Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ กันยายน 29, 2017, 20:46:52
-
สวัสดีครับ
พอดีช่วงนี้ ผมสนใจเรื่อง การรับประกันรถยนต์ เพราะตัวเอง กำลังจะซื้อ package ขยายระยะเวลารับประกัน ของ Toyota
ได้ทำการสำรวจ การรับประกันและฟรีค่าแรง ของหลายเจ้าครับ
ที่น่าสนใจที่สุด คือ Mitsubishi ที่ให้รับประกัน 5 ปี หรือ 1 แสนกิโล และฟรีค่าแรงถึง 1 แสนกิโล(https://www.mitsubishi-motors.co.th/resource/aftersales/Diamond-Warranty.jpg?id=new)
รองลงมา คือ Honda และ Toyota ที่มีขายการรับประกัน 5 ปี หรือ 1.4-1.5 กิโล เพิ่มเข้ามา บางรุ่นก็แถมฟรี
Honda ฟรีค่าแรง 2 หมื่นโล Toyota 5 หมื่นโล
ดังที่ผมเคยสรุปไปแล้วก่อนหน้านี้ครับ...http://community.headlightmag.com/index.php?topic=61395.0
กับ Mazda ที่ตอนนี้ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ 3 ปีหรือ 6 หมื่นกิโล บางรุ่น อย่าง BT-50 ได้ 5 ปีหรือ 1 แสนกิโล(http://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2017/07/banner_mazda_care_edit.jpg)
รับประกัน 3 ปี 1 แสนโล จริง แต่ก็สามารถซื้อเพิ่มได้
https://www.mazda.co.th/customer-care/mazda-activ-service/mazda-added-protection/
แต่ Nissan กับ Suzuki ยังไม่มีการขยายระยะรับประกันตรงนี้ เว้นแต่ นิสสัน ยังมี Nissan Safe save
(https://www.nissan-cdn.net/content/dam/Nissan/th/news/leaf-fb.jpg.ximg.l_8_m.smart.jpg)
ซึ่งผมว่า ดีนะครับ ที่มี แต่แย่ตรง ต้องซื้อแบบ 3 ปี หรือ 5 ปี ยาวๆ เทียบกับ Honda มีขายแบบ 2 ครั้ง 4 ครั้งเช็ดระยะ
ส่วน Suzuki ไม่มีอะไรเลยครับ
อยากสอบถามความเห็นจากทุกท่าน คิดว่า เพราะอะไรทำให้ทั้ง 2 เจ้า ยังไม่มีการขาย หรือ แถม package ระยะรับประกันครับ
โดยเฉพาะ suzuki ที่เรื่อง package บำรุงรักษาก็ยังไม่มีขายครับ (จำได้ว่า su แถมฟรีค่าแรง แค่ 3 หมื่นโลครับ)
ผมรู้สึกว่า นิสสัน รู้ตัวอะไหล่ตนเองไม่ทน เลยไม่กล้ารับประกัน ยาวๆ 5 ปีครับ ส่วน suzuki ผมเดาไม่ถูกจริงๆ ครับ
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ
Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ
Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda
ถ้าตามปกติคือ 80000 กม. ตามคู่มือเช็คระยะนั่นพังไวแน่ๆ ครับ ต้องชิงเปลี่ยนก่อน
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ
Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda
ถ้าตามปกติคือ 80000 กม. ตามคู่มือเช็คระยะนั่นพังไวแน่ๆ ครับ ต้องชิงเปลี่ยนก่อน
ผมเปลี่ยนทุก 2-3 หมื่นโล ยังมีเสียงนิดๆ ที่ความเร็ว 80 ขึ้นไปเลยคับ ดัง จิกๆๆๆๆๆๆๆๆ พอถ่ายรอบแรกออกก็หาย สักพักพ้น 2 หมื่นโล ก็เป็นอีก ถ่ายรอบ 2 พร้อมกรองก็หายไป
...ไม่รู้ว่าคนซื้อต่อไปจะเจออะไรบ้าง ::)
-
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู
ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ
คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว
ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...
ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก
ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...
