Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Turin ที่ พฤศจิกายน 11, 2017, 11:05:11
-
อินเตอร์ฯแบบอากาศสู่อากาศ ... มีข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ การตอบสนองคันเร่ง เนื่องจากโดยรูปแบบของมันจะต้องให้อากาศไหลผ่านช่องเล็กๆที่จะไปที่ครีบระบายความร้อนจำนวนมาก
ทีนี้อินเตอร์ฯแบบน้ำสู่อากาศ มีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้มีขนาดเล็กกว่า มีช่องเล็กๆสำหรับไปที่ครีบน้อยกว่า ...
เลยสงสัยครัย ว่าถ้าตัดประเด็นเรื่องความยุ่งยากในการติดตังและ heat soak ออกไป ... อินเตอรฯนำ้สู่อากาศ จะมีการตอบสนองคันเร่งที่ดีกว่าแบบอากาศสู่อากาศไหมครับ ?
-
อินเตอร์น้ำตอบสนองไวกว่า แรงม้าแรงบิดมาไวกว่าครับ ส่วนนึงเพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนรับลมตรงๆไว้ตรงกันชน
เหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่าครับ
อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศ จะตอบสนองไวขึ้น ก็ต้องทำแบบเอาไว้บนหลังเครื่องครับ แต่ก็ต้องเจาะฝากระโปรง
แล้วมี Scoop ให้เกะกะและเสียหลักอากาศพลศาสตร์ไปอีกเล็กน้อย (แต่บางคนอาจชอบว่ามันดุดี)
แต่ประสิทธิภาพการระบายความร้อนโดยรวม ยังสู้แบบแขวนไว้ที่กันชนแล้วรับลมตรงๆหรืออินเตอร์น้ำไม่ได้ครับ
ข้อดี-ข้อเสีย ของอินเตอร์แบบน้ำ เมือ่เทียบกับแบบ อากาศ-อากาศ มีประมาณนี้ครับ
ข้อดี
1. ให้ประสิทธิภาพการระยบายความร้อนได้ดีกว่า (อันนี้โรงงานเค้าว่างั้นนะครับ)
2. เครื่องตอบสนองไวกว่า (แรงม้าแรงบิดมาไวกว่า) เพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ตรงกันชนเหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ
ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่า
3. การกระจายน้ำหนักดีกว่า เพราะไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ข้างหน้าให้หนักหน้า ส่งผลให้รถหน้าคมครับ (อันเดอร์สเตียร์น้อยกว่า)
การบังคับควบคุมดีขึ้นอีกเล็กน้อย
4. ถ้าเกิดการชนแบบไม่แรงมาก (ย้ำว่าไม่แรงมาก) แบบกระแทกแค่กันชนหรือกระจังหน้าเสียหาย ก็จะไม่โดนอินเตอร์ เพราะอินเตอร์แบบน้ำ
จะอยู่ในห้องเครื่อง ส่วนมากสามารถขับรถกลับบ้านได้ การซ่อมก็คงมีแค่ กันชน กระจังหน้า ต่างกับอินเตอร์แบบอากาศ-อากาศที่แขวนอยู่หน้ากันชน แบบนี้ถ้าชนในรูปแบบเดียวกับที่กล่าวข้างต้น ก็มีโอกาสสูงมากๆที่จะโดนอินเตอร์เสียหาย เพราะถ้าอินเตอร์พังหรือรั่วขึ้นมา แรงเครื่องจะตกมาก
เตรื่องอาจจะทำงานเพี้ยนไปเลยก็ได้ แล้วถึงวิ่งได้ แต่ฝืนวิ่งไปก็ไม่ดี เพราะเครื่องจะดูดเศษฝุ่นเศษหินเศษอะไรต่างๆเข้าเครื่องไปตลอด
อันมาจากการรั่วของอินเตอร์นั่นเองครับ คงไม่ดีแน่ๆ....แล้วก็อินเตอร์อากาศ-อากาศแบบแขวนที่หน้ากันชน ถึงไม่ได้ชน
แต่วิ่งอยู่ดีๆแล้วมีก้อนหินใหญ่ๆ หรือก้อนอิฐ หรือท่อนไม้ วัตถุแข็งต่างๆกระเด็นเข้าไปโดนอินเตอร์ฯก็แย่แล้วครับ :-X
ข้อเสีย
1. ต้นทุนการผลิตสูงกว่า เพราะชิ้นส่วนเยอะกว่า
2. จากข้อ 1 ค่าซ่อมในอนาคต(ถ้ามันเสีย)ก็จะสูงกว่าตามไปด้วยครับ
หมายเหตุ: รถพรีเมี่ยมทุกวันนี้เช่น BMW BENZ สังเกตุว่าจะหันมาใช้อินเตอร์แบบน้ำกันเกือบจะหมดแล้ว
ก็คงเพราะข้อดีที่กล่าวมานะครับ
ปล. อันนี้เท่าที่นึกออกน่ะครับ ผิดถูกประการใดขออภัยล่วงหน้าน่ะครับ.
