Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tom46 ที่ สิงหาคม 24, 2017, 07:03:32
-
อยากขอความรู้เกี่ยวกับเครื่อง dyno test หน่อยละครับ
ตามที่เคยได้ขึ้น dyno มากับเขาบ้าง ทั้งเครื่องของ MAHA / DIM sport / Dynojet / Dynapack / Dynodynamic แต่ละที่บอกตัวเลขแรงม้ามาไม่เหมือนกัน อย่างของ
MAHA กับ Dimsport ที่ผมเคยขึ้นมา จะบอกเรื่องแรงม้าออกมาเป็นทั้งสองแบบ ทั้งแรงม้าที่เครื่อง และแรงม้าที่ลงล้อ
Dynojet / Dynapack / Dynodynamic จะบอกแรงม้าออกมาแบบเดียว
คราวนี้หากไปคุยกับจูนเนอร์ต่างๆในบ้านเรา ก็จะบอกว่าแรงม้าของ MAHA กับ Dimsport ใช้ไม่ได้เพราะ แรงม้าลงล้อ ที่ถูกหักไปจากระบบต่างๆเยอะเกินไปไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องเป็นแรงม้าอย่างเครื่อง dynojet / dynapack / dynodynamic จะเป็นแรงม้าที่ลงล้อ ที่ถูกต้องมากกว่า
ส่วนเครื่องที่บอก แรงม้า ออกมาเป็นค่าเดียว บางที่ก็บอกว่าต้องเป็น แรงม้าลงล้อ เพราะ ไม่ได้ถอดเครื่องออกมาวัด ถ้าจะเป็นแรงม้าเครื่องต้องถอดเครื่องออกมาวัดถึงจะเป็นแรงม้าที่เครื่องจริง แต่พอมานั่งดูแรงม้าของฝั่ง dyno ที่เขาบอก แรงม้าเครื่อง แรงม้าล้อ แยกกันออกมา เอาส่วนที่เป็น แรงม้า ที่เครื่องของ maha หรือ dimsport มาเทียบกับ แรงม้า ของเครื่อง dynojet / dynapack / dynodynamic กลับดูไล่ๆกัน
ข้อ แรก เลยอยากทราบว่า แรงม้า บนเครื่อง dynotest ของแต่ละยี่ห้อที่ว่ามา จริงๆคือ แรงม้า ของอะไรครับ
ข้อ สอง การวัดแรงม้าบน dyno บางทีก็ใช้ค่าที่จะใช้วัด DIN 70020 หรือ SAE J 1349 สองค่านี้ในการวัดจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ
-
ถาม กลับไปเลยครับ
ว่า เครื่อง Dyno ที่ติดตั้ง ผ่านการ รับรอง จากหน่วยงาน
เครื่อง มือ วัดและทดสอบ ทุกอย่าง ต้องมี การระบุ ความถูกต้อง ความแม่นยำ และ ความ เที่ยงตรง
และ การ รับรอง จากหน่วย งาน ที่เชื่อถือได้
หากไม่มี ข้อมูลเหล่านี้ ให้ใช้ Dyno เป็น แค่ ตัวเปรียบเทียบก้พอครับ
ส่วนใหญ่ ก็เอาไว้ วัด ก่อน จูน หลัง จูน นั่นละ
หลักการเครื่อง Dyno คือเครื่องวัดแรงบิดครับ ของ อุปกรณืขับ แล้วแต่เราว่าจะ เอาส่วนไหนของรถมาปั่น ดุมล้อ , ฟลายวีล , ล้อจริงๆ
แรงม้า คือ การ เอาแรง บิด คุณ กับ ความเร็วรอบ
เดาว่าที่มันเท่ากันเพราะ หลายเครื่องเริ่มการวัดหลังจากที่ ปั่น Dyno จนลอยตัว ไปที่รอบๆ หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ได้ วัดเริ่มจาก 0 มันเลย ได้ค่ามาใกล้ๆกัน
มันไม่ใช่ ค่า ที่รถ วิ่ง บนถนนจริงๆ แต่ เทียบเคียงได้
