Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: johnlee ที่ สิงหาคม 08, 2017, 09:58:49
-
ถูกกว่า อี 20 แค่ 4.xx บาท
มันคุ้มจน ต้องเลือก หรือมองผ่าน ใช้แค่อี20 พอ
รถผมตอนนี้ อี20 ตกกม.ละ 1.25 บาท ก็พอใจละ
-
E85 ไม่คุ้มครับ กินกว่า E20 ราวๆ 20 % แล้วแต่รถนะ
ถ้า OEM รีดสมรรถนะ มาเต็มที่ เหมาะสม
แต่ เราจะได้ ช่วย ลดการนำเข้าน้ำมัน ( จริงป่าวไม่รู้ )
มลภาวะ ทางอากาศ สารพิษ จาก E85 น้อยกว่า E20 ชัดเจน แต่ไม่ค่อยพูดถึง พูดถึงแค่ Co2 ซึ่งE85 ไม่ต่างกะ E20
ส่วนผม E85 มาตลอด ตั้งแต่ออกรถมา 5 ปี
หัวฉีดสะอาด เครื่องสะอาด ไอเสียสะอาด ครับ
ผมชอบ ตรง รถมันรู้สึก สมรรถนะจะดีกว่า E20
-
e85 กินน้ำมันมากกว่า แต่ประหยัดเงินในกระเป๋าครับ
ราคาต่างกัน 4 บาทกว่าๆ
เติม e20 หมดค่าน้ำมันเดือนละ 2700
เติม e85 จ่ายแค่ 2500
ถ้ารถรองรับ e85 จากโรงงาน ก็เติมเลยครับ
-
เท่าที่ผมฟังคนรู้จักมานะครับ ส่วนใหญ่จะบอกกันว่าเติม E85 แล้วแรงกว่า (ผมว่ามีส่วนถูก เพราะแอลกอฮอล์มันเผาไหม้เร็วกว่าน้ำมัน)
แต่ก็ได้ระยะทางน้อยกว่าพวกน้ำมันด้วย
ถ้าจะดูว่าคุ้มไม่คุ้มอาจจะต้องลองเทียบน้ำหนักดูระหว่างความแรงของเครื่องกับระยะทางที่วิ่งได้ อันนี้พูดถึงรถที่เติม E85 ได้อยู่แล้วนะครับ
ยังไม่รวมค่าแปลงระบบสำหรับคนที่จะหันมาเติม E85 กับค่าบำรุงรักษาต่างหาก
-
สำหรับผม ไม่คุ้มครับ
ของผม E20 คุ้มกว่า
ผมเติม E85 ได้ 10 กม./ล.
เติม E20 ได้ 14 กม./ล.
เดือนนึงผมใช้รถประมาณ 3500 กม.
เติม E20 ค่าน้ำมันเดือนละ 6000 บาท
E85 ค่าน้ำมันเดือนละ 7000 บาท
ถ้าราคา E20 แพงกว่า E85 ซัก 8 บาทขึ้นไป ถึงจะคุ้มค่าสำหรับผม
แต่ตอนนี้ E20 แพงกว่าอยู่แค่ 4 บาทกว่าๆ ไม่คุ้ม
-
เท่าที่ผมฟังคนรู้จักมานะครับ ส่วนใหญ่จะบอกกันว่าเติม E85 แล้วแรงกว่า (ผมว่ามีส่วนถูก เพราะแอลกอฮอล์มันเผาไหม้เร็วกว่าน้ำมัน)
แต่ก็ได้ระยะทางน้อยกว่าพวกน้ำมันด้วย
ถ้าจะดูว่าคุ้มไม่คุ้มอาจจะต้องลองเทียบน้ำหนักดูระหว่างความแรงของเครื่องกับระยะทางที่วิ่งได้ อันนี้พูดถึงรถที่เติม E85 ได้อยู่แล้วนะครับ
ยังไม่รวมค่าแปลงระบบสำหรับคนที่จะหันมาเติม E85 กับค่าบำรุงรักษาต่างหาก
E85 ค่า Lamda ปริมาณ อากาศต่อ น้ำมัน ต่อ อากาศ คือ 9.XX
ในขณะที่ E20 น่าจะใช้ตัวเดียวกับ เบนซินคือ 14.7 คือ จ่ายบางนิดๆ
ง่ายๆ คือ อากาศเข้าเท่ากัน แต่ E85 ต้องจ่ายน้ำมันมากขึ้น คือ อากาศ 9.XX ส่วน น้ำมัน 1 ส่วน
และ ใน E85 มีแอลกอฮอล ที่มี อ๊อกเจนสูง จ่ายน้ำมันหนากว่า ทำแรงระเบิดแรงกว่า ครับ
