Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:16:24

หัวข้อ: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:16:24
ช่วงนี้กลับมามีประเด็นอีกครั้งที่หลายๆ ท่านบอกว่า รถรุ่นเดียวกัน ที่เมืองไทยราคาแพงกว่าตปท
.
และหลายๆ ท่านก็แย้งว่า เมืองนอก ราคาตัวรถถูก แต่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แพง
.
.
เพราะงั้น ผมเลยคิดว่าจะทำตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการซื้อรถมาใช้งาน"ที่ญี่ปุ่น"
โดยที่ ถ้าทำเสร็จแล้ว อยากจะขอความร่วมมือให้คนอื่นช่วยทำตารางรายจ่ายกรณีซื้อรถที่ไทยครับ เพื่อเป็นการเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น
ตั้งแต่จ่ายก้อนแรกซื้อรถ ทั้งรถใหม่ มือสอง ไปจนถึงค่าใช้จ่ายรวมใน 5 ปีแรก ได้แก่
- ค่าตัวรถ
- ค่าจดทะเบียน
- ประกัน
- ภาษีรายปี
- ค่าที่จอด (ญี่ปุ่น)
แต่จะไม่คิดในส่วนของ
- เซอวิส และการบำรุงรักษา
- ค่าน้ำมัน
- ค่าทางด่วน

หรืือท่านไหนจะเสนอหัวข้อเพิ่มเติมก็ยินดีครับ

เลยอยากจะขอความเห็นว่า ผมควรจะทำข้อมูลของรถรุ่นไหนดีบ้าง โดยการให้สมาชิกเวปนี้ช่วยแนะนำรุ่นรถมา segment ละคัน คนละ 3 คัน
โดยที่เงื่อนไขควรจะมีตามนี้
1. มีขายทั้งที่ไทยและญี่ปุ่น นับรวมถึงรุ่นย่อย เครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อน (ไม่ต้องเป๊ะ แต่ควรจะคล้าย ๆ)
2. ไม่จำกัดว่านำเข้าจากญี่ปุ่น มาเลฯ หรือประกอบที่ไทย
3. รถเกรย์ก็ได้ แต่ควรจะมีราคากลางไว้อ้างอิง
4. รถมือ 1 หรือ มือ 2 ได้ทั้งนั้น
5. จะเสนอรถยุโรปก็ได้ แต่ผมจะอ้างอิงจากราคาที่ขายในญี่ปุ่นเป็นหลักนะครับ

ตั้งใจจะเปรียบเทียบทุกๆ segment แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอกครับ
เพราะงั้น ขอเลือกรุ่นที่คนอยากรู้มากที่สุด 5 อันดับละกันครับ

ปิดนับผลโหวต 16/11 ตอน 4 ทุ่มเวลาไทยละกันครับ

รบกวนขอความร่วมมือด้วยครับ
และเมืื่อทำเสร็จ ผมจะเอาไปลงไว้ในห้อง User review นะครับ เพื่อไม่ให้กระทู้มันตกเร็วเกินไป

ปล.1 ถ้ามีท่านใดอยู่ประเทศอื่น จะทำมาเปรียบเทียบเพิ่มให้ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ
ปล.2 ผลสำรวจนี้ไม่ได้เอาไปใช้ทำวิทยานิพนธ์หรืออะไรทั้งสิ้นครับ ผมเรียนจบแล้ว




หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:20:12
1.civic
2.cx-5
3.hilux
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Auto Messe ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:26:23
ภาษีล้วนๆ ภาษีสรรพสามิต ภาษีนำเข้า รถที่ไทยถูกกว่าที่อื่นก็มี ปิ๊กอัพเมืองไทย 7-8 แสน ออสเตรเลีย 1.5 ล้าน  รถนำเข้าที่ไทย 3-5 ล้านที่ลาวเขมรล้านกว่าบาท เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศเก็บภาษีต่างกัน
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: tew ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:28:17
ราคารถยนต์น่าจะตั้งตามต้นทุนการผลิตจริง อย่าไปเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายหลังซื้อ เพราะไม่เกี่ยวกับต้นทุนที่ออกจากโรงงาน  จะอ้างว่าค่าแรงไทยแพง ก็ดูขัดแย้ง  ยุโรป เมกา เจแปน  ผมเดาว่าค่าแรงงานคงแพงกว่าไทย แต่ทำไมขายถูกกว่าไทยมากๆ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: mxmx ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:36:00
ราคารถยนต์น่าจะตั้งตามต้นทุนการผลิตจริง อย่าไปเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายหลังซื้อ เพราะไม่เกี่ยวกับต้นทุนที่ออกจากโรงงาน  จะอ้างว่าค่าแรงไทยแพง ก็ดูขัดแย้ง  ยุโรป เมกา เจแปน  ผมเดาว่าค่าแรงงานคงแพงกว่าไทย แต่ทำไมขายถูกกว่าไทยมากๆ

ใช่เลยคับเห็นด้วย
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: mentos ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:41:59
ค่าแรงแพงนี่ไม่เกี่ยวเลย รถประกัน 3-8 ปี ค่าแรงอะไรแทบไม่ต่องจ่ายเพิ่ม ดีไม่ดี 3-5 ปีก็เปลี่ยนคันแล้ว

หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: xman2029 ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:48:58
ภาษีสรรพสามิตกับภาษีอะไหล่นำเข้า(รถที่ผลิตในไทยก็ต้องเสีย เพราะอะไหล่บางชิ้นก็ต้องนำเข้า)นี่ล่ะครับตัวการที่ทำให้รถยนต์บ้านเราบ้าง ถ้าเทียบกับ ญี่ปุ่นหรืออเมริกา เพราะ2ประเทศเขาเก็บแค่ภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ของไทยมันเก็บซับซ้อน แถมภาษีซ้อนภาษี อย่างภาษีมูลค่าเพิ่มก็เก็บโดยเอาราคารถรวมกับภาษีสรรสามิตเข้าไปด้วย จะไม่แพงได้ไง
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: IS2000 ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 09:49:40
ญี่ปุ่นถ้าขับรถเยอะเหมือนรถที่ใช้ในไทย ใช้ทางด่วนบ่อยเสียค่าจอดในเมือง ผมว่าค่าใช้จ่ายสูงกว่าในไทยมากครับ อย่างตอนไปเที่ยวโตเกียวค่าใช้จ่ายของรถยนต์ต่อวันที่ไม่รวมค่าน้ำมันนี่ราวๆ 10 เท่าของการใช้แบบเดียวกันในกรุงเทพได้เลย
แต่ต่างประเทศอย่างสหรัฐซื้อรถไม่แพงและค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากด้วยครับ ผมเคยใช้ชีวิตในกรุงลอสแองเจลิสกว่าสิบปี ค่าใช้จ่ายรถยนต์ก็ไม่ได้แพงอะไรมากกว่าไทยเลยแถมรถราคาถูกกว่ามาก
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Peet Sayumpoo ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:07:02
ที่ว่ารถต่างประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ เยอรมัน ฯลฯ ถูกกว่าบ้านเรา
แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆแพงกว่าบ้านเรา มันก็ถูกครับ แต่อย่าลืมว่าประเทศพวกนั้นเค้าก็มีรายได้ต่อหัว
ในการทำงานสูงกว่าเราเยอะน่ะครับ ส่วนต่างราคาที่เค้าจ่ายค่ารถถูกกว่าบ้านเราครึ่งนึงหรือเกินครึ่ง
ก็เอาส่วนต่างนั้นมาจ่ายค่าจอดรถ ต่อทะเบียน ใบขับขี่ จิปาถะ ที่เค้าแพงกว่าเรา ได้น่าจะเป็นสิบปีเลยมั้งครับ หรือทั้งชาติ
แล้วเค้าทำงานกันรายได้มากกว่าเรา เอามาหักล้างกันแล้ว ผมมองว่ายังไงเค้าก็อยู่สบายกว่าเราอยู่ดีครับ
ประชาชนจับต้องรถดีๆได้ง่าย ได้ขับรถใหม่ๆดีตลอด ปลอดภัยกว่า แถมประเทศมีภาพลักษณ์ที่ดี มองไปเห็นแต่รถดีๆดูสะอาดตา ดูดี
ก็อย่างว่าครับ เค้าถึงเรียกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนประเทศที่ยังไม่ถึงจุดนั้นก็ดิ้นรนกันไปครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: 12345678910 ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:13:20
เมืองนอกรถถูก แต่ค่าจ่อทะเบียนอะไรแพงนะครับ
ทำใบขับขี่ก็ยาก แถมแพงมากในด้านค่าใช้จ่าย เพื่อกรองคนขับรถและออกรถ
แถมบางประเทศ ไม่มีที่จอดรถในบ้าน ในที่ทำงานห้ามซื้อรถ  เมืองไทยหรอ ที่จอดไม่มี ซื้อไปเถอะ3-4 คัน จอดขวางไปทั่ว ไม่สนใจใคร


ขนาดรถที่จขกท บอกแพง คนยังออกรถได้มากมาย จนถนนไม่พอกับรถแล้ว รถติดมหาศาล ภาษีที่ได้จากราคารถ มาสร้างถนน ทางด่วนไม่ไหวแล้ว ต้องสร้างรถไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหารถติด

แล้วต่างประเทศที่ผลิตรถไม่ได้เค้าต้องตั้งกำแพงภาษีไว้ เพื่อช่วยผู้ผลิตในประเทศอีก (แม้จะตั้งโรงงานและผลิตในประเทศ)
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:18:35
ผมก็คิดว่ารถไม่ควรจะราคาแพงขนาดนี้ แต่ควรไปแพงที่สิ่งที่ต้องมีเพื่อมีรถยนต์มากกว่าเช่น
1. ที่จอดรถต้องมีทุกคัน ถ้าไม่มีต้องไปเช่าเอา
2. การต่อทะเบียนรถ การตรวจสภาพรถต่อปีต้องมีราคาสูงขึ้น
3. Driver Licence ควรใช้เวลาและราคาที่สูงกว่านี้

แต่ ....
ท่านๆคิดว่า บริษัทรถยนต์ มีpowerพอที่จะควบคุมนโยบายกดหัวคนไทยไม่ให้มีระบบขนส่งสาธารณะดีไหมครับ ถ้าเกิดมันดีแล้วใครจะซื้อ มอเตอร์ไซด์ กับรถยนต์ รายได้หายไปเป็นล้านล้านบาทแน่นอน

ตอบคำถาม ถ้าเทียบกับญี่ปุ่น ก็เทียบ segment กับไทยยากอยู่ครับ
1. รถประเภท B segment เช่น Jazz
2. Mid size sedan รุ่นไหนก็ได้
3. รถขนของขนาดเล็ก
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:27:50
ตอบทุกๆ ท่านรวมๆ เลยนะครับ

ผมเลยอยากรู้ไงครับ ว่าแพง ถูก ต่างกันเนี่ย มันต่างกันเท่าไหร่
คน 1 คน จะซื้อรถ ครอบครองรถยนต์ ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เทียบกันเลย ไทย-ญี่ปุ่น

ส่วนเรื่องค่าแรง หรือรายได้ทั้งหลายนั้น
ถ้าเราทราบความแตกต่างของค่าใช้จ่ายแล้ว เอามาเทียบกับรายได้เฉลี่ย ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น(ถึงความแตกต่าง)

*ซึ่งหลายๆ ท่านคงทราบอยู่แล้ว และมันก็เป็นความจริงที่ว่า รายได้ของ ตปท สูงกว่าไทย2-3เท่า

ยังยินดีรับทุกความเห็นครับ แต่ผมคงไม่วิเคราะห์เพิ่มเติมไปถึงเรื่องนโยบายชาติ หรือ การพัฒนาระบบขนส่งนะครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:40:37
ของหลายๆอย่างไม่ได้ขายตามต้นทุน แต่ขายตามที่มันขายได้ พอขายไม่ได้ก็ลดกันหลายหมื่นเป็นแสน ก็เห็นๆชัดๆกันอยู่ ทุกคนก็รู้ ทั้งที่ของเดิม

ภาระหลังซื้อ ไม่ได้เกี่ยวกับตัวรถเลยครับ ถ้ามองในประเทศไทย แสดงว่าคนต่างจังหวัดซื้อรถได้ถูกกว่าคนไทยใน กทม เหรอ มันไม่ใช่นะ มันเป็นเรื่องสถานที่มากกว่า

