Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: #อินเดียหน้าโจร ที่ พฤศจิกายน 01, 2017, 13:01:34
-
รถผมไม่มี DRL และกำลังจะไปหามาติดครับ โดยมีความเชื่อว่าน่าจะช่วยลดอุบัติเหตุได้ ทำให้รถคันอื่นสังเกตุเห็นเราได้ง่ายขึ้น แต่มีพี่ที่รู้จักทักมาว่า DRL ต้นตำรับมันเกิดมาจากประเทศตะวันตกที่สภาพอากาศเย็นและมีหมอกหนาเกือบทั้งปี ถ้าติดใช้งานในไทยอาจจะไม่ได้ประโยชน์สักเท่าไรหรือเปล่า ผมก็เลยไปลองหาข้อมูลใน internet ดู และเจอบทความนึงครับ
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2850978/
"During 19952002, there were 184,637 vehicles (1995 or newer) with identifiable VINs involved in accidents which occurred under the specified test conditions. Of these vehicles, 37,909 were determined to have standard DRLs and 146,728 were determined to be models without DRLs (including those listed as DRL optional). The crash rate among vehicles without standard DRLs was 1.73 (95% CI: 1.711.75) times higher than the rate for vehicles with standard DRLs. The rate ratio was also significant for fatal vehicle crash rates 1.48 (95% CI: 1.231.76)."
แต่ยทความนี้ได้ทำการทดลองกับรถยนต์ใน Minesota ซึ่งอากาศหนาวมากๆ คือติดกับ Alaska เลย
https://en.wikipedia.org/wiki/Minnesota
"Minnesota is the second northernmost U.S. state (after Alaska). "
"Meteorological events include rain, snow, blizzards, thunderstorms, hail, derechos, tornadoes, and high-velocity straight-line winds."
อยากสอบถามความคิดเห็นของทุกท่านว่าการติด DRL มันมีประโยชน์สำหรับการจราจรในบ้านเราจริงไหมครับ (ส่วนตัวคิดว่าจริง แต่ไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์) รบกวนขอความคิดเห็น หรือท่านใดมีข้อมูลอื่นๆที่น่าเชื่อถือ รบกวนแบ่งปันด้วยคร้าบ
ปล. DRL ที่ผมจะติดเพิ่ม จะทำเป็นวงจรติดในตอนกลางวัน และดับทันทีเมื่อเปิดไฟหรี่ครับ
-
สำหรับมอไซค์ดีครับ รถใหญ่บางรุ่นก็แสบตาเกินไป
-
ช่วยแน่นอน
ถ้ารถไม่มีDRL ก็เปิดไฟหน้าเต็มดวงแทน แต่อย่าเปิดตัดหมอก
ขับที่ถนนรองแถบตจว.ไฟหน้าช่วยมากๆ
-
ในเมืองไทยอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่ก็ใช้ประโยชน์จาก DRL ได้ครับ
ผมยกอย่างง่ายๆครั้งหนึ่งเคยขับไปภาคอีสานแถวๆทุ่งกุลาร้องไห้ เวลาที่อากาศร้อนจัดๆตอนกลางวันแล้วไอร้อนระเหยขึ้นมาจากถนนมันจะสร้างภาพลวงตาด้านหน้า ทำให้ไม่เห็นรถที่กำลังวิ่งสวนมาจากระยะไกล ก็มีเจ้า DRL นี่ล่ะที่ทำให้สังเกตุเห็นรถได้ง่ายขึ้นครับ
ผมมองว่าไม่ถึงกับเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นนัก (เพราะใช้ไฟหน้าแทนได้) แต่ถ้ามีให้ก็เอา หุหุ...
-
ในเมืองไทยอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่ก็ใช้ประโยชน์จาก DRL ได้ครับ
ผมยกอย่างง่ายๆครั้งหนึ่งเคยขับไปภาคอีสานแถวๆทุ่งกุลาร้องไห้ เวลาที่อากาศร้อนจัดๆตอนกลางวันแล้วไอร้อนระเหยขึ้นมาจากถนนมันจะสร้างภาพลวงตาด้านหน้า ทำให้ไม่เห็นรถที่กำลังวิ่งสวนมาจากระยะไกล ก็มีเจ้า DRL นี่ล่ะที่ทำให้สังเกตุเห็นรถได้ง่ายขึ้นครับ
ผมมองว่าไม่ถึงกับเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นนัก (เพราะใช้ไฟหน้าแทนได้) แต่ถ้ามีให้ก็เอา หุหุ...