-
ผมเคยลองเทียบกันระหว่าง E85 กับ E20 ตามรูปแบบการใช้รถในชีวิตประจำวันของผม และเติมน้ำมันทุกวันอาทิตย์
เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ค่าน้ำมันต่างกันไม่ถึง 100 บาท/ถัง เพราะ E85 อัตราสิ้นเปลืองด้อยกว่า E20 หมดเร็วว่า E20 ทำให้เวลาเติมต้องเติมจำนวนลิตรมากกว่า และเส้นทางที่ผมใช้รถ E85 หาเติมยากกว่า ผมเลยเลือกเติม E20 ครับ
-
คุณไปลองรถตัวเองว่า น้ำมันสองชนิดในสภาพการใช้งานของคุณ อัตราการบริโภคต่างกันกี่% แล้วคุณก็ดูต่อว่า ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดในช่วงเวลานั้นๆต่างกันกี่%
คุณถึงจะตอบตัวเองได้ ส่วนคำตอบที่คนอื่นตอบบางคนว่สคุ้มบางคนว่าประหยัดมันไม่คำตอบสำหรับคำถามที่คุณถามตัวเอง
-
เท่าที่ผมฟังคนรู้จักมานะครับ ส่วนใหญ่จะบอกกันว่าเติม E85 แล้วแรงกว่า (ผมว่ามีส่วนถูก เพราะแอลกอฮอล์มันเผาไหม้เร็วกว่าน้ำมัน)
แต่ก็ได้ระยะทางน้อยกว่าพวกน้ำมันด้วย
ถ้าจะดูว่าคุ้มไม่คุ้มอาจจะต้องลองเทียบน้ำหนักดูระหว่างความแรงของเครื่องกับระยะทางที่วิ่งได้ อันนี้พูดถึงรถที่เติม E85 ได้อยู่แล้วนะครับ
ยังไม่รวมค่าแปลงระบบสำหรับคนที่จะหันมาเติม E85 กับค่าบำรุงรักษาต่างหาก
แรงกว่า น่าจะเป็นเพราะค่าความร้อนรวมมากกว่า ไม่ใช่เผาไหม้เร็วกว่าอ่ะ
เทียบกับค่า เผาไหม้สมบูณร์ ของน้ำมัน 14 กว่าๆต่อหนึ่ง e85 สิบนิดๆ ต่อหนึ่ง คือต้องจ่าย e85 มากกว่าน้ำมันปรกติหลายสิบเปอร์เซนต์อยู่ เลยทำให้ค่าความร้อนรวมมากกว่าอ่ะ
-
เท่าที่ผมฟังคนรู้จักมานะครับ ส่วนใหญ่จะบอกกันว่าเติม E85 แล้วแรงกว่า (ผมว่ามีส่วนถูก เพราะแอลกอฮอล์มันเผาไหม้เร็วกว่าน้ำมัน)
แต่ก็ได้ระยะทางน้อยกว่าพวกน้ำมันด้วย
ถ้าจะดูว่าคุ้มไม่คุ้มอาจจะต้องลองเทียบน้ำหนักดูระหว่างความแรงของเครื่องกับระยะทางที่วิ่งได้ อันนี้พูดถึงรถที่เติม E85 ได้อยู่แล้วนะครับ
ยังไม่รวมค่าแปลงระบบสำหรับคนที่จะหันมาเติม E85 กับค่าบำรุงรักษาต่างหาก
แรงกว่า น่าจะเป็นเพราะค่าความร้อนมากกว่า ไม่ใช่เผาไหม้เร็วกว่าอ่ะ
ผมผิดเองครับ... จริงๆแล้วอาจจะเป็นแบบที่คุณ mamaman กล่าวไว้ E85 ใช้วิธีจ่ายน้ำมันหนากว่าจึงระเบิดให้พลังงานมากกว่า E20
แต่ถ้าพูดถึงการเผาไหม้ เบนซินควรเผาไหม้ได้ไวกว่าเอทานอล ตามคลิปทดสอบนี้
https://www.youtube.com/watch?v=YOnXUkzP3ps
-
ของแบบนี้มันแปลก เดี๋ยวนี้ e85คนว่าแรงกว่า แต่ผมจำได้นะว่าคนพวกนี้สมัยแก๊สโซฮอกใหม่ๆ ออกมาบอกว่าอืด
ผมยังจำได้ๆ