-
อินเตอร์น้ำตอบสนองไวกว่า แรงม้าแรงบิดมาไวกว่าครับ ส่วนนึงเพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนรับลมตรงๆไว้ตรงกันชน
เหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่าครับ
อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศ จะตอบสนองไวขึ้น ก็ต้องทำแบบเอาไว้บนหลังเครื่องครับ แต่ก็ต้องเจาะฝากระโปรง
แล้วมี Scoop ให้เกะกะและเสียหลักอากาศพลศาสตร์ไปอีกเล็กน้อย (แต่บางคนอาจชอบว่ามันดุดี)
แต่ประสิทธิภาพการระบายความร้อนโดยรวม ยังสู้แบบแขวนไว้ที่กันชนแล้วรับลมตรงๆหรืออินเตอร์น้ำไม่ได้ครับ
ข้อดี-ข้อเสีย ของอินเตอร์แบบน้ำ เมือ่เทียบกับแบบ อากาศ-อากาศ มีประมาณนี้ครับ
ข้อดี
1. ให้ประสิทธิภาพการระยบายความร้อนได้ดีกว่า (อันนี้โรงงานเค้าว่างั้นนะครับ)
2. เครื่องตอบสนองไวกว่า (แรงม้าแรงบิดมาไวกว่า) เพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ตรงกันชนเหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ
ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่า
3. การกระจายน้ำหนักดีกว่า เพราะไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ข้างหน้าให้หนักหน้า ส่งผลให้รถหน้าคมครับ (อันเดอร์สเตียร์น้อยกว่า)
การบังคับควบคุมดีขึ้นอีกเล็กน้อย
4. ถ้าเกิดการชนแบบไม่แรงมาก (ย้ำว่าไม่แรงมาก) แบบกระแทกแค่กันชนหรือกระจังหน้าเสียหาย ก็จะไม่โดนอินเตอร์ เพราะอินเตอร์แบบน้ำ
จะอยู่ในห้องเครื่อง ส่วนมากสามารถขับรถกลับบ้านได้ การซ่อมก็คงมีแค่ กันชน กระจังหน้า ต่างกับอินเตอร์แบบอากาศ-อากาศที่แขวนอยู่หน้ากันชน แบบนี้ถ้าชนในรูปแบบเดียวกับที่กล่าวข้างต้น ก็มีโอกาสสูงมากๆที่จะโดนอินเตอร์เสียหาย เพราะถ้าอินเตอร์พังหรือรั่วขึ้นมา แรงเครื่องจะตกมาก
เตรื่องอาจจะทำงานเพี้ยนไปเลยก็ได้ แล้วถึงวิ่งได้ แต่ฝืนวิ่งไปก็ไม่ดี เพราะเครื่องจะดูดเศษฝุ่นเศษหินเศษอะไรต่างๆเข้าเครื่องไปตลอด
อันมาจากการรั่วของอินเตอร์นั่นเองครับ คงไม่ดีแน่ๆ....แล้วก็อินเตอร์อากาศ-อากาศแบบแขวนที่หน้ากันชน ถึงไม่ได้ชน
แต่วิ่งอยู่ดีๆแล้วมีก้อนหินใหญ่ๆ หรือก้อนอิฐ หรือท่อนไม้ วัตถุแข็งต่างๆกระเด็นเข้าไปโดนอินเตอร์ฯก็แย่แล้วครับ :-X
ข้อเสีย
1. ต้นทุนการผลิตสูงกว่า เพราะชิ้นส่วนเยอะกว่า
2. จากข้อ 1 ค่าซ่อมในอนาคต(ถ้ามันเสีย)ก็จะสูงกว่าตามไปด้วยครับ
หมายเหตุ: รถพรีเมี่ยมทุกวันนี้เช่น BMW BENZ สังเกตุว่าจะหันมาใช้อินเตอร์แบบน้ำกันเกือบจะหมดแล้ว
ก็คงเพราะข้อดีที่กล่าวมานะครับ
ปล. อันนี้เท่าที่นึกออกน่ะครับ ผิดถูกประการใดขออภัยล่วงหน้าน่ะครับ.
คนใกล้ตัวพึ่งไปเอามาสด้า 2 ดีเซลมา ระยะยาวอินเตอร์น้ำจะจุกจิก และจะบำรุงรักษายากไหมครับ
-
อินเตอร์น้ำตอบสนองไวกว่า แรงม้าแรงบิดมาไวกว่าครับ ส่วนนึงเพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนรับลมตรงๆไว้ตรงกันชน
เหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่าครับ
อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศ จะตอบสนองไวขึ้น ก็ต้องทำแบบเอาไว้บนหลังเครื่องครับ แต่ก็ต้องเจาะฝากระโปรง
แล้วมี Scoop ให้เกะกะและเสียหลักอากาศพลศาสตร์ไปอีกเล็กน้อย (แต่บางคนอาจชอบว่ามันดุดี)
แต่ประสิทธิภาพการระบายความร้อนโดยรวม ยังสู้แบบแขวนไว้ที่กันชนแล้วรับลมตรงๆหรืออินเตอร์น้ำไม่ได้ครับ
ข้อดี-ข้อเสีย ของอินเตอร์แบบน้ำ เมือ่เทียบกับแบบ อากาศ-อากาศ มีประมาณนี้ครับ
ข้อดี
1. ให้ประสิทธิภาพการระยบายความร้อนได้ดีกว่า (อันนี้โรงงานเค้าว่างั้นนะครับ)
2. เครื่องตอบสนองไวกว่า (แรงม้าแรงบิดมาไวกว่า) เพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ตรงกันชนเหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ
ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่า
3. การกระจายน้ำหนักดีกว่า เพราะไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ข้างหน้าให้หนักหน้า ส่งผลให้รถหน้าคมครับ (อันเดอร์สเตียร์น้อยกว่า)
การบังคับควบคุมดีขึ้นอีกเล็กน้อย
4. ถ้าเกิดการชนแบบไม่แรงมาก (ย้ำว่าไม่แรงมาก) แบบกระแทกแค่กันชนหรือกระจังหน้าเสียหาย ก็จะไม่โดนอินเตอร์ เพราะอินเตอร์แบบน้ำ
