วนตัวขับรถมา20ปี แต่ละคันวิ่งแสนกว่าโล เกียร์ไม่เคยพังเลย อุบัติเหตุจากการเข้าเกียร์ตามสี่แยกอันนี้ก็ไม่เคย ผมผิดหรือเปล่าคับนี่ :'(
-
ไม่ผิดหนิครับ ผมก็ทำแบบนี้ ยกเว้นติดนานๆ ก็เข้า N แล้วดึงเบรคมือ
-
ก็ถ้าสมมติ มีเหตุบังเอิญ ไปปลดเบรคมือ ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ก็อาจจะทำให้รถไหล ไปทิ่มตูดคันหน้าได้
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับใส่ D แล้วเหยียบเบรคเอง เผลอลืม ยกเท้าได้ หรือมีเหตุอื่นๆ ทำให้เท้าหลุดจากแป้นเบรคได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนตัวผม
ถ้าไฟแดงนาน 1 นาทีขึ้นไป ผมใส่ N + เบรคมือ
ถ้าไฟแดงน้อยว่า 1 นาที เท้าเหยียบเบรค ขณะ D และต้องมีสติ ไม่เผลอยกเท้า
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียเวลา ชิดซ้าย เรียกประกัน เจรจาคู่กรณี ใครสะดวกแบบไหน ก็ทำตามใจแบบนั้นครับ
-
ถ้าคาเกียร์ D แล้วดึงเบรคมือถือว่าผิดและอันตราย
-
ผมว่าถ้าไฟเขียวแล้วคุณจะเหยียบคันเร่งโดยลืมปลดเบรคมือมากกว่า
-
ถ้าคาเกียร์ D แล้วดึงเบรคมือถือว่าผิดและอันตราย
อันนี้ช่วยอธิบายนิดนึงครับ :-*
-
ถ้าคาเกียร์ D แล้วดึงเบรคมือถือว่าผิดและอันตราย
อันนี้ช่วยอธิบายนิดนึงครับ :-*
ถ้ามองในเชิงวิศวกร แบบผม
กำลังเครื่องยนต์ ที่ส่งผ่านมาขณะเกียร์ อยู่ตำแหน่ง D มันเป็น 1st cause
ส่วนเบรคมือ คือ 2nd safety
ถ้ามองในเชิง safety crisis plan management เราก็ต้องเลือกตัดปัญหาที่ต้นตอ 1st cause
เพราะเหตุบังเอิญ Unpredictable นั้นเกิดขึ้นได้ มีความน่าจะเป็น % สูง
เช่น เบรคมือทำงานผิดพลาดกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ manual หรือ ไฟฟ้า, เท้าคนขับเผลอเหยียบคันเร่งรุนแรง ในกรณีที่รถคันนั้นไม่มีระบบ Break override (เบรคชนะคันแร่ง) อาจจะทำให้แรงเบรค นั้นไม่พอเพียงต่อการหยุดแรงจากเครื่องยนต์
แต่ก่อนนั้นแหละครับ รถบางคันสมัยนี้มีระบบ Auto break hold โดยที่ทำงานตรงเกียร์ D ได้
-
ผมก็ทำแบบ จขกท. นะ โดยเฉพาะถ้าไม่รู้ว่ามันจะแดงอีกกี่วิ
คือถ้าหยุดปกติ แบบหยุด ไหล หยุด ไหล ผมไม่ดึงเบรกมือ แต่เบรกเท้าเอา
แต่ถ้าไฟแดงนี่ ปกติดึงเบรกมือ เหตุผลมีสองอย่างคือ 1. เมื่อยเท้า 2. ลดการแยงตาคันหลัง (รถผมไฟเบรกอยู่ระดับหลังคาทุกคัน กระบะด้วย ไฟเบรกดวงที่สามก็ตรงนั้นแหละ)
จะปลด N ต่อเมื่อเห็นนับถอยหลังข้างหน้าระดับ 1 นาทีขึ้น ครับ
-
ถ้าคาเกียร์ D แล้วดึงเบรคมือถือว่าผิดและอันตราย
อันนี้ช่วยอธิบายนิดนึงครับ :-*
ถ้ามองในเชิงวิศวกร แบบผม
กำลังเครื่องยนต์ ที่ส่งผ่านมาขณะเกียร์ อยู่ตำแหน่ง D มันเป็น 1st cause
ส่วนเบรคมือ คือ 2nd safety
ถ้ามองในเชิง safety crisis plan management เราก็ต้องเลือกตัดปัญหาที่ต้นตอ 1st cause
เพราะเหตุบังเอิญ Unpredictable นั้นเกิดขึ้นได้ มีความน่าจะเป็น % สูง
เช่น เบรคมือทำงานผิดพลาดกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ manual หรือ ไฟฟ้า, เท้าคนขับเผลอเหยียบคันเร่งรุนแรง ในกรณีที่รถคันนั้นไม่มีระบบ Break override (เบรคชนะคันแร่ง) อาจจะทำให้แรงเบรค นั้นไม่พอเพียงต่อการหยุดแรงจากเครื่องยนต์
แต่ก่อนนั้นแหละครับ รถบางคันสมัยนี้มีระบบ Auto break hold โดยที่ทำงานตรงเกียร์ D ได้
รถบางรุ่นอาจจะมองคำสั่งของผู้ขับผิดอีกด้วย ถ้าดึงเบรกมือ แต่ไม่เหยียบแป้นเบรก เพราะบางรุ่นเอาสัญญาณแป้นเบรกเข้าไปเป็นเงื่อนไขของ ECU ด้วยเนี่ยสิครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
-
ถ้าคาเกียร์ D แล้วดึงเบรคมือถือว่าผิดและอันตราย
อันนี้ช่วยอธิบายนิดนึงครับ :-*
ถ้ามองในเชิงวิศวกร แบบผม
กำลังเครื่องยนต์ ที่ส่งผ่านมาขณะเกียร์ อยู่ตำแหน่ง D มันเป็น 1st cause
ส่วนเบรคมือ คือ 2nd safety
