Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Gine ที่ กันยายน 10, 2017, 16:36:50
-
(http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/20170910_065604.jpg)
(http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/20170910_071808.jpg)
(http://img.tnews.co.th/userfiles/images/tnews_1505021034_7111.jpg)
(http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/20170910_074529.jpg)
(http://img4.tnews.co.th/userfiles/images/20170910_072356.jpg)
ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 10 ก.ย. ร.ต.อ.พิสิษฐ์ ปทุมสูติ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุรถชนกันมีคนเสียชีวิตติดภายในที่ถนนสายศรีประจันต์-สามชุก หมู่ 6 ต.วังน้ำซับ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.ศรีประจันต์ และมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน มาร์ซ สีเขียวอ่อน ทะเบียน ญร 8296 กรุงเทพมหานคร เสียหลักประตูด้านคนขับชนอัดติดกับต้นไม้ข้างทางสภาพพังยับเยิน ภายในรถพบร่างนายอนุชา เจริญ อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 2 ต.ย่านยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ถูกอัดก๊อปปี้เสียชีวิตคาเบาะนั่งคนขับเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือตัดช่วยนำร่างออกมาตรวจพิสูจน์ ที่ใบหน้าและลำตัวมีแผลจากเศษกระจก มีเลือดออกที่ใบหน้าและศีรษะ ที่พื้นถนน และในรถมีแกลอนน้ำเบนซินขนาด 30 ลิตรมีน้ำมันอยู่เต็มแกลอนตกอยู่ 7 แกลอน และเศษชิ้นส่วนรถยนต์กระจายเกลื่อน ห่างกันประมาณ 30 เมตรพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัลติส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2 กล 6669 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพลิกตะแคงอยู่ริมถนนสภาพหน้ารถ กระจกหน้าและหลังแตกละเอียดหน้ารถมีรอยพังยับ
ร.ต.อ.พิสิษฐ์ ปทุมสูติ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีประจันต์ กล่าวว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุนายศักดิ์ชัย ศิลปะชัย อายุ 23 ปีคนขับรถเก๋งโตโยต้า คู่กรณี ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่เกิดเหตุ ให้การว่าตนทำงานอยู่ รง.น้ำตาลแห่งหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้ากลับบ้าน ที่ อ.เดิมบางนางบวช มาตามถนนสายดังกล่าว โดยขับตามหลังรถเก๋งนิสสัน ของผู้ตายและขับอยู่เลนเดียวกันถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตายอย่างแรง ทำให้รถของผู้ตายเสียหลักหมุน ประตูด้านคนขับชนอัดกับต้นไม้ข้างทางอย่างแรงทำเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายศักดิ์ชัย ขับรถประประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป
http://www.tnews.co.th/contents/356678
-
แซงง่าวๆอีกแล้ว ทำเค้าตายอีก
R.I.P
-
:'( แย่เลยครับ ทั้งคนตายรถพัง
ถ้าไม่พร้อมแซงก็เกาะๆ กันไปเถอะครับ
-
แย่มากขับแบบไม่รู้กำลังรถตัวเอง >:(
รถใหม่น่าจะมีแรงม้าเยอะหน่อย อัตราเร่งดีๆ จะได้แซงกันพ้นๆ
-
คนขับล้วนๆ ไม่มีวัวผสม
-
RIP ครับ
ประมาทกันจริง ๆ
-
ไม่รู้จักประมาณตัวเอง แล้วยังทำคนอื่นเดือนร้อนอีก
-
"โดยขับตามหลังรถเก๋งนิสสัน ของผู้ตายและขับอยู่เลนเดียวกันถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตาย"
ทำไมอ่านดูไม่เหมือนแซงไม่พ้น เหมือนหักอออกไม่พ้นแล้วไปปาดกับท้าย march เลยครับ แบบนี้คนขับล้วนๆกำลังเครื่องไม่เกี่ยวเลย
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ แล้วถุงลม....?
-
เรื่องนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับรถไม่แรงแซงไม่พ้นหรอก.....
รถอัลติสขับตามหลังมาชมาแล้วจะเปลี่ยนเข้าเลนขวาเพื่อแซงแต่หันไปมองรถหลังเลยไปชนท้ายมาชจนเสียหลักหมุนลงข้างทาง
ทำให้ผมนึกถึงบทความของคุณแพนเรื่องหลักการแซงขึ้นมาเลย...
รถจะแรงแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับวิธีการและการระวังภัยที่ถูกต้องครับ
นี่ขนาดถนนไป-กลับ 4 เลน ยังชนกันได้เลย
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ
นั่นสิครับ สี่เลนยังชนท้ายเขาแสดงว่าประมาทมากๆ
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ
RIP เสียใจด้วยครับ
ต้นไม้ เสา เป็นของแข็งเจอแบบนั้นก็เอาไม่อยู่ครับ
อยู่ที่มุม องศาที่รับแรงกระแทกด้วย ที่ทดสอบกันส่วนใหญ่จะทำตรงเสา B เคยมีภาพ cr-v เอาด้านข้างชนรถก็พังยับ
แต่คันในภาพเหมือนโดนตรงประตู บริเวณคนขับเต็มๆ หลังคาก็ยุบลงมาด้วย ไม่แน่ใจว่าคาดเข็มขัดนิรภัยไหม
-
เอาประตูซัดเข้าต้นไม้เต็มแบบนี้ D segment จะรอดหรือเปล่าวไม่รู้เลย
-
S Class ก็ไม่รอดครับ
โมเมนตัม ขณะชนสูงมาก
P=mv
รถหนักเป็นตัน และขับเร็ว 60+ km/hr
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ แล้วถุงลม....?
ต้องรู้ก่อนว่าชนและปะทะที่ความเร็วเท่าใด จึงจะสามารถประเมินความแข็งแรงของตัวรถได้ ลักษณะนี้น่าจะขับมาเร็วด้วยกันทั้งคู่ หรืออาจจะแข่งกันมา ถนนโล่งๆสองเลนไม่น่าจะเกิดเหตุได้ มาร์ชน่าจะแต่งดูจากฝากระโปรง อัลติชคงแซงไม่ขึ้น พอเจอรถช้าขวางก็เลยหลบเข้าหลังมาร์ชกระทันหัน แต่ไม่พ้นเกี่ยวเข้าที่ด้านท้าย คงต้องดูร่องรอยการเฉี่ยวชน
ด้วยเหตุนี้จึงควรมีถุงลมด้านข้างและม่านถุงลมกันศรีษะกระแทกกระจก ถ้ามีถุงลม 6 ใบ คนขับอาจจะไม่เสียชีวิต ผู้ผลิตรถควรให้มาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นได้แล้ว
-
ดูจากรูปต้นไม้เข้าไปเกือบเกียร์ ถุงลมกับม่านด้านข้างจะไหวหราครับ
-
ตามข่าวคนขับอัลติส อายุ23 น่าจะมีประสบการณ์ในการขับรถน้อย การกะระยะไม่แม่น พลอยให้คนอื่นเสียชีวิต RIP. ครับ
-
"ถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตายอย่างแรง"
เวลาแซงทำไมต้องหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง ไม่มีกระจกมองหลังกับกระจกมองข้างหรือครับ เวลาแซงผมไม่เคยต้องละสายตาจากรถคันหน้า แล้วหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง กระจกมองหลังกับกระจกมองข้างก็กะระยะได้แล้ว
-
ไอบ้านี่จะหันหลังไปมองทำไม กระจกมองหลังมองข้างไม่มีรึไง รู้สึกแย่จังครับที่ต้องใช้ถนนร่วมกับพวก ปญอ แบบนี้ แถมมาทำคนอื่นตายอีก
RIP ผู้เสียชีวิตครับ
-
"ถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตายอย่างแรง"
เวลาแซงทำไมต้องหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง ไม่มีกระจกมองหลังกับกระจกมองข้างหรือครับ เวลาแซงผมไม่เคยต้องละสายตาจากรถคันหน้า แล้วหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง กระจกมองหลังกับกระจกมองข้างก็กะระยะได้แล้ว
ไอบ้านี่จะหันหลังไปมองทำไม กระจกมองหลังมองข้างไม่มีรึไง รู้สึกแย่จังครับที่ต้องใช้ถนนร่วมกับพวก ปญอ แบบนี้ แถมมาทำคนอื่นตายอีก
RIP ผู้เสียชีวิตครับ
ตอนแรกผมจะไม่ตอบนะครับ แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุครับ ถ้าอยากจะใช้อารมณ์ด่า ทำได้เลยครับ ใครบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน ผมเองก็ไม่เคยสนใจที่จะอ่านอยู่แล้ว ผมมองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมมั่นใจว่า 100% ของคนที่ตอบกระทู้นี้ ไม่มีใครไปอยู่ ณ ที่เกิดเหตุจริงๆซักคน แต่ผมเข้าใจได้ว่าการอ่านข่าวแบบนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ มันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงอารมณ์นั้นออกมาครับ ผมคงจะไม่ห้ามใคร