ส่วนเรื่องภาษี ก็ไม่ใช่เช่นกัน ดูรถกระบะดีๆ ตอนเดียวกับ 4ประตู ขายต่างกัน1เท่าตัว แต่ภาษีต่างกันกระจึ๋ง

สรุป ที่ขายแพงเพราะขายได้ ขายเท่าไหร่ก็มีคนซื้อ สรุปคือญี่ปุ่นแข่งกันแพง จบข่าว
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: AT ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 10:43:21
ตอบทุกๆ ท่านรวมๆ เลยนะครับ

ผมเลยอยากรู้ไงครับ ว่าแพง ถูก ต่างกันเนี่ย มันต่างกันเท่าไหร่
คน 1 คน จะซื้อรถ ครอบครองรถยนต์ ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เทียบกันเลย ไทย-ญี่ปุ่น

ส่วนเรื่องค่าแรง หรือรายได้ทั้งหลายนั้น
ถ้าเราทราบความแตกต่างของค่าใช้จ่ายแล้ว เอามาเทียบกับรายได้เฉลี่ย ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น(ถึงความแตกต่าง)

*ซึ่งหลายๆ ท่านคงทราบอยู่แล้ว และมันก็เป็นความจริงที่ว่า รายได้ของ ตปท สูงกว่าไทย2-3เท่า

ยังยินดีรับทุกความเห็นครับ แต่ผมคงไม่วิเคราะห์เพิ่มเติมไปถึงเรื่องนโยบายชาติ หรือ การพัฒนาระบบขนส่งนะครับ

ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ บางท่านที่บอกว่าค่าใช้จ่ายหลังซื้อแพง อะไรที่แพง แพงยังไง มีตัวเลขไหม แพงจริงหรือป่าว หรือแค่ได้ยินมา ผมงง
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Peet Sayumpoo ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 11:03:07
ที่ว่ารถเมืองไทยแพง แต่ทำไมรถถึงเยอะเกลื่อนถนนจนแน่น รถติด ก็เพราะมันมีรถบางประเภทที่รัฐบาลเก็บภาษีไม่เวอร์มาก
เช่น รถกระบะนะครับ ก็สังเกตุมั๊ยละครับว่ารถประเภทนี้คือรถที่เกลื่อนถนนเมืองไทยที่สุด....
แล้วไหนจะมอไซค์อีก แต่มอไซค์ภาษีแพงนะครับ แต่คงเพราะรวมแล้วราคายังไงมันก็จับต้องง่าย
แถมเดี๋ยวนี้ออกง่าย ไม่ต้องดาวน์เลยด้วยซ้ำ...

ส่วนรถประเภทอื่นในเมืองไทย ผมเห็นด้วยกับท่านบนนู้นว่าราคามันเว่อร์ไปจริงๆ ไม่ควรจะแพงขนาดนั้น

ยกตัวอย่าง

Camry V6 3.5L เมืองนอก เช่น อเมริกา,เกาหลีใต้,อังกฤษ ฯลฯ ขาย 1.1-1.2 ล้าน (คำนวนเป็นเงินไทย)
มาอยู่เมืองไทย ขาย 2,750,000 บาท

BMW 530i m sport G30 อเมริกา,เกาหลีใต้,อังกฤษ ฯลฯ ขาย 2 - 2.2 ล้าน (คำนวนเป็นเงินไทย)
มาอยู่เมืองไทย ขาย 4,399,000 บาท


ส่วนต่างขนาดนี้ ผมว่าจ่ายค่าทะเบียน ใบขับขี่ ค่าจอด จิปาถะ แพงกว่าแบบเมืองนอก ยังไงก็คุ้มกว่าบ้านเราอะครับ :-X

แต่ถกกันไปก็เท่านั้นแหละครับผมว่า เราแค่มดตัวเล็กๆ เราไปเปลี่ยนระบบอะไรของประเทศนี้ไม่ได้หรอกครับ
ก็ต้องยอมรับสภาพกันไปครับ 
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: BigCat ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 11:13:39
ผมก็ได้แต่กล้ำกลืนเก็บตัง ต่อไปที่จะซื้อรถแต่ละคัน

ก็ต้องซื้อแพง ทำไงได้ เราไม่ได้เป็นผู้กำหนดนโยบาย ของประเทศ :'(

ยอมรับว่า รถบ้านเราแพงจริงๆ 
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: rokrok ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 11:49:50
ทำเลยครับ

แล้วทำตาราง เงินเดือนเทียบกัน พร้อม ratio ด้วยก็ดีครับ

จะได้รู้ว่า ญี่ปุ่นได้เงินเยอะกว่าเรากี่เท่า แล้วค่าใช้จ่ายด้านรถสูงกว่าเรากี่เท่า

ถ้าเงินratio สูงกว่าไทยซัก 5 แต่ ค่าประกัน ค่าน้ำมัน สูงกว่าไทยซัก 3 อะไรแบบนี้ จะได้รุ้กันไปว่า ที่เขาว่าแพง มันแพงจริงหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: tongtom ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 11:55:55
ภาษี

การบังคับใช้ อายุรถกี่ปีต้องทำลายหรือยกเลิกใช้งาน 

เรื่องค่าใช้จ่าย ที่จะไปจัดเก็บ ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับราคารถแต่ ผมว่าเกี่ยวนะ เพราะตรงนั้น เป็นเรื่องมูลค่าเพิ่ม(ที่จริงเรียกว่า ภาระเกี่ยวเนื่อง และมันสามารถจัดเก็บภาษีหรือมีรายได้จากตรงนี้ได้ จากการมีรถ)   ของเรา เก็บไม่ค่อยได้ เช่น การจอดริมถนน ก็มีคนที่ไม่ได้อยุ่ในระบบภาษีมาจัดเก็บค่าที่จอดไปแทน 



*** ราคาแพงกว่า ผมไม่ว่านะ (ที่จริงอาจจะราคาเท่ากันก็แล้วแต่ ) แต่ผมว่า มันเข้ารัฐ ผมไม่ค่อยสนใจ อยากเอามาเป็นประเด็น ผมสนใจแค่ รถรุ่นเดียวกัน  ทำไม๊ ในประเทศไทย มันให้ออปชั่น น้อยกว่าในต่างประเทศ ทั้งๆที่ มันอาจจะผลิตในประเทศนี้แหละ บริษัทรถต่างหากที่ผมอยากจะบอก่วา คุณมีส่วนทำให้รถไทย มันดู ..........แพง มันไม่สมกับมูลค่าที่จ่าย เรื่องอะไร รถรุ่นเดียวกันกับที่บ้านไปอยู่เมืองนอกแล้ว ราคาอาจจะใกล้กัน(เอาค่าตัวตั้งตัดภาษีออก) แต่ฉันจ่ายแล้ว ฉันได้ของน้อยกว่า .............










หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkypoo ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 11:59:50
ขนาดแพง รถยังเยอะ
ถ้าถูก รถ ญี่ปุ่น ขายไม่ออกแน่นอน แต่คงติดแหง็กๆทั้งเมืองแน่เลยครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 12:07:37
สมาชิกที่อยู่ใน hlm

มีรายได้ที่แตกต่างกันนะครับ
ดังนั้นพื้นฐานการเงิน และความคิดแต่ละคนย่อมต่างกันอยู่แล้วครับ

- สำหรับคนรายได้มาก ที่เค้าไม่ต้องแคร์อะไรเลย เค้าพูดได้ครับว่ารถเมืองไทยแพงกว่าต่างประเทศ

- สำหรับคนรายได้ปานกลาง เค้าก็มองอีกมุมครับ

- แต่สำหรับคนรายได้ไม่มาก ผมเชื่อแน่นอนว่า เค้าต้องบอกว่ารถบ้านเราถูก หากเค้ารู้ว่าหลายๆประเทศ การมีรถซักคันมันยากมาก

ทีนี้คุณจะเอาอะไรเป็นตัวเทียบล่ะครับ
ความซับซ้อนในการทำตารางคุณจะเพิ่มมากขึ้นเป็นกองเลย

ยกตัวอย่าง น้าผมที่เป็นสัญชาติสิงค์โปร์ อยู่แฟลตตั้งแต่รุ่นพี่ชายตาของผม เงินเดือนดีกว่าผมหลายเท่า เค้าก็ยังไม่สามารถซื้อรถมาใช้ได้เลย เพราะว่า นอกจากรถแล้ว ยังต้องมีใบอนุญาติ และที่จอดรถอันแพงแสนแพง

แต่พนักงานออฟฟิสบ้านเรา นึกอยากจะผ่อนรถก็ผ่อนได้สบาย

ถ้าน้าผมอยากมีรถขับ การไปซื้อคอนโดที่อยู่รอบนอก เพื่อให้ได้ที่จอดรถที่ถูกลง นั่นถือเป็น cost ของรถคันนั้นด้วยหรือเปล่า???

ซึ่งนั่นก็หมายถึง cost ที่แท้จริงในการจะ"มี"รถซักคันครับของแต่ละคนแล้วล่ะ

หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Zachary C ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 12:09:25
เสนอ

1) Honda Jazz/Fit

2) Honda HRV/ Vezel

ขอบคุณครับ  :)
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: aun ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 12:10:43
ทำเลยครับ

แล้วทำตาราง เงินเดือนเทียบกัน พร้อม ratio ด้วยก็ดีครับ

จะได้รู้ว่า ญี่ปุ่นได้เงินเยอะกว่าเรากี่เท่า แล้วค่าใช้จ่ายด้านรถสูงกว่าเรากี่เท่า

ถ้าเงินratio สูงกว่าไทยซัก 5 แต่ ค่าประกัน ค่าน้ำมัน สูงกว่าไทยซัก 3 อะไรแบบนี้ จะได้รุ้กันไปว่า ที่เขาว่าแพง มันแพงจริงหรือเปล่า

เห็นด้วยครับคิดเป็น Ratio เทียบกับรายได้ จะยิ่งเห็นภาพชัด แบบคร่าวๆยังไม่เอาพวกค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องจะเห็นว่าแพงแตกต่างกันหลายเท่าถ้าเทียบกับรายได้ เช่นอเมริกาซื้อ benz e class ได้ด้วยรายได้ต่อปีของชนชั้นกลาง 1 - 1.5 ปี แต่ของเรา(คิดเล่นๆว่าสี่หมื่นต่อเดือน) ต้องใช้รายได้รวมทั้งหมด 7-8 ปี (เปรียบเทียบนะครับ ไม่ได้หมายถึงการเก็บเงินซื้อจริงๆ ซึ่งคงไม่มีใครเอาเงินทั้งหมดมาซื้อรถ) แต่ถ้ามีข้อมูลเชิงลึกพวกรายจ่ายเกี่ยวเนื่อง แถมด้วยราคารถแบบค่อนข้างแม่นยำที่ออพชั่นเท่ากัน ถึงจะเห็นภาพได้ชัด ซึ่งผมว่าปัจจัยมันเยอะมาก แต่ให้เดาว่าโดยภาพรวมบ้านเราก็น่าจะยังแพงกว่าเป็นเท่าตัวอยู่ดี (ทั้งนี้ถูกลงเยอะแล้ว คิดถึงสมัยก่อนกำแพงภาษีโหดๆ S 500  หรือ SL คันละสิบกว่าล้าน สมัยยี่สิบปีก่อน ถ้าคำนวณบวกเงินเฟ้อเข้าไปก็ซื้อซุปเปอร์คาร์ได้เลย)
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: mentos ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 12:48:06
พอราคารถมันแพง ที่ตามมาก็คือค่าอะไหล่ที่แพงตามไปด้วย อะไหล่หลายๆอย่างแพงแบบเกินจริงไปมาก

เท่าที่ดูรถประกอบในหรือแถวบ้านเรา ถ้าญี่ปุ่นทั่วไปก็แพงกว่า 50%
รถพรีเมี่ยมก็ 100% ถ้านำเข้าอีกก็ไปไกลเลย 300%
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:02:15
          ผมอยากให้เทียบเฉพาะตัวรถพร้อมอ๊อพชั่นได้ไหมครับ       
          พวกค่าจอดรถ  ค่าประกัน  ค่าทางด่วน ค่าซ่อม  ผมว่าไม่น่าเอามารวมกัน แล้วเป็นสาเหตุที่บอกว่ารถนั้นแพงหรือถูก