ถ้ามองในเชิง safety crisis plan management เราก็ต้องเลือกตัดปัญหาที่ต้นตอ 1st cause
เพราะเหตุบังเอิญ Unpredictable นั้นเกิดขึ้นได้ มีความน่าจะเป็น % สูง
เช่น เบรคมือทำงานผิดพลาดกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ manual หรือ ไฟฟ้า, เท้าคนขับเผลอเหยียบคันเร่งรุนแรง ในกรณีที่รถคันนั้นไม่มีระบบ Break override (เบรคชนะคันแร่ง) อาจจะทำให้แรงเบรค นั้นไม่พอเพียงต่อการหยุดแรงจากเครื่องยนต์
แต่ก่อนนั้นแหละครับ รถบางคันสมัยนี้มีระบบ Auto break hold โดยที่ทำงานตรงเกียร์ D ได้
รถบางรุ่นอาจจะมองคำสั่งของผู้ขับผิดอีกด้วย ถ้าดึงเบรกมือ แต่ไม่เหยียบแป้นเบรก เพราะบางรุ่นเอาสัญญาณแป้นเบรกเข้าไปเป็นเงื่อนไขของ ECU ด้วยเนี่ยสิครับ
รุ่นไหนอ่ะครับ ถ้าเป็น gla250 นี่ ไฟแดงจะเหยียบเบรคลึก เป็น hold break พอไฟเขียวกดคันเร่งมันก็ปลดให้
หรือกด เบรคมือไฟฟ้า ใส่ D พอไฟเขียว กดคันเร่งมันก็ปลดเบรคมือให้อัติโนมัติเลยอ่ะครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
พ่อผมดันบอก เปลี่ยน d ไป n บ่อยๆจะเสียเร็วเลยชอบสั่งให้กดเบรคไว้แล้วรอเอา ถ้า 5 นาที ถึงเข้า n (5นาที !!! )
ส่วนตัวผมว่าเบรคมือมันปลอดภัยกว่ากดเบรคเองนะครับ คือมันไม่ลืมไม่เผลอไปปล่อยเบรคแน่ๆอ่ะคับ
-
ถ้าไม่นาน ผมก็เหยียบเบรคเอา
ถ้านานๆ ก็ ปลดว่าง + ดึงเบรคมือ
-
ผมก็ทำแบบ จขกท. นะ โดยเฉพาะถ้าไม่รู้ว่ามันจะแดงอีกกี่วิ
คือถ้าหยุดปกติ แบบหยุด ไหล หยุด ไหล ผมไม่ดึงเบรกมือ แต่เบรกเท้าเอา
แต่ถ้าไฟแดงนี่ ปกติดึงเบรกมือ เหตุผลมีสองอย่างคือ 1. เมื่อยเท้า 2. ลดการแยงตาคันหลัง (รถผมไฟเบรกอยู่ระดับหลังคาทุกคัน กระบะด้วย ไฟเบรกดวงที่สามก็ตรงนั้นแหละ)
จะปลด N ต่อเมื่อเห็นนับถอยหลังข้างหน้าระดับ 1 นาทีขึ้น ครับ
ผมก็ทำตามนี้ ทุกประการครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
-
เกียร์ D เครื่องยังคงมีแรงบิดส่งมาที่ระบบส่งกำลังอยู่ สังเกตจากปล่อยเบรคปุ๊บ รถก็เคลื่อนที่ไปได้โดยไม่ได้เเตะคันเร่งด้วยซ้ำ
พอไปเหยียบเบรคไว้ก็เป็นการไปต้านกำลังเครื่องไว้ เหมือนกับการไม่ให้รถไหลถอยหลังโดยการเตะคันเร่งเบาๆ/เลี้ยงคันเร่ง เพื่อไปต้านไม่ให้ไหลเเทนที่จะใช้เบรค
อาจทำให้เกียร์อาจจะทำงานหนัก น้ำมันเกียร์ร้อน เสื่อมสภาพไว ฯลฯ
สำหรับผม ถ้าติดไฟแดงไม่นาน เช่นตาม 4 แยกในเมืองเล็กๆต่างจังหวัด ประมาณ 40-60 วินาที ก็จะเหยียบเบรคไว้
ถ้าติดนานๆ เหมือนแยกแคราย รัชดา-ลาดพร้าว รัชโยธิน ประชานุกูล อโศก พระรามเก้า แยกนรกเหล่านี้จะใส่เกียร์ N เสมอครับ
-
คือผมก็เป็นคนนึงนะที่รถติดไม่เคยปลดเกียร์เลย เหยียบเบรคไว้ยกเว้นถ้าติดนานๆ เกียร์ไม่เคยพังเหมือน เหยียบเบรคแล้วใส่เบรคมือยิ่งดี
แต่ปัญหาคือพี่ยกเท้าออกจากเบรคด้วย อันนี้ผมว่าไม่safeเลยครับ ถ้าเผลอไปโดนคันเร่งหรือbreak holdขัดข้องมันอันตรายครับ
-
มีบทความนึงที่คุณ Jimmy เคยเขียนเอาไว้ในเรี่องเข้า N หรือ D เวลารถติดอะครับ ผมจําได้ว่า N ไป D หรือ D ไป N บ่อยๆ เกียร์พังเร็วกว่าเดิม 50 % เลยนะครับ ผมก็เลยเหยียบเบรกตลอดเลย
เเต่เข้าใส่เบรกมือเเต่เข้าเกียร์อยู่ไม่เคยทําอะครับ มันดูฉุดให้หน้าเชิด กลัวยางเเท่นเครี่องจะไปก่อนนะสิครับ (ไม่รู้เกี่ยวป่าว)
-
ที่แน่ๆบุทคันเกียร์ จะแตกเร็วแน่ๆถ้าเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ โดยเฉพาะ พี่โตทร่เป็นอบบขั้นบันได เจอกับตัวเองละเอียดเลย ต้องเปลี่ยนทั้งเส้นเลย
-
ประเด็นที่ยังคาใจ
-คำถามคือ เข้าเกียร์ D แล้วขึ้นเบรคมืออันตรายมั้ย
: กลไกเบรคมือกับเบรคเท้าต่างกัน เช่น เบรคเท้าเน้นหยุดรถจากการเคลื่อนที่ จะจับสี่ล้อโดยจับล้อหน้ามากกว่า ส่วนเบรคมือจะไว้ใช้เมื่อรถหยุดอาจจะจับที่เพลาหรือเฉพาะล้อหลัง
ดังนั้น การเข้าเกียร์ D แล้วขึ้นเบรคมือโดยไม่เหยียบเบรคเท้าจะมีผลเสียยังไงบ้าง...