เห็นด้วยครับ ผมว่าเจ้าไฟ DRL มันสู้แดดจัดๆ ดีครับ
-
ผมเคยคิดว่า "DRL เหมาะกับประเทศตะวันตกที่สภาพอากาศเย็นและมีหมอกหนาเกือบทั้งปี"
แต่พอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ติดตั้ง DRL นี้มากันซะเยอะแล้ว มันก็เป็นจุดช่วยสังเกตได้ดีเหมือนกันนะ คือมองแว๊บเดียวเห็นแสงไฟก็รู้เลยว่ามีรถสวนมา
-
ขนาดตอนกลางวัน สภาพอากาศปกติ
ขับรถมี DRL เจอการเปลี่ยนเลนตัดหน้ากระชั้นชิดน้อยลงไปเยอะครับ การมีดวงไฟทำให้สังเกตความเร็ว
ระยะรถ ทางด้านหลังได้เด่นชัดขึ้น
-
ขนาดตอนกลางวัน สภาพอากาศปกติ
ขับรถมี DRL เจอการเปลี่ยนเลนตัดหน้ากระชั้นชิดน้อยลงไปเยอะครับ การมีดวงไฟทำให้สังเกตความเร็ว
ระยะรถ ทางด้านหลังได้เด่นชัดขึ้น
เห็นด้วยเลยครับ แต่ก่อนผมมองว่าแค่สวยงาม
แต่ต้องดูบางรุ่นที่ไปติดจากข้างนอก ไฟบางทีแยงตาแสงกระจายก็มี
-
ช่วยแน่นอน
ถ้ารถไม่มีDRL ก็เปิดไฟหน้าเต็มดวงแทน แต่อย่าเปิดตัดหมอก
ขับที่ถนนรองแถบตจว.ไฟหน้าช่วยมากๆ
ทำไมถึงห้ามเปิดตัดหมอกอะครับ ถามเป็นความรู้นิดนึง
-
ช่วยได้ครับ พิสูจน์จาก
ตอนขับรถที่ไม่มี DRL จะโดนรถตัดหน้าหรือเปลี่ยนเลนเข้ามาหาเรา มากกว่าตอนที่ขับรถที่มี DRL ชัดเจนครับ
-
ช่วยแน่นอน
ถ้ารถไม่มีDRL ก็เปิดไฟหน้าเต็มดวงแทน แต่อย่าเปิดตัดหมอก
ขับที่ถนนรองแถบตจว.ไฟหน้าช่วยมากๆ
ทำไมถึงห้ามเปิดตัดหมอกอะครับ ถามเป็นความรู้นิดนึง
เดี๋ยวหลอดขาดไวครับ hahahaha ล้อเล่นครับ
คือเมื่อก่อนหลอดหน้ารถมันไม่แยงตาเท่าไฟตัดหมอกครับ
ถ้าเปิดไฟตัดหมอกแล้วมันแสบตาคันข้างหน้า กับรถที่สวนมา
แต่เดี๋ยวนี้ไฟตัดหมอกกับไฟหน้ามันแรงพอๆกันแล้วครับ เลยไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง
แต่ไฟตัดหมอกก็ยังฟุ้งนิดๆอยู่ดี ใครตายังสู้ไหวก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ผมคนนึงหล่ะไม่เปิด กลัวหลอดมันขาดไว เปลืองตัง
หลอดขาดไวผมเห็นมาเยอะแล้วน้ะครับ ที่ชอบเปิดไฟตัดหมอกทิ้งไว้เนี่ย :)
ขออณุญาติแปะลิ้งครับ
http://www.asasappakij.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1284344
-
ล่าสุดผมขับรถไปกาญจนบุรี เป็นถนนสองเลนซะเยอะ บางทีถึงแดดแรงๆ แต่ย้อนแสงก็ทำให้เห็นรถไม่ชัด รถคันที่มี DRL เราก็จะเห็นเขาชัดขึ้น ในความเห็นผม ถ้าไม่มี DRL แบบเป็น Led ก็ใช้เปิดไฟหน้าแทนได้ครับ โดยเฉพาะตอนขับถนนสองเลน
-
สมัยก่อน(พูดซะเหมือนนานมาก) รถยังไม่มี DRL อุบัติเหตุเป็นไงบ้างครับ -> ปัจจุบัน รถมี DRL อุบัติลดลงไหมครับ
และรถทุกคัน ก็ไม่ได้มี DRL ผมว่าปัจจุบันยังไม่ 50% ด้วยมั้ง(ประเมินจากสายตา บนท้องถนน)
หลักใหญ่ ใจความ มันอยู่ที่คนขับ และ เพื่อนร่วมทาง ครับ เพราะบางที อุบัติเกิดจากเรา และ บางทีอุบัติเกิดกับเราแต่มาจากคนอื่น
....