สำหรับความคุ้มค่ากรณีรถเติม e85ได้ คุณก็เอาไปทดลองวิ่งดู ตัด biasทิ้ง พยายามวิ่งให้ conditionคล้ายๆกัน
สำหรับผม ถ้าเป็นรถที่กินน้ำมันมากอยู่แล้ว ผมเติมe85 เพราะยังไงมันก็เผาทิ้ง ผมเลือกตัวถูกสุดให้มันเผาทิ้งเล่นๆ แต่ถ้ารถมี ประสิทธิภาพดี ก็เลือกอันที่มีส่วนผสมคุ้มค่ากับราคา ซึ่งน่าจะเป็น e20
พวกรถที่กินน้ำมันผิดปกติ ใส่e85คุ้มกว่า
-
E85 ประหยัดกว่าก็จริง แต่ไม่มากจนต้องร้อง Wow
ทุกวันนี้ขับในเมืองใช้ E20 เดือนหนึ่งเติม 2 ครั้ง แต่ใช้ E85 ต้องเติม 3 ครั้ง
สรุปคือ ขี้เกียดเข้าปั้มบ่อย
ขับไกลๆ ก็ E10 95 ลากยาว
-
คุณไปลองรถตัวเองว่า น้ำมันสองชนิดในสภาพการใช้งานของคุณ อัตราการบริโภคต่างกันกี่% แล้วคุณก็ดูต่อว่า ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดในช่วงเวลานั้นๆต่างกันกี่%
คุณถึงจะตอบตัวเองได้ ส่วนคำตอบที่คนอื่นตอบบางคนว่สคุ้มบางคนว่าประหยัดมันไม่คำตอบสำหรับคำถามที่คุณถามตัวเอง
ลองใช้แล้วจดเปรียบเทียบเลยครับ น่าจะดีที่สุด ให้ได้ระยะสัก 30 วัน นับช่วงวันของเดือนที่ใกล้เคียงกัน และ เว้นช่วงเปลี่ยนน้้ำม้น ไม่ต้องจดสัก 1 ถัง ค่อยเริ่มจดใหม่
แล้วมาคำนวน สังเกตว่าสภาพการขับขี่ใกล้เคียงกันไหม ถ้าไม่ต่างกันมาก ก็จะมีคำตอบให้ตัวเองครับ
ส่วนตัวจดหลังเติมทุกถัง ทุกคันที่ขับ ทำให้มีคำตอบให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี อาจไม่ได้ถูกต้องเป๊ะๆแบบงานวิจัย แต่ก็เป็นข้อมูลพื้นฐานให้เราได้ดีครับ
-
สำหรับผมคิดว่าคุ้มเพราะเติมแล้วประหยัดเงินในกระเป๋าดี ผมลองเทียบเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองในหน้าจอเท่านั้นนะครับ
เติมเต็มถังเหมือนกัน E85 ผมได้เฉลี่ย 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร E20 ได้ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร ครับ
ถ้าท่านเคยเติมดีเซล ซึ่งคันดีเซลที่ผมใช้งานขับเหมือนกันกับเบนซิน กินน้ำมันประมาณ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ว่าดีเซลราคาแพงกว่า
สำหรับรถคันต่อไปคงมองที่เบนซินครับ และเอารุ่นที่เติม E85 ได้ครับ ได้น้ำมันเยอะดีในราคาถูกกว่า ความประหยัดก็ใกล้เคียงครับ
-
ก่อนจะตอบว่าตัวไหนคุ้มกว่า ก็ต้องถามว่ารถอะไร..จูนแบบไหน?
รถผม 2.3t อี 20 12.5-13.5
อี 85 10 ถ้วน
lpg 10 ถ้วน...จูนเทียบ อี 80
ของผม อี 85 คุ้มกว่า อี20 แน่นอน แต่สู้ lpg ไม่ได้ .... นั่น ตกกม.ละ 1.20 บาท (เดินทาง100-110)
รถผมกระดานไฟ อี 85 แก่มาก ๆ...
