Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Slow But Sure ที่ ตุลาคม 24, 2017, 10:02:38
-
เห็นในบ้านเรานิยมกันเว่อวัง ส่วนตัวคิดว่ามันก็ไม่ได้พิเศษขนาดนั้นถ้าแค่ Street Use ธรรมดา
ใครที่ใช้ Sport หรือ Super car เขาเติมลมไนโตรเจน มาจากโรงงานมั้ยครับ หรือใครที่อยู่ต่างประเทศฝากแชร์หน่อยครับว่าเมืองนอกเขานิยมกันบ้างมั้ย
-
ผมขับรถมาร่วม 20 ปี ไม่เคยเติมลมไนโตรเจนเลยครับ
เติมลมตามปั๊มน้ำมันอย่างเดียว เน้นเช็คลมทุกเดือน จะเสียเงินไปทำไม 555
-
ถ้าเติมฟรี แบบโปรเปลี่ยนยางกับร้าน+แถมไนโตรตลอดอายุยาง แล้วสะดวกใกล้บ้านก็เติมไปครับ
ส่วนผม เติมลมธรรมดา ครับ รถบ้านๆ ไม่ต่างครับ
ปล ลมไนโตร ถ้าเติมลมธรรมดาเข้าไปปนครั้งเดียว ก็เป็นลมธรรมดาแล้วครับ
-
ผมก็สงสัยครับ เลยซื้อเจ้า TPMS มาวัดลมยางแบบ realtime เวลาวิ่งยาวๆ ยางร้อน
ถึงเป้นลมธรรมดามันก็เพิ่มขึ้นไม่ถึง 3 ปอนด์ครับ เลยไม่ซีเรียส
ปล. ลมไนโตรเจนมันซึมช้า ใครไม่สะดวกหรือหาจุดเติมลมยากก็แนะนำ
สำหรับผมอยู่ในเมือง แทบทุกปั้มมีที่เติมลมธรรมดา เลยไม่จำเป็นว่าจะต้องไปหาร้านที่เติมลมไนโตรเจนที่มีอยู่ไม่กี่ที่
-
ลมธรรมดาครับ ขับมา จะเป็น ล้านกม.ละ
ยางสภาพดีกว่าบางคันที่ปล่อยยางอ่อนๆ ขับกินแก้มไปวันๆอีก
-
เคยมีรุ่นพี่ที่เป็นนักแข่งรถบอกเอาไว้ว่า ลมไนโตรเจนจะเห็นผลเยอะๆต้องเติมกับรถที่เอาไว้แข่งเพราะยางต้องร้อนเป็นเวลานานๆ เอามาเติมรถธรรมดามันไม่เห็นผลชัดเจนไม่ต้องไปเติม
-
ไม่จำเป็นต่อชีวิต ถ้าคุณหมั่นดูแลสุขภาพรถตัวเองสม่ำเสมอ 8)
-
ผมว่า เอาที่สบายใจครับ
มีให้เติม ก็เติมไป
ไม่มีก็ใช้ผสมไป
การดูแลรักษาแรงดันอากาศของยาง
ให้ได้ตามที่ผู้ผลิตแจ้ง อย่างสม่ำเสมอ
ปลอดภัยทั้งรถทั้งคนครับ
-
ที่รถแข่งใช้ไนโตรเจนเติมยาง เพราะเวลาคำนวณอัตราการขยายของยางจากความร้อน มันง่ายกว่าเพราะมีแค่ ไนโตรเจน ครับ
-
ใครขี่จักรยานพวกเสือหมอบเสือภูเขาน่าจะมีตัวสูบวัดแรงดันแบบกดทั้งตัว
อันนี้เอามาสูบยางรถได้ครับ ไม่กี่ปื้ดก็ได้ 1 psi หละ
ผมเลยสะดวกสูบที่บ้านมากกว่า
ได้สูบตอนยางเย็นๆด้วย
ถือว่าลมเต็มตลอดปลอดภัยอยู่แล้วครับ :)
ถ้าลมไนโตรแต่ไม่ค่อยได้ดู อันนี้ก็อย่าใช้เลย
-
เอาเป็นข้อมูลนะครับ
อากาศที่เราหายใจ ประกอบด้วย ก๊าซไนโตรเจน 70% ออกซิเจน 21% และอื่นๆ
ถ้าไม่ได้ใช้งานเฉพาะเช่น แข่งรถ ฯลฯ ผมว่าไม่ได้ต่างกันขนาดนั้นครับ
-