โดยส่วนมาก คนจะบอกว่า ขับรถเร็วมานานแล้ว ไม่เคยเกิดอบุติเหตุเลย ตูไหว ตูไปได้ ตูเชี่ยวแล้ว บลาๆๆๆ ซึ่งผมเข้าใจว่าจริงแบบนั้น ว่าการขับรถเร็วอาจจะไม่ใช่สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับตัวเรา แต่...อุบัติเหตุที่เห็นๆ อยู่ส่วนมากเกิดจากการขับรถเร็ว ปฏิเสธไม่ได้
สติ กับ ความไม่ประมาท ช่วยลดอุบัติเหตุ ได้มากที่สุดครับ
-
ถ้าจะลดอุบัติเหตุได้จริงๆ เอาแบบลดได้เยอะๆ เกิน 50% เลย ก็ต้องเลิกจำหน่าย เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทั้งหมด
หรืออย่างน้อยให้ขายเฉพาะวันอาทิตย์ คือสัปดาห์ละ 1 วัน แบบบางประเทศในยุโรป จะได้ผลที่สุดครับ
แต่ผมพูดไปงั้นแหละครับ รู้ว่าไทยแลนด์คงทำไม่ได้ครับ ;D
-
ถ้าให้เปรียบเทียบกันจริงๆ ระหว่าง รถที่มี DRL และเปิดใช้ DRL
กับ รถคันที่ไม่มี DRL และไม่เปิดไฟอะไรเลย >>> รถที่มี DRL และเปิด DRL ตอนวิ่ง ก็น่าจะปลอดภัยกว่า จริงๆ
แต่...% แตกต่าง มันจะมากแค่ไหน ? ..... (1)
และ รถที่ไม่มี DRL แต่...เปิดไฟหน้าดวงใหญ่ ทันทีหลัง 5 โมงเย็น ... คุณว่า มันจะให้ผลที่แตกต่างกันมั้ย ? ..... (2)
ผมว่านะ มีอะไร เท่าไหร่ แค่ไหน ก็ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม มันก็ปลอดภัยได้ ... ไม่ต้องไปพยายาม สรรหา ดัดแปลง อะไรมันมากมายหรอกครับ
เคยคิดมั้ยว่า ถ้าคันที่คุณเอาไปติด DRL นั่น ช่างดันทำมาให้ไม่ดี เต็มร้อย แล้ว...เกิดมีปัญหา / บกพร่อง - มีผลกระทบกับระบบไฟในรถเดิมๆ ขึ้นมา
มันคุ้มมั้ย ???
-
ผมเชื่อว่าเปิดแล้วช่วยได้ เพราะมันเห็นเด่นชัด ไฯหน้าไหนหลัง ผมเปิดไฟหน้าวิ่งแม้กระทั่งกลางวันหากวิ่งทางสวนเลนตั้งแต่สมัยหักขับรถใหม่ๆ ตอนนั้นไม่มี led drl ก็เปิดไฟต่ำกันไปเลย
-
ถ้าจะลดอุบัติเหตุได้จริงๆ เอาแบบลดได้เยอะๆ เกิน 50% เลย ก็ต้องเลิกจำหน่าย เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทั้งหมด
หรืออย่างน้อยให้ขายเฉพาะวันอาทิตย์ คือสัปดาห์ละ 1 วัน แบบบางประเทศในยุโรป จะได้ผลที่สุดครับ
แต่ผมพูดไปงั้นแหละครับ รู้ว่าไทยแลนด์คงทำไม่ได้ครับ ;D
(ความเห็นส่วนตัว)
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขายหรือไม่
อยู่กินแล้วขับไหมหรือเปล่า คนปกติมักเข้าใจประเด็นไม่ตรงต้นเหตุที่แท้จริง ผลก็คือแก้ไม่ตรงจุดครับ
-
ช่วยครับอย่างน้อยก็กันพวกเบลอๆ ไม่เปิดไฟหน้าวันก่อนผมขับส้นเพชรเกษม กำลังจะออกขวาีตันนึงมาอย่างเร็วไฟหน้าไม่เปิดดีที่สังเกตทันถ้ามี DRL น่าจะช่วยมากกว่านี้
สำหรับมอไซนี้ควรบังคับครับบางคันนี้ไม่เปิดไฟหน้าเลยจะชนตายเอา
-
ช่วยได้จริงครับ
โดยเฉพาะช่วงพลบค่ำที่หลายๆคนชอบลืมเปิดไฟ
แต่เราจะเห็น DRL มาก่อนเลย..