-
1 - dyno test เป็นแรงม้าที่ล้อ
เครื่อง + เกียร์ + ชุดเพลาขับ + ล้อ ปั่นลูกกลิ้งวัดแรงม้าสูงสุด แต่ยังไม่รวมเรื่องลมกับแรงต้านต่างๆ
จูนไดโนเสร็จ ต้องมาจูนเก็บบนถนนต่อ
ตามโบรชัว จะเป็นแรงม้าจากเครื่องยนต์ ไม่ใช่แรงม้าที่ล้อ
การวัดแรงม้าเครื่องยนต์ วัดใน Lab แบบนี้
(http://www.johsautolife.com/images/special/160322_horsepower/-indicated-horse-power.jpg)
2 - หน่วยวัดแรงม้า มี 3 หน่วยหลักคือ
kW
PS
hp
โดยที่
1 PS = 0.735 kW = 0.986 hp
นอกจากนี้จะมีหน่วย bhp ซึ่งหน่วยนี้บางทีจะเท่ากับ PS บางทีก็เท่ากับ hp
ซึ่งยังหามาตรฐานมาอ้างอิงไม่ได้
ต่อมาเรื่อง มาตรฐาน ก็จะมี SAE EEC DIN JIS
เงื่อนไขของแรงดันและอุณภูมิของอากาศก็เป็นดังนี้
SAE J1349 99 kPa / 29.23 InHg 25 C / 77 F
DIN 70020 101.3 kPa / 29.33 InHg 20 C / 68 F
DIN 70020 วัดที่ 20 degrees C 1013.25(29.33inHg) mb
SAE J1995 วัดที่ 25 degrees C 990(29.31inHg) mb
ลูกกลิ้ง dyno แต่ละที่จะปรับความหนืดไม่เท่ากัน มันก็ไม่แปลกที่จะวัดแต่ละที่ได้ไม่เท่ากัน
-
ถาม กลับไปเลยครับ
ว่า เครื่อง Dyno ที่ติดตั้ง ผ่านการ รับรอง จากหน่วยงาน
เครื่อง มือ วัดและทดสอบ ทุกอย่าง ต้องมี การระบุ ความถูกต้อง ความแม่นยำ และ ความ เที่ยงตรง
และ การ รับรอง จากหน่วย งาน ที่เชื่อถือได้
หากไม่มี ข้อมูลเหล่านี้ ให้ใช้ Dyno เป็น แค่ ตัวเปรียบเทียบก้พอครับ
ส่วนใหญ่ ก็เอาไว้ วัด ก่อน จูน หลัง จูน นั่นละ
หลักการเครื่อง Dyno คือเครื่องวัดแรงบิดครับ ของ อุปกรณืขับ แล้วแต่เราว่าจะ เอาส่วนไหนของรถมาปั่น ดุมล้อ , ฟลายวีล , ล้อจริงๆ
แรงม้า คือ การ เอาแรง บิด คุณ กับ ความเร็วรอบ
เดาว่าที่มันเท่ากันเพราะ หลายเครื่องเริ่มการวัดหลังจากที่ ปั่น Dyno จนลอยตัว ไปที่รอบๆ หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ได้ วัดเริ่มจาก 0 มันเลย ได้ค่ามาใกล้ๆกัน
มันไม่ใช่ ค่า ที่รถ วิ่ง บนถนนจริงๆ แต่ เทียบเคียงได้
ขอบคุณครับ
1 - dyno test เป็นแรงม้าที่ล้อ
เครื่อง + เกียร์ + ชุดเพลาขับ + ล้อ ปั่นลูกกลิ้งวัดแรงม้าสูงสุด แต่ยังไม่รวมเรื่องลมกับแรงต้านต่างๆ
จูนไดโนเสร็จ ต้องมาจูนเก็บบนถนนต่อ
ตามโบรชัว จะเป็นแรงม้าจากเครื่องยนต์ ไม่ใช่แรงม้าที่ล้อ
การวัดแรงม้าเครื่องยนต์ วัดใน Lab แบบนี้
(http://www.johsautolife.com/images/special/160322_horsepower/-indicated-horse-power.jpg)
2 - หน่วยวัดแรงม้า มี 3 หน่วยหลักคือ
kW
PS
hp
โดยที่
1 PS = 0.735 kW = 0.986 hp