ไม่จำเป็นครับ แต่รถที่บ้านผมเติมทุกคันเลย เสียเงินเปลี่ยนครั้งแรก200บาทแค่นั้น ครั้งต่อไปฟรีครับ(ร้านเติมอยู่แถวบ้าน)
ข้อดี
1. ไม่ต้องเติมบ่อย เช็ค 1-2 เดิอนครั้ง ลดไปแค่ 1-3 psi ต่างจากลมปกติ
2. ขับทางไกล ลมไม่ค่อยเพิ่ม ต่างจากลมปกติ
3. ในปริมาณ ลมที่เท่ากัน รู้สึก ลมไนโตรนุ่มกว่า นิดนึงครับ(ความรู้สึกส่วนตัว)
ข้อเสีย
1. บางที่อาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการเติม
2. หาที่เติมได้ยากครับ
ปล. ลองพิจารณาดูครับ บ้านผม มีแต่ผู้หญิงกับคนแก่ใช้รถ คนดูแลแค่ผมคนเดียว เวลาเช็คลมทีก็ปวดหัวละครับ ครบรอบเดือน สลับเอารถ4คันไปเติมลมยาง :'(
-
ขับแทรคดย์ ถ้าใช้ลมไนโตรเจนก็อาจจะได้ประโยชน์แน่แง่ ส่วนต่างลมยางน้อยกว่าครับ
ถ้าใช้ลมธรรมดาก่อนลงแทรค ต้องเติมอ่อนลงไป 5-7ปอนด์เลยทีเดียว แล้วแต่ว่าเป็นล้อหน้าหรือล้อหลัง เพราะความร้อนที่มาจากเบรคจะสูงมากชนิดที่เอามือแตะล้อไม่ได้เลยเวลาเข้าพิท และมีผลกับที่ล้อหน้ามากกว่าต้องปล่อยลมล้อหน้ามากกว่า
ถ้าลมในโตรเจนส่วนต่างอาจน้อยกว่านั้น แต่ก็ไม่เคยลองซักที ส่วนใหญ่ใช้ปล่อยลมเอาเวลากลับเข้าพิทครับ
แต่ถ้าขับบนถนนทั่วไป ผมว่าไม่ค่อยจำเป็น เพราะโอกาสที่จะเบรครุนแรงติดๆกัน แบบในสนามนั้นไม่ค่อยมี ความร้อนจากเบรคไม่มาก ความดันเลยเปลี่ยนไม่มากครับ
-
ไม่จำเป็นหรอกครับ
แต่ที่ใช้เพราะมันสะดวกดี
จ่ายตังค์ครั้งเดียวมีคนเติมลมให้ตลอด
มือไม่เปื้อนด้วยครับ
-
ร้อนไม่ร้อนไม่รู้นะ แต่มันไม่ต้องเติมบ่อยๆเลย
บางทีเดือนครึ่งไปเติมหายไปแค่ปอนด์สองปอนด์และไม่ต้องเติมเองด้วย
-
รถบ้านขับทางไกลเติมลมธรรมดาก็ได้ครับ
ข้อเสียของลมธรรมดาคือ จะซึมมากว่า ต้องคอยดูบ่อยหน่อย
ข้อดีของลมไนโตรเจน ถ้าขับทางไกลนานๆช่วงกลางวัน ยางจะไม่ร้อนมากครับ
จะเห็นผลตอนปลายๆ ถ้าไปเจอถนนไม่ดียางจะแข็งและเด้งกว่าเดิมเล็กน้อย
และซึมน้อยมาก 2 เดือนเช็ค 1 ครั้งยังได้เลย ส่วนใหญ่มักไม่ยุบไปไหน
และยางจะนุ่ม เติมตามมารฐานรถแป๊ะๆได้เลย ไม่ตึงตีง ถ้าใช้ลมธรรมดาเติมแรงดันจะเท่ากัน จะตึงตังกว่าหน่อย
ถ้าถามว่าจำเป็นไหม? ก็คือไม่ครับ
-
ถามว่า ขนาดจำเป็น คงไม่ครับ
แต่ถามว่า ใช้รถทางไกลบ่อย ๆ เติมไนโตรเจนมันนุ่มตูดเสมอต้นเสมอปลายดีครับ
วันก่อนใช้ฟอร์จูนเนอร์หน้าแชมป์ ไปเส้นทาง สายไหม-ประทาย-พยัฆฯ และนอน
เมื่อวาน พยัฆฯ-นาดูน-วาปีปทุม-ประทาย-วังน้อย-ด่วนกาญจนา-ด่วนจตุโชติ-พระราม2-สมุทรสงคราม-ด่วนพระราม2-สายไหม