แต่การแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคนิคเพื่อความปลอดภัยซึ่งทั่วโลกเขาทำกันมันเป็นเรื่องที่โง่ และปัญญาอ่อน ผมมองว่านอกเหนือจากจะทำให้มีความอันตรายมากขึ้น ยังสร้างความเข้าใจผิดๆถึงความปลอดภัยอีกด้วย อันนี้ผมว่าน่ากลัวกว่าเยอะครับ การทำ Shoulder Check เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการขับรถบนท้องถนน การมองแค่กระจกมองข้างความจริงแล้วคือมันไม่พอ มันไม่เคยพอ ต่อให้กระจกมองข้างและมองหลังจะใหญ่แค่ไหน หรือต่อให้มีเทคโนโลยีช่วย Blind Spot ไม่ใช่สิ่งที่ลบล้างออกไปได้
แล้วอย่าลืมนะครับ ว่าการหันไปมองกระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง ก็เป็นการละสายตาจากถนนเช่นเดียวกัน
สิ่งที่คนขับอัลติสทำผิด ไม่ใช่การหันหลังกลับไปดู แต่คือการหันหลังกลับไปดูนานเกินไป หรือ หันหลังกลับไปดูแล้วตัดสินใจจะแซงก่อนที่จะถึงเวลาที่สมควร การหันไปดูไม่ควรทำพร้อมกับการเร่งแซง เขาอาจจะเริ่มเร่งแซงทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่ การหันไปดูใช้เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ต่อให้มีการเบรคกระทันหัน ถ้ามีการเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากพอ การทำ Shoulder Check มีโอกาสที่จะก่ออุบัติเหตุน้อยมากๆครับ
ปัญหาไม่ใช่การหันหลังไปดู
อยากจะให้เข้าใจกันครับ ถ้าเกิดจะโต้แย้งก็ทำได้ครับ แต่ผมไม่ตอบกลับใดๆทั้งสิ้นนะครับ แล้วก็จะไม่กลับมาอ่านด้วย ผมว่าผมบอกประเด็นที่ต้องการบอกหมดแล้ว มันเป็นความคิดที่เกือบจะสากล แต่ประเทศไทยไม่มีการสอน ถ้าเกิดอยากโต้แย้งจริง ให้ไปโต้แย้งกับคนสอนขับรถยนต์ทั่วโลกได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ ขอฝากคลิปนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s (https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s)
-
คุณความเห็นรูปแมวข้างบนไม่ต้องกลับมาอ่านน่ะดีแล้ว เพราะคงกลัวจะรับไม่ได้กับคำด่า ประณามหามแห่ เพราะแนวคิดสุดโต่งแบบคุณคงมีคนเดียวนี่แหละในโลกเลยนะ ขอย้ำว่าในโลก ในจักรวาลด้วยซ้ำ ไม่ต้องอ้างหลักสากลมั่วๆอะไรนั่นหรอก ตรกรกะประหลาดแบบนี้ ผมขับรถมาจนจะครึ่งศตวรรษแล้ว ไม่เคยหันหลังกลับไปดูรถเพื่อความปลอดภัยอะไรแบบที่คุณว่า นอกจากขี่มอไซเท่านั้นที่จะทำแบบนั้น ขับรถยนต์ กระจกมองหลังมองข้างจะมีไว้ทำไมเอาไว้ให้บรรบุรุษคุณกราบไว้บนหิ้งบูชาหรืออย่างไร โคตรประหลาดกับความคิด อ่านแล้วของขึ้น เขาเม้นท์มาด้วยสมาัญสำนึกปรกติ กลับมาแว้งว่าเขา เฮ้อ ต้องทำใจกับคนประเภทนี้ ส่วนในข่าวไอ้คนขับอัลติสมันให้การแปลกๆนะผมว่าอ่านดูแล้ว แต่ถ้าเป็นจริงตามที่มันว่าผมว่ามันสมควรถูกยึดใบขับขี่และห้ามขับรถตลอดชีวิต เป็นอันตรายกับเพื่อนร่วมทางมากๆ
ปล.ในข่าวบอกถนนสายศรีประจันต์ :-\ - สามชุด ทำไมไม่บอกไปเลยว่าเป็นสาย 340 สุพรรณ - ชัยนาท หรือว่ามันเป็นสายใน ?