นอกจากนี้จะมีหน่วย bhp ซึ่งหน่วยนี้บางทีจะเท่ากับ PS บางทีก็เท่ากับ hp
ซึ่งยังหามาตรฐานมาอ้างอิงไม่ได้
ต่อมาเรื่อง มาตรฐาน ก็จะมี SAE EEC DIN JIS
เงื่อนไขของแรงดันและอุณภูมิของอากาศก็เป็นดังนี้
SAE J1349 99 kPa / 29.23 InHg 25 C / 77 F
DIN 70020 101.3 kPa / 29.33 InHg 20 C / 68 F
DIN 70020 วัดที่ 20 degrees C 1013.25(29.33inHg) mb
SAE J1995 วัดที่ 25 degrees C 990(29.31inHg) mb
ลูกกลิ้ง dyno แต่ละที่จะปรับความหนืดไม่เท่ากัน มันก็ไม่แปลกที่จะวัดแต่ละที่ได้ไม่เท่ากัน
แล้วแบบ DIN 70020 กับ SAE J1349 อันนั้นจะเหมาะสมกว่าครับ
-
ผมเทียบกับรถตัวเองละครับ
ถ้าแรงม้าที่บอกของทุก dyno ที่มีในบ้านเราเป็นแรงม้าที่ลงล้อ เพราะเป็นการวัดผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ น้ำหนักรถ อย่างของผม เครื่องเป็นแค่เครื่อง NA ธรรมดา ขยายความจุมาเป็น 3000 cc โดยใช้อะไหล่เก่า ลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ของเครื่อง 3000 cc มาใส่ กับ แค็มแต่ง ระบบท่อไอเสีย กรองอากาศแบบเปลือย แคทเปลี่ยนมาใช้ของ magnaflow แบบเซรามิค หม้อพักปลายของแต่ง ลิ้นปีกผีเสื้อ / แอร์แมส เดิมของเครื่อง 2400 ที่ขนาดเล็กกว่าของเครื่อง 3000
ได้แรงม้าบนเครื่อง dynojet มา 215 แรงม้า
ซึ่งรถรุ่นผมเดิมๆออกห้าง โรงงานเคลมไว้ 218 แรงม้ากับรถแท้ๆในไทยเรา หรือ ถ้าเป็นตัว top สเป็คอเมริกา มีแค็มตัวเดียวกันกับที่ผมใช้โรงงานเคลมไว้ 235 แรงม้า
ถ้ามองว่า แรงม้า บน dynojet ได้ 215 เป็นแรงม้าที่ลงล้อแล้ว เพราะ วัดโดยผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ ตัวรถ หากคิดกลับไปโดยคิดค่าสูญเสียต่างๆกลับเข้าไป แรงม้าที่น่าจะได้เกิน 235 แรงม้าทีสเป็คโรงงานเคลมไว้ในสเป็คของรถ USA ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะไม่ใช่ละครับ (แต่ถ้าเป็นจริงก็ดี ^^)
พอดีคุยกันเรื่อง ม้าเครื่อง ม้าล้อ กันในกลุ่ม ผมเลยยังสงสัยเรื่องนี้อยู่ละครับ
แต่ทุกวันนี้เอาไว้แค่ดูเปรียบเทียบก่อนทำกับหลังทำเท่านั้นละครับ
-
ผมเทียบกับรถตัวเองละครับ
ถ้าแรงม้าที่บอกของทุก dyno ที่มีในบ้านเราเป็นแรงม้าที่ลงล้อ เพราะเป็นการวัดผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ น้ำหนักรถ อย่างของผม เครื่องเป็นแค่เครื่อง NA ธรรมดา ขยายความจุมาเป็น 3000 cc โดยใช้อะไหล่เก่า ลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ของเครื่อง 3000 cc มาใส่ กับ แค็มแต่ง ระบบท่อไอเสีย กรองอากาศแบบเปลือย แคทเปลี่ยนมาใช้ของ magnaflow แบบเซรามิค หม้อพักปลายของแต่ง ลิ้นปีกผีเสื้อ / แอร์แมส เดิมของเครื่อง 2400 ที่ขนาดเล็กกว่าของเครื่อง 3000