เติมลมไนโตรเจนแบบถ่ายใหม่เอาลมเก่าออกหมด หน้า 34 หลัง 32 ยาง 265 70 R16 นุ่มตูดถึงวันนี้ คุ้มค่าที่ต่ออายุกับเจ้าเหลือง
100 บาท/ 6 เดือนครับ
-
ไม่จำเป็นหรอกคับ แต่ผมตัดปัญหา การเติมลมที่ปั้ม อาจมีน้ำเข้า สิ่งเจือปน
ส่วนปั้มเติมลมเอง ผมเคยใช้ ผมว่ามันเหมาะกับการเติมเฉพาะกิจ หรือเติมลมจักรยาน
เติมบ่อยๆ กลัวเครื่องมันพังคับ
เลยตัดใจเติมไนโตรเจนดีกว่า
-
เท่าที่รู้ก็มี Audi R8 ที่เติมไนโตรจากโรงงานเลย
ส่วนผมคิดว่าน่าเติม เพราะ 100 บาท/6 เดือน มันถูกมาก และเติมได้แม่นยำเพราะตั้งค่าได้
ให้เด็กเติมที่ปั๊มน้ำมัน มีทิปด้วย แพงกว่า บางทีเติมมั่วแต่ละข้างไม่เท่ากัน เสียเวลาต้องมาเช็คซ้ำอีก
-
เอาไว้เป็นข้อมูลกัน นะครับ
รถผมมี TPMS
ก่อนออกเดินทาง หน้า 32 หลัง 34
หลังออกเดินทาง หน้า 34 หลัง 36
พอวิ่งๆไปอีก ช่วงบ่ายๆ แดดส่องรถข้างเดียวข้างขวา
หน้า ซ้าย 35 ขวา 37 (ด้านนี้ไกล้เทอร์โบ และท่อไอเสีย)
หลัง ซ้าย 37กว่าๆ ขวา 38กว่าๆ
สรุป เลยไม่เติมคับ
แค่รถบ้านๆ วิ่งไม่เกิน ร้อยสี่ร้อยห้า
-
ผมใช้ไนโตเจนเพราะได้ฟรีตอนเปลี่ยนยาง
เหตุผลเดียวที่ใช้คือ ไม่ต้องเติมบ่อย ผมทิ้งช่วงที 3-4 เดือนเติมที ฟรี
อีกคันใช้ลมธรรมดาผมต้องเช็คทุกเดือนอย่างมาก
-
เอ.... ไม่รู้จะแปะลิงค์จาก ยูทูปได้ไหม แต่อยากให้ลองดูครับ
ผมก็สงสัยว่าทำไมมันไม่เป็นอย่างที่หลายๆท่านว่ากัน
https://youtu.be/kmnZ4-EUbIk
ปล. รถสนาม ผมก็เติมลมธรรมดาครับ สะดวกกว่า จะลด จะเพิ่ม สะดวกกว่าแบกถัง N2 ฮะ ;D ;D ;D
-
ผมใช้ไนโตเจนเพราะได้ฟรีตอนเปลี่ยนยาง
เหตุผลเดียวที่ใช้คือ ไม่ต้องเติมบ่อย ผมทิ้งช่วงที 3-4 เดือนเติมที ฟรี
อีกคันใช้ลมธรรมดาผมต้องเช็คทุกเดือนอย่างมาก
อันนี้ เรื่องแปลกแต่จริง
2คันที่ไม่ได้ใช้ไนโตรเจน เติมบ่อยครับ อาทิตย์นึงลดไป 1-2 ปอนด์
ส่วนอีกคันที่ใช้ เดือนนึงลดไป 2 ปอนด์
-
รถแข่งในสนามยังเติมลมธรรมดา เลยครับ ถ้าจำไม่ผิดยัน F1 เลยมั้ง
ถ้าเน้นสบายใจ ก็ไนโตรเจน(ผมก็เติมไนโตรเจน)
แต่ถ้าเอาสะดวก ธรรมดาสบายใจกว่าครับ หาเติมที่ไหนก็ได้ เสียบหัวรถเติมฟรีได้ทุกที่
-
ผมขับรถมาร่วม 20 ปี ไม่เคยเติมลมไนโตรเจนเลยครับ
เติมลมตามปั๊มน้ำมันอย่างเดียว เน้นเช็คลมทุกเดือน จะเสียเงินไปทำไม 555
+1
-
เติมลมธรรมดาเช็คลมเดือนละครังสบายใจ
-
สำหรับผมไม่จำเป็น
ยกเว้นได้ฟรีก็เอา
-