อ้อ ผมขอทำนายว่ากระทู้นี้เดวคงโดนล๊อคเพราะน่าจะมีดราม่าเกิดขึ้นตามมาแน่ๆ อิอิ :-X
-
นักซิ่งอีกแล้ว :'( :'( :'( :'(
-
คุณความเห็นรูปแมวข้างบนไม่ต้องกลับมาอ่านน่ะดีแล้ว เพราะคงกลัวจะรับไม่ได้กับคำด่า ประณามหามแห่ เพราะแนวคิดสุดโต่งแบบคุณคงมีคนเดียวนี่แหละในโลกเลยนะ ขอย้ำว่าในโลก ในจักรวาลด้วยซ้ำ ไม่ต้องอ้างหลักสากลมั่วๆอะไรนั่นหรอก ตรกรกะประหลาดแบบนี้ ผมขับรถมาจนจะครึ่งศตวรรษแล้ว ไม่เคยหันหลังกลับไปดูรถเพื่อความปลอดภัยอะไรแบบที่คุณว่า นอกจากขี่มอไซเท่านั้นที่จะทำแบบนั้น ขับรถยนต์ กระจกมองหลังมองข้างจะมีไว้ทำไมเอาไว้ให้บรรบุรุษคุณกราบไว้บนหิ้งบูชาหรืออย่างไร โคตรประหลาดกับความคิด อ่านแล้วของขึ้น เขาเม้นท์มาด้วยสมาัญสำนึกปรกติ กลับมาแว้งว่าเขา เฮ้อ ต้องทำใจกับคนประเภทนี้ ส่วนในข่าวไอ้คนขับอัลติสมันให้การแปลกๆนะผมว่าอ่านดูแล้ว แต่ถ้าเป็นจริงตามที่มันว่าผมว่ามันสมควรถูกยึดใบขับขี่และห้ามขับรถตลอดชีวิต เป็นอันตรายกับเพื่อนร่วมทางมากๆ
ปล.ในข่าวบอกถนนสายศรีประจันต์ :-\ - สามชุด ทำไมไม่บอกไปเลยว่าเป็นสาย 340 สุพรรณ - ชัยนาท หรือว่ามันเป็นสายใน ?
อ้อ ผมขอทำนายว่ากระทู้นี้เดวคงโดนล๊อคเพราะน่าจะมีดราม่าเกิดขึ้นตามมาแน่ๆ อิอิ :-X
ขอแย้งเบาๆ ไม่บอกว่าคุณเรียลแมวพูดถูกทั้งหมด แต่คุณไม่รู้เลยว่ามันมีหลักนี้อยู่
สิ่งหนึ่งคือ Shoulder Check เป็นหลักปฏิบัติที่สากลทำกัน จริง แต่ต้องมีหลักการ คือ
1) ทำเพื่อเช็คจุดบอดที่กระจกมองข้าง/มองหลัง อาจจะไม่เห็นในบางจังหวะ เช่น รถเล็กขึ้นแทรก หรือรถคันที่จะแซงเกิดเฮี้ยน ขึ้นเทียบกะทันหัน
2) ใช้เวลาแค่ "ประเดี๋ยวเดียว" ไม่ใช่หันไปแล้ว หันไปอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจว่าอัลติสก็คงทำแบบนี้แหละ คือหันไปนานเกิน
หรืออีกกรณีคือ มีวัตถุขวางที่ไม่แน่ใจว่าเซ็นเซอร์จะเอาอยู่ไหม
และกรณีกระบะขนของที่บรรทุกเต็ม กระจกมองหลังใช้ไม่ได้
แต่ถ้าหันไปนานๆ อันนั้นใช้กับการถอยรถในจุดที่กะระยะลำบาก เช่น ติดกำแพง
เพราะการขับสัก 100+ 1 วินาทีก็หมายถึง 30 เมตร+ หรือพูดง่ายๆ 6 ช่วงคันรถ
คนสมัยนี้ขับรถค่อนข้างจี้ตรูดเป็นธรรมชาติ ขับ 120 บางคนยังเว้นไม่ถึง 1 ช่วงคันก็มี
ถ้าไม่รู้ระยะ กะไม่เป็น การหันไปนานๆ มันจะเปลี่ยนจาก Shoulder Check เป็นจิ้มตรูดคันหน้าแทน
R.I.P. เจ้าของมาร์ชด้วยครับ
-
เรื่องจริง ๆ เป็นไง ไม่มีใครรู้ครับ เพราะไม่มีคลิป
-
นอกประเด็นครับ
ข้างทางถนนเมืองไทยเป็นถนนที่ "ไม่ยอมให้คนผิดพลาดแก้ตัว หรือ มีโอกาส" ครับ
ความหมาย คือ ต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกกันริมถนน ต้นใหญ่ๆนี่แหละครับ ตัวปลิดวิญญาณ ถ้ามีการพลาดเกิดขึ้น
ใน ตปท. ถนนมักไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่ริมถนนครับ โดยเฉพาะถนนที่ทำความเร็วได้สูง
ส่วนใหญ่จะเป็นคลอง หรือ หลุม ดักให้รถตกลงไปและอยู่ในนั้นไม่มีอะไร เป็นตัวหยุดรถแบบต้นไม้ครับ
บ้านเราหลายเหตุ เสียชีวิต หรือ เจ็บหนัก จากชนต้นไม้ครับ
-
นอกประเด็นครับ
ข้างทางถนนเมืองไทยเป็นถนนที่ "ไม่ยอมให้คนผิดพลาดแก้ตัว หรือ มีโอกาส" ครับ
ความหมาย คือ ต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกกันริมถนน ต้นใหญ่ๆนี่แหละครับ ตัวปลิดวิญญาณ ถ้ามีการพลาดเกิดขึ้น