ได้แรงม้าบนเครื่อง dynojet มา 215 แรงม้า
ซึ่งรถรุ่นผมเดิมๆออกห้าง โรงงานเคลมไว้ 218 แรงม้ากับรถแท้ๆในไทยเรา หรือ ถ้าเป็นตัว top สเป็คอเมริกา มีแค็มตัวเดียวกันกับที่ผมใช้โรงงานเคลมไว้ 235 แรงม้า
ถ้ามองว่า แรงม้า บน dynojet ได้ 215 เป็นแรงม้าที่ลงล้อแล้ว เพราะ วัดโดยผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ ตัวรถ หากคิดกลับไปโดยคิดค่าสูญเสียต่างๆกลับเข้าไป แรงม้าที่น่าจะได้เกิน 235 แรงม้าทีสเป็คโรงงานเคลมไว้ในสเป็คของรถ USA ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะไม่ใช่ละครับ (แต่ถ้าเป็นจริงก็ดี ^^)
พอดีคุยกันเรื่อง ม้าเครื่อง ม้าล้อ กันในกลุ่ม ผมเลยยังสงสัยเรื่องนี้อยู่ละครับ
แต่ทุกวันนี้เอาไว้แค่ดูเปรียบเทียบก่อนทำกับหลังทำเท่านั้นละครับ
แล้วทำไมแรงม้าจะมากกว่าสเปคโรงงานไม่ได้ล่ะครับ ก็ใส่ของแต่งไปตั้งเยอะ แคม ท่อ อื่นๆ
-
ผมเทียบกับรถตัวเองละครับ
ถ้าแรงม้าที่บอกของทุก dyno ที่มีในบ้านเราเป็นแรงม้าที่ลงล้อ เพราะเป็นการวัดผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ น้ำหนักรถ อย่างของผม เครื่องเป็นแค่เครื่อง NA ธรรมดา ขยายความจุมาเป็น 3000 cc โดยใช้อะไหล่เก่า ลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ของเครื่อง 3000 cc มาใส่ กับ แค็มแต่ง ระบบท่อไอเสีย กรองอากาศแบบเปลือย แคทเปลี่ยนมาใช้ของ magnaflow แบบเซรามิค หม้อพักปลายของแต่ง ลิ้นปีกผีเสื้อ / แอร์แมส เดิมของเครื่อง 2400 ที่ขนาดเล็กกว่าของเครื่อง 3000
ได้แรงม้าบนเครื่อง dynojet มา 215 แรงม้า
ซึ่งรถรุ่นผมเดิมๆออกห้าง โรงงานเคลมไว้ 218 แรงม้ากับรถแท้ๆในไทยเรา หรือ ถ้าเป็นตัว top สเป็คอเมริกา มีแค็มตัวเดียวกันกับที่ผมใช้โรงงานเคลมไว้ 235 แรงม้า
ถ้ามองว่า แรงม้า บน dynojet ได้ 215 เป็นแรงม้าที่ลงล้อแล้ว เพราะ วัดโดยผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ ตัวรถ หากคิดกลับไปโดยคิดค่าสูญเสียต่างๆกลับเข้าไป แรงม้าที่น่าจะได้เกิน 235 แรงม้าทีสเป็คโรงงานเคลมไว้ในสเป็คของรถ USA ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะไม่ใช่ละครับ (แต่ถ้าเป็นจริงก็ดี ^^)
พอดีคุยกันเรื่อง ม้าเครื่อง ม้าล้อ กันในกลุ่ม ผมเลยยังสงสัยเรื่องนี้อยู่ละครับ
แต่ทุกวันนี้เอาไว้แค่ดูเปรียบเทียบก่อนทำกับหลังทำเท่านั้นละครับ
แล้วทำไมแรงม้าจะมากกว่าสเปคโรงงานไม่ได้ล่ะครับ ก็ใส่ของแต่งไปตั้งเยอะ แคม ท่อ อื่นๆ
