Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ มิถุนายน 07, 2017, 13:04:27
-
สมมติโบลูกเดิม ไม่แปรผัน จูนเน้นแรงม้า ไม่เน้นแรงบิด มีหลักการอย่างไรครับ พอดีสงสัย
-
แรงม้า หรือ แรงบิด มันคือตัวเดียวกันนั่นละครับ
Power ( แรงม้า ) = รอบต่อนาที X แรงบิด X 0.001376
ปกติ รถบอกแรงม้า สูงสุด ที่ รอบๆ หนึ่ง แต่ เราขับกันไม่ถึงหรอก
การจะเพิ่ม แรงม้า ไม่เพิ่ม แรงบิด ก็แค่ ปลดล๊อดรอบ สูง
สิ่ง ที่ ทำให้รถ เราทะยาน ออกไปคือแรงบิด ครับ การที่มีแรงบิดสูงๆ ที่ รอบสูงๆ ได้ คือ แรงม้า หรือพลังงาน
ตามธรรมชาติ การหมุน แรงเหวี่ยง หนีศูนย์ แรงบิด จะ ค่อยๆ ลดลงเมื่อรอบสูงขึ้น ทำให้ ที่ รอบ สูงสุด แรงม้าจะลดลง
เหมือน มอเตอร์ ไฟฟ้า ยิ่ง รอบสูง แรงบิด ยิ่งลดลง
การจูน คือ การเพิ่มพลังการระเบิด ซึ่งก็คือแรงบิด นั่นเอง
ยกตัวอย่าง เรา ปั่นจักรยาน ที่ รอบขารอบหนึ่ง แรง คงที่ รถ ที่ วิ่งไหลไปที่ความเร็วเท่าเดิม
อยกาเพิ่ม แรง ก็ใส่ แรงที่ขาเพิ่ม จักรยาน เร่งออกไป
โบลูกเดิม ECU รถ คุมบูส ที่เวสเกต ให้ สร้าง ทอร์ค คงที่
จขกท หมายถึง ไม่ยิ่งกะโบ
ก็ดีเซล ก็น่าจะ เพิ่ม น้ำมัน ได้อย่างเดียว กับ Valve แปรผัน
เบนซิน ก็ เพิ่ม องศาจุดระเบิด กับ น้ำมัน
แต่ คงไม่มี ใครทำแค่นั้นหรอกครับ ถ้าจะ จูนทั้งที
-
หลักการคือ ใช้เทคนิคการ จูนให้ทอร์ค มาที่รอบสูงขึ้น โดยที่ทอร์คอาจไม่จำเป็นต้องมากขึ้น ก็จะทำให้ได้แรงม้ามากขึ้นครับ
-
มันมาด้วยกันครับ :D
-
เวลาจูนมันก็ได้เพิ่มทั้งแรงม้าและแรงบิดนี่ละครับ บอก tuner ได้เลย จะเอาให้สุด hw ของรถหรือเอา safeๆก็บอกtuner
-
เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะเคยเห็นเหมือนกันว่ารถรุ่นเดียวกันของแต่งเครื่องพอๆกัน จูนเนอร์คนละคน คนนึงทำม้าได้มากกว่าทอร์คน้อยกว่า อีกคนนึงทอร์คแยอะกว่าม้าน้อยกว่า (ที่เพิ่มขึ้นจากเครื่อง) เค้าใช้วิธีอะไร ถ้าคิดตามปกติม้าและทอร์คมันควรจะมาด้วยกันอยู่แล้ว
ผมว่าคุณซิ่งคงไม่ได้ถามหาความแรงอะไรหรอกใช่มั้ย แค่สงสัยว่าจูนวิธีไหนมากกว่า ว่าแต่คุณลองได้ถามคำถามนี้จูนเนอร์เจ้าประจำคุณแล้วรึยัง
-
เดาว่า ก็เพิ่มน้ำมันกับอากาศเฉพาะแค่ช่วงรอบแรงม้าสูงสุด
-
เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะเคยเห็นเหมือนกันว่ารถรุ่นเดียวกันของแต่งเครื่องพอๆกัน จูนเนอร์คนละคน คนนึงทำม้าได้มากกว่าทอร์คน้อยกว่า อีกคนนึงทอร์คแยอะกว่าม้าน้อยกว่า (ที่เพิ่มขึ้นจากเครื่อง) เค้าใช้วิธีอะไร ถ้าคิดตามปกติม้าและทอร์คมันควรจะมาด้วยกันอยู่แล้ว
ผมว่าคุณซิ่งคงไม่ได้ถามหาความแรงอะไรหรอกใช่มั้ย แค่สงสัยว่าจูนวิธีไหนมากกว่า ว่าแต่คุณลองได้ถามคำถามนี้จูนเนอร์เจ้าประจำคุณแล้วรึยัง
ยังไม่ได้ถามครับ 555 ถามอีกเจ้ามา
คือสงสัยครับว่าบิดมาเยอะแยะ ทำไมม้าไม่มา เหมือนพวก Swift เอาไปติดโบ ม้าตั้ง 140 กว่า บิดไม่ถึง 200 ถ้าจำไม่ผิดแค่ 170
ของเพื่อนผม ม้า 139 บิดเกือบ 250 เลยสงสัยว่ามันเป็นที่อะไีร บิดเยอะไปก็ไม่ใช่จะดีครับสำหรับรถบ้านๆ เกียร์พังไว ยางรองแท่นพังไว
-
ปล่อยบูสต์ให้มากขึ้นครับ ม้าเพิ่มแน่นอนแรงบิดก็เพิ่ม
แต่ถ้าถามต่อว่าไม่เอาแรงบิดเพิ่มเพิ่มแต่ม้าได้ไหม
ก็ไปตอนแรงบิดที่เฟืองท้ายเอา ทดให้เฟืองต่ำลงแล้วม้าที่ได้จะไปสำแดงฤทธิ์ที่ความเร็วสูงสุดแทนเนื่องจากแรงบิดจะมีช่วงกว้างกว่าเดิม
-
ขอแก้ไขครับ เข้าใจคำถามผิด
ที่เห็น รถมีแรงบิดเท่านั้น แรงม้าเท่านี้ มันเป็นแค่ แรงสูงสุดนะครับ มันคือแค่ปลายยอดภูเขากราฟเท่านั้น
ฉนั้นมันบอกไม่ได้ว่ารถคันนั้นมันแรงไหม
อธิบายชัดๆ คือ ให้จูนเล่นๆ ตอนความแรงให้หมดเลยที่รอบ 0-4000 ให้แทบวิ่งไม่ออกเลย
แล้ว พอรอบ 4500(สมมุติว่าเป็น Red line ของเครื่องนั้นๆ) ก็จูนเข้าไปให้แรงบิดมาเลย ในรอบค่าเดียวที่ 4500 เท่านั้น
รถคันนั้น ก็สามารถ มีแรงม้าสูงสุดมากกว่ารถบ้านได้ครับ ทั้งๆที่วิ่งจริงคือ แซงมอไซยังไม่ได้
เพราะแรงม้า มันคือ ผลคูณของแรงบิดกับรอบเครื่องยนต์ และค่าคงตัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง เหมือนกับที่ท่านบนๆบอก
มันเป็นแค่การโชว์งานที่เครื่องยนต์สามารถทำได้เท่านั้นเองครับ
ฉนั้น อยากให้แรงม้ามากขึ้น ก็คือ ต้องเพิ่มความยาว หรือความชัน ของแรงบิดออกไป
การจูนให้ดูเพิ่มแต่แรงม้า แต่แรงบิดไม่เพิ่ม จริงๆ ก็คือจูนแรงบิดเพิ่มแหละครับ แต่แค่คุมแรงบิดสูงสุดไว้ก็คือไม่ไปยุ่งกะmap ของรอบนั้นๆ แต่ไปดันแรงบิดตรงรอบสูงสุดขึ้น แรงม้ามันก็ขึ้นตาม ง่ายๆไม่มีอะไรเลย
ส่วนวิธีทำ สำหรับรถ ดีเซลเทอโบธรรมดา โดยที่จะยุ่งกะ ECU อย่างเดียว ก็จะได้แค่จูนน้ำมัน