         แต่นี่เรากกำลังคุยว่าทำไมรถเมืองไทยมันถึงแพงกว่าที่ควรจะเป็น  ทั้งที่ประกอบรถเองในบ้านเรา     
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:07:00
ผมมองที่เป็นอยู่ว่า
1. รถในไทยราคาสูง(แพงกว่า)จริง ออปชั่นน้อยกว่าด้วย ยังขายได้ คนซื้อ
2. ระบบขายผูกขาด ไม่มีการแข่งขัน ราคาตายตัว(ต่างที่ส่วนลดของแถมไม่มาก)
     บริษัทรถบังคับให้คนขายรถเป็นตัวแทนได้ยี่ห้อเดียวต่อโชว์รูม และไม่ให้ขายราคาต่างกันมาก ถ้ามากไปมีบดลงโทษ ในยุโรป เมกามีหลายที่ขายรถหลายยี่ห้อในหลังคาเดียวกัน สั่งรถจากโรงงานมาขายให้ลูกค้าเทียบ ทำราคาได้อิสระกว่า
3. ภาษีถ้ารถนำเข้าบ้านเราสูงจริง
     แต่คิดจากราคาต้นทุนหน้าโรงงานผู้ผลิต ไม่ใช่ราคาขายปลีกในเมืองนอก อันที่จริงภาษีนำเข้ารถถ้าไม่มีข้อตกลงแบบอาเซียน จะคิดสองร้อยกว่า%เหมือนๆกันหลายประเทศ
4. โรงงานประกอบในไทยต้นทุนต่ำกว่าญี่ปุ่นและยุโรป
      ต่ำกว่าทั้งค่าที่ดิน ก่อสร้าง ค่าแรงงาน ค่านำเข้าเครื่องจักรรัฐไม่เก็บภาษี เลยขยายกันเอาใหญ่ มิตซู นิสสันตอนนี้ส่งออกเป็นหลัก ขายในประเทศน้อยลง
5. รถที่ส่งออกจากไทยไปขายทั้งญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ราคาถูกกว่าที่ขายในไทย ออปชั่นก็เยอะกว่า
      เช่นนิสสันมาร์ชส่งไปญี่ปุ่น และอีกหลายรุ่น บางทีกลุ่มอีโคราคาต่างไม่เยอะแต่ไปดูออปชั่นของเค้าครบและเต็ม
6. รถที่ส่งออกจากญี่ปุ่นไปขายในเอเชียหลายประเทศ ออสเตรเลียด้วย ทำราคาถูกกว่าที่เอามาขายขายในไทย เข้ามาบ้านเราแพงมาก เช่นalphard ญี่ปุ่นล้านกลางๆ

ผมสรุปจากที่พอนึกออกเอาราคาขายกับออปชั่นเป็นหลัก ไม่รวมรายได้ต่อหัว ค่าใช้จ่ายหลังซื้อ ซึ่งอันที่จริงไทยเราก็ต่ำกว่าประเทศที่ขายรถถูกกว่าซะส่วนมาก

ลองมองอุตสาหกรรมอื่นที่ตั้งโรงงานผลิตในไทย อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ขนม น้ำตาล ราคาเราถูกกว่าแทบทุกประเทศ ส่งออกไปได้ทั้งยุโรป เมกา ตะวันออกกลาง เพราะผลิตไทยสู้ต้นทุนได้ แต่รถผลิตในไทยกลับขายในไทยแพงกว่า มันก็เหลือแค่ภาษีที่รัฐเก็บกับการบวกกำไรเท่านั้นครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:33:57
ตามมาอ่านเรื่อยๆ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นครับ
ส่วนถ้าหากท่านไหนยังเห็นด้วย กับการให้ผมทำข้อมูลเปรียบเทียบ รบกวนเสนอรายชื่อรุ่นรถยนต์ด้วยนะครับ
ปล. Honda HRV/Vezel ที่นี่มีแต่เครื่อง 1.5/1.5ไฮบริดครับ

          ผมอยากให้เทียบเฉพาะตัวรถพร้อมอ๊อพชั่นได้ไหมครับ       
          พวกค่าจอดรถ  ค่าประกัน  ค่าทาง่วน  ผมว่าไม่ต่าเอามารวมกัน แล้วเป็นสาเหตุที่บอกว่ารถนั้นแพงหรือถูก

         แต่นี่เรากกำลังคุยว่าทำไมรถเมืองไทยมันถึงแพงกว่าที่ควรจะเป็น  ทั้งที่ประกอบรถเองในบ้านเรา   

นี่ก็เป็นประเด็นนึงครับ ถ้าเอาเฉพาะค่าตัวรถเลย ผมไม่ต้องทำตารางเทียบมันก็พอดูออกแล้วครับว่าที่ไหนแพงกว่า
แต่ทีนี้ พอมีการจับอีกประเด็น(ค่าใช้จ่ายอื่นๆ)มาพ่วงด้วย ทำให้หลายๆท่านเลยรู้สึกว่า เราจ่ายแพงไปก่อน แล้วมาจ่ายถูกทีหลัง
ซึ่งสองประเด็นนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่เมื่อมองรวมๆกันมันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับภาระ เลยอยากจะเอาสองส่วนมาคิดรวมกันครับ

หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: BlueJays ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:40:27
มันต่างกันตรงที่ภาษีบ้านเรามันเก็บซ้ำเก็บซ้อน ทำให้ราคารถแพงกว่าที่จะเป็น
ประกอบกับค่ายรถต่างใช้ข้ออ้างภาษี บวกราคาขายกันอย่างเมามันส์ ขณะที่ให้ออฟชั่นไม่สมราคาและห่วยกว่าที่อื่น

เทียบกับอเมริกา ราคารถไม่ได้แพง ไม่ได้ซื้อยาก หรือยุ่งยาก อะไรเลย
แถมค่าโอนค่าทะเบียน ก็แทบไม่ต่างจากไทย

เทียบกับญี่ปุ่น ราคารถถูกกว่า
แต่ก็มีคนอ้างว่าค่าใช้จ่ายหลังจากออกรถแล้วแพงกว่าไทย
ให้ตายเถอะ รายได้ GDP ต่อหัว อยู่ที่ $42,860
ขณะที่ไทย อยู่ที่ $17,750
เกือบ 3 เท่าของไทย

ผมเคยอยู่ญี่ปุ่นมา เด็กทำงานปั้มน้ำมันที่นั้นมีปัญญา ถอย RX7 RX8 Supra 200SX Silvia
หันมามองเด็กปั้มในไทย .....
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:44:06
สมาชิกที่อยู่ใน hlm

มีรายได้ที่แตกต่างกันนะครับ
ดังนั้นพื้นฐานการเงิน และความคิดแต่ละคนย่อมต่างกันอยู่แล้วครับ

- สำหรับคนรายได้มาก ที่เค้าไม่ต้องแคร์อะไรเลย เค้าพูดได้ครับว่ารถเมืองไทยแพงกว่าต่างประเทศ

- สำหรับคนรายได้ปานกลาง เค้าก็มองอีกมุมครับ

- แต่สำหรับคนรายได้ไม่มาก ผมเชื่อแน่นอนว่า เค้าต้องบอกว่ารถบ้านเราถูก หากเค้ารู้ว่าหลายๆประเทศ การมีรถซักคันมันยากมาก

ทีนี้คุณจะเอาอะไรเป็นตัวเทียบล่ะครับ
ความซับซ้อนในการทำตารางคุณจะเพิ่มมากขึ้นเป็นกองเลย

ยกตัวอย่าง น้าผมที่เป็นสัญชาติสิงค์โปร์ อยู่แฟลตตั้งแต่รุ่นพี่ชายตาของผม เงินเดือนดีกว่าผมหลายเท่า เค้าก็ยังไม่สามารถซื้อรถมาใช้ได้เลย เพราะว่า นอกจากรถแล้ว ยังต้องมีใบอนุญาติ และที่จอดรถอันแพงแสนแพง

แต่พนักงานออฟฟิสบ้านเรา นึกอยากจะผ่อนรถก็ผ่อนได้สบาย

ถ้าน้าผมอยากมีรถขับ การไปซื้อคอนโดที่อยู่รอบนอก เพื่อให้ได้ที่จอดรถที่ถูกลง นั่นถือเป็น cost ของรถคันนั้นด้วยหรือเปล่า???

ซึ่งนั่นก็หมายถึง cost ที่แท้จริงในการจะ"มี"รถซักคันครับของแต่ละคนแล้วล่ะ

ข้อแรก ผมอาจจะตั้งชื่อหัวกระทู้ไม่ตรงกับสิ่งที่อยากจะนำเสนอ ผมคงไม่สามารถคิดแทนได้ทุกคนหรอกครับ ว่ารถมันจะถูกหรือแพง
แต่ผมต้องการข้อมูลที่ว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่ละที่แพงหรือถูกกว่ากันเท่าไหร่
เพื่อให้ความกระจ่างของคำที่ว่า เมืองไทย รถแพง ค่าใช้จ่ายถูก เมืองนอกรถถูก ค่าใช้จ่ายแพง

ข้อสอง จะพูดแบบนั้นก็ใช่ครับ แต่ที่ไทยหรือแม้แต่ญี่ปุ่น ยังไม่ได้มีข้อบังคับการใช้รถยนต์เข้มงวดขนาดนั้น
และที่ีญี่ปุ่น ผมไม่คิดว่า"คนส่วนใหญ่"จะออกไปซื้อบ้านนอกเมือง แค่เพื่อที่จะได้ครอบครองรถหรอกครับ
(แต่ผมทำนะ ย้ายที่อยู่เพื่อจะได้ครอบครองรถง่ายขึ้น)
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:48:05
เพราะระบบขนส่งมวลชนของเรามันห่วยรึเปล่าครับ เราไม่มีตัวเลือกอะไรมากนัก รถยนต์คงเป็นพาหนะเดียวที่พึ่งได้

จะตั้งราคามายังไง สุดท้ายมาก็ต้องซื้อ เหมือนเป็นการปลูกฝังค่านิยม ไปแล้วละครับ เรียนจบ มีงานทำ มีรถ มีบ้าน ฯลฯ

ยิ่งสภาพสังคมในปัจจุบัน รถเป็นเหมือนเครื่องแสดงฐานะทางสังคมอย่างหนึ่งไปแล้ว แพงหน่อย แต่ขอได้มีขับ จะได้คุยกับเค้าได้

แต่อย่างที่ต่างประเทศระบบขนส่งมวลชนเค้าอาจจะดีมากๆ รถยนต์บางพื้นที่แทบไม่จำเป็น หรือจะซื้อแต่มีขั้นตอนหรือระเบียบต่างๆที่เยอะ

และอีกจากหลายอย่าง ทั้งใบขับขี่ และสถานที่จอด ค่าประกัน ค่าภาษีในแต่ละปีที่เพิ่มขึ้นตามอายุรถ หรืออะไรต่างๆที่เยอะจนไม่อยากซื้อ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 13:55:52
สมาชิกที่อยู่ใน hlm

มีรายได้ที่แตกต่างกันนะครับ
ดังนั้นพื้นฐานการเงิน และความคิดแต่ละคนย่อมต่างกันอยู่แล้วครับ

- สำหรับคนรายได้มาก ที่เค้าไม่ต้องแคร์อะไรเลย เค้าพูดได้ครับว่ารถเมืองไทยแพงกว่าต่างประเทศ

- สำหรับคนรายได้ปานกลาง เค้าก็มองอีกมุมครับ

- แต่สำหรับคนรายได้ไม่มาก ผมเชื่อแน่นอนว่า เค้าต้องบอกว่ารถบ้านเราถูก หากเค้ารู้ว่าหลายๆประเทศ การมีรถซักคันมันยากมาก

ทีนี้คุณจะเอาอะไรเป็นตัวเทียบล่ะครับ
ความซับซ้อนในการทำตารางคุณจะเพิ่มมากขึ้นเป็นกองเลย

ยกตัวอย่าง น้าผมที่เป็นสัญชาติสิงค์โปร์ อยู่แฟลตตั้งแต่รุ่นพี่ชายตาของผม เงินเดือนดีกว่าผมหลายเท่า เค้าก็ยังไม่สามารถซื้อรถมาใช้ได้เลย เพราะว่า นอกจากรถแล้ว ยังต้องมีใบอนุญาติ และที่จอดรถอันแพงแสนแพง

แต่พนักงานออฟฟิสบ้านเรา นึกอยากจะผ่อนรถก็ผ่อนได้สบาย

ถ้าน้าผมอยากมีรถขับ การไปซื้อคอนโดที่อยู่รอบนอก เพื่อให้ได้ที่จอดรถที่ถูกลง นั่นถือเป็น cost ของรถคันนั้นด้วยหรือเปล่า???