ไม่จำเป็นครับ ลมธรรมดาทั่วไปก็พอครับ บ้านผมตั้งแต่รุ่นปู่ก็เติมลมธรรมดามาตลอดครับ มีผมนี่ล่ะไปเติมไนโตรเจน ก็เติมฟรีนี่นา :-[
-
เอ.... ไม่รู้จะแปะลิงค์จาก ยูทูปได้ไหม แต่อยากให้ลองดูครับ
ผมก็สงสัยว่าทำไมมันไม่เป็นอย่างที่หลายๆท่านว่ากัน
https://youtu.be/kmnZ4-EUbIk
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
ดูแล้วสนุกมาก
ได้ความรู้เยอะเลย สรุปในแง่แรงดันลมตามความร้อนกลับไม่มีผลตามที่คาด :-X
ปล. รถสนาม ผมก็เติมลมธรรมดาครับ สะดวกกว่า จะลด จะเพิ่ม สะดวกกว่าแบกถัง N2 ฮะ ;D ;D ;D
-
สิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือเรื่องอากาศปนน้ำครับ เพราะอากาศชื้นเวลาร้อนความดันมันจะสูงกว่าอากาศแห้ง
ซึ่งกระบวนการทำลมไนโตรเจนมันต้องมีการกรองหลายขั้นตอน เลยทำให้ความชื้นน้อยลงไปด้วย
ดังนั้นจะเติมอะไรก็ได้ผลไม่ต่างกัน ถ้าเราคุมความชื้นได้
-
รถส่วนใหญ่ไม่มีตัววัดลมยาง (TPMS) มาให้จากโรงงาน แต่ถ้าคนที่ลองใช้ TPMS แล้วจะรู้เลยว่า ลมไนโตรเจนแทบไม่ได้แตกต่างจากลมอากาศธรรมดาเลย ส่วนต่างน้อยมากจนไม่รู้สึกว่าส่งผลต่อการใช้งาน อารมณ์ล้วนๆ จากตังค์ที่จ่ายไป
-
เท่าที่เคยใช้กับดีแมกที่บ้าน ตอนวิ่งต่างจังหวัดไกล ยางมันจะไม่แข็ง มันจะวิ่งนิ่มตอนลงหลุมหรือขรุขระ ช่างบอกว่าลมไนโตรมันจะร้อนยากกว่าอากาศทำให้ไม่ขยายตัว สามารถใส่แรงดันที่ใช้วิ่งในเมืองได้ ไม่ต้องเผื่อลมตอนเดินทางไกล คหสต.คิดว่าดีกว่าลมปกตินะครับ แต่ก็ยังใช้ลมปกติ เพราะสะดวกเติมมากกว่า เพราะมีทุกปั้ม แต่ไนโตร ต้องเข้าร้านยางแต่ละสีครับ
-
สิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือเรื่องอากาศปนน้ำครับ เพราะอากาศชื้นเวลาร้อนความดันมันจะสูงกว่าอากาศแห้ง
ซึ่งกระบวนการทำลมไนโตรเจนมันต้องมีการกรองหลายขั้นตอน เลยทำให้ความชื้นน้อยลงไปด้วย
ดังนั้นจะเติมอะไรก็ได้ผลไม่ต่างกัน ถ้าเราคุมความชื้นได้
ถ้าอย่างนั้นก็อาจเป็นได้หรือไม่ครับ ว่าในคลิปที่ 5th gear ทดสอบ บ้านเค้าอากาศแห้งกว่าบ้านเรา ผลการทดลองเลยออกมาเป็นอย่างนั้น :-X
-
มันจำเป็นเวลาวิ่งทางไกลยาวๆ ตจว พวกนี้ เพราะมันจะขยายตัวน้อยกว่า ถ้าวิ่งหยอมแหยมไม่จำเป็นครับ
ส่วนข้อดีอีกข้อคือลมมันยุบน้อยมากครับ นานมากครับกว่ามันจะยุบลงซักปอนด์ไม่ต้องเติมบ่อยๆ เคยใช้มา 2 ปี
-
ผมเติมแล้ว ยางไม่ร้อนมาก เติมเดือนละครั้ง ร้านยางแถวบ้าน
ถ้าไม่สะดวกเติมลมไนโตรเจน เติมลมธรรมดาแทน เติมปั้มไหนก็ครับ