ใน ตปท. ถนนมักไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่ริมถนนครับ โดยเฉพาะถนนที่ทำความเร็วได้สูง
ส่วนใหญ่จะเป็นคลอง หรือ หลุม ดักให้รถตกลงไปและอยู่ในนั้นไม่มีอะไร เป็นตัวหยุดรถแบบต้นไม้ครับ
บ้านเราหลายเหตุ เสียชีวิต หรือ เจ็บหนัก จากชนต้นไม้ครับ
เห็นด้วยครับ
-
นึกถึง ลุง คนนึง ที่แก ปลูกต้นกล้วย เต็มข้างทาง ลดแรงปะทะ ช่วยชีวิตคนได้
(https://www.thairath.co.th/media/mSQWlZdCq5b6ZLkleSL2uxdoTHtbml1B.jpg)
-
บ้านเราไม่เหลือที่ให้ต้นไม่อยู่แล้วครับ ไปปลูกที่อื่นกลัวจะเหลือแต่ตอ อยู่ริมถนนรถวิ่งผ่านไปมาคงไม่มีใครกล้วขโมย
เรื่อการขับรถ ไม่อยากวิจารณ์เพราะไม่มีคลิป และ โดยทั่วไปผมมักไม่เชื่อคำพูดจากปากคนขับเท่าไหร่
โดยเฉพาะกรณีร้ายแรง เพราะมักจะโลกสวยกว่าปกติ เห็นมาหลายครั้งแล้วว่ามีเงิบ ถ้ามีคลิปทีหลัง
-
หันหลังเป็นมอเตอร์ไซด์เลย ถ้ากระจกข้างกระจกหลังไม่พร้อมใช้งานก็ไม่น่าจะใช้งานหรือระมัดระวังเป็นพิเศษ รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตที่ต้องใช้ถนนร่วมกับคนแบบนี้
-
สงสารคนในมาร์ชครับ อยู่ดีๆมาซวยเพราะคนแย่ๆ
R.I.P. ครับ
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ แล้วถุงลม....?
ด้านข้างของทุกคัน แข็งแรงน้อยที่สุดครับ
แลมโบ วิ่งฝ่าฝนเสียหลักฟาดกับต้นไม้ยังขาด 2 ท่อนเลยครับ
-
ความจริงแล้ว (ด้านข้าง)รถนิสสันมาร์ชแข็งแรงไหมครับ แล้วถุงลม....?
ด้านข้างของทุกคัน แข็งแรงน้อยที่สุดครับ
แลมโบ วิ่งฝ่าฝนเสียหลักฟาดกับต้นไม้ยังขาด 2 ท่อนเลยครับ
รถพวกนี้ตั้งใจให้ขาดครึ่งครับ แยกเป็นสามส่วน
มันมีน๊อตยึดไม่กี่ตัว
-
นอกประเด็นครับ
ข้างทางถนนเมืองไทยเป็นถนนที่ "ไม่ยอมให้คนผิดพลาดแก้ตัว หรือ มีโอกาส" ครับ
ความหมาย คือ ต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกกันริมถนน ต้นใหญ่ๆนี่แหละครับ ตัวปลิดวิญญาณ ถ้ามีการพลาดเกิดขึ้น
ใน ตปท. ถนนมักไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่ริมถนนครับ โดยเฉพาะถนนที่ทำความเร็วได้สูง
ส่วนใหญ่จะเป็นคลอง หรือ หลุม ดักให้รถตกลงไปและอยู่ในนั้นไม่มีอะไร เป็นตัวหยุดรถแบบต้นไม้ครับ
บ้านเราหลายเหตุ เสียชีวิต หรือ เจ็บหนัก จากชนต้นไม้ครับ
+1
-
นอกประเด็นครับ
ข้างทางถนนเมืองไทยเป็นถนนที่ "ไม่ยอมให้คนผิดพลาดแก้ตัว หรือ มีโอกาส" ครับ
ความหมาย คือ ต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกกันริมถนน ต้นใหญ่ๆนี่แหละครับ ตัวปลิดวิญญาณ ถ้ามีการพลาดเกิดขึ้น
ใน ตปท. ถนนมักไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่ริมถนนครับ โดยเฉพาะถนนที่ทำความเร็วได้สูง
ส่วนใหญ่จะเป็นคลอง หรือ หลุม ดักให้รถตกลงไปและอยู่ในนั้นไม่มีอะไร เป็นตัวหยุดรถแบบต้นไม้ครับ
บ้านเราหลายเหตุ เสียชีวิต หรือ เจ็บหนัก จากชนต้นไม้ครับ
+1
แต่ถึงเป็นอย่างนั้นแล้วหลายคันก็ขับเป็นพายุแม้กระทั่งตอนฝนตก ถนนกับสภาพแวดล้อมก็ส่วนหนึ่งแต่หลักๆผมว่าเกิดจากคนนี่แหละ
-
เสียดายจริงๆครับที่คนก่อเหตไม่ตาย แต่คนไม่รู้เรื่องต้องมาตายแทน
อยากให้คนก่อเหตตายไปจังครับ
-
"ถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตายอย่างแรง"