-
รถผมยังไม่เคยเติมe85เลยครับเห็นว่ากินกว่าe20
-
ก่อนจะตอบว่าตัวไหนคุ้มกว่า ก็ต้องถามว่ารถอะไร..จูนแบบไหน?
รถผม 2.3t อี 20 12.5-13.5
อี 85 10 ถ้วน
lpg 10 ถ้วน...จูนเทียบ อี 80
ของผม อี 85 คุ้มกว่า อี20 แน่นอน แต่สู้ lpg ไม่ได้ .... นั่น ตกกม.ละ 1.20 บาท (เดินทาง100-110)
รถผมกระดานไฟ อี 85 แก่มาก ๆ...
แปลว่าถ้าใครใช้ไม่ประหยัด ต้องไปรีแมพสินะครัช :)
-
ตอนปี 2015 เติม e85 เทียบกับ e20 เทียบเป็นบาท/ลิตร แล้วถูกกว่า e20 นิดเดียว แต่กิโลเมตร/ลิตร ได้น้อยกว่า ต้องแวะปั๊มบ่อยกว่า
ปี 2017 น้ำมันถูกลง เลยเติม e20 ยาวๆ ไปดีกว่าครับ
-
e20 ครับ
-
แล้วแต่คน แล้วแต่รถครับ
น้องผมใช้ City 2014 ใช้ขับไปทำงานทุกวัน ขับในเมืองเป็นหลัก
ตอนแรกเห่อเติม E85 แล้วมาจับเลขกิโลเทียบกับ E20
สรุป E20ประหยัดว่าครับ
-
ตอนปี 2015 เติม e85 เทียบกับ e20 เทียบเป็นบาท/ลิตร แล้วถูกกว่า e20 นิดเดียว แต่กิโลเมตร/ลิตร ได้น้อยกว่า ต้องแวะปั๊มบ่อยกว่า
ปี 2017 น้ำมันถูกลง เลยเติม e20 ยาวๆ ไปดีกว่าครับ
ใช่ครับ เหมือนผู้ขายจับทางได้ว่าอะไรจะถูกกว่า แล้วคนจะแห่ไปเติมตัวนั้น
เลยตั้งราคาให้ อี85 เท่าอี20 คนจะได้ไม่เทไปทาง 85 เพราะ เอทานอล ซื้อจริงๆแพงกกว่า 20 บาทแน่
-
คุ้มครับ E85 อัตราเร่งดีกว่า E20 แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ 8)
-
ไม่รผุ้สิเวลาอัดหนักๆ กดลึกๆ ลากรอบจัดๆ E20 กิน 10.xx กม./ลิตร E85 9.xx ต่างกันนิดเดียวแบบนี้ ผมไป E85 ยาวๆเลย เพราะรถอัดตลอด
ลองทำอัตราประหยัดสูงสุด E20 ได้ 20.xx กม./ลิตร ส่วน E85 ได้ 14.xx กม./ลิตร
ถ้าขับทางไกล E20 ประหยัดกว่าถึง 40% แต่หากคิดตามเงินแล้ว ก็ประหยัดกว่าราว 20%
ส่วนE85 เหมาะกับการขับแบบตะบี้ตะบัน เค้นเอาแรง แต่กินแทบไม่ต่างจาก E20
ก็ขึ้นอยู่กับรถด้วยครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไปลองด้วยตัวเองครับ
-
ก่อนจะตอบว่าตัวไหนคุ้มกว่า ก็ต้องถามว่ารถอะไร..จูนแบบไหน?
รถผม 2.3t อี 20 12.5-13.5
อี 85 10 ถ้วน
lpg 10 ถ้วน...จูนเทียบ อี 80
ของผม อี 85 คุ้มกว่า อี20 แน่นอน แต่สู้ lpg ไม่ได้ .... นั่น ตกกม.ละ 1.20 บาท (เดินทาง100-110)
รถผมกระดานไฟ อี 85 แก่มาก ๆ...
แปลว่าถ้าใครใช้ไม่ประหยัด ต้องไปรีแมพสินะครัช :)
ก็ไม่จริงอีกนั่นแหละ รถส่วนใหญ่จะมีแมปไป ชุดเดียว เขาจูนไว้กลาง ๆ ถ้าคุณจูน อี 85 คุณมาใช้อี มันก็เขก...