จะอยู่ในห้องเครื่อง ส่วนมากสามารถขับรถกลับบ้านได้ การซ่อมก็คงมีแค่ กันชน กระจังหน้า ต่างกับอินเตอร์แบบอากาศ-อากาศที่แขวนอยู่หน้ากันชน แบบนี้ถ้าชนในรูปแบบเดียวกับที่กล่าวข้างต้น ก็มีโอกาสสูงมากๆที่จะโดนอินเตอร์เสียหาย เพราะถ้าอินเตอร์พังหรือรั่วขึ้นมา แรงเครื่องจะตกมาก
เตรื่องอาจจะทำงานเพี้ยนไปเลยก็ได้ แล้วถึงวิ่งได้ แต่ฝืนวิ่งไปก็ไม่ดี เพราะเครื่องจะดูดเศษฝุ่นเศษหินเศษอะไรต่างๆเข้าเครื่องไปตลอด
อันมาจากการรั่วของอินเตอร์นั่นเองครับ คงไม่ดีแน่ๆ....แล้วก็อินเตอร์อากาศ-อากาศแบบแขวนที่หน้ากันชน ถึงไม่ได้ชน
แต่วิ่งอยู่ดีๆแล้วมีก้อนหินใหญ่ๆ หรือก้อนอิฐ หรือท่อนไม้ วัตถุแข็งต่างๆกระเด็นเข้าไปโดนอินเตอร์ฯก็แย่แล้วครับ :-X
ข้อเสีย
1. ต้นทุนการผลิตสูงกว่า เพราะชิ้นส่วนเยอะกว่า
2. จากข้อ 1 ค่าซ่อมในอนาคต(ถ้ามันเสีย)ก็จะสูงกว่าตามไปด้วยครับ
หมายเหตุ: รถพรีเมี่ยมทุกวันนี้เช่น BMW BENZ สังเกตุว่าจะหันมาใช้อินเตอร์แบบน้ำกันเกือบจะหมดแล้ว
ก็คงเพราะข้อดีที่กล่าวมานะครับ
ปล. อันนี้เท่าที่นึกออกน่ะครับ ผิดถูกประการใดขออภัยล่วงหน้าน่ะครับ.
คนใกล้ตัวพึ่งไปเอามาสด้า 2 ดีเซลมา ระยะยาวอินเตอร์น้ำจะจุกจิก และจะบำรุงรักษายากไหมครับ
อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะผมก็ไม่เคยใช้รถที่เป็นอินเตอร์น้ำครับ แต่ก็ไม่เห็นคนที่ใช้ๆกันเค้าเคยบ่นอะไรน่ะครับ
ผมเชื่อว่าอายุงานมันได้เกิน 150,000โล อยู่แล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเสียกันง่ายๆ
-
ที่อินเตอร์น้ำตอบสนองได้ดีกว่าเพราะมันไม่ต้องอาศัยอากาศไหลผ่านขณะที่รถติดหรือรถวิ่งช้า แต่ถ้ารถมันวิ่งได้แบบลมจะลดความร้อนของอากาศได้มากกว่าแบบน้ำทำให้ได้แรงมากกว่า ยิ่งวิ่งเร็วยิ่งแรง แต่ถ้าเป็นแบบน้ำยิ่งเร็วยิ่งถ่วงรถ ข้อดีคนละแบบ
-
อินเตอร์น้ำตอบสนองไวกว่า แรงม้าแรงบิดมาไวกว่าครับ ส่วนนึงเพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนรับลมตรงๆไว้ตรงกันชน
เหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่าครับ
อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศ จะตอบสนองไวขึ้น ก็ต้องทำแบบเอาไว้บนหลังเครื่องครับ แต่ก็ต้องเจาะฝากระโปรง
แล้วมี Scoop ให้เกะกะและเสียหลักอากาศพลศาสตร์ไปอีกเล็กน้อย (แต่บางคนอาจชอบว่ามันดุดี)
แต่ประสิทธิภาพการระบายความร้อนโดยรวม ยังสู้แบบแขวนไว้ที่กันชนแล้วรับลมตรงๆหรืออินเตอร์น้ำไม่ได้ครับ
ข้อดี-ข้อเสีย ของอินเตอร์แบบน้ำ เมือ่เทียบกับแบบ อากาศ-อากาศ มีประมาณนี้ครับ
ข้อดี
1. ให้ประสิทธิภาพการระยบายความร้อนได้ดีกว่า (อันนี้โรงงานเค้าว่างั้นนะครับ)
2. เครื่องตอบสนองไวกว่า (แรงม้าแรงบิดมาไวกว่า) เพราะอินเตอร์น้ำไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ตรงกันชนเหมือนแบบ อากาศ-อากาศ ครับ
ระยะทางเดินไอดีจึงสั้นกว่าเกินครึ่ง ก็ป้อนไอดีได้ไวกว่า ก็เลยตอบสนองได้ไวกว่า
3. การกระจายน้ำหนักดีกว่า เพราะไม่ต้องเอาไปแขวนไว้ข้างหน้าให้หนักหน้า ส่งผลให้รถหน้าคมครับ (อันเดอร์สเตียร์น้อยกว่า)
การบังคับควบคุมดีขึ้นอีกเล็กน้อย
4. ถ้าเกิดการชนแบบไม่แรงมาก (ย้ำว่าไม่แรงมาก) แบบกระแทกแค่กันชนหรือกระจังหน้าเสียหาย ก็จะไม่โดนอินเตอร์ เพราะอินเตอร์แบบน้ำ
จะอยู่ในห้องเครื่อง ส่วนมากสามารถขับรถกลับบ้านได้ การซ่อมก็คงมีแค่ กันชน กระจังหน้า ต่างกับอินเตอร์แบบอากาศ-อากาศที่แขวนอยู่หน้ากันชน แบบนี้ถ้าชนในรูปแบบเดียวกับที่กล่าวข้างต้น ก็มีโอกาสสูงมากๆที่จะโดนอินเตอร์เสียหาย เพราะถ้าอินเตอร์พังหรือรั่วขึ้นมา แรงเครื่องจะตกมาก
เตรื่องอาจจะทำงานเพี้ยนไปเลยก็ได้ แล้วถึงวิ่งได้ แต่ฝืนวิ่งไปก็ไม่ดี เพราะเครื่องจะดูดเศษฝุ่นเศษหินเศษอะไรต่างๆเข้าเครื่องไปตลอด
อันมาจากการรั่วของอินเตอร์นั่นเองครับ คงไม่ดีแน่ๆ....แล้วก็อินเตอร์อากาศ-อากาศแบบแขวนที่หน้ากันชน ถึงไม่ได้ชน
แต่วิ่งอยู่ดีๆแล้วมีก้อนหินใหญ่ๆ หรือก้อนอิฐ หรือท่อนไม้ วัตถุแข็งต่างๆกระเด็นเข้าไปโดนอินเตอร์ฯก็แย่แล้วครับ :-X
ข้อเสีย
1. ต้นทุนการผลิตสูงกว่า เพราะชิ้นส่วนเยอะกว่า
2. จากข้อ 1 ค่าซ่อมในอนาคต(ถ้ามันเสีย)ก็จะสูงกว่าตามไปด้วยครับ
หมายเหตุ: รถพรีเมี่ยมทุกวันนี้เช่น BMW BENZ สังเกตุว่าจะหันมาใช้อินเตอร์แบบน้ำกันเกือบจะหมดแล้ว
ก็คงเพราะข้อดีที่กล่าวมานะครับ
ปล. อันนี้เท่าที่นึกออกน่ะครับ ผิดถูกประการใดขออภัยล่วงหน้าน่ะครับ.