เวลาแซงทำไมต้องหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง ไม่มีกระจกมองหลังกับกระจกมองข้างหรือครับ เวลาแซงผมไม่เคยต้องละสายตาจากรถคันหน้า แล้วหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง กระจกมองหลังกับกระจกมองข้างก็กะระยะได้แล้ว
ไอบ้านี่จะหันหลังไปมองทำไม กระจกมองหลังมองข้างไม่มีรึไง รู้สึกแย่จังครับที่ต้องใช้ถนนร่วมกับพวก ปญอ แบบนี้ แถมมาทำคนอื่นตายอีก
RIP ผู้เสียชีวิตครับ
ตอนแรกผมจะไม่ตอบนะครับ แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุครับ ถ้าอยากจะใช้อารมณ์ด่า ทำได้เลยครับ ใครบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน ผมเองก็ไม่เคยสนใจที่จะอ่านอยู่แล้ว ผมมองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมมั่นใจว่า 100% ของคนที่ตอบกระทู้นี้ ไม่มีใครไปอยู่ ณ ที่เกิดเหตุจริงๆซักคน แต่ผมเข้าใจได้ว่าการอ่านข่าวแบบนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ มันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงอารมณ์นั้นออกมาครับ ผมคงจะไม่ห้ามใคร
แต่การแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคนิคเพื่อความปลอดภัยซึ่งทั่วโลกเขาทำกันมันเป็นเรื่องที่โง่ และปัญญาอ่อน ผมมองว่านอกเหนือจากจะทำให้มีความอันตรายมากขึ้น ยังสร้างความเข้าใจผิดๆถึงความปลอดภัยอีกด้วย อันนี้ผมว่าน่ากลัวกว่าเยอะครับ การทำ Shoulder Check เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการขับรถบนท้องถนน การมองแค่กระจกมองข้างความจริงแล้วคือมันไม่พอ มันไม่เคยพอ ต่อให้กระจกมองข้างและมองหลังจะใหญ่แค่ไหน หรือต่อให้มีเทคโนโลยีช่วย Blind Spot ไม่ใช่สิ่งที่ลบล้างออกไปได้
แล้วอย่าลืมนะครับ ว่าการหันไปมองกระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง ก็เป็นการละสายตาจากถนนเช่นเดียวกัน
สิ่งที่คนขับอัลติสทำผิด ไม่ใช่การหันหลังกลับไปดู แต่คือการหันหลังกลับไปดูนานเกินไป หรือ หันหลังกลับไปดูแล้วตัดสินใจจะแซงก่อนที่จะถึงเวลาที่สมควร การหันไปดูไม่ควรทำพร้อมกับการเร่งแซง เขาอาจจะเริ่มเร่งแซงทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่ การหันไปดูใช้เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ต่อให้มีการเบรคกระทันหัน ถ้ามีการเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากพอ การทำ Shoulder Check มีโอกาสที่จะก่ออุบัติเหตุน้อยมากๆครับ
ปัญหาไม่ใช่การหันหลังไปดู
อยากจะให้เข้าใจกันครับ ถ้าเกิดจะโต้แย้งก็ทำได้ครับ แต่ผมไม่ตอบกลับใดๆทั้งสิ้นนะครับ แล้วก็จะไม่กลับมาอ่านด้วย ผมว่าผมบอกประเด็นที่ต้องการบอกหมดแล้ว มันเป็นความคิดที่เกือบจะสากล แต่ประเทศไทยไม่มีการสอน ถ้าเกิดอยากโต้แย้งจริง ให้ไปโต้แย้งกับคนสอนขับรถยนต์ทั่วโลกได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ ขอฝากคลิปนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s (https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s)
ตรรกะป่วยๆ ถ้าต้องหันไปมองหลังเองแล้วบริษัทผลิตรถยนต์ทุกบริษัท ย้ำนะว่าทุกบริษัท จะทำกระจกมองข้างมองหลังมาทำมะเขืออะไรวะครับ
จนเดี๋ยวนี้เค้ามีกล้องติดกระจกข้างบ้าง สัญญาณเตือนบ้าง เพื่อลบจุดบอดในการมอง ถ้าหันไปมองแล้วดีกว่าจะทำของพวกนี้ให้เปลืองต้นทุนทำไม