ตัว ลิ้นปีกผีเสื้อ แอร์แมส กล่อง ecu ไม่เหมือนกันส่วน แค็ม จะเป็นตัวเดียวครับ รอบตัวสเป็ค US ก็ไปที่ 6800 ของผมยังอยู่แค่ 6400 ส่วนถ้าได้มากกว่าสเป็ค us ก็ดีเลยครับสำหรับเครื่องลูกผสมแบบนี้
-
ผมมองว่าการที่มีค่าเดียว ไม่ได้แปลว่าเป็นค่าที่ล้อเท่านั้น เพียงเพราะนั่นคือวิธีวัด ... หมายความว่า วัดยังไง กับ แสดงผลแบบไหน มันคนละเรื่องกัน บางที เครื่องไดโน่บางรุ่น บางยี่ห้อ อาจจะอยากแปลงมาเป็นค่าที่เครื่อง (ด้วยการ apply drag loss ไปให้เลย) เพื่อให้เอาไปเทียบกับเสปคโรงงานง่ายๆก็ได้
แต่อู่ที่ดีควรบอกได้ชัดไปเลยว่า ไดโน่รุ่นนี้ ค่าที่เห็นคืออะไร ตามเสปคไดโน่ ไม่ใช่ตามที่อู่"คาดการณ์"
ว่าแล้วก็ จิ๋วขี้บ่น ผมงานนี้ขึ้นไดโน่ที่ไหน วัดแบบไหนก็ไม่รู้แหะ
-
ผมเทียบกับรถตัวเองละครับ
ถ้าแรงม้าที่บอกของทุก dyno ที่มีในบ้านเราเป็นแรงม้าที่ลงล้อ เพราะเป็นการวัดผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ น้ำหนักรถ อย่างของผม เครื่องเป็นแค่เครื่อง NA ธรรมดา ขยายความจุมาเป็น 3000 cc โดยใช้อะไหล่เก่า ลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ของเครื่อง 3000 cc มาใส่ กับ แค็มแต่ง ระบบท่อไอเสีย กรองอากาศแบบเปลือย แคทเปลี่ยนมาใช้ของ magnaflow แบบเซรามิค หม้อพักปลายของแต่ง ลิ้นปีกผีเสื้อ / แอร์แมส เดิมของเครื่อง 2400 ที่ขนาดเล็กกว่าของเครื่อง 3000
ได้แรงม้าบนเครื่อง dynojet มา 215 แรงม้า
ซึ่งรถรุ่นผมเดิมๆออกห้าง โรงงานเคลมไว้ 218 แรงม้ากับรถแท้ๆในไทยเรา หรือ ถ้าเป็นตัว top สเป็คอเมริกา มีแค็มตัวเดียวกันกับที่ผมใช้โรงงานเคลมไว้ 235 แรงม้า
ถ้ามองว่า แรงม้า บน dynojet ได้ 215 เป็นแรงม้าที่ลงล้อแล้ว เพราะ วัดโดยผ่าน เกียร์ เพลา ล้อ ตัวรถ หากคิดกลับไปโดยคิดค่าสูญเสียต่างๆกลับเข้าไป แรงม้าที่น่าจะได้เกิน 235 แรงม้าทีสเป็คโรงงานเคลมไว้ในสเป็คของรถ USA ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะไม่ใช่ละครับ (แต่ถ้าเป็นจริงก็ดี ^^)
พอดีคุยกันเรื่อง ม้าเครื่อง ม้าล้อ กันในกลุ่ม ผมเลยยังสงสัยเรื่องนี้อยู่ละครับ
แต่ทุกวันนี้เอาไว้แค่ดูเปรียบเทียบก่อนทำกับหลังทำเท่านั้นละครับ
แล้วทำไมแรงม้าจะมากกว่าสเปคโรงงานไม่ได้ล่ะครับ ก็ใส่ของแต่งไปตั้งเยอะ แคม ท่อ อื่นๆ
ตัว ลิ้นปีกผีเสื้อ แอร์แมส กล่อง ecu ไม่เหมือนกันส่วน แค็ม จะเป็นตัวเดียวครับ รอบตัวสเป็ค US ก็ไปที่ 6800 ของผมยังอยู่แค่ 6400 ส่วนถ้าได้มากกว่าสเป็ค us ก็ดีเลยครับสำหรับเครื่องลูกผสมแบบนี้