สาระมาเต็ม ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
-
ขอบคุณครับ
... พอดีจวนจะเอารถที่ใส่ซุปไปจูน ซึ่งเบื้องต้นผมตั้งใจจะไม่ใส่อินเตอร์ฯเพราะต้องการให้รถตอบสนองดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่จะยอมถอยไฟ ลดแรงลงมาหน่อย... แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะต้องถอยไฟลงมาขนาดไหน ถ้าจะต้องถึงขนาดทำให้ม้าหายไปเยอะเกิน ก็อาจต้องหาทางลดอุณหภูมิอากาศเข้าเครื่องลง (พอดี MX5 ห้องเครื่องร้อนเก่งมาก แล้วไม่ค่อยมีช่องให้อากาศเย็นเข้ากรองอากาศเท่าไหร่) ... เลยเริ่มๆ มองออนเตอร์น้ำ ... หรือ ไม่ก็ชุดสเปรย์นำ้ ครับ
-
ที่อินเตอร์น้ำตอบสนองได้ดีกว่าเพราะมันไม่ต้องอาศัยอากาศไหลผ่านขณะที่รถติดหรือรถวิ่งช้า แต่ถ้ารถมันวิ่งได้แบบลมจะลดความร้อนของอากาศได้มากกว่าแบบน้ำทำให้ได้แรงมากกว่า ยิ่งวิ่งเร็วยิ่งแรง แต่ถ้าเป็นแบบน้ำยิ่งเร็วยิ่งถ่วงรถ ข้อดีคนละแบบ
ขอบคุณที่เข้ามาแชร์ข้อมูลกันครับ ที่ท่านว่าอินเตอร์น้ำยิ่งวิ่งเร็วยิ่งอัดยิ่งร่วง ลดความร้อนไอดีสู้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศไม่ได้นั้น
น่าจะเป็นอินเตอร์น้ำแบบโบราณครับ เช่น เท่าที่ผมนึกออก ก็จะมีเครื่อง 3S-GTE ของ TOYOTA รุ่นนึงละครับ เครื่องรุ่นนี้นานมากละ
คงสัก 20ปีที่แล้วได้ครับ (ถ้าใครเคยเดินเซียงกงคงเคยเห็น) ถ้าเป็นสมัยนั้น อินเตอร์น้ำประสิทธิภาพเรื่องการระบายไอดีนั้นสู้อากาศไม่ได้จริงๆครับ
แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปตรงกันข้ามแล้วครับ อินเตอร์น้ำมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ไอดีได้มากกว่า
อินเตอร์อากาศ-อากาศในทุกรูปแบบการใช้งานแล้วครับ (นี่ผู้ผลิตเป็นคนพูดเองเลยนะครับ) แต่เค้าทำวิธีไหน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเทคโนโลยี่ตรงนี้น่ะครับ
ผมก็ไม่ใช่วิศกรเหมือนกันครับ 555+ แต่เท่าที่ทราบ พวกอุปกรณ์กับการทำงานมันจะต่างกับอินเตอร์น้ำสมัยโบราณอย่างของ 3S GTE ไปบ้างอะครับ
ที่รู้ๆ เค้าก็จะมีหม้อน้ำน้ำหล่อเย็นแยกของอินเตอร์ต่างหากอีกตัวครับ ไม่ได้ใช้รวมกับน้ำหล่อเย็นเครื่อง (แหงละ
ถ้าใช้รวมกันผมว่าคงระบายไอดีห่วยกว่าเดิม 555+) ปั๊มน้ำจะคนละตัวกัน
ผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมากนะครับ แต่ถ้าให้คิดตรรกะแบบชาวบ้านๆ ผมสังเกตุว่ารถรุ่นหลังๆ ณ ตอนนี้เค้าจะเปลี่ยนมาเป็น
อินเตอร์น้ำกันหมดแล้ว อย่าง Benz BMW แล้วก็รถญี่ปุ่นก็เริ่มมีมาให้เห็น (ยกเว้นรถต้องการควบคุมต้นทุน เช่น
รถกระบะ ก็จะใช้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศอยู่เหมือนเดิม) เอาง่ายๆครับ อย่างรถยุโรปตัวโหด เช่น
BMW M3 , M4 , M5 (โฉมล่าสุด 2018) รวมถึง Benz GT S AMG แล้วก็ตัวโหดอีกหลายตัว
ตอนนี้เค้าใช้อินเตอร์น้ำกันหมดแล้วนะครับ แล้วรถพวกนี้ก็รู้ๆกันอยู่ครับ ทำมาเพื่อมาเหยียบมาซิ่งโดยเฉพาะ บางทีเหยียบกันแบบ
เทอร์โบแดงแจ๋ตลอด...ถ้าอินเตอร์น้ำ(ของเทคโนโลยี่ปัจจุบัน)มันด้อยกว่าแบบอากาศ-อากาศจริง
ผู้ผลิตรถเค้าคงไม่กล้าเอามาใส่รถสปอร์ตตัวโหดบ้าพลังหมดทุกรุ่นตอนนี้หรอก..จริงมั๊ยครับ?