ลองใช้สมองน้อยๆคิดดูแล้วกันว่าอะไรดีกว่า ระหว่างมองกระจกข้างกระจกหลัง เสียเวลาแค่เสี้ยววินาทีแลกกับมีจุดบอดนิดหน่อย กับหันหลังไปมองเลย จุดบอดมีรึเปล่าไม่รู้แต่เสียเวลาวินาทีกว่าขึ้นไปแน่ๆ (ถ้าคิดว่าตัวเองหันหลังมองได้เร็วกว่านั้น มาลองพิสูจน์กันได้) อันไหนเสี่ยงอุบัติเหตุมากกว่ากัน
ผมว่าคุณนี่มันนิสัยเด็กมากๆเลยอ่ะครับ มีการบอกด้วยว่าด่าไปเลยนะ ไม่กลับมาดูละ มันอารมณ์เด็กขี้แพ้โดนแกล้งเลยด่าแล้ววิ่งหนี แต่เอาเหอะครับ 100% ของพวกนิสัยแบบนี้ื กลับมาอ่านอยู่แล้วแหละ
-
ต้มน้ำหรือยัง ฉีกซองมาม่าแล้วนะ
-
นับถอยหลังกระทู้โดนล้อค 55 ความจริงกระทู้แบบนี้อ่านแล้วได้ความรู้นะครับ ผมเองก็ได้บทเรียนหลายๆอย่างจากกระทู้อุบัติเหตูเหล่านี้ หลายคนก็วิเคราะห์ไว้ได้ดี
แต่หลังๆตั้งทีไรดร่ามาทุกที
-
ชออนุญาตให้เป็นกระทู้ความรู้นะครับ
ดูกันชัดๆ อะไรคือ Shoulder Check ทำอย่างไร หันหน้าไปทางไหน หันแค่ไหน หันกี่องศา หันกี่ครั้ง ทำตอนไหน
https://www.youtube.com/watch?v=uJ4w63wZyFQ
Shoulder Check ตอนเปลี่ยนเลน ไม่มีการหันหน้ากลับไปมองรถข้างหลัง
https://www.youtube.com/watch?v=mUnfbiEJytA
-
ผมว่า ท่าน จขกท. ต้องการแชร์ให้ดูเป็น case study นะครับ
ไม่ได้มีเจนตามาให้เราๆท่านๆด่ากันสนุกปาก หรือมาดราม่ากันในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง
ใจร่มๆ แล้วเก็บไว้เป็นประสบการณ์เผื่อเราอาจจะต้องประสบพบเจอเองดีกว่าครับ
ว่าเราจะจัดการอย่างไร ให้เราปลอดภัย คนในรถปลอดภัย
เห็นกระทู้เรื่องอุบัติเหตุทีไร ต้องด่ากันมั่วแล้วก็มาจบที่การดราม่ากันเองในหมู่สมาชิกทุกทีสิน่า
ด้วยความเคารพ
-
"ถึงที่เกิดเหตุได้หันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง พร้อมกับเร่งเครื่องแซง แต่ไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายรถของผู้ตายอย่างแรง"
เวลาแซงทำไมต้องหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง ไม่มีกระจกมองหลังกับกระจกมองข้างหรือครับ เวลาแซงผมไม่เคยต้องละสายตาจากรถคันหน้า แล้วหันหน้ากลับไปดูรถคันหลัง กระจกมองหลังกับกระจกมองข้างก็กะระยะได้แล้ว
ไอบ้านี่จะหันหลังไปมองทำไม กระจกมองหลังมองข้างไม่มีรึไง รู้สึกแย่จังครับที่ต้องใช้ถนนร่วมกับพวก ปญอ แบบนี้ แถมมาทำคนอื่นตายอีก
RIP ผู้เสียชีวิตครับ
ตอนแรกผมจะไม่ตอบนะครับ แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุครับ ถ้าอยากจะใช้อารมณ์ด่า ทำได้เลยครับ ใครบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน ผมเองก็ไม่เคยสนใจที่จะอ่านอยู่แล้ว ผมมองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมมั่นใจว่า 100% ของคนที่ตอบกระทู้นี้ ไม่มีใครไปอยู่ ณ ที่เกิดเหตุจริงๆซักคน แต่ผมเข้าใจได้ว่าการอ่านข่าวแบบนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ มันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงอารมณ์นั้นออกมาครับ ผมคงจะไม่ห้ามใคร