ซึ่งนั่นก็หมายถึง cost ที่แท้จริงในการจะ"มี"รถซักคันครับของแต่ละคนแล้วล่ะ

ข้อแรก ผมอาจจะตั้งชื่อหัวกระทู้ไม่ตรงกับสิ่งที่อยากจะนำเสนอ ผมคงไม่สามารถคิดแทนได้ทุกคนหรอกครับ ว่ารถมันจะถูกหรือแพง
แต่ผมต้องการข้อมูลที่ว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่ละที่แพงหรือถูกกว่ากันเท่าไหร่
เพื่อให้ความกระจ่างของคำที่ว่า เมืองไทย รถแพง ค่าใช้จ่ายถูก เมืองนอกรถถูก ค่าใช้จ่ายแพง

ข้อสอง จะพูดแบบนั้นก็ใช่ครับ แต่ที่ไทยหรือแม้แต่ญี่ปุ่น ยังไม่ได้มีข้อบังคับการใช้รถยนต์เข้มงวดขนาดนั้น
และที่ีญี่ปุ่น ผมไม่คิดว่า"คนส่วนใหญ่"จะออกไปซื้อบ้านนอกเมือง แค่เพื่อที่จะได้ครอบครองรถหรอกครับ
(แต่ผมทำนะ ย้ายที่อยู่เพื่อจะได้ครอบครองรถง่ายขึ้น)

คุณตั้งถูกแล้วล่ะ คือคุณบอกว่าจะเอาไปเทียบกับต่างประเทศ

แต่ถ้าคุณทำตารางกลางๆออกมา ถ้าคนดูเอาพื้นฐานรายได้ตัวเองเป็นที่ตั้ง

มันก็จะมีประเด็นต่อไปไม่รู้จบแหละครับ
คนมีมากก็บอกว่าแพง
คนมีน้อยก็บอกว่าถูก

ตอนนี้ผมจำประเด็นที่มันซ้อนๆกันอยู่ตามนี้ครับ

# ภาษีแพง -> ไปเทียบกับเมืองที่ภาษีถูก

# ให้เอาเฉพาะเมืองไทย -> อันนี้ต้องดูที่ demand และ supply จะไปเทียบกับเพื่อนบ้านไม่ได้นะครับ

# การครอบครองรถในแต่ละประเทศ

เพื่อนสมช.ที่เแาทุกเรื่องมาปนกันเนี่ย มันจะไม่ได้บทสรุปนะครับ มันจะเป็น loop ทันที
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 14:19:47
สมาชิกที่อยู่ใน hlm

มีรายได้ที่แตกต่างกันนะครับ
ดังนั้นพื้นฐานการเงิน และความคิดแต่ละคนย่อมต่างกันอยู่แล้วครับ

- สำหรับคนรายได้มาก ที่เค้าไม่ต้องแคร์อะไรเลย เค้าพูดได้ครับว่ารถเมืองไทยแพงกว่าต่างประเทศ

- สำหรับคนรายได้ปานกลาง เค้าก็มองอีกมุมครับ

- แต่สำหรับคนรายได้ไม่มาก ผมเชื่อแน่นอนว่า เค้าต้องบอกว่ารถบ้านเราถูก หากเค้ารู้ว่าหลายๆประเทศ การมีรถซักคันมันยากมาก

ทีนี้คุณจะเอาอะไรเป็นตัวเทียบล่ะครับ
ความซับซ้อนในการทำตารางคุณจะเพิ่มมากขึ้นเป็นกองเลย

ยกตัวอย่าง น้าผมที่เป็นสัญชาติสิงค์โปร์ อยู่แฟลตตั้งแต่รุ่นพี่ชายตาของผม เงินเดือนดีกว่าผมหลายเท่า เค้าก็ยังไม่สามารถซื้อรถมาใช้ได้เลย เพราะว่า นอกจากรถแล้ว ยังต้องมีใบอนุญาติ และที่จอดรถอันแพงแสนแพง

แต่พนักงานออฟฟิสบ้านเรา นึกอยากจะผ่อนรถก็ผ่อนได้สบาย

ถ้าน้าผมอยากมีรถขับ การไปซื้อคอนโดที่อยู่รอบนอก เพื่อให้ได้ที่จอดรถที่ถูกลง นั่นถือเป็น cost ของรถคันนั้นด้วยหรือเปล่า???

ซึ่งนั่นก็หมายถึง cost ที่แท้จริงในการจะ"มี"รถซักคันครับของแต่ละคนแล้วล่ะ

ข้อแรก ผมอาจจะตั้งชื่อหัวกระทู้ไม่ตรงกับสิ่งที่อยากจะนำเสนอ ผมคงไม่สามารถคิดแทนได้ทุกคนหรอกครับ ว่ารถมันจะถูกหรือแพง
แต่ผมต้องการข้อมูลที่ว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวม แต่ละที่แพงหรือถูกกว่ากันเท่าไหร่
เพื่อให้ความกระจ่างของคำที่ว่า เมืองไทย รถแพง ค่าใช้จ่ายถูก เมืองนอกรถถูก ค่าใช้จ่ายแพง

ข้อสอง จะพูดแบบนั้นก็ใช่ครับ แต่ที่ไทยหรือแม้แต่ญี่ปุ่น ยังไม่ได้มีข้อบังคับการใช้รถยนต์เข้มงวดขนาดนั้น
และที่ีญี่ปุ่น ผมไม่คิดว่า"คนส่วนใหญ่"จะออกไปซื้อบ้านนอกเมือง แค่เพื่อที่จะได้ครอบครองรถหรอกครับ
(แต่ผมทำนะ ย้ายที่อยู่เพื่อจะได้ครอบครองรถง่ายขึ้น)
  ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเปลี่ยนหัวข้อไปเลยนะว่า  การมีรถยนต์คันนึงมีค่าใช้จ่าย ถูกหรือแพงถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ 


                 แล้วมาดูในสิ่งที่คนทั่วไปอยากรู้
             คือถ้าถามว่าราคารถยนตในไทยถูกหรือแพง  ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ        โดยไม่ได้ต้องเอาค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าประกัน ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ  มารวมกัน     

             ผลสรุปคือ  รถในไทย น่าจะมีราคาแพง   ถ้าเทียบกับประเทศอื่น  ๆ 
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 14:51:53
ยืนยันคำตอบเดิมนะ อยากให้รถถูกๆไม่ต้องเก็บภาษีซ้ำซ้อนก็ได้แต่จ่าย Vat21% ทุกอย่างไหวกันมั้ย ทีนี้รถถูกสะใจแน่นอนและค่าครองชีพก็จะแพงกว่ารถ3เท่าตัวแบบประเทศที่พัฒนาแล้วซักทีนึง
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:00:48
ยืนยันคำตอบเดิมนะ อยากให้รถถูกๆไม่ต้องเก็บภาษีซ้ำซ้อนก็ได้แต่จ่าย Vat21% ทุกอย่างไหวกันมั้ย ทีนี้รถถูกสะใจแน่นอนและค่าครองชีพก็จะแพงกว่ารถ3เท่าตัวแบบประเทศที่พัฒนาแล้วซักทีนึง

เอาครับ

ไหวด้วย เพราะ ค่าครองชีพเราวันนี้ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด
โดยเฉพาะใน กทม
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: coolcarrera ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:09:25
ประเด็นอื่นๆก็อย่างที่ทราบกัน อยู่ไทยถ้าอยากจะซื้อรถที่ราคาสมเหตุสมผลของมัน แค่สมเหตุสมผลนะ ชอบไม่ชอบ ตรงวัตถุประสงค์หรือไม่ตรง ตรง lifestyle หรือไม่ตรงนั้นเป็นอีกเรื่อง (eg. ผมตอนนี้ใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองกับ ppv คันเบ้อเร่อ แค่เพราะคิดๆแล้ว ค่าใช้จ่ายรวมมันถูกกว่าเก๋งหลายๆรุ่น)

ถ้าอยากได้ราคาสมเหตุสมผลก็นี่แหละครับ คุณไม่ได้หลุดไปจากรถตระกูลปิคอัพ PPV และรถเก๋งเล็กหรอก ที่มีความเห็นบอกว่า ปชช.ในประเทศพัฒนาแล้วสามารถเข้าถึงรถดีๆได้ง่ายกว่าเรา (เยอะ) ฟังแล้วมันช้ำไปถึงก้นบึ้งหัวใจ แต่มันคือเรื่องจริง..


ขอเสนอ accord hybrid 2.0 ตัว G9 ละกันครับ มีขายทั้ง 2 ประเทศ หรือท่านใดจะเทียบจากฝั่ง US ด้วยก็ยินดีมากครับ อยากทราบลึกๆมานานละว่า accord ทาง US นี้ถูกและดีขนาดเป็นรถ sedan ที่ชนะรางวัลแล้วชนะอีกมาเสมอนั้น คนทางนั้นมอง accord ว่ายังไงกัน

same drivetrain
ถึงแม้ที่ญี่ปุ่นจะนานๆเห็นคัน แต่ก็ยังพอมีคนซื้อมาใช้

และผมเองชอบรุ่นนี้ด้วยแหละ  :D
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:13:18
ยืนยันคำตอบเดิมนะ อยากให้รถถูกๆไม่ต้องเก็บภาษีซ้ำซ้อนก็ได้แต่จ่าย Vat21% ทุกอย่างไหวกันมั้ย ทีนี้รถถูกสะใจแน่นอนและค่าครองชีพก็จะแพงกว่ารถ3เท่าตัวแบบประเทศที่พัฒนาแล้วซักทีนึง

เอาครับ

ไหวด้วย เพราะ ค่าครองชีพเราวันนี้ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด
โดยเฉพาะใน กทม
แค่จะขึ้นVatจาก7%เป็น10%คนยังด่าขรมทั้งประเทศ ถ้า 21% สงสัยประเทศลุกเป็นไฟของจริงเลยล่ะครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: raygun ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:25:15
.
.
.
ผมงงกับบางคนที่บอกว่า ประเทศอื่นซื้อรถถูกแต่ค่าใช้จ่ายหลังจากนั้นแพง
คือคุณต้องดูด้วยครับว่าแล้วรายได้ของประชากรเค้าเท่าไหร่?
เด็กจบใหม่ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทำอาชีพเดียวกันที่ไทยกับที่ต่างประเทศ
ได้ค่าแรงเท่ากันไหม?
เพราะฉะนั้นไอ้ค่าพวกนั้นมันก็ขึ้นตามค่าแรงประเทศเค้าอยู่แล้ว

และพอถ้ายิ่งเทียบกันแบบนี้จะรู้เลยว่ารถที่ต่างประเทศนั้นยิ่งโคตรของโคตรถูกเลย
ทำงานแป๊บเดียวก็ซื้อได้แล้ว ไม่งั้นเด็กไทยที่ไปเรียนนอกไม่ขับ porsche กันหรอกครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:29:21
ได้ส่วนต่างแล้ว จะออกมาแบบไหน

สุดท้ายก็ยังต้องเปรียบเทียบกับรายรับด้วยอยู่ดี

ปัญหารถแพง รถถูก ก็ส่วนนึง

แต่คนที่ไม่พร้อมจะมีรถ แล้วมีรถง่ายเกิน ก็เป็นอีกปัญหานึง ซึ่งเมื่อมีประเด็นนี้ทีไร มักจะเกิดดราม่าอยู่บ่อย ซึ่งเข้าใจได้นะครับ ใครๆก็อยากได้คุณภาพชีวิตที่สะดวกสบาย แต่แค่อยากบอกว่า เรื่องนี้ก็เป็นตัวแปรแอบแฝงในความเห็นผมอยู่มากทีเดียว