แสดงว่ามันต้องดีกว่า ตามที่เค้าคุย จริงมั๊ยครับ 555+
ปล. อันนี้ผมก็คิดแบบชาวบ้านๆน่ะครับ คิดตามที่เห็น ตามที่สังเกตุ ผิดถูกยังไงขออภัยล่วงหน้าครับ :D
-
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
-
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
สมัยใหม่มีระบบน้ำของตัวเอง และมีรังผึ้งเหมือนหม้อน้ำขนาดเล็กครับ
สมัยก่อนเข้าใจว่าใช้ "พ่วง" นำ้ในระบบหล่อเย็นเดิมมาครับ
-
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
มีหม้อน้ำน้ำหล่อเย็นแยกของอินเตอร์ต่างหากอีกตัวครับ (รู้สึกว่าลูกจะเล็กๆ) ไม่ได้ใช้รวมกับน้ำหล่อเย็นเครื่อง ปั๊มน้ำจะคนละตัวกันด้วย
ผมก็ทราบแค่นี้แหละครับ 555+ แล้วไม่แน่ใจว่าไปแขวนไว้ตรงไหนนะครับ เหมือนแว๊บๆว่าเคยเห็นหลบๆไว้ตรงมุมกันชนรึเปล่า
ไม่แน่ใจนะครับ
แล้วผมรู้มาว่ารถบางรุ่นมีแอบเอาน้ำยาแอร์มาทำความเย็นให้ไอดีด้วยน่ะครับ :o เช่น Dodge challenger SRT
อ่อ แล้วข้อดีของการใช้อินเตอร์น้ำมีอีกอย่างครับ คือช่วยลด ส.ป.ส แรงเสียดทานอากาศของรถ (ค่า Cd.) ลงได้อีกหน่อยหนึ่งครับ
เพราะไม่ต้องใช้อินเตอร์ลูกใหญ่ๆเบิ้มๆไปแขวนต้านลมที่หน้ากันชนแบบของระบบ อากาศ-อากาศ ครับ.
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
สมัยใหม่มีระบบน้ำของตัวเอง และมีรังผึ้งเหมือนหม้อน้ำขนาดเล็กครับ
สมัยก่อนเข้าใจว่าใช้ "พ่วง" นำ้ในระบบหล่อเย็นเดิมมาครับ
ขอบคุณครับ ความรู้ทั้งนั้น ผมพิมพ์ช้า เพิ่งเห็นครับ 555+
-
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
มีหม้อน้ำน้ำหล่อเย็นแยกของอินเตอร์ต่างหากอีกตัวครับ (รู้สึกว่าลูกจะเล็กๆ) ไม่ได้ใช้รวมกับน้ำหล่อเย็นเครื่อง ปั๊มน้ำจะคนละตัวกันด้วย
ผมก็ทราบแค่นี้แหละครับ 555+ แล้วไม่แน่ใจว่าไปแขวนไว้ตรงไหนนะครับ เหมือนแว๊บๆว่าเคยเห็นหลบๆไว้ตรงมุมกันชนรึเปล่า
ไม่แน่ใจนะครับ
แล้วผมรู้มาว่ารถบางรุ่นมีแอบเอาน้ำยาแอร์มาทำความเย็นให้ไอดีด้วยน่ะครับ :o เช่น Dodge challenger SRT
อ่อ แล้วข้อดีของการใช้อินเตอร์น้ำมีอีกอย่างครับ คือช่วยลด ส.ป.ส แรงเสียดทานอากาศของรถ (ค่า Cd.) ลงได้อีกหน่อยหนึ่งครับ
เพราะไม่ต้องใช้อินเตอร์ลูกใหญ่ๆเบิ้มๆไปแขวนต้านลมที่หน้ากันชนแบบของระบบ อากาศ-อากาศ ครับ.