รถเยอรมันโดยปกติก้เคลมแรงม้าในสเปคต่ำกว่าของจริงอยู่แล้ว
สมมติเอา 330 ที่เมกาไปขึ้นไดโน่ แรงม้าที่ล้ออาจจะ 220 เลยก้ได้ (ชดเชยไปที่เครื่องก้อาจจะได้ถึง 250+)
ละยิ่ง BMW เมกาชอบตอนแรงม้าอยู่ด้วย จะน้อยหน่อยก้ไม่แปลกหรอกครับ
แถม ถ้าอยากรู้ว่าวิ่งได้ใกล้ๆกันมั้ย ผมว่าลองจับอัตราเร่ง 0-100 ก้ได้นะครับ
-
ขึ้นอยู่กับการ calibration ของแต่ละที่ด้วยครับ อย่างผมเคยลองขึ้น dynapack (ที่ส่วนมากจะอ่อนกว่า dynojet 5-10%) แล้วผลออกมาพอๆกับ dynojet ที่ขึ้นไปก่อนหน้าครับ ถ้าจะให้ดีลองเทียบกับแรงม้าของรถเดิมๆที่เคยมาทดสอบแล้วไปค้นหาข้อมูลว่ารถรุ่นนั้นๆแรงม้าลงพื้นส่วนมากได้เท่าไหร่
-
น่าจะมีคู่มือที่ให้มาตอนซื้อ dyno ให้ลูกค้าดูด้วยเนอะ ว่าอ่านผลอย่างไร แปลผลอย่างไร
calibrate ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนไหน
-
ส่วนตัวผมเรื่องตัวเลข ผมไม่ค่อยจะซีเรียสอะไรเท่าไรละครับ ส่วนมากจะอิงค่า AFR เอามากกว่า
เพียงแต่เวลาคุยกับใครแล้วดูจะงงๆหน่อยละครับ บอกไปก็ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นเขา อย่างที่เคยขึ้นเครื่อง MAHA ตอนที่เป็นเครื่อง 2400 เครื่อง MAHA เขาบอกม้าเครื่อง 197 ม้าล้อ 125 อะไรประมาณนี้ ก็บอกเขาไปกันว่าถ้าที่ล้อจะเป็น 125 เขาก็ไม่ค่อยเชื่อกันละครับ ว่ามันน้อยเกินไป
-
ส่วนตัวผมเรื่องตัวเลข ผมไม่ค่อยจะซีเรียสอะไรเท่าไรละครับ ส่วนมากจะอิงค่า AFR เอามากกว่า
เพียงแต่เวลาคุยกับใครแล้วดูจะงงๆหน่อยละครับ บอกไปก็ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นเขา อย่างที่เคยขึ้นเครื่อง MAHA ตอนที่เป็นเครื่อง 2400 เครื่อง MAHA เขาบอกม้าเครื่อง 197 ม้าล้อ 125 อะไรประมาณนี้ ก็บอกเขาไปกันว่าถ้าที่ล้อจะเป็น 125 เขาก็ไม่ค่อยเชื่อกันละครับ ว่ามันน้อยเกินไป
พอจะแนะนำเรื่อง MAHA ทราบม้าที่เครื่องได้ไม๊ครับว่ามันวัดออกมาอย่างไร
อย่างน้อยถ้าเราลดการสูญเสียแรงม้าที่ช่วงล่างได้ ทำให้ได้ม้าที่ล้อเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปทำเครื่อง
-
ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่าเขาจะคำนวณอย่างไรละครับ ( ผมถึงมาตั้งกระทู้ถามนี่ละครับ )
แต่เครื่องของ maha นี่ รถรุ่นน้องผมเขาเคยขึ้นวัดทั้งตอนที่เป็นเกียร์ at และ mt โดยพื้นฐานเครื่องเหมือนเดิม มีเพียงแต่ เกียร์ ที่เปลี่ยนไป
ผลออกมา แรงม้า ที่เครื่อง ตามที่เครืองวัดแจ้งมาเป็นกราฟนะครับ ไม่เปลี่ยน แต่ แรงม้าที่ล้อ เปลี่ยนมาเพิ่ม ถ้าผมจำไม่ผิดจะประมาณ 20 - 30 แรง ครับ