ถูกผิดอย่างไร ขออภัยล่วงหน้านะครับ อยากให้มองประเด็นนี้ด้วย ถ้าได้ข้อสรุปที่ทำโพล กับ ตารางเปรียบเทียบกันแล้ว ก็อย่าลืมเอาประเด็นนี้ไปใช้ในการตัดสินใจด้วยก็แล้วกันครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: ttcl ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:43:08
ผมเข้าใจเจตนาคุณ champyadme เจ้าของกระทู้นะ ผมขอขอบคุณล่วงหน้าเลย เพราะผมก็อยากรู้เช่นกัน เนื่องจากเคยแต่ได้ยินคนเค้าพูดมาในแนวนามธรรมว่า ค่านั่น ค่านี่ แพงกว่า รวมๆแล้วแพงกว่า อะไรประมาณนี้
แต่ไม่เคยเห็นตัวเลขชัดๆ ว่า แพงกว่าเท่าไหร่ กี่ % เมื่อเทียบกับในไทย และค่าใช้จ่ายในการมีรถในแต่ละเดือนในประเทศนั้นๆคิดเป็นกี่ % ของค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัว

คือผมไม่ได้อยู่ฝ่ายที่เชียร์ว่าในไทยถูกกว่าหรือแพงกว่า และไม่จำเป็นต้องอยู่ :) จะแพงหรือถูกกว่า ก็ต้องเป็นความจริงตามที่มันเป็น ผมแค่อยากรู้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรม เป็นความรู้ไว้ แค่นั้นครับ

(ผมทราบครับว่าบางประเทศค่าใช้จ่ายเรื่องอื่นๆแพงกว่าไทย อย่างเมืองที่ผมเคยอยู่ บ้านที่ลักษณะเหมือนทาวน์เฮ้าส์ของไทยนี่ล่ะครับ ผนังติดๆกัน ไม่มีที่จอดรถ ราคา 10 ล้านบาท , อีกเมือง อพาทเม้นท์(ที่นั่นเรียก flat) 2 ห้องนอน ค่าเช่า 2 แสนบาทต่อเดือน)

หัวข้อกระทู้น่าจะเป็น
"ช่วยเสนอรุ่นรถเพื่อทำการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการมีรถในไทยและต่างประเทศหน่อยครับ"
เพื่อให้ตรงเป้าตรงจุดประสงค์ไปเลย ให้เพื่อนสมาชิกได้เสนอรุ่นรถ ตามวัตถุประสงค์ของผู้ตั้งกระทู้

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหัวข้อให้คนเข้ามาดีเบทกันในหลายประเด็น ทั้ง
- รวมแล้วแพงกว่าจริงหรือไม่
- ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ควรรวม
- แพงเท่าปัจจุบันนี้ดีแล้วหรือไม่
- ฯลฯ

ประเด็นตามวัตถุประสงค์ของคุณ champyadme เจ้าของกระทู้
ผมไม่แน่ใจว่าที่ญี่ปุ่นขายรุ่นใดบ้าง
ที่"คาดว่า"ญี่ปุ่นน่าจะมีขาย และมีสมาชิก hlm ใช้อยู่ในไทยเพื่อจะได้เปรียบเทียบได้ (บางรุ่นก็เห็นมีใน user's review ของเว็บ) ก็เช่น
mazda cx5 , alphard vellfire , camry , accord , jazz(fit)

ถึงจะไม่ค่อยมีใครได้เสนอรุ่นรถ ผมว่าคุณ champyadme ลองทำเลยครับ เลือกรุ่นที่คาดว่ามีเพื่อนสมาชิก hlm ใช้กันอยู่หลายคัน จะได้เทียบกันได้

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYouToo ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:54:54
ดีเลยครับ หาก จขกท อยากจะทำข้อมูลขึ้นมา เอาไว้เก็บเป็นความรู้ครับ ขอเสนอ
Alphard HB/ CRV 2.4 / Altis 1.8

แน่นอนครับ ภาษีเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่ง ที่ทำให้รถที่ขายในไทยแพง ที่ผมเห็นด้วยกับการเก็บภาษีรถแพงคือ ประเทศเรามีความสามารถในการเก็บภาษีได้ต่ำ มีเงินในการพัฒนาประเทศไม่มาก สาเหตุหลักๆ คือ มีธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษีจำนวนมาก อาจถึงครึ่งหนึ่งของ GDP ประเทศ / ภาษีหลายๆตัวที่ทั่วโลกเขาเก็บกันแต่เราไม่เก็บเพราะกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ออกกฎหมายหรือผู้มีอำนาจอื่นๆ( เช่น นักการเมือง)

สาเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีรถยนต์ที่แพง แต่กลับเพิกเฉยในการพัฒนาขนส่งมวลชน ไม่มีทางเลือกให้ประชาชน จะหันหน้าไปพึ่งขนส่งสาธารณะ นอกจากจะไม่ถึงบ้านแล้ว ยังไม่มีมาตรฐาน ราคาก็ไม่ได้ถูก ทุกคนจึงหันหน้าไปหารถมาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นจักรยานยนต์ รถยนต์ แต่รัฐยังมาเก็บภาษีแพงอีก ปิดทางเลือกประชาชนทุกด้าน(แอบคิดไว้ลึกๆว่าผู้ผลิตรถมีเอี่ยวกับการไม่สนใจพัฒนาขนส่งสาธารณะของรัฐ)

ใช่ว่าภาษีจะเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้รถเมืองไทยแพงกว่าที่ควร กำไร ค่าการตลาด ผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ขายรถ อันนี้แหล่ะที่ผมสงสัย ตลาดรถเมืองไทยผู้บริโภคเป็นรอง ไม่ได้มีอำนาจต่อรองเท่าที่ควร จะเอาเปรียบกันไปถึงไหน เห็นว่าโขกสับขูดรีดได้ ก็เพิ่มราคา/ถอดออฟชั่นออกกันใหญ่(เทียบกับราคาที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ ที่ทั้งดีกว่าและถูกกว่า) ประเด็นออฟชั่นตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ผู้ผลิตเริ่มมองว่าตลาดประเทศไทยไม่ใช่ตลาดเกิดใหม่(ด้อยพัฒนา) ที่คิดจะตัดออฟชั่น หรือลด cost โดยการทำให้รถดูมีราคาถูก ตลาดเริ่มไม่ตอบรับ ก็เลยอัดออฟชั่นความปลอดภัยมาเต็มตั้งแต่รถเล็กๆและตั้งแต่ตัวล่างสุด ราคาที่ต่างกันในแต่ละรุ่นจะเป็นอุปกรณ์ตกแต่งหรืออำนวยความสะดวกเสียส่วนใหญ่ แต่ที่ต้องรับกรรมต่อไปคือตลาดรถหรูครับ ที่ผู้ซื้อโดนขูดรีด แบบมีความสุขและยอมจำนน haha

ผมว่า มี MG นี้ล่ะ ที่ตั้งราคารถสมเหตุสมผล เพราะเป็นผู้เล่นรายใหม่และยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดูตัวเลขเอาไว้พออ้างอิงคร่าวๆนะครับ ราคาในแต่ละรุ่นที่ MG ตั้งถูกกว่าคู่แข่ง คือตัวเลขที่เราโดนขูดรีดจากผู้ขายรถรายอื่นๆ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 15:59:38
มันต่างกันตรงที่ภาษีบ้านเรามันเก็บซ้ำเก็บซ้อน ทำให้ราคารถแพงกว่าที่จะเป็น
ประกอบกับค่ายรถต่างใช้ข้ออ้างภาษี บวกราคาขายกันอย่างเมามันส์ ขณะที่ให้ออฟชั่นไม่สมราคาและห่วยกว่าที่อื่น

เทียบกับอเมริกา ราคารถไม่ได้แพง ไม่ได้ซื้อยาก หรือยุ่งยาก อะไรเลย
แถมค่าโอนค่าทะเบียน ก็แทบไม่ต่างจากไทย

เทียบกับญี่ปุ่น ราคารถถูกกว่า
แต่ก็มีคนอ้างว่าค่าใช้จ่ายหลังจากออกรถแล้วแพงกว่าไทย
ให้ตายเถอะ รายได้ GDP ต่อหัว อยู่ที่ $42,860
ขณะที่ไทย อยู่ที่ $17,750
เกือบ 3 เท่าของไทย

ผมเคยอยู่ญี่ปุ่นมา เด็กทำงานปั้มน้ำมันที่นั้นมีปัญญา ถอย RX7 RX8 Supra 200SX Silvia
หันมามองเด็กปั้มในไทย .....

เด็กปั๊มไทย ก็ เวฟ ฟี่โน เป็นหลักครับท่าน ::)
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: charlse ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 16:06:08
จริงๆถ้าเราเถียงกันที่"ความเห็น"เนี่ย มันคงไม่จบไม่สิ้น แต่ละคนก็มีความคิดของแต่ละคน
ลองคำนวณคร่าวๆแล้วเอา"ความจริง"เอา"ตัวเลข"มาเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ

ผมขอเสนอรถที่จะเปรียบเทียบ
1.กระบะ (ต้นทุนสูง ต่างประเทศราคาแพง ไทยประกอบ+ภาษีต่ำ)
2.รถเก๋งประกอบในประเทศ (ต้นทุนถูก ภาษีแพง)
3.รถนำเข้าทั้งคัน (เทียบราคาเมื่ออยู่เมืองนอก เมืองไทย)

หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: G.K ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 16:12:34
.
.
.
ผมงงกับบางคนที่บอกว่า ประเทศอื่นซื้อรถถูกแต่ค่าใช้จ่ายหลังจากนั้นแพง
คือคุณต้องดูด้วยครับว่าแล้วรายได้ของประชากรเค้าเท่าไหร่?
เด็กจบใหม่ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทำอาชีพเดียวกันที่ไทยกับที่ต่างประเทศ
ได้ค่าแรงเท่ากันไหม?
เพราะฉะนั้นไอ้ค่าพวกนั้นมันก็ขึ้นตามค่าแรงประเทศเค้าอยู่แล้ว

และพอถ้ายิ่งเทียบกันแบบนี้จะรู้เลยว่ารถที่ต่างประเทศนั้นยิ่งโคตรของโคตรถูกเลย
ทำงานแป๊บเดียวก็ซื้อได้แล้ว ไม่งั้นเด็กไทยที่ไปเรียนนอกไม่ขับ porsche กันหรอกครับ

^ ^  ผมก็เห็นด้วยกับคุณทุกอย่าง  งงกับตรรกะเพี้ยนๆของบางท่าน  ผมอ่านมาหลายกระทู้แต่ไม่อยากจะยุ่ง แต่รอดูว่าใครจะคิดแบบผมบ้าง 

การเปรียบเทียบราคาต้องเทียบกับประเทศที่มีสถานการณ์และรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน  อย่างสิงคโปร์นำมาเทียบไม่ได้ เพราะประเทศเค้ามีปัญหาเรื่องพื้นที่ จึงมีนโยบายควบคุมและจำกัดปริมาณรถ พูดง่ายๆคือกีดกันการมีรถ

แล้วอย่างบางท่านอ้างเรื่องภาษี แล้วประเทศอื่นๆภาษีเค้าเป็น 0% หรือครับ แล้วที่บางท่านบอกว่าจะให้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 21% เหมือนเค้าเอามั๊ย  ต้องถามว่ารัฐของเรามีปัญญาทำให้ประชากรมีรายได้เทียบเคียงกับเค้ามั๊ย  ต้องคิดให้รอบด้านครับ

ผมขอยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต Teana/Altima ที่นั่นราคาเริ่มต้น  75,900 AED โดยตัวเริ่มต้นของเค้าคือรุ่น 2.5    75,900AED ÷ 3.67 = 20,681.19 US$ × 33.02( Thai Baht) = 682,893 (.18801089) บาท 

ลองบวกราคา 50%  (682,893.18801089 + 50%) = 1,024,339(.7820163) บาท รายได้ประชากรเค้าก็สูงกว่าเรา รายได้ประชาชาติต่อหัว =  41,550 US$

เพิ่มเติม  โดยส่วนตัวผมมีทัศนคติที่ดีต่อชาวญี่ปุ่นนะครับ เคยเรียนภาษาญี่ปุ่น เคยมีเพื่อนที่ทำงานชาวญี่ปุ่น  ผมคืดว่ามาตรฐานฝีมือคนไทยไม่ได้แตกต่างกับชาวญี่ปุ่นขนาดนั้น  และญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศนึงที่มีปัญหาเรื่องพื่นที่ จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีนโนบายกีดกันการซื้อรถ  เพียงแต่ว่าเค้าต้องบริหารความสมดุลของนโนบายการแก้ปัญหากับการดูแลอุตสาหกรรมารถยนต์ภายในประเทศ  ฉะนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจึงแพงกว่าที่อื่น แต่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้มีปัญหาแบบญี่ปุ่น