รถผม จะว่ารีแมป ก็ใช่ แต่เป็นเอาแมปของปี 07 ซึ่งเป็นอี 85 แล้วมาใช้ มันมีแมป 2 กระดาน กระดานล่าง ใช้ 95- อี 36 กระดานบน ใช้ตั้งแต่ 36 ขึ้นไป มันจะปรับตัวของมันเอง...(ฟังจากจูนเนอร์มาเล่าต่อ ผิดถูกบ้างตามประสา)
-
เท่าที่รู้งูๆปลาๆ
เครื่องมันไม่รู้หรอกว่าเราเติมอะไรเข้าไป
แต่มันจะวัดจากปริมาณออกซิเจนจากเซนต์เซอร์
แล้วปรับช่วงเวลาหัวฉีดเปิด ให้มากขึ้น จนกว่าจะเผาไหม้เหมาะสม
ปรับไฟด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ
ถ้ารถที่ออกแบบมาสำหรับ e85 นอกจากอุปกรณ์ต้องทนแอลกอฮอล์ได้หัวฉีดต้องมีขนาดที่รองรับการจ่ายน้ำมัน e85 ได้ด้วย ไม่งั้น ส่วนผสมบาง ไฟเครื่องอาจจะโชว์ system too lean
ที่ใช้อี 85 แล้วไม่แรง ทั้งๆที่รถแข่งจะแรงมาก เพราะ ห้องลูกสูบต้องเผื่อ ให้ใช้น้ำมัน ธรรมดาด้วย เลยไม่ได้เปรียบเรื่องกำลังอัดที่ e85 ใช้ได้มากกว่า ปรับได้เต็มที่คงจะเป็นแค่องศาไฟซึ่งก็ไม่ช่วยเท่าไหร่
ก็เลยไม่ได้ใช้ส่วนที่ดี ของ e85 อย่างเต็มที่
-
แล้วแต่จูนครับ
ของผม March 1.2 ปรับสองแมพแล้ว E85 ขับทางไกลแบบไม่ Cruising ก็ราวๆ 12-13 โล/ลิตร E20 ได้ 16-17 โล/ลิตร หรือดีกว่านั้นไม่มาก
Cruising E85 ราวๆ 14 โล/ลิตร E20 ขับดีๆ มี 20 แต่ไม่ประหยัดเท่าพวก 1.6 อันนั้น 21-22 เช่าเองขับเอง
(อ่านไม่ผิดหรอก ผมพูดจริงๆ เหยียบเกิน 110 1.2 กินกว่า 1.6 แต่ถ้า 90 ลงไป 1.2 ประหยัดกว่าโลละเกือบสลึงได้)
ในเมือง E85 เบรกๆ หยุดๆ ราวๆ 9-10 โล/ลิตร สถานการณ์เดียวกัน E20 ได้ 10-11 โล/ลิตร แบบนี้ E85 คุ้มกว่ามากๆ
คงเหมือนท่านบนที่บอกว่า ถ้าขับ Cruising E20 ยังไงก็คุ้มกว่า เผาน้อย แต่ถ้าอัดๆ ไป E85 เถอะ
สรุปคือ อัตราสิ้นเปลืองมันก็เท่าเดิม แต่ราคา บาท/กิโล ต่างหาก คือการตอบว่ามันจะคุ้มไม่คุ้ม
ปล. ผลเทสต์จากบางจากทั้งคู่ครับ ปตท. เปลืองกว่านี้แบบสังเกตได้ ราวๆ 1 กม./ลิตร
-
ลองเองเลยดีกว่าครับ อันไหนคุ้มกว่าก็เอาอันนั้น
เพราะผมว่ารถแต่ละคัน ผลก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ
ปัจจุบันผมเติม โซฮอล 95 อย่างเดียว ทั้งที่เติม e85ได้ ผมว่า e85 ทำเครื่องรถผมเสียงดัง
-
ก็ไม่จริงอีกนั่นแหละ รถส่วนใหญ่จะมีแมปไป ชุดเดียว เขาจูนไว้กลาง ๆ ถ้าคุณจูน อี 85 คุณมาใช้อี มันก็เขก...