-
ได้บ้างครับ
แต่ไม่เยอะหรอก
จุดสำคัน อยู่ที่ วินัย ผู้ขับขี่ มากกว่า
เดี๋ยวนี้ ผมเห็นเล่นโทรศัพท์ไป ขับไป
เปิด กูเกิลแมฟ แช่อยู่เลนขวา ขับโคตรช้า
เพื่อดูแผนที่ละอยู่ดีๆ หักซ้ายเลย ก็มี
ไหนจะ เมาหรือ ง่วงละขับ
ส่วนใหญ่อุบัติเหตุ ก็เกิดจากคนขาดวินัยมากกว่าอะครับ
-
ส่วนตัวคิดว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ
ข้อเสียคือ เราสังเกตว่ารถที่มี DRL หลายรุ่นมักจะชอบไม่เปิดไฟตอนกลางคืน (เห็นบ่อยสุดสำหรับเราคือ HR-V) เพราะเห็น DRL ตัวเอง ก็นึกว่าตัวเองเปิดไฟแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้มันดับตอนพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกันค่ะ :)
-
มีประโยชน์มาที่สุดแล้วครับฝรั่งเขาคิดมาดีมาก สังเกตุวิ่งสวนรถสีเทาเข้มแทบจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่มีไฟเดย์ไลท์ส่องแต่ไกล 8)
-
จริงครับ
จุดประสงค์หลักของDRLคือความปลอดภัยอันดับแรก รองลงมาคือความสวยเป็นผลพลอยได้ ซึ่งหลายๆคนไม่รู้
-
อย่างน้อยก็ช่วยให้มองเห็นโดยหางตาได้ง่ายขึ้นครับ
-
จริง ช่วยให้เห็นรถได้ชัดเจนและง่ายขึ้น กลางวัน
ปกติรถมี DRL , แต่ถ้าไปขับรถไม่มี DRL ก็เปิดไฟหน้าแทน.
-
ช่วยลดอุบัติเหตุได้ แต่บ้านเราคงไม่มีใครวิจัยรวบรวม/ซักถามวิเคราะห์ข้อมูล
ทำให้สังเกตุเห็นรถที่มีไฟนี้ได้ง่ายกว่ารถที่ไม่มี เห็นรถคันนี้ขณะที่วิ่งสวนมาได้ที่ระยะไกลกว่า
ข้อเสีย คือ เพิ่มต้นทุน/เพิ่มค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเมื่อเสียชำรุด
-
ลดได้ครับ ช่วงเย็นๆเวลาขับรถออกต่างจังหวัด พวกมอเตอร์ไซข้ามเกาะกลางถนนสังเกตเห็นรถเราได้ง่ายขึ้น
-
ช่วยได้ครับ และที่ถูกค้อง คือรถทุกชนิดควรเปิดไฟหน้า ตลอดเวลาที่ใช้รถครับ
-
สมัยก่อน ผมคิดเลยครับ = ไร้สาระสุดๆ แบบเปลืองไฟ คนแต่งไปนี่ลิเกมากๆๆๆ ไม่รู้ว่าจะเอามาทำไมให้เปลืองไฟโลก ขอประนาม บุคคลที่คิด ว่าคิดได้ไง ว่าจะเอาไฟนี่มาประดับลิเกให้รถ
ตอนนี้ขอถอนคำพูดอย่างแรงครับ
ใช้ชีวิตอยู่ด้วยแล้ว ดีมากเรากะระยะคันหลังได้ดีขึ้น บางคันออกแบบงามๆ ก็สวย
เหมือนเปิดไฟใส่หมวกของ Motocycle ก็คล้ายๆกับ DRL + คาดเข็มขัด
ขอแค่เปิดให้เป็นเวลา กลางคืนก็เปิดไฟปรกติ (ไฟDRL มันจะหรี่ไปเอง) แค่นี้ผมว่าช่วยแน่ๆครับ
-
ขอขอบคุณทุกท่านมากๆครับ ผมได้ความรู้เรื่องอื่นๆนอกจากไฟ drl มากเลยครับ
-
ตอนกลางวันช่วยได้มากครับ สะดุดตา
แต่ตอนโพล้เพล้-กลางคืน บางคันไม่เปิดไฟ หรือไฟไม่ auto
drl แยงตาและฟุ้ง แบบนี้เริ่มอันตรายครับ
-
จากประสบการณ์ช่วยได้ครับ รถที่จะออกจากซอย หรือเปลี่ยน เลน จะชงักให้เราไปก่อนครับ
ยกเว้นพวกไม่มีระเบียบวินัยจริงๆพวกนั้นไม่ได้ดูอะไรเลย อยากทำอะไรก็ทำ
-
ขอบคุณทุกท่านมากครับ ความคิดเห็นของทุกท่านมีประโยชน์มากครับ ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
-
ช่วยแน่นอนครับ