การจะเปรียบเทียบราคารถต้องนำเรื่องต้นทุนกำไรมาเปรียบเทียบ จะนำค่าใช้จ่ายอื่นๆมาประกอบไม่ได้

และการที่คนไทยเก่งๆมีรายได้สูง สามารถหาซื้อรถได้ง่ายๆ ไม่ได้หมายความว่าต้องเพิกเฉยให้เพื่อนร่วมชาติประสบชะตากรรมโดนเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมนะครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: tongtom ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 17:50:19
ทำเลยครับ

แล้วทำตาราง เงินเดือนเทียบกัน พร้อม ratio ด้วยก็ดีครับ

จะได้รู้ว่า ญี่ปุ่นได้เงินเยอะกว่าเรากี่เท่า แล้วค่าใช้จ่ายด้านรถสูงกว่าเรากี่เท่า

ถ้าเงินratio สูงกว่าไทยซัก 5 แต่ ค่าประกัน ค่าน้ำมัน สูงกว่าไทยซัก 3 อะไรแบบนี้ จะได้รุ้กันไปว่า ที่เขาว่าแพง มันแพงจริงหรือเปล่า


นั่นละครับ ต้องเทียบแล้ว ครบๆ รอบด้าน ที่สำคัญ  ปัจจัยนึงที่ผมไม่อยากเอาเงินไปทุ่มกับรถดีๆ เพราะบ้านเราจำนวนอุบัติเหตุกลายเป็นสิ่งที่เสี่ยงสูงมากๆ ที่จะเสียรถที่เราทุ่มทุนไปซื้อมันมา
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 18:02:01
ขออนุญาตให้ข้อมูลที่ญี่ปุ่นละกันครับ ในฐานะที่เคยเรียนและฝึกงานที่นั่นและใช้รถพักนึง

ราคารถขอเอารุ่นปัจจุบันนะครับ ส่วนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะเอาจากที่ผมจำได้ อาจจะไม่เป๊ะ 100%
เพราะไม่ได้เก็บเอกสารไว้ แต่ก็ใกล้เคียงครับ

ราคารถ        : Honda Fit/Jazz 1.5 X-L CVT 1,853,280 Yen
ค่าที่จอดรถ    : ซื้อรถต้องมีที่จอดรถก่อนครับ ต้องเอาแปลนบ้านแสดงที่จอดรถไปให้ดีลเลอร์ แล้วเขาจะส่งไปให้ตำรวจท้องที่ register
                  ที่จอดรถแล้วออกสติกเกอร์อนุญาตถึงจะซื้อรถได้  แปลนบ้านต้องมีขนาด กว้าง x ยาว x สูง ใหญ่กว่าขนาดรถถึงจะ OK
                  แล้วจะมั่วนิ่มทับที่รถคันอื่นไม่ได้ด้วย  ทีนี้ถ้าเช่าอพารทเม้นอยู่ล่ะ เท่าที่ผมสืบดูคือ อพาทเม้นที่มีที่จอดรถให้จดทะเบียนจะต้อง
                  เสียค่าที่จอดเพิ่มจากค่าเช่าห้องอีก 2-3x,xxx เยนต่อเดือน ขึ้นอยู่กับทำเล  หรือไปหาเช่าที่จอดรายเดือนชนิดที่ยอมให้
                  ขึ้นทะเบียนได้  ค่าเช่าก็ตามนั้นแหละฮะ ขึ้นอยู่กับทำเลย, พื้นกรวดหรือราดยาง, มีไฟสว่างแค่ไหน เปลี่ยวไหม, ทางเข้าออก
                  และช่องจอดเลี้ยวยากแค่ไหน
ค่าทุบรถทิ้ง     : เมื่อเลิกใช้งาน จ่ายก่อนตอนซื้อรถเลยครับ 10,800 เยน
ค่าตรวจสภาพ  : เพื่อจดทะเบียน ปีที่ 0 (รถใหม่) ฟรี เพราะดีลเลอร์มักออกให้ และมีอายุอยู่ได้ 3 ปี
          สิ้นปีที่ 3 ประมาณ 1xx,xxx เยน ขึ้นกับสภาพ และต้องทำแบบนี้ทุก ๆ 2 ปี **
                    (**การที่เราส่งรถไปตรวจสภาพเพื่อต่อทะเบียน มันหมายถึงเราต้องการใช้มันต่อ ทางอู่จะรู้เลยว่า
                      นอกจากค่าธรรมเนียม 4x,xxx เยน ในการตรวจเช็คแล้ว ถ้ามีอะไรที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะต้องซ่อม
                      ให้ผ่านด้วย ซึ่งโดยมากจะโดนเรื่อง แบต, ยาง, ใบปัดน้ำฝน, หลอดไฟต่าง ๆ, ผ้าเบรค, ไส้กรองต่าง ๆ
                      พร้อมจูนเครื่องให้ผ่านกฏเกณฑ์ - ดังนั้นจริง ๆ แล้ว ญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดอายุรถ ไม่ได้ขึ้นภาษีรถเก่า
                      แต่รถเก่ามีค่าใช้จ่ายแพงคือการตรวจและปรับสภาพ เพราะยิ่งเก่า = ยิ่งซ่อมเยอะ แล้วค่าแรงเขาแพงไง)

ค่าภาษีรายปี   : (แบบภาษีป้ายวงกลมบ้านเรา) รถแบบ Jazz 1.5L ประมาณปีละ 4x,xxx เยน

ค่าประกันภัยรถ : เรทตามอายุ ผมเอาเรท ชาย 20-25 ปีละกัน เพราะเว็บนี้เป็นคนหนุ่มชอบรถกัน
                    กรณี Jazz 1.5L ประกันชั้น 1  คุ้มครองตัวรถด้วย ปีละ 118,xxx เยน

ค่าน้ำมัน       : เบนซินธรรมดา ออกเทน 89 มั้ง ลิตรละประมาณ 127 เยน
ค่าใช้ทาง      : ถ้าวิ่งในเมือง ไปไหนมาไหนก็ฟรีอยู่ แต่ถ้าไป ตจว เช่น โตเกียวไปโอซาก้า 520 กม.
                   ค่าทางด่วน 12,550 เยน  คืออันนี้ถ้าวิ่งทางธรรมดามันฟรีก็จริง แต่ไม่ไหวอ่ะครับ วิ่งฝ่าเมืองไปเรื่อย ๆ
                  เจอไฟแดงแทบจะทุก 1-2 กม. แถมวิ่งได้เต็มที่ 60 กม./ชม  เลยต้องขึ้นทางด่วน   
                  อันนี้จะเห็นชัด ๆ เลยว่าถ้าเทียบกับบ้านเรา ถ้าขับจากสุไหงโกลกไปเชียงใหม่นี่เรามีไฮเวย์ใช้ฟรีนะฮะ

สุดท้าย ราคาซากรถ : โดยมากเป็น 0 ครับ (รับได้มั้ยล่ะ) เมื่อก่อนต้องจ่ายค่าทุบด้วยซ้ำแต่เดี๋ยวนี้กฏหมายบังคับให้จ่ายตอนซื้อ
                   เพราะคนญี่ปุ่นมันแอบเอารถไปทิ้งตามที่ต่าง ๆ แบบเสียบกุญแจไว้เลย มันเป็นภาระทางอำเภอต้องกำจัด
                   เรื่องนี้เป็นอีกอันที่คนไทยต้องเข้าใจนะฮะ เมื่อรถใหม่มันถูก ค่าแรงค่าซ่อมแพง รถใช้แล้วมันก็ต้องถูกแบบแทบไม่มีใครเอาอ่ะ
                   โดยเฉพาะรถที่อายุเกิน 10 ปี หรือ วิ่งเกน 100,000 กม. มันฝังหัวคนญี่ปุ่นไปแล้วว่า รถเก่าขนาดนั้นซื้อมาใช้ไม่ได้เลย
                   หลาย ๆ คนอาจได้ยินว่า คนญี่ปุ่นยกรถให้ฟรี ๆ ก็ดีใจกันไป  แต่ที่จริงแล้วคนยกให้นี่ดีใจนะ ผลักภาระออกไป
                   คนรับก็ต้องไปหาที่จอดเพื่อจดทะเบียนแถมยังต้องจ่าค่าตรวจสภาพต่อทะเบียนเอง คนไทยบางคนไม่รู้ก็รับเอามา
                   ใช้แบบรถเถื่อน ๆ ไป
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 18:13:27
ทีนี้ พี่ ๆ บางคนบอกว่าแหมก็เงินเดือนเขาสูงนี่

เอางี้ฮะ  ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เงินเดือนเด็กจบใหม่ ตั้งแต่วิชาชีพยันป.ตรี  อยู่ราว ๆ 200,000 เยน +/-  (แต่ถ้าทำงานกรรมกรนี่เงินดีกว่านี้นะ)
ดูเหมือนเยอะเนอะ  แต่.... โดนหัก ภาษีเงินได้ + ภาษีบำรุงท้องที่ + pension + ประกันสุขภาพ ประมาณ 25%
ดูเหมือนจะโดนตั้งแต่เยนแรกเลยมั้ง ไม่ได้ใจดียกเว้นหักโน่นหักนี่เหมือนบ้านเราจนคนเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทไม่เข้าข่ายเสียภาษี

เรื่องขึ้นเงินเดือนนี่ น่าตกใจ เงินเดือนหลักแสน แต่เงินเดือนขึ้นปีละหลักพัน (ต้นๆ) เยน  คือเงินเฟ้อมันต่ำจนติดลบไง
เทียบกับบ้านเราที่เงินเดือนขึ้นกัน 2 หลักแล้ว เขาร้อง อู้วฮู นะฮะ
ของเขาจะได้ปรับเงินเดือนกันเป็นชิ้นเป็นอันตอนได้โปรโมท เลือนตำแหน่งล่ะครับ ต้องฟาดฟันด้วยผลงาน

ส่วนพวกพาร์ทไทม์อย่าง 7-11 ก็มีค่าแรงราว ๆ 700 - 900 เยนต่อชั่วโมง เทียบกับบ้านเรา 45 บาทต่อชั่วโมง... ก็ดูจะเยอะอยู่

ถ้าเทียบแค่เม็ดเงินค่าจ้างนี่ดูเหมือนจะสูงกว่าไทย 3 เท่าได้  แต่... แต่ การทำงานมันเข้มข้นคุณภาพกว่าเยอะฮะ
เช่น ร้านข้าวหน้าเนื้อ ขนาดที่นั่งแบบที่ไทยเรามีพนักงาน 5-6 คน  แต่ที่นั่นมันทำกัน 2 คน วิ่งเป็นลิงตลอด
เด็กร้าน 7-11 บ้านเรา 4-5 คน ขายของเฮฮา เอิ๊กอ๊าก แต่ที่นั่นมันอยู่กัน 2 คน หน้าเข้ม คิดเงิน ทอนเงิน จัดของ เก็บขยะ
เป็นลิงไม่แพ้กัน

แต่พี่ฮะ ไอ่พวกนี้มันจ่ายเช่าห้องรูหนูโกโรโกโส ราว ๆ 3-50,000 เยน นะฮะ


คือจริง ๆ แล้วผมอยากบอกอย่างนี้ฮะ

1. เรื่องรถเนีย ทุก ๆ ประเทศมองว่ามันเป็นสินค้าที่ต้องคุมปริมาณกันหมดแหละ  มีรถเพิ่ม 1 คัน มันก็เป็นภาระทางสังคม
    ต้องจัดระเบียบจราจร มีเจ้าหน้าที่ มีถนน ป้าย ไฟ ต่าง ๆ ซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่าย จึงต้องมีการเรียกเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม

2. เมื่อต้องมีการเก็บภาษี ก็ต้องเลือกเอาว่าจะเก็บตอนซื้อแพง ๆ แล้วเก็บรายปีถูก ๆ หรือไม่เก็บตอนซื้อแต่เก็บตอนใช้งาน
    ใช้มากจ่ายมาก ไม่ใช้ก็ยกเลิกทะเบียน เอารถไปทิ้ง