แบบน้ำมันไประบายความร้อนของน้ำที่ไหนครับ
สมัยใหม่มีระบบน้ำของตัวเอง และมีรังผึ้งเหมือนหม้อน้ำขนาดเล็กครับ
สมัยก่อนเข้าใจว่าใช้ "พ่วง" นำ้ในระบบหล่อเย็นเดิมมาครับ
ขอบคุณครับ ความรู้ทั้งนั้น ผมพิมพ์ช้า เพิ่งเห็นครับ 555+
ไปดูรูปอินเตอร์ 3S GTE มา มันก็มีหม้อน้ำแยกเหมือนกัน .. ผมน่าจะเข้าใจผิด เรื่องสมัยก่อนพ่วงระบบหล่อเย็นรถ (คิดๆดูก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของเครื่องคงร้อนเกิน)
ปัญหาของอินเตอร์นำ้ ที่ว่าวิ่งแล้วร้อน เป็นเพราะ heat soak เพราะตัวมันนอนอยู่ในห้องเครื่อง ไม่มีการระบายความร้อนเท่าไหร่ คิดว่าที่สมัยนี้เอามาใช้เนอะขึ้น น่าจะมีการทำ ceramic coat ให้ช่วยลดปัญหา heat soak มั้งครับ
-
ไปดูรูปอินเตอร์ 3S GTE มา มันก็มีหม้อน้ำแยกเหมือนกัน .. ผมน่าจะเข้าใจผิด เรื่องสมัยก่อนพ่วงระบบหล่อเย็นรถ (คิดๆดูก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของเครื่องคงร้อนเกิน)
ปัญหาของอินเตอร์นำ้ ที่ว่าวิ่งแล้วร้อน เป็นเพราะ heat soak เพราะตัวมันนอนอยู่ในห้องเครื่อง ไม่มีการระบายความร้อนเท่าไหร่ คิดว่าที่สมัยนี้เอามาใช้เนอะขึ้น น่าจะมีการทำ ceramic coat ให้ช่วยลดปัญหา heat soak มั้งครับ
คิดว่าวิศวกรเค้าน่าจะมีวิธีการอะไรบางอย่างของเค้าแหละครับ เพื่อแก้ปัญหาจุดนั้นให้หมดไป เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าที่ท่อไอดีตรงก่อนเข้าเครื่อง
ก็จะมีน้ำมาระบายด้วยน่ะครับ เป็นน้ำของระบบอินเตอร์นั้นแหละครับ เพราะรถเทอร์โบอินเตอร์น้ำทุกวันนี้เห็นอัดกันมิด แรงดีไม่มีตกเลย ???
-
ไม่ทราบว่า benz bmw รุ่นไหนใช้ intercooler แบบน้ำสู่อากาศบ้างครับ
ผมเห็นมีแต่อากาศสู่อากาศ
-
ที่อินเตอร์น้ำตอบสนองได้ดีกว่าเพราะมันไม่ต้องอาศัยอากาศไหลผ่านขณะที่รถติดหรือรถวิ่งช้า แต่ถ้ารถมันวิ่งได้แบบลมจะลดความร้อนของอากาศได้มากกว่าแบบน้ำทำให้ได้แรงมากกว่า ยิ่งวิ่งเร็วยิ่งแรง แต่ถ้าเป็นแบบน้ำยิ่งเร็วยิ่งถ่วงรถ ข้อดีคนละแบบ
ขอบคุณที่เข้ามาแชร์ข้อมูลกันครับ ที่ท่านว่าอินเตอร์น้ำยิ่งวิ่งเร็วยิ่งอัดยิ่งร่วง ลดความร้อนไอดีสู้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศไม่ได้นั้น
น่าจะเป็นอินเตอร์น้ำแบบโบราณครับ เช่น เท่าที่ผมนึกออก ก็จะมีเครื่อง 3S-GTE ของ TOYOTA รุ่นนึงละครับ เครื่องรุ่นนี้นานมากละ
คงสัก 20ปีที่แล้วได้ครับ (ถ้าใครเคยเดินเซียงกงคงเคยเห็น) ถ้าเป็นสมัยนั้น อินเตอร์น้ำประสิทธิภาพเรื่องการระบายไอดีนั้นสู้อากาศไม่ได้จริงๆครับ
แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปตรงกันข้ามแล้วครับ อินเตอร์น้ำมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ไอดีได้มากกว่า
อินเตอร์อากาศ-อากาศในทุกรูปแบบการใช้งานแล้วครับ (นี่ผู้ผลิตเป็นคนพูดเองเลยนะครับ) แต่เค้าทำวิธีไหน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเทคโนโลยี่ตรงนี้น่ะครับ
ผมก็ไม่ใช่วิศกรเหมือนกันครับ 555+ แต่เท่าที่ทราบ พวกอุปกรณ์กับการทำงานมันจะต่างกับอินเตอร์น้ำสมัยโบราณอย่างของ 3S GTE ไปบ้างอะครับ
ที่รู้ๆ เค้าก็จะมีหม้อน้ำน้ำหล่อเย็นแยกของอินเตอร์ต่างหากอีกตัวครับ ไม่ได้ใช้รวมกับน้ำหล่อเย็นเครื่อง (แหงละ
ถ้าใช้รวมกันผมว่าคงระบายไอดีห่วยกว่าเดิม 555+) ปั๊มน้ำจะคนละตัวกัน
ผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมากนะครับ แต่ถ้าให้คิดตรรกะแบบชาวบ้านๆ ผมสังเกตุว่ารถรุ่นหลังๆ ณ ตอนนี้เค้าจะเปลี่ยนมาเป็น
อินเตอร์น้ำกันหมดแล้ว อย่าง Benz BMW แล้วก็รถญี่ปุ่นก็เริ่มมีมาให้เห็น (ยกเว้นรถต้องการควบคุมต้นทุน เช่น
รถกระบะ ก็จะใช้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศอยู่เหมือนเดิม) เอาง่ายๆครับ อย่างรถยุโรปตัวโหด เช่น
BMW M3 , M4 , M5 (โฉมล่าสุด 2018) รวมถึง Benz GT S AMG แล้วก็ตัวโหดอีกหลายตัว
ตอนนี้เค้าใช้อินเตอร์น้ำกันหมดแล้วนะครับ แล้วรถพวกนี้ก็รู้ๆกันอยู่ครับ ทำมาเพื่อมาเหยียบมาซิ่งโดยเฉพาะ บางทีเหยียบกันแบบ
เทอร์โบแดงแจ๋ตลอด...ถ้าอินเตอร์น้ำ(ของเทคโนโลยี่ปัจจุบัน)มันด้อยกว่าแบบอากาศ-อากาศจริง
ผู้ผลิตรถเค้าคงไม่กล้าเอามาใส่รถสปอร์ตตัวโหดบ้าพลังหมดทุกรุ่นตอนนี้หรอก..จริงมั๊ยครับ?