ผมว่ามันอาจต้องใช้แรงเบรคมือมาก สลิงเบรคมืออาจเสื่อมง่าย หรือถ้าจับแค่ล้อหลังอาจไม่มากพอที่จะต้านแรงขับจากรอบเดินเบา โดยเฉพาะรถขับเคลื่อนล้อหน้า (จริงๆน่าจะต้านได้อยู่ถ้าดึงเยอะๆ)
แต่จขกท.เหยียบเบรคเท้าด้วย ขึ้นเบรคมือด้วยคงไม่เป็นไร แค่อย่าลืมปลดเกียร์ตอนออกตัว
- ส่วนเกียร์ N ไป D บ่อยๆจะสึกง่ายมั้ย อันนี้ไม่ชัวร์ บางคนก็มองว่าเหยียบเบรคตอนเกียร์ D ต้านรอบเดินเบานานๆมันจะสึกมากกว่า หรือถ้าเผลอยกเบรคเท้า(โดยเฉพาะโดนชนท้าย)แล้วรถพุ่งไปชนคันหน้าอันตรายกว่า เอาแค่ 30 วิก็พอ แล้วควรเปลี่ยนเป็น N...
สรุป ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบไหนดีสุด
ถ้าสำหรับผมรอรถ EV ไม่มีเกียร์ละกัน ตอนนี้ใช้ MT อยู่ครับ อิอิ
-
auto hold นี่เบรคกี่ล้อครับ ล้อหลัง หรือ ทั้งสี่ล้อ
-
auto hold แทนเบรคเท้า ก็เบรคสี่ล้อครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เป็นการใช้งานที่ผิดมหันต์เลยนะครับ โดยเฉพาะเข้า N ขณะรถวิ่งแล้วปล่อยไหลเนี่ย
พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมดีกว่าครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
แหะ แหะ
ผมตั้งแต่คันเก่าหละ โหมดคุณชายตอนเกือบจะหยุดผมปลด N รอทุกครั้งเบย ;D
เพราะเข้า D เวลาหยุดมันชะงัก ไม่ชอบเลยครับ ชอบแบบหยุดนิ่งแบบลอยๆสบายๆ
(อ่านจากหลายๆท่านแล้ว ผมคงเป็นคนขับรถใช้ N-D D-N
มากที่สุดในประเทศไทยคนนึงแน่ๆเลยครับ ฮา)
ผมก็ยังเห็นคันเก่าผมยังไม่เคยทำเกียร์เลยนะเนี่ย 20 ปีเต็มหละ
แต่ถ้าวิชาการว่ามาก็คงจะเก็บมาพิจณาดูอีกทีหละครับ :o
-
ค้าง D ก็ถูกแล้ว ยกเว้นหยุดนานๆครับ
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
แหะ แหะ
ผมตั้งแต่คันเก่าหละ โหมดคุณชายตอนเกือบจะหยุดผมปลด N รอทุกครั้งเบย ;D
เพราะเข้า D เวลาหยุดมันชะงัก ไม่ชอบเลยครับ ชอบแบบหยุดนิ่งแบบลอยๆสบายๆ
(อ่านจากหลายๆท่านแล้ว ผมคงเป็นคนขับรถใช้ N-D D-N
มากที่สุดในประเทศไทยคนนึงแน่ๆเลยครับ ฮา)
ผมก็ยังเห็นคันเก่าผมยังไม่เคยทำเกียร์เลยนะเนี่ย 20 ปีเต็มหละ
แต่ถ้าวิชาการว่ามาก็คงจะเก็บมาพิจณาดูอีกทีหละครับ :o
ยี่ห้อรุ่น อะไรครับ คนขับเฟียสต้าร้องไห้แล้ว ::)
-
ตั้งแต่ขับรถมา มากกว่า 20 ปี ใช้รถเกียร์ออโต้มาหลายคัน
รถติด ผมก็เข้า N เลย ไม่เคยเชื่อเรื่อง เข้า D เหยียบเบรคไว้ แล้วเกียร์จะทนกว่า
ผมก็ไม่เคยเจอเกียร์พังเลย
-
ความเร็วไม่เกิน 30-40 พอจะปลดเกียร์ N ปล่อยไหลได้อยู่ครับ แต่ความเร็วสูงกว่านั้นไม่ควร
เหมือนลากรถก็ใช้ความเร็วต่ำๆลาก แต่ระยะไม่เกินเท่าไหร่จำไม่ได้ละ (กรณีไม่ยกล้อที่ขับ)
-
ไม่ผิดหรอกครับ แต่คนที่เค้าบอกว่าคุณผิด รถเค้าไม่มีระบบ Hold Break รึเปล่า
อย่างรถผมเอง ก็เป็นรถธรรมดาๆอยู่ เลยเข้า N แล้วใส่เบรคมือ
-
พึ่งได้ฟังรายการคุณจิมมี่ เมื่อไหร่เราจะหลุดพ้นเรื่องตรงนี้ได้นะ ผมว่าเอาที่สบายใจเหอะ
ปล
รถที่มี brake hold ไฟฟ้า เกียร์จะคาอยู่ที่ตำแหน่งไหนครับ???