ซึ่งก็คือ แรงดันน้ำมัน (แรงมากฉีดน้ำมันได้เป็นฝอยละเอียด ทำให้เผาไหม้ได้รุนแรงและรวดเร็ว) และ ยกหัวฉีด(ยกหัวฉีดค้างไว้ ให้ฉีดน้ำมันนานกว่าปกติ ทำให้น้ำมันเข้าไปได้มากขึ้น เผาไหม้ได้รุนแรง)
แต่ถ้ายุ่งกะส่วนอื่นด้วย ก็จะมี อากาศที่สามารถ หาทางเพิ่มเข้าเครื่องได้ (กรองเปลือย Inter เทอโบ)
และอีกหลายส่วนมากมาย
-
เอากราฟให้ดู เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นครับ
สีแดงก่อนจูน สีน้ำเงินหลังจูน
จะเห็นว่าทอร์คสีน้ำเงินมากกว่าเล็กน้อย และทอร์คสีน้ำเงินช่วงปลายตกหลังสีแดงเพราะจูนเนอร์เค้าดันทอร์คออกไปจากการจูนecuถ้าจำไม่ผิด ให้เปิดองศาแคมนานขึ้นอีกเล็กน้อย ผลที่ได้คือ ม้าช่วงปลายเพิ่มอีกเกือบ10 ตัว
ที่ม้าไม่ได้เพิ่มมากเพราะเน้นจูนแก้ torque ตกช่วงต้นมากกว่า และเป็นรถ naครับ
-
เอากราฟให้ดู เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นครับ
สีแดงก่อนจูน สีน้ำเงินหลังจูน
จะเห็นว่าทอร์คสีน้ำเงินมากกว่าเล็กน้อย และทอร์คสีน้ำเงินช่วงปลายตกหลังสีแดงเพราะจูนเนอร์เค้าดันทอร์คออกไปจากการจูนecuถ้าจำไม่ผิด ให้เปิดองศาแคมนานขึ้นอีกเล็กน้อย ผลที่ได้คือ ม้าช่วงปลายเพิ่มอีกเกือบ10 ตัว
ที่ม้าไม่ได้เพิ่มมากเพราะเน้นจูนแก้ torque ตกช่วงต้นมากกว่า และเป็นรถ naครับ
ของเดิมหลุมตรง 3500-4500 น่ากลัวมาก ... สับเกียร์ไม่ระวังมาตกหลุมนี้นี่วิ่งไม่ออกเลย ... จูนใหม่แล้วน่าจะขับง่ายขึ้นเยอะ
-
ถ้าเป็นดีเซล เพิ่มบูส+เพิ่มน้ำมัน (ดันราง+ยกหัวฉีดนิดๆ) ยังไงเพิ่มแรงม้า แต่แรงบิดก็ตามมาครับ
-
ถ้ามองที่ แรงบิดสูงสุด กับ แรงม้าสูงสุด มันต้องดูว่า
- แรงบิดสูงสุด มันมาที่รอบเท่าไหร่
- แรงม้าสูงสุด มันมาที่รอบเท่าไหร่
เพราะถ้าลาก แรงบิด ให้ได้ยาวๆ แรงม้า มันก็จะเพิ่มตามมาเองครับ
สวนรถที่บอก แรงม้า เพิ่ม แต่ แรงบิด ไม่เพิ่ม น่าจะมาจาก จูนลากแรงบิดเท่าเดิมนั้นล่ะ แต่ลากให้ไปตกที่รอบสูงขึ้น กว้างขึ้น กราฟแรงม้าก็ขึ้นเอง
ส่วนรถที่บอก แรงบิด เพิ่ม แต่ แรงม้า ไม่เพิ่ม น่าจะมาจาก จูนแรงบิดสูงสุดเพิ่มในรอบต่ำๆ ซึ่งยังไม่รอบที่แรงม้าสุดที่ทำได้ แต่พอรอบเริ่มสูงขึ้น แรงบิด หล่นมาเท่าๆ เดิม เลยทำให้แรงม้าสูงสัดยังเท่าเดิม
ประมาณนี้