แสดงว่ามันต้องดีกว่า ตามที่เค้าคุย จริงมั๊ยครับ 555+
ปล. อันนี้ผมก็คิดแบบชาวบ้านๆน่ะครับ คิดตามที่เห็น ตามที่สังเกตุ ผิดถูกยังไงขออภัยล่วงหน้าครับ :D
ข้อมูลตรงนี้รุ่นที่ว่ามาเป็นอินเตอร์น้ำจริงๆรึป่าวผมไม่รู้จริงๆ ดังนั้นตอนนี้ผมเชื่อคุณไปก่อนว่ารุ่นเหล่านี้ใช้อินเตอร์น้ำ ถ้าตามความเห็นผมก็มีโอกาสเป็นไปได้เพราะรถเหล่านี้เป็นรถ cc สูง ตามธรรมชาติพวกนี้คือปลายไหลอยู่แล้ว ถ้าใช้เทอร์โบช่วยแรงบิดรอบต้นบวกกับความสามารถอินเตอร์น้ำก็มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าเทอร์โบพวกนี้เป็นลูกไม่ใหญ่มากบวกกับเทคโนโลยีสมัยนี้แบบในที่รถที่ไม่ได้จำกัดต้นทุนมาก บางทีผมก็อยากรู้ว่ารถพวกนี้บูสกี่บาร์
แต่ในรถที่ต้องขายแบบได้กำไรจริงๆ ผมนึกออกแค่ mazda2 ดีเซลเท่านั้นที่ใช้อินเตอร์น้ำ แถมให้อีกนิด เป็นรถดีเซลเทอร์โบที่พิกัดเท่ากับซีวิค 1.5 แต่เป็นเบนซิน งานนี้ ซีวิคกลับมีแรงบิดที่มากกว่ามาสด้าที่เป็นเครื่องดีเซล และซีวิคใช้อินเตอร์ลม ผมเลยมองว่าถ้าเอาราคามาเกี่ยวด้วยและการบำรุงรักษา อินเตอร์ลมยังเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่า แถมให้คิดสำหรับ จขกท ครับ
-
ที่อินเตอร์น้ำตอบสนองได้ดีกว่าเพราะมันไม่ต้องอาศัยอากาศไหลผ่านขณะที่รถติดหรือรถวิ่งช้า แต่ถ้ารถมันวิ่งได้แบบลมจะลดความร้อนของอากาศได้มากกว่าแบบน้ำทำให้ได้แรงมากกว่า ยิ่งวิ่งเร็วยิ่งแรง แต่ถ้าเป็นแบบน้ำยิ่งเร็วยิ่งถ่วงรถ ข้อดีคนละแบบ
ขอบคุณที่เข้ามาแชร์ข้อมูลกันครับ ที่ท่านว่าอินเตอร์น้ำยิ่งวิ่งเร็วยิ่งอัดยิ่งร่วง ลดความร้อนไอดีสู้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศไม่ได้นั้น
น่าจะเป็นอินเตอร์น้ำแบบโบราณครับ เช่น เท่าที่ผมนึกออก ก็จะมีเครื่อง 3S-GTE ของ TOYOTA รุ่นนึงละครับ เครื่องรุ่นนี้นานมากละ
คงสัก 20ปีที่แล้วได้ครับ (ถ้าใครเคยเดินเซียงกงคงเคยเห็น) ถ้าเป็นสมัยนั้น อินเตอร์น้ำประสิทธิภาพเรื่องการระบายไอดีนั้นสู้อากาศไม่ได้จริงๆครับ
แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปตรงกันข้ามแล้วครับ อินเตอร์น้ำมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ไอดีได้มากกว่า
อินเตอร์อากาศ-อากาศในทุกรูปแบบการใช้งานแล้วครับ (นี่ผู้ผลิตเป็นคนพูดเองเลยนะครับ) แต่เค้าทำวิธีไหน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเทคโนโลยี่ตรงนี้น่ะครับ
ผมก็ไม่ใช่วิศกรเหมือนกันครับ 555+ แต่เท่าที่ทราบ พวกอุปกรณ์กับการทำงานมันจะต่างกับอินเตอร์น้ำสมัยโบราณอย่างของ 3S GTE ไปบ้างอะครับ
ที่รู้ๆ เค้าก็จะมีหม้อน้ำน้ำหล่อเย็นแยกของอินเตอร์ต่างหากอีกตัวครับ ไม่ได้ใช้รวมกับน้ำหล่อเย็นเครื่อง (แหงละ
ถ้าใช้รวมกันผมว่าคงระบายไอดีห่วยกว่าเดิม 555+) ปั๊มน้ำจะคนละตัวกัน
ผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกอะไรมากนะครับ แต่ถ้าให้คิดตรรกะแบบชาวบ้านๆ ผมสังเกตุว่ารถรุ่นหลังๆ ณ ตอนนี้เค้าจะเปลี่ยนมาเป็น
อินเตอร์น้ำกันหมดแล้ว อย่าง Benz BMW แล้วก็รถญี่ปุ่นก็เริ่มมีมาให้เห็น (ยกเว้นรถต้องการควบคุมต้นทุน เช่น
รถกระบะ ก็จะใช้อินเตอร์แบบอากาศ-อากาศอยู่เหมือนเดิม) เอาง่ายๆครับ อย่างรถยุโรปตัวโหด เช่น
BMW M3 , M4 , M5 (โฉมล่าสุด 2018) รวมถึง Benz GT S AMG แล้วก็ตัวโหดอีกหลายตัว
ตอนนี้เค้าใช้อินเตอร์น้ำกันหมดแล้วนะครับ แล้วรถพวกนี้ก็รู้ๆกันอยู่ครับ ทำมาเพื่อมาเหยียบมาซิ่งโดยเฉพาะ บางทีเหยียบกันแบบ
เทอร์โบแดงแจ๋ตลอด...ถ้าอินเตอร์น้ำ(ของเทคโนโลยี่ปัจจุบัน)มันด้อยกว่าแบบอากาศ-อากาศจริง
ผู้ผลิตรถเค้าคงไม่กล้าเอามาใส่รถสปอร์ตตัวโหดบ้าพลังหมดทุกรุ่นตอนนี้หรอก..จริงมั๊ยครับ?