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
แหะ แหะ
ผมตั้งแต่คันเก่าหละ โหมดคุณชายตอนเกือบจะหยุดผมปลด N รอทุกครั้งเบย ;D
เพราะเข้า D เวลาหยุดมันชะงัก ไม่ชอบเลยครับ ชอบแบบหยุดนิ่งแบบลอยๆสบายๆ
(อ่านจากหลายๆท่านแล้ว ผมคงเป็นคนขับรถใช้ N-D D-N
มากที่สุดในประเทศไทยคนนึงแน่ๆเลยครับ ฮา)
ผมก็ยังเห็นคันเก่าผมยังไม่เคยทำเกียร์เลยนะเนี่ย 20 ปีเต็มหละ
แต่ถ้าวิชาการว่ามาก็คงจะเก็บมาพิจณาดูอีกทีหละครับ :o
ไอ้แก่ E30 AT ที่บ้านผมขับด้วยพฤติกรรมปล่อย N ไหลจนรถหยุดมา 20 ปี วิ่งเกือบ 3 แสน ยังไม่พัง
Camry ACV40 รถคุณแม่ผมใช้มาด้วยพฤติกรรมเดียวกัน วิ่งแสนกลางๆ ก็ยังปกติดี แกรักคันนี้มาก
ไม่ใช่แค่นี้นะครับ ยังจะมีพี่สาวผมแฟนผมอีก พฤติกรรมนี้ทั้งนั้นรถคันเก่า Tiida, CEDIA, M2 ตัวเก่า วิ่งทะลุแสนจนขายทิ้งก็ไม่เห็นมีเกียร์พังสักคัน
ส่วนระยะปล่อยไหล N ที่ว่าประมาณ 5 เมตรครับ ผมก็ปักใจเชื่อว่าไม่มีผลเสีย ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผิดหลัก?
-
พึ่งได้ฟังรายการคุณจิมมี่ เมื่อไหร่เราจะหลุดพ้นเรื่องตรงนี้ได้นะ ผมว่าเอาที่สบายใจเหอะ
ปล
รถที่มี brake hold ไฟฟ้า เกียร์จะคาอยู่ที่ตำแหน่งไหนครับ???
คาที่ D ครับ รอไฟเขียว แตะคันเร่งแล้วปลดล็อคเองเลย
-
ก็ถ้าสมมติ มีเหตุบังเอิญ ไปปลดเบรคมือ ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ก็อาจจะทำให้รถไหล ไปทิ่มตูดคันหน้าได้
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับใส่ D แล้วเหยียบเบรคเอง เผลอลืม ยกเท้าได้ หรือมีเหตุอื่นๆ ทำให้เท้าหลุดจากแป้นเบรคได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนตัวผม
ถ้าไฟแดงนาน 1 นาทีขึ้นไป ผมใส่ N + เบรคมือ
ถ้าไฟแดงน้อยว่า 1 นาที เท้าเหยียบเบรค ขณะ D และต้องมีสติ ไม่เผลอยกเท้า
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียเวลา ชิดซ้าย เรียกประกัน เจรจาคู่กรณี ใครสะดวกแบบไหน ก็ทำตามใจแบบนั้นครับ
ผมก็ทำตามนี้ครับ
เห็นบางคนเข้า P นี่คืองง มันเกียร์จอด ไม่ใช่หยุดรถชั่วคราวระหว่างขับขี่ เอ หรือผมเข้าใจผิดหว่า
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
แหะ แหะ
ผมตั้งแต่คันเก่าหละ โหมดคุณชายตอนเกือบจะหยุดผมปลด N รอทุกครั้งเบย ;D
เพราะเข้า D เวลาหยุดมันชะงัก ไม่ชอบเลยครับ ชอบแบบหยุดนิ่งแบบลอยๆสบายๆ
(อ่านจากหลายๆท่านแล้ว ผมคงเป็นคนขับรถใช้ N-D D-N
มากที่สุดในประเทศไทยคนนึงแน่ๆเลยครับ ฮา)
ผมก็ยังเห็นคันเก่าผมยังไม่เคยทำเกียร์เลยนะเนี่ย 20 ปีเต็มหละ
แต่ถ้าวิชาการว่ามาก็คงจะเก็บมาพิจณาดูอีกทีหละครับ :o
ไอ้แก่ E30 AT ที่บ้านผมขับด้วยพฤติกรรมปล่อย N ไหลจนรถหยุดมา 20 ปี วิ่งเกือบ 3 แสน ยังไม่พัง
Camry ACV40 รถคุณแม่ผมใช้มาด้วยพฤติกรรมเดียวกัน วิ่งแสนกลางๆ ก็ยังปกติดี แกรักคันนี้มาก
ไม่ใช่แค่นี้นะครับ ยังจะมีพี่สาวผมแฟนผมอีก พฤติกรรมนี้ทั้งนั้นรถคันเก่า Tiida, CEDIA, M2 ตัวเก่า วิ่งทะลุแสนจนขายทิ้งก็ไม่เห็นมีเกียร์พังสักคัน
ส่วนระยะปล่อยไหล N ที่ว่าประมาณ 5 เมตรครับ ผมก็ปักใจเชื่อว่าไม่มีผลเสีย ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผิดหลัก?