รถผม จะว่ารีแมป ก็ใช่ แต่เป็นเอาแมปของปี 07 ซึ่งเป็นอี 85 แล้วมาใช้ มันมีแมป 2 กระดาน กระดานล่าง ใช้ 95- อี 36 กระดานบน ใช้ตั้งแต่ 36 ขึ้นไป มันจะปรับตัวของมันเอง...(ฟังจากจูนเนอร์มาเล่าต่อ ผิดถูกบ้างตามประสา)
รถ FFV มันมี ฟังชั่น อ่านค่า เอทานอล และ ปรับส่วนผสม ตามชนิดน้ำมันครับ เหมือน Offset จาก Map เดิมครับ
คือ มีหลาย Map แต่เป็น Map Auto
แต่รถที่ไม่ใช่ FFV ควร มีหลาย MAP
-
ก็ไม่จริงอีกนั่นแหละ รถส่วนใหญ่จะมีแมปไป ชุดเดียว เขาจูนไว้กลาง ๆ ถ้าคุณจูน อี 85 คุณมาใช้อี มันก็เขก...
รถผม จะว่ารีแมป ก็ใช่ แต่เป็นเอาแมปของปี 07 ซึ่งเป็นอี 85 แล้วมาใช้ มันมีแมป 2 กระดาน กระดานล่าง ใช้ 95- อี 36 กระดานบน ใช้ตั้งแต่ 36 ขึ้นไป มันจะปรับตัวของมันเอง...(ฟังจากจูนเนอร์มาเล่าต่อ ผิดถูกบ้างตามประสา)
รถ FFV มันมี ฟังชั่น อ่านค่า เอทานอล และ ปรับส่วนผสม ตามชนิดน้ำมันครับ เหมือน Offset จาก Map เดิมครับ
คือ มีหลาย Map แต่เป็น Map Auto
แต่รถที่ไม่ใช่ FFV ควร มีหลาย MAP
ถูกต้องครับ นั่นมันกระดานส่วนผสม
แต่ที่ผมอธิบาย เป็นเฉพาะแมปไฟ...ครับ
-
ก็ไม่จริงอีกนั่นแหละ รถส่วนใหญ่จะมีแมปไป ชุดเดียว เขาจูนไว้กลาง ๆ ถ้าคุณจูน อี 85 คุณมาใช้อี มันก็เขก...
รถผม จะว่ารีแมป ก็ใช่ แต่เป็นเอาแมปของปี 07 ซึ่งเป็นอี 85 แล้วมาใช้ มันมีแมป 2 กระดาน กระดานล่าง ใช้ 95- อี 36 กระดานบน ใช้ตั้งแต่ 36 ขึ้นไป มันจะปรับตัวของมันเอง...(ฟังจากจูนเนอร์มาเล่าต่อ ผิดถูกบ้างตามประสา)
รถ FFV มันมี ฟังชั่น อ่านค่า เอทานอล และ ปรับส่วนผสม ตามชนิดน้ำมันครับ เหมือน Offset จาก Map เดิมครับ
คือ มีหลาย Map แต่เป็น Map Auto
แต่รถที่ไม่ใช่ FFV ควร มีหลาย MAP
ถูกต้องครับ นั่นมันกระดานส่วนผสม
แต่ที่ผมอธิบาย เป็นเฉพาะแมปไฟ...ครับ
จริงๆ FFV มัน Offset ทุก Map ที่เกี่ยวข้องครับ ไม่ใช่แค่ส่วนผสม
E85 ไฟแก่ นี่ แปลว่า มันเผาไหม้ช้ากว่า LPG และ เบนซินใช่ไหม
-
แล้วแต่จูนครับ
ของผม March 1.2 ปรับสองแมพแล้ว E85 ขับทางไกลแบบไม่ Cruising ก็ราวๆ 12-13 โล/ลิตร E20 ได้ 16-17 โล/ลิตร หรือดีกว่านั้นไม่มาก