แสดงว่ามันต้องดีกว่า ตามที่เค้าคุย จริงมั๊ยครับ 555+
ปล. อันนี้ผมก็คิดแบบชาวบ้านๆน่ะครับ คิดตามที่เห็น ตามที่สังเกตุ ผิดถูกยังไงขออภัยล่วงหน้าครับ :D
ข้อมูลตรงนี้รุ่นที่ว่ามาเป็นอินเตอร์น้ำจริงๆรึป่าวผมไม่รู้จริงๆ ดังนั้นตอนนี้ผมเชื่อคุณไปก่อนว่ารุ่นเหล่านี้ใช้อินเตอร์น้ำ ถ้าตามความเห็นผมก็มีโอกาสเป็นไปได้เพราะรถเหล่านี้เป็นรถ cc สูง ตามธรรมชาติพวกนี้คือปลายไหลอยู่แล้ว ถ้าใช้เทอร์โบช่วยแรงบิดรอบต้นบวกกับความสามารถอินเตอร์น้ำก็มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าเทอร์โบพวกนี้เป็นลูกไม่ใหญ่มากบวกกับเทคโนโลยีสมัยนี้แบบในที่รถที่ไม่ได้จำกัดต้นทุนมาก บางทีผมก็อยากรู้ว่ารถพวกนี้บูสกี่บาร์
แต่ในรถที่ต้องขายแบบได้กำไรจริงๆ ผมนึกออกแค่ mazda2 ดีเซลเท่านั้นที่ใช้อินเตอร์น้ำ แถมให้อีกนิด เป็นรถดีเซลเทอร์โบที่พิกัดเท่ากับซีวิค 1.5 แต่เป็นเบนซิน งานนี้ ซีวิคกลับมีแรงบิดที่มากกว่ามาสด้าที่เป็นเครื่องดีเซล และซีวิคใช้อินเตอร์ลม ผมเลยมองว่าถ้าเอาราคามาเกี่ยวด้วยและการบำรุงรักษา อินเตอร์ลมยังเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่า แถมให้คิดสำหรับ จขกท ครับ
จริงครับ อันนี้ของ Benz GT AMG V8 4.0 ครับ
http://autoweek.com/article/car-news/503-hp-mercedes-amg-gt-engine
วรรคที่ 4
Boosting induction are a pair of Borg Warner-produced turbochargers mounted atop the engine within the space between the two cylinder banks -- a layout AMG engine boss Christian Enderle says helps make the M178 some 3.5 inches shorter than the M159 engine. The turbochargers, which operate in a parallel state at a maximum pressure of 33 psi, are cooled by a water-to-air intercooler.
แล้วก็ BMW ตระกูล M - M3 M4 M5 (2018) ตอนนี้หันมาใช้อินเตอร์น้ำเรียบร้อยแล้วครับ แต่ที่ผมยังไม่แน่ใจคือ M2 ครับ
แล้วก็ซีดานบ้านๆก็เหมือนกันน่ะครับ เครื่องที่อยู่ใน ซีรี่ส์ 3 4 5 6 7 โฉมปัจจุบันนี้ เช่น 320d 330i (F30 LCI) 520d 530i (G30) 630d 730Ld
740Li 760Li ฯลฯ พวกนี้ทั้งดีเซลทั้งเบนซิน ไม่ว่าจะเครื่องเล็กเครื่องใหญ่ก็เป็นอินเตอร์น้ำหมดแล้วครับผม.
-
ถ้าเอาความง่าย ถูก และ การดูแลรักษา มาคิด อินเตอร์ฯอากาศ ได้เปรียบ
ถ้าเอาประสิทธิภาพในความเร็วต่ำ และ ความประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง อินเตอร์ฯน้ำ ได้เปรียบ
ส่วนการตอบสนองคันเร่ง คาดว่าอินเตอร์น้ำจะได้เปรียบ เพราะทางเดินอากาศสั้นกว่า ผมเข้าใจถูกไหมครับ?
จริงๆถ้าอินเตอร์น้ำยุ่งยาก .. ไปทางฉีด methanol/น้ำ ไปเลยอาจจะง่ายกว่าไหมน้อ ... (รถใช้ FCON 3.3 อยู่ น่าจะเอามาช่วยคุมได้)
-
อินเตอร์คูลเลอร์แบบระบายด้วยน้ำ เหมาะกับรถ Drag มากกว่า
อินเตอร์คูลเลอร์แบบระบายด้วยอากาศสู่อากาศ ได้เปรียบการบำรุงรักษาง่ายกว่า
อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ การเปลี่ยนถ่ายระบายความร้อนมีอุณหภูมิที่ต่ำลงเร็วกว่า แบบอากาศครับ
การตอบสนองคันเร่ง แบบน้ำ ดีกว่า แบบอากาศ
-
เขามาเก็บสาระครับ 8)
เคยเห็นเหมือนกันสมัยก่อนอินเตอร์น้ำประสิทธิภาพห่วยกว่าอินลม สมัยนี้น่าจะเปลี่ยนไปแล้ว
หลักการมันน่าจะคล้ายเรดิเอเตอร์ชุดน้ำสำเร็จระบายความร้อนในCpuหรือvga-cardในคอมใช่ไหม?
เป็นหม้อน้ำ1-3ตอนและติดพัดลมไว้ที่กริลหม้อน้ำ หรือหม้อน้ำแบบเปิด เติมน้ำยาหล่อเย็นได้?