จริงๆ เกียร์มันก็เสียยาก เหมือนกันนะครับ รุ่นเก่าๆ นี่ ระดับแสนโล เจอเสียนีหายากแหะ
แต่สมัยใหม่เห็นแอบเสียบ่อยครับ -_-
-
ก็ถ้าสมมติ มีเหตุบังเอิญ ไปปลดเบรคมือ ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ก็อาจจะทำให้รถไหล ไปทิ่มตูดคันหน้าได้
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับใส่ D แล้วเหยียบเบรคเอง เผลอลืม ยกเท้าได้ หรือมีเหตุอื่นๆ ทำให้เท้าหลุดจากแป้นเบรคได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนตัวผม
ถ้าไฟแดงนาน 1 นาทีขึ้นไป ผมใส่ N + เบรคมือ
ถ้าไฟแดงน้อยว่า 1 นาที เท้าเหยียบเบรค ขณะ D และต้องมีสติ ไม่เผลอยกเท้า
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียเวลา ชิดซ้าย เรียกประกัน เจรจาคู่กรณี ใครสะดวกแบบไหน ก็ทำตามใจแบบนั้นครับ
ผมก็ทำตามนี้ครับ
เห็นบางคนเข้า P นี่คืองง มันเกียร์จอด ไม่ใช่หยุดรถชั่วคราวระหว่างขับขี่ เอ หรือผมเข้าใจผิดหว่า
P ผิดแน่นอนครับ บางรุ่นมันปลดล็อคประตู พาลจะโดนโจรเข้ามานั่งเอาอ่ะ :'(
-
แสดงว่าคาไว้เกียร์ D แล้วเหยียบเบรคแช่นานๆก็ได้ ไม่ต้องกลัวเกียร์พัง (รถมี brake hold ก็ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเป็น N ถ้าติดนานๆ)
ถ้าไม่มี brake hold จะเปลี่ยนเป็น N ยกเบรคมือก็ได้ ถ้าเมื่อยขา ไม่ต้องกลัวเปลี่ยน N-D บ่อยๆแล้วจะพัง
ผมว่ามันก็ไม่น่าพังกันง่ายๆเพราะเปลี่ยนเกียร์บ่อยนะ คงมีสาเหตุอื่นเรื่องบูชเกียร์พัง
-
ก็ถ้าสมมติ มีเหตุบังเอิญ ไปปลดเบรคมือ ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ก็อาจจะทำให้รถไหล ไปทิ่มตูดคันหน้าได้
ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับใส่ D แล้วเหยียบเบรคเอง เผลอลืม ยกเท้าได้ หรือมีเหตุอื่นๆ ทำให้เท้าหลุดจากแป้นเบรคได้ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนตัวผม
ถ้าไฟแดงนาน 1 นาทีขึ้นไป ผมใส่ N + เบรคมือ
ถ้าไฟแดงน้อยว่า 1 นาที เท้าเหยียบเบรค ขณะ D และต้องมีสติ ไม่เผลอยกเท้า
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเสียเวลา ชิดซ้าย เรียกประกัน เจรจาคู่กรณี ใครสะดวกแบบไหน ก็ทำตามใจแบบนั้นครับ
+1 ทำแบบนี้เหมือนกัน ไม่เคยใส่ D พร้อมเบรคมือ
-
ไม่ผิดอ่ะครับ แต่ผมไม่เคยทำ
ส่วนตัวถ้าเกินนาทีครึ่ง N เบรกมือ
ถ้าต่ำกว่านั้น D เหยียบเบรก
-
ส่วนตัวผมนะ
ติดแป๊บเดียว ค้างที่ D แล้วเหยียบเบรก
ติดนานๆ เปลี่ยนไป N แล้วดึงเบรกมือ
-
ตั้งแต่ขับรถมา มากกว่า 20 ปี ใช้รถเกียร์ออโต้มาหลายคัน
รถติด ผมก็เข้า N เลย ไม่เคยเชื่อเรื่อง เข้า D เหยียบเบรคไว้ แล้วเกียร์จะทนกว่า
ผมก็ไม่เคยเจอเกียร์พังเลย
แรกๆผมก็เชื่อครับ หลังๆไม่เท่าไหร่แล้ว
ผมคิดว่าเหมือนๆกับคนที่บอกว่าเหยียบเบรคปล่อยแล้วปั๊มครัทช์พัง หมอลมเบรครั่ว คือจริงๆบางรุ่นมันจะพังอยู่แล้ว พอใช้ปกติมันก็พังแล้วก็เอามาสรุปว่าใช้บ่อยไม่ดี
ในคู่มือ all new dmax บอกว่า เวลาจอดติดไฟแดงควรปลดเกียร์มาที่ N เพื่อประหยัดน้ำมัน ไม่มีตรงไหนเขียนว่ามันจะพังง่ายเลย ผมว่าเป็นคู่มือที่หายากเล่มนึงที่เขียนตรงๆพร้อมเหตุผล ปกติคู่มือรถหลายๆยี่ห้อเขียนลวกมาก
-
ถ้าถึงขนาดดึงเบรกมือ แปลว่าคุณคิดแล้วว่ารถมีโอกาสที่จะไหลคุณเลยดึง ถ้าอย่างนี้คุณก็เข้า N แล้วดึงเบรกมือไปเลย
NไปD DไปN ถ้าไม่ได้ทำบ่อยๆมันไม่พังหลอกครับ
-
แล้ว brake holdละครับทำงานยังไง
ตอนแรกเข้าใจว่าพอเหยียบเบรคสุด ระบบจะสั่งให้เบรคมือไฟฟ้าทำงานเองแล้วจะปล่อยเมื่อกดคันเร่ง
-
เพิ่งรู้ว่าไม่เป็นอะไร ผมติดไฟแดงหรือเจอรถติดจะเข้า N ตลอด (ที่บ้านสอนมางี้ ติดเป็นนิสัยกันทั้งบ้าน) ถ้ามันนานก็เหยียบเบรคมือ บางทีก็เข้า N รอแต่ไกลเลยปล่อยรถไหลมาถึงจุดที่ติดแล้วเบรคเอา
คิดมาตลอดเวลาเข้า D แล้วเบรคค้างนานๆไม่ดีกับเกียร์ นี่ไม่จริงใช่มั้ยครับ
เพื่อเป็นการดูแลรักษาระบบเกียร์อัตโนมัติให้คงทนอยู่ได้นานๆ Sanook! Auto ขอแนะนำ 5 พฤติกรรมต้องห้ามสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ จะมีอะไรบ้าง?