กทม เคยรณรงค์ เปิดไฟหน้ารถ" ช่วงกลางวันเพื่อลดอุบัติเหตุ.... อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/social/general/477653 (https://www.posttoday.com/social/general/477653)
กรมทางหลวงชวนประชาชนเปิดไฟหน้ารถช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ชี้ช่วยเพิ่มระยะมองเห็นจาก 670 เมตร เป็น 1,400 เมตร
แล้วเปิดไฟกลางวันในข่าว น่าจะหมายถึงไฟหน้า จะไฟเล็กหรือไฟ drl ก็ได้
ฉะนั้น drl มันช่วยให้คนอื่นมองเห็นง่ายขึ้นแน่นอนครับ
-
จริงครับ
จุดประสงค์หลักของDRLคือความปลอดภัยอันดับแรก รองลงมาคือความสวยเป็นผลพลอยได้ ซึ่งหลายๆคนไม่รู้
+1
-
อยู่ที่ผู้ขับขี่มากกว่าครับ
-
drl ของรถแพงๆ จะมองเห็นสว่างจ้าที่องศา ประมาณรถสวน แต่ ถ้ายืนหน้ารถ จะเห็นสว่างไม่มาก นี่คือข้อดีของรถแพง ไม่เหมือน drl ติดเอง มันสว่างไปหมดเหมือนหลอดทั่วไป
-
ช่วยแน่นอนครับ
กทม เคยรณรงค์ เปิดไฟหน้ารถ" ช่วงกลางวันเพื่อลดอุบัติเหตุ.... อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/social/general/477653 (https://www.posttoday.com/social/general/477653)
กรมทางหลวงชวนประชาชนเปิดไฟหน้ารถช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ชี้ช่วยเพิ่มระยะมองเห็นจาก 670 เมตร เป็น 1,400 เมตร
แล้วเปิดไฟกลางวันในข่าว น่าจะหมายถึงไฟหน้า จะไฟเล็กหรือไฟ drl ก็ได้
ฉะนั้น drl มันช่วยให้คนอื่นมองเห็นง่ายขึ้นแน่นอนครับ
เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณมากๆครับ
-
เห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะแถว u turn พวกมอไชด์หรือรถที่สอบ เสียบหัวมาก่อนมีชะงักตลอดครับ
-
อันนี้เพิ่งสังเกตจริงๆ ครับ ถึงว่าทำไม Benz เวลาเจอรถสวนแล้วมองเฉียงๆ แสงไฟมันแว๊บเข้าตาเลย ในขณะที่รถญี่ปุ่นคือเรามองเห็นไฟ DRL ก็เห็นชัดอยู่ แต่ไฟมันจะแยงตาจนทำให้เราชะงักเป็นจุดสังเกตเฉพาะเมื่อมองจากกระจกหลัง
drl ของรถแพงๆ จะมองเห็นสว่างจ้าที่องศา ประมาณรถสวน แต่ ถ้ายืนหน้ารถ จะเห็นสว่างไม่มาก นี่คือข้อดีของรถแพง ไม่เหมือน drl ติดเอง มันสว่างไปหมดเหมือนหลอดทั่วไป
-
ติดเองผมก็ว่ายังไม่โอเคเท่ารถที่มีจากโรงงานครับ
aftermarket DRL ข้อเสียคือ กลางวันมันก็ไม่สู้แดด เปรี้ยงๆนี่มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเปิดอยู่ แถมกลางคืนยังสว่างจ้าเกินเพราะไม่ยอมหรี่
อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม aftermarket ยังไม่เห็นมี DRL ที่คุณภาพมาตรฐานได้สักที เห็นอย่าง DRL ของ eco car เบิกศูนย์แค่ดวงละ 3,000 บ. แต่มาตรฐานครบ กลางวันสู้แดด กลางคืนหรี่ ราคาไม่ได้หนีกับไปติดเองข้างนอกเลย หรือมันมีแล้วผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
-
สมัย มอไซค์เปิดไฟหน้า มีประโยชน์นะ เวลาผมขับ 4 ล้อ มองเห็น 2 ล้อชัดเลย
-
ดีมากๆ มองกระจกหลัง เห็นชัด เปลี่ยนเลน กะระยะได้ง่าย