Cruising E85 ราวๆ 14 โล/ลิตร E20 ขับดีๆ มี 20 แต่ไม่ประหยัดเท่าพวก 1.6 อันนั้น 21-22 เช่าเองขับเอง
(อ่านไม่ผิดหรอก ผมพูดจริงๆ เหยียบเกิน 110 1.2 กินกว่า 1.6 แต่ถ้า 90 ลงไป 1.2 ประหยัดกว่าโลละเกือบสลึงได้)
ในเมือง E85 เบรกๆ หยุดๆ ราวๆ 9-10 โล/ลิตร สถานการณ์เดียวกัน E20 ได้ 10-11 โล/ลิตร แบบนี้ E85 คุ้มกว่ามากๆ
คงเหมือนท่านบนที่บอกว่า ถ้าขับ Cruising E20 ยังไงก็คุ้มกว่า เผาน้อย แต่ถ้าอัดๆ ไป E85 เถอะ
สรุปคือ อัตราสิ้นเปลืองมันก็เท่าเดิม แต่ราคา บาท/กิโล ต่างหาก คือการตอบว่ามันจะคุ้มไม่คุ้ม
ปล. ผลเทสต์จากบางจากทั้งคู่ครับ ปตท. เปลืองกว่านี้แบบสังเกตได้ ราวๆ 1 กม./ลิตร
อัลมีร่า ผม อี20 ได้ 18.5
พออี 85 ได้ราวๆ 15.5 เส้นทางเดิม คนขับเดิม เทียบแล้วไม่คุ้ม ไฟเครื่องขึ้นด้วย
-
อัลมีร่า ผม อี20 ได้ 18.5
พออี 85 ได้ราวๆ 15.5 เส้นทางเดิม คนขับเดิม เทียบแล้วไม่คุ้ม ไฟเครื่องขึ้นด้วย
เติมสดไม่เปลี่ยนหัวฉีดหรือเปล่าครับ :'( ระวังเชื้อเพลิงบางแล้วเดี้ยงเน้อ
ของผมเปลี่ยนหัวจูนกล่องเรียบร้อย แหะๆ เอาอัตราเร่งไว้ตอนขนปุ๋ยครับ น้องจูนเนอร์ถึงกะขำ บอกเดี๋ยว พี่ซื้ออีโคคาร์มาขนปุ๋ยเข้าสวนเนี่ยนะ
ผมบอกเออ... ถ้าไม่เกิน 2-300 โล (กิโลกรัม) ค่าเชื้อเพลิงมันถูกกว่าเอากระบะตัวเตี้ยไปจริงๆ นะ
-
ก็ไม่จริงอีกนั่นแหละ รถส่วนใหญ่จะมีแมปไป ชุดเดียว เขาจูนไว้กลาง ๆ ถ้าคุณจูน อี 85 คุณมาใช้อี มันก็เขก...
รถผม จะว่ารีแมป ก็ใช่ แต่เป็นเอาแมปของปี 07 ซึ่งเป็นอี 85 แล้วมาใช้ มันมีแมป 2 กระดาน กระดานล่าง ใช้ 95- อี 36 กระดานบน ใช้ตั้งแต่ 36 ขึ้นไป มันจะปรับตัวของมันเอง...(ฟังจากจูนเนอร์มาเล่าต่อ ผิดถูกบ้างตามประสา)
รถ FFV มันมี ฟังชั่น อ่านค่า เอทานอล และ ปรับส่วนผสม ตามชนิดน้ำมันครับ เหมือน Offset จาก Map เดิมครับ
คือ มีหลาย Map แต่เป็น Map Auto
แต่รถที่ไม่ใช่ FFV ควร มีหลาย MAP
ถูกต้องครับ นั่นมันกระดานส่วนผสม
แต่ที่ผมอธิบาย เป็นเฉพาะแมปไฟ...ครับ
จริงๆ FFV มัน Offset ทุก Map ที่เกี่ยวข้องครับ ไม่ใช่แค่ส่วนผสม
E85 ไฟแก่ นี่ แปลว่า มันเผาไหม้ช้ากว่า LPG และ เบนซินใช่ไหม
ก็น่าจะเป็นแบบคุณเข้าใจได้
อธิบายแบบที่ผมเข้าใจนะ....ไม่ชัวร์ เพราะไม่ใช่มือจูน...