1. ปล่อยไหลใช้เกียร์ N
หลายคนที่เคยขับเกียร์ธรรมดามาก่อน อาจเคยชินกับการเข้าเกียร์ว่าง (N) แล้วปล่อยให้รถไหลจนกระทั่งหยุดนิ่ง แต่สำหรับเกียร์อัตโนมัติแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์! เนื่องจากชุดเกียร์ประกอบไปด้วยฟันเฟืองที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา จำเป็นต้องใช้น้ำมันเกียร์ในการหล่อลื่น แต่เมื่อผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่ง N จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่วนขึ้นมาหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติ และอาจทำให้ฟันเฟืองต่างๆเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
2. ติดไฟแดงเข้าเกียร์ P
ตำแหน่งเกียร์ P นั้น ควรใช้ขณะจอดรถหยุดนิ่งเพื่อลงจากรถ ไม่ควรเข้าเกียร์ P ขณะที่ติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีการจราจรไปมา เนื่องจากการใส่เกียร์ P จะทำให้สลักล็อคในชุดเกียร์ทำงาน เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุถูกชนท้ายขึ้นมา อาจทำให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์ได้ แถมยังทำให้ความเสียหายจากการชนรุนแรงขึ้นด้วย
อีกทั้งรถบางรุ่นจะปลดล็อคประตูทันทีเมื่อเข้าเกียร์ P อาจทำให้เกิดอันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้อีกต่างหาก
3. เร่งเครื่องแล้วตบเกียร์ D
หลายคนอยากเร่งออกตัวด้วยความรวดเร็วทันใจ จึงใช้วิธีเร่งเครื่องยนต์ก่อน แล้วจึงใส่เกียร์เดินหน้า (D) เพื่อให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ชุดเกียร์และเพลาขับเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว
4. ลากรถแบบล้อหมุน
การลากรถเกียร์อัตโนมัติ จำเป็นต้องยกล้อขับเคลื่อนขึ้นไม่ให้มีการหมุน เช่น หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ต้องยกล้อหน้าขึ้นเหนือพื้น ปล่อยหมุนได้เฉพาะล้อคู่หลังเท่านั้น เนื่องจากการลากรถส่วนมากมักไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ จะทำให้ปั๊มน้ำมันเกียร์ไม่ทำงาน ส่งผลให้ชุดเฟืองภายในห้องเกียร์เกิดการเสียดสีรุนแรง และทำให้ความร้อนสูง ซึ่งหากลากเป็นระยะทางยาวๆ รับรองเกียร์กลับบ้านเก่าแน่นอน
แต่หากมีความจำเป็นต้องลากจริงๆ ก็ควรใช้ความเร็วในน้อยที่สุดราว 20-30 กม./ชม. เพื่อไปยังอู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ หากเป็นการเข็นรถที่จอดขวางในที่จอดรถถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการเข็นด้วยระยะทางสั้นๆเท่านั้น
5.คิกดาวน์บ่อย ถอยอายุเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบคิกดาวน์สำหรับการเร่งแซง โดยการกดคันเร่งให้มีน้ำหนักมากขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดต่ำลง เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ให้รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หากคิกดาวน์กันบ่อยๆ ชุดเกียร์ต้องคอยรองรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใดอยู่เสมอ ส่งผลให้อายุการใช้งานชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์สั้นลงนั่นเอง
ห็นด้วยตามนี้ครับ
เรื่องเกียร์ออโต้ จะใส่คาที่เกียร์ D, เกียร์ N นี่เถียงกันมานาน
ยังหาข้อมูลยืนยันทางวิชาการจริงๆไม่ได้
ไม่มีข้อมูลวิจัยเก็บสถิติว่าวิธีไหน ทำให้เกียร์ทนทานกว่ากัน(ต้องใช้เงินทุนทำวิจัย)
อาจเป็นเพราะฝรั่งนิยมใช้เกียร์ออโต้น้อยกว่าแถวบ้านเรา
การจราจรก็ไม่ได้มีรถติดมากมาย