3. กรณีญี่ปุ่นผมว่าเขาเลือกแบบหลังก็เหมาะนะฮะ เพราะเขาเป็นผู้ผลิตรถ  ถ้าคนเปลี่ยนรถบ่อย ๆ เงินก็หมุนเวียนบริษัทญี่ปุ่น
    มีทุนต่อยอดธุรกิจ คนมีงานทำ บนถนนก็มีแต่รถใหม่ ๆ   แต่กับคนรักรถแต่ไม่มีรายได้นี่ไม่สามารถที่จะเก็บของรักไว้เชยชมได้นะครับ
    อีกอย่างคือตัวรถเป็นของที่ไม่มีมูลค่า ซื้อแล้วซื้อเลย ซื้อมาใช้จริง ๆ ไม่ต้องคิดถึงราคาขายต่อเลย (บางทีกระเป๋าหลุยส์มือสองยัง
    มีมูลค่าและขายง่ายกว่าด้วยมั้ง)

4. กรณีไทย ขึนทำแบบญี่ปุ่น เราจะขาดดุลหนัก คนไทยจะวนเวียนซื้อกันแต่รถผ่อนมันเข้าไป ไม่จบไม่สิ้น แถมนิสัยคนไทย
    ถ้าต้องจ่ายรายเดือน รายปีแพง ๆ ก็จะเลี่ยงไม่ต่อทะเบียน ไม่เสียภาษีมันซะเลย แล้วบางครั้งมันก็เหมือนกับคนรายได้น้อย
    ที่ไม่ต้องการรถใหม่ รถหรู แต่จำเป็นต้องใช้รถ เขาจะจ่ายค่าประจำปี ค่าผ่านทาง ค่าประกันไม่ไหว น่ะสิฮะ

5. เรื่องค่าแรง อันนี้เป็นความจริงที่เจ็บปวดที่เราต้องยอมรับ คือเงินเดือน หรือรายได้ประชากรเราจะมากได้ก็ต่อเมื่อคนของเรา
    ต้องมีคุณภาพกว่านี้ครับ อันนี้พูดโดยภาพรวมนะครับ โดยรวมแล้ว คนของเราทำงานได้ด้อยกว่าเขา ทั้งในแง่คุณภาพ และวินัย 
    คือโอเคมันอาจมีไง คนไทยที่เก่ง กับคนญี่ปุ่นที่มันโง่เง่า แต่นั่นมันเป็นส่วนน้อย แรร์ไอเท็มต่อแรร์ไอเท็มมาเจอกัน
    ภาพรวมโดยส่วนใหญ่มันเป็นแบบนั้น   ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ คนวัยแรงงานของไทย ทำงานเต็มที่ ได้ผลผลิตคุณภาพดี จำนวนมาก
    เศรษฐกิจเราจะแข็งแกร่งขึ้น ค่าแรงเราก็จะสูงขึ้นเอง
    แต่ถ้ามองอีกมุมในปัจจุบัน คนเก่ง ๆ บ้านเราก็มักจะมีผลตอบแทนรายได้ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยคนอื่น ๆ อยู่แล้ว และมันก็น่าจะเทียบเคียง
    กับคนต่างชาติได้อยู่แล้วนี่ฮะ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 18:23:06
ง้อนักลงทุนต่างชาติ กลัวอยู่ไม่ได้ จะกระทบกับภาคการลงทุนอื่นๆด้วย รวมทั้งการจ้างงาน

ลองคิดดูนะครับ โรงงานรถ 1 โรงงาน เกี่ยวข้องกับ supplier กี่เจ้า คนงานอีกกี่ชีวิต

รัฐบาลคงไม่อยากให้เกิดเหตุแบบ AUS ที่ บ.รถ ปิดโรงงานกันไปหมด
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 18:55:13
ทีนี้ พี่ ๆ บางคนบอกว่าแหมก็เงินเดือนเขาสูงนี่

เอางี้ฮะ  ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เงินเดือนเด็กจบใหม่ ตั้งแต่วิชาชีพยันป.ตรี  อยู่ราว ๆ 200,000 เยน +/-  (แต่ถ้าทำงานกรรมกรนี่เงินดีกว่านี้นะ)
ดูเหมือนเยอะเนอะ  แต่.... โดนหัก ภาษีเงินได้ + ภาษีบำรุงท้องที่ + pension + ประกันสุขภาพ ประมาณ 25%
ดูเหมือนจะโดนตั้งแต่เยนแรกเลยมั้ง ไม่ได้ใจดียกเว้นหักโน่นหักนี่เหมือนบ้านเราจนคนเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทไม่เข้าข่ายเสียภาษี

เรื่องขึ้นเงินเดือนนี่ น่าตกใจ เงินเดือนหลักแสน แต่เงินเดือนขึ้นปีละหลักพัน (ต้นๆ) เยน  คือเงินเฟ้อมันต่ำจนติดลบไง
เทียบกับบ้านเราที่เงินเดือนขึ้นกัน 2 หลักแล้ว เขาร้อง อู้วฮู นะฮะ
ของเขาจะได้ปรับเงินเดือนกันเป็นชิ้นเป็นอันตอนได้โปรโมท เลือนตำแหน่งล่ะครับ ต้องฟาดฟันด้วยผลงาน

ส่วนพวกพาร์ทไทม์อย่าง 7-11 ก็มีค่าแรงราว ๆ 700 - 900 เยนต่อชั่วโมง เทียบกับบ้านเรา 45 บาทต่อชั่วโมง... ก็ดูจะเยอะอยู่

ถ้าเทียบแค่เม็ดเงินค่าจ้างนี่ดูเหมือนจะสูงกว่าไทย 3 เท่าได้  แต่... แต่ การทำงานมันเข้มข้นคุณภาพกว่าเยอะฮะ
เช่น ร้านข้าวหน้าเนื้อ ขนาดที่นั่งแบบที่ไทยเรามีพนักงาน 5-6 คน  แต่ที่นั่นมันทำกัน 2 คน วิ่งเป็นลิงตลอด
เด็กร้าน 7-11 บ้านเรา 4-5 คน ขายของเฮฮา เอิ๊กอ๊าก แต่ที่นั่นมันอยู่กัน 2 คน หน้าเข้ม คิดเงิน ทอนเงิน จัดของ เก็บขยะ
เป็นลิงไม่แพ้กัน

แต่พี่ฮะ ไอ่พวกนี้มันจ่ายเช่าห้องรูหนูโกโรโกโส ราว ๆ 3-50,000 เยน นะฮะ


คือจริง ๆ แล้วผมอยากบอกอย่างนี้ฮะ

1. เรื่องรถเนีย ทุก ๆ ประเทศมองว่ามันเป็นสินค้าที่ต้องคุมปริมาณกันหมดแหละ  มีรถเพิ่ม 1 คัน มันก็เป็นภาระทางสังคม
    ต้องจัดระเบียบจราจร มีเจ้าหน้าที่ มีถนน ป้าย ไฟ ต่าง ๆ ซึ่งมันเป็นค่าใช้จ่าย จึงต้องมีการเรียกเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม

2. เมื่อต้องมีการเก็บภาษี ก็ต้องเลือกเอาว่าจะเก็บตอนซื้อแพง ๆ แล้วเก็บรายปีถูก ๆ หรือไม่เก็บตอนซื้อแต่เก็บตอนใช้งาน
    ใช้มากจ่ายมาก ไม่ใช้ก็ยกเลิกทะเบียน เอารถไปทิ้ง

3. กรณีญี่ปุ่นผมว่าเขาเลือกแบบหลังก็เหมาะนะฮะ เพราะเขาเป็นผู้ผลิตรถ  ถ้าคนเปลี่ยนรถบ่อย ๆ เงินก็หมุนเวียนบริษัทญี่ปุ่น
    มีทุนต่อยอดธุรกิจ คนมีงานทำ บนถนนก็มีแต่รถใหม่ ๆ   แต่กับคนรักรถแต่ไม่มีรายได้นี่ไม่สามารถที่จะเก็บของรักไว้เชยชมได้นะครับ
    อีกอย่างคือตัวรถเป็นของที่ไม่มีมูลค่า ซื้อแล้วซื้อเลย ซื้อมาใช้จริง ๆ ไม่ต้องคิดถึงราคาขายต่อเลย (บางทีกระเป๋าหลุยส์มือสองยัง
    มีมูลค่าและขายง่ายกว่าด้วยมั้ง)

4. กรณีไทย ขึนทำแบบญี่ปุ่น เราจะขาดดุลหนัก คนไทยจะวนเวียนซื้อกันแต่รถผ่อนมันเข้าไป ไม่จบไม่สิ้น แถมนิสัยคนไทย
    ถ้าต้องจ่ายรายเดือน รายปีแพง ๆ ก็จะเลี่ยงไม่ต่อทะเบียน ไม่เสียภาษีมันซะเลย แล้วบางครั้งมันก็เหมือนกับคนรายได้น้อย
    ที่ไม่ต้องการรถใหม่ รถหรู แต่จำเป็นต้องใช้รถ เขาจะจ่ายค่าประจำปี ค่าผ่านทาง ค่าประกันไม่ไหว น่ะสิฮะ

5. เรื่องค่าแรง อันนี้เป็นความจริงที่เจ็บปวดที่เราต้องยอมรับ คือเงินเดือน หรือรายได้ประชากรเราจะมากได้ก็ต่อเมื่อคนของเรา
    ต้องมีคุณภาพกว่านี้ครับ อันนี้พูดโดยภาพรวมนะครับ โดยรวมแล้ว คนของเราทำงานได้ด้อยกว่าเขา ทั้งในแง่คุณภาพ และวินัย 
    คือโอเคมันอาจมีไง คนไทยที่เก่ง กับคนญี่ปุ่นที่มันโง่เง่า แต่นั่นมันเป็นส่วนน้อย แรร์ไอเท็มต่อแรร์ไอเท็มมาเจอกัน
    ภาพรวมโดยส่วนใหญ่มันเป็นแบบนั้น   ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ คนวัยแรงงานของไทย ทำงานเต็มที่ ได้ผลผลิตคุณภาพดี จำนวนมาก
    เศรษฐกิจเราจะแข็งแกร่งขึ้น ค่าแรงเราก็จะสูงขึ้นเอง
    แต่ถ้ามองอีกมุมในปัจจุบัน คนเก่ง ๆ บ้านเราก็มักจะมีผลตอบแทนรายได้ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยคนอื่น ๆ อยู่แล้ว และมันก็น่าจะเทียบเคียง
    กับคนต่างชาติได้อยู่แล้วนี่ฮะ

+1
ลึกซึ้งมากครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 21:19:10
เหตุผลง่ายๆครับ

การคิดภาษีแบบทื่อๆ โบราณ 0.4 + เสี้ยมผู้ผลิต เสี้ยมค่ายรถ + รายได้ต่อหัวต่ำ

อยากเป็นทาสค่ายรถ รับจ้างประกอบ ก็ต้องอดทนครับ 
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: locomotive ที่ พฤศจิกายน 15, 2017, 21:48:45
ภาษีก็ส่วนภาษี กองใว้ตรงนั้น!!!      แต่ความจริง บริษัทเขาทำรถ ใครๆก้อยากมีกำไร ทั้งนั้น เลี้ยงคนเป็นพันๆ ค่าวิจัย พัฒนา ใครจะมาขายถูกๆ ดีๆ ให้คุณ กว่าจะทำรถมาได้สักรุ่น เสียทุนไปเท่าไหร่ มันก็ต้องเอากำไรคืนมา บริษัททำรถไม่ใช่ององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สักหน่อย ก้เห็นๆอยู่ องค์กรดูดกำไร ทั้งนั้น จะมานั่งบ่นกันทำไม ไม่ซื้อรถเขาก็ไม่ได้เอาปืนจี้คุณหนิ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ พฤศจิกายน 16, 2017, 08:25:07
ผมอยู่อเมริกามา5ปี

เอาเฉพาะเม็ดเงินที่หมดไปกับรถ 5ปี  ยังน้อยกว่าซื้อรถในไทยคันเดียว5ปีเสียอีก .