ให้ อี 20 ส่วนผสมอยู่ที่ 14.0/1
อี 85 " 9.875/1
lpg สามารถใช้ส่วนผสม 14.7/1 (ค่าออกเทน 105 เท่ากับอี 85)
สมมติ ที่รอบ 2000 รอบ
ปริมาณเชื้อเพลิง จ่ายเข้ากระบอกสูบเท่ากัน ณ องศาจุดระเบิด(หัวเทียนจุดนำ) 16 องศาก่อน ศูนย์ตายบน ทั้งหมดจะให้พลังงานเท่ากัน
แต่เมื่อปรับองศาไปจุดระเบิดที่ 20 ก่อน ศูนย์ตายบน พร้อมทั้งลดปริมาณเชื้อเพลิงลง แต่ให้พลังงานเท่ากันกับด้านบน
อี 85 จุดได้ โดยที่ปฏิกิริยาไม่จบก่อน 10 องศาหลังศูนย์ตาย(ถ้าจบก่อนถือว่าน็อค หรือเขก)
lpg จุดได้เช่นกัน
แต่ อี 20 ทำไม่ได้ ปฎิกิริยาจบก่อน รถจะเกิดอาการเขก
ดังนั้น รถทั่วไปที่มีกระดานไฟสำหรับจุดนำ เพียงกระดานเดียว มันจะถูกจูนไว้สำหรับ ออกเทน 98 น้ำมันอี 85 แบบนั้นจึงเปลืองกว่า 95 ประมาณ ร้อยละ 32 แต่ถ้าเปลี่ยนองศาจนเหมาะสม อัตราการใช้จะสูงกว่าน้ำมัน 95 เพียงประมาณร้อยละ 22-25
ผมจึงบอกว่ารถผมพอ ๆ กัน ไม่ต่างกัน แต่อี 85 ขับสนุกกว่า กดมากกว่า ก็เลยกินมากกว่า แต่ถ้าขับนิ่ง พอ ๆ กัน..ยกเว้น แก๊ส รถผม 2.3 โบ td04 ม้าอาจจะ ราว ๆ 250 แต่ผมใช้หม้อต้มแค่ อลาสก้าสำหรับรถ 1.8 -2.0 ธรรมดา กับอัตราการใช้เชื้อเพลิง 10.0 กม./ลิตร ราว ๆกม.ละ 1.20 บาท เท่านั้นเอง
-
ผมว่า ปัจจัย ที่เปลือง ไม่เปลือง อยู่ ที่ ปริมาณการฉีด
องศา ไฟ น่าจะเป็นตัวคุม ประสิทิภาพ ให้ระเบิดได้กำลังมากที่สุดมากกว่า
ถ้าปรับเหมาะสม ก็สามารถ ลดจาก 9.XX เป็น 10.XX
ถ้าเป้นที่ว่าจริง ก็แปลว่า E85 เผาไหม้ช้ากว่า เบนซินจริงๆ จนสามารถตั้งไฟแก่มากๆ ได้ แล้วยังไม่น๊อค เห็นว่า บางช่วงความเร็วต่ำๆ
ซึ่งในรถ FFV มันก็วัด AFR มาเป็นค่าไม่ได้ วัดได้ แค่ หนา กะ บาง
ตอนใช้ E85 เห็น ECU คุมการจ่ายน้ำมันเพิ่ม จนค่า O2 Narrow band ยกจาก 0.6 เป็น 0.8 - 0.9 V เลย
แต่ก็ไม่รู้ ว่าน้ำมัน จริงๆเป็นเท่าไหร่ ซึ่งผมว่าน่าจะ ไม่ใช่ 9 ยกแผง
-
ผมว่า ปัจจัย ที่เปลือง ไม่เปลือง อยู่ ที่ ปริมาณการฉีด
องศา ไฟ น่าจะเป็นตัวคุม ประสิทิภาพ ให้ระเบิดได้กำลังมากที่สุดมากกว่า
ถ้าปรับเหมาะสม ก็สามารถ ลดจาก 9.XX เป็น 10.XX
ถ้าเป้นที่ว่าจริง ก็แปลว่า E85 เผาไหม้ช้ากว่า เบนซินจริงๆ จนสามารถตั้งไฟแก่มากๆ ได้ แล้วยังไม่น๊อค เห็นว่า บางช่วงความเร็วต่ำๆ
ซึ่งในรถ FFV มันก็วัด AFR มาเป็นค่าไม่ได้ วัดได้ แค่ หนา กะ บาง
ตอนใช้ E85 เห็น ECU คุมการจ่ายน้ำมันเพิ่ม จนค่า O2 Narrow band ยกจาก 0.6 เป็น 0.8 - 0.9 V เลย
แต่ก็ไม่รู้ ว่าน้ำมัน จริงๆเป็นเท่าไหร่ ซึ่งผมว่าน่าจะ ไม่ใช่ 9 ยกแผง
ก็อาจจะใช่อย่างที่คุณคิด ลองไปศึกษาเรื่องการติดแทปไฟองศาจุดระเบิดของรถใช้แก๊สซิครับ อาจจะเข้าใจมากขึ้น..