และอายุการใช้งานรถโดยทั่วไปไม่ได้ลากยาวเท่า
แล้วก็มีกำหนดอายุใช้งานเกียร์ออโต้ไว้แล้ว เช่น 240,000 กิโล
(แถมไม่ได้แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์อีกด้วย)
ดังนั้นถ้ารถส่วนใหญ่บ้านเขาสามารถวิ่งได้ถึงอายุเกียร์ที่กำหนด แล้วใครจะไปสนใจกับการวิจัยรวบรวมสถิติ
สำหรับส่วนตัวก็ใช้เกียร์ออโต้มาตลอด
ความคิดเรื่องติดไฟแดงคาเกียร์D,N สำหรับตัวผมในปัจจุบันถือเรื่องนี้ว่า...มีสาระน้อย
อาจจะไม่แตกต่างกันมากนักสำหรับอายุการใช้งานของรถในคนใช้งานทั่วไป (ระยะหนึ่งก็เปลี่ยนคันใหม่)
ข้อมูลที่แต่ละฝ่ายนำมาบอกกันก็น้อยเกินไป ไม่น่าจะมีนัยยะทางสถิติ
แล้วปัจจัยตัวแปรอื่นที่ทำให้เกียร์พังก็มีได้หลายสาเหตุ
ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีใครรู้จริงฟันธงว่าเกียร์รถที่ตัวเองใช้พังเพราะสาเหตุอะไร
เอาเป็นว่าการปฎิบัติตามแนวทางแนะนำข้างบนก็น่าจะพอเพียงแล้ว
แต่ถ้าเน้นเรื่องความปลอดภัย การเข้าเกียร์D-ใส่เบรกมือ ก็อาจถือว่าไม่ปลอดภัยนัก
ประสิทธิภาพเบรกมือใช้แค่แรงดึงสายสลิงดึงผ้าเบรกแนบกับจานเบรก จะสู้เบรกเท้าที่ใช้แรงกดแบบไฮโดรลิกไม่ได้เลย
โดยเฉพาะขณะมีกำลังจากเกียร์คาอยู่เช่นนี้
ส่วนระบบเบรกรถยนต์รุ่นใหม่ๆนั้น ระบบอิเลคโทรนิคเข้ามามีบทบาทกับตำแหน่งเกียร์
เมื่อเหยียบเบรกที่(ก้านคันเกียร์อยู่ที่)Dและรถหยุดนิ่ง ระบบภายในเกียร์จะเปลี่ยนเป็นเกียร์N ที่รอบเดินเบา
ที่เรียกกันว่า Neutral Idle
ฺBrake hold ก็น่าจะใช้หลักเดียวกัน(แต่ใส่การเบรกให้ด้วย) เมื่อเหยียบคันเร่งก็จะกลายมาเป็นเกียร์Dดังเดิม
-
ขอถามหน่อยครับ รถผม vios 2003 ถ้าจอดแล้วใส่ D รถสั่น ต้องเปลี่ยน N ตลอด เป็นเพราะอะไรครับ
-
d มีแรงดันน้ำมันเกียร์ ส่งไปผ้าคลัชแบบเปิดก็อกน้ำแรงสุด
เหยียบเบรคไม่เข้า n เหมือนกับเอานิ้วไปปิดปลายก็อก ไขก็อกปิดแก้ตรงจุดกว่า
เข้า n บ่อยๆแล้วพัง รถเมล์ แท็กซี่คงพังไปนานแล้ว วิศวกรออกแบบคำนึงเรื่องนี้ เพราะรถติดทุกประเทศ
ทำไมคันโยกแบบกดปุ่มถึงโยกระหว่าง d กับ n ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มแต่พอไป 3 ต้องกด
ทำไมเวลาเข้าเกียร์ผิด รถดับกลางอากาศถึงเข้า n ได้ ทำไม่ให้เข้า d แล้วติดเครื่อง
ถ้าการเข้า n ทำให้เกียร์พังแล้วจะทำมาทำไม โรงงานเกียร์โดนฟ้องเจ๊งไปแล้ว
น้ำมันเกียร์เก่า ขับกระชาก น้ำมันเกียร์ร้อนเกิน น้ำรั่วเข้าเกียร์ นี้เป็นสาเหตุให้เกียร์ออโต้พังไว
สมัยก่อนออโต้ 3 จังหวะ ของเมกันรับประกันผ้าคลัชตลอดชีพ 20ปี ผ้าไม่หมดถ้าน้ำมันเกียร์ไม่เน่า
ลูกทอร์คไม่ต้องผ่า รถลอยตัวไม่ซดมาก แต่ติดหนักนึกว่าถั่งรั่ว เกียร์1 กินแรงมาก
การเข้า n จึงลดแรงดันเกียร์มายังชุดผ้าคลัช ต่อให้น้ำมันเกียร์รั่วผ้าคลัชไม่ไหม้ เพราะไม่ได้เสียดสีกัน
แต่ถ้าเข้า d น้ำมันเกียร์รั่วผ้าคลัชไหม้แน่ เพราะแรงดันส่งต่อเนื่อง จนกว่าน้ำมันจะหมดระบบถึงไม่เสียดสีกัน
ป่านั้นวงจรไฟฟ้า สมองเกียร์จะเหลืออะไร เหล็กกระทบเหล็ก ถ้าหาของเก่ามาเปลี่ยนไม่ได้ ฟิตเครื่องใหม่ยังถูกกว่า
คนนิยมเข้า d เหยียบเบรกเวลารถไหลช้าๆ
บางยี่ห้อเลยออกแบบวงจรให้เหยียบเบรกแต่เข้า d จะกลายเป็น n แต่เบรคทำงานตามเท้าอยู่
เพราะการเข้า d นานๆแต่ไม่ให้รถไปจะทำให้วงจรเกียร์เครียด โดยเฉพาะโซลินอยด์เกียร์แบบพลาสติกในรถรุ่นใหม่
สปริงอ่อน ลูกปืนเปิดปิดรางน้ำมันเกียร์ ในชุดสมองเกียร์ ยิ่งไม่มีออยเกียร์ ปิดใต้ท้องหมด น้ำมันเกียร์ไม่ถ่าย
นานไปรู้เอง หรือลุยน้ำถึงอ่างเกียร์หลายปีไม่เคยถ่ายแบบเปิดอ่าง พวกฟลัชนี้ตัวดีแรงดันในนั้น
ไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้น แล้วตะกอนออกแบบให้ลงที่อ่างแต่กลับให้วนทั้งระบบ อย่างนั้นเข้าเกียร์เดินเบา
แล้วถ่ายไม่ดีกว่าหรือ กรองเกียร์เป็นตัวรับเศษ ไม่ใช่รูออก ดูที่อ่างก็ได้แอ่งท้ายไม่เหมือนกันซักยี่ห้อ
ยิ่งพวกดรายซับ ทำผิดปั้มพัง ที่บอกว่าไม่มีน้ำมันหล่อ ยี่ห้ออะไร แบบไหน ลูกทอร์ค cvt คลัชคู่ เอาสักอย่าง
แล้วเกียร์ทุกลูกต้องมีท่อหายใจ อยู่ต่ำน้ำเข้าพังมาเยอะแล้ว บางตัวท่อเล็กไป ร้อนง่าย พังเร็ว แก้ไม่หาย
เพราะออกแบบเพื่อเมืองหนาว เมืองร้อนต้องเปลี่ยนเป็นลูกอื่นถึงรอด
การใช้เบรกมือ มาห้าม d ผิดทางกฎหมาย ผิดในการขับรถด้วย เพราะคนขับประมาทห้ามล้อแค่2 จาก4
สมัยก่อนหน้าห่วง โดนฟ้องที่เมกา คนขับว่า ขับอยู่ดีๆพอเหยียบเบรก รถพุ่งเตลิดไปข้างหน้า
พอไปพิสูจน์ที่ศาล ปรากฏว่า รถเหยีบเบรคก่อน แล้วเข้า d ปรากฏรถไม่ขยับ ต่อให้เร่งเครื่องรถก็เคลื่อนตัวยากมาก
ศาลให้หน้าห่วงชนะ แต่คนหมั่นไส้ทำให้ยอดขายตก
การใช้เบรกมือ มาห้าม d ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา คนขับผิดแน่นอน แถไม่ออก ยิ่งมีกล้องดิ้นไม่หลุด
จะโทษบ.รถ งานนี้อาจโดนฟ้องจากผู้เสียหาย และบ.รถ ฐานหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง
-
คือผมก็เป็นคนนึงนะที่รถติดไม่เคยปลดเกียร์เลย เหยียบเบรคไว้ยกเว้นถ้าติดนานๆ เกียร์ไม่เคยพังเหมือน เหยียบเบรคแล้วใส่เบรคมือยิ่งดี
แต่ปัญหาคือพี่ยกเท้าออกจากเบรคด้วย อันนี้ผมว่าไม่safeเลยครับ ถ้าเผลอไปโดนคันเร่งหรือbreak holdขัดข้องมันอันตรายครับ
ถ้าเราดึงเบรคมือจนสุด เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งพอประมาณ เบรคมันจะหน่วงรถไว้มากเลยนะครับ
โอกาสที่จะพุ่งไปชนท้ายรถข้างหน้า มีน้อยมาก
ไม่ต้องเชื่อที่ผมพูดก็ได้ ทดลองด้วยตัวเอง ลองหาที่โล่งๆ ดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบคันเร่งดูครับ
ส่วนเรื่องการผิดพลาดของคนควบคุมรถนั้น ไม่ว่าจะเกิดในกรณีอะไร ก็อันตรายต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางทั้งนั้นครับ
อย่างข่าวรถเกียร์ออโต้ เข้าเกียร์ผิด ตกลงมาจากลาดจอดรถนั่นแหละครับ
-
ขอถามหน่อยครับ รถผม vios 2003 ถ้าจอดแล้วใส่ D รถสั่น ต้องเปลี่ยน N ตลอด เป็นเพราะอะไรครับ
ทดสอบ ปิดแอร์ ดูก่อนครับ ว่ายังสั่นไหม
-
ถ้าเบรคมือ หมายความว่าผมเข้า N เท่านั้นครับ
ถ้า D อยู่ แค่เหยียบเบรคธรรมดาพอครับ
-
รบกวนทุกท่าน โปรดอ่าน
1. ในรถทุกคันเนี่ยะไม่ว่าจะเกียออโต้หรือแมนนวล. คุณต้องเบรกมือ แล้วเข้าเกียร์ N. เมื่อไฟแดง หรือเมื่อทางม้าลาย หรือที่ๆมีคนเดินผ่าน ยกเว้นว่า. มัน"แป๊บเดียว". 10วิไรงี้ ยังไม่ทันดุงเบรกมือก้อจะขับแล้วไรงั้
2. ในรถพวกเกียดูอัลครัช ที่ออโต้โฮลเนี่ยะ. เรา. ไม่ต้องเลือก N เพราะมันเข้าให้
มันมีอยุ่2สาเหตที่ ไม่ควรใช้เบรกเท้าในกรณีนี้
1.เกิดอุบัติเหตุง่าย. เช่นเท้าลื่น. ตะคริวกิน. ถุกหวยดีใจปล่อยเบรก
2.เปลืองน่ำมันครับ วัดง่ายกว่าเกียจะลดอายุกี่วันกี่ชั่วโมง
แถม.. เบรกมือเกิดมาเพื่ออะไรทราบมั้ย เพื่อสิ่งที่เถียงๆกันนี่แหละ
-
โอ้ว ทำแบบนี้เกียร์ก้มีแต่พังกับพังสิคับ เพราะตอนที่เข้าเกียร์ D อยู่ เครื่องยนต์มันก้ทำงานอยุ่เพราะมันก้จะคอยขับเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วคุณไปกดเบรกมือห้ามไว้ มันก้ฝืนกลไกเครื่องยนต์สิฮะ ตรรกะง่ายๆแบบนี้ ผมว่าใครๆก้คิดได้นะ
-
ของผม
อยู่เกียร์ D ผมกดเบรค อย่างเดี่ยว
รถติดนานเกิน 60 วินาที เข้าเกียร์ N ดึงเบรคมือ ครับ