นี่ผมรวมLiability ค่าจอดรถในที่สาธารณะ และค่าบำรุงรักษาทั้งหมดทั้งปวงแล้ว

และที่สำคัญผมได้ขับรถสองประตู ไม่ใช่รถจ่ายตลาดสี่ประตูคันละ1.5ล้านบาท
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: champyadme ที่ พฤศจิกายน 16, 2017, 11:12:19
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกความเห็นครับ
ผมอาจจะตั้งหัวข้อผิดไปจากสิ่งทีอยากจะสื่อ แต่ในเมื่อหลายๆ ความเห็นถกเถียงกันมาทางนั้นแล้ว
ผมขออนุญาตไม่เปลี่ยนหัวข้อครับ

เรื่องค่าใช้จ่าย ก็ตามที่คุณ Symphonic แจงมานั่นแหละครับ
เพียงแค่ผมจะเอามาลงในแต่ละหัวข้อเลย ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่บ้าง ในรถแต่ละรุ่น

ผมทำคันแรกให้เลยละกันนะครับ
Honda Fit 1.5 RS เทียบได้กับ Jazz RS+ เมืองไทย

1. ค่าใช้จ่ายตอนออกรถ (เดือน ธันวาคม 2017) หน่วยเป็น เยน
ค่ารถ - 1,980,720
ภาษีรายปี - 8,600 (คิดทุก ๆ เมษายน เพราะฉะนั้นราคานี้คือนับถึงเดือน มีนาคม)
ภาษีรับรถ - 39,600
ภาษีน้ำหนักรถ - 16,800
พ.ร.บ. - 36,780 (37 เดือน)
ค่าทุบรถ - 8,450
ค่าดำเนินการ - 50,000 (กรณีให้ดีลเลอร์ทำทุกอย่างให้)
ค่าประกัน - 100,000

2. ค่าใช้จ่ายรวมในปี 2018
ภาษีรถ - 34,500
ค่าประกัน - 80,000

3. ค่าใช้จ่ายรวม ปี 2019
ภาษีรถ - 34,500
ค่าประกัน - 70,000

4. ค่าใช้จ่ายรวม ก่อน ธันวาคมปี 2020 (ทะเบียนหมด)
ภาษีรถ - 34,500

ถ้าไม่ต่อทะเบียน ค่าใช้จ่ายในการขับ Honda Fit ที่ญี่ปุ่น จะเท่ากับ
2,494,450 เยน + ค่าที่จอดรถ 3 ปี 360,000 เยน = 2,854,450 เยน
คิดเรทเป็นเงินไทย (100 เยน 29 บาท) 827,790 บาท (หรือ 723,390 บาท ถ้าที่บ้านมีที่จอดรถ)

ทีนี้ ถ้าเลือกที่จะต่อทะเบียนใช้อีก 2 ปี ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นมา มีดังนี้

ค่าประกัน - 65,000
5. ค่าใช้จ่ายต่อทะเบียน (2ปี)
ภาษีน้ำหนักรถ - 16,800
พ.ร.บ. - 27,840 (24 เดือน)
ค่าดำเนินการ+ตรวจเช็ครถ - 30,000 (กรณีให้ดีลเลอร์ทำทุกอย่างให้)

6. ค่าใช้จ่ายรวมในปี 2021
ภาษีรถ - 34,500
ค่าประกัน - 60,000

7. ค่าใช้จ่ายรวม ก่อน ธันวาคมปี 2022 (ทะเบียนหมด)
ภาษีรถ - 34,500
ค่าประกัน - 55,000

เมื่อต่อทะเบียนเพิ่มอีก 2 ปี ค่าใช้เพิ่มอีกเป็น
323,640 เยน

สมมติค่าที่จอด เดือนละ 10,000 เยน (ชานเมืองโตเกียว)
ค่าใช้จ่าย 3 ปีแรก 2,494,450 เยน + ค่าที่จอดรถ 5 ปี 600,000 เยน จะทำให้ ยอดรวม อยู่ที่ 3,418,090 เยน
คิดเรทเป็นเงินไทย (100 เยน 29 บาท) 991,246 บาท
กรณีบ้านมีที่จอดฟรี (ตจว หรือเคสอื่นๆ ) ลบค่าที่จอดไป 174,000 บาท เหลือ 817,246 บาท

ถ้าตัดสินใจขายรถตอน พฤศจิกายน ปี 2021 เงินที่จะกลับคืนมาได้แก่
1. ค่าตัวรถ Fit RS อายุ 5 ปี ราคาหน้าเต๊นท์อยู่ที่ 900,000-1,200,000 เยน
    ผมตีว่าเต๊นท์บวกกำไร 40% เพราะงั้นราคารับซื้ออยู่ที่ 600,000 เยน
2. ค่าภาษีรถ 11,500 เยน (ส่วนของเดือนธันวาคม-มีนาคม)
3. ค่าทุบรถ 8,450 เยน
รวม 619,950 เยน คิดเป็นเงินไทย 179,785 บาท

หมายเหตุ
1. ระบบประกันที่ญี่ปุ่นจะแบ่งเป็นขั้น โดยเริ่มจากขั้น 1 ไปจนถึง 20 ซึ่งถ้าทำประกันครั้งแรก ทุกคนจะได้เริ่มที่ขั้น 6
และถ้าไม่มีเคลมประกัน ขั้นจะเพิ่ม เบี้ยประกันจะลดลงไปเรื่อยๆ มากสุด 45-50% จากขั้น1
และกรณีมีการเคลม ปีต่อไปขั้นจะลด 1หรือ3 ขั้น แล้วแต่ความรุนแรง
รวมทั้งเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับอายุขั้นต่ำของคนขับ ครอบคลุมสามี-ภรรยามั้ย รวมคนในครอบครัว หรือว่ากรณีได้ทุกคน เบี้ยอาจจะแตกต่างได้ถึง 30% ประเภทใบขับขี่ ระยะทางวิ่งต่อปี
2. ค่าดำเนินการของดีลเลอร์ ตรงนี้ถ้าพอมีเวลาและความสามารถเล็กน้อย เราสามารถปฏิเสธและดำเนินการเองได้ (แต่คนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยมีใครทำ)

สรุป แล้วถ้าซื้อ Jazz RS+ ที่เมืองไทย รวม 5 ปี ค่าใช้จ่ายจะเท่าไหร่ครับ?
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: khin7710 ที่ พฤศจิกายน 16, 2017, 11:38:06
รถที่ไทยทำไมราคาแพง
หรือรถในประเทศแพง รถต่างประเทศถูก
ก็เอาราคารุ่น เครื่อง opt ที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุดมาเทียบค่าเงินกันเลยตรงๆ  เอาราคาขายมาเทียบตรงๆก็จะเห็นเองว่ารถแพงกว่าหรือไม่ ไม่ใช่หรือครับ

ทำไมถึงเอารายได้มาเทียบทำไม ค่าครองชีพ ไม่น่าเกี่ยว เพราะเรากำลังพูดถึงราคารถ คนรวยจนไม่เกี่ยว เราเทียบราคารถในประเทศ ต่างประเทศ

ส่วนจะพูดต่อว่าเพราะอะไรถึงแพง ถึงถูก ก็มีอะไรบ้างก็ว่าไป ภาษีหลากหลายที่ต้องเสียก่อน ไม่ใช่ภาษีรายปีหลังซื้อ ค่าการตลาด ค่าขนส่ง กำไรโรงงาน กำไรสาขา กำไรเซล....อื่นๆอีกมากมาย ทำให้รถที่ไทยแพง ... ......
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: XyteBlaster ที่ พฤศจิกายน 16, 2017, 22:52:41
คุยอีกมุมนะครับ

ค่าใช้จ่ายของบริษัท ที่ต้องเอามาคิดเป็นต้นทุน ซึ่งจะส่งผลไปยังราคาขายด้วย

นั่นก็คือ คนไทยเฉลี่ยจ่ายเงิน ให้คนญี่ปุ่น หรือฝรั่ง ที่เป็นทั้ง ผู้บริหาร วิศวกร R&D

รวมทั้งอะไหล่สำคัญบางชิ้นที่ต้องนำเข้า เช่น ecu ของบางรุ่นก็คือนำเข้าราคาญี่ปุ่น คิดจากค่าแรงคนญี่ปุ่น

กลายเป็นคนจนต้องเลี้ยงคนรายได้มากกว่า ต้นทุนหน้าโรงงานมันเลยแพงกว่าที่ควรจะเป็นด้วยส่วนหนึ่งครับ
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: CarameLon ที่ พฤศจิกายน 17, 2017, 11:20:31
เหมือนเคยเห็นกระทู้คุณพีทำไว้ ภาษีนำเข้ารถ ไทย VS ลาว
ซึ่งถ้ารถยนตร์ไม่ถูกจัดอยู่ในสินค้าฟุ่มเฟือย ราคาคงลงไปกว่านี้เยอะ
แต่ที่มันขัดแย้งคือ รถยนตร์ทุกวันนี้สำหรับผมมันไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย มันจำเป็นต้องมี
เพราะการคมนาคมไม่ครอบคลุม และผมมองว่าความปลอดภัยจากการบริการสาธารณะในไทยต่ำตมมากๆ
ไม่นับคนเมืองนะ พวกนั้นมีรถไฟฟ้า รถใต้ดิน และอื่นๆ
คุณกล้าฝากชีวิตคุณไว้กับไอ้ลุง ไอ้น้า มนุษย์ลุงป้า ที่ไหนไม่รู้ไหมหละครับ วันดีคืนดีพาคุณไปคว่ำเทกระจาด
หรือไม่หลับในพาข้ามเกาะกลางไปสวนประสานงารถพ่วง และอื่นๆอีกมากมาย
ถ้าคุณมีลูกจะกล้าให้เขานั่งรถตู้ไหม เมื่อคุณเลือกที่จะไปรับเขาเองได้

ที่รัฐกล้ายืนยันว่ารถยนตร์จัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยจนถึงทุกวันนี้ ผมคิดว่ามันยังไม่สุดทางหรอกครับ ประเทศอื่นเขามีโหดกว่าเราอีก
ถ้าเปรียบเทียบกับอังกฤษ ราคารถยนตร์ถูกกว่าบ้านเรา แต่ภาษีที่เกี่ยวกันหลังซื้อรถต่างๆ และค่าประกัน จะแพงมากๆ ค่าดูแลรักษา
มีภาษีมลพิษ ภาษีการเอารถเข้าไปวิ่งเขตพื้นที่ชั้นตัวเมือง และอื่นๆ
ที่อังกฤษทำได้เพราะเขามีคมนาคมที่ครอบคลุมและดีย์มาก
คนอังกฤษจึงเห็นว่าการมีรถยนตร์คือการเพิ่มภาระให้ตัวเอง เขาจึงเน้นใช้บริการที่รัฐจัดให้ เมืองไทยจะให้ได้แบบเขาก็ทำได้
แต่เราไม่ได้วางผังเมืองไว้เผื่อที่ดีเพียงพอ มันจึงทำให้มาทำทีหลังในยุคนี้ได้ยากมากๆ
คนที่โดนเวณคืนบ้าน เพื่อเอาไปสร้างถนนและรถไฟฟ้า ทางด่วน หรืออื่นๆ จึงรวมตัวประท้วงเรื่อยมาเพราะรัฐจ่ายต่ำมาก
กว่าคมนาคมไทยจะดีจริงๆจังๆ ชั่วชีวิตผมคงไม่ได้เห็น.
หัวข้อ: Re: เปิดประเด็นอีกรอบ กับรถที่ไทยทำไมราคาแพง
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ พฤศจิกายน 17, 2017, 11:25:07
ภาษีก็ส่วนภาษี กองใว้ตรงนั้น!!!      แต่ความจริง บริษัทเขาทำรถ ใครๆก้อยากมีกำไร ทั้งนั้น เลี้ยงคนเป็นพันๆ ค่าวิจัย พัฒนา ใครจะมาขายถูกๆ ดีๆ ให้คุณ กว่าจะทำรถมาได้สักรุ่น เสียทุนไปเท่าไหร่ มันก็ต้องเอากำไรคืนมา บริษัททำรถไม่ใช่ององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สักหน่อย ก้เห็นๆอยู่ องค์กรดูดกำไร ทั้งนั้น จะมานั่งบ่นกันทำไม ไม่ซื้อรถเขาก็ไม่ได้เอาปืนจี้คุณหนิ

+1