-
เหตุผลที่แท้จริงผมคงไม่มีทางเดาได้ ว่าแต่ของแบบนี้มันแล้วแต่บริษัทไม่ใช่หรือครับ ไม่ได้มีอะไรกำหนดตายตัวว่าต้องมี
-
อ้าว นิสสันยังทำตลาดอยู่หรือครับ :-X
-
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ
หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ
Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda
lancer ex ผม 7 ปี 18XXXX km. แล้ว ยังปกติเลยครัย เกียร์ Jacto
-
จำได้ว่านิสสัน เทียน่ารุ่นก่อนหน้า ตอนใกล้จะตกรุ่นเต็มที แถมประกันตัวรถให้ 5 ปีครับ ... หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวอีกเลย :-* :-* :-*
-
มันเป็นต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาไงครับ การขยายระยะเวลา ส่วนมากแล้ว บ.รถ ต้องไปดีลกับ บ.ประกัน เพื่อสินค้าตัวนี้ครับ บ.ประกัน คือคนที่รับความเสี่ยงตรงนี้ไปครับ ในกรณีที่มีการเคลม ถ้า บ.รถ เอาสินค้านี้มาขาย ก็จะเปลี่ยนจากต้นทุนเพิ่ม เป็นรายได้แทน เพราะเมื่อขายสินค้าได้ ย่อมได้ส่วนแบ่งกำไรตามที่ตกลงกับ บ.ประกัน
-
วิเคราะห์กันให้ดี "การตลาด" จริง ๆ
Product ดี ชัวร์ ปัญหาน้อยมาก ๆ ขายประกันรถ ได้เงินเพิ่ม ดูดีด้วย รถไม่มีปัญหา อยากได้ความสบายใจ เอาเงินมาซื้อความสบายใจซะ
Product ไม่ค่อยดี อาจจะเกิดปัญหาหรือรู้ตอนหลังว่าปัญหาเยอะ ก็ขายประกันรถเยอะๆ และเขียนข้อกำหนดการเคลม อย่างน้อยก็มีทางออก ไม่โดนด่าเยอะ รถที่ไม่ได้ซื้อ มีข้ออ้างว่า ไม่ยอมซื้อประกัน เคลมไม่ได้ รถที่ซื้อประกันไป ก็หาข้ออ้างว่าว่า ชิ้นส่วนนี้เกิดจากการใช้งาน เสื่อมตามปกติ ไม่ให้เคลม ถึงหใ้เคลมก็คุ้ม เพราะยังไงค่าเบี้ย ค่าอะไหล่ก็คุ้มว่า และก็ไม่ใช่ว่าจะเคลมได้ทุกคัน
-
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู
ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ
คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว
ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...
ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก
ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...
+1 ครับ
บางศูนย์มีรายการน้ำยาล้างหัวฉีดในการเช็คระยะ ซึ่งในคู่มือไม่เห็นมี เห็นสามร้อยกว่าบาทไม่มากเลยยอมๆจ่ายไปครับ
-
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู
ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ
คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว
ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...
ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก
ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...
+1 ครับ
-
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู
ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ
คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว
ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...
ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก
ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...
อะไรเกินมาผมบอกให้เอาออกหมดครับ ศูนย์ที่ผมเข้าประจำนี่รู้เลยไม่เคยมีรายการยัดของเพิ่ม อะไรที่เราคิดว่าไม่ใช่สามารถสั่งไม่เอาได้หมด เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ศูนย์เลยเข้าอู่บางที่ก็โดนยัดของแบบงงๆได้
-
จริงครับ เพราะ 0 ที่ผมเข้าก็ไม่เคยยัดอะไรเพิ่มเหมือนกัน
ผมก็คิดเหมือนกันว่าพวกนี้มันทำมาเพื่ออยากให้คนเอารถเข้าศูนย์ยาวไปอีกครับ เพราะเกินประกัน 3 ปีคนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าครับ
ถ้าเข้ามีโอกาสกินเงินอย่ีางอื่นหลายอย่างครับ
-
5 ปี 100,000 กม. เหมาะกับคนใช้รถค่อนข้างน้อย ครับ แต่ถ้าคนใช้เยอะ แค่ 2 - 3 ปี ก็เกินแสนกม. หมดประกันไปละ
ถ้า HONDA / TOYOTA มาขาย package ประกัน 5 ปี รับรองว่า ผมไม่ซื้อครับ HONDA นี่ ไม่เคยซื้อเลย เพราะผมมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ครับ คือ จะมีอะไร มันก็มีในช่วง 3 ปีแรก และ ก็ทำการเคลม รวมถึง บริษัทเค้าก็เคลียร์ออก part ใหม่มาให้หมดละ เลยไม่มีความจำเป็น
แต่ถ้าแบรนด์อื่น อันนี้ ต้องซื้อแหละ