แต่การแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคนิคเพื่อความปลอดภัยซึ่งทั่วโลกเขาทำกันมันเป็นเรื่องที่โง่ และปัญญาอ่อน ผมมองว่านอกเหนือจากจะทำให้มีความอันตรายมากขึ้น ยังสร้างความเข้าใจผิดๆถึงความปลอดภัยอีกด้วย อันนี้ผมว่าน่ากลัวกว่าเยอะครับ การทำ Shoulder Check เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการขับรถบนท้องถนน การมองแค่กระจกมองข้างความจริงแล้วคือมันไม่พอ มันไม่เคยพอ ต่อให้กระจกมองข้างและมองหลังจะใหญ่แค่ไหน หรือต่อให้มีเทคโนโลยีช่วย Blind Spot ไม่ใช่สิ่งที่ลบล้างออกไปได้
แล้วอย่าลืมนะครับ ว่าการหันไปมองกระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง ก็เป็นการละสายตาจากถนนเช่นเดียวกัน
สิ่งที่คนขับอัลติสทำผิด ไม่ใช่การหันหลังกลับไปดู แต่คือการหันหลังกลับไปดูนานเกินไป หรือ หันหลังกลับไปดูแล้วตัดสินใจจะแซงก่อนที่จะถึงเวลาที่สมควร การหันไปดูไม่ควรทำพร้อมกับการเร่งแซง เขาอาจจะเริ่มเร่งแซงทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่ การหันไปดูใช้เวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ต่อให้มีการเบรคกระทันหัน ถ้ามีการเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากพอ การทำ Shoulder Check มีโอกาสที่จะก่ออุบัติเหตุน้อยมากๆครับ
ปัญหาไม่ใช่การหันหลังไปดู
อยากจะให้เข้าใจกันครับ ถ้าเกิดจะโต้แย้งก็ทำได้ครับ แต่ผมไม่ตอบกลับใดๆทั้งสิ้นนะครับ แล้วก็จะไม่กลับมาอ่านด้วย ผมว่าผมบอกประเด็นที่ต้องการบอกหมดแล้ว มันเป็นความคิดที่เกือบจะสากล แต่ประเทศไทยไม่มีการสอน ถ้าเกิดอยากโต้แย้งจริง ให้ไปโต้แย้งกับคนสอนขับรถยนต์ทั่วโลกได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ ขอฝากคลิปนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s (https://youtu.be/yw9WhWI_pMc?t=50s)
+ 1
-
อ่านหลายๆความเห็นแล้ว...
ทฤษฎี worst case ของผม ก็ยังน่าใช้อยู่นะครับ
ไม่มั่นใจ ก็ไม่ต้องแซง
สำหรับผม การทำ shoulder check อะไรเนี่ย
คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้ทำเลย
มันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสิ่งหนึ่งที่ถ้าคุณทำไปแล้ว อาจเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ เวลาที่รถวิ่งด้วยความเร็วพอประมาณ
เพราะตอนนั้นที่คุณทำ แปลว่า คุณกำลัง"ไม่มั่นใจ"ในสภาพแวดล้อมของการจราจรรอบๆตัวคุณ เกิดข้างหน้าเบรคกระทันหันหรืออะไรก็แล้วแต่ ผลคือ "ชน" สถานเดียว
ดังนั้น การใช้แค่อุปกรณ์ที่ทำให้คุณๆเห็นรถคันหลังโดยไม่ต้องถอนสายตาเกินไปนัก น่าจะช่วยได้เยอะครับ หากอุปกรณ์ดังกล่าวทำให้คุณไม่เห็นจุดบอด ก็จงอย่าเสี่ยงเลย
เพราะหากคุณๆกำลังไม่มั่นใจ คือ ไม่ต้องเปลี่ยนเลนครับ ถ้าพลาดจากจุดนั้นไป ก็ไปกลับรถข้างหน้า ดีกว่าเยอะ
เสริมนิดนะครับ การทำ shoulder check ในช่วงที่รถสามารถใช้ความเร็วได้ไม่น่าจะเป็นหลักสากลเท่าไหร่นัก ทำไมเหรอ ผมถึงคิดแบบนั้น
เพราะถ้าเป็นหลักสากลจริงๆ... โลกนี้คงห้ามรถบรรทุกรวมถึงรถบัสวิ่งกันแล้วล่ะครับ รถเหล่านี้คุณๆไม่สามารถทำได้แน่นอน ต้องอาศัยกระจกมองข้างเท่านั้นครับ คุณจะไปทำ shoulder check ตอนจะแซง แล้วจะเห็นอะไร?
ถ้าไม่เห็นด้วยอุปกรณ์ช่วย หนทางที่ดีที่สุด คือ ไม่ทำการใดๆทั้งสิ้นครับ น่าจะปลอดภัยที่สุด
-
จะหันหลังไปดูทำไมในจังหวะนั้นๆ
การหันไปดูเป็นสิ่งที่ดี แต่ดูจังหวะด้วย
ขับรถไม่เก่งก็มีความเป็นไปได้